หลวงปู่มั่นแนะนำวิธีการถอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถือผี เข้าทรง การนับถือเทพเจ้าต่างๆ

แสดงว่า คุณยังไม่เข้าใจนิยาม บรรพกษัตริย์ บรรพบุรุษ
ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ก็คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์
เพราะเราศรัทธา เคารพคุณงามความดี ที่ท่านเหล่านี้ได้สั่งสมมา
เราเองก็เป็นหน่อเนื้อของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กำเนิดมาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์

พ่อแม่เป็นเจ้าชีวิต กษัตริย์ก็เป็นเจ้าชีวิต
หากไม่มีสิ่งนี้ คุณคิดว่า เราจะอยู่ในโลกหรือมีประเทศเป็นของตนเองได้ไหม
การกราบไหว้ เคารพ นับถือ บูชา ก็บ่งบอกอยู่แล้ว

ถามว่า ไม่มี พระพุทธองค์ เราอยู่ได้ไหม

แต่ถามว่าหากเราไม่มีเจ้าชีวิตท้้งสอง เราอยู่ไปไหม

ก่อนจะกราบพระ ให้กราบบิดามารดาเสียก่อน
ซึ่งก็เปรียบได้ดั่งพระของลูก

การอ้างสิ่งใด ก็ต้องมีความเหมาะสมกับบริบท
ไม่ใช่อ้างอิงๆๆๆ ไม่รู้วาระหรือขอบเขต
แสดงว่า คุณใช้วิธีการอ้างอิง สำเนามา
เพราะคุณคิดว่า หลักฐานที่อ้างอิง เชื่อถือได้
แต่ถามว่า คุณพิสูจน์ที่อ้างอิงแล้วยัง
และมั่นใจว่าสิ่งที่ได้อ้างอิง เชื่อถือได้จริงๆ

ตามหลักกาลามาสูตร เขากล่าวไว้ให้พิจารณา
ก่อนจะอ้างอิง ทำความเข้าใจ วิเคราะห์ สังเคราะห์ นำไปปฏิบัติ
และประเมินผลให้รู้ผลลัพธ์ที่แน่นอนเสียก่อน

เพราะมัวแต่ไปมุ่งหลักฐานอ้างอิงมากไป
น่าจะเอาเวลาปฏิบัติให้เห็นผลให้มาก
หากจิตคุณได้รับการบ่มเพาะ และมีความทิพย์เมื่อไร
คุณจะรู้ได้ด้วยตนเอง สิ่งที่เขาเล่ากันมา
กับสิ่งที่คุณรู้แบบปัจเจกนั้น แตกต่างกันอย่างไร

ผมนะนับถือศาสนาพุทธ
ผมนะปฏิบัติบูชา
แต่ผมก็ไม่อยากให้ใครมากล่าวร้ายกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เหมือนคุณที่พยายามปกป้องไม่ให้ใครมากล่าวร้ายพระพุทธองค์

แต่คุณพยายามชี้นำว่า สิ่งที่คุณทำนั้นถูกต้องแล้ว
เพราะศรัทธาที่ไม่ไตร่ตรอง อณูของพระพุทธองค์
ที่ได้รับรู้เห็นการกระทำของคุณ
ที่ยังขาดปัญญาญาณอย่างเชิงเหตุเชิงผล

ก็ลองกลับไปทบทวนการกระทำของตนเอง.....
ว่าเหมาะสมหรือไม่

 

คุณพฆัก ตอบถูกแล้ว
เขาเปรียบเทียบเชิงสะกิดให้รับรู้ถึงการกระทำนั้น
เพราะคุณไปกล่าวร้าย ด่าทอ สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ก็เท่ากับว่าคุณไปด่าพระพุทธเจ้า บิดา มารดา พระมหากษัตริย์ นั่นแหละ

คุณพยามมุ่งร้ายและทำศรัทธาคนอื่น ด้วยมิจฉาทิฐิต่างหาก...

อีกอย่าง คุณบอกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่มีตัวตนจริง
ไม่สามารถมาสอนให้คุณได้รับรู้และเข้าใจ

แล้วคุณก็บอกว่า พระพุทธเจ้าสอนได้
ผมถามว่า คุณได้ยินและรับรู้จากพระโอษฐ์ของพระองค์หรือ ก็เปล่า
แล้วมันจะต่างกันอย่างไร ไปอ้างตำรา......ที่แก้ไขก็ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ

แต่หากคุณจากรู้การปฏิบัติทางจิตได้ ก็จะโมทนา สาธุ
แต่จิตอย่างคุณนะ คงอยาก........กราบไหว้ งกๆ เฮินๆๆ ต่อไปแล้วกัน

 

เอาเป็นว่า สิ่งศักสิทธิ์ทั้งหลายน่ะมีอยู่และก็มีมานานแล้ว ถ้าเราไม่นับถือเขาก็อย่าไปยุ่งกับเขา ต่างคนต่างอยู่ แต่อย่าไปดูถูกดูแคลนเขา วัตถุมงคลทั้งหลายก็ล้วนแต่มีสิ่งศักสิทธิ์รักษาถึงจะเข้มขลัง ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง ตะกรุด ยันต์ แม้แต่ตัวเราเอง หรือท่านจะไล่เทวดาคุ้มครองตัวท่านด้วยไหม เพราะทุกคนล้วนมีเทวดาคุ้มครองเกือบทั้งนั้น หรือจะปฏิเสธว่าไม่เคยมีใครรักษากู กูเก่งของกูเองโว้ย ก็แล้วแต่ท่านนะ

 

นิยามทั้งหลายคนสมมติขึ้นมากันเองทั้งนั้น แม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์
คุณลืมไปแล้วหรือ พระพุทธเจ้าปรินิพพานมาแล้วกว่าสองพันปี
ตอนนี้ไม่มีพระพุทธองค์ที่มีเลือดเนื้อ มาบอกสอนเรา
ตอนนี้มีแต่พระธรรมและพระสงฆ์
คุณจะเห็นพระพุทธเจ้าได้ คุณต้องเห็นธรรม ไม่ใช่เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์

กราบพระให้กราบบิดามารดาก่อนเปรียบเหมือนพระของลูก คุณไปฟังใครมา คุณไปเชื่อใครมา
พระก็คือพระ พ่อแม่คือพ่อแม่ ลูกคือลูก คุณกราบพระนั่นคุณกราบพระ
คุณกราบพ่อแม่นั่นคุณกราบพ่อแม่ อย่าเอามาปนกัน

เกสปุตตสูตรสอนไว้ข้อแรก "อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา"
นับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะการที่ได้ยินได้ฟังมา
นับถือพระธรรม เพราะการที่ได้ยินได้ฟังมา
พระพุทธเจ้าไม่เคยบังคับใครให้เชื่อพระองค์
พระพุทธเจ้าไม่เคยบังคับใครให้บูชาพระองค์
พระองค์ทรงสอนธรรมะ สอนให้นำธรรมไปปฏิบัติตาม จนรู้แจ้งด้วยตนเอง โดยไม่ต้องเชื่อใคร
หลวงตามหาบัวบอกว่า "เมื่อเห็นธรรมแล้ว แม้พระพุทธเจ้าเสด็จประทับอยู่ตรงหน้าก็ไม่ทูลถาม"
ปัญญาทั้งหมดที่คุณมีเทียบกับผมแล้ว เข้าไม่ได้ในส่วนหนึ่งในล้านเลย
ถ้าคุณนับถือพระธรรมอย่างแท้จริงแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีความหมาย
วันหนึ่งคุณจะเข้าใจที่ผมบอก

 

ผมไม่เคยด่าทอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด คุณอย่าเอาคำพูดลอยๆ ของคุณมาใส่ปากผม
คุณอย่าเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปเทียบกับพระพุทธเจ้า บิดามารดา
พระธรรมอยู่สูงกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมากมาย พระพุทธเจ้าทรงเคารพธรรม

คุณไปศึกษาธรรมะให้มาก คุณนำธรรมไปปฏิบัติให้มาก
เคยนั่งสมาธิไหม ถ้าไม่เคยลองนั่ง ลองหัดทำสมาธิ
สมาธิจะทำให้คุณมีสติมากกว่านี้
คุณกล่าวหาผมหลายครั้งแล้ว
ผมเห็นใจคุณจริงๆ ผมพยายามอธิบายให้คุณเข้าใจ
แต่ยิ่งอธิบายเหมือนผมเทน้ำทิ้ง
เอาเป็นว่า ผมจะไม่ตอบคำถามใดๆ กับคุณ 5buddha อีก
สิ่งที่คุณกล่าวหาผม ผมอภัยให้คุณ

ผมบอกว่า ผมคัดลอกมาจากประวัติพระอาจารย์มั่น เขียนโดยพระอาจารย์วิริยังค์
ถ้าคุณมีความคิดเห็นต่างจากคำสอนของหลวงปู่มั่น พระอาจารย์วิริยังค์
หรือพระอาจารย์ทุกๆ รูปที่ผมยกคำสอนมา คุณเผลอไปล่วงเกินท่านอาจารย์ทั้งหลาย
คุณรีบขอขมาต่อพระอาจารย์ทั้งหลายเสีย แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณคิดถูก
คุณ 5buddha จะหาบกรรมกับพระอาจารย์ทั้งหลาย ผมก็จนปัญญา
ผมแนะนำคุณ 5buddha ได้เท่านี้

 

ผมนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ คุณนับถือพระเครื่อง ตะกรุด ยันต์ คุณก็นับถือไป อย่ามายุ่งกับผม ต่างคนต่างอยู่ วัตถุมงคลทั้งหลายคนสมมติขึ้นมา ทำมาด้วยธาตุดิน ทำมากับมือ แล้วไปสมมติเอาเองว่าศักดิ์สิทธิ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ คนสร้างมาทั้งนั้น คุณคิดดูนะถ้าคุณเป็นเทวดา และคุณต้องคุ้มครองคน แต่คนที่ถูกคุณคุ้มครองกลับไปนับถือพระเครื่อง ตะกรุด ยันต์ ของขลัง ของศักดิ์สิทธ์ ปนกันมั่วไปหมด เทวดาหน้าไหนจะอยู่คุ้มครองคุณ ถ้าจะมีก็มีแต่เทวดามิจฉาทิฐิ คุณนับถืออะไรคุณนับถือไป ผมนับถือพระธรรม ต่างคนต่างอยู่ พระพุทธเจ้าทรงมอบพระธรรมเป็นศาสดาแทนพระองค์ ผมนับถือพระธรรมผมไม่นับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ผมไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของกู อาจารย์ของกูสร้างโว้ย

 

ตอบแบบมึนๆ ยังไงก็ไม่รู้ ผมหมายถึงเทวดาที่คุ้มครองคุณอยู่น่ะ คุณยอมรับไหมว่ามีแล้วก็ถามต่อว่า ถ้าเขาไม่ศักสิทธิ์ ไม่มีฤทธิ์เขาจะคุ้มครองคุณได้ไหม อย่าแถ ก็บอกมาซิ ว่าตัวคุณไม่คิดว่ามีจะมีเทวดาที่ไหนรักษาตัวคุณเลย ส่วนที่เคยรักษามาก่อนก็ไม่ต้องรักษาคุณอีก ประกาศให้ก้องโลกไปเลย อย่าแถ

 

ผมนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดามารดา ครูบาอาจารย์และผู้มีพระคุณทั้งหลาย และก็รู้ว่าที่รอดจากอันตรายหลายต่อหลายครั้งเพราะเทวดาเขาคอยคุ้มครองอยู่ก็รู้สึกถึงคุณอันนั้น คนในเว๊ปหลายๆคนก็คงมีประสบการณ์คล้ายๆ กับผม แต่ผมก็เข้าใจนะว่าบางคนถ้าจิตด้านมากๆ จะไม่สามารถรับรู้เรื่องแบบนี้ได้ แต่ก็ไม่น่าจะสุดโต่งขนาดนั้น ประมาณว่ากูไม่เห็นแปลว่าไม่มีอะไรทำนองนั้น มีปัญญาก็น่าจะพิจารณาได้ไม่ยากนัก

 

ใสเจีย เสียใจ อย่าว่าจะขอขมาเลย
ไม่เห็นต้องไปฟังคำสอนจากผู้ที่ท่านกล่าวอ้างมาเลย
เพราะคนที่ท่านกล่าวมา เราไม่ยี่หระอยู่แล้ว ไม่แคร์
และไม่อยู่ในสายตาเราเสียด้วยซ้ำไป

ยิ่งใช่พ่อใช่แม่ เสียเมื่อไร
ยิ่งพระพุทธเจ้า เรายิ่งไม่แคร์ในสายตาเข้าไปอีก
เพราะเรามีตั้งห้าพระองค์แนะ แต่เป็นสัมโภคกาย นะ
เพราะเราเชื่อสภาวะนั้นของเราเยี่ยงนั้น

เรายังอยากนิมนต์พระพุทธเจ้ามาเทศนาเราเลยนะ
ขอองค์จริงๆ แบบเนื้อแท้มาเลยแล้วกัน
ที่ไหนเมื่อไร บอกด้วยนะ

ตอนนี้ กระแสพระสงฆ์องค์เจ้า ดังยิ่งกล่าวกระไรดี
ไปอ้างอยู่ได้ เคยไปสัมผัสมาจริงๆ หรือเปล่า
เคยเห็นเบื้องหลังพระเกจิ เหล่านี้หรือเปล่า

ยิ่งคุณบอกว่า ไม่อยากตอบคำถามผม
ก็ยิ่งแสดงว่า จิตยังไม่มั่นคงพอ ใช่ไหมละ

ที่จริงสิ่งที่คุณแสดงออก กับผมนำเสนอ หรือแลกเปลี่ยนแบบมีส่วนร่วม
ผู้รับชม ก็น่าจะได้ประโยชน์ในการไตร่ตรอง ก็น่าจะดีนะครับ

ไม่เห็นต้องรีบจากจรหรือตีจากกันดื้อๆ เลย
อีกอย่างหนึ่ง คุณเขียนภาษาหนังสือ ไม่ค่อยคล่องเลย
แต่ไม่เป็นไร ค่อยๆ ฝึกแล้วกัน....

 

เดี๋ยวนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เดี๋ยวนับถือเทวดา เดี๋ยวนับถือ พระเครื่อง ตะกรุด ยันต์ คุณจะนับถืออะไรเอาให้แน่ๆ
เทวดา เทพเจ้า ศาลพระภูมิ เจ้าที่ เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ภูเขา ต้นไม้ ศาลหลักเมือง ผี พระเครื่อง ตะกรุด ยันต์ ฯลฯ ไม่ใช่ที่พึ่ง

พระพุทธเจ้าทรงสอนให้พึ่งธรรมและพึ่งตน

 

สมเด็จพระสังฆราช เตือนชาวพุทธศึกษาหลักธรรมให้ถ่องแท้ มิใช่เพียงกราบไหว้ขอพร
พระสังฆราช ประทานพระวรธรรมคติวันอาสาฬหบูชา ให้ชาวพุทธนำพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งของจิตใจ ศึกษาหลักธรรมให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ มิใช่เพียงกราบไหว้ขอพร

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระวรธรรมคติ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา พ.ศ. 2556 ความว่า วันอาสาฬหบูชา เป็นอภิลักขิตกาล คือ วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา คือ คำสอนที่เป็นหลักสำคัญของพระพุทธศาสนาครั้งแรก เรียกว่า ธัมมจักกัปปวัตนสูตร และเป็นวันที่เกิดพระสงฆ์ซึ่งเป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย อันเป็นที่เคารพสูงสุดในพระพุทธศาสนา เป็นเหตุให้พระรัตนตรัยบังเกิดขึ้นในโลกครบบริบูรณ์ ซึ่งจะถือว่าเป็นวันบังเกิดขึ้นของพระรัตนตรัยก็ได้

เมื่ออภิลักขิตกาลเช่นนี้เวียนมาถึง ควรที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จักได้น้อมใจรำลึกถึงพระรัตนตรัย พร้อมทั้งสำรวจตรวจสอบดูใจของตนเองว่า ได้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะที่พึ่งแท้จริงแค่ไหนเพียงไร
อันการถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะที่พึ่งตามนัยแห่งพระพุทธศาสนานั้น มิใช่ถึงโดยการกราบไหว้อ้อนวอน หรือถึงโดยการอธิษฐานขอพรให้พระรัตนตรัยมาช่วยปกป้องรักษา เพื่อที่ตนจะได้มีชีวิตอย่างปลอดภัยเป็นสุข

แต่การถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะอย่างแท้จริงนั้น คือ การศึกษาเรียนรู้พระรัตนตรัยให้เข้าใจแจ่มชัดแล้วน้อมนำเอาความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ พระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนและพระสงฆ์สาวกของพระพุทธองค์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นแบบอย่าง มาเป็นหลักเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมถูกต้อง อันจะทำให้ได้ชื่อว่านับถือและบูชาพระรัตนตรัยอย่างแท้จริงด้วยทั้งพระรัตนตรัยก็จะปกป้องคุ้มครองมิให้ตกไปสู่ความชั่ว โดยไม่ต้องอธิษฐานอ้อนวอน
ขออำนวยพรให้ท่านทั้งหลายเจริญในธรรม ประสบสันติสุขทั่วกัน
ขออำนวยพร

Quality of Life - Manager Online - �ѧ��Ҫ��͹��Ǿط� �֡����ѡ��������ͧ��

 

คุณเข้าใจคำว่า อวดอุตริหรือเปล่า อวดในสิ่งที่ไม่มีในตัวเองน่ะ สิ่งที่คุณแสดงออกมาน่ะ มันไม่มีอยู่ในตัวคุณเลย แล้วมาทำข่มคนอื่นเขา น่าเกลียดน่าขยะแขยงที่สุด เตือนก็ไม่ฟัง ตามสบายครับ สมมติก็คือสมมติ คุณไม่เข้าใจแม้กระทั่งสมมติบัญญัติ แต่จะบอกว่าตัวเองเก่งเรื่องปรมัตต์ธรรมอันนี้ใครเชื่อก็โง่แล้วคุณ ผมแค่บอกว่า เทวดาน่ะมีจริง แล้วตัวของคุณก็มีเทวดารักษาอยู่ด้วย ถ้าคุณเกลียดเทวดานัก ก็ออกปากมาดังๆ เลยว่าคุณไม่ต้องการให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ รักษาคุณ ส่วนที่เคยรักษามาก่อนก็ไม่ต้องรักษาคุณอีกต่อไป ประกาศให้ก้องโลกไปเลย คุณก็แถไปเรื่อยๆ ก็ทำแบบทรพีไงเคยอ่านไหมในรามเกียรติ์

 

ผมไม่เคยอวดอุตริ ๑
ผมไม่เคยบอกว่าผมเก่งปรมัตต์ ๑
ผมไม่เคยบอกว่าไม่มีเทวดา ๑
ผมไม่เคยบอกว่าผมเกลียดเทวดา ๑
ทั้งหมดสี่อย่างนี้คุณคิดเอาเอง

พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้พึ่งเทวดา ผมมีศีลและธรรมะเป็นที่พึ่งเท่านั้น ไม่มีเทวดาตนใดรักษาผม เทวดาที่อยู่กับผมไม่ได้อยู่เพื่อรักษาผม ผมมีแต่ธรรมะ คุณสอนตัวเองถามตัวเองก่อนเถอะ คุณนับถือพระศาสนาแต่คุณไปพึ่งพวกเดียรถีย์ปลุกเสกเลขยันต์ของขลัง เดี๋ยวนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เดี๋ยวนับถือเทวดา เดี๋ยวนับถือพระเครื่อง ตะกรุด ยันต์ ตกลงคุณจะนับถือพระศาสนาหรือนับถือพวกลัทธิเดียรถีย์

 

ทรพี คำนี้สำหรับคุณ ชัดเจนมาก อวดอุตริ คำนี้ก็ใช่ มันใช่จริงๆ

 

เจ้าชายสิทธัตถะ บรรลุสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วออกสั่งสอน จึงประดิษฐานพระศาสนาในโลกธาตุได้มั่นคง

พระสาวก ปฏิบัติจนสำเร็จอรหันต์แล้วจึงเผยแผ่พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาจึงรุ่งเรือง

คุณอุรุเวลา สำเนาคำสอนครูบาอาจารย์แล้วออกสั่งสอน จึงหมั่นไส้กันทั้งสามโลก

 

ครูบาอาจารย์ที่คุณอ้างคำสอนก็ทำกันทุกท่านครับ

 

ลายมือท่านอาจารย์ใหญ่ครับ ทราบแล้วอย่าสติแตกนะครับ

 

ก่ ต้องจำกัดความสักหน่อยสิครับ จะได้ไม่แย้งกัน คือ

สิ่งศักดิสิทธิ์ ของแต่ละคนที่เข้าใจ อาจจะแตกต่างกัน ได้

ตามฐานความเข้าใจกัน

ดังนั้น จขกท ก่ ต้องจำกัดความให้กระจ่างว่าสิ่งศักดิสิทธิ์

ที่ตนเอง เข้าใจคืออะไร

ดังนั้น ไม่มีประโยชน์ในการเถียงเรื่องสิ่งศักดิสิทธิ์ ในคนล่ะความหมาย

และคนละเรื่องที่เข้าใจกัน

----------------------------------------
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ นั่น มีจริงแต่ไม่ใช่ พวกเทวดา หรืออะไรอื่นๆ

ที่ยังอยู่ใน วัฎฎ เหล่านั้นเพียงแค่การหยิบยืม มาเท่านั้น

ไม่ใช่ของจริง ดอก

----------------------------------------

ดังนั้น การที่ จขกท จะไม่นับถือ เหล่า เทวดา หรืออื่นๆ

ก่ ถูก เพราะเหล่า นั้นยังต้องมาพึ่งพา มนุษย์ กันอยู่เลย

----------------------------------------

และการ ที่ จขกท ไม่นับถือ สิ่งศักดิสิทธิ์ ก่ เพราะ การเข้าใจ
ที่แตกต่าง หรือ เข้าใจ ในแง่มุม ที่เท่าที่เห็นเท่านั้น

----------------------------------------

แล้ว สิ่งศักดิสิทธิ์ คือ อะไร .....

ก่ ต้องทำตนเอง ให้ว่าง และเปิดสัมผัส จากใจ แทน

------------------------------------------

สิ่งศักดิสิทธิ์ แท้ ไม่ใช่ พวกแอบ อ้าง พวก รามสูร หรือ เทวดา
ขี้โกหก หรือ พรหมจอมอหังการ ดอก

พวกนั้น มีแต่ (อาศัยกายหยาบ) ขี้โม้ ไปวันๆ ฉันเป็นโน้น เป็นนี่

 

อ้าวท่านก็ไม่เอาเทวดาเหมือนกันหรือ ประกาศออกมาซิ ว่าท่านก็ไม่ต้องการให้เขารักษา ที่กำลังรักษาท่านอยู่ก็ไล่เขาไปซะ ประกาศออกทางเว๊ปนี้ก็ได้นะ เขาก็คงดูอยู่ อย่าเอาความแค้นส่วนตัวมาขวางปัญญา ก็แถพอๆ กันนั่นแหล่ะ แล้วจะรู้สึก จะเล่าให้ฟัง ย่อๆนะ ทรพาถูกสาปให้ไปเกิดเป็นควายเพราะล่วงเกินนางสวรรค์ ว่าจะถูกลุกของตนชื่อทรพีฆ่า หลังจากที่ทรพีฆ่าพ่อตายก็มีความทรนงว่าตนเก่ง ไปท้าสู้กับเขาไปทั่ว จนพระอินทร์ให้พาลีไปปราบ พาลีมีฤทธิ์มากเพราะได้รับพรว่าใครสู้ด้วยกำลังครึ่งหนึ่งจะไปเป็นของพาลี แต่กลับมิอาจฆ่าทรพีได้ ก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีอะไรรักษาอยู่แน่ๆ ซึ่งก็จริงๆ ทรพีมีเทวดาเจ็ดตนสถิตรักษาตามอวัยวะต่างๆ จึงแกล้งหลอกถามออกไปว่า เฮ้ย มึงเก่งขนาดนี้ใครรักษามึงว่ะ ทรพีมีความทรนงตนไม่เห็นคุณเทวดาที่รักษาตน จึงประกาศตอบไปว่า กูเก่งของกูเองโว้ย ไม่มีใครรักษากู พาลีได้ที จึงกล่าวกับเทวดาทั้ง 7 ว่า ดูก่อนท่านเทวดาสิ่งที่ท่านทำอยู่นั้นสมควรจริงหรือเพราะแม้แต่ตัวของมันเองก็มิได้เห็นคุณของท่านเลย เทวดาทั้ง 7 เห็นจริงดังคำของพาลีจึงพากันถอนตัวออกจากการรักษาทรพี พาลีจึงสามารถฆ่าทรพีได้อย่างง่ายดายในที่สุด จบด้วยประการฉะนี้ ผมไม่ได้ต้องการให้ใครไปเป็นลูกน้องเทวดานะ เพียงแต่ต้องการชี้ให้เห็นว่า อย่าเนรคุณ

 

กำลังว่าง อยู่ มีอะไรในตัว ดีๆ ก่ ส่งมาหาเราให้หมด ส่งมาได้เลย
จะตบ มันให้คว่ำ เลย ไม่สนใจดอก เทวดา ขี้กะป้อ น่ะ