การยึดมั่นถือมั่นเป็นส่วนหนึ่งของกรรมที่ต้องรอวาระให้หมดลงเองหรือไม่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 7 สิงหาคม 2013.

  1. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ดิฉันทราบดีว่า การยึดมั่นถือมั่นเป็นเหตุแห่งทุกข์ แต่แม้จะพิจารณาแล้วก็ยังไม่สามารถ บรรลุการจะยุติความทุกข์แห่งการยึดมั่นถือมั่นในผู้ตายลงได้ ดิฉันจึงอยากจะทราบว่า ที่ดิฉัน และเชื่อว่าอีกหลายๆคนที่มีจริตเช่นนี้ ไม่สามารถยุติความทุกข์นี้ได้เพราะเป็นกรรมที่ต้องชดใช้ใช่ไหม และเราทำได้อย่างเดียวคือการอวาระที่กรรมจะหมดลงใช่ไหมคะ?
     
  2. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    ในคหสต.ของดิฉันนั้น คิดว่าภพชาตินี้คุณทั้งสองได้หมดกรรมต่อกันแล้ว และในเคสนี้ดิฉันไม่คิดว่าความรู้สึกทุกข์ของคุณ Duchess จะต้องรอให้หมดวาระของกรรมและจะใช่เศษกรรมหรือไม่นั้นดิฉันเองก็ไม่รู้เลยค่ะ ในความทุกข์ที่คุณ Duchess ยังมีอยู่

    หลักใหญ่ๆ คือหากคุณ Duchess คิดว่าเป็นวาระกรรมที่รอวันหมดอายุ ดิฉันก็เชื่อว่าคุณ Duchess สามารถที่จะทำให้กรรมนั้นหมดไปเสียทีโดยเร็วพลัน คุณ Duchess คะคุณต้องมีเมตตาให้ตนเองมากๆ นะคะ และอโหสิกรรมให้ตนเองให้ได้ทุกวัน แล้วเราจึงจะแผ่เมตตาให้คนอื่น ดิฉันเชื่อค่ะว่าคุณจะทุกข์น้อยลงนะคะ คนที่คุณรักนั้นเขาไปดีและเปลี่ยนภพภูมิแล้ว กรรมของเขาในภพนี้ได้หมดลง คงมีแต่เราที่ยังคงต้องต่อสู้กับกิเลสอยู่ในวัฏฏ์นี้ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกัน..

    ไม่ควรยึดติดในสิ่งที่ทำให้เราทุกข์แล้วนะคะ และดิฉันเชื่อว่าคุณ Duchess ผู้เป็นบัณฑิตนั้นทราบดี แต่ตอนนี้คุณ Duchess ก็ยังยึดติดอยู่อีกนิดนึงนะคะว่า ความทุกข์ที่มีนั้น มันเป็นเพราะกรรมและยอมรับที่จะจมอยู่กับทุกข์นั้น ปล่อยวางลงเสียเถิดนะคะ ชีวิตของเรายังคงต้องดำเนินต่อไปค่ะ รักมากทุกข์มาก ยิ่งยึดยิ่งทุกข์ค่ะ ดิฉันเองก็ทราบดีเช่นกัน..

    เพราะการเรียนรู้ในคำสอนของพระพุทธองค์ วัฒนธรรมพุทธสอนให้เราอยู่กับความจริง หลวงพ่อชา ท่านย้ำในเรื่องนี้มากคือ ท่านบอกว่าก่อนที่เราจะดับความทุกข์ เราต้องรู้จักความทุกข์เสียก่อน เหมือนแม่ทัพที่ต้องรู้จักศัตรูดีก่อนจะได้วางแผนชนะมันได้ ให้เรารู้จักโฉมหน้าของความทุกข์ ความทุกข์อยุ่ที่ตรงไหน ก็ต้องดับทุกข์ที่ตรงนั้น อย่าไปดับที่อื่น อย่าพึงอ้างว่าที่นี้ดับไม่ได้หรอก มันร้อนเกินไป ขอดับที่อุ่นๆ ก่อน อย่างนี้เอาตัวไม่รอด วอดวายเลย

    การปฎิบัติไม่ใช่ยากล่อมใจเพื่อจะได้ลืมสิ่งที่กำลังทำให้เราเป็นทุกข์อยู่ เราไม่ได้ภาวนาเพื่อจะหนีจากปัญหา หรือเพื่อเก็บกดปัญหา ตรงกันข้าม เราฝึกให้จิตรู้จักภาวะที่รู้ ตื่นและเบิกบาน กับลมหายใจเป็นต้น เพื่อให้จิตใจมีความสงบสุข เข้มแข็งมั่นคงพอที่จะดูปัญหาคือจิตจะปล่อยวางความยินดี ยินร้าย หรือความยึดมั่นว่ามีเราหรือของเราตราบใด ก็สามารถเข้าใจปัญหาอย่างถ่องแท้ตราบนั้น เข้าใจปัญหารู้ขอบเขตของปัญหา สามารถเห็นเหตุปัจจัยของปัญหาอย่างแท้จริง แล้วคอยแก้ไข ปัญหาภายนอกก็แก้อย่างหนึ่ง ปัญหาภายในก็แก้อย่างหนึ่ง "ถ้าเราไม่ยอมเป็นทุกข์ซะอย่าง ก็ไม่อยู่ในวิสัยของใครที่จะมาบังคับให้เราเป็นทุกข์ได้นะคะ"

    ละความยึดมั่นถือมั่นลงเสียโดยเร็วพลันนะคะ ดิฉันรู้ว่า "นิพพาน" คือสถานที่ที่คุณ Duchess และพวกเราอีกมากมาย กำลังหาทางที่จะเดินทางไปให้ถึง แต่ถ้าเรายังคงเดินไปและแบกภาระไปด้วยนั้น จะทำให้ถึงที่หมายช้าลงอย่างมากมายนะคะ อย่าเสียเวลาอีกเลยนะคะ ไม่เช่นนั้นแล้วดิฉันอาจไปถึงก่อนก็ได้นะเออ.. :D สู้สู้นะคะ..ขอให้มีความเพียรเป็นหลักใจค่ะ ^^
     
  3. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
     ทุกอย่างที่เราพบเจอก็เรียกว่า ผลกรรม ผลกรรมหรือวิบากกรรม ก็อยู่ในปัจจุบันชาตินี้ หากมีปัญญาก็เดินออกจากวิบากกรรมที่เราต้องพบต้องเจอได้ วิบากกรรมก็มีหลายระดับ
    วิบากกรรมที่จะต้องผูกพัน เช่น พ่อ แม่ ลูก มีวิบากกรรมร่วมกัน จะไปตัดความเป็นพ่อแม่ลูกเสียทีเดียวก็ไม่่ได้
    วิบากกรรมที่ เกิดมาอยู่สถานที่ใดสถานที่หนึ่ง จะไปอยู่ที่อื่นในทันทีก็ลำบาก
    วิบากกรรมที่ มีเพื่อนมีฝูง จะหนีหายไปจากเพื่อนฝูงเลยทันทีก็ไม่ได้
    วิบากกรรมที่ เราได้มีอาชีพ ได้ทำงานที่ใดที่หนึ่ง ก็ผูกพันธ์ให้เราต้องดำเนินเลี้ยงชีพนั้นไป จะไปเลิกอาชีพนั้นเสียทีเดียวก็ลำบาก

    ทีนี้ในส่วนของวิบากที่เป็นทุกข์นี้ ก็ไม่ได้อยู่ที่ความผูกพันดังที่กล่าวมาข้างต้นเสียทีเดียว
    เราอาจจะต้องพบเจอ ข้องเกี่ยวกับบุคคลต่างๆ แต่เราสามารถทำใจให้ไม่คิด ไม่ปรุง ไม่ฟุ้งซ่านเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่นมากนัก ก็ได้ เพื่อใจเราจะได้สงบสุข ไม่ใช่มัวแต่คิดไปปรุงไปต่างๆนาๆ จนจิตใจฟุ้งซ่านเป็นทุกข์ นี่คือ การนำใจหลุดออกจากวิบากกรรม แม้ตัวตนยังต้องผูกพันธ์กันไป แต่จิตใจนั้นพ้น ไม่ติดไม่ข้อง ได้

    การยึดติดในสภาพการใช้ชีวิต วิธีคิด อารมณ์เดิมๆ ทุกวัน เรียกว่า ภพ อันจะหมุนวนเป็นวัฏฏะ ไม่รู้จบ การจะออกจากภพ ให้ออกที่ความคิดก่อน แล้วจึงค่อยๆ ปรับเปลี่ยนวิธีคิด อารมณ์ และ วิถีชีวิต ออกจากสิ่งเดิมๆ ที่เคยผูกพัน เพื่อนำไปสู่การใช้ชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น สงบขึ้น สุขขึ้น

    สรุปนะ ให้หมั่นถอนความคิด ความปรุงแต่งทางจิตทางใจก่อน ถามตัวเองว่า วันคืนล่วงเลยผ่านไป มัวทำอะไรอยู่ หาสาระแก่นสารอะไรได้บ้่าง นี่ตอกย้ำด้วยคำถามนี้จนประจักษ์ใจ แล้วจะออกจากสิ่งเดิมๆ ได้
     
  4. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เราบอกกุญแจไปแล้วนี่ ว่าวิธีพ้นจากมัน ให้ทำอย่างไร
    ทั้งหมดทั้งสิ้นที่เธอเจอนี้ ไม่ได้อยู่นอกเหนือสิ่งที่เราบอกเธอไว้ก่อนหน้าเลย
    ทำต่อไป ในแนวทางที่วางไว้ แล้วส่งอารมณ์บ่อยๆ สิ่งที่เจอ มันจะค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละนิด จะได้ปรับแก้ไปเรื่อยๆ เพื่อให้มันก้าวหน้าไปสู่การวางต่อไป

    แต่ถ้าเธอมัวแต่ปล่อยให้ความคิดเข้ามาแทรก ชะงักในการปฏิบัติ ลังเลในวิธีการปฏิบัติ เธอจะต้องติดอยู่ตรงนี้อีกนาน

    และจิตยึดมั่นเหล่านี้แหละ คือ จิตที่จะนำพาเธอไปเกิด และกำหนดภพภูมิที่เธอเกิด จิตที่มีกำลังของการยึดมั่นสูง จะนำพาเธอให้ไปอยู่ในภพปลายทางเป็นระยะเวลานาน ถ้ามันคลายตัวเมื่อไหร่ เธอจึงกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง

    แต่ถ้าเธอเรียนรู้วิธีที่จะวางจากมัน ให้มันคลายตัวลงในปัจจุบันนี้ได้เลย เธอก็ไม่ต้องไปที่ภพภูมิไหนอีก
     
  5. 9TRONG

    9TRONG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +514
    ลองใช้ชีวิตให้ช้าลง

    รักตัวเองให้มากขึ้น

    สูดลมหายใจ เข้า-ออกลึกๆ

    ยาวๆ ช้าๆ

    ...ทุกครั้งที่อารมณ์ขุ่นหมองเกิดขึ้น


    ความทุกข์ในอดีตไม่ว่าจะหนักหนาแค่ไหน ก็ได้ผ่านไปแล้ว

    ขอบคุณวันเวลา ขอบคุณบาดแผล ขอบคุณความทุกข์ ที่ทำให้เราเข้าใจและเข้มแข็งขึ้น

    สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดที่เหลืออยู่ในปัจจุบันนี้ คือการใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า


    ...ไม่มีอะไรจะต้องรออีกต่อไป
     
  6. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301



    ดิฉันต้องคิดว่าเขาเป็นแค่ทางผ่าน ที่วนเวียนมาเจอกันเหมือนที่เราเจอผู้คนมากมายมาก่อนหลายร้อยหลายชาติ เท่านั้นใช่ไหมคะ แล้วดิฉันสามารถช่วยอะไรเขาได้บ้างคะ ถ้าดิฉันได้ไปนิพพาน เขาก็ยังต้องวนเวียน ตาย เกิด อยู่อย่างนี้ เราต้องทำใจแข็ง เอาตัวเราให้รอด ส่วนคนอื่นก็ช่างมันอย่างนั้น ใช่ไหมคะ ถ้าเช่นนั้นพระอรหันต์ไม่จัดว่าเป็นเหมือนไม้ เหมือนหินก้อนหนึ่งหรือ ที่ทำใจวางอุเบกขาได้ขนาดนั้น เหมือนกับคนไร้จิตใจ อย่างนี้ก็เป็นเรื่องยากมากคะ ที่จะทำได้อย่างพระอรหันต์

    พ่อกับแม่ดิฉันไม่ห่วงพวกท่าน เพราะจิตใจ การกระทำก็โน้มไปทางพุทธ ต่เพื่อนของดิฉัน ไม่เชื่อศาสนาอะไรเลย เขาเชื่อแต่ว่าคนตายแล้วสูญนะคะ ถ้าดิฉันไม่คอยเตือนเขา เขาก็ตะเลิดไปมาก อย่างน้อยตอนที่เขากำลังจะตายก็ยังดีที่ดิฉันอยู่กับเขาตลอด แต่มันเป็นภาพที่อุจาดตามากที่ดิฉันไม่เคยลืม เวลาเขากำลังจะตาย ดิฉันเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิต
    ...สองปีก่อน ดิฉันก็เสียคุณตา และยังทำใจไม่ค่อยได้ แต่ก็ยังพอยอมรับเพราะท่านแก่แล้ว ก็มีเพื่อนของดิฉันเป็นเพื่อนให้กำลังใจเสมอ ดิฉันก็บอกเขาว่า ฉันจะดูแลเธออย่างดี ไม่ให้ต้องตายแบบคุณตา เพราะเธอเป็นสิ่งเดียวที่ฉันมี แต่สองปีต่อมาดิฉันก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้ เหมือนกับกรณีของคุณตา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2013
  7. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ใช่คะ
    ตามวาระกรรมนั้นๆที่ให้ผล ที่ส่งผลอยู่ก็ดี
    แต่ถ้ารู้เร็วก็วางเร็ว รู้ช้าก็วางช้า
    แต่ทุกส่วนการกระทำที่เป็นคุณ จะมีคนมาแสดงให้คุณดูและให้ผลที่คุณเห็น
    เหมือนกระจกเงา ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องอาศัย สมาธิ และ ภาวนาเป็นเครื่องให้พ้นทุกข์ ได้ใวคะ
    โมทนาให้พ้นโดยใวคะ
    ถ้ารู้ทัน ก็ป้องกันได้เร็วคะ
     
  8. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    การยึดมั่นถือมั่นเป็นส่วนหนึ่งของกรรมที่ต้องรอวาระให้หมดลงเองหรือไม่

    ขอตอบว่า ไม่ใช่ครับ
     
  9. ญี่ปุ่น

    ญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +564
    นิ่งเงียบ ครู่หนึ่งจะ พบคำตอบ
     
  10. จอมยุ่ง

    จอมยุ่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2013
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +196
    คุณดัชเชส ขออนุญาตสักนิดค่ะ ดิฉันอยากแบ่งสิ่งที่ดิฉันเคยเจอให้คุณดัชเชสลองพิจารณาดูนะคะ ดิฉันเคยเจอคนที่ทำให้ดิฉันทุกข์มากอย่างชนิดที่ว่าเราก็ไม่เคยรู้ว่าตัวเราเองจะสามารถเกลียดใครได้มากขนาดนี้มาก่อนเพราะถูกกระทำอย่างเจ็บปวดและแสบมาก ในขณะที่คุณดัชเชสเจอเพื่อนที่เป็นความงดงามทุกอย่างในชีวิตคุณดัชเชส ดิฉันเจอตรงกันข้ามกับคุณดัชเชส ในเวลาที่ทุกข์เกิด ดิฉันมีแต่ความทุกข์และจมอยู่ในนั้น เมื่อเริ่มแรกมันไม่ได้เป็นความทุึกข์แต่เป็นความหลงอยู่ในความหลอกลวง เมื่อเวลาผ่านไปดิฉันมองการหลอกลวงนั้นแตกจึงรู้สึกในภายหลังว่านั่นเป็นการหมดกรรมในระดับหนึ่ง เราสามารถดันตนเองพ้นจากกองโมหะตรงนั้นได้ในระดับที่ตนเองรู้สึกว่าเหมือนได้เห็นแสงสว่างในเรื่องของความถูกและความควรในการจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร

    ทีนี้ในเมื่อมันเป็นสภาวะที่ไม่ได้เกิดจากดิฉันแต่เพียงฝ่ายเดียว เรื่องจึงยังดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าดิฉันจะได้รู้สึกว่าตนเองหมดกรรมในระดับหนึ่งก็ยังได้รู้สึกถึงสา่ยใยของกรรมที่ทำให้ผู้อื่นยังคงกระทำต่อดิฉันได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีอิทธิพลมากเท่าที่มันเคยมี แต่ความทุกข์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่นี้ก็กำลังเปลี่ยนรูปเป็นโกรธะและเป็นวงจรของกรรมของดิฉันอยู่ดีที่คงไปมีผลต่อดิฉันในภายภาคหน้าเหมือนกันอีกตามกระแสกรรม แต่ในขณะเดียวกันดิฉันก็รู้ว่ากรรมช่วงหลังนี้ที่ยังคงมีสิทธิมาอยู่ในชีวิตของดิฉันนี้ส่วนหนึ่ง (และเป็นส่วนใหญ่ด้วย) เป็นเพราะดิฉันอ่อนข้อให้ตัวเองในการปฎิบัติซึ่งเป็นทางออกสายเอกของทุกข์นั่นเอง ดิฉันจึงขออธิบายความเข้าใจของตนเองที่มีต่อเรื่องที่คุณดัชเชสถามไว้ว่าดังนี้ค่ะ

    กรรมมีผลและระยะเวลาของตัวมันเอง ซึ่งยากนักที่ใครจะหลีกให้พ้นอย่างขาวสะอาดและถาวรได้ การพ้นจากกระแสกรรมหรือกฎแห่งกรรมเป็นเรื่องยากมากในความคิดของดิฉัน แต่ในขณะเดียวกัน ไม่มีอะไรในโลกนี้สร้างสรรค์ตัวเองได้มากมายและงดงามเท่าที่มนุษย์สามารถทำให้ตัวเองได้ และในขณะเดียวกันก็ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ทำลายตัวเองได้มากมายและรุนแรงเท่าที่มนุษย์สามารถทำให้ตัวเองได้เช่นกันค่ะ เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าคุณจะมีกรรมเพียงใด การฝึกปฎิบัติของคุณเองนั่นแหละที่เป็นทั้งตัวต่ออายุให้กรรมของคุณยังคงยืดยาวต่อออกไปอีก(ถ้าคุณปฎิบัติผิดหรือย่อท้อ) และในขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องย่นระยะเวลาของกรรมคุณให้สั้นลงได้ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สติปัญญาที่ถูกต้องและศรัทธาที่ถูกต้องต้องมารวมกันและตามขนาบด้วยความเพียรที่ไม่มีความท้อถอยนั่นแหละค่ะ ดิฉันเคยได้รู้สึกอยู่ครั้งหนึ่งในชีวิตว่าเพียงแค่เรายอมรับแก่ตัวเองได้อย่างแท้จริงว่าเราได้ก่อกรรมไว้และจำเป็นจะต้องชดใช้ให้เขาอย่างจริงใจ ดิฉันกลับพบว่้าความทุกข์ทรมานของดิฉันเหมือนจะสลายหายไปมากมายทีเดียวและยังได้เปิดจิตใจของดิฉันขึ้นสู่สภาวะที่ดีขึ้นอย่างมากอีกด้วย ไม่มีอะไรอยู่เหนือความพยายามนะคะ ขอให้สดใสและมั่นคงในการปฎิบัติต่อไปค่ะ
     
  11. จอมยุ่ง

    จอมยุ่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2013
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +196
    ทำไมถึงคิดว่าสภาพอุเบกขาของพระอรหันต์จะเปรียบได้กับไม้หรือหินคะ อุเบกขาที่ถูกต้องไม่ได้เกิดขึ้นจากเมตตาหรอกหรือ และจิตใจของพระอรหันต์ไม่ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตาที่มนุษย์ผู้ยังต้องฝึกตนอยู่ยังไม่สามารถเข้าถึงได้หรือคะ ดิฉันกำลังจะถามว่าคุณดัชเชสคิดอย่างไรเรื่องสภาวะตามธรรมชาติของพระอรหันต์ ปกติวิสัยของท่านเป็นอยู่อย่างไร โบราณท่านว่าไว้ว่าผู้ที่ได้ธรรมระดับเดียวกันย่อมมองกันออก ถ้ายังสงสัยท่านอยู่ก็เพราะเราเองที่ยังไม่ถึง ระวังสิ่งที่เรียกว่าการปรามาสนะคะ

    คุณดัชเชสเคยสงสัยไหมว่าทางสายกลางที่พระพุทธเจ้าประพฤติ ทางสายกลางที่พระอรหันต์ประพฤติและทางสายกลางที่มนุษย์ประพฤติมีรายละเอียดอย่างเดียวกันไหม สภาวะธรรมชาติของจิตใจเป็นอย่างเดียวกันหรือเปล่า ถ้าพระพุทธเจ้ามีรายละเอียดของคำว่าทางสายกลางไม่ผิดไปจากที่ปุถุชนทุกวันนี้นึกคิดกันอยู่ ท่านจะทรงเป็นพระพุทธเจ้าไหมคะ ไม่ได้มีจิตอยากตำหนินะคะ ขอโทษถ้าแรงไปแต่สภาวะบางอย่างสูงและศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าคนเราจะเข้าใจได้ถ้ายังไปไม่ถึง และการกล่าวถึุงโดยไม่ระวังเป็นกรรมได้นะคะ ขอให้มีความสุขและสงบในการปฎิบัติค่ะ
     
  12. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301


    สิ่งนึงที่เป็นความสามารถของดิฉัน คงจะด้วยราศีเกิดทำให้มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้คือ การมองหน้าคนและสามารถอ่านออกว่า ใครดีใครเลวคะ ด้วยเหตุนี้คนที่ดิฉันเลือกมาเป็นเพื่อนสนิท จะเป็นคนที่ดีมากๆและไม่มีวันทรยศ ดิฉันดูจากตาของคนนะคะ และตั้งแต่เกิดมา ดิฉันเห็นคนที่มีสายตาการมองที่คล้ายๆกับเพื่อนของดิฉันนั้นมีแค่ สามคนเท่านั้น และคนพวกที่มีสายตาลักษณะนี้เวลาคุณขออะไรให้ช่วย ก็จะช่วยทันทีโดยไม่ปฏิเศส ไม่ว่าคุณจะสนิทหรือไม่หรือเป็นคนแปลกหน้า.......ดังนั้นการจะเจอคนแบบนี้อีกจึงเป็นเรื่องยาก

    ดิฉันผูกพันกับเขามากและช่วงเวลาที่มีเขาอยู่เป็นเวลาที่ดิฉันมีความสุขที่สุดของการได้เกิดมาในชาตินี้เลยละคะ เขาดีกับดิฉันมาก เวลาเรามาเมืองไทยทุกวันเกิดของเขา เข้าห้างพารากอน เซนทรัลเวิร์ล ซื้อ ของให้ทุกอย่างที่อยากได้ ซื้อให้ทุกวัน ลำพังหน้าตาเค้า ไม่ซื้อไม่จ่ายก็น่ารักมากพออยู่แล้ว เวลาทำผิดพราดเขาให้เงินมาซื้อของจำเป็นอย่างตั๋วเครื่องบิน หรือไปเรียนคอร์ส แต่ก่อนดิฉันนิสัยไม่ค่อยดีได้เงินง่าย มีแต่คนตามใจ เอาเงินไปซื้อของอย่างอื่น เขารู้ก็บ่นแบบน่ารักๆนิดหน่อย บ่นแบบทำนองเอ็นดูปนตลก แล้วก็ให้เงินมาใหม่ ไม่เคยโกรธนานเลย


    เข้าร้านอาหารก็กินระดับอาหารฝรั่งเศส ญี่ปุ่น อินเดีย ทุกวัน อย่างร้านมหานาคา ซอย นานา, blue elephant, วันเกิดซื้อช่อดอกกุหลาบมาให้ แถมจะเอาอะไรซื้อให้อีก แล้วยังตั้งชื่อใหม่ให้ดิฉันด้วย เป็นภาษาอังกฤษความหมายที่เขาชอบ โรแมนติก ซะขนาดนั้น
    เขาจะเรียกชื่อนี้แทนชื่อจริงดิฉัน และบอกใครๆให้เรียกตาม, การที่เขาตายนี้ไม่ต่างจากการฆ่าดิฉันให้ตายไปด้วยเลยคะ


    เพราะช่วงชีวิตที่เขามีชีวิตอยู่คือเวลาทีดิฉันมีความสุขที่สุดในชีวิต และไม่มีอะไรสามารถมาเทียบได้กับเวลาที่มีเขาอยู่ เวลาที่เราเดินหารถแท็กซี่กลับบ้านทุกเย็น เวลาที่เราไปเที่ยวด้วยกันอย่าง down town สถานที่พวกนั้นดิฉันก็ไปไม่ได้อีกในชาตินี้ ถ้าไม่มีเขาดิฉันไปเห็นสถานที่พวกนั้นมันก็ทุกข์



    แถมก่อนตายยังพูดทิ้งท้ายไว้อีกคะ มันติดอยู่ในคอในใจ เหมือนคนที่มีความกังวล ความเคลียดอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ทุกอย่างมันเป็นได้แค่ภาพในหัวที่ดิฉันนึกขึ้นมาในอดีต แต่ในความเป็นจริงมันไม่มีแล้ว ดิฉันไม่สามารถบรรยายเป็นตัวหนังสือถึงความเจ็บปวดว่ามากมายแค่ไหน แต่เอาเป็นว่า ไม่อยากใช้ชีวิตหรือทำอะไรก็ไร้จุดหมายนะคะ อยากตายไปจะได้เจอเขา คิดแค่นั้น

    ดิฉันเป็นคนที่ชอบพวกศิลปะ นิยาย นิทาน ประวัติศาสตร์ เวลารับรู้อะไรก็จะมากกว่าคนอื่นหลายสิบเท่า มิเช่นนั้นคงไม่สามารถส่ความรู้สึกลงบนภาพวาดหรือภาพถ่ายให้คนอื่นได้เห็น ว่าโลกที่ดิฉันมองมันมีมุมที่สวยมากเพียงใด ที่คนอื่นมองไม่เห็น แต่มุมที่ร้ายดิฉันก็มองเห็นได้ลึกได้เจ็บปวดกว่าคนอื่นหลายเท่าคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2013
  13. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301


    ที่ดิฉันรู้สึกเช่นนั้นก็เพราะว่า ดิฉันเห็นคนที่ปฏิบัติขั้นสูงๆหลายๆคน เวลามาแนะนำดิฉัน ก็มักจะบอกให้วางอุเบกขา ไม่คิด ไม่อยากรู้แม้กระทั้งว่า เขาตายแล้วไปไหน อย่างพระอาจารย์องค์นึง แม่ดิฉันไปถามให้ว่าดิฉันอยากรู้ว่า เพื่อนที่ตายของดิฉันนั้นเขาเป็นวิญญาณไปอยู่ไหน พระท่านก็จะบอกว่า ทำนอง ตายไปแล้วก็ปล่อยให้เขาไป มันคนละภพ อย่าไปยึดติดอยากรู้ผูกพัน นี้ไม่ใช่ได้คำตอบแบบนี้จากพระอย่างเดียวนะคะ ทั้งร่างทรง ทั้งใครต่อใครที่ีฌาณ ก็พูดทำนองนี้ ซึ่งดิฉันมีความเห็นว่า ถ้ามีเมตตาต่อคนตายจริงทำไมไม่บอกละว่าเขาเป็นไง อยู่ที่ไหน ถ้าสามารถทำใจตัด ม่คิดไม่นึกไม่สงสาน มันก็ไม่ใช่ใจคนแต่เป็นก้อนหินแล้วนะคะความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2013
  14. จอมยุ่ง

    จอมยุ่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2013
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +196
    ดิฉันลองแอบจินตนาการเล่นจากคำพูดของคุณดัชเชสนิดหนึ่งดังนี้ โดยทั่วไป พระอริยเจ้าผู้งามเลิศมักสอนให้ผู้คนหลุดจากทุกข์ แต่จากประสบการณ์ดิฉัน ดิฉันเชื่อเรื่องที่ว่าดวงจิตพระอริยเจ้าทั้งหลายเปี่ยมไปด้วยเมตตา และท่านมีจิตที่หยั่งถึงภพทั้งหลายและทราบได้แบบรู้แจ้งแทงตลอดว่าเหตุและผลที่ผ่านมาของแต่ละคน เหตุและผลที่เป็นไปในปัจจุบันของแต่ละคน เหตุและผลอันจะมีมาในอนาคตของแต่ละคนเป็นเรื่องที่ท่านรู้ท่านเห็น ถ้าท่านไม่ยอมพูดก็อาจจะเพราะไม่อยากให้ครุ่นคิดในเรื่องเหล่านี้ แต่โดยวิสัยพระอริยเจ้าทั้งหลายท่านก็จะตามเมตตาดวงวิญญาณที่ท่านเมตตาได้อยู่แล้ว เหมือนที่หลวงปู่ทั้งหลายต้องโปรดสรรพวิญญาณหมดทั้งสามโลกไงคะ คุณแม่คุณไปกราบถามท่านก็เท่ากับว่าเรื่องเพื่อนของคุณเข้าสู่ความรับรู้ของท่านแล้ว แล้วแท้ ๆ ท่านก็อาจจะรู้ว่าไม่มีอะไรน่าห่วงเพราะวิถีการดำเนินไปของดวงวิญญาณของเพื่อนคุณจะไม่มีอะไรน่าห่วงก็ได้หรือไม่ก็เมื่อถึงเวลาเมื่อวิญญาณเขาเปิดก็จะได้รับความเมตตาจากพระอริยเจ้าองค์ไหนก็ตามหรือแม้แต่ได้พบประสบการณ์ที่วิญญาณเขาจะเริ่มรับรู้ศาสนาด้วยซ้ำไป ท่านเห็นไปข้างหน้าแล้วเมื่อท่านไม่ห่วงก็ต้องตัดกังวลของตนบ้างไหมคะ ถ้าคิดถึงก็นั่งสมาธิแผ่ส่วนกุศลให้เขา ขอให้เขาสงบเย็นและเป็นสุขด้วยพลังกุศลของคุณก็ได้นี่คะ ส่วนนี้คุณก็อาจทำให้เขาอยู่แล้วก็ได้

    ดิฉันยังคิดเลยว่าดิฉันจะสวดมนต์ให้คุณพ่อแต่พอแผ่ก็แผ่ไปหมดอีกเหมือนกัน ก็ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจะอุทิศให้ท่านคนเดียวเลยค่ะ ตอนท่านเสียใหม่ ๆ แม่ก็อยากรู้นี่แหละค่ะก็เลยไปหาคนทรงเหมือนกัน แต่ทางคนทรงบอกว่าเรียกหาเท่าไหร่ท่านก็ไม่ตอบรับ เขาบอกว่าดวงวิญญาณที่เป็นอย่างนี้เพราะไม่อยากกลับมาเกิดอีก ดิฉันก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่านะ แต่ถ้าคุณพ่อดิฉันจะคิดอย่างนั้นดิฉันก็ไม่แปลกใจอีกนั่นแหละค่ะ มุ่งมั่นสร้างกุศลให้เพื่อนคุณดีกว่าค่ะ
     
  15. จอมยุ่ง

    จอมยุ่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2013
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +196
    ดิฉันเดาไม่ออกหรอกว่าความทุกข์คุณจะลึกขนาดไหน แต่ดิฉันมีอีกเรื่องจะเล่าให้ฟัง ในระหว่างที่ความทุกข์ของดิฉันดำเนินไปด้วยความเกลียดและความน่าขยะแขยงในบางครั้ง มีคนอีกคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตดิฉัน แต่ดิฉันไม่เคยมองเห็นจิตใจเขาเลยและไม่น่าเชื่อด้วยว่าหลาย ๆ ครั้งที่ดิฉันมาย้อนคิดเรื่องนี้ ดิฉันกลับต้องเสียน้ำตาเพราะเสียใจที่ไม่ได้แต่งงานกับเขา แต่ในขณะเดียวกันก็ดีใจที่เขาเลือกผู้หญิงอีกคนหนึ่งด้วยเหตุผลที่ดิฉันนึกเดาได้ทีเดียวว่านี่แหละสุภาพบุรุษ ในชีวิตดิฉัน คนที่อ่านจิตใจดิฉันได้อย่างทะลุึปรุโปร่งอย่างไม่สามารถจะปิดบังอะไรได้ก็คือคุณพ่อและดิฉันก็เป็นลูกสาวคุณพ่อมาโดยตลอด แต่มีคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำได้อย่างนั้นโดยที่เขาไม่ได้ฝึกจิตหรือมีอำนาจวิเศษแต่อย่างใดเลยนะคะ คนคนนี้ห่วงผลประโยชน์ทุกอย่างที่ดิฉันควรจะได้ (ดิฉันเป็นลูกน้องคนหนึ่งในบริษัทที่เขาเป็นกรรมการอยู่และไม่ได้หมายถึงผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมอย่างเดียวนะคะ) รวมทั้งเข้าใจในเหตุผลทุกอย่างที่ดิฉันตัดสินใจทำอะไรด้วยซ้ำไป ภายในระยะเวลาอันสั้นที่แทบจะไม่มีการพูดคุยใด ๆ เลย แม้แต่เรื่องงานก็มีน้อยเพราะดิฉันไม่ใช่ลูกน้องสายตรงของเขา แต่คนคนนี้ทำให้ดิฉันรู้สึกว่าเขาอ่านความคิดของดิฉันออกอย่างหมดจดซึ่งจริง ๆ ก็เหมือนเป็นวิญญาณของคนนั่นแหละค่ะ แต่ทุกวันนี้ดิฉันดีใจที่เขาเลือกผู้หญิงอีกคนไว้สำหรับชีวิตเขาด้วยเหตุผลที่ดิฉันรู้สึกว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ ที่เขาทำอย่างนั้น จนทุึกวันนี้ ถ้าแม้ว่ายังอยากจะร้องไห้อยู่ ดิฉันก็สามารถยิ้มได้กับความคิดที่ "ดิฉันโชคดีมากที่ได้เจอคนคนนี้ และถ้าบุญและกรรมมีเท่านี้ก็ให้มันเป็นเท่านี้ ดิฉันโชคดีที่ได้เจอสุภาพบุรุษของแท้ที่นอกเหนือไปจากคุณพ่อดิฉัน เป็นโชคที่มากพอแล้วสำหรับดิฉันและดิฉันอยากเห็นครอบครัวเขามีความสุข ตัวดิฉันเองก็อาจจะกำลังต้องไปเจอเรื่องที่ดีขึ้นสำหรับตัวดิฉันเองถึงแม้ว่าจะไม่มีเขาก็ตามที" คิดถึงเหมือนกันแต่ดีใจที่ได้เจอคนนี้ คนคนนี้เป็นคนเดียวในชีวิตดิฉันที่ทำให้ดิฉันคิดถึงคำว่า "พลาโตนิค เฟรนด์ชิป" จิตใจเขาสะอาดมากและสูงส่งมากในความรู้สึกดิฉัน ทุกวันนี้ก็อยากเห็นเขามีความสุขกับครอบครัวเขาค่ะแต่ก็ไม่ได้รับรู้ข่าวสารเขาหรอก ดีใจดีกว่าไหมคะที่คุณได้เคยเจอผู้ที่หาเจอได้ยากน่ะค่ะ
     
  16. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154



    โธ่ท่าน...เจ๊แกดูเหมือนจาฉลาดออกอย่างนั้น.
     
  17. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ขอบคุณที่ เอาใจช่วยคะคุณจอมยุ่ง แต่เท่าที่ฟังดู คือ คุณจอมยุ่งมีพื้นฐานเรื่องความศรัทธาในศาสนาพุทธค่อนข้างมากอยู่ ซึ่งดิฉันคิดว่าเป็นอีกข้อดีนึงของการทำให้สามารถตัดความรู้สึกต่างๆได้ง่ายขึ้น แต่ส่วนของดิฉันพูดกันจริงๆ ในขณะที่ดิฉันความศรัทธาอยู่ที่ 50-50.......ตอนสมัยที่ดิฉันอยู่มัธยมนี้เชื่อเกือบ แต่ไม่รู้ทำไมพอโตมา มันเริ่มเชื่อน้อยลง และมีความเชื่อที่เกิดจากประสบการณ์ตัวเอง คือ ดิฉันก็เคยเจอผี แต่เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่ตายจะมีวิญญาณ คือดิฉันคิดเข้าใจเอาตามประสบการณ์เองว่า ปกติ จะไม่มีวิญญาณและตายไปแล้วตายไปเลย แต่ กรณีที่มีวิญญาณคือ กรณีพิเศษีที่ พลังงานตกข้างแต่ไม่ใช่ทุกเคส และเชื่อว่านานวันพลังงานนั้นก็จางหายไป


    อย่างมโณนิทธิดิฉันก็เคยได้แต่ปัจจุบันก็มานึกย้อนอีกว่ามันมีหลักการอธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งวิธีการนั่งสมาธิ มโณฯ นี้ ดิฉันได้มาพบว่ามันไม่ใช่เรื่องใหม่เลย เพราะทางจิตเวทย์ที่ต่างประเทศ ก็มีวิธีคล้ายๆกันนี้ในการช่วยเหลือคนไข้ ซึ่งจัดว่าเป็นการสะกดจิตอย่างหนึ่ง เป็นกลไก จากสมอง เหมือนๆกับ ที่เขาเอาคอมพิวเตอร์ทดสอบ นักปาเป้าแม่น ที่มีพังสมาธิสูง ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นกลไกที่ฝึกได้ แต่กระนั้นดิฉันก็ยังมีบางส่วนที่เชื่อเรื่องโลกหลังความตาย จากความบังเอิญต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นดิฉันคงต้องอาศัยเวลาสักระยะในการพิสูจน์เรื่องนีหรอมีโอกาสได้เจอผู้รู้จริงที่ไม่ปิดบัง และพรอมจะยกศาสตร์นี้เปิดเผยให้คนทั้งรู้อย่างเป็นกิจลักษณะคะ
     
  18. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    ไอน์สไตน์พิสูจน์ทฤษฏีทางพลังว่า E = mc2
    พระพุทธเจ้าสอนว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
    แล้วพลังงานจะสูญหายไปได้อย่างไรครับ
     
  19. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    การเวียนว่ายตายเกิด ในหลักศาสนาพุทธนั้น เราต้องปฎิบัติเองไม่ใช่หรือคะ
    แม้จะให้คุณ DuchessFidgette ตามไปช่วยถึงกี่ภพชาติ ก็ไม่มีทางให้เขาไปนิพพานได้
    หากคุณ DuchessFidgette เห็นว่า ต้องการช่วยเขาจริงๆ ควรที่จะให้เขาหลุด จาก ความรู้สึก รัก-โลภ-โกรธ-หลง ก่อนดีกว่ามั้ย

    ไม่สามารถยุติความทุกข์นี้ได้เพราะเป็นกรรมที่ต้องชดใช้ใช่ไหม

    ตรงนี้ เห็นว่า ไม่ใช่ค่ะ
     
  20. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ท่าจะยากที่จะช่วยเขาคะ เพราะขนาดตอนมีชีวิตอยู่ก่อนเจอดิฉันเขาไม่เชื่อเรื่องศาสนาใดๆทั้งสิ้น ตอนดิฉันบูชาพระพิฆเนศมาที่บ้าน เขาก็พูดเป็นเรื่องตลก หาว่ารูปปั้นดูตลก เหมือนช้างในการ์ตูน แล้วยังทำล้อเลียน เอามือไปเคาะพุง รูปปั้นพระพิฆเนศ พอเล่าตำนานให้ฟังเขาก็ยิ่งขำเข้าไปใหญ่เรื่องที่ พระพิฆเนศเสวยขนมจนพุงป่อง นั่งบนหลัง หนู มุสิกะจนหง่ายท้องตกลงมา พุงแตกเลยต้องเอางูมารัดพุง เพราะขนมไหลออกมา

    แต่ศาสนาพุทธนี้พออธิบายให้ฟังพอเชื่อบ้าง แต่ไม่นับถือ หรือ ศรัทธา นะคะ แต่ดิฉันกับพ่อและแม่ก็พาเขาไปวัดบางครั้งเวลาเขามาเที่ยวเมืองไทย ชวนเขาทำบุญด้วย เขาก็ทำตามมารยาทไปอย่างนั้นแต่จริงๆแล้วเขาไม่ได้ศรัทธาหรือนับถือนะคะ แต่แม้จะไม่มีศาสนาแต่เขาเป็นคนดีมากสำหรับดิฉันแต่กับคนอื่นๆ บางคนก็บอกเขาเป็นคนดื้อ หัวแข็ง ถ้าเขาเกลียดใคร เขาก็แสดงออกมาเลย เป็นคนที่เชื่อมั่นตัวเองสูงมาก แต่เป็นคนสุภาพ

    ดิฉันไปหาอาจารย์ที่นับถือที่ จังหวัด อยุธยา ท่านบอกแต่ว่า วิญญาณเขายังอยู่ในบ้านกับดิฉัน แต่ แสดงตัวไม่ได้เพราะพลังไม่พอ ส่วนมีร่างทรงอีกคนพูดไว้ก่ อนเขาจะตายว่า ผู้ชายคนนี้ไม่เชื่อสักศาสนาพอตายไปจะกลายเป็นเจ้าที่ติดค้างอยู่กับที่ตาย บุญทำให้ก็ไม่รับเพราะเขาไม่รู้จัก ซึ่งทั้งพระ ทั้งร่างทรง ดิฉันก็ไม่ได้ปักใจเชื่อทั้สองคนคะ


    เพราะดิฉันเป็นคนที่วลาใครบอกอะไรก็จะพิจารณาตามเหตุตามผล อย่างแม้แต่พวกหมอญาณทิพย์ฝรั่งที่เก่งๆมองเห็น บอกได้แม้กระทั้งว่า เมื่อเช้าเราไปทำอะไรมา หรือ ผู้ตายชื่ออะไร หรือให้บอกว่า ของที่หาไม่เจออู่ไหน พวกนี้ก็เหมือนๆพระ และร่างทรงในเมืองไทยที่บอกได้ แต่อดีต หรอ ประวัติของคนตาย แต่พอถามว่าวิญญาณตายไปแล้วอยู่ไหน หรือ ทำอะไร มีสถานที่อยู่ ความเป็นอยู่ยังไง พวกนี้ก็จะตอบไมได้ จะตอบได้แต่ว่า เขาต้องย้ายภพภูมิไปอยู่ในอีกสถานที่ของคนที่ตาย ซึ่งดิฉันก็ไม่เคลียร์อยู่ดี อย่างฝรั่งบางคนทีไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เขาก็บอกว่า พวกนี้เดาเอา เดาเก่ง เป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่ง คนพูดแบบนี้ให้ดิฉันฟังก็เป็นหนึ่งในศัตรูของดิฉันนะคะ และคนพวกนี้ก็ไม่ค่อยจะมีคุณธรรมทางจิตใจหรอก เขาถึงกล้าร้ายกับคนอื่นเพราะเชื่อว่าคนเราตายแล้วตายเลย ไม่มีการชดใช้กรรม ส่วนโชคชะตาดีร้ายของแต่ละคนพวกเขาเชื่อว่ามันเป็นแค่ random
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...