ไม่มีวันไหนที่ผมไม่ได้บริจาคทานเลย

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย newamazing, 28 กรกฎาคม 2013.

  1. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    การบริจาคทานเป็นการขัดเกลาความตระหนี่ที่เป็นมลทิล และยังอุดมไปด้วยความสุขเพราะผู้ให้ย่อมมีความสุขมากกว่าผู้รับ และคุณสมบัติของพระโสดาบันนั้นจะต้องชุ่มไปด้วยการให้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2013
  2. รีล มาดริด

    รีล มาดริด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +717
    การทำทาน..เป็นการ ละ ความตระหนี่ ความยึดติด..และแม้ที่สุด ในการทำทาน เป้นการ ละ ความ มีอัตตา ในขั้นปรมัตต์ เลยทีเดียว....พระเวสวันดร บำเพ็ญ บารมีชาติสุดท้ายก่อน มาตรัสรู้ เป็นพระ สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า..ก้ ด้วยทานบารมี อันเอกอุ ...

    หาก การทำทาน ..แต่ยังละ ไม่ถึง อัตตา ที่แท้ ก็ เป็นแค่บารมี ตื้นๆเท่านั้นครับ ยัง เป้นการทำทานเพื่อหวัง สิ่งตอบแทน..คนทั่วๆไปที่ยังเรียนไม่ถึง พอ ทำทานเสร็จจะ อธิษฐาน ขอโน่นขอนี่กัน เกือบ ทุกคน....

    เพราะยังหลง อามิส ยังหลงโลก ยังหลง นันทิราคะ..พอทำทานเสร็จ ก็ ขอให้ได้นั่นได้นี่กัน...((แม้แต่ตัวผมเอง ก็เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน))
     
  3. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    พระพุทธองค์ตรัสว่า การสาดน้ำล้างภาชนะลงไปในบ่อน้ำครำ ด้วยเจตนาที่จะให้สัตว์ที่อาศัยอยู่ในที่เหล่านั้นได้รับความสุข ก็ยังมีอานิสงส์ไม่น้อย จะป่วยกล่าวไปไยกับการให้ทานในผู้มีศีล หรือในบุคคลหมู่มากที่ประพฤติปฏิบัติตรง ทั้งโดยเจาะจงและไม่เจาะจง

    ในทานสูตร อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต ข้อ ๔๙ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้ทานที่ให้แล้ว มีผลมาก แต่ไม่มีอานิสงส์มาก และเหตุปัจจัยที่ทำให้ทานที่ให้แล้วมีผลมาก และมีอานิสงส์มาก ไว้ดังต่อไปนี้
    ๑. บุคคลบางคนให้ทานด้วยความหวังว่า เมื่อตายไปแล้ว จักได้เสวยผลของทานนี้ เมื่อตายไป ได้เกิดในเทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกา สิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่ในเทวโลกแล้ว ก็กลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้ คือกลับมาเกิดในโลกนี้อีก ทานอย่างนี้มีผลมาก แต่ไม่มีอานิสงส์มาก
    ๒. บุคคลบางคนไม่ได้ให้ทาน เพราะหวังผลของทาน แต่ให้ทานเพราะรู้ว่าทานเป็นของดี เป็นบุญ เป็นกุศล จึงให้เมื่อตายไป ได้เกิดในเทวโลกชั้นดาวดึงส์ สิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่ในเทวโลกแล้ว ก็กลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้ คือกลับมาเกิดในโลกนี้อีก ทานอย่างนี้มีผลมากแต่ไม่มีอานิสงส์มาก
    ๓. บุคคลบางคนไม่ได้ให้ทาน เพราะหวังผลของทาน ไม่ได้ให้ทานเพราะรู้ว่าทานเป็นของดี แต่ให้ทานเพราะละอายใจที่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย บรรพบุรุษเคยทำมา ถ้าไม่ทำก็ไม่สมควร ครั้นตายลงได้เกิดในเทวโลกชั้นยามา สิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่ในเทวโลกแล้ว ก็กลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้ คือกลับมาเกิดในโลกนี้อีก ทานอย่างนี้มีผลมาก แต่ไม่มีอานิสงส์มาก
    ๔. บุคคลบางคนไม่ได้ให้ทานเพราะหวังผลของทาน ไม่ได้ให้ทานเพราะรู้ว่าทานเป็นของดี ไม่ได้ให้ทานตามบรรพบุรุษ แต่ให้ทานเพราะเห็นสมณพราหมณ์เหล่านั้นหุงหากินไม่ได้ เราหุงหากินได้ ถ้าไม่ให้ก็ไม่สมควร ครั้นตายลงได้เกิดในเทวโลกชั้นดุสิต สิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่ในเทวโลกแล้ว ก็กลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้ คือกลับมาเกิดในโลกนี้อีก ทานอย่างนี้มีผลมาก แต่ไม่มีอานิสงส์มาก
    ๕. บุคคลบางคน ไม่ได้ให้ทานเพราะหวังผลของทาน ไม่ได้ให้ทานเพราะรู้ว่าทานเป็นของดี ไม่ได้ให้ทานตามบรรพบุรุษ ไม่ได้ให้ทานเพราะเห็นว่า สมณพราหมณ์หุงหากินไม่ได้ แต่ให้ทานเพราะต้องการจำแนกแจกทานเหมือนกับฤาษีทั้งหลายในปางก่อนได้กระทำมหาทานมาแล้ว เขาตายไปได้เกิดในเทวโลกชั้นนิมมานรดี สิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว ก็กลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้ คือกลับมาเกิดในโลกนี้อีก ทานอย่างนี้มีผลมาก แต่ไม่มีอานิสงส์มาก
    ๖. บุคคลบางคน ไม่ได้ให้ทานเพราะหวังผลของทาน ไม่ได้ให้ทานเพราะว่าทานเป็นของดี ไม่ได้ให้ทานตามบรรพบุรุษ ไม่ได้ให้ทานเพราะเห็นว่าสมณพราหมณ์หุงหากินไม่ได้ ไม่ได้ให้ทานเพราะต้องการจำแนกแจกทานเหมือนฤาษีทั้งหลายในปางก่อนได้กระทำมหาทาน แต่ให้ทานเพราะคิดว่าเมื่อให้แล้ว จิตจะเลื่อมใสโสมนัสจึงให้ ครั้นตายไปย่อมเกิดในเทวโลกชั้นปรนิมมิตวสวัตดี สิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว ก็กลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้ คือกลับมาเกิดในโลกนี้อีก ทานอย่างนี้มีผลมาก แต่ไม่มีอานิสงส์มาก
    ๗. บุคคลบางคนในโลกนี้ ไม่ได้ให้ทานเพราะเหตุที่กล่าวแล้วทั้ง ๖ อย่างข้างต้นนั้น แต่ให้ทานเป็นเครื่องปรุงแต่งจิต คือให้ทานนั้นเป็นเครื่องขัดเกลาจิตใจหมดจดจากกิเลสด้วยอำนาจของสมถะและวิปัสสนา จนได้ฌานและบรรลุ จนได้ฌานและบรรลุเป็นพระอนาคามีบุคคล ตายแล้วได้ไปเกิดในพรหมโลก เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่ในพรหมโลกแล้ว เป็นผู้ไม่ต้องกลับมาเกิดในโลกนี้อีก คือปรินิพพานในพรหมโลกนั้นเอง ทานชนิดนี้เป็นทานที่มีผลมาก และมีอานิสงส์มาก

    สรุปรวมความว่า ทานชนิดใดก็ตามเป็นปัจจัยให้ต้องเกิดอีก ทานชนิดนั้นแม้มีผลมาก ได้เกิดที่ดีมีความสุขอันเป็นทิพย์ แต่ทานนั้นก็ไม่มีอานิสงส์มาก เพราะไม่สามารถจะทำให้หมดจดจากกิเลสได้

    ส่วนทานชนิดใดเป็นปัจจัยให้ไม่ต้องเกิดอีก ทานชนิดนั้นชื่อว่ามีผลมากด้วย มีอานิสงส์
    มากด้วย เพราะทำให้หมดจดจากกิเลส

    ฉะนั้นคำว่า "อานิสงส์มาก" ในที่นี้ จึงหมายถึงการหมดจดจากกิเลสทั้งปวง ไม่ต้องเกิดอีก

    ขอกราบอนุโมทนา สาธุการเป็นอย่างสูง ก้บผู้สร้างทานบารมีแล้วทุกท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2013
  4. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ทาน << ศีล << ภาวนา

    ไม่มีวันไหนที่ผมไม่ได้ภาวนาเลย
     
  5. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    พระพุทธเจ้ากล่าวว่าจิตที่ขาดการให้ทานอยากที่จะเข้่าสู่ธรรมที่แท้จริงได้
     
  6. ผ่อนกรรม

    ผ่อนกรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +400
    ทานอาจไม่ได้แปลว่าต้องเป็นเงิน มีขนมเค้ก ๑ ชิ้น แต่แบ่งกันกินได้ถึง ๗ คน

    อย่างนี้เรียกว่าทานหรือไม่ การมีจิตคิดปันอาหารให้เพื่อนบ้านนี้เรียกว่าทานหรือไม่

    แล้วคนที่ไม่มีเงินแม่เป็นอำมพาธ ลูกต้องเรียนไม่มีรายได้เข้า

    ถึงมีก็น้อยไม่ค่อยจะพอเจียด

    อย่างวัลลีสาวน้อยยอดกตัญญู

    เธอจะมีโอกาสเข้าถึงธรรมมั้ยค่ะ

    บางทีอาจต้องพิจารณาทั้งเหตุและปัจจัย ในการกระทำ(กรรมดีแระไม่ดี)

    ข้าพเจ้าคิดว่าการเข้าถึงธรรมน่ามาจากการศึกษา และปฏิบัติตามเท่าที่ทำได้

    แม้ผู้มีเงินหากไม่มีจิตคิดจะทาน ทานย่อมไม่เกิด

    แม้ทำทานเพียง ๒๐ บาท หากจิตคิดให้ด้วยมีเพียงเท่านี้

    และรู้ว่าทำเพื่อลดความตระหนี่ อานิสงฆ์ย่อมเกิด

    หากทำทานเพียง ๒๐ บาท แต่อธิฐานว่าขอให้ถูกหวยรางวัลที่ ๑

    นี่ยังเป็นการเข้าใจผิด ด้วยไม่รู้ตามความเป็นจริง


     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ทาน คือ การสลัดอัตตา ออกจากตน

    เมื่อ สลัดอัตตา ตัวตน ออก ก็จะทำให้ กริยาที่เป็นเรื่อง การอวดตัว
    ด้วยว่า ทำสิ่งนั้น สิ่งนี้ มากกว่าผู้ไม่ทำ

    หรือ พยายามแสดงอาการอ้างว่าเป็นผู้ให้ เพื่อให้เกิดการยอมรับจากสังคม

    ก็เป็นเรื่องของ พวกอวดคุณวิเศษ ที่พร้อมจะ ฉกฉวยเอา ลาภ สรรเสริญ
    ไปผันเป็น สิ่งบำเรอความพอใจส่วนตน เช่น รถ บ้าน สวรรคิ์ วิมาน

    " ความเป็นโสดาบัน ย่อมชุ่มด้วยการให้ "

    เป็นข้อธรรม ที่พระพุทธองค์ตรัสประทานแก่ ผู้ฟัง เพื่อนำไป สังเกต
    สัตว์ที่อยู่ตรงหน้า ว่ามีการให้มากน้อยอย่างไร

    ไม่ใช่ ข้อธรรม ที่จะเอามายก เพื่อ "อ้างสิทธิ" หรือ "เพื่อให้ใครยอม"
    รับว่า ตน เป็นโสดาบัน

    อย่าให้พวก เดียรถีย อาศัย ภาพ หรือ การโน้มน้าว การแสดงละคร
    ด้วยอาการ " มากด้วยการให้ " เพื่ออวยกันว่าเป็น " โสดาบัน "
    เพราะนั้นจะกลายเป็น ก๊วนของการ " เร่ " ขายปูน หิน ทราย
    หลังคา หลอดไฟ ธูป เทียน ถังสังฆทาน ของพวก อ้างเลห์
    ที่อาศัย " การปั้นพระ " เพื่อหาเศษหาเลย จาก เม็ดเงิน กิจ
    กรรม สันทนาการ การฆ่าเวลาในการมีชิวิตอย่างไร้แก่นสาร เท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2013
  8. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    +++++++++++นิวรณ์คิดว่าnewเป็นแบบไหนล่ะ
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    การ ทวงถาม ทำแล้วก็มาทวงถาม

    อาการ ทวงบุญคุณ พระท่านสอนว่า หากเห็น พวกทำอะไรแล้ว
    ก็มา ถามหา ออกอาการ ทวงถาม ทวงบุญคุณ

    ก็จัดได้ทันทีว่า เป็น อัปปิยะ
     
  10. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    อัปปิยะแปลว่าไร นิวรณ์
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ถามเอาความรู้ เชิง ภาษาศาตร์หรือครับ

    ถ้า ถามเอาความรู้ทางภาษาศาตร์ อัปปิยะ ที่เป็น ภาษาพระ
    ที่ผมฟังมา และ ที่เล่าให้ฟัง ถึง อาการทวงบุญคุณ นั้น ก็น่า
    จะเป็นคำไทยว่า " อัปปรีย์ "

    ถ้าถาม รายละเอียก อาการของคน อัปปรีย์ ก็คงต้องอธิบาย
    ว่า น่าจะเป็นพวกด้าน อายยาก เก้อยาก มีธรรมลามก อะไร
    ทำนองนี้แหละ

    นี่ อธิบายเชิงภาษานะครับ ไม่ได้ ตั้งประเด็น ด่าใคร
     
  12. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    อัปปรีย์แปลว่าอะไรหรือ นิวรณ์
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อ้าว อ่านดีๆ สิครับ อธิบาย ลงรายละเอียดไปหมดแล้ว

    ถ้าเขียนอธิบายเชิงภาษา พร้อมยกคำประกอบ แล้วยัง
    ถามอีกว่า แปลว่าอะไร

    เอ่อ............ คุณ กำลังมุ่ง ก่อกวน ยียวน สมาชิก หรือเปล่าครับ
     
  14. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    อ้าวใส่ความกันอีกแล้ว อยากรู้จริงๆว่าความหมายอัปปรีย์มันแปลว่าอะไร คุณถึงพยายามให้ความหมายแก่คำเหล่านี้ ผมอยากรู้
     
  15. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    นิวรณ์ อัปปรีย์น่าจะแปลว่าแบบนี้นะครับ ระยํา, จัญไร, เลวทราม, ตํ่าช้า, ชั่วช้า, ไม่เป็นมงคล.
     
  16. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    !?!!!ขอเผ่นไปก่อนล่ะครับ
    อยู่กลัวโดนลูกหลง!!!!
    "ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกันชา"ทุกที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2013
  17. apiraks

    apiraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +508
    เร่งสร้างบารมีขนาดนี้ ไม่ทราบท่านเจ้าของกระทู้ ปราราถนาพุทธภูมิหรือเปล่าครับ
    ถ้าใช่ ก็อธิษฐานกำกับไปเลยครับ

    "ผลแห่งทานนี้ขอให้ข้าพเจ้าได้เป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้าด้วยเถิด"
    เร่งเข้าเรื่อยๆครับ บารมี 10 ทัศ 3 ระดับ กว่าจะเต็มได้ใช้เวลานานอยู่

    ขอเจริญในธรรมทุกท่านนะครับ
     
  18. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ไม่หวังหรอกครับพุทธภูมิ แค่สาวกภูมินี้แหล่ะ เพียงเข้าใจว่าจาคะเป็นการฝึกละความตระหนี่โดยตรง เพราะความตระหนี่นั้นจะต้องละด้วยการบริจาคทาน
     
  19. daowdeaw

    daowdeaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2013
    โพสต์:
    537
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ขออนุโมทนากับผู้มีทาน ศีล ภาวนา ที่ได้กระทำเป็นอย่างดีแล้วด้วยทุกท่านด้วยค่ะ
     
  20. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ถ้าตนเองไม่ลำบาก รับผิดชอบต่อครอบครัว สังคม คนใกล้ชิด..และให้ด้วยปัญญา ก็อนุโมทนาครับ:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...