หลวงปู่วัดสระเกศมรณภาพแล้ว

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Komodo, 10 สิงหาคม 2013.

  1. rt5038

    rt5038 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +2,612
    กราบนอบน้อมนมัสการ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ที่เคารพยิ่ง

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

    ระตะนัตตะเย ปะมาเทนะ ทวาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต
    ระตะนัตตะเย ปะมาเทนะ ทวาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต
    ระตะนัตตะเย ปะมาเทนะ ทวาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต

    มหาเถเร ปะมาเทนะ ทวาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต
    มหาเถเร ปะมาเทนะ ทวาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต
    มหาเถเร ปะมาเทนะ ทวาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต

    กรรมใดที่ลูกได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อหลวงปู่ทั้ง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทั้งที่ระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยทางกาย หรือวาจาก็ดีหรือ ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดีหรือไม่เจนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอหลวงปู่ได้โปรดเมตตาประทานงดโทษให้แก่ข้าพเจ้านับจากนี้เป็นต้นไปเทอญ
    ข้าพเจ้าขอกราบนมัสการน้อมส่ง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานตามแนวทางคำสอนแห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ธรรมใดที่หลวงปู่รู้แจ้งประจักษ์ใจแล้ว ขอให้ข้าพเจ้าได้มีส่วนแห่งการรู้แจ้งประจักษ์ในธรรมนั้นด้วยเช่นกันเทอญ
    ขอแสดงมุทิตาจิตอาลัยต่อการจากไปของท่านอริยสงฆ์.
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    น้อมกราบหลวงปู่สู่พระนิพพาน

    กราบขอขมาต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์หากลูกได้ล่วงเกินทั้งทางกาย วาจา ใจ
     
  3. daowdeaw

    daowdeaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2013
    โพสต์:
    537
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ขอกราบส่งดวงวิญญาณท่านสู่นิพพานด้วยค่ะ
     
  4. aumking

    aumking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +814
    ขอกราบน้อมส่งท่านเจ้าพระคุณสมเด็จ สู่พระนิพพาน
    ขอกรรมอันใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำอันมิบังควรแก่ท่านสมเด็จ ขอท่านได้โปรดเมตตาอภัยให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จในธรรมนั้น ดั่งท่านผู้เป็นครูบาอาจรย์ด้วยเทอญ
     
  5. นิลศิลป์

    นิลศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,665
    นำประวัติหลวงพ่อสมเด็จ และคุณความดีของท่านมาลงให้ทราบเพิ่มเติมอีกทีครับ

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ เกิดเมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2471 ณ บ้านเฉวง ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดภูเขาทอง อำเภอเกาะสมุย ได้อุปสมบทที่วัดสระเกศ เมื่อปี พ.ศ. 2492

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 9 และเป็นเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เมื่อปี พ.ศ. 2508 เมื่อปี พ.ศ. 2516 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานแต่งตั้งเป็น รองสมเด็จพระราชาคณะ ที่ พระพรหมคุณาภรณ์ และเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม เมื่อปี พ.ศ. 2533 สมเด็จพระพุฒาจารย์ ได้เลื่อนเป็น สมเด็จพระราชาคณะ ที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ในปี พ.ศ. 2540 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการฝ่ายเผยแผ่พระพุทธศาสนามหาเถรสมาคม

    เนื่องจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกมีพระอาการประชวร และเสด็จเข้าประทับรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2545 ทำให้เข้าร่วมงานพระศาสนาไม่สะดวก มหาเถรสมาคม จึงได้แต่งตั้งให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ในต้นปี พ.ศ. 2547 ต่อมาการแต่งตั้งนั้นได้สิ้นสุดลงเพราะครบระยะเวลาที่กำหนด มหาเถรสมาคมจึงมีมติให้แต่งตั้ง คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เพื่อบริหารกิจการคณะสงฆ์แทนสมเด็จพระญาณสังวรฯ โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ในฐานะมีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ในขณะนั้นทำหน้าที่เป็นประธาน


    พระผู้เปิดวิสัยทัศน์ธรรมสู่วิสัยทัศน์โลก

    สมเด็จพระพุฒาจารย์เป็นหนึ่งในพระมหาเถระผู้มุ่งมั่นที่จะเห็นพระพุทธศาสนามีความมั่นคงอยู่บนผืนแผ่นดินไทย และแผ่ไพศาลไปเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ชาวโลกโดยในส่วนงานพระพุทธศาสนาในต่างประเทศ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ออกเดินทางไปต่างประเทศทั่วทุกมุมโลก เพื่อหาแนวทางที่จะให้มีวัดเกิดขึ้นในประเทศนั้นๆ อันมีแรงบันดาลใจมาจากสมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทยมหาเถร) ผู้เป็นพระอาจารย์เนื่องจากวัดสระเกศนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานพระพุทธศาสนาต่างประเทศมาตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์มีพระราชดำริที่จะให้มีการฟื้นฟูพระศาสนาให้ตรงตามแบบเดิม จึงได้คัดเลือกพระที่จะไปสืบศาสนาที่ประเทศศรีลังกา และคัดเลือกได้พระอาจารย์ดีกับพระอาจารย์เทพจากวัดสระเกศ 2 รูป

    ภายหลังเมื่อพระอาจารย์ดีกับพระอาจารย์เทพกลับมาจากลังกา ได้นำหน่อต้นโพธิ์มาด้วย 3 หน่อ รัชกาลที่ 2 ทรงให้ปลูกไว้ที่วัดสระเกศต้นหนึ่ง ที่วัดสุทัศน์ต้นหนึ่ง และที่วัดมหาธาตุต้นหนึ่ง

    ในปี พ.ศ. 2515 สมเด็จพระพุฒาจารย์ได้รับนิมนต์จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาให้ไปสังเกตการณ์การศึกษาพระพุทธศาสนาในมหาวิทยาลัยต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา เป็นเหตุให้เห็นหนทางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และในโอกาสต่อมาก็ได้เริ่มวางรากฐานพระพุทธศาสนาในอเมริกา โดยอาศัยสมาคมชาวไทยต่างๆ เช่น สมาคมชาวไทยอีสาน สมาคมชาวไทยเหนือ และสมาคมชาวไทยทักษิณ ตลอดจนนักศึกษาในอเมริกา เพื่อหาวิธีการที่จะสร้างวัดไทยในสหรัฐอเมริกาให้ได้

    ภายหลังการวางรากฐานพระพุทธศาสนาในอเมริกาบรรลุผลสำเร็จ เจ้าประคุณสมเด็จจึงได้เปลี่ยนเส้นทางการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไปสังเกตการณ์พระศาสนาในยุโรป

    สำหรับทางยุโรป โดยเฉพาะประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย เป็นดินแดนที่ไม่น่าจะมีพระสงฆ์สามารถไปสร้างวัดไทยได้ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศและสภาพภูมิอากาศค่อนข้างเหน็บหนาว ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะเกือบตลอดทั้งปี

    สมเด็จฯ ได้ยึดเอาประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศแรก และเป็นจุดเริ่มต้นในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในแถบสแกนดิเนเวีย โดยมีความเชื่อมั่นว่า แม้สภาพภูมิอากาศประเทศในแถบสแกนดิเนเวียจะหนาวเกือบตลอดทั้งปี แต่สภาพจิตใจของคนในแถบนี้กลับอ่อนโยน จึงเกิดความเชื่อมั่นว่า พระพุทธศาสนาน่าจะเจริญได้ในสแกนดิเนเวีย จึงชักธงธรรมจักรขึ้นเหนือหน้าต่างคอนโดที่พัก เป็นสัญลักษณ์ว่าพระพุทธศาสนาเริ่มหยั่งรากฝังลึกลงบนดินแดนแห่งนี้แล้ว ทำให้วัดไทยเกิดขึ้นอีกมากมายในเวลาต่อมา เช่น วัดไทยเนเธอร์แลนด์ วัดพุทธาราม กรุงสต๊อกโฮล์ม วัดพุทธาราม เฟรดิก้า ประเทศสวีเดน วัดไทยนอร์เวย์ ประเทศนอร์เวย์ วัดไทยเดนมาร์ค กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ค วัดไทยฟินแลนด์ กรุงเฮลซิงกิ วัดไทยในเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน วัดไทยไอซแลนด์ และวัดไทยเบลเยียม ซึ่งขยายวัดออกไปอีกถึง 3 วัดในลักซัมเบิร์กในเวลาต่อมา

    วัดไทยเนเธอร์แลนด์นั้น ถือได้ว่าเป็นวัดไทยแห่งแรกในยุโรปเหนือ และเป็นศูนย์ฝึกพระธรรมทูตให้รู้จักวิธีการดำรงชีวิตในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย จากนั้นพระธรรมทูตก็จะถูกส่งออกไปปฏิบัติศาสนกิจในประเทศต่างๆ ในแถบนี้

    พระพุทธศาสนาในประเทศสวีเดนได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างดียิ่ง และเป็นประเทศแรกในโลกตะวันตก ที่ทั้งภาครัฐและเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างวัด โดยดำริจะให้มีวัดไทยเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้พระพุทธศาสนาในประเทศของตน และได้จัดสรรพื้นที่ให้กว่า 271 ไร่ เพื่อดำเนินการสร้างวัดไทย การที่ภาครัฐและเอกชนของประเทศสวีเดน ได้เข้ามาดูแลการสร้างวัดไทยเช่นนี้ จึงเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจสำหรับชาวไทยที่นับถือพระพุทธศาสนา หากเอาเงินไทยไปสร้างวัดให้ฝรั่ง จะต้องนำเงินไทยออกจากประเทศจำนวนมหาศาลจึงจะสร้างวัดได้สักวัดหนึ่ง

    การสร้างวัดไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะทางด้านยุโรป พระสงฆ์ได้ใช้เงินไทยน้อยมาก โดยใช้เงินประเทศนั้นเพื่อสร้างวัดประเทศนั้น ซึ่งเป็นการให้ฝรั่งสร้างวัดพระพุทธศาสนาให้ฝรั่งเอง เพราะเจ้าของผู้สร้างจะได้เกิดความรักความผูกพันในสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมา จะทำให้วัดไทยมีความมั่นคง ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี เจ้าประคุณสมเด็จฯ จึงวางเป็นแนวทางการสร้างวัดสำหรับพระธรรมทูตไว้ว่า

    “พระสงฆ์ไปปฏิบัติงานประเทศใดต้องใช้เงินของประเทศนั้นสร้างวัด เพราะถ้าจะเอาเงินไทยไปสร้างวัดในต่างประเทศ เราจะต้องเอาเงินบาทออกนอกประเทศเท่าไรจึงจะสร้างวัดได้วัดหนึ่ง ค่าเงินบาทกับเงินต่างประเทศแตกต่างกันมาก พระสงฆ์ที่ไปอยู่ต่างประเทศจึงต้องเก่งและมีความอดทนสูง”

    เมื่อสมเด็จฯได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ได้สร้างอาคารหลังหนึ่งขึ้นภายในบริเวณวัด และให้ชื่อว่า “อาคารอนุสรณ์สมเด็จฯ ญาโณทยมหาเถระ พ.ศ.2517” นัยหนึ่งก็เพื่อเป็นที่พักพระสงฆ์ต่างประเทศ ที่เข้ามาศึกษาเล่าเรียนพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ให้ได้รับความสะดวกสบายในเรื่องที่อยู่อาศัย แต่อีกนัยหนึ่งนั้น ก็เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทยมหาเถระ) พระอาจารย์ผู้จุดประกายความคิดที่จะให้พระพุทธศาสนาแผ่ไพศาลไปในโลกตะวันตก

    อาจจะกล่าวได้ว่า ความสำเร็จของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศทั่วโลก เกิดจากการวางรากฐานที่สำคัญของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ผู้เปิดวิสัยทัศน์ธรรมสู่วิสัยทัศน์โลก เป็นเหตุให้พระสงฆ์ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นพระธรรมทูตได้ยึดเป็นแนวทางอันเดียวกัน เป็นที่มาแห่งความสำเร็จของงานพระศาสนาในต่างประเทศ ทำให้พระพุทธศาสนาแผ่ไพศาลไป เป็นที่พักพิงทางด้านจิตใจแก่ชาวไทย และประชาชนในต่างประเทศทั่วโลก ในปัจจุบัน

    ........................

    (หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดียและเฟซบุ๊กสนง. ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2013
  6. นิลศิลป์

    นิลศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,665
    ขอกราบแทบเท้าสมเด็จพระพุฒาจารย์เกี่ยว และขอไว้อาลัยต่อการจากไปอย่างสุดซึ้งของสมเด็จฯ ผู้มีแต่ให้ครับ

    ผมเคยได้กราบนมัสการท่านหลายต่อหลายครั้งครับ มีเพียงช่วงหลังๆที่ท่านไม่ค่อยสบายอาจจะห่างเหินไปบ้าง แต่กระนั้นช่วงสวดมนต์ข้ามปีรับปีใหม่ ปี 2556 ท่านมาเป็นประธานสวดมนต์ข้ามปีก็ยังได้เฝ้านมัสการท่านที่วัดสระเกศ อีกครั้งแม้ผ่านช่วงเวลาเนิ่นนานมาพอสมควรที่ท่านได้รับนิมนต์มาสวดมนต์ให้ในการทำบุญที่ทำงาน ผมก็ยังเคยได้มีโอกาสร่วมประเคนภัตตาหาร ให้แก่คณะท่านที่มาร่วมสวดมนต์เพื่อเป็นศิริมงคลให้ในที่ทำงาน ยังรวมถึงได้เคยกราบแทบเท้าท่านในหลายๆครั้งที่ท่านได้รับนิมนต์ไปวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี


    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีฯ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ท่านเคยปรารภให้ลูกศิษย์ฟัง และผมจำได้ขึ้นใจ ถึงพระชั้นสมเด็จฯ ที่ท่านจะไม่กลับมาเกิดอีกแล้วมี 4 รูป คือ

    1. สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน) วัดพระราชผาติการาม
    2. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น) วัดสามพระยา
    3. สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดปทุมคงคา
    4. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร


    คงไม่ต้องชี้แจงแถลงไขเพิ่มเติมอีกนะครับว่า ที่พระสมเด็จฯทั้ง 4 รูปนี้ไม่กลับมาเกิดแล้วนั้น ท่านจะบรรลุภูมิธรรมขั้นไหน เพราะคำสอนทางพระพุทธศาสนาได้กล่าวแจ้งชัดถึงพระอริยบุคคล 4 จำพวกไว้แล้วอย่างชัดแจ้งแล้ว

    สมเด็จเกี่ยวท่านเป็นพระสมเด็จรูปสุดท้ายครับที่มรณภาพหลังสุด และ

    สุดท้ายนี้ ขอผลบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ผลบุญเหล่านี้จะมีแก่ข้าพเจ้านิลศิลป์เพียงใด ข้าพเจ้าขอให้สมเด็จเกี่ยว ท่านรับรู้โดยญาณวิถีถึงผลบุญนี้ โดยขออุทิศผลบุญทั้งหมดนี้ให้แก่หลวงปู่เกี่ยว ที่ลูกเคารพในความเป็นพระแท้ของท่านให้เสวยสุขในแดนที่ไม่มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย อย่างมีความสุขต่อไปตราบนานเท่านาน ขอกราบนมัสการครับ.......


    นำรูปสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ถ่ายรูปคู่กับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีฯ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี มาให้กราบท่านกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2013
  7. นิลศิลป์

    นิลศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,665
    คำสอนสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

    ในเรื่องเกี่ยวกับสัจจะ

    หลวงพ่อสมเด็จ ฯ ท่านบอกเอาไว้ว่า
    คนที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ แม้แต่การที่เขาเท็จต่อตนเองก็ยังมี เช่น เราตั้งสัจจะกับตนเองว่าจะไหว้พระทุกวัน พอถึงเวลาเข้าจริง เอาไว้ก่อนเถอะ อย่าเพิ่งไหว้เลย นี่คือเท็จต่อตัวเอง เราตั้งสัจจะกับตนเองว่า เราจะนั่งกรรมฐานทุกวัน ปรากฏว่า วันนี้อย่านั่งเลย ทำธุระเสียก่อน นี่เราก็เท็จต่อตนเองเหมือนกัน เท็จต่อตนเอง คือ ไม่ซื่อตรงต่อตนเอง

    การไม่มีสัจจะต่อตนเองอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าจะมีโทษมากมาย แต่ทำให้เราเป็นคนจิตใจไม่เข้มแข็ง จิตใจไม่แน่นอน จิตใจโยกโคลง แม้ตัวเราเอง เราก็ไม่มีสัจจะต่อตัวของเรา

    สัจจะต่อตนเองนั้น ต้องมีในทุกกรณี เช่น ถ้าทำอะไรต้องทำจริง อย่าสักแต่ว่าทำเล่น ๆ เหมือนกับกิ้งก่า วิ่งไปแล้วก็หยุด หยุดแล้วก็วิ่ง เขาเรียกว่า กิ้งก่า คนเป็นกิ้งก่ากันเยอะเหมือนกัน ทำทำ หยุดหยุด ทำทำ หยุดหยุด อย่าเป็นกิ้งก่า ทำอะไรให้ทำจริง นึกอยู่เสมอว่า ถ้าเราทำแล้วต้องตั้งใจจริง ทำจริง

    หลวงพ่อสมเด็จ ฯ ท่านบอกไว้ว่า

    ระเบียบแบบแผน กฎ กติกา และกฎหมายต่างๆ ที่เราปฏิบัติร่วมกัน สงเคราะห์เข้าอยู่ในประเภทศีล เพราะเป็นเรื่องระเบียบ
    แต่ระเบียบแบบแผนต่างๆไม่ใช่ศีลโดยตรง ศีลโดยตรงนั้น ต้องเป็นบาทฐานแห่งสมาธิ คือ เมื่อถือปฏิบัติในศีลแล้ว จิตใจต้องสูงขึ้น จนกระทั่งเป็นไปเพื่อความสงบ ทำให้สมาธิเกิดขึ้น

    แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ควรที่จะปฏิเสธระเบียบแบบแผน กติกา และกฎหมายต่างๆที่กำหนดขึ้นมาใช้ในบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายทางบ้านเมืองฝ่ายสงฆ์ หรือฝ่ายฆราวาส

    คนในบ้านเมืองต้องรู้จักรักษาระเบียบ ถ้าหากขาดระเบียบแล้วมันก็ไม่ดีงาม และถ้าขาดระเบียบแล้วอย่าหวังเลยว่าคนนี้จะเป็นคนมีศีลต่อไปข้างหน้า เพราะระเบียบเป็นรากฐานของศีล แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่รู้จักรักษา แล้วจะไปรักษาระเบียบที่สูงขึ้นได้อย่างไร ต้องสอนกันอีกมาก ต้องขัดต้องขูด ต้องเกลาอีกเยอะ

    ความเป็นผู้มีศีล จะหลุดลอยไปเสีย เพราะเราไม่รู้จักรักษาระเบียบนั่นเอง

    ในเรื่องของทาน หลวงพ่อสมเด็จ ฯ ท่านบอกไว้ว่า

    เรายังเป็นปุถุชนอยู่ จิตยังมีการเกาะอยู่ จะบอกว่า "ให้ทานแล้วอย่าไปยึดไปเกาะ" เราพูดเป็นสำบัดสำนวนได้ แต่ใจของปุถุชนคนธรรมดาเป็นไปไม่ได้ ต้องค่อยๆคืบคลานโดยลำดับ

    พอสูงขึ้นไปจนถึงจุดนั้นแล้วจะพบว่า ปิติก็ดี ปัสสัทธิก็ดี ที่เกิดขึ้นในจิตใจของเรานั้น เป็นสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมา อยู่ได้ หายไปได้ เกิดได้ ดับได้ พอใจสงบมากก็จะเห็นว่า มีการเกิดดับอย่างนี้เหมือนกัน เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วก็จะเห็นต่อไปว่า มีอะไรเป็นเหตุให้เป็นเช่นนี้ ก็ทราบว่ามีปัจจัยเข้ามาปรุงแต่ง แต่ว่าเป็นปัจจัยที่ละเอียดอ่อน และเป็นปัจจัยในทางดี เราจะพอใจอยู่แต่เพียงในทางนี้ไม่ได้ เราจะต้องมองให้เห็นสืบต่อไปว่า อ้อ ! นี่เกี่ยวข้องด้วยรูป มีเกิด มีปัจจัยให้ดับ เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วก็จะไม่เกาะติดอยู่ในสิ่งเหล่านั้น

    ในเรื่องของความกตัญญู หลวงพ่อสมเด็จ ฯ ท่านบอกว่า

    ผู้ที่มีคุณ ใช่ว่าจะต้องเป็นผู้ใหญ่ ใช่ว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีอายุมากกว่าเรา แม้คนที่มีอายุน้อยกว่าเรา เราก็ต้องจำ บางทีเขาเป็นเด็กแต่เขาเคยเอื้อเฟื้อแก่เรา เคยหยิบอะไรให้ เคยฉวยอะไรให้ เคยแบ่งเบาภาระอะไรให้ ก็ต้องนึกเหมือนกัน คือ เราไม่ได้ไปเคารพที่ตัวเขา แต่เคารพคุณธรรมที่เขามี

    บางทีเณรเคยมีอุปการะแก่พระ พระไม่คิดถึงบุญคุณเณร อย่างนี้ไม่ได้ ใช่ว่าพระคิดถึงบุญคุณเณรแล้ว จะต้องไปกราบไปไหว้เณร แต่ต้องรู้ว่า เณรองค์นี้ เคยทำความดีไว้เหมือนกัน ควรจะให้อะไรตอบแทน นี่คือ หลักกตัญญูกตเวทิตาธรรม

    ใครมีความดีแก่เราแม้เพียงเล็กน้อย เรามองเห็น เราต้องหาโอกาสที่จะทำให้ชัดเจนขึ้นว่า คนนี้เขามีความดี เราต้องพยายามทำให้ความดีชัดขึ้น นี่คือ กตัญญูกตเวทิตาธรรม

    กตัญญูกตเวทิตาธรรมอย่างนี้ เราไม่ค่อยได้พูดถึงกัน โดยมากเราพูดถึงในลักษณะของพ่อแม่กับลูก ครูบาอาจารย์กับศิษย์ เป็นเรื่องที่ถูก เพราะความกตัญญูต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์นั้นเป็นสิ่งที่เราจำเป็นจะต้องมีอย่างชัดเจนแน่นอน ถ้าขาดกตัญญูกตเวทิตาธรรมต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ไปเสียแล้ว ข้ออื่นก็พากันเลวหมด

    หลวงพ่อสมเด็จ ฯ ท่านบอกว่า

    คนที่ยังเป็นปุถุชนธรรมดา ก็ปรารถนาที่จะให้คนรัก อยากให้คนเคารพ อยากให้คนอื่นสนใจ แต่ถ้าเป็นพระอริยเจ้าแล้ว ท่านพ้นภาวะที่จะต้องเรียกร้องความสนใจจากคนอื่น อยู่ในภาวะที่ไม่ต้องการให้คนเขารักแล้ว

    หลวงพ่อสมเด็จได้กล่าวถึงในเรื่องความรักว่า
    คนบนโลกนั้น ใช้ความรักความความชังเป็นเหตุผล ไม่ได้ใช้เหตุผลมาเป็นเหตุให้เกิดความรัก
    เราจึงมักจะรัก เราจึงมักจะชัง โดยไม่มีเหตุผล ชอบใจคนไหน แม้จะเสียหายอย่างไร เราก็รักของเรา อย่างนี้เรียกว่าเอาความรักเป็นเหตุผล บางทีคนเขาดีแสนดีแต่เราก็เกลียด ไม่ชอบน้ำหน้า อย่างนี้เรียกว่า เอาความชังเป็นเหตุผล ไม่ได้เอาเหตุผลขึ้นมาเป็นเบื้องต้น

    เราต้องนึกด้วยว่า เป็นไปไม่ได้ที่เราจะสร้างความรักให้เกิดขึ้นแก่ทุกคน แม้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงเพียบพร้อมด้วยคุณทุกประการ แต่ก็ยังมีคนที่คอยว่าร้าย คอยล้างผลาญ เราจึงต้องทำความเข้าใจกับตนเองว่า เราทำให้คนที่มีเหตุผลเท่านั้นรักได้ แต่เราไม่สามารถที่จะทำให้คนไม่มีเหตุผลมารักได้

    ทั้งหมดนี้มาจากหนังสือ "คุณสมบัติ ๕ ประการ"
    สำนักพิมพ์อนันตะ
    รวมคำสอนที่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) แสดงไว้ในโอกาสต่าง ๆ

    ต่ออีกนะครับ นำไปปฏิบัติกันครับ

    หลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านกล่าวสอนว่า " ขอให้ระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า พระพุทธองค์ผู้ทรงบริสุทธิ์ สูงสุดประเสริฐสุด ทรงชี้ทางแห่งความสุขให้ เมื่อสามารถน้อมใจระลึกอย่างนี้ จิตใจเข้าถึงพระพุทธเจ้า ก็จะเป็นบุญกุศลอย่างยิ่งอีก ที่จะอุ้มชูประคับประคองกายและใจที่มีอยู่เท่านี้ ให้ไปในทางดีเรื่อยไป จนกระทั่งบรรลุมรรคผลนิพพาน เป็นพระอรหันต์ ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดกันอีกต่อไป หมดทุกข์โดยประการทั้งสิ้น แต่ถ้ายังไม่หมดทุกข์โดยประการทั้งสิ้น ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ เช่นเกิดอยู่ในชาตินี้ บุญกุศลอย่างที่พยายามทำอยู่ในขณะนี้ ก็จะอุ้มชูประคับประคองไม่ให้ตกต่ำจนเกินไป ไม่เป็นทุกข์จนเกินไป พอมีชีวิตอยู่ได้ แต่จะมีชีวิตยาวนานเท่าไหร่ ไม่มีใครสามารถทราบได้ทั้งนั้น จะมีอายุน้อย หรืออายุมากก็ตาม พระพุทธองค์ตรัสบอกไว้ เพื่อจะได้ไม่ประมาท อย่านึกว่ายังอยู่อีกนาน รีบเร่งสร้างความดี สร้างบุญสร้างกุศล ให้สูงยิ่งขึ้นไป เพราะชีวิตนี้ต้องถึงความสิ้นสุดแน่นอน แต่ถ้าสิ้นความสุดด้วยมีบุญกุศลนำอยู่อย่างในขณะนี้ ก็จะไม่ไปเกิดในที่ไม่ดี เป็น สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน อย่างน้อยก็มาเกิดเป็นมนุษย์อีก อย่างที่เกิดอยู่ในชาตินี้ และเป็นมนุษย์ที่ดี จะได้สร้างความดีสร้างบุญกุศล ให้สูงยิ่งขึ้นไป ไปสู่ความพ้นทุกข์โดยประการทั้งสิ้นให้จงได้ จิตใจก็จะสูงขึ้นไป เรื่อยๆไม่วกวนกลับมาทางต่ำ จนเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ สูงขึ้นไปจนกระทั่งมองเห็นไปเอง เข้าใจเองว่าสิ่งนี้เป็นบุญเป็นกุศล ต้องรีบทำรีบพูดรีบคิด อย่างที่ทำอยู่ในขณะนี้ พยายามทำให้เป็นบุญ คิดให้เป็นบุญ พูดให้เป็นบุญ..."

    หลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านเมตตาสอน(ต่อ)อีกว่า
    ...ให้บุญกุศลนำความรู้สึกนึกคิดอยู่เสมอ จิตใจจะได้สงบ ปลอดโปร่ง แจ่มใส ได้ง่าย ที่จัดเป็นเหตุให้มองเห็นความเป็นจริงของชีวิตที่เหมือนกันทุกคน คือไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา พระพุทธองค์ตรัสบอกไว้ เพื่อจะได้เข้าใจ สามอย่างนี้ และอยู่กับสามอย่างนี้ ด้วยความเข้าใจชัดเจน เมื่ออย่างใดอย่างหนึ่ง ได้ปรากฏขึ้นแก่ชีวิตของตน ก็ไม่ตกใจ ไม่สะทกสะท้าน ไม่หวั่นไหว กลับมีจิตใจเข้มแข็ง ปลอดโปร่งสูงยิ่งขึ้นไป จนกระทั่งมองเห็นกว้างไกลออกไป ถึงความดีต่าง ๆ มองเห็นรอบคอบ รอบด้าน อย่างละเอียดมีเหตุผล และเพราะจิตมีบุญกุศล ก็จะมองเห็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด ซึ่งปกตินั้น ไม่ค่อยได้มองเห็น แม้แต่กายของตนที่นั่งอยู่นี้ แก้วแหวนเงินทองเพชรนิลจินดา จะมีมากหรือน้อยก็ตาม มองเห็นแล้วเพราะจิตเป็นกุศล ก็จะเข้าใจถูกต้อง ว่าสิ่งเหล่านี้ เป็นของดี แม้แต่กายนี้ก็เป็นกายดี จึงได้มาด้วยบุญ เมื่อกำหนดได้ว่า ได้มาด้วยบุญ จิตใจก็จะอยู่เหนือสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด สามารถนำสิ่งเหล่านี้ แม้แต่กายนี้ ไปสร้างความดีสร้างบุญสร้างกุศล ให้สูงยิ่งขึ้นไป ซึ่งไม่ได้หมายแต่เฉพาะการให้ทาน การรักษาศีล แม้แต่การระลึกถึงความดีของบิดามารดาเป็นต้น แม้แต่เพียงเล็กน้อยก็เป็นบุญกุศล มารดาบิดาอนุเคราะห์บุตรธิดาของตนก็กำหนดได้ว่านี้แหล่ะ เป็นบุญกุศลแล้ว บุญกุศลปรากฏเกิดอยู่ในจิตของตนเพิ่มขึ้นๆ จิตใจก็จะสงบปลอดโปร่งแจ่มใสมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งบรรลุมรรคผลนิพพานเป็นพระอรหันต์จนได้ ไม่ต้องสงสัยโดยประการใด ๆ ทั้งสิ้น จะได้หมดทุกข์กันโดยประการทั้งสิ้น ไม่ต้องทุกข์แล้วทุกข์อีก จึงควรพิจารณาไว้เสมอ จิตใจจะได้พอใจยินดี ในความดีบุญกุศล เกิดห่างออกมาจากสิ่งที่ไม่ดี ที่เป็นบาปเป็นอกุศล แล้วไม่ต้องรอให้ผู้อื่นสอน สอนตนเอง ให้ตนเองได้เข้าใจว่าอย่างนี้แหล่ะ เป็นบุญเป็นกุศลแล้ว โดยเฉพาะที่ทำอยู่ในขณะนี้แหล่ะ เป็นกุศลแล้ว แล้วก็สอนตนเองด้วยความเข้าใจและมั่นใจในตนเองว่าเป็นบุญจริงๆ นะ"

    (โอวาทของหลวงพ่อสมเด็จฯ กล่าวสอนหลังสวดมนต์ทำวัตร นำมาถ่ายทอดโดยพระอุเบกขาครับ)

    นำธรรมมะดีดีมาปฏิบัติทำใจบริสุทธิ์กันครับ ท่านยังอยู่ในใจพวกเราตลอดไปนะครับ.............
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2013
  8. taroball

    taroball ทีม ธรรมทาน ทีม ธรรมทาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    858
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,355
    น้อมส่งหลวงปู่สมเด็จ พระอุปัชฌาย์ของข้าพเจ้า เข้าสู่พระนิพพาน
     
  9. Nattawut8899

    Nattawut8899 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,413
    ค่าพลัง:
    +7,055
    น้อมกราบหลวงปู่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
     
  10. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    กราบแทบเท้าส่งหลวงพ่อเข้าสู่พระนิพพาน เกล้ากระผมระลึกนึกถึงพระคุณความดีแต่หนหลัง ขออนุโมทนาสาธุการในบุญทานกองการกุศลทั้งปวงที่หลวงพ่อบำเพ็ญมาแล้วตั้งแต่ต้นจนถึงกาลอวสานต์ในวันนี้ และขอหลวงพ่อจงได้กำหนดจดจำเกล้ากระผมไว้ตลอดไปหากว่าเกล้ายังต้องท่องเที่ยวไปในวัฏฏสงสารในการที่ปรารถนาพระโพธิญาณยังไม่เข้าถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใด ขอหลวงพ่อจงได้โปรดสงค์เคราะห์ตักเตือนโดยฉับพลันทันทีหากว่าจะมีกิจอันใดที่จะพลาดไป เกล้ากระผมจะขอจดจำจาลึกหลวงพ่อไว้ในดวงใจตลอดไป
     
  11. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,030
    [​IMG]
     
  12. tatty

    tatty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    8,976
    ค่าพลัง:
    +8,226
    กราบสมเด็จเกี่ยวครับ กราบ กราบ กราบ
     
  13. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,851
    ขอกราบนมัสการหลวงปู่ครับ
     
  14. peerakul

    peerakul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    9,427
    ค่าพลัง:
    +33,493
    ขอน้อมกราบถวายอาลัย แด่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณมหาเถร) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

    กราบขอขมาแด่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ กรรมใดที่ข้าพเจ้าเคยพลาดพลั้งล่วงเกินหลวงปู่ รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี ตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ขอท่านจงอดโทษแก่ข้าพเจ้า เพื่อความสำรวมระวังและความเจริญก้าวหน้าทางธรรมจนถึงความสิ้นทุกข์ด้วยเทอญ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • sp510115.jpg
      sp510115.jpg
      ขนาดไฟล์:
      8.6 KB
      เปิดดู:
      76
  15. naron

    naron เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    2,515
    ค่าพลัง:
    +3,573
    กราบๆๆๆหลวงปู่ครับผม
     
  16. boonbaramee

    boonbaramee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2011
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +2,270
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2013
  17. เบเบ้

    เบเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +14,168
    กราบนมัสการการจากไปของหลวงปู่ด้วยความเคารพครับ

    กราบนมัสการการจากไปของหลวงปู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ด้วยความเคารพครับ
    ขอร่วมอนุโมทนาในทุกบุญกุศลด้วยครับ
    หากผิดพลาดในมโนกรรม วจีกรรม กายกรรม
    ขออโหสิกรรมด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 สิงหาคม 2013
  18. ทีฆา

    ทีฆา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2011
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +3,641
    ขอกราบน้อมส่งหลวงปู่เข้าสู่พระนิพพานครับ
     
  19. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    ความสรงจำในสมเด็จเกียว-สมเด็จเตี่ยที่จำได้คือ ท่านจะเป็นผู้มีเมตตายิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายทุกๆคนท่านมีอัธยาศัยดีมากๆ สมัยก่อนตอนเด็กๆที่วัดท่าซุงมีงานใหญ่ๆท่านจะมาเป็นประทาน ท่านจะนั้ง"ฮอ"มา เราจะไปยืนรับท่าน(เห็นเค้าไปก็ไปตามเคา)ท่านลงมาจะทักทุกๆคนยิ้มแย้มแจ่มใสมากๆ ขอกราบนมัสการพระเดชพระคุณท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2013
  20. greenice

    greenice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    760
    ค่าพลัง:
    +1,390
    กราบขอขมากรรมหากข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินพระคุณเจ้าด้วย และขอร่วมส่งสมเด็จฯไปสู่แดนนิพพานครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...