ถึง คุณ อินทรบุตร ครับ

คือจริงๆมันพูดยากนะ ถ้าจะบอก อินทรบุตร เขาเป็น มิจฉาทิฐิ หรือเปล่า เพราะถ้าท่านสังเกตดี ๆ ที่เขาโต้กันกะท่าน Oathidet นะ อินทรบุตร เขาให้ข้อมูลที่ถูกต้องนะ, ดิฉันไมรุ้ว่าเขาไปมีเรื่องกัน มากกันเกินกว่า หนึ่งโพสต์ หรือเปล่า แต่ เคยอ่านเจอที่เขาฉะกันกับท่าน Oathidet อยู่โพสต์นึงเรื่อง วิจิกิจฉา คือโพสต์นี้

http://palungjit.org/threads/ผลแห่งการแยก-กาย-ใจ-จิต.329046/

คือเหตุผลของอินทรบุตร ก็ถูกนะ ถ้าอ่านดีๆ เหมือนเขารู้จริงเรื่องธรรมะ ราวกับเขาอาศัยอยู่ในวัด จบนักธรรมเอก มีความรู้เรื่องคำภีร์มากมาย

แต่ดิฉันไม่รู้นะ เพราะเราเองก็ยังไม่ได้แม้แต่โสดาบันจะไปตัดสินว่า อินทรบุตรเขา เป็น ยังงั้นอย่างงี้?

แต่พิจารณาจาก การพูดของเขา ถ้าเขาประกาศตัวว่าตัวเป็น พระ พูดแบบนี้อาจจะไม่มีใครว่า.... แต่ในนี้เขาไม่ได้บอกตัวเองเป็นนักบวช ดังนั้นการพูดของเขาเหมือน การยกตนข่มผู้อื่น ซึ่งเรื่องการพูดของท่าน อินทรฯ ตีได้สองแง่ คือ 1.) เขา รู้จริง เขาเป็นคนดีจริง แต่จริตของเขา เป็นอย่างนั้นเอง? และเขาก็ไม่ได้คิดอะไรเวลาโพสต์ ? ว่าคนอื่นอาจจะรู้สึกไม่พอใจที่เขาเขียน กับ 2.) คือ เขา เป็นคำภีร์เปล่า แบบ พระโปฐิละ คือ รู้แต่ ทำไม่ได้อย่างที่รู้, ซึ่งในข้อนี้เขาจะตกในเรื่อง มรรค 8 ข้อ สัมมาทิฏฐิ กับ สัมมาวาจา/ พูดจาส่อเสียดชวนตี ชวนหมั่นไส้

ซึ่งดิฉน ยอมรับบางกระทู้มีการรุมคนอื่นจริง ไม่ใช่การกระทำของผู้มีอาริยะ ดิฉันก็เคยเจอ แต่ไม่ใช่อินทรบุตรนะ อย่างกะทู้นี้ ของท่าน Ooathidet ก็โดนรุม จากบุคลกลุ่มเดียวที่ดิฉันก็เคยโดน เหมือนพวกเขารู้จักกัน


http://palungjit.org/threads/เหตุที่ก่อให้เกิดการนึกคิด.400392/

 

ถึง คุณ อินทรบุตร คับ

เป็น Bug นะครับ ให้เอา การอ้างอิง หรือ

 

ถึงคุณ DuchessFidgette ครับ

กระทู้ที่คุณยกมานั้น ตั้งแต่วันที่ 3/3/2012 เหตุการณ์จบไปนานแล้ว..และผมพึ่งเคยเจอ คุณ อินทรบุตรเมื่อ
ประมาณ ธันวาคม ปีที่แล้วเองคับ.และนิสัย ส่วนตัวผมก็ไม่เคยไป
ยุ่งอะไรกับ คุณ อินทรบุตร ไม่เคยไม่ช่วยไปอะไรนะครับ ถึงเค้าจะ
ทะเลาะอะไรกับใคร ผมก็ไม่เคยไม่ยุ่งครับ.
และผมเคยเจอ คุณ กสิณ และเคยทดสอบกำลัง กสิณ กับอาจารย์คุณ กสิณ ก็ประมาณช่วง
ต้นๆปีที่แล้วเหมือนๆกัน.รู้จักก่อนเจอ คุณ อินทรบุตร ด้วยครับ
กระทู้ที่คุณยกมานะครับ ผลแห่งการแยก กาย ใจ จิต ผมเขียนแค่ #Rep เดียวแล้วก็จบ และ
คุณ อินทรบุตร เขียนถึง คุณ ฟางว่าน ใน#rep 34
แค่คำตอบเดียว..ยังไงรบกวนกลับไปอ่านทบทวนอีกซักรอบ ยังไงคุณ DuchessFidgette ถ้าคุณจะพูดถึง คุณ อินทรบุตร
ก็พูดไป..อย่าเข้าใจผิดนะครับ..
ไม่งั้นเด่วเรื่องระหว่างคุณ กับ ผม ที่ผมไปเบรคคุณ ในกระทู้ อาโปกสิณเพราะคุณ ฝึกถึงแค่ อุคคนิมิตรแถมยังไม่ใช่อุคคนิมิตรน้ำที่จริงด้วย.และยังไปแนะนำคนอื่นแบบผิดๆ.
และชอบอ้างคำสอน หลวงพ่อ.ทั้งที่ผมถอดคำพูดให้คุณอ่าน และวางลิงค์ให้คุณไปฟังและบอกแม้กระทั่งนาทีที่ท่านพูด เพื่อให้เห็นว่าคุณยังเข้าใจผิด และเรื่องก็ได้จบไปแล้วนั่น
ถ้าคุณ ไม่พิจารณาสิ่งที่คุณเข้าใจอยู่ตอนนี้ให้ดีๆอีกซักรอบ
ผมให้โอกาสอีกครั้งนะครับ..ให้คุณพิจารณาให้ดีๆก่อน..
อย่าให้ผมได้เขียนเพิ่มเติมนะครับ.คุณจะอยู่ไม่เป็นสุขครับ..
ขอบคุณครับ..​

 

ถกเถียง ไม่มีวันจบสิ้น มีแต่ดิ้นรนหาทางเอาชนะ
ถกธรรม หาข้อยุติเข้าใจในความเป็นจริง

ชีวิต ก็มีมาคนเดียวในยามเกิด ยามตายก็เห็นไปแค่คนเดียว
ชีวิต ที่เป็นทุกข์เพราะตนนั้นดิ้นรน แสวงหาสิ่งที่ตนเข้าใจว่าถูกต้อง

ความเชื่อ นำพามนุษย์ให้เดินตาม
ความเชื่อ นำพามนุษย์ให้เป็นไป
ความเชื่อ เป็นสิ่งที่ยึดติดอยู่ในจิตใจตน
ความเชื่อ ก่อให้เกิดเวทนา

สาธุครับ

 

แวะเข้ามาทักทายนะครับ

 

ซึ่งดิฉน ยอมรับบางกระทู้มีการรุมคนอื่นจริง ไม่ใช่การกระทำของผู้มีอาริยะ ดิฉันก็เคยเจอ แต่ไม่ใช่อินทรบุตรนะ อย่างกะทู้นี้ ของท่าน Ooathidet ก็โดนรุม จากบุคลกลุ่มเดียวที่ดิฉันก็เคยโดน เหมือนพวกเขารู้จักกัน

http://palungjit.org/threads/ผลแห่งการแยก-กาย-ใจ-จิต.329046/

คำพูดบางอย่างพูดไปจะโดนคนคุมเวปบร็อค เพราะดิฉันพิมพ์ไปแล้วแต่มันไม่โชว์ในกระทู้ ไม่ใช่ ไม่เข้าข้างคุณเงากรรมนะ แต่ ขอพูดและกัน เพื่อความยุติธรรม ถ้าเขาจะblock ก็เลิกเล่นเพราะเราเข้ามาด้วยความหวัดีจริงๆ ใครยังไงเราก็เขียนไปตามเนื้อผ้า เวรกรรม เดี๋ยวก็รู้อยู่แก่ใจ



Edit นี้คือประโยคที่พิมพ์แล้วโดนบร็อค

แต่พิจารณาจาก การพูดของเขา ถ้าเขาประกาศตัวว่าตัวเป็น พระ พูดแบบนี้อาจจะไม่มีใครว่า.... แต่ในนี้เขาไม่ได้บอกตัวเองเป็นนักบวช ดังนั้นการพูดของเขาเหมือน การยกตนข่มผู้อื่น ซึ่งเรื่องการพูดของท่าน อินทรฯ ตีได้สองแง่ คือ 1.) เขา รู้จริง เขาเป็นคนดีจริง แต่จริตของเขา เป็นอย่างนั้นเอง? และเขาก็ไม่ได้คิดอะไรเวลาโพสต์ ? ว่าคนอื่นอาจจะรู้สึกไม่พอใจที่เขาเขียน กับ 2.) คือ เขา เป็นคำภีร์เปล่า แบบ พระโปฐิละ คือ รู้แต่ ทำไม่ได้อย่างที่รู้, ซึ่งในข้อนี้เขาจะตกในเรื่อง มรรค 8 ข้อ สัมมาทิฏฐิ กับ สัมมาวาจา/ พูดจาส่อเสียดชวนตี ชวนหมั่นไส้

ซึ่งดิฉน ยอมรับบางกระทู้มีการรุมคนอื่นจริง ไม่ใช่การกระทำของผู้มีอาริยะ ดิฉันก็เคยเจอ แต่ไม่ใช่อินทรบุตรนะ อย่างกะทู้นี้ ของท่าน Ooathidet ก็โดนรุม จากบุคลกลุ่มเดียวที่ดิฉันก็เคยโดน เหมือนพวกเขารู้จักกัน

http://palungjit.org/threads/ผลแห่งการแยก-กาย-ใจ-จิต.329046/



http://palungjit.org/threads/เหตุที่ก่อให้เกิดการนึกคิด.400392/






.....

 

มีความเห็นว่า ถ้าเจออะไรไม่เอามาเล่าก็ไม่เป็นเรื่องนะครับ ในเว็บพลังจิตเขาก็ทะเลาะกันหลายๆ หมวดนะครับ แต่หมวดนี้ถ้าศึกษาแล้วเอาไปปฏิบัติ ถามครูบาอาจารย์ก็โอเคนะครับ

จริงครับหมวดนี้ไว้เล่าประสบการณ์ แต่ยังไงคนอื่นก็จะออกความเห็นมากมาย แตกต่างกันไป ทั้งเห็นด้วยไม่เห็นด้วย และผมว่าหมวดนี้แรรรรงงงง ถ้าจะเอาอะไรมาเล่าก็ต้องทำใจนะครับ เพราะจะมีหลากหลายความเห็น

ท้ายที่สุดถ้าไม่ผิดกฎใครๆ ก็ออกความเห็นได้ แต่คนอื่นจะโกรธ ไม่พ่อใจ โมโห หรือเปล่าอีกเรื่องนึง

"The nail that sticks out gets hammered."
-Japanese proverb

 

จะเอาอะไรละครับ ขนาดคนก่อตั้งเว็บเอาเรื่องสมาธิมาเล่ายังมีทั้งคนเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย บ้างก็ว่าเพี้ยนก็มี สิ่งที่คนอื่นพูดอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ เราก็ต้องไตร่ตรองพิจรณาเอาเองนะครับ หรือถ้าเห็นว่าไม่อยากฟัง ไม่มีสาระ รำคาญอะไรก็แล้วแต่จะทำยังไง

 

เอ่อไม่รู้หมาวถึงผมเปล่านะครับ แต่จริงๆ ผมไม่ได้ออกตัวว่าข้างฝั่งไหนเลยครับ ไม่อยากให้เข้าใจผิด

 

ผมขอชื่นชมคุณอินทรบุตรนะ
เพราะเป็นผู้ที่หนักแน่นในเจตนารมณ์ของตนจริง ๆ
จะไม่โพสต์ตอบก็คือไม่โพสต์ ไม่ว่าใครจะกล่าวตำหนิอย่างไรก็ตาม

นี่แหละผู้ที่หนักแน่นจริง ๆ นับว่าน่าชื่นชม
นักปฏิบัติธรรมต้องหนักแน่นในเจตนารมณ์ของตน

 

คนทุกคน เคยทำผิด
คนทุกคน เคยทำถูก

จะเอาอะไรกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว
ไม่มีใครกลับไปแก้ไขสิ่งที่ผ่านไปแล้วได้

คนที่ดีเสมอ ไม่มี คนที่เลวเสมอ ไม่มี
อยู่แค่ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น

ผมก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง
ไม่ได้ดีไปกว่าใคร ไม่ได้เลวไปกว่าใคร
เป็นเพียง " ปุถุชน " คนธรรมดา
ซึ่งไม่ต่างจาก คุณ อินทรบุตร ก็เช่นเดียวกัน

ผมไม่ต่อว่าใคร เพราะว่า
วันหนึ่งเราอาจจะทำแบบคนที่เราว่าโดยไม่รู้ตัว
หรือ เรากำลังทำอยู่โดยไม่รู้ตัว
" อย่าประมาท " อย่าคิดว่าเราจะไม่ทำเช่นนั้น
โอกาศยังมีเสมอ สำหรับคนที่กล้ารับความจริง

สาธุครับ

 

..เจตนา..ที่อนุโมทนาเราต่างกันครับ คุณไม่รู้ใจผม ผมไม่รู้ใจคุณ เป็นไปได้ที่ผมมองไม่รอบครอบ การโต้แย้งคัดค้าน ทำให้เกิดการพัฒนาความรู้-คิด จากข้อโต้แย้งนั้นๆ การกดอนุโมทนา หากมองอีกด้านหนึ่ง เป็นการกล้าหาญที่จะเลือกฝ่าย ไม่กลัวใครโกรธ บางครั้งผมก็อนุโมทนาทั้ง2ฝ่าย ในข้อโต้แย้งที่เป็นธรรมจากใจผมก็มีครับ ผมไม่ได้มองมุมเดียวที่คุณมองก็เป็นไปได้ใช่ไหมครับ
..ผมอาจประมาทที่เข้าไปกดอนุโมทนา แต่เราก็ปุถุชนด้วยกันทั้งสิ้น:''@

 

ดิฉันได้พิมพ์บางอย่าง สองรอบแล้วด้วยแต่.....ของเวปเขา บร็อค คำพูดดิฉันทำให้มัน ไม่สามารถเปิดเผยตรงนี้ได้ ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าใครเขาเกี่ยวข้องกันยังไง



P.S เล่นบอร์ดนี้บางทีก็อะเหน็ดอะหนาดใจ บางกระทู้ปรามาศกันแม้แตกับพระ เขายังไม่กลัวบาปกันเลย นับประสาอะไรมาพูดรุมคนอื่นๆ ในความคิด ดิฉันเชื่อว่าคนปฏิบัติได้จริงขั้นถอด จิตถอด ฌาณ เรื่องความโกรธ เรื่อง ยกตนข่มท่าน ก็ผิดแล้วในเรื่อง มรรค แปด ดังนั้นใครของจริงของปลอมดูไดจากจริต ถ้าไอ้ประเภท ด่าคนอื่น ดูถูกเขาว่า ฌาณต่ำกว่าตัวเอง พวกนี้ปลอมทั้งนั้น

 

ขออนุโมทนา แด่ ผู้ที่เห็นความเป็นจริง
และ ยอมรับความเป็นจริง และ เห็นประโยชน์ซึ่งกันและกัน

การปฎิบัตินั้นมุ่งเน้นที่ " จิต " เพื่อการหลุดพ้น
อย่าได้นำเอาพระธรรมคำสอนขององค์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มาเป็นการแสดงความรู้เลย แต่จะนำมาเพื่อสร้างประโยชน์แก่สาธุชน

ศาสนาพุทธ จะคงอยู่ในประเทศไทยนานขึ้น
แม้เพียงแค่น้อยนิดก็ตาม ขอให้มีอยู่เพื่อสั่งสอนประชาชนคนไทย
ไปอีกระยะหนึ่งด้วยเถิด อย่าให้ต้องเหลือแต่เพียงชื่อที่เคยมีอยู่เท่านั้นเลย

สาธุครับ

 

ถ้าท่านเป็นผู้ที่ฝึกดีแล้วทำไมต้องมาขู่ผู้น้อยอย่างดิฉันด้วยละคะหรือว่า ไม่ผิดข้อมรรค แปด เรื่อง ไม่ยกตนข่มท่าน ไม่พูดเสียดสีชวนตี


และที่บอกกระทู้ที่ท่าน Oathidetโดนรุม คือ กระทู้นี้ต่างหากไม่ใช่กายใจจิต

http://palungjit.org/threads/เหตุที่ก่อให้เกิดการนึกคิด.400392/


และที่หมายความว่าดิฉันจะอยู่ไม่เป็นสุขนี้หมายความว่ายังไงคะ

 

อืมประโยคในกระทู้ต่อไปที่ผมทำเป็นสีน้ำเงินไว้ คุณ DuchessFidgette เป็นคนเขียนหรือเปล่าครับ..ที่มีชื่อกระทู้
ผลแห่งการ แยก กาย ใจ จิต หรือใน #Repที่ 50.ของกระทู้นี้ และที่คุณ DuchessFidgette เขียนว่า
'เคยอ่านเจอที่เขาฉะกันกับท่าน Oathidet อยู่โพสต์นึงเรื่อง วิจิกิจฉา คือโพสต์นี้" ประโยคตัวสีดำนี้และในกระทู้นี้
ใช่คุณหรือเปล่าคับที่เขียน หรือ ถ้าไม่ใช่ผมต้องขออภัย ผมคงเข้าใจคุณผิด.หรือผมอาจจะอ้างอิงชื่อที่คล้ายๆคุณมาก็ได้.
..คุณลองย้อนกลับไปดูและเข้าไปอ่านให้ดีๆอีกรอบนะครับ..
กระทู้นั้น คุณ อินทรบุตร ได้เขียนไว้ใน #Rep ที่ 34 พูดถึง คุณ ฟางว่าน
กระทู้นั่นคนที่ฉะกัน เป็นNopphakan
กับ คุณ Oathidet ครับและก็อีกหลายๆคนผมอ่านแล้วยังไม่เห็นว่า คุณอินทรบุตร กับ คุณOathidet ไปฉะกันตรงไหนและผมก็โพสแค่ #Rep เดียวก็จบ.และที่สำคัญเรื่องเกิดขึ้นตั้ง
แต่ วันที่ 3/3/2012 แล้วครับ.

คุณ อ่านให้ดีก่อนว่าใครเป็นคนโพส.ไม่ใช่ไปอ่าน คำตอบผมแล้วไปบอก
ว่าเป็น คุณ อินทรบุตร ฉะกับ คุณ oatthidet เรื่องวิจิกิจฉา อะไรนั่น ซึ่งผมจะพยายามสื่อตรงนี้ ว่าคุณเข้าใจผิดอยู่หรือเปล่า
ให้คุณไปพิจารณาให้ดีๆ ซึ่ง ณ เวลานั้นผมยังไม่เคยเจอและไม่รู้จักกับ คุณ อินทรบุตร ครับและผมบอกไปแล้วว่าอะไรเป็นไร ใน #Rep 52 อ่านดีๆ
และยังบอกวิธีการแก้ปัญหาไว้แล้วที่คุณไปเข้าใจว่าเวบนี้ เค้าไปบล๊อคข้อความของคุณ.อะไรนะ ใน #Rep 51 ประหนึ่งโยงไปว่าเป็นพรรคพวกเดียวกันหมดที่มารุมคุณ

.เหตุเกิดอย่างนี้นะครับเพื่อสมาชิกท่านใด
ได้มาอ่านข้อความนี้แล้วยังไม่เข้าใจวัตถุประสงค์จริงๆ ผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ไว้ก่อน
เรื่องมีอยู่ว่าหลังจากที่ผมไปโพสต์ไปว่ากล่าวตักเตือนคุณDuchessFidgetteในกระทู้
อาโปกสิณ
เรื่อง ที่คุณ DuchessFidgette ฝึกกสิณน้ำถึงแค่ระดับ อุคนิมิตร ในกระทู้ อาโปกสิณ ห้องอภิญญา-xp แบบผิดๆแล้วชอบไปแนะนำคนอื่นด้วยการอ้างตัวเองเป็นหลักและอ้างหลวงพ่อ.ผมมองว่าคนอื่นมาอ่านจะไปเผลอปรามาสท่านได้.
.ผมเลยถอดเอาคำสอนของหลวงพ่อที่คุณDuchessFidgetteชอบอ้างถึง ด้วยการถอดคำพูดและ
แนะนำลิงค์ให้คุณ ไปอ่านและบอกช่วงนาทีท่านพูดเพื่อให้คุณ เห็นว่าคุณยังเข้า
ใจคลาดเคลื่อน.โดยที่ผมไม่ได้อ้างตัวผมเลยเพียงแต่ชี้ประเด็นให้
คุณเห็น ถึงจุดสังเกตุเท่านั้นว่าใช่อย่างที่คุณได้แนะนำคนอื่นๆไปแบบที่
ตัวเองยังเข้าใจคลาดเคลื่อนหรือเปล่า

แต่คุณจะพยายามสื่อว่า คุณ อินทรบุตร กับผมเป็นพวกเดียวกัน
พอผมโพสแล้ว คุณ อิทนรบุตร ก็ช่วย
เข้ามารุ่มคุณ เพราะผมไปโพสตำหนิคุณ..จึงเป็นผลที่ผม.ถึงยกที่คุณ
เขียนที่..ที่คุณกล่าวอ้าง มาให้คุณเข้าไปอ่านดูว่า มีไหมในกระทู้
ผลแห่งการแยก กาย ใจ จิต ตรงไหนครับที่ คุณ อินทรบุตร ไปฉะกับ คุณ oatthidet คุณอ่านให้ดีๆแล้วหรือยังคับ..
.ผมบอกกระทู้ผลแห่งการแยก กาย ใจ จิต นี้กระทู้เดียวนะครับ ย้ำว่าไปอ่านให้ดีๆครับอีกรอบ..ไม่ใช่กระทู้ที่คุณ ยกมาแก้ต่าง
ณ ครับที่ผมกล่าวถึง

ย้ำว่าคุณลองตั้งสติให้ดีๆ แล้วอ่านให้ดีๆหน่อยก็ได้ครับ..อีกซักรอบหน่อยดีไหม.
.คือ เราก็โตกันแล้วนะครับ..คุณพิมพ์อะไรไป หลักฐานมันก็มีอยู่..คุณอ่านดีๆคนที่
เข้ามาอ่านเข้าจะไม่ได้ว่า.ไม่ได้ตำหนิคุณเอาได้

และชื่อ Nopphakan กับ อินทรบุตร
เนี่ยไม่น่าจะทำให้คุณ อ่านข้อความแล้วเข้าใจความหมายคลาดเคลื่อนนะครับ.
และผมก็ไม่ใช่คนที่พูดอะไรแล้วอ้างว่าตัว..ว่าตนเหมือนคุณนะครับ.
.และไม่เคยบอกใครว่า...ผมเป็นผู้ที่ฝึกมาดีแล้ว..ไม่ใช่ลักษณะนิสัยของผม
คิดว่า...ใครก็ตามที่เข้ามาในห้องนี้จะรู้ลักษณะนิสัยตรงจุดนี้ของผมดี.
ถ้ามีการโต้แย้งกัน.ถ้าเรื่องจบคือจบคับ ถ้าเป็นผมนะ
ผมเคยฉะกับ คุณ oatthidet..มาแล้วแต่เรื่องจบไปร่วมปีแล้วคับ.และปัจจุบันนี้ก็ยังไม่เคยต้อง
มาโต้แย้งอะไรกันอีก..ถ้าคุณไม่เคยอ่าน ลองไป
ค้นข้อมูลย้อนหลังในห้องนี้..แล้วคุณ สังเกตุลักษณะการตอบของผมในห้อง อภิญญาได้เลยคุณจะทราบจุดนี้ได้เอง..
และแม้ว่าปัจจุบันนี้ผม่จะรู้จักกับ คุณ อินทรบุตร และเค้าไปมีเรื่องโต้แย้งอะไรกับใคร ผมก็ไม่เคยไปยุ่ง
..และผมเป็นคนที่บอกคุณ อินทรบุตร ด้วยครับว่าไปควร
ไปโต้แย้งไม่ควรเข้ามาโพสและผมคิดว่าจุดนี้ คุณ oatthidetก็เข้าใจแล้วจากคำตอบใน#Rep 15 ซึ่งอยู่หน้าแรก.ผมยกประโยคนี้มา
นะครับให้อ่าน'คุณ อินทรบุตร ครับ ผมขอให้ อโหสิกรรมซึ่งกันและกันเถอะครับ
อย่าได้มีเวรต่อกันและกันเลย เพราะจะทำให้ผูกใจเจ็บ
ส่งผลให้ตามจองเวรไม่จบ ไม่สิ้น 'และผมก็เชื่อ ว่า คุณ อินทรบุตร
ก็เข้าใจที่ผมได้เตือนไป จึงไม่มาโพสโต้ตอบในกระทู้นี้
และมรรคแปดที่คุณมั่นใจ.และอุตสาห์ยกมา
แนะนำผมนั้น จังหวะผมไม่ใช่นักอ่านตำรา.ไม่ใช่คนที่สอนไม่ได้ ไม่ใช่ว่า
จะยอมรับฟังความคิดเห็นใครไม่ได้..
และคุณเป็นคนแรก ในห้องอภิญญา ด้วยครับ.ที่อุตสาห์ยกภาษา
ทางตำรามาแนะนำผมจุดนี้ต้องขอบคุณไว้ล่วงหน้านะครับที่สำคัญ
ยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย..แต่ผมว่าผม
ก็พอคุ้นๆอยู่บ้างที่คุณยกมาแนะนำ..เลยลองไปหาข้อมูลดู.ใช่ตรงนี้ไหมครับ..
มรรคมีองค์ 8 ​

มรรค (ภาษาสันสกฤต : มรฺค; ภาษาบาลี : มคฺค) คือ หนทางถึงความดับทุกข์ เป็นส่วนหนึ่งของอริยสัจ
(เรียกว่า มัคคสัจจ์ หรือ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ)หรือการลงมือปฏิบัติเพื่อให้พ้นจากทุกข์
และนับเป็นหลักธรรมสำคัญอย่างหนึ่งในพระพุทธศาสนา ประกอบด้วยกรอบการปฏิบัติ 8 ประการด้วยกัน เรียกว่า
"มรรคมีองค์แปด" หรือ "มรรคแปด" (อัฏฐังคิกมรรค) โดยมีรายละเอียดดังนี้​

สัมมาทิฏฐิ คือ ปัญญาเห็นชอบ หมายถึง การปฏิบัติอย่างเหมาะสมตามความเป็นจริงด้วยปัญญา
สัมมาสังกัปปะ คือ ดำริชอบ หมายถึง การใช้สมองความคิดพิจารณาแต่ในทางกุศลหรือความดีงาม
สัมมาวาจา คือ เจรจาชอบ หมายถึง การพูดต้องสุภาพ พูดในสิ่งที่สร้างสรรค์ดีงาม
สัมมากัมมันตะ คือ การประพฤติดีงาม ทางกายหรือกิจกรรมทางกายทั้งปวง
สัมมาอาชีวะ คือ การทำมาหากินอย่างสุจริตชน ไม่คดโกง เอาเปรียบผู้อื่น
สัมมาวายามะ คือ ความอุตสาหะพยายาม ประกอบความเพียรในการกุศลกรรม
สัมมาสติ คือ การไม่ปล่อยให้เกิดความพลั้งเผลอ จิตเลื่อนลอย ดำรงอยู่ด้วยความรู้ตัวอยู่เป็นปกติ
สัมมาสมาธิ คือ การฝึกจิตให้ตั้งมั่น สงบ สงัดจากกิเลส นิวรณ์อยู่เป็นปกติ​

คำพูดคุณ ที่กรุณา มาแนะนำผมนะครับคำว่า
'ไม่ผิดข้อมรรค แปด เรื่อง ไม่ยกตนข่มท่าน ไม่พูดเสียดสีชวนตี'

ผมก็อ่านอยู่นะครับ แต่หายังไงก็ไม่เจอ..คุณอาจจะมองว่า ที่ผมเขียนว่าคุณจะ
อยู่ไม่สุข.เป็นการขู่คุณ. ทั้งๆที่ผมบอกให้คุณพิจารณาให้ดีๆก่อน..ที่คุณจะอยู่
ไม่สุขตอนนี้มันก็ฟ้องอยู่นี่ไงคับ.คือ

๑.หนึ่งคุณอ่านไม่ดี.แล้วไปตีความหมายผิด.ตั้งที่ผมทั้งยก
ทั้งอ้างข้อความคุณ และบอกให้คุณพิจารณาดูให้ดีๆ
เป็นเหตุให้ไปกล่าวอิงถึงบุคคลที่ ๓ ซึ่งดันเป็นผมทั้งที่เรื่องที่นำมาผ่านมาได้เกือบปีแล้ว.
..ในทำนองว่าเล่นพักเล่นพวกว่าไปรุมคุณ.
จากกระทู้ ผลแห่งการ แยก กาย ใจ จิต ที่คุณยกมา ไม่ใช่กระทู้ที่คุณ ยกมาแก้ต่างนะครับอ่านดีๆ

๒.คุณยังแก้ตัวแบบไม่ได้ดูอะไร ทั้งๆที่คุณเป็นคนเขียนขึ้นมาเอง..
อย่าเข้าใจเจตนาผมผิดครับ..คุณลองกลับไปอ่านทบทวนซ้ำให้ดีอีกรอบ
ว่าคุณ เขียนอะไรไปบ้าง อ้างอิงอะไรไปบ้าง..และคิดดูให้ดีๆนะครับ
ว่าใช่อย่างที่คุณกำลังเข้าใจและกำลังกล่าวหรือไม่ ลองดูเหตุและผลที่ผมยกมาให้คุณอ่านดีๆครับ.
.หวังว่าคุณ .DuchessFidgette
ในครั้งนี้จะอ่านเข้าแล้วใจนะครับ..
ปล.สุดท้ายนี้ผมต้องขออภัยที่ต้องอ้างถึงบุคคลที่ ๓ คือ คุณ oatthidet คุณ ฟางว่าน และ คุณ อินทรบุตร มา ณ ที่นี้ด้วยครับ​

 

อ้างอิงถึงคุณ DuchessFidgette คือจริงๆมันพูดยากนะ ถ้าจะบอก อินทรบุตร เขาเป็น มิจฉาทิฐิ หรือเปล่า เพราะถ้าท่านสังเกตดี ๆ ที่เขาโต้กันกะท่าน Oathidet นะ อินทรบุตร เขาให้ข้อมูลที่ถูกต้องนะ, ดิฉันไมรุ้ว่าเขาไปมีเรื่องกัน มากกันเกินกว่า หนึ่งโพสต์ หรือเปล่า แต่ เคยอ่านเจอที่เขาฉะกันกับท่าน Oathidet อยู่โพสต์นึงเรื่อง วิจิกิจฉา คือโพสต์นี้

http://palungjit.org/threads/ผลแห่งการแยก-กาย-ใจ-จิต.329046/

คือเหตุผลของอินทรบุตร ก็ถูกนะ ถ้าอ่านดีๆ เหมือนเขารู้จริงเรื่องธรรมะ ราวกับเขาอาศัยอยู่ในวัด จบนักธรรมเอก มีความรู้เรื่องคำภีร์มากมาย

แต่ดิฉันไม่รู้นะ เพราะเราเองก็ยังไม่ได้แม้แต่โสดาบันจะไปตัดสินว่า อินทรบุตรเขา เป็น ยังงั้นอย่างงี้?

แต่พิจารณาจาก การพูดของเขา ถ้าเขาประกาศตัวว่าตัวเป็น พระ พูดแบบนี้อาจจะไม่มีใครว่า.... แต่ในนี้เขาไม่ได้บอกตัวเองเป็นนักบวช ดังนั้นการพูดของเขาเหมือน การยกตนข่มผู้อื่น ซึ่งเรื่องการพูดของท่าน อินทรฯ ตีได้สองแง่ คือ 1.) เขา รู้จริง เขาเป็นคนดีจริง แต่จริตของเขา เป็นอย่างนั้นเอง? และเขาก็ไม่ได้คิดอะไรเวลาโพสต์ ? ว่าคนอื่นอาจจะรู้สึกไม่พอใจที่เขาเขียน กับ 2.) คือ เขา เป็นคำภีร์เปล่า แบบ พระโปฐิละ คือ รู้แต่ ทำไม่ได้อย่างที่รู้, ซึ่งในข้อนี้เขาจะตกในเรื่อง มรรค 8 ข้อ สัมมาทิฏฐิ กับ สัมมาวาจา/ พูดจาส่อเสียดชวนตี ชวนหมั่นไส้

ซึ่งดิฉน ยอมรับบางกระทู้มีการรุมคนอื่นจริง ไม่ใช่การกระทำของผู้มีอาริยะ ดิฉันก็เคยเจอ แต่ไม่ใช่อินทรบุตรนะ อย่างกะทู้นี้ ของท่าน Ooathidet ก็โดนรุม จากบุคลกลุ่มเดียวที่ดิฉันก็เคยโดน เหมือนพวกเขารู้จักกัน


http://palungjit.org/threads/เหตุที่ก่อให้เกิดการนึกคิด.400392/

จากข้อความกระทู้นี้ ใน #Rep 50 นะครับ ที่คุณ DuchessFidgetteได้เขียนไว้​

พอดีเป็น bug ต้องเอา

 

รู้อะไรไหมท่าน Nopphakan ดิฉันก็แค่คนปัญญาน้อยคนนึง ไม่เคยไปอ่านพระไตรปิฏกจบเล่ม ไม่มีอะไรจะมายกอ้างเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่เชื่อไหมว่า งงเหมือนกันเวลาเล่นบอร์ดนี้ คนเรามันก็เหมือนกันหมด รู้ว่าใครเขาด่า ใครเขาดีกะเรา? เชื่อว่าทุกคนมีความรู้สึกได้เหมือนกัน ขนาดดิฉันคนที่ไม่ได้มีปัญญา หรือ ยังได้แม้แต่โสดาบันก็อ่านออกว่า คนไหนเขากำลังด่าใครหรือ พยามพูดยกตนเองข่มใคร ซึ่งคนปญญาน้อยอย่างดิฉันก็ยังไม่เคยไปด่าใครในเวปนี้ หรือพูดข่มเหงผู้ใดก่อน ว่า คนนี้เขาเก่งเขาฌาณเลิศกว่าคนนั้น ? เพราะ นิสัยแบบนั้น เราไม่ชอบให้ใครทำใส่เรา เราก็ไม่ทำใส่เขา แต่พวกที่อ้างตัวมีฌาณสูงหลายคนกลับ กระทำพฤติกรรมเช่นนั้น ก็จงเอไปคิดดูเถิดว่า คนประเภทไหนจะมีความเป็นอาริยะมากกว่ากัน พูดนี้ไม่ได้วาใครแต่ แค่ตามเนื้อผ้าที่เห็น

 

คุณ DuchessFidgette ผมขอพูดตรงๆนะ..จริงๆนะในทางปฏิบัติเนี่ย
คุณไม่ใช่ว่าเป็นคนที่ไม่เก่งนะครับ.จุดนี้ต้องขอชมเชย..
และถ้าสมมุติว่า คุณ ไปอ่านที่ผมโพสต์ ข้อความต่างๆเกี่ยวกับคุณ .ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิดนะจุดนี้ ถ้าจำผิดต้องขออภัยด้วยครับ
ผมไปแซะ คุณ กระทู้หนึ่ง คือ กระทู้อาโปกสิณ กับ กระทู้เรื่องเทคนิคการ
เข้าฌาน ๔ อะไรของคุณ นี่หละนะ..น่าจะไม่มากกว่านี้.
แต่ถ้าคุณได้ลองอ่านดีๆ.
ซึ่งเจตนาคุณ จะเข้าใจว่า ผมไม่ได้มีนิสัยอย่างที่คุณ กำลังโดน
และที่คุณอ่านได้จากคำพูดแบบหลายคนที่เค้าว่าคุณ
..คุณ ลองคิดดูครับ...ผมนั่งถอดคำสอนหลวงพ่อ จากคลิปท่านออกมาเป็นคำพูด แล้วมาพิมพ์ให้คุณมาอ่าน และบอกแหล่งอ้างอิง และนาทีที่ท่านพูด..เพื่อให้คุณ อ่าน
ให้คุณ ให้ลองพิจารณาดู..ว่าคุณยังเข้าใจอะไรคลาดเคลื่อนหรือเปล่า ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมเคยทำอย่างนี้ด้วย..
โดยที่ผมไม่ได้ยกตัวผมเข้าไปเปรียบเทียบอะไรกับคุณเลย หรือไปกล่าวดูถูกว่าระดับฌานคุณ กระจอก หรือสมาธิแบบกระจอกอะไรนะครับ คงไม่ต้องบอกนะครับ แถมผมยังบอกวิธีการสังเกตุให้คุณด้วยถ้าคุณอ่านดีๆคุณจะเห็นครับ และจะเข้าใจว่านิสัยผมเป็นอย่างไร คิดว่าคุณคงเดาออก เอาว่าตรงจุดนี้ไม่ใช่ประเด็นหลัก

ณ ปัจจะบันนี้ ผมก็คิดว่าคุณเข้าใจผมคลาดเคลื่อน.
.ที่ไปอ้างอิงกระทู้ ผลแห่ง แยก กาย ใจ จิต มา.ซึ่งไม่ใช่ประเด็นที่คุณจะนำเสนอในกระทู้จริงๆ..เป็นเหตุให้ส่ง
ผลมาถึงผม..และผมก็รู้ว่า คุณ อาจจะยังอ่านไม่ดี.ผมเลยพยายามเขียน.เพื่อให้คุณกลับไปอ่านอีกรอบ
โดยที่ไม่ได้..ทำนิสัยอะไรไม่ดีผ่านออกมาทางตัวหนังสือ เพื่อส่งไปถึงคุณ

คุณ จะเห็นว่า ผมไปตอบกระทู้ที่มีคุณ แย้งกันไปมา ก็จบ ผมไม่ได้ตามไปราวี
เพื่อที่ต้องการที่จะเอาชนะคุณ.และกระทู้นี้ ที่ผมไปเตือน คุณ อินทรบุตร เพราะผมเห็นว่าการมาโต้แย้งกัน เพียงเพื่อที่จะเอาชนะ มันไม่สมควรทำ.เพราะ
เราเป็นผู้ ปฏิบัติใช่ไหมครับ ชนะใจตัวเองครับ.สำคัญที่สุด.คุณว่าไหม
.ถ้าผมจะเอาที่คุณ โพสโต้ตอบ เพื่อมาข่มคุณ เพื่อมาชนะคุณ มันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรระหว่างคุณกับผม. ผมเลยพยายามบอกให้คุณ
ไปอ่านไปพิจารณาดูให้ดีๆ..ผมนะไม่ได้เคืองไม่ได้โกรธอะไรคุณเลย..ยังเคย
คุยกันกับบางคน..ที่มาสายเดียวกับคุณว่า คุณนะเก่งดี แต่ยังเข้าใจคลาดเคลื่อนอยู่.เหตุเพราะคุณอาจยังไม่ได้ตรวจสอบผลการปฏิบัติ
ของคุณ.กับครูบาร์ อาจารย์ทางโลก และผมก็ไม่ทราบว่า คุณมีอาจารย์ ทางภพภูมิที่คอยมาสอนมาแนะนำเหมือนผมหรือเปล่า จุดนี้ไม่ใช่ประเด็นหลัก
.

และคุณต้องทำใจยอมรับ..การที่เรานำเอาผลการปฏิบัติบางอย่างที่เป็น
ปัจจัตตัง.มาเขียนลง.ต้องยอมรับ..
กับการที่คนเค้าจะถามคุณ.แซะคุณว่าคุณรู้จริงหรือเปล่า.ถ้าคุณตอบ
ได้เคลียร์ของคุณแล้วก็จบ และไม่ไปต่อความต่อเรื่องก็ไม่มีปัญหา..ถ้าไม่เคลียร์เพราะเราอ่าน
หรือพิจารณาไม่ดี อาจเป็นเหตุให้เข้าใจกันคลาดเคลื่อนกับผู้ที่ถาม
เพราะผู้ถามก็ยังไม่คลายความสงสัย.

ถ้าเราจะชนะกันกันด้วยภูมิธรรม..เราต้องรู้ว่าที่เถียงกันไม่มีใครถูกทั้งหมดไม่มีใครผิดทั้งหมด.
เราเพียงเอาข้อดีของแต่ละคนมาใช้ให้ก่อเกิดประโยชน์กับตัวเองก็พอ เพราะเราๆเถียงกันอยู่ก็ยังไม่มีใครเป็นพระอรหันต์กันซักคน..
.แต่สุดท้ายก็ต้องมีคำว่าจบ..
เราไม่ได้เน้นว่าจะต้องชนะกันให้ตายไปข้างหนึ่ง.
.เราเน้นการปฏิบัติ
ที่เราต้องให้คำตอบได้ เราต้องชัดเจน.กับคำตอบ
อย่างน้อยเราก็น้อมกลับมาพิจารณาผลการปฏิบัติของเราได้
ตอบไม่ได้ไม่ต้องตอบ ตอบได้ก็ตอบง่ายๆ
พอเข้าใจที่ผมจะสื่อนะครับ..​

 

โอเค ดิฉันเข้าใจ ดิฉันไม่ชอบทะเลาะ ไม่ชอบเถียง จริงๆ ถ้าให้ดิฉันยกประโยคแรงๆ ที่หลายท่าน (ไม่ขอออกนาม) ได้โพสต์ใส่ทั้งดิฉันและคนอื่นๆ ดิฉันก็ทำได้ ถ้าให้ยกประโยคเหล่านั้นมา แฉ่กันตรงนี้ แต่ไม่ขอทำ.... เพราะ แค่มาแซะให้ไม่สบายใจกันก็รู้สึกไม่ดีโดยพื้นฐานอยู่แล้ว.... แค่อยากขอร้องทุกๆคนที่ได้อ่านกระทู้นี้อย่างเดียวว่า เวลาคุณไม่เห็นด้วยกะใครโพสต์อะไร อธิบาย หรือ พูดกับเขาดีๆก็ได้ มันสนุกหรืออย่างไรที่จะใช้วาจาแบบกวน คำพูดของคนอื่น และพูดแบบยอกย้อน กัน