พวกพุทธภูมิทีนี่คือพวกเอาดีไม่ได้ใช่อ๊ะปะ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Jmind, 11 สิงหาคม 2013.

  1. Jmind

    Jmind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +756
    ตอบให้ก็ได้

    อ้างอิง:
    สิ่งที่พระโพธิสัตว์ทั้งหลายควรทำไว้ในใจให้มั่นคง

    ๓. มีพรหมวิหาร ๔ ประจำใจ คือ.
    - เมตตา มีความรักในคนและสัตว์เสมอด้วยตัวเราเอง.
    - กรุณา ช่วยเหลือคนหรือสัตว์ที่มีความทุกข์ยากลำบากให้มีความสุข ตามความสามารถที่เราจะทำได้.
    - มุทิตา ยินดีกับผู้อื่นเมื่อเขาได้ดี ไม่คิดอิจฉาริษยา.
    - อุเบกขา วางเฉยเมื่อเห็นคนและสัตว์มีความทุกข์ยากลำบาก แต่เราไม่สามารถช่วยอะไรได้.

    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ธัมมะสามี
    ..... ผมว่า น่าจะลงพรหมทัณฑ์มันบ้างนะครับ เผื่อเขาจะสำนึกได้บ้าง แต่ก็อย่างว่า ไอ้พวกบ้าดูพระ ดูสมเด็จ แต่ไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาหัวตัวเองเนี่ย มันๆๆน่า....?

    วะฮ่าฮ่า
     
  2. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781

    ..... แต่ผมอยากรู้อยู่เหมือนเดิมว่า คุณเกลียดชังพวกพุทธภูมิเพราะเหตุดังฤา ช่วยชี้แจงแถลงไขให้รู้แจ้งแก่ใจบ้างเถอะท่าน เรื่องราวมันเป็นมายังไง มีต้นสายปลายเหตุยังไง เขาทำคุณอกหักรักคุดขนาดว่า จะอาศัยอยู่ใต้ฟ้าร่วมโลกใบเดียวกันมิได้เลยเจียวหรือ อย่าอมพะงำเก็บเอาไว้แต่ในใจเลยเลย ระบายออกมาด้วยการพิมพ์คีย์บอร์ดก็ได้ มันคงไม่ถึงขนาดคอขาดบาดตายให้อภัยกันไม่ได้หรอก ลองๆใคร่ครวญทบทวนดูหน่อยนะครับ คนเรามันต้องคุยกันด้วยเหตุด้วยผล ถึงจะเข้าใจกัน เอาให้คนที่ถูกเกลียดรู้ตัวบ้าง เผื่อเขาจะได้แก้ตัวกลับใจเป็นคนดี ที่ผ่านมาถ้าผมว่ากล่าวหนักไปหน่อยก็ขออโหสิกรรมด้วย ขอบคุณครับ.
     
  3. Jmind

    Jmind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +756
    ผมไปบอกว่าเกลียดพุทธภูมิ ตั้งแต่เมื่อไรขอรับ ช่วยยกมาหน่อยซิขอรับ
    เพลียเจงๆเลย
     
  4. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +2,162
    มารออ่านคนที่เข้าใจเหตุผลจริงๆ ว่าทำไมคนแบบท่าน Jmind ถึงได้แสดงออกแบบนี้ แต่กลับไม่เคยมีใครพูดประเด็นนี้เลย ทั้งๆ ที่มันเป็นความจริงที่ไม่ต้องพุทธภูมิก็ต้องเจอแน่นอน

    ปัญหาต้นเหตุที่เห็นๆ เลยไม่ต้องฉลาดก็คิดได้คือ ไม่ว่าคุณจะดีจะเลวมาจากไหน ถ้ามาโพสตข้อความในอิเตอร์เน็ต มันไม่มีอะไรสามารถยืนยันในสิ่งที่เขียนลงไปได้ว่าเป็นเรื่องจริง ข้อพิสูจน์ต่างๆ ถึงแม้จะยกมามากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถจะทำให้สิ่งที่อ่านอย่างเดียว ไม่เคยพบ ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยรู้นิสัย จะสามารถน้อมใจเชื่อ แม้ไม่ต้องมาก เอาแค่พอจะเข้าใจ

    ผมถามพุทธภูมิด้วยกันนี่แหละครับว่า เอาใจตรงจุดไหนมาเชื่อมั่นว่ามันจริง ทั้งๆ ที่แม้แต่ในชีวิตเราเอง เราก็ไม่สามารถไปตัดสินใครได้ว่าเขาดี เขาเลว จริงใจ หรือหลอกลวง เพราะเรื่องพวกนี้มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

    และถึงแม้คิดในแง่ที่ดีที่สุดนะครับว่า สิ่งที่โพสตที่แสดงออกมาเป็นความจริงทุกประการ คนที่อ่านเขามีสิทธิ์จะสงสัยได้ จะไม่เชื่อก็ได้ มันก็ถูกต้องอยู่แล้วล่ะครับ เพียงแต่การแสดงออกของสิทธิ์ความเชื่อมันอีกเรื่อง อันนี้ผมไม่วิจารณ์

    สนามเล่นๆ อย่างในอินเตอร์เน็ตนี่มันเป็นชีวิตจริงขนาดย่อมๆ ถ้าแค่นี้เหล่าพุทธภูมิคิดไม่ได้ว่าจะวางใจอย่างไร ผมว่าก็ไม่สมควรจะเป็นพุทธภูมิจริงๆ
    ผมทำมาทั้งนั้นแหละครับ ทำดีเอาหน้าทำดีหวังผล แล้วไม่ใช่ทำน้อยๆ นะครับ สละตัวเองกันทั้งชีวิตป่นปี้กันเลยทีเดียว ขนาดทำให้คนเห็นขนาดนั้น เขายังว่าผมเลวได้เลย

    นับอะไรกับคนที่ไม่เห็นไม่รู้จักล่ะครับ ที่ท่าน Jmind พูดมาก็จริงของท่าน พุทธภูมิที่นี่คือพวกเอาดีไม่ได้ นี่แหละจริงที่สุด เพราะถ้าดีจริงๆ คงจะรู้แล้วว่าในนี้มันแค่หนังสืออ่านเล่นอย่างนึง มันไม่ใช่สนามจริงที่เราต้องลง
    ดังนั้น การประกาศความดีไม่ว่าจะเราหรือใครก็ตามมันไม่จำเป็นที่จะต้องมีแต่คนเห็นด้วย
    แต่สิ่งสำคัญคือ เรายอมรับในสิ่งที่คนไม่เห็นด้วยเขาเข้าใจได้อย่างวางใจได้ไหม
    ตัวนี้อุเบกขาธรรมของจริง ถ้าปัญญาไม่ถึงก็คงจะเข้าใจอย่างขาดเมตตาอย่างที่ท่าน Jmind บอกไว้จริงๆ นั่นแหละครับ
     
  5. scorpion03

    scorpion03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +816
    สวัสดีท่านทั้งหลาย

    ถ้าจะมองในแง่สร้างสรรค์แล้ว กระทู้นี้ก็ถือว่าดีเหมือนกันนะ เพราะจะได้เห็นได้รับรู้มุมมองในหลายแง่มุมเกี่ยวกับพุทธภูมินะ

    ตามความเข้าใจของผู้คนโดยส่วนใหญ่ จะเข้าใจกันว่า ท่านผู้ที่เดินในแนวทางแห่งพุทธภูมินั้น มีเป้าหมายในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้มนุษย์ และสัตว์ทั้งหลาย มีความเมตตา และกรุณา อย่างหาที่สุดมิได้

    ด้วยเหตุและผลนี้ ในบางครั้งบางคราว ที่บังเอิญได้ไปเห็น ได้ไปรับรู้มาว่า ผู้ที่เป็นพุทธภูมิ มีการดำเนินชีวิต หรือว่ากระทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม หรือบางทีก็ยากต่อการทำความเข้าใจ บางครั้ง อาจจะเห็นเป็นว่า อ้าว ! ไหงบอกว่าจะทำเพื่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย แต่กลับทำตัว เย่อหยิ่ง ยกตนข่มท่าน ใครเห็นด้วย ก็ว่าดีเป็นพวกด้วย ใครเห็นขัดแย้ง ก็ไม่เอาด้วย ทำตัวเป็นศัตรู ไปก็มี และอื่น ๆ อีกมากมาย สรุปความก็คือ มีพฤติกรรมเป็นไปในทาง ที่ไม่น่าจะเป็นผู้ที่จะมาโปรดสัตว์ ให้พ้นไปจากความทุกข์ยาก

    เราเข้าใจท่านเจ้าของกระทู้นะ ว่าท่านต้องการสื่ออะไรออกมา อันที่จริงมันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดานะ ท่านผู้ที่ตั้งใจมุ่งสู่พระโพธิญาน ท่านก็ยังเป็นปุถุชน คนธรรมดาอยู่ ยังตัดกิเลส และตัณหา ออกจากใจไม่ได้แบบเด็ดขาด อย่างพระอริยะเจ้าท่าน จะมีก็ ศีล สมาธิ และปัญญา ที่จะคอยกดคอ ข่มเจ้ากิเลสต่าง ๆ เอาไว้ ก็อาจจะข่มได้บ้าง ไม่ได้บ้าง มากน้อย ตามแต่บารมี หรือว่ากำลังใจของแต่ละบุคคล

    ถ้าท่านเจ้าของกระทู้พยายามทำความเข้าใจ ในส่วนนี้สักหน่อย ก็น่าจะพอยอมรับกันได้บ้าง ส่วนที่ว่าก็อาจจะมีบางท่าน ที่บอกออกมาว่าเป็นพุทธภูมิ แต่กลับทำตัวตรงกันข้าม เราคิดว่า ก็แล้วแต่คนนะ จะไปเหมารวมมันคงไม่เหมาะ บางท่าน แรก ๆ เป็นพุทธภูมิ ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นมารไปก็มี มันแล้วแต่ ไม่มีกฏเกณฑ์ตายตัว มันเป็นกรรมของแต่ละบุคคล

    ก็เลือกทำความเคารพ และบูชา แต่เฉพาะท่านที่เป็นพุทธภูมิ แท้ ก็ตั้งใจเป็นกลาง ๆ ไปเสีย ถ้าใครไม่แท้ ไม่ตรง ก็ตั้งใจข้ามไป ก็หมดเรื่อง อย่าไปเหมารวม ไม่สมควร เพราะคนดีก็ยังพอมีอยู่ แต่ก็แน่หละ คนที่อาจจะ หลงผิด คลาดเคลื่อนไปบ้าง ก็มีอยู่ ก็ต้องทำความเข้าใจ ให้อภัยกัน

    สรุปก็คือให้คิดถึงแต่สิ่งที่ดี ๆ นะ คิดถึงการบำเพ็ญบารมี ที่น่าเคารพบูชาของบรรดาพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย แต่ถ้าอาจจะมีบางคนที่ คลาดเคลื่อนไปบ้าง ก็ให้ข้ามไปเสีย เท่านี้ก็สบายใจกันได้แล้ว

    เราขอยืมสุภาษิตของฝรั่งเขามาใช้นะ " Do No Wrong is Do not things "
     
  6. scorpion03

    scorpion03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +816
    ขอต่ออีกนิดนะ

    ทีนี้เราจะขอพรรณนาถึงความยิ่งใหญ่แห่งพระโพธิญาน

    ถ้าย้อนกลับไปในสมัยที่สมเด็จองค์ปฐมท่านยังทรงบำเพ็ญบารมี มุ่งสู่พระโพธิญาน ในสมัยนั้นยังไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทางอุบัติขึ้นบนโลกชมพภูแห่งนี้เลย เมื่อยังไม่มีองค์สมเด็จพระชินศรี ก็แสดงว่ายังไม่มีพระอรหันต์เกิดขึ้นมาเลย แดนนิพพาน ในเวลานั้นก็ยังไม่มี

    ตราบเมื่อองค์ปฐมบรมพระโพธิสัตว์เจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ได้ทรงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาน ได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์แรกของโลก ในช่วงเวลานั้น แดนนิพพานจึงได้ถือกำเนิดขึ้นมา จะเห็นได้ว่าพระนิพพานเอง มีขึ้นมาได้ก็ด้วยพระบารมีแห่งสมเด็จองค์ปฐมท่าน

    ถ้าจะกล่าวกันแบบตรรกะวิทยา ก็คือ ถ้าหากปราศจากการอุบัติขึ้นของสมเด็จองค์ปฐมเสียแล้ว แดนนิพพาน ก็มิอาจเกิดขึ้นมาได้ จึงกล่าวได้ว่าพระบารมีของสมเด็จองค์ปฐมท่าน มีคุณอย่างอเนกอนันต์ ต่อบรรดาสรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย เป็นเพราะมีพระองค์เกิดขึ้น สรรพสัตว์ทั้งหลายถึงมีโอกาสได้เข้าสู่พระนิพพาน สามารถเข้าถึงความพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง

    หากไม่เช่นนั้นแล้ว สรรพสัตว์ทั้งหลาย ก็ต้อง เวียน ว่าย ตาย เกิด ในวัฏฏะสงสารแห่งนี้ กันไปตลอดกาล ไม่มีหนทางที่จะพ้นทุกข์ไปได้อย่างแน่นอน จวบจนสิ้นพระศาสนาของสมเด็จองค์ปฐมท่าน และถ้าหากปราศจากซึ่งเหล่าพุทธภูมิทั้งหลาย ที่ได้บำเพ็ญบารมีมาอย่างต่อเนื่อง ในอันที่จะนำพาสรรพสัตว์ ที่ยังไม่พ้นทุกข์ ให้พ้นทุกข์ตามกันไปแล้ว ก็จะไม่มีองค์สมเด็จพระประทีปแก้วพระองค์ต่อ ๆ มา

    ถ้าไม่มีองค์สมเด็จพระสวัสดิโสภาคพระองค์ต่อ ๆ มาจากสมเด็จองค์ปฐมท่านเสียแล้ว ท่านทั้งหลาย ก็จะไม่มีผู้ใดที่จะพ้นทุกข์ไปได้อีก เพราะว่าเมื่อสิ้นพระศาสนาของสมเด็จองค์ปฐมท่าน และพระอริยะสงฆ์ พระอริยะเจ้า ที่อยู่บนเทวโลก และพรหมโลก ก็ดี ต่างไปพระนิพพานกันหมดแล้ว และไม่มีพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีกันต่อเนื่องมาอีก เทวโลก พรหมโลก ก็ไม่มีพระอริยะเจ้าแล้ว ไปนิพพานกันหมด สรรพสัตว์ที่เวียน ว่ายกันอยู่ ทั้งสามโลก มนุษย์โลก เทวโลก และพรหมโลก ก็จะไม่มีใครมีกำลังใจมากเพียงพอที่จะบรรลุธรรมได้ แม้ว่าสมเด็จองค์ปฐมท่านจะทรงเสด็จลงมาโปรด ท่านทั้งหลายก็มิอาจจะบรรลุธรรมได้ ด้วยเพราะกำลังใจมีไม่เพียงพอ การสั่งสมบุญบารมี มีไม่เพียงพอ ขาดผู้นำ คือพระพุทธภูมิทั้งหลายนั่นเอง

    ทีนี้พอจะเข้าใจถึงความสำคัญ และความมีคุณค่าแห่งพระพุทธภูมิ หรือยัง แต่ก็จริงอยู่ มากคน ก็มากความ ก็อาจจะมีอยู่บ้าง ท่านผู้ปรารถนาพระโพธิญาน บางท่าน ก็อาจจะพลั้งเผลอ คลาดเคลื่อนไปบ้าง ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดานะ ก็ยังมีกิเลสกันอยู่นี่นะ ก็มีได้ทั้งทำความดี และทำความชั่ว คือมีได้ทั้งถูก และผิด ปะปนกันไป

    พระโพธิสัตว์ ก็เป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดา เหมือนอย่างเรา ๆ ท่านนี่แหละนะ เพียงแต่ว่าท่านมีความตั้งใจที่จะนำพาสรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย ให้พ้นทุกข์ ท่านยอมทนทุกข์ยากลำบาก อย่างแสนสาหัส ในการบำเพ็ญบารมี เพื่อพระโพธิญาน อันจะสามารถนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง

    ด้วยเหตุผลนี้ เราท่านทั้งหลาย ก็ควรที่จะให้ความเคารพบูชา ในความตั้งใจ ในการบำเพ็ญความดีของบรรดาพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย อย่าไปเลือก อย่าไปแบ่งว่า คนนี้ดี คนนี้ไม่ดี

    เพราะว่า ท่านจะรู้จริงได้อย่างไร ว่าภายในจิตใจของเหล่าพุทธภูมิทั้งหลายนั้นเป็นอย่างไร ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่า เขาเหล่านั้น ได้สั่งสมบุญญาบารมี มาแล้วมากน้อยเพียงไร ท่านมิอาจจะรู้ได้เลยนะ ตรงกันข้ามถ้าหากท่านไปเหมารวมเอาว่า พุทธภูมิ พวกนี้ สถานที่นี้ ไม่ดี แสดงว่าท่านประมาทเกินไปนะ ท่านอาจจะไปปรามาส เอาท่านผู้ทรงบุญญาธิการยิ่งใหญ่เข้าก็ได้

    ขอให้ท่านทั้งหลาย ตั้งใจเป็นกลาง ๆ เข้าไว้ จะเป็นการดีที่สุด เคารพบูชาในส่วนที่เป็นความดี ถ้าจะมีความไม่ดีอยู่บ้าง ก็ตั้งใจว่าให้ข้ามไปเสีย อย่างนี้ท่านจะพบแต่สิ่งที่ดี ๆ นะ ส่วนถ้าจะมีอะไรไม่ดี ท่านก็จะผ่านมันไป เพราะตั้งใจไว้แล้วนั้นเอง

    ความคิดความเห็นของท่านเจ้าของกระทู้ ก็จัดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีอะไรแปลก หรือว่าพิเศษอะไรเลยนะ เพียงแต่ว่าก็ควรจะปรับปรุงทัศนคติสักนิด ก็จะเป็นการดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  7. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ..... ถ้างั้นผมขอโทษที่ถามไม่ตรงประเด็น ขอถามท่าน Jmind ว่าทำไมถึงว่า " พวกพุทธภูมิที่นี่ คือ พวกเอาดีไม่ได้ใช่อ๊ะเปล่า " ครับ ผงก็ยังงงๆก็เห็นทุกคนเขาทำดีอยู่ อาจจะมีทำพลาดไปบ้าง ก็ยังถือว่า ทำดีมากกว่าเลว ก็ตามธรรมดาความผิดพลาดเป็นของมนุษย์นี่ครับ ผมแค่อยากรู้ต้นสายปลายเหตุก็แค่นั้นแหละครับท่าน ช่วยอธิบายพอให้พวกเนยยะอยากผมกระจ่างแจ้งแก่ใจด้วยเถิดครับ.
     
  8. Jmind

    Jmind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +756
    คำถามตรงตัวนะขอรับว่า เอาดีไม่ได้ใช่อ๊ะเปล่า
    เหมาถามหมดทุกคน ไม่ได้ด่าทุกคน บังเอิญว่ามีคนเอาดีไม่ได้ เลยไม่เอาดี เอาเลวเข้าตัวไงขอรับ ส่วนพวกที่เอาดีได้ก็ทราบความหมายที่ดีไงขอรับ กร๊าก ไงลึกซึ้งๆ
     
  9. Jmind

    Jmind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +756
    เอาบอกกงๆ ก็ได้ขอรับ ก็อยากจะรู้ว่า อยู่ดีๆ คนเราจะบอกว่าตัวเองเป็นพุทธภูมิ มันต้องมีสาเหตุ
    บางคนติดกิเลสมาก ไม่อยากนิพพาน ได้ยินได้ฟังมาว่ามีทางวิเศษก็เอาทางนั้น ไม่รู้หรอกว่าธรรมชาติของจิตใจพุทธภูมิต้องเป็นอย่างไร นิสัยตนเองออกจะไปทางเกกมะเหรกเกเร เสียด้วยซ้ำ
    บางคนก็บ้าทำบุญให้วัดไม่ลืมหูลืมตา แล้วบอกว่าตัวเองนี้เป็นพุทธภูมิ แต่แท้จริงตัวเองนั้นแหละโลภบุญมากกว่า ตัวเองหลอกตัวเองก็มี ว่าทำเพื่อคนอื่น พอควานหาจริงๆแล้วทุกอย่างทำเพื่อตนเอง

    แต่บางคนก็มีเนื้อแท้คือ เห็นใจสัตว์โลก ซึ่ง คนที่เห็นใจสัตว์โลกนี้มีมากมาย ไม่จำเป็นต้องมาประกาศว่าข้านี้พุทธภูมิ ดูตัวอย่างจาก พวกฝรั่งที่ตั้งมูลนิธิช่วยเหลือเพื่อมนุษย์ ช่วยเหลือสัตว์ บางพวกก็ค้นคว้าหาวิชาความรู้แก้ป่วยแก้ไข้ เอามาเผื่อแผ่คนอื่น บางคนก็เป็นหมอช่วยเหลือคน นี่ธรรมชาติของเขามีในเนื้อแท้ และที่สำคัญ คนพวกนี้มีจิตใจเมตตาสูงนะขอรับ
    นี่ไง จึงถามว่า เป็นพวกเอาดีไม่ได้ กิเลสมาก เลยอยากเป็นพุทธภูมิ รึว่า มีเนื้อแท้ รึอย่างไร
    รู้จักตัวเองกันมากพอรึยังขอรับ
     
  10. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ..... ลึกซึ้งกินใจครับ ที่ท่านว่ามามันก็ถูก ถ้าอย่างนั้นผมพอจะเข้าใจแล้ว ขอบคุณครับ
     
  11. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    ฮ่า ๆ ๆ ๆ เธอพูดเหมือนตัวเองนี่แหล่ะใช่ ? ข้านี่แหล่ะรู้จริง
    มันไม่สำคัญหรอกว่าคนอื่นจะทำอะไร แกน่ะทำอะไรบ้างฮึ ? หรืออยู่รอตายไปวัน ๆ ?
    พูดจาซะใหญ่โตทั้ง ๆ ที่ เธอก็ทำไม่ได้ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
    ถ้าเธอรู้มากขนาดนี้แล้วทำไม ? . . . .
    ถึงมาท้าคนอื่นล่ะ ? แต่พอเจอท้าให้ทำจริง ๆ มีข้ออ้างเยอะจังเลยนะ ?
    เธอนี่ก็เกือบเหมือนจะรู้จริง แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ออกไป ข้าง ๆ คู ๆ เรื่องให้ฟุ้งนี่ ไม่ต้องรอเลยเชียว
    ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ
    รู้มากยากนาน รู้น้อยพลอยรำคาญ รู้ฟุ้ง รู้โม้ นี่ คล่องอารมณ์แท้ ๆ
    ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ

    คนไม่จริงอย่างเธอ ก็คงมีข้ออ้างไปเรื่อย ใครมาพูดก็วางท่าวางภูมิว่ารู้เยอะ เท่มาก . . .
    ไอ้ที่บอกว่าจะจัดอะไรสักอย่างนี่ ไม่รู้แกล้งลืมรึไง นั่งดูอยู่เนี่ย เมื่อไหร่จะจัด . . .
    ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
     
  12. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    ไอ้ที่เธอว่ามาเนี่ยนะ มันตรง แต่ มันไม่ถูก ถ้าคนมันไม่มีกิเลส ก็ไม่โผล่มาเกิดกันหรอก
    ถ้าอยากเตือนสติ คนอื่น ขอถามนะ เตือนตัวเองได้รึยัง ? สอนตัวเองดีรึยัง ?
    รู้จักชีวิต รู้จักโลก รู้จักธรรม จากอะไร ? จากทำจริง หรือจาก ความจำได้ ?
    ดูทีวี ดูละคร ดูชีวิตชาวบ้าน ดูทุกอย่าง แล้ว ดูใจตัวเองได้แค่ไหน ทำได้แค่ไหนแล้ว ?

    คนที่เขาประกาศ มันก็เรื่องของเขา คนที่ไม่ประกาศ ก็เรื่องของเขาอีก มันต้องมีเหตุอยู่แล้ว สำหรับการกระทำแบบนั้น
    ประกาศก็ดี ถ้าทำจริง ก็ยิ่งดีอีก
    ไม่ประกาศ แต่ก็ทำไปเรื่อย ๆ ก็ดีอีก
    ไอ้ที่ว่าเอาดีไม่ได้น่ะ มันก็แน่นอน ถ้าเอาดีได้ คงเข้านิพพานไปแล้ว
    ก็เลย มาอยู่รอให้ Jmind จัดอยู่นี่ไง . . .
    ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
     
  13. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..ปากดีจิง ๆ ผิดแล้วยังไม่ยอมรับผิด โบ๊ยไปโน้นไปนี้..
     
  14. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..วัว ควาย สัตว์เดรัจฉาน เอามาฝึก พูดบอก ให้มันเชื่อฟัง มันยังฟังและฝึกได้..
    นี่มันคนแท้ๆ
     
  15. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..คนคิดเป็นขโมย เป็นโจร เป็นผู้ร้าย ทำไมไม่ไปถามมัน เอาดีไม่ได้แล้วใช่ไหมจึงมาเป็นโจรผู้ร้าย..
    คนเค้าคิดดี ทำดี ยังจะมาปรามาสเค้า มันใช้ได้หรือ? บาปกรรมแท้
     
  16. scorpion03

    scorpion03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +816
    สวัสดีท่านทั้งหลาย

    วันนี้จะขอเล่าเรื่องที่ไม่ค่อยจะมีใครพูดถึง ให้ท่านทั้งหลายได้ฟัง (ได้อ่านซินะ)

    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมจะต้องมีจุดเริ่มต้นเสมอ ดวงจิตก็มีจุดกำเนิดที่ว่าเกิดจากอนูเล็กที่มีความรู้ รวมตัวกัน แล้วจะไม่สลายตัว ก็คือเราท่านทั้งหลายนี่แหละ ทีนี้ถ้าจะคิดคล้าย ๆ กับคำถามที่ว่าไก่ กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน ส่วนใหญ่ก็จะว่าเป็นปัญหาโลกแตก หาคำตอบไม่ได้ อันที่จริงก็พอจะมีคำตอบอยู่นะ

    แต่ก็ต้องขอออกตัวก่อนนะ เราเล่าตามความรู้ความรู้สึกที่ได้รับรู้มา ส่วนจะว่าตรงตามความเป็นจริงหรือเปล่านั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณา และการใช้วิจารณญาณของแต่ละบุคคล

    เมื่อดวงจิตถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว ก็มีสภาพเป็นรูปร่างแบบเราท่านทั้งหลายนี่แหละ แต่ยังไม่ใช่มนุษย์ มีความเป็นทิพย์ คือยังมีความบริสุทธิ์มากอยู่ อยู่ด้วยธรรมปิติ มีวิมารทิพย์อาศัยอยู่ เป็นธรรมชาติของภพภูมิของดวงจิตที่ถือกำเนิดขึ้นในครั้งแรก ก็อย่างที่บอกดวงจิตมาจากอนูเล็ก ๆ ที่เป็นตัวรู้ คือมีความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ได้ มารวมตัวกัน ถ้าจะถามว่าทำไม่ต้องมารวมตัวกัน ก็ธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น เหมือนเช่นที่ว่าทำไมน้ำถึงเย็น ก็เป็นธรรมชาติของธาตุน้ำ คือธรรมชาติ หรือความเป็นจริง มันมีคำอธิบายในตัวของมันเอง อย่าคิดเกินเลยไป จะทำให้สติแตกเปล่า ๆ

    ท่านทั้งหลายเคยสงสัยไหมว่า ทำไม่ตัวท่านซึ่งก็คือจิตใจของท่าน มันถึงได้คิดนั่นคิดนี่ ได้ต่าง ๆ นานา นั่นแหละ ก็เพราะตัวของทุก ๆ ท่านเกิดจากการรวมตัวของเจ้าอนูเล็กที่ว่านั่นเอง จะไปสงสัยอะไรให้มากในเมื่อมันก็เป็นตัวของท่านเองนั่นแหละนะ วิมารของดวงจิตทั้งหลาย จะเรียกว่าเป็นพรหมก็ได้นะ ในตอนแรกมีสภาพที่ดีมาก เป็นพรหมกันหมด เห็นไหมว่า ทุกท่าน มีต้นกำเนิดที่ประเสริฐมากเลยนะ เคยเป็นพรหมกันมาแล้วทุกคน เพียงแต่ว่า ท่านจำกันไม่ได้เท่านั้น

    ถ้าท่านผู้ใดมีความรู้พิเศษ ได้ญานแปด ก็ลองย้อนอดีตของตัวท่านเองกลับไปดูก็ได้นะ

    ในช่วงเวลาที่ก่อนจะมีการถือกำเนิดของดวงจิต จักรวาล หรือว่าอวกาศ ก็มีสภาพเวิ้งว้าง มีเพียงดวงดาวต่าง ๆ มีสายลม มีเทหวัตถุต่าง ๆ ล่องลอยกันอยู่ในอวกาศ ยังไม่มีพรหมโลก เทวโลก มนุษย์โลก สัตวเดรัจฉาน เปรต อสุรกาย และนรกภูมิ จะเห็นได้ว่าก่อนที่ดวงจิตจะถือกำเนิดขึ้นมานั้น ยังไม่มีภพภูมิอะไรเลยนะ มีแต่จักรวาล ที่เต็มไปด้วยหมู่ดวงดาว ความว่างเปล่า และสายลมพัดไปมาในจักรวาล

    เมื่อดวงจิตได้ถือกำเนิดขึ้นมา อำนาจแห่งดวงจิต ซึ่งก็คืออำนาจของกรรม เพราะว่าอนูเล็ก ๆ มีความรู้สึกนึกคิด มันก็คิดและเรียนรู้ของมันมาอยู่อย่างนั้น มาตลอดอยู่แล้ว มีความรู้ในสิ่งต่าง ๆ อยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้รวมตัวกันเป็นดวงจิตเท่านั้น จะเห็นได้ว่าธรรมชาติเป็นสิ่งน่าอัศจรรย์นะ แต่ก็เป็นความจริงที่มีอยู่ พอมีดวงจิต ซึ่งก็คือตัวตนของท่านทั้งหลายนั่นแหละ ที่อยู่ในสภาพของพรหม วิมารก็เกิด พรหมโลก ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมานับแต่บัดนั้น

    ก็อย่างที่บอก ก็ดวงจิตมันคิด มันเรียนรู้อยากรู้อยากเห็น สิ่งนั่นสิ่งนี้ไม่มีวันหยุด อยู่ไปนานเข้า ก็คงชักจะเบื่อ ไม่มีอะไร ทรงฌานสงบนิ่ง เป็นพรหมอยู่ในพรหมโลก นานแสนนาน มีธรรมปิติ คือทรงฌานสมาบัติอยู่ มันนิ่ง ก็เลยเบื่อ ทีนี้พรหมทั้งหลาย ก็เริ่มคิดที่จะท่องเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ในวิมารที่ตนเองอาศัยอยู่แล้ว ท่องไปในจักรวาล ไปง่ายนี่นึกจะไปก็ไปได้เลย ลอยไปเลย เพราะมีสภาพที่เป็นทิพย์ เที่ยวไป เที่ยวมา ก็มาเจอกับโลกที่เป็นโลกมนุษย์ในปัจจุบันเข้า

    แน่นอนหละ สภาพของโลกในช่วงต้นยุค คือยุคแรกเริ่มที่ยังไม่มีมนุษย์เกิดขึ้นมาเลยนั้น ย่อมที่จะไม่เหมือนโลกในปัจจุบันนี้เป็นแน่ ทุกอย่างต้องมีเหตุก่อน ถึงจะมีผลตามมา เมื่อบรรดาพรหมทั้งหลาย ที่อยู่ไม่สุข อยู่พรหมโลกสบาย ๆ ไม่ชอบ ก็เที่ยวมาถึงโลก เห็นโลกมีสภาพที่ต่างไปจากที่ที่เคยอยู่ สภาพที่เคยอยู่นั้นไม่ต้องกินอาหารแต่อย่างใด อยู่แบบธรรมปิติ คือทรงฌานสมาบัติ อิ่มทิพย์ ไม่ต้องกินอาหาร แต่ก็อย่างว่า คนเราบางทีมันสบายเกินไป ก็เบื่อ นี่จิตใจของคนเรามันเป็นอย่างนี้ มันคอยแต่หาเรื่องใส่ตัว มาแต่ไหน แต่ไรแล้ว

    มาเห็นโลกแปลกตาไป มีสารที่เป็นอาหารต่าง ๆ แร่ธาตุต่าง ๆ บนโลก อยู่ในสภาพที่รับประทานได้ มาถึงตรงนี้จะมีคำถามแล้วแหละนะ อ้าวก็พรหมมีสภาพเป็นทิพย์ แล้วจะมีกายเนื้อที่ไหนมากินอาหารได้เล่า มันขัดแย้งกันนี่นา

    คือมันเป็นอย่างนี้ บรรดาพรหมที่ซุกซนทั้งหลาย เมื่อเที่ยวมาถึงโลกแล้ว เห็นสารอาหารต่าง ๆ ล่องลอย อยู่เหนือผืนน้ำ เข้าใจว่าสารอาหารที่ว่านี่คงอยู่ในสภาพของของเหลวนะ อาจจะเป็นคล้ายเนยที่ละลาย หรือว่าปนกับนม อย่าคิดมากเกินไป ก็บอกไปแล้วสภาพของโลกในยุคแรกจริง ๆ นั้น ต่างจากปัจจุบัน อย่าเอามาเทียบเคียงกัน จะงง ถ้าจะคิดนะ เนยก็ดี น้ำนมก็มี มาจากตัวของสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นวัว แพะ ร่างกายของวัว และ แพะ นั้นก็มาจากอาหารที่กินเข้าไป คือหญ้า และอื่นๆ ซึ่งก็มาจากดินนั่นเอง เห็นไหมทุกอย่างมีที่มาที่ไป ถ้าพิจารณาให้ดี

    เมื่อพรหมเหล่านั้นเกิดความอยากขึ้นในใจ ก็เลยไปคว้าเอาเจ้าสารอาหารที่ว่า ที่มีสภาพคล้ายเนยใส มากิน เมื่อใจมีความอยาก สภาพของอาทิศมานกาย หรือว่ากายทิพย์ (กายในกาย) ก็จะหยาบขึ้นไปตามสภาพของจิตใจ หยาบจนสามารถจับต้อง เนยใสที่ว่านี้ได้ เมื่อได้ลิ้มรส อันหอมหวาน อร่อย ความซาบซ่านก็เกิดขึ้นในใจ ในนามธรรม ขั้นตอนของวิวัฒนาการ ของการถือกำเนิด ก่อร่างขึ้นเป็นร่างกายของมนุษย์ในยุคแรก จึงได้เริ่มต้นขึ้น ก่อร่างขึ้นเป็นอวัยวะทั้ง 32 ประการนี่แหละ มันเป็นวิวัฒนาการแบบนี้ ความอยากของดวงจิตของพรหม มารวมกันกับสารอาหารที่บริสุทธิ์ และมีคุณค่าสูงมาก ทำให้เกิดวิวัฒนาการ การก่อกำเนิดเป็นร่างกายของมนุษย์ ได้อย่างรวดเร็ว คือเกิดขึ้นมาเองเลย โดยไม่ต้องไปอาศัยครรภ์ของมารดาแต่อย่างใด อย่างนี้เรียกว่า การถือกำเนิดขึ้นมาด้วยตัวเอง (แบบโอปาติกะ)

    เห็นไหม เพราะความอยากกิน แท้ ๆ ภพชาติของความเป็นมนุษย์ จึงถือกำเนิดขึ้นนับแต่บัดนั้น และก็ต้องทนทุกข์ ทรมาน เพราะความเกิด แก่ เจ็บ และตาย กันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เรียกว่าวัฏฏะสงสาร ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2013
  17. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    กลับก่อนละนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 สิงหาคม 2013
  18. scorpion03

    scorpion03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +816
    ขอต่ออีกหน่อยนะ

    เมื่อดวงจิตทั้งหลายมีความอยากมากขึ้น ถูกความโลภ ความโกรธ และความหลงเข้าครอบงำจิตใจมากขึ้น ภพภูมิต่าง ๆ ก็ถือกำเนิดขึ้ตามมา เกิดตามอำนาจแห่งกรรม ทั้งกรรมดี และกรรมชั่ว เกิดเป็นสุขคติภูมิ และทุกขคติภูม นับแต่นั้นมา

    สรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย ต่างก็ต้องทนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ในวัฏฏะสงสารนับแต่บัดนั้นมา เรื่อย ๆ มานานแสนนาน จนจำเวลาแทบไม่ได้ว่านานสักเท่าใด

    จวบจนได้มีเอกบุรุษ ผู้ซึ่งมีความคิด มีแรงบันดาลใจ ที่แตกต่างไปจากผู้คนทั่วไป ที่หลงเวียนว่ายกันอยู่ เอกบุรุษผู้นี้ เกิดมีความคิดว่า ทำไม่คนเราถึงต้องมาทนทุกข์ทรมานกันอยู่นะ ทำไมต้องมาเสียใจ ทุกข์ใจ จากการเกิด แก่ เจ็บ และตาย กันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแบบนี้นะ เมื่อท่านคิดได้อย่างนี้แล้ว ท่านก็เกิดมานะขึ้นในใจว่า มันจะต้องมีหนทางใดหนทางหนึ่ง ที่จะสามารถนำพาช่วยเหลือ สรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้พ้นไปเสียจากความทุกข์ยาก เศร้าโศกนี้ได้

    เอกบุรุษที่กล่าวมานี้ ก็คือสมเด็จองค์ปฐมของเรานั่นเอง ในสมัยที่ท่านยังเป็นมานพหมุ่ม ที่มีความคิดริเริ่ม ในการแสวงหาหนทางพ้นทุกข์ให้กับมวลสรรพสัตว์ทั้งหลาย ในเวลานั้นยังไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้น แดนนิพพาน ยังไม่มี หนทางพ้นทุกข์เป็นอย่างไร ยังไม่มีใครรู้ได้ แต่พระองค์ท่านก็ทรงมีพระดำริขึ้นในพระทัยของพระองค์ ณ ช่วงเวลานั้น

    แนวคิด และแรงบันดาลใจแบบนี้แหละท่านทั้งหลาย ที่เป็นต้นแบบแห่งพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย สืบ ๆ กันมาจนทุกวันนี้ และตลอดไป ด้วยแรงบันดาลใจที่ต้องการช่วยเหลือเหล่าสัตว์ผู้ยากทั้งหลาย โดยไม่เห็นแกเหน็ดแก่เหนื่อย ยอมทุกข์ทนยากลำบากอย่างแสนสาหัส มากว่าผู้ใดในโลก และต้องใช้ระยะเวลาในการเสาะแสวงหา สัจจะธรรม แสวงหาพระโพธิญาน นานแสนนาน อย่างไม่มีกำหนด เพราะไม่มีต้นแบบใด ๆ เลยนะ

    กำลังใจของพระองค์ท่านแบบนี้ คิดขึ้นมาทีไร บอกตามตรงเรากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริง ๆ พิมพ์ไป ก็น้ำตาคลอเบ้าไป มันตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่อาจที่จะบรรยาย ถึงความรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณ ความตื้นตันใจในความดี ความเสียสละของพระองค์ท่าน รู้เพียงว่า จิตวิญญาน แห่งเราหิงห้อยตัวน้อยนี้ มอบให้กับพระองค์แล้ว และก็ขอเป็นข้ารองพระบาท องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุธเจ้า สมเด็จองค์ปฐมท่าน อย่างเสมอมา และตลอดไป และเช่นเดียวกัน เราก็ขอเป็นข้ารองพระบาทต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุก ๆ พระองค์ด้วยเช่นกัน

    ด้วยชีวิต และจิตใจแห่งเรานี้ ยอมพลีทุกอย่างได้เพื่อพระพุทธองค์
     
  19. scorpion03

    scorpion03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +816
    เขียนต่อนะ

    ที่เราได้เขียนเรื่องราวแห่งการบำเพ็ญบารมีขององค์ปฐมบรมโพธิสัตว์เจ้า สมเด็จองค์ปฐม เพื่อเป็นต้นแบบให้ท่านทั้งหลายได้รับรู้ เช่นเดียวกัน ท่านผู้ที่ตั้งใจมุ่งสู่พุทธภูมิ บำเพ็ญบารมีด้วยความทุกข์ยากลำบาก อย่างแสนจะยาวนาน ก็ด้วยมูลเหตุแห่งความตั้งใจ และมีแรงบันดาลใจ ที่อยู่ในแนวทางเดียวกันกับสมเด็จองค์ปฐม ตลอดจนเช่นเดียวกันกับองค์สมเด็จพระชินศรี ทุก ๆ พระองค์สืบ ๆ กันมา

    น้ำใจของท่านผู้ที่ปรารถนาพระโพธิญานนั้น ยิ่งใหญ่และกว้างไกล และการบำเพ็ญบารมี ก็ยาวนาน และหลากหลายรูปแบบ ไม่เหมือนกัน คือต้องผ่านในทุก ๆ เรื่องราว ทั้งดี และชั่ว ผ่านหมด บ่อยครั้งที่บางท่าน ก็อาจจะไม่เข้าใจในแนวทาง แต่ขอให้พิจารณาให้ดีนะ ท่านที่มุ่งสู่พุทธภูมินั้น มีความตั้งใจดีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างเที่ยงแท้ และแน่นอน ฉะนั้น อาจจะมีบ้างที่ไปได้รับรู้ได้เห็น ท่านผู้ที่แสดงออกมาว่าเป็นพุทธภูมิ แต่ทำไมบางทีการกระทำ ดูไม่ค่อยจะเข้าที่เข้าทางสักเท่าไร ขอท่านทั้งหลายอย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าอะไรดี หรือว่าไม่ดี พุทธภูมิ มีความละเอียดอ่อน เป็นอย่างมาก หลายสิ่งหลายอย่างที่เหล่าพุทธภูมิ ได้กระทำลงไป บางทีก็ยากที่จะทำความเข้าใจนะ

    ท่านทั้งหลายได้โปรดพิจารณาดูนะ การช่วยเหลือสรรพสัตว์ ทั่วทั้งโลกใบนี้ มันน้อยอยู่เมื่อไร ทั้งโลกนะ เพราะว่าพุทธภูมิเข้าต้องมีความเมตตา โดยไม่มีประมาณ เมตตา ไม่มีที่สิ้นสุดกันเลยแหละ และก็ไม่ใช่แค่โลกนี้นะ เทวโลก พรหมโลก อบายภูมิทั้งสี่ พุทธภูมิเขาก็มีหน้าที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือดูแลทั้งหมด คือกำลังใจของเขาตั้งอยู่แบบนี้จริง ๆ คือเมตตา ไม่มีประมาณ

    ส่วนพระพุทธภูมิ แต่ละท่าน จะมีการแสดงออกให้เห็น มากน้อย อย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับกำลังใจของแต่ละท่าน ไม่เท่ากันนะ เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ ระยะเวลาที่บำเพ็ญบารมีมา ก็ยาวนาน ไม่เท่ากัน

    สรุปก็คือ ไม่ควรที่จะไปดูหมิ่นซึ่งน้ำใจ และความตั้งใจของท่านผู้ที่ปรารถนาพระโพธิญานนะ เพราะเท่ากับว่าท่านกำลังดูหมิ่นน้ำใจของพ่อตนเองนะ ที่เรากล่าวอย่างนี้ เพราะเหตุที่ว่าพุทธภูมิทุกท่าน มีความคิดความเมตตา ต่อสรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย เหมือนกับว่าเป็นลูกในใส้ของตนเอง ท่านจะไม่สงสารพ่อผู้ซึ่ง ทนทุกข์ได้ทุกอย่างเพื่อลูก ๆ ทั้งหลาย พ่อผู้ซึ่งต้องตกระกำลำบากอย่างแสนสาหัสเพียงเพื่อให้ลูกได้สุขสบาย พ่อผู้ซึ่งไม่ยอมจากไปไหน แม้นว่าจะพอไปได้ (พระนิพพาน) ก็ยังไม่ยอมไป ยอมทนทุกข์ไปกับการ เกิด แก่ เจ็บ และตาย อีกนานแสนนาน

    เพียงเพื่อให้ลูก ๆ ทั้งหลาย สรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย ได้มีความสุข
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2013
  20. Jmind

    Jmind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +756
    ท่าทางจะสติสตังไม่ดีนะขอรับ นี่มันกระทู้พุทธภูมิ ใครเขามีคำถามอะไรเกี่ยวกับพุทธภูมิก็เอามาตั้งกระทู้ถามในห้องนี้ จะให้ไปถามขโมยโจรผู้ร้าย ถ้ามันมีเว็บไซต์โจรผู้ร้ายมาอ่าน หรือ มีห้องกระทู้เฉพาะขโมยโจรผู้ร้ายก็ว่าจะไปตั้งกระทู้ถามมันเหมือนกันนะขอรับ กะผมว่าผมเข้าไม่ผิดห้องเนาะ

    แล้วคนคิดดีทำดี ยังจะมาปรามาสเค้่า นี่คุณประสาทเสื่อมหรือเปล่าครับ
    เข้่ามาถามปกติ ไปปรามาสตรงไหนแว้
    มีแต่บรรดาพุทธภูมิที่ มาถามหาคุกกับผม มาโชว์ตีหมาให้ผมดู
    แล้วก็พวกสติสตังค์เลอะเลือนๆอย่างคุณนี่เท่านั้นหละครับ ที่ผมเตือนสติไป
    นี่ผมทำบุญมอบธรรมะ ให้พวกเพ่ๆ ยังจะมาบอกว่าผมปรามาสอะไรกันวะเนี่ยะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...