จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    คำถาม - คำตอบ - ปัญหาธรรม

    -ถาม - ดิฉันขอร่วมทำบุญหลวงปู่สร้างโรงพยาบาล..บาท อีก..บาทแล้ว

    แต่หลวงปู่จะเอาใช้อะไรก็ได้...ผลบุญนี้ขอให้หลวงปู่หายจากโรคภัยไข้เจ็บ มีความสุข

    กายสุขใจทุก ๆ ประการ...แลขออุทิศส่วนกุศลให้กับบิดามารดา ครูบาอาจารย์ ญาติพี่น้อง

    และสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง...ธรรมะใดที่หลวงปู่ได้เข้าถึงแล้ว ขอให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึง

    ธรรมะนั้นในชาตินี้เทอญ...และขอให้ข้าพระเจ้าเข้าถึงซึ่งนิพพานในชาตินี้ด้วยเทอญ.

    - ตอบ- หลวงปู่ขอให้คุณแซงไปได้เลย. นี่คือคำตอบขององค์หลวงตามหาบัว.

    ขอกราบน้อมรับพระธรรมคำตอบของท่านด้วยสติและปัญญา ให้ท่านผู้อ่านๆด้วยปัญญา

    ในคำถาม? แต่คำตอบนั้นหลวงตาท่านไม่ต้องหาคำตอบมากเลยตอบว่าแซงไปเลย.....

    น้อบกราบองค์ท่านโดยความเคารพกราบองค์ท่านดว้ยเศียรเกล้าเจ้าค่ะกราบ ๆๆ.
     
  2. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    หนุ่มไม่น้อยข้างหลังนั้นคือคุณ คริส จบ.110 สามีน้องรินค่ะ..
     
  3. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    อ้าว!!! แหมคุณภูก้อ.. "บุญคืองานประจำ ส่วนงานที่ทำเป็นงานอดิเรก"ค๊าาา...
    ตอนนี้ ทุกคนก็แค่อวบระยะสุดท้าย ก่อนจะอืดอ่ะค่ะ โดยเฉพาะ ยัยคนกลางนี่แหละ... ฮ่าาาาๆๆ
     
  4. ทิวลิปขาว

    ทิวลิปขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +1,555
    นานๆกลับมาเยี่ยมบ้าน
    สวัสดีค่ะทุกท่าน สวัสดีค่ะคุณภู
    " เธอมีบุญมากกว่าใคร สังเกตุจากมีแสงออกจากใบหน้า"
    ....อาหยึยยยย
    หน้าหน่อยมันมันเยิ้มอย่างนี้แหล่ะค่า "บุญ"ที่มีมากน้อยเท่าไหร่
    ยกให้ท่านและพี่ๆน้องๆ ชาวจิตเกาะพระทั้งหมดแล้วนะคะ สาธุ


    มามือเปล่ากลับไปมือเปล่า
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    โมทนาสาธุในธรรมาทานด้วยนะครับ
    ใครไปจุดธูปเรียกเธอมาเนี๊ย ฮ่าๆ สุขกายสบายใจดีนะจ๊ะ ยังนึกถึงเหมือนเดิม
    เดี๋ยวมีบางคนไม่ค่อยจะเข้าใจว่า เ๊อ๊ะพี่ภูเล่นละครเรื่องจริงใจไม่จริงใจอะไรอีกหรือเปล่า
    ก็แล้วแต่ใครจะคิดกันไปในทางบวกหรือลบ แต่ไม่มีใครจะรู้ดีเท่าจิตเราเท่ากับจิตของเราเอง
    ตรงนี้นี่เองจะเป็นตัวชี้วัดเรื่องอัตตามานะเป็นอย่างดี ส่วนใครมีก็ถือกันต่อไป
    ขนาดนักการเมืองก็ยังไม่มีคำว่าศัตรูถาวรเลย นี่พวกเรานักปฎิบัติเพื่อความหลุดพ้นกันแล้ว
    ถ้าปฎิบัติไม่มีเป้าหมายคือปล่อยวาง เพื่อการหลุดพ้น แล้วจะปฎิบัติไปเพื่อสร้างอัตตามานะเพิ่ม?
    ผมไม่ได้มีความเกลียด/รักใครเป็นพิเศษ ไม่เอาความรู้สึกนึกคิดหรืออารมณ์ของตน

    ธรรมที่กล่าวมานั้นถูกต้องแล้ว ชอบแล้ว
    เห็นจิตตนย่อมมองเห็นธรรมตนเองด้วย ย่อมไม่เอนไม่เอียง
    แต่ถ้าเอนเอียงไปก็ปรับให้เข้ามาตรงกลางกันใหม่ได้นิ เรือยังมีหางเสือเลย
    เครื่องบินยังต้องมี aileron/elevator/rudder trim ต้องคอยปรับทิศทางการบินเลย
    นับประสาอะไรกับจิตคนเราก็ยังต้องคอยปรับปรุงแก้ไขให้ดีอยู่ตลอดเวลา/ทำให้ดียิ่งขึ้นไป
    ถ้ารู้ตัวว่าเราเลวก็พยายามดัดแปลง/แก้ไขให้ดีขึ้น อันนี้นับเป็นสิ่งที่ดีงาม น่านับถือ
    แต่ถ้ารู้ว่าเราเลวแล้ว แต่ยังไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวแต่ไม่ยอมแก้ไข อันนี้ก็ยังใช้ไม่ได้
    บอกไปแล้วไง๊ คนเราหลงมาเกิดย่อมมีผิดมีถูกบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
    แต่พวกเราหลงไปวิ่งตามกันทำไม หลงพอใจหรือไม่พอใจกันทำไม
    ธรรมสองธรรมนี้คือคราบมนุษย์ อย่าไปคบ
    งั้นพี่ภูก็ขอแชร์ธรรมะด้วยคนแค่นี้นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 พฤษภาคม 2013
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    คู่บารมีหลวงปู่มั่น-วิญญาณรักและผูกพัน
    สิ่งที่เกี่ยวกับครูบารมีของหลวงปู่มั่นมาดั้งเดิม ท่านเล่าว่า..
    แต่ก่อนที่ยังไม่ถึงธรรมขั้นนี้ คู่บารมีของท่านเคยปารถนาพุทธภูมิมาด้วยกัน
    แต่สมัยก่อนโน้นก็เคยมาเยี่ยมท่านทางสมาธิภาวนาเสมอ ท่านแสดงธรรมให้ฟังเล็กน้อยแล้วสั่งให้กลับไป
    นานๆมาครั้งหนึ่งแต่มาในรูปแห่งวิญญาณ มองร่างไม่ปรากฏเหมือนภพอื่นๆ
    เวลาท่านถามก็ตอบว่า เป็นห่วงท่านมาก ยังมิได้ตั้งใจไปเกิดในภพภูมิที่เป็นหลักเป็นฐานใดๆทั้งสิ้น
    ทั้งกลัวท่านจะหลงลืมความสัมพันธ์และความปารถนาที่เคยพาปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคต
    จึงต้องคอยฟังเรื่องราวอยู่เสมอด้วยความเป็นห่วงและเสียดาย
    ท่านก็ได้บอกว่า ได้ของดความปารถนานั้นไปแล้ว และได้ตั้งใจปฏิบัติตนให้พ้นทุกข์ในชาตินี้
    ไม่ขอเกิดอีก ซึ่งเท่ากับเอาทุกข์ภัยที่เคยพบเคยเห็นมาชาตินั้นๆมาแบกหามต่อไปอีก
    แม้มิได้ตอบให้ท่านทราบว่าหายห่วงหรือยังห่วงอยู่ในเรื่องนั้น
    แต่ก็ยังเป็นห่วงคิดถึงท่านตลอดมามิได้หลงลืมจืดจาง แต่นานๆมาเยี่ยมท่านหนหนึ่งดังนี้
    พอมาระยะนี้องค์ท่านเองนึกเป็นห่วงและสงสารที่เคยรับความทุกข์ยากลำบากในภพชาตินั้นๆมาด้วยกันตามที่ท่านพิจรณารู้เห็น
    จึงนึกวิตกอยากพบเพื่อจะได้ปรับปรุงความเข้าใจและเล่าอะไรที่จำเป็นให้ฟังจะได้หายสงสัยหมดกังวลความผูกพันในความหลัง
    เพียงนึกวิตกเท่านั้น พอตกกลางคืนยามดึกสงัดคู่บารมีของท่านก็มาจริงๆและมาในรูปแห่งวิญญาณตามเดิม
    ท่านเริ่มถามถึงภพชาติที่กำลังเป็นอยู่ว่า ทำไมมีแต่ดวงวิญญาณ ไม่มีร่างเหมือนภูมิ
    อันเป็นทิพย์ทั่วๆไป เวลานี้เกิดเป็นอะไรจึงได้มาในลักษณะวิญญาณเช่นนี้
    ดวงวิญญาณตอบท่านว่า......(อ่านต่อ ตอนที่1และ2)

    อ่านต่อจากตอนที่1
    คู่บารมีหลวงปู่มั่น – วิญญาณรักและผูกพัน ตอนที่ ๑ | Walailoo's Blog )
    อ่านต่อ ตอนที่2
    คู่บารมีหลวงปู่มั่น – วิญญาณรักและผูกพัน ตอนที่ ๒ | Walailoo's Blog
     
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ดั่งเงามืด!
    รู้ตัวกันหรือยังว่า..ร่างกายของเรานั้น ก็คือ "ความทุกข์"
    ความทุกข์ของคนเราก็เปรียบเสมือนเงามืดหรือเงาดำ
    ที่คอยติดตามตัวเราอยู่ทุกเมื่อ แม้นกระทั่งยามมืดหรือหลับนอน
    เมื่อทุกข์มาเยือนหรือส่งผลมาที่จิตใจเรา เหมือนมันกำลังกัดกินกายใจเรา
    โดยทั้งที่เรารู้ตัวและไม่รู้ตัว รู้นะทุกข์ เข้าใจนะทุกข์คืออะไร แต่ทำไมเราหนีไม่พ้น
    ไม่มีผู้ใดหนีพ้นทุกข์ตนเองได้ เพราะความทุกข์นั้นก็คือขันธ์๕หรือร่างกายของเราดีๆนี่เอง
    มีแต่ผู้ที่ออกจากทุกข์ของตนเองได้ นั่นได้แก่ ผู้ปฎิบัติธรรม
    คนเราจะดีหรือสามารถเปลี่ยนนิสัยสันดานตนให้ดีได้ด้วยการเจริญพระกรรมฐานนี้เอง
    นอกนั้นไม่มี เห็นมีแต่ว่าตนเองดีอยู่ฝ่ายเดียว คิดพูดทำก็จะเข้าข้างตนเองไปเสียหมด
    ส่วนคนอื่นนั้นไม่ได้ดีไปจากตัวของเราแน่ๆ นั่นเห็นอัตตามานะของตัวของเรากันไหม
    นั่นแหล่ะก็คือ คราบมนุษย์ตัวจริงของเราเอง แต่สลัดคราบนี้ออกเสียได้ด้วยปัญญาเท่านั้น
    ปัญญาทางธรรมที่ได้มาจากจิตนิ่งเป็นสมาธิ มิใช่ปัญญาทางโลกตามที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ
    ผู้ปฎิบัติธรรมนั้นก็มีมากมาย แต่จะมีสักกี่คนที่ปฎิบัติให้ถึงแก่นธรรม นั่นก็คือจิตตนเอง
    หรือปฎิบัติเพื่อความหลุดพ้นหรือปล่อยวางกับขันธ์๕ หรือรูปนามสมมุติทั้งปวงได้กันจริงๆ
    เพราะระยะทางในการเดินของจิต การปฎิบัติธรรมกันจริงเขาเอาจิตไปเดินตามอริยมรรค
    หรือเรียกย่อๆว่าศีล สมาธิ ปัญญา ทุกท่านทราบกันเป็นอย่างดีแทบไม่ต้องกล่าวถึงกันแล้ว

    ถึงว่าพระห้ามญาติโยมทำสมาธินานเกินครึ่งชั่วโมง เอาแค่อุปจารย์สมาธิ(เฉียดฌาน)ก็พอ
    แต่ถ้าเกินเลยไปมากกว่านี้ก็คือ อัปปนาสมาธิ(ฌาน๑๒๓๔)อันตรายเฉพาะผู้มีปัญญาไม่พอ
    เดี๋ยวจะหลงทาง เพราะจิตอยู่ขันละเอียดมากย่อมมักเห็นหรือรับรู้ของละเอียดมาก
    ที่ตนเองตั้งแต่เกิดก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน มันจะตื่นเต้นหรือตื่นตูมกู่ไม่กลับใครทักก็ไม่ฟัง
    เพราะข้าเห็นข้ารู้คนเดียว คนอื่นไม่เห็นไม่รู้อย่างข้า บางทีข้าก็จะเป็นคนวิเศษ เอาแล้วๆ
    ปกติเขาห้ามพูดที่สาธารณะโดยเฉพาะเรื่องฌาน เรื่องนิมิต อภิญญา นี่เอาแค่เบาเล่าให้ฟัง
    แต่ตัวฉันก็เป็นฆราวาส เขาจะพูดกันในหมู่เพื่อนกัลยาณมิตรหรือในหมู่ผู้ปฎิบัติเท่านั้น
    นี่คือเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมมิให้ผู้ปฎิบัติใหม่ทำเอง นอกจากเรียนรู้เรื่องทำสมาธิมาบ้าง
    ยิ่งผู้ปฎิบัติได้สมาธิลึก(ฌาน)จำเป็นจะต้องมีครูบาจารย์หรือผู้รู้เรื่องสมถและวิปัสสนามาสอน
    หรือมาเป็นพี่เลี้ยงให้ เพราะจิตที่ไม่เคยฝึกมาก่อน จึงเปรียบเสมือนเด็กอ่อนยังช่วยตนเองไม่ได้
    แต่จะต้องมีพ่อแม่หรือพี่เลี้ยงเป็นผู้ดูแลไปก่อน เป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 พฤษภาคม 2013
  8. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ========

    ขออนุโมทนาครับ คุณครูดัช อันความยึดมั่น ยึดติดใดๆ คุณครูดัช ละทิ้งมันไปตั้งนานแล้ว ที่เหลือก็แค่เป็นหน้าที่เท่านั้น ครับ ขอเจริญในธรรมเช่นกันครับ สาธุ

    โมทนาสาธุครับ
    จบ.82
     
  9. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    “บุญ และ บาปของคน”

    (หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท )

    ทุกคนมีที่มา คือ มาเกิดอยู่ในโลก เป็นมนุษย์ มีสังขาร มีทุกข์ ก็ด้วยกิเลสของตนเองแท้ ๆ เทียว ด้วยจิตตนเองนั้นเกิดกิเลส เกิดตัณหา เกิดความอยากที่จะมี คิดที่จะเป็นสิ่งต่าง ๆ จึงได้มามีสังขารเป็นมนุษย์ มีความแตกต่างกันไปตามกุศล และกรรมของทุกคน

    ในอดีตของทุกคน ก่อนจะได้มาเกิดนั้น อาจจะมีผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องของอธิษฐานกรรม หรือคิดไปว่า สิ่งที่ตนเองดำริไว้นั้น จะทำให้ตนเองต้องมาเกิดเป็นสิ่งต่าง ๆ ในโลกแห่งนี้

    อาตมา อยากจะเทศน์สอนให้ทุกคนได้เข้าใจอีก การเกิดของมนุษย์ นั้น มีทางไม่เกิดก็มี ด้วยการทำความดีให้มาก หมดสิ้นกรรม และหนี้แห่งกรรมที่ตนเองก่อขึ้น เมื่อนั้น ตนเองก็จะบริสุทธิ์ ไม่มีกิเลส ราคีมัวหมองให้หมองเศร้า ไม่มีกิเลสนี้อาตมาอธิบายว่า ผู้ที่ดับกิเลสอย่างหมดสิ้นแล้ว นั่นหล่ะ จึงได้ได้ชื่อว่า “พระอรหันต์”

    ทุก ๆ คน อยากจะพ้นทุกข์ หวังให้ตนเองไม่เกิด แต่ด้วยอำนาจจิตที่ตนเองยังไม่หลุดพ้นจากขันธ์ กิเลส ความอยากที่ตนเองปรุงไว้ อธิษฐานไว้ก็มี จึงได้บันดาลให้ตนเองต้องวนเวียนอยู่ในโลกทั้งสาม นรก สวรรค์ และมนุษย์ สามโลกนี้ไม่สิ้นสุด จนกว่าจะพ้นไปได้ ด้วยการหมดกิเลส

    อาตมา ขอเจริญพร อยากให้ทุกคน ละวางสิ่งที่เป็นความอยากเสียเถิด ละวางสิ่งที่ยั่วยุทุกคนให้ โลภ ให้ทุกข์ เพื่อตนเองจะได้หมดสิ้นความต้องการชั่วคราว เพื่อความสุขที่ไม่ใช่ทางอันหลุดพ้นโดยแท้

    การปฏิบัติธรรม อย่างหลุดพ้น ก็ต้องมีปัญญา ดับจิตที่ตนเองมีกิเลสครองอยู่ มีดวงตาอันเกิดจากปัญญารู้ด้วยตนเอง ด้วยการเจริญธรรม รู้ด้วยบุญและอธิษฐานบุญของตนเองเพื่อทางหลุดพ้นว่า “ตนเอง จะขอปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น”

    อธิษฐานธรรมนี้ จะเป็นสิ่งนำพาทุกคน ให้ได้พบกับพระธรรมอันเลิศยิ่ง ที่พระพุทธเจ้าได้สอนไว้

    พระไตรปิฎก มีอยู่ในโลก มีให้ศึกษาได้อย่างกระจ่าง ขอให้ทุกคน จงเปิดอ่าน และศึกษาตามสิ่งที่พระพุทธเจ้าเทศน์โปรดไว้เถิด

    อาตมา อยากจะขอให้ทุกคน เชื่อในเรื่องพระธรรม อันบริสุทธิ์นี้ จากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า ด้วยว่าสิ่งนี้เป็นพระธรรมอันบริสุทธิ์อันเลิศยิ่ง

    การจะพ้นทุกข์ไปได้ ก็ต้องมี การเจริญกรรมฐานเสียก่อน ตามลำดับ ให้ปฏิบัติตามพุทธวิธีที่พระพุทธเจ้าทรงปฏิบัติไว้แต่ในอดีต และอธิษฐานขอให้ตนได้รู้พระธรรมอันเลิศตามพระพุทธเจ้า หลุดพ้นทุกข์ตามไป ดับกิเลสแห่งตนให้หมดสิ้น ปัญญาสิ่งรู้แจ้งก็จะปรากฏแก่ทุกคนผู้มีธรรม ในบัดนั้น

    ขอให้ทุกคน เชื่อ และยึดถือปฏิบัติตามพระไตรปิฎกเถิด

    ขอเจริญพร...
    Cr: ย้ำธรรม ยั้งคิด


    สาธุ ขอน้อมกราบ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ และหลวงปู่ศุข ด้วยเศียรเกล้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2013
  10. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    (ถ้าเราปฏิบัติถูกตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านะ)

    การปฏิบัติให้ถูก...ถ้าผิดแล้ผิดไปเรื่อยๆ ก้าวออกไปสามสี่ก้าวผิดหนึ่งก้าว ก้าวออกไป

    สองก้ว...ก้าวออกไปสามสี่ก้าวผิดไปเรื่อยๆ ...ถ้าก้าวผิดจากร่องรอยที่ถูกทางนะ ถ้าก้าว

    ตามร่องรอยที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้แล้วนั้น...เรียกว่า ถูกต้องๆ จะเข้าถึงจุดหมายล่ะ

    ก้าวหนึ่งสองก้าวขยับเข้าไปจนถึงจุดที่หมายนั่นแหล่ะ...ก้าวตามร่องรอยทางที่พระพุทธเจ้า

    ท่านได้ทำทางไว้ให้...อย่าไปออกนอกทางขององค์ท่าน ถ้านอกลู่นอกทางหลงแน่ หลง

    แล้วมืด หาทางสว่างไม่เจอมืดไปๆ จนดับหาทางกลับไม่ได้จำไว้...

    ...พระธรรมคำสอนของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี...

    ...กราบน้อมรับพระธรรมคำสอนขององค์ท่านเพื่อปฏิบัติตามเจ้าค่ะกราบ กราบๆ.
     
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ถาม-ตอบ..ธรรมปฎิบัติ
    เพื่อเป็นแนวทางในการเริ่มต้นกับการปฎิบัติธรรมของตน
    การปฎิบัติธรรมคืออะไร มรรคผลนิพพานคืออะไร
    การเริ่มต้นที่ไหนอย่างไร และมีจุดหมายปลายทางที่ไหน

    ใครที่รู้แล้วขอให้ก้าวข้ามไป อย่าได้เสียเวลามรรคผลตนเอง
    สิ่งที่ควรรู้ก่อนที่ลงมือปฎิบัติธรรม นั่นก็คือ ปริยัติ(ตำรา) ปฎิบัติ ปฎิเวธ(ผล)
    ธรรมทั้ง ๓ อย่างนี้ไม่ควรแยกออกจากกันในเชิงทฤษฎี
    แต่ในเชิงปฎิบัติก็อย่าไปสนใจปริยัติหรือปฎิเวธมากนัก เพราะจะไปไม่ถึงไหน
    เวลาปฎิบัติก็อย่ามัวไปแต่อ่านตำรามากนัก เพราะจะกลายเป็นผู้แบกตำรา
    เพราะการปฎิบัติธรรมกันจริงจะต้องไม่แบกตำรา ไม่เอาสัญญาหรืออดีต
    ในระหว่างการปฎิบัติเราจะต้องอยู่กับกายใจ หรือมีสติอยู่เฉพาะแต่ปัจจุบันเท่านั้น
    ไม่เอาอดีตหรืออนาคตมาปะปน เดี๋ยวจะไม่ได้อะไร คือไม่ได้มรรคผล
    นอกจากนักผฎิบัติไม่แบกตำราแล้ว หรือให้เราวางปริยัติชั่วคราวก่อนที่กำลังปฎิบัติ
    ต่อไปยังไม่ต้องไปนึกไปคิดว่า..เมื่อไหร่เราจะได้มรรคผลหรือนิพพานกับคนอื่นเขาบ้าง
    ถ้าใครคิดหรือเป็นอย่างนั้น นั่นก็แสดงว่า นักปฎิบัติยังมีความโลภอยู่มาก แต่ไม่รู้ตัว
    ไม่เป็นไร นักปฎิบัติใหม่ย่อมจะมีความสงสัยด้วยกันทุกคน จึงไม่แปลกแต่ประการใด
    นี่บอกกันให้รู้เฉยๆ เพราะในการปฎิบัติก่อนอื่นจะต้องทำจิตให้สะอาด นั่นหมายถึง..
    รักษาศีล๕ด้วยเจตนาของเราให้ได้ก่อน หรือชำระจิตในเบื้องต้นเสียก่อน
    แล้วขั้นต่อไปถึงจะทำภาวนา(สมถะ+วิปัสสนา)

    สรุปแล้ว นักปฎิบัติธรรม ในระหว่างปฎิบัติ นอกจากจะอยู่กับกายใจของเรา
    อย่าไปสนใจในกิริยาผู้ปฎิบัติอื่นๆ อย่าเปรียบเทียบผู้อื่น แต่ขอให้เปรียบเทียบ
    ในการปฎิบัติของเราเอง คือก่อนและหลังการปฎิบัติของเราเอง
    และต้องวางคำบัญญัติหรือคำสมมุติ ว่า..ปริยัติและปฎิเวธลงก่อน
    แต่อนุญาตให้นำผลที่ตนเองได้จากการปฎิบัตินั้นมาเปรียบตำราได้เป็นบางครั้ง
    หรือดูตัวอย่างการปฎิบัติหรือธรรมโอวาทของพระพุทธองค์หรือพระอรหันต์
    เพื่อป้องกันการปฎิบัติหลงทาง นักปฎิบัติโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เข้าถึงจิตละเอียด
    ต้องยิ่งมีผู้รู้คอยสอบอารมณ์จิตให้เราเป็นระยะๆไปด้วย ของหยาบพอทำผ่านง่าย
    แต่ถ้ายิ่งละเอียดมากเราต้องหาครูบาอาจารย์คอยช่วยชี้แนะในการปฎิบัติกันด้วย
    นับแต่พระพุทธเจ้าท่านก็มีพระฤาษีสองตนเป็นครู หลวงปู่มั่นก็มีหลวงปู่เสาร์เป็นครู
    หรือหลวงตามหาบัวฯ ก็ยังมีหลวงปู่มั่นเป็นพระอาจารย์เลย
    แล้วเราหล่ะ..จะมีไหม๊หน๋อ(ให้ทาย) ไม่ต้องไปกลัวว่าใครจะเก่งกว่าเราหรอก
    อย่าไปสนใจว่าผู้สอนจะต้องเป็นพระสงฆ์เท่านั้น ฆราวาสที่ปฎิบัติดีมากถมไป
    พวกเรากันเองนี่แหล่ะ ที่มักไปยึดในตัวบุคคล หรือนึกว่าเราเก่งแล้ว ความรู้ก็สูง
    โดยเฉพาะความรู้สูงทางโลกนี่แล หารู้ไม่จะเป็นตัวกีดกั้นมิให้เราเข้าถึงธรรมได้เหมือนกัน
    นั่นก็คือ เราไปติดตัวรู้มากทางโลกของเราเองเสียแล้ว นี่คือความจริงของนักปฎิบัติวันนี้
    ทุกท่านก็ทราบกันดี ความรู้ทางโลกนั้นมันก็แค่สัญญาเท่านั้น นำมาใช้บรรลุธรรมก็ไม่ได้
    มีความรู้ทางโลกนั้นดีแล้ว ย่อมได้เปรียบกว่าคนที่ไม่รู้ แต่ความรู้ทางโลกให้นำไปใช้
    กับทางโลก อย่านำมาใช้กับทางธรรมหรือปฎิบัติธรรม เดี๋ยวเราจะเรียนธรรมะแทนจิตตน

    แต่เวลาปฎิบัติให้เอาจิตมาปฎิบัติหรือมาเดินตามอริยมรรคนี้เท่านั้น(ศีลสมาธิปัญญา)
    เวลาเดินมรรคก็อย่าเอาสตินำจิตตนเอง เพราะสติเป็นมากได้แค่พี่เลี้ยงจิตเฉยๆ
    เห็นท่องจำกันนักหน๋าว่า..ตามดูจิต ตามรู้จิตด้วยใจเป็นกลาง หรือรู้แล้วก็วาง
    พอถึงเวลาปฎิบัติกันจริงๆ เห็นสอบตกกันเป็นแถว โดยเฉพาะคำว่าด้วยใจเป็นกลาง
    เห็นวิ่งตามกันเป็นแถวๆ คือไม่เห็นมีใครทำใจให้เป็นกลางได้สักคนเดียว
    ตกแล้วตกอีกก็ไม่เป็นไรเพราะสอบตกเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับนักปฎิบัติธรรม
    ที่ใจไม่เป็นกลางก็เพราะว่าชอบเผลอสติกันนี่เอง
    และคำว่า รู้แล้ว เห็นแล้วหรือรับรู้สิ่งใดๆมาก็ตาม สุดท้ายเราก็ต้องวาง แต่มีปัญหา
    คำว่าวางนี่แหล่ะ เมื่อถึงเวลาไม่เห็นมีใครวางครั้งแรกกันได้เลย เพราะผู้ที่ทำหน้าที่
    การปล่อยก็คือ จิตของนักปฎิบัติท่านนั้นๆ แต่จะปล่อยวางได้ด้วยปัญญาของจิตเท่านั้น

    การปฎิบัติจริงๆแล้วก็แปลว่าฝึกจิตหรืออบรมจิต ก็ทำไปเพื่อให้จิตเขารู้และเข้าใจ
    โดยเฉพาะเรื่องขันธ์๕ ที่เมื่อก่อนที่เข้าใจว่า..เป็นเรา เป็นของเรา ว่ามันจริงไหม๊
    แต่เราจะมาฝึกจิตกันเลยนั้นมันไม่ได้ เพราะนักปฎิบัติใหม่ๆหรือในการปฎิบัติครั้งแรก
    ไม่มีใครไปหาจิตของตนเองพบเจอกันหรอก ก็ด้วยเพราะเหตุผลนี้เอง
    ที่พระพุทธองค์ทรงต้องให้กรรมฐานมาให้พวกเราผู้ปฎิบัติมีโอกาสเข้าถึงกระแสจิตตนก่อน
    แล้วส่วนที่เหลือเราจึงค่อยเข้ากระแสธรรมภายหลัง

    ตราบใดที่นักปฎิบัติยังไม่สามารถทำจิตตนเองให้นิ่งได้หรือยังตามหาจิตตนเองยังไม่พบ
    นั่นแสดงว่.. จิตก็ยังไม่เป็นสมาธิ ตัวปัญญา(ตัวผู้รู้)ก็ไม่บังเกิดกับนักปฎิบัติ ท่านนั้น นั่นเอง

    ที่พร่ำจนดึกดื่นมิมีเหตุผลใด มิต้องการมาสอนสั่งผู้ใด แต่ทำไปเพื่อเจตนเดียวก็คือ..
    อยากให้นักปฎิบัติได้มีโอกาสเข้าถึงธรรมปฎิบัติ คือเข้าถึงกระแสจิตและธรรมตนเอง
    เพราะเมื่อจิตนิ่งเป็นสมาธิย่อมพบจิตเดิมแท้ของตน ส่วนปัญญาก็จะตามมาเอง
    โดยเฉพาะออกจากทุกข์ของตนเองให้ได้เสียก่อน
    แต่ถ้ามีกำลังใจมาก เดี๋ยวก็จะปฎิบัติเพื่อพระนิพพานของเขาเอง

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 พฤษภาคม 2013
  12. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/p480x480/935166_161198620716271_1338085528_n.jpg

    "ระงับจิตที่มันพุ่ง ๆ เป็นน้ำพุของกิเลสนั้น ด้วยบทธรรมคือการภาวนา มีพุทโธเป็นต้น"

    เทศน์หลวงตา ณ สวนแสงธรรม เมื่อค่ำวันที่ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
    เรื่อง ขันธ์เป็นเครื่องมือได้ทั้งกิเลสทั้งธรรม

    "ระงับจิตที่มันพุ่ง ๆ เป็นน้ำพุของกิเลสนั้น ด้วยบทธรรมคือการภาวนา มีพุทโธเป็นต้น บังคับไว้ตรงนั้น มันอยากคิดก็ไม่ให้คิด เราคิดมาตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งบัดนี้ ทีนี้เราจะคิดทางด้านธรรมะเป็นเครื่องแก้กัน เช่นภาวนาพุทโธเป็นต้น เอาพุทโธปิดข่องที่มันพุ่งขึ้นมา พุ่งขึ้นมาจากหัวใจแล้วเอาพุทโธปิดเข้าตรงนั้น มันอยากจะคิดเท่าไรบังคับกัน เอาลองดูซิน่ะ สุดท้ายอันนั้นออกไม่ได้ ทีนี้ทางความคิดทางด้านธรรมะ เช่นคิดพุทโธก็เรียกความคิด ธัมโมหรือสังโฆเป็นความคิด แต่ความคิดเป็นธรรม ความคิดเป็นธรรมนี้แลปิดช่องทางของน้ำพุคือกิเลสซึ่งมันพุ่งออกมาโดยลำดับ ๆ

    ทีนี้พออันนั้นสงบลงไปน้ำพุคือกิเลสนั้นจะระงับลงไป ๆ ใจของเราจะสว่างไสว จะสงบเย็น นี้ละธรรมแก้กิเลส ปิดกิเลสด้วยการภาวนา ใจของเราจะสงบเย็น ๆ บังคับเอาเรื่อย ๆ ไม่บังคับไม่ได้นะ ปล่อยให้มันไปนี้ไปตลอดเรื่องกิเลส เราอย่ารอวันรอคืนว่าวันนั้นจะดีวันนี้จะดีไม่มีทาง เราต้องเอาเวลาสด ๆ ร้อน ๆ แก้กิเลส เพราะกิเลสอยู่ในหัวใจสด ๆ ร้อน ๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่มีคำว่ากิเลสตัวใดจะครึจะล้าสมัย เพราะอยู่ในหัวใจของสัตว์โลกมานานแสนนาน ไม่มีสัตว์ตัวใดเบื่อหน่ายอิ่มพอ เข็ดหลาบกับมันเลย ติดมันไปตลอด เพราะฉะนั้นจึงต้องเอาธรรมเข้ามาแก้กัน"
    ลูกขอน้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเกล้า
    ที่มา fb
     
  13. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...เข้า "วัด"

    ...พึงประพฤติถูกวิธีเป็นดีแน่...ใช่รังแต่เข้าวัดวาหาควรไม่...

    ...กายกรรม วจีกรรม สำรวมใจ...ให้เหมาะสมที่ใครใครเข้าวัดกัน...

    ...ต้องละเว้นตัวกูประโยชน์กู...ลดเกลียดโกรธลบหลู่โลภโทสันต์...

    ...เจตนาดีสร้างสรรค์ดีมีสันพันธ์...จึงควรค่าเข้าวัดนั้น "วัด" อะไร...

    คัดมาจากหนังสือธรรมะสว่างใจ วัดสันติวงศาราม เมืองเบอร์มิ่งแฮม England.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2013
  14. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    การทําอะไรก็ตาม ถ้าเราต้องผลเราก็ต้องดูเหตุที่ทําให้ได้ผลนั้นมาด้วย...เหมือนเราจะต้องการผลไม้นั้นแหละเราก็ต้องหมั่นดูแลรักษาต้นไม้นั้นไม่ให้แมลงมากัดกิน และเราก็ต้องใส่ปุ๋ยบํารุ่งต้นไม้นั้นไปด้วยพร้อมกันก็มีการรดนํ้าพรวนดินดูแลต้นไม้อยู่ตลอด เปรียบเหมือนการบํารุ่งรักษาใจนั้นเอง ก็คอยดูไม่แมลงคือกิเลสมากัดกินใจของเราหรือมาก่อกวนใจเราให้วุ่นวาย ผู้ปฏิบัติก็ต้องดูแลจิตใจเราเอง...โดยการรักษาศีล ภาวนา ให้ปุ๋ยแก่ใจให้งอกงามแล้วจิตที่งอกงามก็จะผลิตผลที่ดีงามออกมาได้...
    ที่มาธรรมะขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    ลูกขอน้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเกล้า

     
  15. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    การทําความดีนั้นไม่ยาก ถ้าใจอยากทํา การทําความชั่วนั้นก็ไม่ยากถ้าใจอยากทํา เพราะทุกๆอย่างอยู่ที่ใจ ถ้าท่านมีใจเป็นใหญ่แล้วงานนั้นก็สําเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง เพราะใจไปแล้ว ท่านจึงได้ให้ใจนี้เป็นใหญ่ในการทั้งปวง...คนที่จะทําอะไรๆได้ด้วยดีนั้นแล้วต้องมีความพอใจก่อน "ฉันทะ จิตตะ วิมังสา" ถ้าขาดสิ่งนี้แล้วก็เหมือนมีรถแต่ไม่ได้เติมนํ้ามัน รถก็วิ่งไม่ได้ เพราะไม่ได้เติมนํ้ามันนั้นเอง...ก็ไม่สามารถนําท่านไปถึงจุดหมายปลายทางที่ท่านต้องการได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2013
  16. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    (ภาวนาคือ...อบรมใจให้พัก)

    ...การภาวนา...คือการอบรมใจให้พัก ไม่ ให้คิดส่งออกไปภายนอก...

    คือหัดทำความสงบ...มีการพักผ่อนการงานของใจ คือ การคิดปรุงแต่ง แต่ว่าการพักของ

    ใจที่จะให้พักง่ายๆ...เป็นการลำบากเพราะเป็นของเร็ว ใจมีอาการเร็วที่สุด ยากที่เราจะจับ

    ได้ มันวิ่งไปหน้าไปหลัง...จับไม่ทัน จะบังคับเฉยๆ มันเป็นการลำบาก เพราะฉนั้น...

    เราจึงหาจุดใดจุดหนึ่งให้ใจไปพัก...เช่น ภาวนา "พุทโธ"

    พระธรรมคำสั่งสอนของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี อ. ศรีเชียงใหม่ จ. หนองคาย.

    ...น้อมกราบหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     
  17. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    (ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฏก)

    "ความไม่ประมาทเป็นทางแห่งความไม่ตาย...ความประมาทเป็นทางแห่งความ

    ตาย...ผู้ไม่ประมาท ชื่อว่าไม่ตาย ผู้ประมาทย่อมเหมือนคนตายแล้ว...บัณฑิคทราบข้อ

    ความนี้โดยพิเศษแล้วตั้งอยู่ในความไม่ประมาท...ยินดีในธรรมที่เป็นที่เที่ยวไป (แห่งจิต)

    ...ของพระอริยะทั้งหลาย...ย่อมบันเทิงในความไม่ประมาท. ผู้นั้นมีความเพ่ง ทำความ

    เพียรติดต่อ...มีความบากบั่นมั่นเป็นนิตย์ เป็นผู้ฉลาด ย่อมได้บรรลุพระนิพพาน.........

    ...อันปลอดโปร่งจากโยคะ...(คือกิเลสที่ประกอบสัตว์ไว้ในความเวียนว่ายตายเกิด)"

    ...ข้อมูลจาก ธรรมบท ๒๕/๑๘ คัดจากหนังสือธรรมะสว่างใจ วัดสันติวงศาราม

    เบอรมิ่งแฮม ประเทศอังกฤษ.
     
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]
    ลูกหลานเอ๋ย!
    ถ้ามีโอกาสผ่านไปทางโน้น อย่าลืมแวะมาเยี่ยมเยือนท่านพ่อกับหลวงพ่อบ้างเด้อ!
    แต่ถ้าผู้ใดไม่มีโอกาสไป ก็แค่นึกถึง/ระลึกถึงท่านพ่อ/หลวงพ่อ เดี๋ยวท่านก็มาหาเราเอง
    แต่อย่าลืม! คำสอนของท่านพ่อ/หลวงพ่อกันนะ
    _ยังเมตตา/ห่วงใยลูกหลานทุกคน_​
     
  19. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สพฺเพ ธฺมา นาลํ อภินิเวสาย
    สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น

    เมื่อกำลังเดินกันอยู่ในป่าพระพุทธเจ้าท่านกำใบไม้ที่เรี่ยราดอยู่ขึ้นมากำมือหนึ่ง
    แล้วถามภิกษุทั้งหลายในที่นั้นว่า ใบไม้ที่กำขึ้นมานี้กับใบไม้หมดทั้งป่ามันมากน้อยกว่ากันกี่มากน้อย
    ภิกษุทุกคนในที่นั้น ตอบว่า มันต่างกันมาก จนเทียบกันไม่ไหว
    พระพุทธเจ้าจึงบอกว่านี่มันอย่างนี้ เรื่องที่ตรัสรู้และรู้นั้นมันมากเท่ากับใบไม้ทั้งป่า
    แต่เรื่องจำเป็นที่ควรรู้ ควรนำมาสอนและนำมาปฏิบัตินั้นเท่ากับใบไม้กำมือเดียว
    คราวหนึ่ง มีคนไปทูลถามพระพุทธเจ้า โดยทูลว่าพระพุทธวจนะทั้งหมดที่ตรัส
    ถ้าจะสรุปให้สั้นเพียงประโยคเดียวได้หรือไม่จะว่าอย่างไร
    พระพุทธเจ้าท่านว่าได้ พระองค์ตรัสว่า สพฺเพ ธฺมา นาลํ อภินิเวสาย

    แล้วพระองค์ทรงย้ำว่า
    ถ้าใครได้ฟังข้อความนี้คือได้ฟังทั้งหมดในพระพุทธศาสนา
    ถ้าได้ปฏิบัติข้อนี้ก็คือได้ปฏิบัติทั้งหมดในพระพุทธศาสนา
    ถ้าได้รับผลจากการปฏิบัติข้อนี้ก็คือได้รับผลทั้งหมดในพุทธศาสนา


    ��蹾ط�

    เมื่อหมดความรู้สึกที่ว่าตัวกู(ไม่ยึดมั่นถือมั่นในตัวตนของตัวเอง)
    แล้วกฏแห่งกรรมจะค้นหาตัวเราไม่พอ มันจะตามสนองไม่ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤษภาคม 2013
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    [​IMG]
    "..ไอ้ที่ไหนที่ไม่มีการอิจฉาริษยากัน มันไม่มี
    อันนี้มันเป็นธรรมดาของชาวโลก
    ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นธรรมดาถือว่า
    เป็นเรื่องธรรมดามันเป็นแบบนี้ เพราะเราอยากโง่อยากเกิด
    ก็ขอโง่ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ชาติต่อไปไม่โง่อีกแล้ว
    ไม่มาอีกแล้ว ตั้งใจไปนิพพาน.."
    (คำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)


    หลวงพ่อสนอง
    [​IMG]

    "สิ้นสุดปลายทางของขันธ์ ๕"
    หนีไม่พ้น คำว่า
    "ตายแน่ ตายแน่นอน ตายทุกคนด้วย"

    แล้วคนที่เหลือ ที่กำลังหายใจ กำลังทำอะไรกันอยู่ เวลาเหลือน้อยลงไปทุกทีๆแล้ว
    ส่วนนักภาวนาก็อย่าเผลอสติบ่อย อย่าไปหลงตามหาที่มา จงหาที่ไปของเราดีกว่า
    ว่า..ตายแล้วจะไปไหน

    ขอน้อมจิตก้มกราบแทบเท้าหลวงพ่อฯ ด้วยเศียรเกล้า..สาธุๆๆ
    _/l\_ _/l\_ _/l\_
     

แชร์หน้านี้

Loading...