ฝึกลมปราณ

การฝึกลมปราณ คุณควรศึกษาแพทย์แผนจีนไปด้วยครับ โดยเฉพาะเรื่องเส้นชีพจรลมปราณหลัก ๑๒ เส้น เส้นพิเศษ ๘ เส้น หลักของหยิน-หยาง และหลักการหายใจของวิชาชี่กงครับ ส่วนวิชาของทางอินเดีย ก็เรื่องจักระหลักๆ ๗ จักระ จักรย่อยค่อยว่ากันอีกที และช่องทางพลัง(นาฑี) ๓ เส้น อิทะ พิงคละ สุสมนา รวมถึงหลักการหายใจต่างๆของปราณยามะด้วยครับ วิชาพวกนี้ บางทีถ้าทำผิดหลักมันจะเกิดผลเสียไม่น้อยนะครับ

 

เห็นด้วยครับ รู้ไว้บ้างดีกว่าครับ

 

ขอสอบถามผู้รู้ด้วยครับ

เรื่องการหายใจด้วยท้องนะครับ

 

หายใจเข้าลึกถึงปอดส่วนล่างไปดันกระบังลม ทำให้ท้องพองออกครับ ศาสตร์โยคะแนะนำวิธีหายใจที่ดีที่สุด คือ หายใจเข้าท้องพองออก อกขยาย ไหล่ยกครับ แต่ศาสตร์จีนจะมีการหายใจแบบย้อนกลับ คือหายใจเข้าท้องแฟบลง(แต่อกไม่ขยาย ไหล่ไม่ยกนะครับ) จะสร้างความร้อนในช่องท้อง(ตันเถียน)ได้มากครับ แต่สุดยอดวิชาหายใจของเต๋าจริงๆ คือครรภ์หายใจครับ หรือลมหายใจละเอียดมากจนไม่หายใจ ดูดซับปราณผ่านผิวหนังแทน แต่ผมทำไม่ได้ครับ เลยไม่สามารถอธิบายวิธีการฝึกได้ครับ แหะๆ

 

คุณ ชัยวัฒนา คือของผมเนี่ยไม่มีใครสอนครับ..
เป็นการค้นพบโดยบังเอิญ.เรียก ว่า Verb to เดา ก็ได้ครับ..
เรียกว่าไม่มีความรู้อะไรเกี่ยกับเรื่องนี้เลย..
หลังจากที่ขับรถทางไกลติดกันหลายวันแล้วรู้สึกง่วง
นอนและเพลียมาก.จังหวะจอดพักล้างหน้า..
เคยได้ยินมีคนบอกว่าให้ลองหายใจจากกระหม่อมมาก้นกบดูเลยลองทำดู
ผลปรากฏว่า.หายง่วงปลิดทิ้งเหมือนพึ่งตื่นนอนแล้วออกมาสูดอาการตอนเช้า
ก็เลยรู้สึกแปลกดี.ผ่านมา ๔-๕ วันจังหวะมาเจอกระทู้นี้พอดี เห็น คุณ Saber เอามาลงด้วย
ก็อ่านๆดูรู้สึกว่าจะคล้ายๆ.กับที่เคยทำตอนแวะพักล้างหน้า แต่ก็อ่านแล้วยังงงๆ.แต่ไม่เป็นไรครับ
.ยังไงก็คิดว่าทำตามครูบาร์อาจารย์ท่านแนะนำไว้ปลอดภัยที่สุดแต่ด้วยอ่านแล้ว
ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร.เลยเป็นที่มาของการขอคำแนะนำและคงต้องศึกษาเพิ่มเติมตามที่คุณ Namushakamunibutsu แนะนำไว้ภายหลังด้วยป้องกัน
ผลเสียที่อาจจะเกิดตามมาจากความไม่เข้าจริง ส่วนภาพผมก็ Save ไว้ดูแล้ว
สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณ ทั้งสามท่านมา ณ ทีนี้ด้วยครับ.​

 

ลองใช้ลิ้นดุนทำแล้วครับ.น้ำลายเยอะจริงด้วยครับ..
และแบบเดียวกันกับที่คุณ ชัยวัฒนา แนะนำ รู้สึกว่ากระหม่อมหรือใต้
กระโหลกศีรษะจะเป็นโล่งๆดีครับ.แต่ตรงก้นกบรู้สึกอุ่นๆเลิกทำแล้วก็ยังอุ่นๆอยู่ ส่วนกลางหลัง
ที่ลมผ่านจะรู้สึกเย็นๆ และรู้สึกเย็นตรงแนวใต้คอหอยลงไป
ส่วนตรงตำแหน่งใต้หอคอหอยรู้สึกอุ่นๆเหมือนก้นกบ.และก็รูสึกหายใจคล่องและง่ายดี
แต่ที่ชอบคือ ตรงศีรษะเหมือนกับผมต้้งๆและโล่งๆนี่หละครับ
ประมาณนี้ครับ.​

.

 

ครับผม น้ำลายรสชาติพิเศษกว่าปกติไหมครับ แหะๆ พอปราณไหลผ่านเพดานปากเข้าลิ้น จะรู้สึกซ่านๆครับ (แล้วแต่คนครับ พื้นฐานและสมดุลของธาตุแต่ละคนจะต่างกัน) คุณอาจรู้สึกเย็นลิ้น หรืออุ่นที่ลิ้นก็ไม่ผิดครับ พอน้ำลายที่รสชาติพิเศษกว่าปกติออกมา หรือน้ำลายแตก นั่นแหละครับ ตัวยา(อายุวัฒนะ)ที่กลั่นออกมาจากการเล่นแร่แปรธาตุภายใน ส่วนคุณภาพก็ตามกำลังสมาธิและการหมุนเวียนของพลังครับ

ขอสันติภายในจงบังเกิดแก่ทุกท่านครับ แต่ว่าหาท่ามวยภายในรำด้วยก็ดีนะครับ ชี่กงสายไหนก็ได้ครับ เพื่อยืดเส้นยืดสาย ดีต่อเส้นลมปราณครับ

 

ขอเพิ่มเติมรูปนี้ เข้าไปหน่อย นะจ๊ะ น่าจะมีประโยชน์ บ้าง

 

เราสบายตัวทั้งสองแบบเลย แต่แบบแรกน้ำลายเยอะหน่อย ปกติก็เยอะอยู่แล้วอ่ะ
ขอบคุณ ขอบคุณ

 

บทความสองอันนี้น่าจะมีประโยชน์ นะครับ

ลมปรานไท้เก๊กเบื้องต้น
50.

ลมปรานจุลจักรวาล
51.

 

อันที่จริงสังเกตุดี
ลมปราณที่แท้จริง ไม่ใช่ลมหายใจ
เป็นการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อหรือเกร็งกล้ามเนื้อ
ไหลเป็นระลอกคลื่นมากกว่า

 

ถ้าอย่างนี้ สงสัยจะกลายเป็น กล้ามปราณ เกร็งปราณ เนื้อปราณ มากกว่านะ



.

 

มีหลายหลายครับเรื่องพวกนี้
หลักๆคือ ๑. การใช้พลังงานจากภายในกายตนเอง
จะจากพลังงานภายในที่มีอยู่แล้วหรือพลังภายในที่
สร้างจากกำลังตนเองก็ได้ครับ..

และ ๒. การใช้พลังงานจากภายนอก
และ๓. การใช้ทั้งพลังงานจากภายใน
และภายนอกรวมกันครับ..

สิ่งทุกๆหลักการมีเทคนิคและวิธีการแตกต่างกันไป
ขึ้นอยู่กับปลายทางที่เราจะนำไปใช้งานด้วยครับ..
ถ้ากรณีที่เราสัมผัสในเรื่องพลังงานได้ไม่ชัดเจน
คือมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า จับต้องพลังงานไม่ได้
โดยมากมักจะเกิดกับท่านที่ถนัดแนวบริกรรมท่องบ่นคับ
เราอาจจะเข้าใจว่าเป็นกล้ามเนื้อเคลื่อนไหวซึ่ง
ก็ถือว่าไม่แปลกครับ เพราะว่ากิริยาที่เกิดอย่างนี้
มันก็เป็นกิริยาอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ครับ..ฉนั้น
ส่วนตัวจึงมองว่า ประเด็นเรื่องการสัมผัส
ได้ชัดเจนเท่าไรจึงไม่ใช่ประเด็นหลักครับ
ประเด็นหลักๆคือ เราฝึกแล้วรู้ไหมว่ามันมีผลเสีย
อย่างไรบ้างทั้งต่อตัวเราและบุคคลอื่นๆ
และเรารู้ไหมว่าเราจะนำไปใช้เพื่อให้ก่อ
เกิดประโยชน์อะไรได้บ้างทั้งทางกายและ
ทางด้านจิตใจครับ.

ปล.ประมาณนี้ครับ

 

จริงๆการที่ต้นฉบับ พูดว่า ลมปราณ
ไม่พูดคำว่าเก็งกล้ามเนื้อ หรือ ลมหายใจ
น่าจะเป็นเพราะ มันอยู่ระหว่างกึงลมหายใจ
กับการเก็งกล้ามเนื้อ
หายใจเข้า อย่างมากก็แค่ปอด ไม่ถึง ท้องแต่
การเก็งกล้าม จะเป็นเฉพาะที่ แต่ การเก็งกล้าม
เนื้อแบบไหลไปตามส่วน เหมือนลมที่วิ่งไปตาม
ส่วนต่าง จึงให้ชื่อว่าลมปราณ จึงจะเหมาะสมกว่า

 

เคยได้ยินว่ามีของคู่กันระหว่าง ลมปราณ กับ การเคลื่อนย้ายเส้น
ซึ่ง เขาเชื่อว่าการเดินลมปราณ ก็สุดยอดแล้วแต่การเคลื่อนย้าย
เส้นเอ็นยิ่งสุดยอดยิ่งกว่า
หรือสิ่งที่ผมเข้าใจการเกร็งลมปราณจะเป็นการเคลื่อนย้ายเส้นเอ็น
ก็ไม่ทราบ ต้องขอถามผู้เชี่ยวชาญ ด้วยนะครับ

 

ผมมีเคล็ดการเดินลมปราณ ที่เห็นว่าดีมากๆจะให้พวกท่านได้รอง
และ เมื่อรองแล้วมีคำถามซัก2-3 ข้อที่ไม่เข้าใจ มาถามด้วยนะครับ
เคล็ดการเดินลมปราณ
หายใจเข้าตามจุดต่างดังนี้
......................................
.........
.............
.................
.................
................
...................
............

ประโยชน์
1.ทำให้สมองได้อากาศเต็มที่ สมอง-จิตใจ-ระบบหายใจ จะดีมาก ช่วยขยายปอดให้มีพื้นที่มากขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย
2.สำหรับคนที่ มักเหนื่อยง่าย ให้สังเกตดูฝึกแบบนี้ผ่านไป 3.ชม.ท่านจะรู้สึก แปลกใจกับร่างกายตัวเองคือ ทำอะไรก็มีกำลังไปหมด เวลาเดินก็จะรุ้สึกตัวเบา เหมือนปลิวไปตามลม

 

ผมเคยบอกวิธีนี้ให้กับหลายคนฝึก แต่เขาบอกว่ายาก หายใจวนครั้งเดียวก็แย่แล้ว แต่ผมเคยฝึกหายใจวน(เดินลมปราณ)ได้ถึง50 รอบ (ผลตอนนั้นจะรู้สึกร่างกายดีมากๆ)
เคล็ดลับการเดินลมปราณนี้ผมเคยเรียนมาตั้งแต่ประถม แต่เพิ่งมาเข้าใจว่าต้องเดินลมปราณอย่างน้อย10รอบจึงจะเห็นผลได้ชัด ก่อนหน้าจะฝึกรอบเดียวตลอด เคล็ดลับตัวนี้ตำราจริงไม่ได้บอกไว้ว่าจะต้องเดินกี่ครั้ง บอกแต่เพียงเส้นทางการเดินลมปราณเท่านั้น
สำหรับท่านที่รองฝึก วิธีนี้แล้ว
ผมอยากถามว่า
1.มันยากมากไม๊กับการเดินลมปราณ 10 รอบเห็นหลายคนที่ผมบอกไม่ค่อยจะสนใจฝึกเท่าไรนัก
2.หรือคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ต่อการที่จะหายใจ ไปณ. จุดต่าง
3.หรือคิดว่า เป็นเรื่องเพอฝัน

 

คุณเทพคาถาความเข้าค่อนข้างดีครับ
แต่ถ้าเราจะทำการเคลื่อนย้ายเส้นเอนนั้น
ต้องดึงทั้งพลังงานจากภายนอกแบบมีระบบ
(ซึ่งมีรายละเอียดย่อยพอสมควรครับ)
บวกกับการเดินลมปราณภายในผนวกเข้าไป
และที่สำคัญก็คือพลังงานจากกสิณอีก ๓ กองเฉพาะร่วมด้วยครับ
และพื้นฐานกำลังสมาธิระดับใช้งานปกติ
ในระดับตาเปล่าฌานที่ ๒ คับ(ต่ำกว่านี้มันจะไม่เพียงพอ
สำหรับการปลดเส้นเอนก่อนย้ายครับ)
ส่วนเทคนิคและวิธีการใช้งาน
ไม่เหมาะที่จะเปิดเผยครับ
หลักการนี้ได้จาก ครูบาร์อาจารย์
ข้างบนสายบารมี มีชื่อที่ล่วงลับไปแล้วท่านหนึ่ง
แนะเทคนิคมาให้หลังจากที่ส่วนตัวช่วยคน
มาประมาน ๒ ถึง ๓ ปีที่ผ่านมาครับ
เพราะมันเสมือนดาษสองคมครับ
ปกติตอนนี้ส่วนตัวทำอยู่ครับ แต่ไม่บ่อย
และไม่สอนใครด้วยครับ เมื่อก่อนก็เคยถามท่านที่สอน
แต่ท่านก็ไม่บอก ให้ไปทำโน่นนี่นั่น ด้วยตัวเองไปก่อน
และผ่านการทดสอบเรื่องจิตใจมาหลายรอบ
กว่าท่านจะบอกเทคนิคให้นั่นก็เกือบ ๑ ปีจากวันที่เคยถามครับ
แต่ทำให้ทดลองพิสูจน์ดูได้ตามวาระ
และเน้นใช้เฉพาะการรักษาบุคคลที่ควรรักษา
ตามวาระที่ควรของบุคคลนั้นๆเท่านั้นครับ

 

ขอบคุณครับ
วิธีที่ผมนำมาเป็นการเดินลมปราณสมัยเด็ก
ฝึกด้วยตัวเองกว่า20ปี. จนเข้าใจว่าเป็นหลักวิทยา
ร่างกาย. ต้นฉับบเขาน่าจะปิดบังเคล็ดตัวนี้ไว้
ผมเห็นกระทูนี้มีผู้สนใจเรื่องลมปราณเป็น
พิเศษหาที่อื่นไม่ได้จึงนำมาปรึกษา. เผื่อจะเข้าใจอะไร
มากขึ้น จะได้ นำไปปรับปรุง

 

ผมเข้าใจว่าลมปราณในความหมายของคุณ
คงจะไม่ใช่ลมปราณอย่างเดียวกับของผม
แล้ว
หละครับ
ของผมจะเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์
ที่ไม่มีหลักวิทยาการทางจิตความเชื่อมาเกี่ยว