งานสัมมนา

ก็คงต้องเลือกรับ เลือกเรียนรู้กันไปตาม แต่ละบุคคลครับ

สำหรับ กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัตินั้นก็ได้รับข่าวสารจากทาง อ. เทพพนมค่อนข้างมาก โดยถือว่าอ.ท่านเปิดให้ค่อนข้างเยอะเรื่องภัยพิบัติครับ

ก็อย่างที่อ.ไก่ สุธาทิพได้สรุปให้ครับ ขอเพิ่มเติมดังนี้

1.กำหนดวันเวลาในการเกิดภัยพิบัติ ไม่สามารถบอกได้

2.รูปแบบและลำดับของภัยพิบัติ มีดังนี้ น้ำท่วมใหญ่ (หรืออาจเกิดสึนามิ) แผ่นดินไหว(และ หรือภูเขาไฟระเบิด) จากนั้นก็เป็น สงครามโลกครั้งที่สาม มีการใช้อาวุธทำลายล้างสูง โดยมีการจับคู่ข้อขัดแย้งมาเช็คบิลกันเป็นคู่ๆ
-อิสราเอลกับตะวันออกกลาง โยจะทวีความรุนแรงมากเมื่อมีจีนเข้ามาแทรกแซง
-อินเดียกับปากีสถาน ซึ่งตอนนี้ก็มีข่าวว่าอเมริกามาช่วยพัฒนานิวเคลียร์ให้อินเดีย
-จีนกับ ไต้หวัน
-เกาหลีเหนือ กับเกาหลีใต้

ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เราสามารถใช้เป็นอินดิเคเตอร์อ้างอิงเพื่อการวางแผนในการเตรียมตัวได้

3. ระดับแม่เหล็กโลกลดลงต่ำมากทำให้เกิดการแปรปรวนในระบบภายใต้เปลือกโลก การเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด

4.ที่ว่าจะเกิดคลื่นยักษ์ขนาดความสูง 1 กิโลเมตรน่าที่จะไม่จริง หากเกิดก็น่าที่จะต่ำกว่านั้น

5.ทางผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายๆท่านก็ได้ทราบข้อมูลเรื่องนี้แล้ว ท่านผู้มีหน้าที่โดยเฉพาะ คุณสมิทธิ์ ธรรมสโรช ซึ่งจุดนี้น่าจะทำให้ระบบเตือนภัยครอบคลุมมากขึ้น

ไว้มาโพสต์ให้ต่อครับ.

 

สวัสดีครับทุกๆท่าน ถ้าท่านติดตามข่าวต่างๆที่เกิดขึ้นทั่วโลกในขณะนี้ ทั้งภัยพิบัติ เหตุที่จะเกิดสงครามโลก และการที่นักวิทยาศาสตร์ต่างๆพึ่งจะยอมรับศาสตร์และวิทยาการใหม่ๆ อาทิเช่น แพทย์ทางเลือกต่างๆที่ใช้การรักษาด้วยพลังจิต พลังงานจักรวาล และการบำบัดด้วยวิธีต่างๆ ด้วยแสง สี เสียง นั้นมีมาตั้งแต่อดีตการณ์มาแล้ว เพียงแต่เราไม่เปิดใจในการรับรู้และนำมาปฎิบัตินั้นเอง ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบเขาไปเรียนรู้และทดสอบศาสตร์ใหม่ๆเหล่านี้ (โดยมีสติ สัมปชัญญะ พิจารณาว่าทำแล้ว ทำให้เราเดือนร้อนไหม ทำให้คนอื่นเดือนร้อนไหม ถ้าพิจารณาอย่างรอบคอบและไม่ลำเอียงว่า ทำแล้วไม่ทำให้เราและคนอื่นเดือนร้อนก็ทำมันเลย)
ท้ายนี้ผมมีเสียงที่อัดจากงานของ ศ.นพ.ดร.เทพพนม เมืองแมน แต่เสียงอาจจะไม่ชัดเจนมากนักเพราะอัดจากมือถือนะครับ ลองฟังดูแล้วกันนะครับ

 

ขอชี้แจงหน่อยนะครับ เดี๋ยวจะเข้าใจผิด การจัดสัมนายูเอฟโอ มีการจัดหลายๆครั้งมาแล้ว นับได้หลายสิบครั้ง อันนี้ ดร.เทพพนม ท่านก็ไปทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นการจัดครั้งแรกโดย "คนในระบบ" ที่รับการสื่อมาจากต่างดาว และต้องการรวบรวม "คนในระบบ"ให้มาพบปะและอัพเกรดระบบ และติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว แต่ถือได้ว่างานนี้เราไม่ได้หวังปริมาณหรือจำนวนคน หรือต้องการให้ประกาศออกทางสื่อเพื่อการโฆษณา เพื่อให้คนมามากๆ ฉะนั้นทุกท่านๆที่ได้เข้ามาร่วมงาน ถือได้ว่าเป็นผู้ที่ได้ถูกคัดเลือก ให้เป็น"คนในระบบ" ทั้งที่มาใหม่ และมาโดยบังเอิญ ส่วนคนในระบบอยู่แล้วก็จะรู้เรื่องนี้ดี คนที่มาจากต่างจังหวัดไกลๆ ทางใต้ ทางเหนือ ที่เข้ามารับการอัพเกรดระบบก็จะเข้าใจดี ส่วนน้องใหม่อาจจะยังไม่เข้าใจ แต่หลังจากงานนี้ไปทุกท่านก็จะสัมผัสได้เองครับ เพราะผมเข้ามาในระบบได้ก็จากวิธีการแบบนี้ ทั้งๆที่ทีแรกแอนตี้มากๆ ผมไม่ยอมรับเลย แต่ผ่านระยะเวลามาก็จะเข้าใจได้เองครับ ยินดีกับทุกท่าน ที่ได้เข้ามาร่วมงาน คัดเลือกคนในระบบ และทุกท่านก็สอบผ่าน โดยไม่ต้องเชื่อหรือศรัทธา จะยินดีหรือเซ็ง หรือชอบหรือไม่ชอบก็ตาม "ท่านเป็นคนที่ถูกเลือกจากระบบแล้วครับ"

 

สงสัยอย่างนึงค่ะ ถ้าเรียงลำดับตามนี้แสดงว่า มนุษย์เป็นผู้ซ้ำเติมตัวเอง หลังภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ ด้วยสงครามใช่มั้ยคะ
แล้วภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น ไม่ใหญ่พอหรือร้ายแรงพอ ที่จะทำให้แต่ละประเทศหยุดคิดทำสงครามใหญ่
แล้วมาช่วยชีวิตตัวเองให้รอดก่อนหรือคะ ..

 

สรุปค่าใช้จ่ายงาน UFO ๑๑พฤศจิกายน ๒๕๕๐

รายรับ <O></O>
<O></O>
ค่าลงทะเบียน ๑๕๑คน คนละ ๑๐๐ บาท รวม ๑๕,๑๐๐ บาท <O></O>
แขกรับเชิญวีไอพี ๘๐ คน คนละ - บาท รวม - บาท<O></O>
เงินบริจาคในตู้ รวม ๙๖๓ บาท<O></O>
คุณอนันต์ (องค์การโทรศัพท์) รวม ๑๐๐๐ บาท<O></O>
คุณอนุ พัฒนาภัณฑ์ รวม ๑๐๐๐ บาท<O></O>
แพทย์จีนหยางเสี๋ยสี่ รวม ๓๐๐ บาท<O></O>
รวมรายรับ ๑๘,๓๖๓ บาท <O></O>
<O></O>
รายจ่าย<O></O>
ค่าวิทยากร ๓ ท่าน ท่านละ ๒๐๐๐ บาท รวม ๖,๐๐๐ บาท<O></O>
ค่าเบเกอรรี่ขนมปัง ๙๐๐ บาท<O></O>
ซื้อเบอร์เกอร์รี่ ๑๔๓๕ บาท<O></O>
โดนัท ๑๕๐ บาท<O></O>
ข้าวกล่อง ๑๒๐๐ บาท<O></O>
โอวัลติน ๑๐๙ บาท<O></O>
ค่าแรงแม่บ้าน ๕ คน ๑๑๐๐ บาท<O></O>
ค่าน้ำแข็ง ๑๕๐ บาท<O></O>
ช่างเทคนิค ๖ คน ๑๓๐๐ บาท<O></O>
ค่าแรงพนักงานลงทะเบียน ๔ คน ๔๐๐ บาท<O></O>
เลี้ยงอาหารเย็นวิทยากรและทีมงานติดตาม ๕๐๗๐ บาท<O></O>
ค่าแรงป้ามาลีและคุณนิชาภา ๓๖๕ บาท <O></O>
รวมรายจ่าย ๑๘,๑๗๙ บาท <O></O>
คงเหลือ ๑๘๔ บาท <O></O>
<O></O>
หมายเหตุ ๑) ค่าสถานที่ ค่าน้ำ ไฟ ค่าแอร์ และอาจารย์บริการรักษาโรดด้วยพลังจักรวาล สนับสนุนโดย มูลนิธิวิทยาศาสตร์ทางจิตเพื่อการพัฒนา <O></O>
๒)ค่าป้าย ติดหน้างาน ทางเข้า ประตู พนักงานรับรถ และบริการฝังเข็ม จับชีพจรฟรีโดยแพทย์จีน สนับสนุนโดย บริษัท อินเทอร์นอลไลฟ์ จำกัด <O></O>
<O></O>

 

มนุษย์หยุดไม่ได้ค่ะ
ตามนี้ท่านพูดคิดว่าเกี่ยวกับเมืองไทย เช่นเขื่อนนี่ของไทยแน่นอน
ตย.ตอนนี้พายุขึ้นถี่ๆ ไม่เห็นอเมริกาหยุดอะไร น้ำมันก็ขึ้นอีกๆ
อัตตาของระบบ capitalism สูงมาก จะทำลายตัวเองเหมือนดาวฤกษ์กลายเป็นหลุมดำค่ะ

เรามาเพื่อเรียนรู้ อย่าจากไปโดยไม่ได้เรียนรู้ ธรรมะสวัสดีค่ะ

 

สำหรับผมชอบสารคดีโลกร้อนของ"อัล กอร์" มากที่สุดเพราะรู้สึกว่าใกล้ตัว จับต้องได้ รู้สึกได้ เรื่องอื่นๆ เช่นการบรรยายของดร.เทพพนม หรือกิจกรรมของวิทยากรท่านอื่นๆ ผมว่าเป็นข้อมูลเก่าไม่มีอะไรใหม่สำหรับท่านที่ติดตามและสนใจด้านนี้อยู่แล้ว ส่วนกิจกรรมที่จัดขึ้น เช่น การรับพลังอะไรต่างๆ ผมไม่ได้รับรู้ หรือ สัมผัสถึงแม้แต่นิดเดียว เรื่องภัยพิบัติครั้งหน้าที่จะเกิดในห้วงเวลาอันใกล้(1-2 ปี) ก็ไม่ได้พูดถึงได้แต่กล่าวถึงภาพรวมถึงสิ่งที่จะเกิดในอนาคต

สรุป: ภัยพิบัติอาจเกิดขึ้น(แน่ๆ)ในอนาคต แต่จะเกิดเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับ "กรรม" ที่พวกเราช่วยกันก่อ ถ้าเป็น"กรรมดี"การเกิดก็อาจเลื่อนเวลาออกไป แต่ถ้าคนส่วนใหญ่ช่วยกันทำ"กรรมชั่ว" ก็เหมือนกับเร่งให้เกิดภัยพิบัติเร็วขึ้น ดังนั้นอนาคตโลกไม่ได้อยู่ที่ใคร หรือมนุษย์ต่างดาวอะไรหรอกครับ อยู่ในมือของทุกคนบนโลกใบนี้นี่เองว่าจะเลือกแบบไหน

ผมขอทิ้งคำถาม? ไว้สักข้อนะครับ ในเมื่อมนุษย์ต่างดาวผู้มีปัญญาสูงส่ง สามารถเดินทางข้ามขอบจักรวาลทะลุประตูมิติมายังโลกมนุษย์สีฟ้าๆนี้ได้ ทำไมต้องติดต่อกลุ่มบุคคลที่ประเทศโน้น ประเทศนี้ให้วุ่นวาย เสียเวลาในการเตรียมบุคคลสถานที่ให้มันมากเรื่อง ทำไมพวกคุณไม่จัดการให้เรียบร้อยด้วยตัวพวกคุณเองละครับ ในเมื่อก็รู้ๆ กันอยู่ว่าพวกไหนไม่ดี พวกไหนดี แค่มาคอยบอก คอยเตือนผมว่ามันไม่เวิร์คหรอกครับ ยกตัวอย่างเหตุการณ์ "ซึนามิ" ที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 200,000 คน ผมไม่เห็นจะไม่เห็นจะมีกลุ่มไหนออกมาเตือนชาวโลกล่วงหน้าซักกลุ่ม

สมมุติถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงมนุษย์กว่านี้เช่นอุกาบาตชนโลก ซึนามิที่ใหญ่กว่าคราวที่แล้ว หรืออะไรก็ตามที่ร้ายแรงกว่าที่ผ่านๆมา มนุษย์อย่างเราๆ จะสามารถทำอะไรได้?

สุดท้ายจะมีพลังที่เกินความเชื่อจริงๆหรือไม่? ผมไม่รู้ ถ้าผมจะเชื่อก็คงรอจนกว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่ตอนนี้ขอยึดมั่นในคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ก่อน เพราะน่าจะเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดในทุกสถานการณ์ครับ

อย่างไรก็ตามครับ ต้องขอบคุณพวกเขาเหล่านั้นผู้ซึ่งซิ่งยานมาจากขอบจักวาลอันไกลโพ้น เพื่อมาเตือนพวกเราบนโลกใบนี้ ในเรื่องที่พวกเราทุกคนรู้อยู่แล้วว่าธรรมชาติของทุกสิ่งเมื่อมีเกิด ตั้งอยู่ และดับไปเป็นเรื่องธรรมดา

ถ้าพวกเขาเหล่านั้นมีภูมิปัญญาอันสูงส่งจริงน่าจะหาคำสอน หรือทฤษฏีที่ง่ายต่อการปฏิบัติเพื่อนำไปสู่การหลุดพ้นน่าจะเหมาะกว่านะ...สาธุ (ผมหมายถึงวิธีที่จะทำให้พวกเราหลุดพ้นเหมือนคำสอนของพระพุทธเจ้า ทำให้คนส่วนใหญ่สามารถเข้าใจได้ง่ายกว่า มีวิธีสอนที่ดีกว่าอะไรประมาณนี้/ส่วนตัวผมคิดว่าไม่น่าที่จะมี)

การให้คะแนน: 4 ดาวสำหรับสถานที่จัดงาน 5 ดาวสำหรับท่านวิทยากร และ 2 ดาวครึ่งสำหรับตัวงาน (คะแนนเต็ม 5 ดาวในแต่ละเรื่อง)

 

เห็นด้วยกับคุณ Nirvanian
เราต้องเชื่อในสิ่งที่เราเห็นได้ด้วยตาตัวเอง ตามหลักกาลามสูตร(ถ้าผิดต้องขออภัย)
จึงจะแจ่มแจ้ง รู้จริง

 

6. คนที่รอดตายจากภัยพิบัติเป็นผู้ที่เสียสละเพื่อส่วนรวม มีจิตใจดีงามอย่างแท้จริง การที่เขาเลือกติดต่อด้วยเนื่องจากส่วนหนึ่งเคยมีกรรมเกี่ยวพันผูกพันกับเขา เขาจึงมาช่วยเหลือ

7.กรุงเทพเองมีความเสี่ยงจากแผ่นดินไหวอย่างมากโดยเฉพาะตึกสูง อาคารสูง ทั้งออฟฟิตและสำนักงาน บ้านเดี่ยวสูง สองชั้นยังไม่ค่อยเท่าไรนัก แต่สูงกว่านั้น มีจำนวนตึกที่อันตรายอยู่ประมาณ 4,000 กว่าตึกทั่วกรุงเทพ

ซึ่งด้วยพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงมีรับสั่งให้กทม.จัดทำคู่มือรับมือจากภัยแผ่นดินไหว หรือธรณีพิบัติ สามารถติดต่อขอรับได้ที่ทุกเขตทั่วกรุงเทพครับ

ส่วนเรื่องอื่นๆนั้น มาช่วยกันสรุปครับ

โดยภาพรวมแล้วงานนี้เป็นงานที่เป็นการเชื่อมโยงทำความรู้จักกัน ในแต่ละกลุ่มที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้คนในยามเกิดภัยพิบัติครับ

งานครั้งต่อๆ ไปก็น่าที่จะสมบูรณ์ขึ้นไปตามลำดับครับ

และในงานนี้ มีกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติหลายๆท่านได้เห็นยานบินตอนเดินทางกลับ ที่ลานจอดรถในงาน โดยมีผม คุณzz พี่จินดา น้องนุ๊ค พี่มารีน Falkman โดยเห็นเป็นยานบินลอยนิ่งอยู่มีแสงสว่างพร้อมทั้งเปิดไฟกระพริบสีแดง สีฟ้า ไม่มีเสียง ได้เห็นกันเป็นปกติสำหรับพวกเรา
ได้พยายามโทรบอกพี่สุดใจเพื่อที่จะให้มาถ่ายรูปแต่โทรไม่ติดไม่มีคนรับ ก็เลยดูกันแค่นั้นแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านด้วยความสวัสดิภาพครับ

 

ทุกสิ่งทุกอย่าง หากใช้สติในการวิเคราะห์ก็ยังพอสามารถมองเห็นความจริง
ช้าบ้างเร็วบ้างแล้วแต่กรรม แต่ถ้ามีอคติหรือความหลงเป็นตัวชี้นำสิ่งที่ได้เรียนรู้
กับความเป็นจริงอาจแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คนที่ไม่ยอมรับในความจริง หรือพยามสร้างความจริงถูกผิดดีชั่วตัวตนย่อมรู้ คนที่ไม่กล้าสบตาผู้คนย่อมมีสิ่งที่กดดันบีบคั้นตัวตนจนทำให้ไม่สามารถสบตากับผู้อื่นได้เพราะในใจลึกๆมีความกลัว คนที่พูดความจริง แม้มีใครไม่ตั้งใจฟัง ยังสามารถใช้สายตาเพื่อชักจูงความสนใจในสิ่งที่ตนต้องการนำเสนอได้ เรื่องต่างดาวก็เชื่อเกือบ100%
เพราะคงไม่โชคดีขนาดได้เป็นหนึ่งเดียวในจักรวาล และคิดว่าสิ่งที่มาจากโลกอื่นๆคงมองเราเหมือนกับมดแดงรังหนึ่ง เพราะถ้าเค้าสามารถข้ามกำแพงจักรวาลมาจนถึงเราได้ เรากับเขาก็เหมือนอยู่คนละมิติกันเหมือนหอยทากอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีนกอินทรีย์อยู่บนโลกเพราะมันมองไม่เคยเห็น(มองไม่ทัน)
ธรรมของพุทธองค์ให้คำตอบเพี่ยงพอแล้วสำหรับชีวิตของมนุษย์ชาติ

 

กลางคืนทำสมาธิคุยกับชาวดาวอื่นดูเพราะเขาเรียกมา

เขาก็ได้สอนว่า "มนุษย์คิดและเชื่อว่าตนเองเป็นเจ้าของและเป็นผู้ครอบครองโลก ทำให้พฤติกรรมรวมทั้งการกระทำทั้งปวงเป็นไปเพื่อการแก่งแย่ง เบียดเบียนกัน อยากเป็นเจ้าโลก ไปจนถึงแย่งกันครอบครองอวกาศและดาวดวงอื่นด้วย

หากมนุษย์มีจิตสำนึกที่เคารพธรรมชาติ เรียนรู้ในการดำรงชีวิตให้สอดคล้อง กลมกลืน เกื้อกูลธรรมชาติ ใช้พลังจากธรรมชาติในทางสร้างสรรค์ โลกใบนี้ก็จะไม่ประสบภัยพิบัติแบบที่กำลังเผชิญอยู่แบบนี้ โลกก็คงมีสันติสุขร่มเย็น"

ฟังดูแล้วก็มาพิจารณาอีกครั้งก็พบว่า เป็นการสวิทซ์ความคิดง่ายๆของมวลมนุษยชาติแค่นั้นเอง(แต่ยังเป็นสิ่งที่ยากลำบากสำหรับผู้คนส่วนใหญ่) เพราะร่างกายของเราก็ดี ทรัพย์สมบัติเงินทองทุกสิ่งบนโลกก็ดีล้วนแล้วแต่เป็นของธรรมชาติทั้งสิ้น เรามายืมใช้ชั่วคราวแล้วต่างคนก็ต่างต้องจากไป แต่สิ่งที่ทุกคนทิ้งเอาไว้ก็คือพลังงานบวก (กรมดี) หรือพลังงานลบ(กรรมชั่ว)

อย่าลืมว่าคุณค่าที่แท้จริงของทุกสิ่งไม่ใช่วัตถุแต่คือความดีงามของจิตใจ ที่ติดตัวเราไปทุกชาติภพตราบจนสิ้นสงสาร



จากนั้นเขาก็พาไปดูยานอวกาศของดาวต่างๆที่ ลอยอยู่ในโหมดล่องหนอยู่ทั่วโลก และมีที่ตั้งฐานอยู่อีกจำนวนมาก บริเวณด้านหลังของดวงจันทร์ การมาครั้งนี้มีจำนวนมากกว่าครั้งใดๆที่ผ่านมา ในอดีตกาล (ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ถึงความรุนแรงของภัยที่เราต้องประสบ)

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ พาสปอต์ในการรอดพ้นจากภัยพิบัติ ก็คือ ความบริสุทธิ์ของดวงจิต ที่ประกอบไปด้วย สัมมาทิษฐิ เมตตาพรหมวิหารสี่ และความเสียสละเพื่อส่วนรวมครับ คือใบผ่านทาง

ฟังหูไว้หูนะครับ อย่าเพิ่งเชื่อ ไตร่ตรอง วางใจเป็นอุเบกขา หาเหตุผลก่อนจึงเชื่อ เพราะผมเองก็ยังไม่เชื่อจนกว่าจะพิสูจน์ได้ครับ<!-- / message --><!-- sig -->

 

Astro Neemo ครับ ก่อนจะไปก็บวกลบคูณหารแล้วครับว่าไม่ได้กะตังค์ไปเห็นสถานที่ยี่งมั่นใจกำไรไม่มี คำติคำชมเป็นของธรรมดา ติเพื่อก่อครับ ต้องถือพี่น้องสมาชิกเขารักนะครับเขาถึงติไป แต่พูดไปแทบไม่มีใครเขาว่า Astro Neemo เลยนะครับ ครั้งนี้จัดได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีแล้วนะครับ แต่บางครั้งความสะอาดในจิตใจของคุณก็ไม่ได้คิดระวังภัยอะไร ไม่ต้องมีจิตจักรวาลอะไรหรอกครับใครนำเสนออะไรจิตใจธรรมดาก็พอทราบได้ก็ให้ถือว่าติเพราะรักนะครับ
ตั้งใจดี คิดดี ทำดี มีพลังเองนะครับ ขอ พลังจงอยู่กับ Astro Neemo งานหน้าจัดใหม่ก็จะไปอีกครับ

 

ใช่ครับ ผมก็ติเพื่อก่อ
งานหน้าจัดอีกผมก็จะไปเช่นกันครับ

 

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ต้องขอขอบพระคุณคุณAstro Neemo เป็นอย่างสูงนะครับ ที่ได้กรุณาเสียสละเวลา และทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อจัดงานนี้ขึ้นจนเสร็จสิ้นลุล่วงไปเป็นที่เรียบร้อย โดยที่ไม่ได้หว้งผลประโยชน์หรือสิ่งตอบแทนใดๆ เลยแม้แต่น้อย ทั้งยังกรุณางดเว้นค่าลงทะเบียนกับทางกลุ่มฯ และแขกของวิทยากรแต่ละท่านที่เชิญมาร่วมงานทุกๆ ท่านอีกด้วย ซึ่งคุณAstro Neemoเองก็ยังได้ประกาศเจตนารมณ์ไว้ก่อนแล้วว่าหากได้กำไรก็จะจัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อการช่วยเหลือผู้ที่อุทิศตนเพื่องานช่วยเหลือภัยพิบัติ แต่หากขาดทุนก็คงจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบด้วยตนเองแต่เพียงผู้เดียว

สีสรรของงานหรือความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมสัมมนา ขึ้นอยู่กับวิทยากรแต่ละท่านและระดับความคาดหวังของผู้เข้าร่วมฟังครับ คงไม่มีผู้จัดงานรายใดเข้าไปรับผิดชอบได้ แต่ในมุมมองของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)ถือว่างานนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง เพราะเราทำงานเรื่องภัยพิบัติต้องการประชาสัมพันธ์ให้ท่านที่สนใจในเรื่องเดียวกัน ได้มาพบปะทำความรู้จักกัน และรับทราบเพียงว่าเมื่อจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง มนุษย์จะได้รับการช่วยเหลือจากมนุษย์ต่างดาว โดยมีศูนย์กลางการให้ความช่วยเหลืออยู่ที่ประเทศไทยของเราซึ่งเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ทางกลุ่มฯ จึงขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญกับคุณAstro Neemoด้วยนะครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ

 

งานนี้ไปได้สวยนะครับ ถือเป็นก้าวเล็กๆ แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ (ขอยืมคำพูดนีล อาร์มสตรองมาใช้ครับ)
ติดขัดบ้างเป็นเรื่องธรรมดา การที่ได้มาพบปะกันถือเป็นเรื่องหลักของงานครับ..
ขอขอบคุณเจ้าของสถานที่เป็นอย่างสูง (มูลนิธิพลังจักรวาล)
ขอบคุณวิทยากรทุกๆท่านที่เสียสละเวลาอันมีค่ามาพบปะพูดคุยกันครับ
ขอบคุณในความตั้งใจดีคุณ Neemo ครับ ที่สร้างปรากฎการณ์นี้ (คุณนีโม่มีพลังพิเศษมาใช้แบบไร้ขีดจำกัดจริงๆ)
เดี๋ยวพรุ่งนี้มาคุยครับเพิ่งกลับมาถึงบ้าน

 

ทวงถาม

ทวงถาม ทำไมท่านพระอาจารย์ไม่มาล่ะครับ

 

....งานนี้อดไปครับ เซงเลย สงสัยพี่ๆมนุษย์ต่างดาวจะไม่เลือกผมซะแล้วสิ ถึงยังไงก็ทำดีและรักษาความดีในตัวให้คงอยู่ ถึงแม้ชา่วดาวอื่นจะยังไม่ติดต่อผมก็เถอะ ใจจริงอยากติดต่อได้ และได้เห็นกับตาตัวเองมั่ง เคยคิดมาตลอดตั้งแต่อายุประมาณ10ขวบแล้ว

อด...อด...อด ขอให้มีงานครั้งต่อไปนะครับ อยากจูนคลื่นมั่งครับ อยากรู้ว่าจูนยังไง จูนได้เองรึเปล่า เสียดายมาก

ปล.
1.ไปไม่ได้
2.ไปไม่ถูก
---เลย อด ไป เลย---

 

ภัยพิบัติที่ทำลายล้างสัตว์และไดโนเสาในยุคดึกดำบรรพ์เมื่อหลายล้านปีก่อน
เกิดขึ้นเพราะ กรรม รึเปล่าครับ ไดโนเสาก็อาศัยอยู่อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ
ไม่ได้ทำลายธรรมชาติ หรือสร้างอาวุธร้าย ทำลายล้างกันเองเหมือนมนุษย์
จะมีก็แค่จับสัตว์ที่อ่อนแอกว่า กินเป็นอาหารเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น ไม่ได้ละโมภ โลภมากเช่นมนุษย์ แล้วทำไมภัยพิบัติจึงทำลายล้างไดโนเสาไม่มีเหลือ
เป็นไปได้หรือไม่ว่าภัยพิบัติที่เคยเกิดขึ้นในยุคไดโนเสา และที่กำลังจะเกิดขึ้น
อีกในอนาคตข้างหน้า เป็นไปตามวัฎจักรและกฏเกณฑ์ของโลกและจักรวาล
ตามธรรมชาติ มิได้เป็นไปตามกฏแห่งกรรมดี กรรมเลว ของมนุษย์โลก..
ถึงอย่างไรเราเองก็เชื่อว่ามีสิ่งมีชีวิตนอกโลกอยู่จริง..มิใช่มีแต่มนุษย์บนโลก
** ถ้าเป็นไปได้เราอยากจะฝากเพื่อนๆสมาชิกที่สามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ ช่วยสอบถามเรื่องไดโนเสาสูญพันธุ์ด้วยเหตุใด เกี่ยวกับกรรมที่ทำรึไม่
กรรมไดโนเสายังสูญพันธุ์ แล้วกรรมมนุษย์ที่มากด้วยกิเลสจะขนาดไหนครับ
******* ปุจฉา ******** ไดโนเสา ******** มนุษย์ *********

 

ขอขอบคุณวิทยากรและคุรุทุกท่านที่มาให้ความรู้ในครั้งนี้ เริ่มเข้าใจปรากฏการต่างๆที่เคยประสบมา ครั้งแรกโดยเฉพาะการพบเห็นยานอวกาศจากต่างดาว ที่ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเครื่องเครื่องบินบ้าง ดาวตกบ้าง เพราะเคยเห็นลอยนิ่งบนอากาศ มีไฟกระพริบสลับกัน ครั้งแรกนึกว่าเครื่องบินโดยสาร รอลงจอดที่สนามบินดอนเมือง แต่มานึกได้ว่า เครื่องบินโดยสาร มันไม่ลอยนิ่งในอากาศ จะต้องบินวนรอลงจอด อากาศยานที่เห็น คงใช่จานบินต่างดาวแน่นอน ครั้งที่ 2 เป็นลูกไฟพุ่งลงจากท้องฟ้าตอนเวลาประมาณ 18.00 เดือนธันวาคม 2546 คิดเครื่องบินตก เพราะเป็นลูกไฟมีควันพ่วงพุ่งเป็นทางยาว พอขี่จักรยานตามดูไปเรื่อยๆ กลับเห็นว่าลูกไฟ นั้น ไม่ตกลงดิน แต่เลี้ยวทำมุม 90 องศา วิ่งขนานกับพื้นโลกไปทาง นครปฐม (ผมอยู่แถวบางบัวทอง นนทบุรี)