เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    โมทนาสาธุด้วยครับ ปฎิบัติจริงย่อมถึงปัจจัตตัง!
    เมื่อนักภาวนาเข้าถึงความละเอียดแห่งจิตตนย่อมมีนิมิตเกิดขึ้นตามสัญญากรรม
    การเห็นนิมิตของนักภาวนาก็แตกต่างไปตามสัญญากรรมหรือกรรมเก่าที่ตนเคยทำ
    กฎแห่งกรรมย่อมลงโทษไม่ผิดคนแน่
    ดีนะท่านมาเตือน ดีนะท่านมาช่วย ดีนะบุญบารมีที่ตนสร้างมาดี
    ผู้เจริญทั้งหลาย เห็นมีแต่บุญกุศลเฉพาะปัจจุบันเท่านั้นที่พอจะเปลี่ยนสัญญากรรมได้

    แต่สิ่งสำคัญที่สุดนักภาวนาที่เข้าถึงความละเอียดแห่งจิตตนจะต้องละวางให้หมด
    ไม่ว่านิมิตจะเป็นจริงหรือไม่จริงก็ตาม จิตที่ไปข้างหน้า(นิพพาน)จักต้องว่างจริงๆ
    นิวรณ์ ปีติ สุข ฌาน นิมิตหรืออภิญญาต่างๆ นักภาวนาต้องก้าวข้ามให้จงได้
    วัตถุประสงค์สูงสุดของเหล่านักภาวนาก็คือ การหลุดพ้น
    เพราะฉะนั้น จิตต้องปล่อยวางให้หมด ทั้งรูป-นาม
    ขออนุโมทนาสาธุกับผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ และธรรมาทานของคุณด้วยครับ
    ขอให้ผ่านเรื่องร้ายกลายเป็นดี สมปรารถนาทุกประการตามที่เจริญทาน ศีล ภาวนา
    ขอให้ทุกท่านปฎิบัติธรรมตามเจ้าของกระทู้นี้ด้วยเทอญ แล้วจักรอดพ้นบุพกรรม
    ขอให้ทุกๆท่านจงเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ สาุธุ

    *เล่าอีกๆ* เพื่อธรรมาทาน เพื่อกำลังใจของผู้ปฎิบัติท่านอื่น จะได้ไม่มีใครกล้าทำผิดศีลธรรม
    โดยเฉพาะผู้ปฎิบัติยังไม่ส่งผลย่อมยังไม่ซาบซึ้งในรสพระธรรมหรือพระพุทธคุณ
    ขอเอาใจช่วยสำหรับนักภาวนาทุกๆท่าน นำจิตมาเดินอริยมรรคจักไม่มีคำว่า"หลง"
     
  2. peerakul

    peerakul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    9,427
    ค่าพลัง:
    +33,493
    ขออนุญาตแชร์ไปให้คนในเฟสบุคอ่านนะคะ
     
  3. aorsuay

    aorsuay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +491
    ไม่ได้มาป่วนนะคะ รบกวนถามด้วยความสงสัยว่า

    ทำไมท่านพยายมราชถึงมาเอง
    เวลามารับวิญญาณ ไม่ใช่ยมทูตมารับหรอกเหรอคะ
     
  4. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,614
    ขออนุญาตท่าน จขกท แชร์ความเห็นนะคะ

    ท้าวพญายมราช หรือพระยม ในเทวตำนานยุคต้น ท้าวจตุโลกบาลแห่งทิศทักษิณ คือ ท้าววิรุฬหก กับ พระยม เป็นองค์เดียว กัน มีลักษณะใบหน้าดุดัน พระวิรุฬหกมีพระวรกายสีแดง พระยมมีพระวรกายสีดำ ทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ พระหัตถ์ขวาถือบ่วงยมบาศ (บ่วงบาศที่ใช้จับมัดวิญญาณทั้งหลาย) พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้ายมทัณฑ์ ทรงกระบือเป็นพาหนะ มีอิทธิฤทธิ์มาก ทำหน้าที่พิพากษาและปกครองดวงวิญญาณในนรกภูมิ มีบริวาร คือ ยมทูต หรือ นายนิรยบาล มีหน้าที่นำวิญญาณไปยังสำนักพญายม และลงโทษแก่ดวงวิญญาณในนรก ซึ่งบริวารท้าวพญายมราชคนไทยรู้จักกันดี มี ๒ องค์ ได้แก่ พระกาฬไชยศรีและเจ้าพ่อเจตคุปต์ ซึ่งมีรูปเคารพอยู่ที่ศาลหลักเมือง ทำหน้าที่จดชื่อและจับวิญญาณชั่วร้ายที่จะมารบกวนบ้านเมือง ท้าวพญายมราชเป็นเทวดาที่มีการกล่าวถึงในตำนานของทุกชาติพันธุ์ภาษา ทุกวัฒนธรรมทั่วโลก ต่างกันเพียงการเรียกนามที่เป็นเอกลักษณ์แต่ละภาษาเท่านั้น หน้าที่และอำนาจคล้ายคลึงกัน ตำนานลัทธิข้างจีนฝ่ายมหายานกล่าวว่า พญายมเป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง

    ท้าวพญายมราชองค์ปัจจุบัน ในอดีตชาติก่อนที่ท่านจะได้รับสถาปนาเป็นท้าวพญายมราช ท่านเป็นมนุษย์ในครั้งก่อนพุทธกาล ยุคที่มนุษย์ยังอยู่กันเป็นชุมชนไม่ใหญ่นัก ท่านเป็นหัวหน้าชุมชนในหมู่บ้าน มีวิชาความรู้ เมื่อเกิดความไม่สงบขึ้นในชุมชนหมู่บ้าน ท่านเป็นผู้นำปราบปรามแก้ไข และตัดสินพิพากษา ครั้งหนึ่งเกิดเหตุการณ์ฆ่ากันตายในหมู่บ้านที่ท่านดูแลอยู่ แต่ไม่มีผู้ใดกล้ายอมรับ ด้วยเกรงกลัวความผิด เพราะโทษหนักถึงกับต้องประหารให้ตายตกตามกัน คือ ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต ท่านในฐานะผู้ปกครองดูแลเมื่อสอบสวนแล้วไม่มีผู้ยอมรับผิด จึงใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมา เสกแป้งฝุ่นแล้วซัดออกไปจะปรากฏรอยเท้าผู้กระทำผิด เมื่อตามรอยเท้าไป ปรากฏว่าผู้เป็นเจ้าของรอยเท้าก็คือพ่อบังเกิดเกล้าของท่านเอง ท่านเสียใจอย่างมาก ไม่รู้จะทำอย่างไร ท่านพิจารณาด้วยใจอันเป็นธรรมอย่างที่สุด จึงได้ตัดสินประหารพ่อของท่านเอง แล้วท่านก็ออกจากหมู่บ้านเร่ร่อนไปจนเสียชีวิตเพียงลำพัง เป็นการแสดงให้เห็นว่าท่านมีความเที่ยงธรรมอย่างหาที่เปรียบมิได้ เพราะหากท่านไม่บอกใครก็ย่อมไม่มีผู้ใดล่วงรู้ อีกทั้งท่านก็ยังดำรงอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้าน มีความสุขสบายไม่ต้องลำบากเร่ร่อน เมื่อท่านเสียชีวิต ดวงวิญญาณของท่านถูกยกย่องในความเที่ยงธรรม เทวดาทั้งหลายจึงแสดงฉันทามติ สถาปนาให้ท่านดำรงตำแหน่งท้าวพญายมราช องค์พญายมราชจะมีผู้ช่วยสำคัญในการไปนำดวงวิญญาณของสัตว์โลกมาสู่แดนปรโลก หรือแดนยมโลก คือ องค์เจ้าพ่อพระกาฬชัยศรี ซึ่งมีรูปปั้นอยู่ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง กรุงเทพมหานคร มีลักษณะเป็นเทพยดามีสี่กร กรหนึ่งถือดวงไฟ หมายถึง ดวงวิญญาณ กรหนึ่งถือบ่วงบาศเป็นสัญลักษณ์สำคัญใช้จับดวงวิญญาณทั้งปวง ขี่นกเค้าแมวเป็นพาหนะ ทำหน้าที่เก็บวิญญาณต่าง ๆ บ้านไหนที่จะมีคนตาย พระองค์จะทรงใช้นกแสกบ้าง นกเค้าแมวบ้าง ไปเกาะหลังคาบ้านร้องเตือนให้ทราบล่วงหน้า หรือบันดาลนิมิตดีร้ายให้ทราบ หากผู้นั้นมีปัญญาจะได้รีบขวนขวายทำบุญก่อนจะหมดโอกาส นอกจากนี้พระองค์ยังมีบริวารเรียกว่า ยมทูต หรือพญามัจจุราช ทำหน้าที่เก็บดวงวิญญาณต่าง ๆ ให้พระองค์อีกทีหนึ่ง และบริวารทำหน้าที่บันทึกการกระทำความดีความชั่ว เรียกว่า สุวรรณ และ สุวาน โดยสุวรรณทำหน้าที่จดการกระทำความดีของผู้ที่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ท่านจะจดใส่สมุดทองคำ เมื่อรายงานองค์พญายมราชเสร็จเรียบร้อย จะทำการยกขึ้นจบเหนือหัวเป็นการอนุโมทนา ส่วนสุวานทำหน้าที่จดการกระทำของคนชั่วประพฤติบาปไม่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ท่านจะจดใส่สมุดหนังหมา เป็นการคาดโทษเอาไว้

    ในพระไตรปิฎกกล่าวว่า องค์พญายมราชนั้น เมื่อได้ฟังเทศน์จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีดวงตาเห็นธรรม บรรลุพระโสดาบัน พญายมราชจะไต่ถามดวงวิญญาณด้วยความเมตตาว่าระลึกถึงคุณอันใดได้บ้าง หากดวงวิญญาณนั้น ๆ ระลึกได้แม้สักอย่าง ท่านจะอนุโมทนาและให้ไปรับส่วนบุญนั้น ๆ หากดวงวิญญาณไม่อาจระลึกถึงคุณงามความดีใด ๆ ได้เลย ท่านก็ทรงจิตไว้เป็นอุเบกขา ว่าเป็นกรรมของสัตว์โลก ท่านจะส่งไปลงโทษตามควรแก่ฐานานุโทษของสัตว์นั้น
     
  5. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    เมื่อประมาณช่วงก่อนวิสาขะบูชา ที่ผ่านมากระผมสวดมนต์ไหว้พระและนั่งสมาธิภาวนาตามปกติ จวบจนจิตสงบนิ่งมีแค่สุขอยู่ภายใน

    เมื่อผ่านเวลาได้สักระยะหนึ่ง ก็ปรากฏนิมิตในสมาธิกระผมได้ยินเสียง ดังก้องกังวาล ทุ้มใหญ่ ก้องเข้ามาในโสตประสาทว่า
    ;ท่าน บัดนี้ถึงเวลา ที่ท่านต้องรับใช้วิบากกรรม ของท่านแล้ว ข้ามาเพื่อรับท่าน ถึงเวลาของท่านแล้ว'

    สิ้นเสียงดังกล่าวนี้ นิมิตปรากฏเป็นชายผิวดำรูปร่างสูงใหญ่ ตรงศรีษะท่านสวมชฏาแบบเป็นเขาควายเผือกสีขาว มีอาวุธประจำกายคือหอกทองเหลืองยาวปลายเป็นง่ามสามง่าม นัยตาแดงก่ำ

    +++ จากสรรพนามที่ทางยมโลกใช้เรียกขานกับจิตบางดวงว่า "ท่าน" นั้น เป็นข้อมั่นใจในกุศลธรรมได้ว่า จิตดวงนั้นเป็นบุคคลในฝ่ายกุศล หากพยายามตั้งจิตไว้ในกุศลธรรมตลอดโดยเฉพาะ การตั้งจิตในการมีส่วนช่วยยกพระพุทธศาสนาให้มั่นคงต่อไป สรรพนามคำเรียกขานนั้นจะไม่เปลี่ยน ถึงแม้ว่าเวลาจะหมดลงก็ตาม อย่างมากก็จะไปที่ห้องโถงใหญ่ จากนั้นก็จะไปยังภูมิที่เป็นสุคติ จนกว่าจะตัดสินใจลงมาสร้างบารมีต่อ ไม่มีเรื่องน่าเป็นห่วงและไม่มีเรื่องน่าตกใจแต่ประการใด แต่จากเหตุการที่เล่ามานี้ ผมเห็นว่าน่าจะเป็นจุดเปลี่ยนเกียร์ให้สูงขึ้น คือเพิ่มอัตราในการเร่งบารมีให้สูงยิ่งขึ้นไป

    จากนิมิตดังกล่าวกระผมจึง ได้สติ และรู้ว่าท่านคือพยามัจจุราช จึงสื่อกับท่านไปว่า ; ข้าแต่ท่านพยามัจจุราช หากกระผมได้กระทำกรรมหนักไว้ มีวิบากกรรมให้ผลแล้วในเวลานี้ กระผมก็ยินดี ให้ท่านมารับกระผมไป กระผมจักไม่ต่อสู่หรือหลีกหนี และยินดีพร้อมใช้วิบากกรรมคืนแก่กรรมหนักเหล่านั้น;

    เมื่อกระผมกล่าวเช่นนี้ออกไป ทันใดนั้นกระผมก็เกิดปรากฏนิมิต มีแสงสว่างจ้าขาวสว่างขยายเป็นวงกว้างมาในสมาธิขณะนั้น ซึ่งเมื่อแสงสว่างนั้นค่อยๆลดความสว่างลง ก็ปรากฏเห็น พระสงฆ์แต่งกายแบบพระจีนรูปหนึ่ง ถือคะทาแบบพระจีน ส่วนมืออีกด้านหนึ่ง ท่านแบไว้มีดวงแก้วใสสว่างสีเขียวนวลสวยงามมาก พร้อมด้วยสามเณรสองรูปประทับยืนอยู่ด้านข้าง ท่านเป็นพระสงฆ์จีนหนุ่ม ผิวขาว วรรณะงดงามผุดผ่องมาก ท่านกล่าวด้วยเสียงอันนุ่มไพเราะกังวาลว่า ; ช้าก่อนท่านพยามัจจุราช อันบุตรชายผู้นี้ ที่ท่านมาเพื่อจะเอาชีวิตเขาไปนี้ อาตมาขอบิณฑบาตร เพราะด้วยเหตุ ที่บุตรชายผู้นี้ ในกาลเวลาที่ผ่านมาจนปัจจุบัน บุตรผู้นี้เขาได้กระทำความดีไว้มากมาย อีกกระทั่ง ในกาลข้างหน้า บุตรผู้นี้เขายังมีภาระเพื่อพุทธศาสนา ในการสืบทอดและจะต้องสร้างคุณงามความดีอีกหลายประการ ด้วยเหตุนี้ อาตมาจึงขอบิณฑบาตร ท่านสักครั้งนี้ด้วยเถิด;

    ขณะนั้น จึงได้ยินเสียงของ ท่านพยามัจจุราช ท่านกล่าวตอบกลับมาว่า
    ; เราจักถวายทานนี้แก่ท่าน ขอท่านพระโพธิสัตว์ ได้โปรดรับบิณฑบาตในครั้งนี้ด้วยเถิด สาธุ ;
    และพยามัจจุราช ก็กล่าวกับกระผมว่า ครั้งนี้เราจะไม่เอาชีวิตท่าน เพราะเราได้ถวายบิณฑบาตร ไปแล้ว แต่ในคราวหน้าเราจักต้องทำตามหน้าทีของเรา ท่านคงเข้าใจ อนึ่ง ได้เวลาเราจักต้องกลับแล้ว ;

    กระผมรู้สึกดีใจปิติสุขบังเกิดขึ้นเป็นแสงสว่างภายใน จึงกราบสักการะและกราบขอบพระคุณท่านพระโพธิสัตว์พระองค์นี้ และจึงกล่าวแก่ท่านพยามัจจุราชไปว่า ; ขอท่านพยามัจจุราชจงเชื่อมั่นว่า เราจักไม่ปิดเบือนหรือหลบหลีก เราจะยินดีให้ชีวิตแก่ท่านเมื่อถึงเวลานั้นของเรา สุดท้ายนี้ด้วยบุญกุศลและบารมีที่กระผมได้สั่งสมมา กระผมขอแผ่และอุทิศให้ท่าน ตลอดจนในอนาคตก็เช่นกัน บุญกุศลใดที่กระผมจะได้กระทำในอาคตกาลนั้นก็ขอให้สำเร็จแก่ท่านเช่นกันตลอดกาลนานเทอญ;
    หลังจากนั้นท่านพยามัจจุราชก็กล่าวอนุโมทนา เสร็จแล้วบังเกิดเป็นแสงสว่างจ้า จนกระผมหลุดออกจากสมาธิ ก็มาคิดทบทวนว่า นี่มันจริงหรือไม่จริง แต่ก็เชื่อว่าต้องเป็นความจริง จึงคิดว่าต่อนี้ไปเราจักตั้งตนอยู่ด้วยความไม่ประมาทครับ

    +++ กรณีนี้ไม่ถือว่าเป็นนิมิต แต่ต้องนับเป็นการสื่อสารแจ้งข่าวจากทางภพภูมิ และในกรณีนี้เป็น 2 ภูมิในคราวเดียวกัน นั่นคือจากทางนรกภูมิ และทางพุทธภูมิ อาจกล่าวได้ว่า ทางนรกภูมิมาแจ้งว่า เวลาได้หมดลงแล้ว แต่ทางพุทธภูมิ มาขอบิณฑบาตรจากทางนรกภูมิ ให้ทำงานต่อ ในร่างเดิมต่อไป ดังนั้นขอให้พิจารณาอย่างละเอียดด้วยว่า จะวางเข็มอนาคตในขณะที่ครองร่างนี้อยู่อย่างไร นะครับ

    ต่อครับ

    หลังจากนั้นในคืนนั้น กระผมก็เข้านอนและหลับไป จนกระทั่งเวลาประมาณตี4 กระผมได้สติ ตื่นมา เพราะได้ยินเสียงชายคนหนึ่ง มายืนเรียกที่ปลายเท้าว่า
    ; เจ้าเคยฆ่าและทำลายครอบครัวของข้า เจ้าต้องได้รับผลกรรมนั้น แม้จะเป็นเศษแห่งกรรมก็ตาม ; ในขณะนั้น กระผมมีสติแบบครึ่งหลับครึ่งตื่น ตอนนั้นแขนข้างซ้ายของกระผม ไม่มีความรู้สึกใดๆ เหมือนคนพิการแขนขาด แขนไม่มีความรู้สึกใดๆ ในใจตอนนั้นก็ตกใจมากที่แขนข้างซ้ายมันห้อยโตงเตงไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้อีก

    ในขณะจึงพยุงตนเองขึ้นมา ได้สติ จึงนั่งสมาธิบนที่นอน รวบรวมสมาธิได้แล้วก็นิมิตเห็นชาย พม่า นุ่งชุดแบบนายทหารของพม่า จึงเห็นต่อเนื่องไปว่าในอดีตชาติหนึ่ง กระผมเคยเป็นแม่ทัพ นำทหารแห่งสยามประเทศไปโจมตีทำลายทหารพม่าที่เข้ามาประชิดเมืองให้แพ้พ่ายถอยกลับไป ในการต่อสู้กระผมได้ใช้ดาบฟันแขนข้างซ้ายของเขา ผู้นี้ขาดสะบั้นลง เขาล้มลงที่พื้น และถูกทหารใกล้ชิดของกระผม แทงซ้ำเข้าไปกลางหลังทำให้เขาขาดใจตาย

    ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจทุกอย่าง เสร็จแล้วในนิมิตก็ปรากฏชายพม่าคนดังกล่าว กระผมเห็นในสมาธิแล้วจึงรีบ กล่าวแผ่อุทิศบุญกุศลทั้งหมดทั้งสิ้นแต่แต่อดีตจวบจนปัจุบัน อุทิศให้แก่ท่าน ขอท่านจงอโหสิกรรมและเมตตาแก่กระผม จวบจนอนาคตกาลบุญกุศลอันใดทั้งหลายก็จะมอบและอุทิศให้แก่ท่านเช่นกัน

    การที่กระผมเคยทำร้ายท่านก็เพราะด้วยหน้าที่ ทำไปโดยไม่ได้เจตนา เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ท่านจึง อโหสิกรรมและกล่าวอนุโมทนาในบุญนี้ และก็หายไปในนิมิต

    จากนั้นกระผมก็ออกจากสมาธิปรากฏว่าแขนข้างซ้ายที่เป็นอัมพาตชั่วขณะ ก็เริ่มปวดร้อนขึ้นมา ชนิดเจ็บแสบไปถึงกระดูกครับ แล้วก็เริ่มขยับนิ้วขยับแขนได้ในที่สุดครับ
    จึงมานั่งทบทวนว่า นี่คือเศษกรรมที่ตนได้กระทำไว้ยังไงก็หนีไม่พ้น แต่ก็นับว่ายังโชคดีมากที่ไม่ต้องสูญเสียแขนของตนไป เหมื่อนที่เคยไปทำร้ายเขาครับ สาธุ

    +++ นี่คือข้อแตกต่างระหว่างสิ่งที่เรียกว่า นิมิต และ ภพภูมิ นิมิตนั้นจะมีผลในระหว่างอยู่ข้างในเท่านั้น เมื่อออกมาแล้วก็หมดความต่อเนื่อง ไม่เหมือนกับ ภพภูมิ เพราะผลลัพธ์มันสามารถ ข้ามภพข้ามภูมิออกมาในปัจจุบันขณะ และสามารถต่อเนื่องไปยังอนาคตได้ ตรงนี้เป็น Case Study ที่ดีเยี่ยมในเรื่องของ การผูกเวร ข้ามภพภูมิและชาติจากทหารพม่ารายนั้น

    ต่อครับ

    จากนั้นไม่นาน ล่วงมาได้5วันจึงเดินทางกลับไปบ้านป้าที่นครสวรรค์ กระผมก็ล้มป่วยลง ด้วยอาการปวดหัวอย่างหนัก มีไข้ขึ้นสูง
    เป็นหนักมาก แต่ก็อดทนและรู้ว่าวิบากกรรมให้ผลจริงๆ กระผมไม่ยอมไปหาหมอ แม้จะป่วยแค่ไหนก็ต้องสวดมนต์นั่งสมาธิ ขอให้ครูอาจารย์ช่วย
    การป่วยในวันที่สองหนักมากไข้ขึ้นสูงพอนั่งสมาธิเสร็จแล้ว เข้านอน ไข้กลับขึ้นสูงสี่สิบองศา ป้าจึงเอาผ้าชุบน้ำ เช็ดตัว คืนนั้นทั้งคืน คนที่นั่นบอกว่าไปหาหมอเถอะ ผมบอกว่าไม่ต้องไป ให้รักษาแบบนี้แหละ คือให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว เพราะตัวจะร้อนมากจนช็อคสลบได้ ก็เคยเอาไฟไปเผาเขาทั้งเป็นจนเขาตายคากองไฟ ตอนที่ไปรบกับทหารพม่าในตอนนั้นนั้นแหละ ภาพทุกอย่างมันปรากฏเป็นนิมิตให้เห็นทันที

    จึงบอกป้าว่าให้เช็ดตัวผมอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพราะตัวร้อนมาก เสื้อผ้านี่เปียกปอนไปหมด จนต้องถอดออกเหลือแค่กางเกงในตัวเดียว ให้คุณป้านำผ้ามาชุบน้ำเช็ดตัวให้ผม ทั้งคืน จนเกือบสว่าง จึงดีขึ้น

    ในเช้าวันถัดมา อาการเป็นไข้ก็ทุเลาลง แต่ยังไม่หาย ยังปวดหัวอยู่แต่ก็ทุเลาลงแล้ว
    ถัดมาอีกวัน อาการเจ็บป่วยก็ดีขึ้นมาก จึงกลับมาทำงานได้ตามปกติ
    ตอนนี้จิตก็รับรู้แล้วว่า นิมิตทั้งหมดเป็นเรื่องจริง วิบากกรรมเราทำไว้แล้ว เราหนีไม่พ้น ยังไงก็ต้องรับใช้ หนีไม่พ้น ครับ

    +++ ตรงนี้เป็น วิบากกรรม ส่งผลให้เห็นเป็น ภาพของบุพกรรมที่เคยทำไว้ แม้ว่าจะมีรูปแบบคล้ายนิมิต แต่เนื้อหาของมันไม่ใช่เลย ตรงนี้เป็น Case Study ที่ดีเยี่ยมในเรื่องของ กฏแห่งกรรม ที่ส่งผลข้ามภพภูมิและชาติได้ เป็นอย่างดี นะครับ

    สุดท้ายจิตก็น้อมระลึกไปถึงพระสงฆ์จีนรูปนั้น ท่านเป็นใคร ท่าเป็นพระโพธิสัตว์พระองค์ใด จนกลับมาที่ทำงานที่ห้องพัก ก่อนทำงานก็เหลือบไปเห็นสมุดสวดมน์ต์ที่ตนเคยนำมาท่องสวดมนต์ไหว้พระ ก็บังเอิญไปเห็นรูปพระสงฆ์จีนดังกล่าว เป็นรูปสี ช่างเหมือนในนิมิตมาก เมื่อดูชื่อด้านล่าง ปิติสุขเกิดแรงมากจนผมและขนตั้งชูชัน
    ;;;;;ลูกรู้แล้วท่านคือ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ นี่เอง ที่ได้ช่วยชีวิตลูกไว้;
    ชีวิตนี้ลูกจะตั้งใจสร้างกุศลสร้างคุณงามความดีเป็นปฏิบัติบูชา แก่ท่านและครูอาจารย์ทุกๆพระองค์ครับ สาธุ

    +++ ผู้ที่เคยได้รับการช่วยเหลือจาก พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ควรศึกษาจริยธรรมของท่านได้จากลิ้งค์นี้นะครับ

    http://palungjit.org/threads/ประวัติ-พระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์.91243/
     
  6. มุตา

    มุตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +288
    อนุโมทนา ได้อ่านเีรื่องดีๆ เป็นพลัง กำลังใจให้ผมอยากทำบุญ ต่อไป ...ไม่มีอะไร หรือใครช่วยเราได้ นอกจากพลังบารมีบุญ
     
  7. CITYNAVYMAN

    CITYNAVYMAN Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +97
    ขอให้ทุกท่านรุ่งเรืองในบุญยิ่งๆขึ้นไปเทอญ
     
  8. thexjeab

    thexjeab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +685
    อนุโมทนา.....................สาธุ ครับ

    ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าประสพการณ์ที่ให้ขอคิดดีๆครับ
     
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ขออภัยครับ หายไปสองวัน

    ก่อนอื่นกระผมขอกล่าวขอบคุณทุกๆท่านเป็นอย่างสูงครับ ที่ได้ร่วมแชร์ความเห็นต่างๆ ซึ่งเป็นประโยชน์มากๆครับ

    การปฏิบัติธรรม ด้วย ทาน ศีล และสวดมนต์ภาวนา นั้น มีอานิสงค์มากมายจริงๆ ชีวิตของกระผม ตั้งใจและมุ่งมั่น ในข้อวัตรปฏิบัติหลายอย่าง ตามที่เห็นว่าดีและถูกกับจริต

    แต่มีสิ่งหนึ่งที่กระผม เหมือนกับท่านพระกษิติครรภโพธิสัตว์คือ
    1ชีวิตที่ผ่านมากระผม มีความเมตตากับสรรพสัตว์ไม่มีประมาณ และไม่ฆ่าสัตว์ตลอดชีวิต ทำมานานหลายปีแล้ว
    2ไม่เคยแบ่งแยกชนชั้นวรรณะ สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนเสมอภาคกัน
    3ไม่เคยแบ่งแยกชนชั้นวรรณะ สรรพจิตวิญญาณทั้งหลายล้วนเสมอภาคกัน
    4การทำบุญสุนทานต้องหมั่นทำเป็นนิจ มากน้อยแล้วแต่กำลังของตน
    5การสวดมนต์และเจริญสมาธิต้องทำทุกวันก่อนนอน ซึ่งทำมานานแล้ว เพื่อชำระจิตใจให้สะอาด ไม่ให้จิตตกไปสู่โลกที่ชั่ว
    6ทุกครั้งในการแผ่เมตตาและอุทิศบุญกุศล จะแผ่ให้สรรพสัตว์ไม่มีประมาณทั้ง3ไตรภูมิอันเบื้องล่างได้กล่าวอุทิศให้ ผีเปรต อสูรกาย โอปาติกะ สัมภเวสีทั้งหลาย จิตวิญญาณตกทุกข์ได้ยากทั้งหลาย จิตวิญญาณไม่มีญาติ เร่ร่อนทั้งหลาย ตลอดจนสรรพวิญญาณทั้งหลายในนรกภูมิทั้งหมดก็ดี จงได้รับกุศล จงอนุโมทนาในบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้อุทิศให้นี้ ขอบุญนี้จงเป็นทิพย์แก่ท่าน ขอท่านจงอนุโมทนา แม้ท่านใดที่มีทุกข์ขอให้พ้นทุกข์ ท่านใดที่มีสุขอยู่แล้วให้ท่านจงมีแต่ความสุขยิ่งๆขึ้นไป ครับ ทุกครั้งทำมานานแล้ว
    7ทุกวันพระต้องถวายผลไม้หมากพลูบุหรี่ให้ครูอาจารย์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตลอดจนเจ้าที่ทุกๆพระองค์
    8ทุกวันหยุดต้องไปไหว้พระทำบุญตามวัดต่างๆเพื่อทนุบำรุงวัดหรือพุทธศาสนา
    9ไม่ทานเนื้อสัตว์ที่พระพุทธเจ้าห้าม และไม่ทานสัตว์ใหญ่ทุกชนิด พร้อมกับเทศกาลกินมังสะวิรัติทุกปีต้องถือมังสะวิรัติ
    10ชอบทำบุญญาติพี่น้อง พ่อแม่และกับคนแก่ โดยเฉพาะสตรีคนแก่ครับ ชอบมากๆ
    11 อื่นๆอีกหลายข้อที่ทำมาเป็นปกติ อะไรที่เราคิดว่าดีและมีประโยชน์ก็ทำครับ ทำแล้วสบายใจไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 มิถุนายน 2013
  10. ดำฤษณา

    ดำฤษณา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +205
    โมทนาสาธุการ หากท่าน Tjs หรือทุกท่านมีเรื่องราวดีๆมานำเสนอเรื่อยๆอย่างนี้ก็ดีมากมากเลยครับ อย่าเก็บไว้คนเดียวเลยเล่าสู่กันฟังสร้างกำลังใจให้ผู้ปฎิบัติได้เป็นอย่างดีครับ ผมก็อีกคนหนึ่งที่รู้ตัวแล้วว่าควรจะเร่งปฎิบัติ ขอบคุณท่านมากครับ
     
  11. Moderator6

    Moderator6 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +3,721
    เอาเรื่องแนวนี้มาเล่าดีครับ ช่วยให้คนเกิดหิริโอตัปปะ เป็นกำลังใจให้คนทำดี
     
  12. christof3000

    christof3000 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +29
    ขออนุโมทนา สาธุ ท่านจขกทครับ และขอขอบคุณท่านที่นำเรื่องราวดีๆมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติ มิให้เราประมาทหรือเผลอหลงไปในอบายภูมิรอบตัวท้้งหลาย และทำให้เรามีกำลังมุ่งมั่นและมีความเพียรในการที่จะตั้งใจทำบุญกุศล ให้มากที่สุดที่จะทำได้ต่อไปฟังแล้วขนลุกตามท่านเลย ขอบคุณท่าน จขกท มากๆครับ
     
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    กรณีที่มีบางท่านถามว่า ท่านพระยามัจจุราช เป็นใคร ทำไมท่านต้องมาทำหน้าที่เป็นผู้ตามทวงชีวิต หรือเอาชีวิตเราไปนั้น ตรงนี้ ขออธิบายตามที่สื่อมาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์และท่านครูอาจารย์ท่านสื่อให้ทราบว่า

    ปกติ หน้าที่ของนรกภูมิ ได้แบ่งสรรพ์หน้าทีหลายประการดังนี้
    1พระยายมราช หน้าที่ควบคุมดูแลนรกภูมิ[เป็นนายหรือราชาเจ้าแห่งเมืองนรก]คือ ท่านพระยายมราช หรืออีกพระนามหนึ่งคือ พระยามัจจุราช ท่านจะมีรายชื่อบัญชีหนังหมา และบัญชีบุญและบาบ
    2พระยายมบาล หน้าที่อภิบาลเป็นใหญ่รองลงมาจากท่านพระยายมราช บางโอกาศท่านจะทำหน้าที่ตัดสินดคีความต่างๆแทนท่านพระยายมราช
    3พระยายมทูต มี4ท่าน มีหน้าที่ไปรับจิตวิญญาณมาพิพากษาคดีและนำส่งจิตวิญาณไปรับโทษตามนรกขุมต่างๆ บางครั้งก็จะแบ่งกันไป 1บ้าง หรือ2หรือ3หรือไปพร้อมกัน4พระองค์ก็มี
    4ท่านนายนิริยะบาล เป็นหัวหน้ามีหน้าที่ดูแลขุมนรกต่างๆ
    5นายนิริยะบริวาร เป็นทหารคอยรับใช้ทั้งหมด คอยลงโทษจิตวิญญาณที่ทำบาบในขุมนรกต่างๆ คอยปกป้องดูแลตามซุ้มประตูขุมนรก ทวารต่างๆ และตรวจตราป้องกันการหลบหนี ดูแลความเรียบร้อยทั่วไป

    อนึ่งการที่ท่านพระยายมราชหรือท่านพระยามัจจุราช มีข้อประเพณีประการหนึ่งคือ
    ในการทำหน้าที่ไปตามเอาชีวิตของมนุษย์นั้นปกติ จะไม่ใช่หน้าที่ของท่าน แต่จะเป็นหน้าที่ของท่านยมทูตทั้ง4เท่านั้น แต่จะมีเหตุที่ท่านจะต้องไปทำหน้าที่นี้ก็เฉพาะเหตุที่ว่า มนุษย์ผู้นั้น มีบุญวาสนาบารมีสั่งสมมากมายพอสมควร ท่านพระยามัจจุราชหรือท่านพระยายมราชจะต้องไปกล่าวขอชีวิตหรือกล่าวอันเชิญด้วยตัวท่านเอง บุคคลที่ว่านี้ได้แก่
    1 พระพุทธเจ้า ซึ่งตามพุทธประวัติท่านพระยามัจจุราชก็มาขอชีวิตพระพุทธเจ้าก่อนปรินิพพาน ลองเข้าไปอ่านดูตามประวัติครับ
    2 พระปัจเจกะพุทธเจ้า
    3 พระอรหันต์
    4 พระอนาคามี
    5 พระโพธิสัตว์

    ซึ่งตามประวัติศาสตร์นั้น มีเรื่องเล่าให้ฟังมากมายหลายครั้งที่ท่านพระยามัจจุราชหรื่อพระยายมราช ท่านไปเพื่อทำหน้าที่นี้เอง ครับ

    แต่สุดท้ายอย่างไรก็ตาม ความตายนั้น เป็นสิ่งที่เราทุกคนหนีไม่พ้น เป็นสัจจะธรรมของชีวิต พระพุทธเจ้าเรากล่าวไว้ก่อนปรินิพพานว่า เธอทั้งหลายพึงพิจารณาถึงความตายให้เป็นปกติสม่ำเสมอ พึงเจริญในมรณานุสติให้มาก เพื่อความไม่ประมาทในชีวิตของเรา ครับ สาธุ
     
  14. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ========

    ขอกล่าวเพิ่มเติม อีกนิดหนึ่งคือว่า ในการปกครองของนรกภูมิ พระยายมราช หรือพระยามัจจุราช นั้น ท่านจะมีเทวดาที่ใกล้ชิดคอยถวายงาน เป็นเหมือนเลขาใกล้ชิดท่าน มีนามว่า ท่านสุวรรณ ซึ่งจะคอยดูแลบัญชีรายชื่อ การเกิด การตาย บุญและบาบของทุกๆคน ซึ่งจะคอยกราบทูลถวายหรือรายงานให้ท่านพระยายมราชทราบครับ

    ความจริงสิ่งที่กระผมกล่าวมา เกี่ยวกับนรกภูมิ อาจจะไม่ตรงกับบางท่านที่ไปศึกษามา ก็ต้องขออภัยด้วย แต่ก็ขอให้ทำความเข้าใจว่า สิ่งเหล่านี้ มีจริง แต่จะเป็นอย่างไรประการใดก็ขอให้อย่าไปยึดติด ขอให้มุ่งเน้นที่การสวดมนต์ภาวนา เจริญสมาธิให้มากๆครับ ชำระจิตใจเราให้มากๆ เพื่อจิตใจที่ขาวสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งๆขึ้นไป ครับ สาธุ

     
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ==========

    เรื่องอายุไขของมนุษย์เรานั้น มีวิบากกรรมเป็นตัวกำหนด ประกอบกับกรรมในชีวิตปัจจุบัน ว่าเราได้ทำความดีมากน้อยแค่ไหน
    การต่อชะตาหรือต่ออายุนั้นกระทำได้ด้วยวิธีทางพุทธ ที่กระทำกันมา ส่วนครูอาจารย์ของกระผมที่เป็นฝ่ายเทพนั้น ท่านจะไม่ยุ้งเกี่ยว และจะไม่สามารถกล่าวขอชีวิตให้กันได้ ผู้ที่สามารถกล่าวขอได้มีส่วนเดียวคือพระอริยะเท่านั้น อันหมายถึง พระอรหันต์และพระโพธิสัตว์ผู้ที่มีบารมีมาก จะขอบิณฑบาตรได้ ส่วนเมื่อขอแล้ว เขาผู้นั้นจะมีอายุยืนยาวแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับกำลังบุญ กำลังของความดีของเขาที่เขาสร้างสั่งสม หรือกล่าวในทางตรงกันข้ามว่า การที่จะมีชีวิตต่ออยู่ได้ ก็ต้องเป็นคนดี ประกอบแต่กรรมดี เพราะความดีของเขามีประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ทั้งสามไตรภูมิ นี่เอง จึงสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แต่หากว่าทำบาบกรรมไว้ไม่ทำความดี อย่างนี้อยู่ไปก็หนักผ่นดิน มีแต่จะทำบาบกรรมและเบียดเบียนผู้อื่น เช่นนี้ก็ไม่สมควรให้มีชีวิตอยู่ต่อไปครับ ทุกอย่างในโลกนี้มีเหตุปัจจัย เป็นเหตุประกอบเสมอ ขอให้เราไม่ประมาทครับ พยายามทำปัจจุบันของเราให้ดีที่สุดครับ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านเช่นกันครับ สาธุ

     
  16. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ==========

    ขออนุโมทนากับท่านอาจารย์ภูด้วยครับ ที่ได้ร่วมแสดงธรรม อันเป็นประโยชน์ เพื่อความไม่ประมาทในการดำเนินชีวิตและเพื่อความเจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมที่เจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไปครับ
    ขออนุโมทนาครับ สาธุ
     
  17. เนยนพนะโม

    เนยนพนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +429
    ขออนุโมทนาบุญกับ จขกท ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว สาธุ สาธุ สาธุ
     
  18. singhol

    singhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +1,941
    ขอบคุณสำหรับสาระดีๆนะครับ
     
  19. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    กล่าวถึงเรื่องการแผ่เมตตาและแผ่อุทิศบุญกุศล นั้น มีความประหลาดใจมากทุกครั้ง
    ที่เกิดในสมาธิเสมอเป็นอย่างนี้คือ
    การแผ่อุทิศนั้นมีสองวิธีคือ
    1 เรากรวดน้ำแผ่อุทิศให้เขา ตรงนี้จะขออำนาจพระแม่ธรณี พระแม่คงคาให้ท่านช่วยนำส่งให้แก่สรรพวิญญาณในนรกภูมิ จิตวิญญาณก็จะได้รับ
    2 เราแผ่อุทิศด้วยกำลังของสมาธิ กรณีนี้เราแผ่อุทิศโดยการรวบสมาธิให้เป็นหนึ่งแน่วแน่ลงไป หลังจากนั้นต้องขอบารมีพระเพื่อเปิดนรกภูมิ ซึ่งในสมาธิเราจะเกิดนิมิตเห็นนรกภูมิและสรรพสัตว์ที่กำลังได้รับทุกข์ทรมาน จากนั้นให้กำหนดสมาธิแผ่เมตตาหรือแผ่อุทิศบุญของเราลงไป กำลังบุญของเราที่แผ่ลงไปนั้น จะเป็นเหมือนดวงแก้วแสงสว่างเคลื่อนลอยลงไป เมื่อนิมิตเกิดอย่างนี้ในสมาธิแล้วให้กำหนดอธิฐาน ขอให้เหล่าจิตวิญญาณทั้งหลายทุกดวงจงอนุโมทนา สาธุในดวงแก้วอันเป็นแสงสว่างนี้อันเป็นทิพย์นี้ ขอบุญนี้จงสำเร็จแก่เธอทั้งหลาย ขอให้เธอทั้งหลายหากมีทุกข์จงพ้นทุกข์ จงมีแต่ความสุข พร้อมกันนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศบุญอันเป็นแสงสว่างอันเป็นทิพย์นี้ ให้แก่ท่าน พระยายมราช พระยายมบาล พระยายมทูต ท่านนายนิริบาลและจิตวิญญาณผู้ดูแลนรกภูมิทุกดวง ขอให้ท่านจงอนุโมทนาในบุญนี้ด้วย ขอท่านทั้งหลายจงมีแต่ความสุขยิ่งๆขึ้นไปสาธุครับ เมื่ออธิฐานเสร็จแล้ว จะบังเกิดนิมิตในสมาธิคือสรรพสัตว์ หรือจิตวิญญาณในนรก จะหยุดการทรมานชั่วขณะ ขณะ เดียวกัน อาวุธประจำกายของนายนิริยะบริวารที่คอยทรมานสรพพสัตว์ในนรก ก็ร่วงหลุดออกจากมือร่วงลงพื้นชั่วขณะ เป็นช่วงเวลาที่หยุดการทรมานชั่วขณะ ปิติสุขก็เกิดขึ้นกับกระผมเช่นนี้ทุกครั้ง

    เมื่อแผ่เมตตหรืออุทิศบุญกุศลเสร็จแล้วทุกครั้ง ก็จะอธิฐานเสมอว่า
    ด้วยเหตุปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้ ขอให้เป็นปัจจัยช่วยเหลือส่งเสริมให้ ข้าพเจ้า ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง ขอให้มั่งมีควาสุขทุกประการ ขอให้การงานเจริญก้าวหน้า เงินทองเจริญก้าวหน้า ขอคนภัยพาลอย่าได้มาเบียดเบียน ขอให้ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติธรรมอย่างนี้เจริญก้าวหน้าในธรรมยิ่งๆขึ้นไป ขอบารมีทาน สีล ภาวนาของข้าพเจ้าจงเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไปจนถึงที่สุดแห่งพระนิพพาน ครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2013
  20. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ==========

    จากที่ได้กล่าวให้ฟังเรื่องการแผ่เมตตาและอุทิศบุญให้สรรพจิตวิญญาณ ในนรกภูมินั้น มีสภาวะเป็นอย่างที่กล่าวมานั้น กระผมเคยกล่าวถามกับครูอาจารย์ที่สื่อกับท่านว่า ด้วยความสงสัย และสงสารเหล่าจิตวิญญาณที่ทุกข์ทรมานในนรกว่า นรกภูมิส่วนมากจะเต็มไปด้วย ไฟโลกันต์ ที่แผดเผา น้ำกรดไฟ เหล็กร้อน น้ำเดือดร้อน กะทะทองแดง ที่มีไว้เพื่อทรมาน จึงเกิดคำถามกับครูอาจารย์ว่า ทำอย่างไรหรือด้วยบุญกุศลอะไรที่จะดับไฟโลกันต์หรือไฟในนรกได้เพื่อจิตวิญญาณนรกภูมิเหล่านั้นจะได้ไม่ทุกขทรมาน
    ครูอาจารย์ท่านก็อธิบายว่า เหตุที่จะทำให้ไฟโลกันต์และไฟในนรกทั้งปวงดับลงได้ เหตุที่จะทำให้นรกภูมิสงบลงได้ มีเพียงประการเดียว คืออาศัยบุญบารมีแห่งพระพุทธเจ้าเท่านั้น ที่สามารถกระทำอภินิหารนี้ให้บังเกิดได้ แต่อภินิหารที่ปรากฏนี้ก็จะเกิดได้เพียงชั่วขณะหนึ่งเช่นกัน และด้วยกฏแห่งกรรม ไฟโลกันตนรก ไฟทั้งหลายในนรก น้ำกรด น้ำเดือน เหล็กร้อน กะทะทองแดงทั้งหลาย ก็จะกลับคือสู่สภาวะเดิม นายนิริยะบาล และทหารบริวารก็ต้องทำหน้าที่เช่นเดิม การทรมานก็เกิดขึ้นกลับสู่สภาวะเช่นเดิม เป็นเช่นนี้ครับ

    ท้ายที่สุดนี้ ก็ความเป็นมนุษย์เราก็ดี ล้วนเป็นทุกข์ สรรพสัตว์ทั้งหลายในนรกภูมิทั้งหลายก็ดีล้วนเป็นทุกข์ยิ่งกว่า
    จงเป็นผู้ไม่ตระหนี่ถี่เหนียวในการแผ่เมตตาและอุทิศบุญแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย เพราะเขาทั้งหลายก็เป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย ยังคงเวียนว่ายอยู่ในกองทุกข์เช่นเดียวกับเรานั่นเองครับ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...