ข่วยด้วย เรากำลังเป็นทุกข์

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย อสุนีบาต, 30 มีนาคม 2013.

  1. sereenon

    sereenon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,931
    พี่ลืมบอกไปอย่าลืมทำแบบฝึกหัดเยอะ ๆ ด้วยนะ หาข้อสอบเก่าๆ มาลองจับเวลาในการทำและลองคิดเป็นคะแนนด้วยก็ดี การทำแบบฝึกหัดเยอะ ๆ จะช่วยให้เรามีความชำนาญมากขึ้น รู้แนวข้อสอบ และรู้ว่าตรงไหนที่เรายังอ่อนอยู่ควรอ่านเน้นซ้ำอีก ถ้าอันไหนทำไม่ได้หรือไม่เข้าใจลองถามครูดูค่ะ วิธีนี้น้องสาวพี่เคยใช้และสอบติดแพทย์มาแล้วค่ะ
     
  2. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    ไม่ใช่ความอิจฉาหรอกจ้ะ แต่เป็นความกลัวมากกว่า อย่าไปกลัวในสิ่งที่มันยังไม่เกิดเลยจ้ะ จะขอแนะนำในฐานะที่เป็นคุณแม่ลูก 2 นะคะ

    อย่ากลัวที่จะทำให้คุณแม่หนูผิดหวัง เพราะความทุกข์ของหนูก็คือความทุกข์ของคุณแม่หนูด้วย ความคาดหวังของคนที่เห็นนู๋เติบโตมา เพียงแค่อยากให้หนูเป็นคนดี อยู่ได้โดยไม่เป็นภาระสังคม ไม่อยากให้หนูเครียด ความเครียดจะติดเป็นนิสัยด้านลบของเราจ้ะ น้ามักจะบอกลูกของน้าเสมอเมื่อไรก็ตามที่ต้องมีการสอบ มีการแข่งขัน หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้ลูกน้าลองทำลองเรียนลองศึกษา น้าจะบอกว่า "แม่รักหนูนะลูก แม่ไม่สนใจว่าผลการเรียน ผลการแข่งขันใดใด จะออกมาดีหรือไม่ เพราะแม่รู้ ว่าหนูทำเต็มที่แล้ว แม่ไม่เสียใจเลยไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไร" และก็กอด ก็หอม ก่อนไปเรียนทุกวันน้าก็จะกอดก่อน วันไหนถ้ามีสอบ ก็จะเป่ากระหม่อม และพูดว่าคิดอะไรขอให้เป็นคำตอบ ซ้ำๆ อยู่อย่างนี้ 555" ลูกสาวก็จะพูดว่า "ทั้งปีเลยค่ะคุณแม่" ไม่ว่าจะโตแค่ไหนก็ยังกอดยังหอมไม่รู้เบื่อ และลูกน้าจะไม่เครียด ช่วงนี้ก็สอบเข้ามหา'ลัยเหมือนกัน เขาก็เรียนไม่เก่งหรอกค่ะลูกชายเฉลี่ยแล้วได้ไม่ถึง 3 เลยค่ะ ส่วนลูกสาวเรียนเก่งได้ที่ 1-2-3 ตลอด คนที่เรียนเก่งมักจะทะเยอทะยานและกลัวแพ้ เมื่อไหร่หล่นมาที่ 3 ก็จะบ่นกับน้าว่าเสียดายจังเลยคุณแม่ นิดเดียว ไอ้เราก็บอกเอาน่า ครั้งหน้าว่ากันใหม่ เขาก็จะไม่เครียด พอสอบเสร็จไม่ว่าผลจะออกมาดีหรือไม่ เขา 2 คนก็จะกิน ๆ ๆ

    เด๋ววันที่ 1 นี้เขาก็จะไปปฎิบัติธรรมกัน 2 คนพี่น้อง 10 วันภาคฤดูร้อนที่วัดแถวสมุทรสงคราม เพราะที่นั่นมีบวชรักษาศีลทุกปีๆ ละ 10 วัน อยากให้ห่างๆ บ้างจากทางโลกด้วยส่วนนึง น้าก็จะบอกลูกชาย อายุจะ 19 แล้วว่า บวชเณรไหมลูก บุญอาจจะส่งให้หนูสอบได้ที่หวังนะ อยากให้เขาบวชส่งบุญให้คุณตาเขา ที่ป่วยด้วยหนะค่ะ เขาก็บอกไม่อยากโกนผมขอถือศีล 8 แล้วกันคับแม่ เราก็เออวุ๊ยดีใจ ไม่ได้ศอก ได้คืบก็ยังดี เขาเลยชวนน้องสาวไปด้วยอีกคน(อายุ 16 แล้ว) แต่น้าก็คิดว่าเขา 2 คนคงไม่ถึง 10 วัน ก็อยู่เท่าที่อยู่ได้หนะลูกบอกเขาแม้จะได้ไม่เต็มร้อยสำหรับมือใหม่หัดปฎิบัติ แต่น้าก็อยากให้การสวดมนต์นั่งสมาธิ การอยู่ร่วมกันในสถานที่วัด ธรรมะจะขัดเกลากิเลสพวกเขาลงบ้าง มีสติคิดให้มากขึ้นค่ะ

    น้าอยากให้หนู เข้าใจและเข้าถึงความรู้สึกของคุณแม่นะคะ ว่าท่านคาดหวังในเราขนาดนั้นรึปล่าว บางทีสิ่งที่ดีที่สุดของคุณแม่ อาจเป็นสิ่งที่ธรรมดาที่สุดก็ได้ค่ะ มาตั้งหลักที่ใจตัวหนูเองก่อน ปล่อยพลังชีวิตออกมาอย่างมั่นใจ ต่อให้ต้นทุนเราจะมีน้อย หรือด้อยกว่าใครอีกมากมาย แต่เราก็ยังมีเวลา และนาที ในแต่วันเท่าเทียมกับคนอื่นทุกคน..ก้าวออกไปเถอะ..เราจะไปได้ดีเท่าที่เราควรจะไป สู้สู้ค่ะ :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2013
  3. เปาชุนไหล

    เปาชุนไหล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +2,240
    พึงระลึกว่า คนเรียนเก่ง คนรวย คนประสบความสำเร็จทางโลก ล้วนแต่บ่ายหน้าไปสู่ความตายด้วยกันทั้งนั้น ทุกคนเกิดมามีทุกข์ด้วยกันหมด
    สัตว์ทั้งหลายเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เราก็ทุกข์ เขาก็ทุกข์
    ทุกข์ยังไง
    บางคนเกิดมาพอป่วยก็เป็นทุกข์
    พอเริ่มแก่ ก็เป็นทุกข์
    ไม่สบายกายก็ทุกข์
    ไม่สบายใจก็ทุกข์
    เกิดมาเป็นมนุษย์นี่แสนจะทุกข์

    ลองดูให้ดี พวก Facebook นั่น มีแต่คน แสดงออกในด้านที่แสนดี
    ใครจะรู้ว่าเบื้องหลัง คนๆนั้นเป็นอย่างไร เขาจะมีความสุขเหมือนภาพพจน์ที่แสดงจริงหรือ

    (ที่ผมเคยเจอมานะ น้องสาวผมเอง ในFB มีแต่เรื่องราวดีๆ
    แต่ชีวิตจริง กลับมีทุกข์ มีปัญหาที่แก้ไม่ตก มาถามผมประจำ)

    ลองเปรียบเทียบถึง เพื่อนของคุณที่เขาสอบได้คะแนนดีๆ เขาไม่ได้มีแต่ความสุข ทุกด้านหรอกครับ





    เราอิจฉาเขา เราก็เป็นทุกข์
    ถ้าเราไม่อยากทุกข์เราก็อย่าอิจฉา
    วิธีที่จะไม่ให้อิจฉา คือ ฝึกมีมุฑิตา
    มุฑิตาคือ การยินดีเมื่อคนอื่นได้ความสุข เมื่อเขาได้สุข เราก็ยินดี
    เช่นเห็นคนจน เมื่อเขาพอมีกินบ้าง มีเงินมาบ้าง ก็พลอยยินดี
    หมาตกน้ำ แล้ว มีคนช่วยได้ มันรอดตาย มันมีความสุข เราก็พลอยยินดี



    แรกๆ เราอย่าเพิ่งไปมุฑิตากับศัตรู(ศัตรูในที่นี้หมายถึงศัตรูที่ใจเรากำหนดปรุงแต่งขึ้นมาเอง คือเขาอยู่เฉยๆ เราก็ไปสร้างศัตรูกับเขา ทั้งๆที่บางทีเขา่ไม่รู้อะไรเลย)

    ถ้าจิตเรายังไม่แข็งพอ ไปมุฑิตากับศัตรู ก็เจ๊ง
    พาลไม่อยากพลอยยินดีกับคนอื่นเลย


    เราต้องพลอยยินดี กับ สิ่งง่ายๆ เช่น เมื่อเพื่อนคนที่สอบได้ที่โหล่ เขาสอบไม่ตก
    เมื่อเขาสอบผ่าน เราก็พลอยยินดี แบบนี้

    ฝึกไปเรื่อยๆ แล้วจิตคุณจะมีความพลอยยินดีคือ มุฑิตา ฝังในจิตทีละน้อยๆ

    ไม่มีอะไรยากไปเกินกว่าความตั้งใจจริงของเรา
    เมื่อคิดว่าทำได้ เราก็จะสำเร็จไปกว่า 60 % แล้ว


    เอาใจช่วยนะครับ
    ผมก็เคยเป็น
     
  4. เปาชุนไหล

    เปาชุนไหล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +2,240
    กรรมแห่งความริษยา

    ความริษยาเกิดจากการขาดมุทิตา (ที่มีลักษณะคือความชื่นชม) หมายความว่า พลอยยินดีในความสุขหรือความสำเร็จของผู้อื่น มุทิตานี้ทำได้ยากกว่ากรุณา บางคนมีเมตตาปรารถนาดี มีความกรุณาสงสาร แต่เจริญมุทิตาไม่ได้ เพราะเราทุกคนมีอนุสัยกิเลสคือความริษยานอนเนืองอยู่ในกระแสจิต น้อยคนนักที่จะกำจัดความริษยานั้นได้

    จะต้องฝึกฝนไปเรื่อยๆ จึงจะบรรเทาลงได้ การฝึกฝนนั้นก็ต้องประกอบด้วยโยนิโสมนสิการ คือทำความเข้าใจด้วยเหตุผลว่าความริษยาไม่ก่อให้เกิดคุณใดๆ ผู้มีความริษยานั้นจะได้รับผลคือขาดบริวาร แต่ผู้ที่เจริญมุทิตาโดยกำจัดความริษยาได้ย่อมจะได้รับอานิสงส์คือ มีบริวารห้อมล้อม มีมิตรสหายห้อมล้อม ความริษยานั้นก่อให้เกิดโทษในปัจจุบันและภพต่อไป ไม่ว่าเกิดกับผู้ใดก็ทำให้ผู้นั้นตกต่ำไปตลอด

    ยกตัวอย่างกรรมแห่งความริษยาจากพระไตรปิฎก

    มีเรื่องเล่าว่าในสมัยพุทธกาล มีพระอรหันต์รูปหนึ่งนามว่า “โลสกติสสะ” ตอนท่านถือปฏิสนธิในครรภ์มารดา บิดามารดาก็ได้รับทุกข์แสนสาหัส บ้านของท่านเกิดไฟไหม้จนสิ้นเนื้อประดาตัว แต่พวกท่านก็อดทนเลี้ยงดูจนเติบใหญ่รู้ความ เมื่อเดินไปไหนมาไหนได้ก็ถูกทอดทิ้งเป็นขอทานอยู่ข้างถนน

    วันหนึ่งพระสารีบุตรเถระ เห็นเข้าก็สงสาร พระสารีบุตรได้หยั่งรู้ว่าเด็กคนนี้เคยสั่งสมบารมีธรรมมาในชาติปางก่อน จึงได้นำตัวมาวัดแล้วให้บวชเป็นสามเณร ต่อมาท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุชื่อโลสกติสสะ ภายหลังเจริญวิปัสสนากรรมฐานแล้วบรรลุเป็นพระอรหันต์

    ตั้งแต่ท่านเกิดมาจนกระทั่งบรรลุอรหัตผล ไม่เคยกินอิ่มแม้สักวันหนึ่งเลย ทั้งนี้เพราะเวลาที่ท่านบิณฑบาตอยู่ เมื่อคนใส่บาตรท่านแล้วอาหารหายไปเองก็มี หรือแม้จะมีอาหารอยู่พียงเล็กน้อยแต่คนอื่นกลับเห็นอาหารอยู่เต็มบาตรเลยไม่ถวายอีกก็มี ซึ่งอกุศลกรรมนี้เป็นผลของความริษยา

    เรื่องราวในอดีตชาติของพระภิกษุชื่อโลสกติสสะ มีว่า สมัยหนึ่งเมื่อพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก พระโลสกติสสะนี้เคยบวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา ท่านเป็นภิกษุผู้ทรงศีล วันหนึ่งพบพระเถระรูปหนึ่งที่เป็นพระอรหันต์เดินทางมาจากแดนไกล พระโลสกติสสะไม่ทราบว่าพระรูปนี้สำเร็จสมณกิจแล้ว ท่านเกรงว่าโยมอุปฏฐากจะเลื่อมใสพระอาคันตุกะรูปใหม่ ด้วยความริษยาจึงแกล้งทำให้พระอาคันตุกะนั้นอดอาหารหนึ่งมื้อ ผลกรรมนี้ส่งผลให้ท่านตกนรกเป็นเวลานาน แล้วมาเกิดเป็นคนที่ไม่เคยกินอิ่มเลย

    เมื่อท่านใกล้นิพพาน พระสารีบุตรหยั่งรู้ว่าท่านจะนิพพานในวันนั้น จึงใช้คนนำอาหารไปให้ท่าน เพื่อจะได้ฉันอาหารอิ่มก่อนนิพพาน แต่ด้วยผลกรรมเก่าทำให้คนนำอาหารลืมเสียแล้วเททิ้ง ต่อมาพระสารีบุตรนึกขึ้นได้ให้คนไปถามว่าฉันอาหารหรือยัง ท่านตอบว่าวันนี้ไม่ได้ฉันอะไร พระสารีบุตรจึงนำยาจตุมธุไปให้ท่านฉัน โดยพระสารีบุตรได้จับบาตรไว้ตลอดเวลาที่ท่านฉันอยู่ หากไม่จับไว้ยาจตุมธุอาจหายไปจากบาตรด้วยผลกรรม พระโลสกติสสะฉันอิ่มวันนั้นเพียงวันเดียวแล้วปรินิพพานในวันนั้นเอง

    จะเห็นว่าผลของความริษยานั้นส่งผลในปัจจุบันและอนาคต สามารถติดตามให้ผลจนถึงช่วงเวลาที่จะนิพพานอีกด้วย และที่ผลของความริษยาที่เกิดขึ้นกับพระโลสกติสสะอย่างรุนแรง ทำให้ถึงกับตกนรกและมีผลมาจนถึงวันแห่งปรินิพพานนั้น เพราะท่านทำกรรมที่เกิดจากความริษยากับพระอรหันต์นั่นเอง

    การทำกรรมไม่ดีกับผู้มีศีล ผู้มีบุญ ผู้มีคุณ ผู้เป็นพระสุปฏิปันโนขึ้นไปจนถึงพระอรหันต์จึงเป็นบาปมากกว่าผู้ทุศีล ผู้ไม่มีบุญ ผู้ไม่มีคุณ แต่จะทำกรรมไม่ดีกับใครก็ตามเป็นบาปทั้งหมดจะบาปมากบาปน้อยก็แล้วแต่มีเจตนาหรือไม่มีเจตนา จะทำกับผู้มีคุณสูงหรือทำกับผู้ไม่มีคุณสูง ผลแห่งกรรมจะได้รับแตกต่างกันไปตามเหตุปัจจัยนั่นเอง


    >>>>> จบ >>>>>


    ที่มา แสดงกระทู้ - กรรมแห่งความริษยา • ลานธรรมจักร
     
  5. พงพัน

    พงพัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +478
    น้องจ๋า จะไม่ลองดูคนพื้นๆธรรมดาที่ในแต่ละปีสอบไม่ติดที่นั่นที่นี่แต่ทำไมเขาถึงยังอยู่กันได้ บ้างก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เข้าไปนั่งสอบกะเขาเลยก็มีแต่ทำไมพวกเขาถึงยังอยู่ได้ คำตอบก็คือ เพราะเขายังมีอีกมุมหนึ่งอีกมิตินึงที่ต้องอยู่ให้ได้รับให้ได้ ส่วนน้องใช้ชีวิตในมิติเดียวก็คือการเรียนที่ต้องทุ่มเท ในมุมของพี่แล้วคนที่มุมเดียวแบบนี้แทบจะปิดกั้นจากสิ่งอื่นๆที่ชีวิตจริงต้องรู้คนเราไม่สามารถเป็นผู้ชนะไปได้ตลอดต้องมีผิดหวัง ลุกขึ้นใหม่ถ้าทำดีที่สุดความสามารถแล้วยังไม่ได้ เราก็ต้องยอมรับการเป็นผู้แพ้ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ทางแยกมีให้เลือกเยอะถ้าไม่ปิดกั้น ยกตัวอย่างให้"จูนเวิร์น"นักเขียนนิยายชื่อดังก้องโลกผมยังเคยอ่านหนังสือนิยายที่พี่แกแต่งติดใจมากวางไม่ลงก็เรื่อง"80วันรอบโลก"ซึ่งพ่อของท่านจูนนั้นนะอยากให้ลูกชายเป็นทนายเหมือนตัวเอง ซึ่งท่านพี่จูนของผมก็สนองพระเดชพระคุณพ่อด้วยการเรียนจนจบอย่างที่่ท่านพ่ออยากให้เป็น จบปั๊บก็นำใบประกาศนียบัตรไปมอบให้คุณพ่อสมใจ แต่ตัวเองกลับไปเอาดีด้วยการเป็นนักเขียนนวนิยายวิทยาศาสตร์เสียเฉยเลยแถมดังระเบิดเถิดเทิงอีกด้วยเคร่าๆที่เคยอ่านมาส่วนนึงของท่านจูนเท่านี้สนใจไปหาอ่านดู แล้วเรื่องการศึกษาบ้านเรานะอย่าหาว่าดูถูกเลย การผลิตบัณฑิตไม่ตอบโจทย์ตลาด ไม่สร้างนักคิดสร้างปัญญาชนที่กำหนดทิศทางได้แต่มุ่งสร้างคนให้ทำตามเป็นลูกน้อง การแข่งขันวิชาการเราภูมิใจว่าเราได้เหรียญแต่หลังจากนั้นละเงียบแทบไม่เคยเห็นผลงานที่จับต้องได้ คนเก่งพากันเข้าไปอยู่ในกรอบกฎระเบียบเป็นราชการ ทีพบที่เห็นทำงานเป็นทีมไม่เป็นเก่งคนเดียวไม่ก็ทำงานไม่เป็นสู้คนจบป4ม6หรือปวสปวชไม่ได้แยะ สำคัญที่สุดคือค้นหาตัวเราเองให้พบเราชอบอะไรสิ่งไหนทำได้ดีที่สุดเป็นเลิศจนใครๆชมนั้นละคือทางของเราที่สวรรค์ได้ลิขิตไว้ให้แล้ว และไปทางนั้นเถอะจะไม่เสียเวลา การเรียนนั้นนะเมื่อไหร่ก็ได้แต่การค้นพบสิ่งที่เป็นตัวเราต่างหากสำคัญสุดในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ขอให้สำเร็จจริงเถอะรับรองเดี๋ยวสถาบันนั้นจะแห่กันมามอบปริญญาเอาไปติดฝาบ้านกันไม่หวาดไหว
     
  6. แก้วกัลลยา

    แก้วกัลลยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +570
    ดิฉันมีโอกาสไปอบรมสัมมนาทางวิชาการบ่อยๆ อาจารย์หลายท่านมักพูดอยู่บ่อยๆค่ะ
    "ผมไม่เข้าใจทำไมต้องเรียนให้ได้เกรด 4.0 เพื่อนผมหลายคนบ่นเครียด ลูกสอบได้เกรด 3.98 มันเครียดตรงไหน "

    ล่าสุดไปปฐมนิเทศ โรงเรียนมัธยมของลูกชายจะขึ้นชั้น ม.4 ผอ.เขตการศึกษาเขามาบรรยาย
    ให้ฟัง มันโดนใจ และตรงใจมากค่ะ มีบางตอนยกตัวอย่างให้ฟัง ไม่ได้มีเจตนาอะไร อยากให้หนูลองพิจารณาดูนะค่ะ

    ระหว่างเด็กเรียนห้อง King(GPA 3.98-4.00) กีบเด็กเรียนห้องธรรมดา (GPA.ไม่เกิน 3.5) มีภาวะทางด้านอารมณ์-ความคิดแตกต่างกันชัดเจนมาก

    1. แตกต่างกันทางด้านจิตอาสา
    - ยกตัวอย่าง ครูให้เด็กห้อง King จัดห้องประชุม เด็กห้องนี้จะบอกว่า เป็นหน้าที่ของนักการ ...ไม่ใช่หน้าที่ของนักเรียน
    ส่วนเด็กห้องธรรมดาจะช่วยโดยไม่มีเงื่อนไข ทำด้วยความสนุกสนานเต็มใจ
    2. เมื่อประกาศผลสอบแต่ละครั้ง
    - เด็กห้อง King และผู้ปกครองมีความคาดหวังสูง จะเครียดมาก คิดคะแนนเปรียบเทียบกันเป็นจุด ครูที่ปรึกษาต้อง คอยรับฟังและคอยให้คำแนะนำผู้ปกครองและเด็ก ครูก็พลอยเครียดไปด้วย

    -ในขณะที่เด็กห้องปกติทั้งผู้ปกครองและเด็ก ครู้ที่ปรึกษา สบายใจ ไม่กังวล เรียนด้วยความสนุกเกรด 3.5 ก็ O.K แล้ว

    3. จากสถิติ เด็กเรียนห้องปกติเมื่อเรียนจบ มักประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงานมากกว่าเด็ก ห้อง King เพราะไม่คาดหวังเกินไป จนกลายเป็นความกดดัน
    ทั้งหมดที่ยกมากล่าวมาอยากให้หนูลองพิจารณาดูค่ะ ลูกชายของดิฉันเองก็อ่อนกว่าหนูไม่กี่ปี จะขึ้นมัธยม 4 ปีนี้ ใช้หลักการนี้มาดูแลลูกค่ะ
     
  7. แก้วกัลลยา

    แก้วกัลลยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +570
    ดิฉันมีโอกาสไปอบรมสัมมนาทางวิชาการบ่อยๆ อาจารย์หลายมักพูดอยู่บ่อยๆค่ะ
    "ผมไม่เข้าใจทำไมต้องเรียนให้ได้เกรด 4.0 เพื่อนผมหลายคนบ่นเครียด ลูกสอบได้เกรด 3.98 "

    ล่าสุดไปปฐมนิเทศ โรงงเรียนมัธยมของลูกชายจะขึ้นชั้น ม.4 ผอ.เขตการศึกษาเขามาบรรยาย
    ให้ฟัง มันโดนใจ และตรงใจมากค่ะ มีบางตอนยกตัวอย่างให้ฟัง ไม่ได้มีเจตนาอะไร อยากให้หนูลองพิจารณาดูนะค่ะ

    เด็กห้อง King(GPA 3.98-4.00) กีบเด็กห้องเรียนธรรมดา (GPA.ไม่เกิน 3.5)
    มีภาวะทางด้าน อารมณ์-ความคิดแตกต่างกันชัดเจนมาก

    1. แตกต่างกันทางด้านจิตอาสา
    - ยกตัวอย่าง ครูให้ช่วยยกเก้าอี้จัดห้องประชุม เด็กห้องนี้จะบอกว่า หน้าที่ของนักการ ...ไม่ใช่หน้าที่ของนักเรียน
    ส่วนเด็กห้องธรรมดาจะช่วยโดยไม่มีเงื่อนไข ทำด้วยความสนุกสนานเต็มใจ
    2. เมื่อประกาศผลสอบแต่ละครั้ง
    - เด็กฉลาด และผู้ปกครองมีความคาดหวังสูง จะเครียดมาก คิดคะแนนเปรียบเทียบกันเป็นจุด ครูที่ปรึกษาต้อง คอยรับฟังและคอยให้คำแนะนำผู้ปกครองและเด็ก ครูก็พลอยเครียดไปด้วย
    -ในขณะที่เด็กห้องปกติทั้งผู้ปกครองและเด็ก ครู้ที่ปรึกษา สบายใจ ไม่กังวล เรียนด้วยความสนุกเกรด 3.5 ก็ O.K แล้ว
    3. จากสถิติ เด็กเรียนห้องปกติเมื่อเรียนจบ มักประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงานมากกว่าเด็ก ห้อง King เพราะไม่คาดหวังเกินไป จนกลายเป็นความกดดัน
    ทั้งหมดที่ยกมากล่าวมาอยากให้หนูลองพิจารณาดูค่ะ ลูกชายของดิฉันเองก็อ่อนกว่าหนูไม่กี่ปี จะขึ้นมัธยม 4 ปีนี้
    ใช้หลักการนี้มาดูแลลูกค่ะ
     
  8. ประปราย

    ประปราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +301
    พี่เป็นหนึ่งใน คนที่ เรียนมหาลัย ได้อันดับต้นๆในคณะ ปัจจุบัน ผ่านไป ปีกว่า ฝึกเทรดค่าเงินอย่างเดียวเลย เพิ่งจะได้กำไรบ้างเมื่อปลายปีนี้ ระหว่างนี้ เวลาที่ใครต่อใครถามพ่อแม่พี่ ว่าลูกสาวทำงานอะไร พ่อกับแม่ก็บอกว่า กำลังหางานอยู่ ฮ่าๆๆ ถ้ามองแบบคนอื่นมอง คงประมาณ เด็กเรียนเก่งที่ชีวิตล้มเหลว 555+ แต่พี่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะพี่รู้ว่ากำลังทำอะไร บอกเป้าหมายให้พ่อแม่รับรู้ ฝึก หาความรู้ด้วยตัวเอง (เริ่มเห็นความสำเร็จ ภายในไม่เกิน 2 ปีนี้)

    จะบอกน้องว่า แค่น้องรู้ว่า ปลายทางน้องอยากเป็นอะไร น้องจะไปสนใจระหว่างทางทำไมว่าต้องเจออะไร ขอแค่บอกพ่อแม่น้องให้เข้าใจก็พอแล้ว แล้วก็อย่าทำให้ท่านผิดหวัง ให้น้องสนใจ ว่างานที่ทำ ต้องใช้ความรู้อะไร สภาพแวดล้อมแบบไหนดี จบไปแล้วควรทำอะไรก่อน ระหว่างนี้ก็หาวิธีเสริมความรู้ตัวเอง

    สิ่งที่เรียนในมหาลัย เป็นปัจจัยปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้ประสบความสำเร็จ ถ้างานน้องต้องทำกับคน ก็หัดเข้าสังคม ดูคนให้ออก มองดูตัวเองให้ออกว่า เหมาะกับงานด้านไหน ต้องเสริมอะไรบ้าง

    นี้พี่กำลังสอนให้น้องมองข้ามสเต็ป มุ่งไปยังเป้าหมายที่แท้จริงเลยน่ะ

    พอน้องรู้เป้าหมายชัดแล้ว ระหว่างทางจะเป็นอะไรก็จะไม่เครียดเลย

    อย่าเลือกคณะตามคะแนนที่ได้ แต่ให้เลือกตามความชอบ ความถนัด

    ต้องดูด้วยว่าทางบ้านสามารถส่งได้ระดับไหน

    ตอนเรียนมอปลาย พี่บอกแม่ตรงๆเลยน่ะ ว่าจริงๆอยากเรียนเอกชน อยากกู้ด้วย เพราะว่ารู้ว่าที่บ้านไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่แม่บอกว่า อย่า ไม่อยากให้ชีวิตพี่เริ่มจากติดลบ พี่ก็โอเค เอามหาลัยรัฐที่ไหนก็ได้ แค่คณะบริหารการเงินเท่านั้น ก็พอใจแล้ว (กว่าจะคุยรู้เรื่อง คุยยาวมาก เพราะ ถ้าจะสอบจริงๆ คะแนนพี่ ยังอย่างน้อยที่สุดก็พยาบาล แม่อยากให้ทำงานเกี่ยวกับโรงบาล พี่ก็ต้องบอกความต้องการ เป้าหมายของพี่ให้แม่ฟัง)
     
  9. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    อย่าพึ่งทุกข์มากไปเลย
    มาคิดก่อนว่า อยากเรียนอะไร โตขึ้นอยากเป็นอะไร ทำงานด้านไหน
    แม่หนูเรียนเก่งอยู่แล้ว
    ทำใจให้สบายตอนทำข้อสอบ นะ ผลสอบจะดีเอง
    (ก่อนทำข้อสอบไหว้พระแม่ธรณีด้วยนะ )



    โอ ว่าแล้ว
    คิดถึงสมัยเรียน

    ตอนเรียน เราคิดอะไร น๊า

    โห ตอน ม.ต้น เรียนได้ที่ ๑ ของห้อง
    ตอน ม. ๔ ได้เกรด เฉลี่ย ๑.๕ ช๊อค GPA ตอนจบได้ ๑.๙

    เข้าใจ โนบิตะ เลย ที่ เอา สมุดพก ผลสอบไปซ่อนแม่กะพ่อน่ะ
    น้าโดนครูตีด้วยนะ ที่ไม่เอา สมุดพกให้ผู้ปกครอง เซ็นต์

    เพื่อนที่ โรงเรียน ก็ชวนกันวิ่งเล่น ต่อสู้รบกันทั้งวัน (ห้องกลางๆค่อนบ๊วย)
    สนุกมากเลย

    โชคดี ที่น้าหลงตนเอง ว่าเรามันฉลาด เทวดามาเกิด เอ็นท์ไม่ติด จะไปเรียนราม
    (คงจบสักวันล่ะน่า)

    กอรปกะสมัยขะโน้น เค้าไม่เอาเกรดไปคิด ใช้แต่ผลเอ็นทร๊าน อย่างเดียว



    ก็เลย เรียนด้านเกษตร ประเทศไทยเรา เป็นเขตเกษตรกรรม รักต้นไม้ด้วย(เรียนหมอคงไม่ไหวน่ะ)
     
  10. อสุนีบาต

    อสุนีบาต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +237
    ขอโทษที่มาตอบช้าค่ะ

    ตั้งแต่เรียนมาหนูเก่งภาษาอังกฤษ ที่สุดในทุกวิชาที่เรียน

    เรียนวิชานี้ได้เร็วมาก จำได้ดีมาก แล้วก็สื่อสารให้เข้าใจได้(แม้ไม่คล่องแคล่วมากนัก)
    ก็เลยกะว่าจะเอาดีในด้านนี้เสียเลย

    รองลงมาก็เป็นคณิตศาสตร์ เรียนไม่เก่งมาก แต่ชอบ เลยไม่มีปัญหาอะไร
     
  11. ประปราย

    ประปราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +301
    อยากเรียนอะไร ไม่สำคัญเท่า อยากทำงานอะไรน่ะค่ะ สู้ๆจร้า หาตัวเองให้เจอไวๆ
     
  12. Jasmin99999

    Jasmin99999 วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    971
    ค่าพลัง:
    +3,332
    มาให้กำลังใจนะจ๊ะ แล้วก็ลองคิดตามที่พี่พูดดูนะ ฟังเล่นๆก็ได้ คือว่า น้องอย่าไปเปรียบเทียบกับคนที่ทำอะไรๆได้ดีกว่าสิ ให้มองดูคนที่ด้อยกว่าดีกว่านะ เช่น ดีแค่ไหนแล้วที่น้องได้เรียน ผิดกับบางคนที่ไม่มีโอกาสได้เรียน,,, แถมเรียนดีซะด้วย แล้วก็เป็นเด็กดีที่มีความต้องการอยากให้แม่สบาย,,, แต่ถ้าเราอิจฉาริษยาแบบนี้น้องมีความสุขมั๊ย?? ก็ไม่. โตขึ้นน้องยังต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคในแต่ละช่วงวัยมากมายกว่านี้เยอะ แล้วถ้าวันนี้น้องได้ทำดีที่สุดแล้ว อนาคตน้องจะไม่เสียใจเลย...

    คนเราไม่มีใครได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการเสมอไปหรอกจ๊ะ ถ้าเราคิดแต่แข่งขันชิงดีชิงเด่น มันมีแต่ทำให้เราเครียดเปล่าๆ ถึงวันนี้อาจจะสมหวังก็ดีใจ วันข้างหน้า...ไม่วันใดก็วันนึงก็ต้องมีผิดหวังแล้วตามมาด้วยเสียใจ แล้วใครที่ทำให้ตัวเองเสียใจ ก็คือตัวเราเอง เพราะเราไปหวังไว้ ใคร หรืออะไรที่เราหวังแล้วไม่เป็นดั่งหวัง ตัวของตัวเองนั่นแหละที่เสียใจ เหมือนตัวเองจุดไฟเผาตัวเองให้ร้อนรุ่มเอง เขาไม่ได้มาร้อนรุ่มกลุ้มใจด้วยเลย

    พยายามคิดในแง่บวกไว้นะจ๊ะ ความคิดอิจฉาเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่จงพยายามลด ละ เลิก อย่าให้มันเผาใจตัวเองอยู่นานเลย ยกตัวอย่างเช่น เอาเฉพาะเรื่องเรียนก่อนนะจ๊ะว่า บางคนเรียนมาเยอะ แต่กลับได้เป็นลูกจ้างกินเงินเดือนของคนจบป.6ก็มี เพราะฉะนั้นการเรียนดี ได้เรียนโรงเรียนดีๆก็ใช่ว่าจะได้ดีเสมอไป เราต้องมีสติไตร่ตรองข้อดีข้อเสียแต่ละอย่าง ชั่งน้ำหนักพินิจพิเคราะห์ดู ฉลาดทางเรียนด้วยก็ต้องรู้จักฉลาดในการใช้ชีวิตด้วย จะได้ไม่ทุกข์มากนะจ๊ะ

    สุดท้ายก็ขอชมในการเรียนของน้อง เรียนเก่งมากจ๊ะ เรียนทางโลกก็ขอให้น้องอย่าลืมเรียนรู้และปฏิบัติธรรมให้เก่งด้วยนะจ๊ะ แล้วก็ขออวยพรให้น้องจงประสพความสำเร็จในชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรม แล้วก็ได้ช่วยเหลือแม่ทั้งทางโลกและทางธรรมด้วย เพราะทางธรรมสำคัญมาก...จะช่วยทุกคนได้แม้ในโลกนี้และโลกหน้าจ้า,,,,
     
  13. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    มองให้ลึกว่าโลกนี้มันก็แค่นี้ อยู่ก็ไม่ถึงร้อยปี เขาให้มาแค่ใช้กรรม จะเอาอะไรนักหนา ถ้าคิดได้เช่นนั้นก็หายอิจฉาไปเอง
     
  14. Followdream

    Followdream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +12,448
    ทุกข์สุขอยู่ที่ใจ..อย่าทำใจให้เป็นทุกข์ ดับที่เหตุแห่งทุกข์

    จงทำในสิ่งที่ดี..จงพอดีในสิ่งที่จำเป็น
    ..มิใช่ต้องการ..

    ขออนุโมทนากับทุกๆ ความคิดเห็นเป็นกำลังใจที่ดียิ่ง

    ปล. เป็นกำลังใจให้น้องด้วยอีก 1 แรงค่ะ ^^ ยิ้มมมมมมมม
     

แชร์หน้านี้

Loading...