วัตถุมงคล หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ( พระคำข้าวมหาลาภ,พระหางหมาก )

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ekarad, 21 มกราคม 2013.

  1. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    หลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง-วัดทุ่งปุย ที่ผมได้รู้จัก
    โดย คุณ Vision


    เรื่องของหลวงปู่ครูบาอินผมจะเล่าจากประสบการณ์ที่ได้สัมผัสกับท่าน ส่วนเกี่ยวกับประวัติท่าน ผมเห็นมีผู้เขียนไว้อยู่ค่อนข้างละเอียดอยู่แล้ว จึงขอข้ามไป

    ผมรู้จักหลวงปู่ครูบาอินจากคุณลุงหมอสมสุข ท่านได้เล่าว่าท่านรู้จักหลวงปู่ครูบาอินในงานบุญที่พระธาตุดอยน้อยซึ่งลุงหมอได้ตามหลวงปู่พรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า ในงานดังกล่าวลุงหมอบอกว่าเห็นหลวงปู่หล้า หลวงปู่พรหมจักร หลวงปู่ครูบาสุรินทร์ ท่านได้ทักทายหลวงปู่อิน

    คุณลุงหมอพอเห็นอินทรีย์หลวงปู่อิน ก็รู้ว่าได้พบพระอริยะอีกองค์แล้ว เลยเข้าไปกราบเรียนถามว่าท่านอยู่วัดไหนหลวงปู่บอกว่าท่านอยู่วัดฟ้าหลั่ง

    พอเสร็จงานคุณลุงหมอก็ได้ตามไปที่วัดทันที หลวงปู่ครูบาอินท่านมีความเมตตาต่อคุณลุงหมอมากๆ ท่านจะเรียกลุงหมอสมสุขว่า “เปิ้นสมสุข” คุณลุงได้เรียนรู้ธรรมะอันเป็นทางจริงแท้จากหลวงปู่ และคุณลุงหมอท่านได้สร้างเหรียญชื่อว่า “รุ่นเราสู้” ซึ่งหลวงปู่ครูบาอินเป็นผู้ตั้งชื่อและได้สร้างพระปิดตาผสมเกศาหลวงปู่ ถวายให้กับหลวงปู่ครูบาอินอีกด้วย

    ในปี ๒๕๓๖ คุณลุงหมอสมสุขได้นิมนต์หลวงปู่ครูบาอินมาในงานพุทธาภิเษกที่บ้านคุณลุงหมอ ร่วมกับพระอริยเจ้าหลายรูป เช่น หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า, หลวงปู่ศรีนวล วัดเกวียนหัก, หลวงปู่เจ๊ก วัดระนาม, หลวงปู่สุภา วัดเขารัง, หลวงปู่แก้ว วัดโคกโดน, หลวงปู่ร่วง วัดศาลาโพธิ์, หลวงปู่พุฒ วัดเขาไม้แดง และอีกหลายรูป คุณลุงหมอเล่าให้ฟังว่าหลวงปู่ครูบาท่านเก่งธาตุลม คือเวลาท่านนั่งปรก ผิวท่านจะออกสีเขียว

    ผมได้ไปกราบท่านในปี ๒๕๓๙ พอผมไปถึง ท่านก็ถามผมว่ามาจากไหน ผมบอกว่ามาจากกรุงเทพฯ และเป็นลูกศิษย์คุณหมอสมสุข หลวงปู่พูดว่า “โยมเปิ้นสมสุข คิดถึง” ผมก็บอกว่าคุณลุงหมอฝากความคิดถึงมาด้วยครับ หลวงปู่ก็ยิ้มและบอกผมว่าไม่เจอกันนานพอดู

    หลวงปู่ท่านเมตตามาก ถามผมว่าจะเอาอะไร ผมบอกว่าจะมาขอข้อธรรมมาใช้ในชีวิตประจำวัน หลวงปู่ได้เมตตาสอนผมว่าให้อยู่ในศีล ให้ทำกรรมดีและจะต้องเริ่มปฏิบัติ หลวงปู่บอกผมว่าสิ่งเดียวที่ผมจะเอาไปได้คือกุศลที่เราปฏิบัติตามแนวทางอนาปานสติ ซึ่งเป็นแนวทางอันจริงแท้ของพุทธเจ้าไม่มีทางอื่น ผมได้ถามหลวงปู่ว่าตอนนี้มีแนวทางในการปฎิบัติมากมายอันไหนใช่อันในไม่ใช่ หลวงปู่บอกว่าพวกนั้นไม่ใช่ทาง โยมหมอสมสุขได้สอนไว้แล้วไม่ใช่หรือ ผมก็ตอบว่า ใช่

    หลวงปู่บอกว่าเวลาเราละจากโลกเราจะไปสู่ที่เย็น ไม่ต้องไปที่ร้อน ใครทำใครก็จะได้ และบอกผมว่าจะต้องไปสอนลูกหลานให้เริ่มนะ

    หลวงปู่ได้เรียกผมเขาไปและได้เอาปากกาจุ่มน้ำมันหอมลงกระหม่อมให้ผม ผมได้ยินหลวงปู่สวดคาถาคือชินบัญชร พอลงเสร็จผมถามหลวงปู่ว่าหลวงปู่ลงอะไรให้ ท่านบอกว่าเป็นมงกุฎพระพุทธเจ้า ผมเห็นหลวงปู่เคี้ยวหมากก็เลยขอ หลวงปู่บอกว่ามันสกปรกนะ ผมบอกว่าอยากได้ ท่านก็หัวเราะและก็เคี้ยวอยู่สักพักก็ให้ผมยื่นมือมา ท่านก็คายให้ พอดีมีอาจารย์จากม.ช อยู่ด้วย อาจารย์จะมาทุกวัน ก็บอกผมว่าปกติท่านจะไม่ค่อยให้ใคร จะบ้วนลงกระโถน พวกญาติโยมจะมาเอาตอนท่านจำวัด อาจารย์ม.ชท่านเลยขอแบ่งผมไป ผมก็ไปลาหลวงปู่กลับกรุงเทพฯ

    ผมกลับมาก็มาเล่าให้คุณลุงหมอฟัง คุณลุงหมอบอกว่าที่หลวงปู่ลงกระหม่อมให้นะเป็นสิ่งที่ใช้ในการปฎิบัติเหมือนกับภาวนาครับ ให้ไปหมั่นทำแล้วจะเกิดสิ่งดีๆๆ

    ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๓๙ เพิ่งจะเริ่มเกิดวิกฤตเศรษฐกิจผมพาครอบครัวพี่สาวพี่เขยและหลานไปกราบหลวงปู่ที่วัด พี่สาวผมและพี่เขยเขาทำงานอยู่การบินไทย พวกแอร์และสจ๊วตเขานิยมไปซื้อบ้านและทำเป็นหมู่บ้านไว้ขาย ขณะพอดีเกิดปัญหาคือหมู่บ้านและที่ที่ไปซื้อเขามีปัญหา ไม่ทำต่อ พี่สาวผมหมดเงินไปร่วม ๒ ล้าน คือถูกโกง และยังมีปัญหาอีกคือเพื่อนได้ยืมเงินไปอีก ๕ แสนก็ไม่ยอมจ่ายคืน ผมจึงพาพี่มากราบหลวงปู่และได้เล่าให้หลวงปู่ฟัง

    หลวงปู่บอกกับพี่ผมว่า “เดี๋ยวมันก็มา ของของเรามันก็จะเป็นของเรา” พี่ผมและพี่เขยบอกว่าเสียดายและตอนนี้จะต้องใช้เงิน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรก็ได้แต่เล่าให้หลวงปู่ฟัง พี่ผมพอดีเตรียมผ้าไตรมาถวาย หลวงปู่ท่านก็รับและได้สวดมนต์ให้และยังลงกระหม่อมให้

    ระหว่างที่ลงพี่สาวและพี่เขย ในใจก็คิดขอให้หลวงปู่ช่วย ถ้าสำเร็จจะกลับมากราบหลวงปู่ พอลงเสร็จท่านก็พูดเป็นปริศนาไว้ว่า “เงินมันไปปิ๊ก” ผมและพี่สาวก็งง ภรรยาผมก็ถามหลวงปู่ว่าหมายถึงอะไร หลวงปู่ไม่ตอบท่านได้แจ่ยิ้มๆ

    ในวันนั้น ก่อนที่จะเข้าไปกราบหลวงปู่ผมได้ไปเช่าล็อกเกตพ่วงมากับตระกรุด ๖ ดอก ข้างหลังล็อกเก็ตเขียนว่า “ปลดหนี้” ก็นำมาให้หลวงปู่ประสิทธิ์ให้ หลวงปู่ก็ให้พรว่าขอให้มีโชคมีลาภ จากนั้นพวกผมก็ลากลับ

    หลังจากนั้นประมาณ ๗ วัน พี่สาวผมโทรมาบอกว่าเพื่อนนำเงิน ๕ แสนมาคืน พี่ผมเล่าให้ฟังว่า เพื่อนเขาบอกกับพี่สาวว่าอยู่ก็รู้สึกว่าจะต้องนำเงินที่ยืมจากพี่ผมไปเกือบ ๒ ปีมาคืน แล้วก็มาขอโทษพี่ผม

    และเรื่องที่น่าประหลาดคือบริษัทที่พี่สาวและพี่เขยไปซื้อที่ดิน ก็โทรมาบอกให้พี่ผมไปพบและบอกว่าจะคืนเงินทั้งหมดให้ภายใน ๓ เดือน

    พี่สาวบอกกับผมว่า วันพรุ่งนี้จะขึ้นไปกราบหลวงปู่ครูบาอินกะพี่เขย ตามที่ได้สัญญาไว้ พอไปถึงหลวงปู่จำผมได้ว่าผมเป็นลูกศิษย์อาหมอสมสุขก็ทักว่าสบายดีไหม พี่สาวผมและพี่เขยก็เข้าไปกราบ และเล่าให้หลวงปู่ฟังว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วมากราบหลวงปู่และขอพรในใจให้ช่วย ตอนนี้ได้ของคืนมาแล้ว หลวงปู่ก็ยิ้ม หลังจากนั้นพี่สาวก็ไปชวนพวกเพื่อนๆ การบินไทยไปกราบหลวงปู่เป็นจำนวนมาก และแม้หลวงปู่ย้ายไปวัดทุ่งปุย ก็ยังตามไปทำบุญกับหลวงปู่อยู่ไม่ได้ขาด

    ผมเองชอบซื้อยาคูลล์ไปถวายท่าน เพราะผมรู้จากเณรที่เฝ้าหลวงปู่อยู่ว่าหลวงปู่ชอบฉันยาคูลล์ และแตงโม ผมเลยจำไว้ เวลาผมไปเชียงใหม่ ทุกครั้งผมจะไปกราบหลวงปู่ครูบาอิน มีอยู่วันหนึ่งผมกับลูกน้องไปทำงานที่เชียงใหม่ ลูกน้องบอกว่าอยากจะไปไหว้พระ ผมก็เลยชวนไปกราบหลวงปู่ครูบาอิน ตอนนั้นเวลาประมาณ ๑๐ โมงเช้า ลูกน้องบอกว่าจะไปถวายเพลท่านด้วย แต่ผมบอกว่าอาจจะไปไม่ทันเพราะหลวงปู่จะพักผ่อนประมาณ ๑๑ โมง ผมเลยบอกว่าชื้อยาคูลล์ไปถวายดีกว่าเพราะหลวงปู่ชอบ และซื้อสังฆทานไปถวายท่านตอนบ่าย เพราะหลวงปู่จะพักผ่อนถึง ๔ โมง แต่ลูกน้องผมบอกว่า เขาอยากจะไปถวายเช้านี้ ให้เหยียบ ๑๖๐ เลย ผมก็บอกว่าลองดู วัดห่างจากตัวเมืองประมาณ ๔๐ กม. ผมบอกลูกน้องไปว่า ถ้าเราตั้งใจจริง ผมเชื่อว่าหลวงปู่จะต้องรอเรา

    พอผมไปถึงวัดเห็นกุฏิหลวงปู่ปิดและเณรบอกว่าหลวงปู่จำวัดแล้ว ผมก็เลยยกมือไหว้หลวงปู่หน้ากุฏิคิดในใจว่าผมตั้งใจเอายาคูลล์มาถวาย แต่มาไม่ทัน สักประมาณ ๓-๕ นาทีหลวงปู่ก็เปิดประตูและกวักมือเรียกผม ผมกับลูกน้องดีใจจนบอกไม่ถูกเข้าไปกราบเท้าหลวงปู่ครูบาอิน หลวงปู่ยังบอกว่าทำไมมาช้า ลูกน้องหันมามองผมอย่างงงๆ ว่าทำไมหลวงปู่ท่านถึงรู้ว่าเราจะมา

    ต่อไปจะพูดถึงตระกรุดกาสะท้อนจากประสบการณ์ที่ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่ครูบาอินท่านมอบให้ผมและเพื่อน

    ช่วงปี พ.ศ.๒๕๔๐ เป็นช่วงที่ทุกคนที่ทำงานต่างก็ประสบปัญหาจากวิกฤตต้มยำกุ้ง ผมและเพื่อนสนิทโดนเต็มๆ คือทุกคนในบริษัทต่างก็ใช้วิชามารเพื่อที่ตนเองจะได้อยู่ในบริษัทต่อไป ผมและเพื่อนโดนกลั่นแกล้งต่างๆ นาๆ ผมก็ไปหาคุณลุงหมอสมสุขท่านก็ให้ปัญญาและหลักคิดต่างๆ ทำให้ผมสามารถที่จะฟันฝ่าอุปสรรคมาได้

    ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เป็นญาติห่างๆ ของคุณลุงหมอ ค่อนข้างจะทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์วิกฤตนี้ ยังคิดยังกังวลใจอยู่มาก วันหนึ่งเขามาบอกกับผมว่าครูบาอาจารย์ทางเหนือจะทำตระกรุดอยู่ชนิดหนึ่งชื่อว่าตระกรุดกาสะท้อนเป็นตระกรุดที่อธิฐานและพกติดตัวถ้าคนคิดไม่ดีกับเรามันจะสะท้อนไปหาคนๆ นั้นเป็น ๑๐ เท่า เพื่อนผมฟังครั้งแรกก็งงๆ ก็เลยไปหาคุณลุงหมอสมสุขและถามท่าน ท่านบอกว่ามี แต่หาผู้ที่จะทำน้อยมาก หลวงปู่เราก็ละสังขารไปหมดแล้ว เพื่อนผมเลยถามว่าหลวงปู่ครูบาอินท่านทำได้ไหม คุณลุงหมอบอกว่าเออลืมไปเลย ท่านบอกว่าหลวงปู่ทำได้ แต่คุณลุงหมอบอกว่าให้ใช้ความดีงามและคุณธรรมของพุทธองค์สู้คนพาลดีกว่า คุณลุงหมอยังถามผมกลับมาอีกด้วย ว่าผมทำได้แล้วไม่ใช่หรือ ผมบอกว่าครับ แต่เพื่อนผมยังทำไม่ได้ เลยคิดจะไปขอตะกรุดกาสะท้อนจากหลวงปู่ครูบาอิน มาใช้ป้องกันคนคิดร้ายดีกว่า

    คุณลุงหมอท่านยังเตือนพวกเรามาด้วยว่า ตระกรุดกาสะท้อนถ้าใช่ในทางที่ดีก็จะดีแต่บางคนใช้ไปแกล้งคนอื่นเขามันจะบาป เรานั่งคุยกันสักพักก็ลากลับ ก่อนแยกกับเพื่อน เพื่อนผมถามว่า ผมมีทริปไปเชียงใหม่หรือเปล่า ถ้ามีเมื่อไหร่เขาจะตามไปด้วย ซึ่งก็หลังจากนั้นไม่นาน ผมและเพื่อนก็ได้ขึ้นไปเชียงใหม่สมความตั้งใจ

    เพื่อนเขาเตรียมแผ่นเงินไป ๔ แผ่น กะจะทำตระกรุด ๔ ดอก พอไปถึงก็ไปขอกับหลวงปู่ ท่านเหมือนรู้ท่านถามว่า จะเอาไปทำอะไร เพื่อนผมบอกว่าโดนคนเขาแกล้งจะให้ออกจากงาน กลัวตกงาน เลยมาขอหลวงปู่ทำตะกรุดให้

    หลวงปู่สอนเพื่อนผมเหมือนกับที่คุณลุงหมอสอนเลยว่า จะสู้กับคนพาลจะต้องเอาความดีงามและธรรมของพุทธองค์สู้ผมฟังถึงกับอึ้ง แต่เพื่อนผมก็เพียรขอหลวงปู่ลงตะกรุดให้จนได้ หลวงปู่อนุญาติให้ทำแค่สองดอกและให้มารับอีกเดือนหนึ่ง พอถึงเวลาผมไปแทนเพื่อนท่านก็เมตตามอบให้และยังกำชับผมให้บอกเพื่อนว่าให้ใช้ในทางที่ถูกและไม่ให้แขวนต่ำกว่าเอว ผมรับปากกับหลวงปู่แล้วก็กลับ

    พอกลับมาถึงกรุงเทพ ผมก็เอาตะกรุดมาให้เพื่อน โดยแบ่งกันคนละดอก ผมเอามาก็ไม่ได้แขวน แต่เพื่อนผมเขาแขวนแล้วก็อธิฐานว่าเขาไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนและไม่เคยกลั่นแกล้งใครขอให้คุณงามความดีที่เขาทำช่วยปกป้องเขาจากคนที่คิดไม่ดีกับเขาด้วยเถิด

    เพื่อนๆ ครับมันเหลือเชื่อจริงๆ เจ้านายที่คิดจะเอาเขาออกอยู่ๆ เป็นโรคประหลาดต้องพักรักษาตัวจนต้องออกจากงาน แต่เพื่อนผมอยู่รอดปลอดภัยในที่ทำงานไม่โดนใครบีบอีก ตอนหลังเพื่อนมันมาขอตะกรุดที่แบ่งกันกับผมคนละดอก ผมก็ให้มันไป ตอนนี้ก็เลยไม่มีตะกรุดของท่านแล้ว

    ตอนที่หลวงปู่ย้ายมาวัดทุ่งปุยใหม่ๆ ผมได้จัดผ้าป่ากองเล็กๆ โดยรวบรวมเงินมาจากเพื่อน และพวกญาติพี่น้อง ได้ประมาณสามหมื่นกว่าบาท ก็เลยขับรถไปกับเพื่อนสามคน พอไปถึงวัดผมเห็นรถทัวร์มาจากอีสานสองสามคัน ก็เลยถามชาวบ้านว่าที่วัดมีงานอะไร เขาบอกว่าญาตโยมเขาจัดผ้าป่ามา คนเต็มศาลาเลย ผมกับเพื่อนก็บอกว่าไว้พรุ่งนี้มาถวายดีกว่า แต่เพื่อนอีกสองคนบอกว่ามาแล้วต้องทำเลย แต่ผมก็ยังกังวลอยู่ว่าจะเข้าไปยังไง เพราะคนอยู่กันเต็มแน่นไปหมด เพื่อนผมพูดติดตลกว่า เราขับรถมาทั้งคืน มาถึงเช้ายังไงเราจะต้องตีตั๋วด่วนก่อน ผมก็สงสัยถามไปว่า เอ็งจะทำยังไงวะที่จะให้หลวงปู่รู้ว่าเรามา เพื่อนก็บอกว่าไม่ยากว่ะ เรามาตั้งจิตพร้อมกันทั้งสี่คนว่าเรามาแล้วขอให้หลวงปู่รู้และให้เราร่วมบุญกับญาติโยมที่เขามาจากอีสานด้วยเถอะ ผมก็บอกว่าเอาไงเอากัน

    พอตกลงกันอย่างนั้นแล้ว พวกเราก็ยืนอยู่หน้าศาลาและก็อธิษฐาน ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงพระนำสวดกำลังถวายผ้าป่าแล้วปาฎิหาริย์ก็เกิดครับ มันเหลือที่จะเชื่อแต่มันเป็นเรื่องจริงที่ผมและเพื่อนได้สัมผัสด้วยตัวเอง

    จู่ๆ เสียงพระก็หยุดและมีชาวบ้านสองสามคนเดินลงมาจากศาลาและมาถามว่ามีใครที่ไม่ได้มากับขณะอีสานหรือเปล่า พวกผมยืนกันสี่คนก็บอกว่าพวกผมครับ ชาวบ้านดูเหมือนคนในละแวกนั้นก็บอกว่าหลวงปู่ให้มาตาม พวกผมงงเป็นไก่ตาแตกเลย ผมนี้ขนลุกซู่ เดินตามชาวบ้านขึ้นบนศาลา พอหลวงปู่เห็นพวกผมทั้งสี่ก็บอกว่า มามาร่วมบุญกัน ผมก้มลงไปกราบเท้าหลวงปู่และบอกกับหลวงปู่ว่าถ้าหากผมและเพื่อนได้ล่วงเกินหลวงปู่ด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ขอให้หลวงปู่อโหสิกรรมให้ด้วย หลวงปู่ครูบาอินท่านก็ยิ้ม

    หลังจากเสร็จพีธี หลวงปู่ก็ปลุกเสกพระปิดตาที่ทางคณะนำมาถวายและก็แจกกับญาติโยม ผมคลานเข้าไปรับ หลวงปู่หยิบให้ผมเกือบสิบองค์และบอกว่าอย่างนี้ดีกว่าในตู้

    ผมเคยถามคุณลุงหมอสมสุขว่าหลวงปู่ครูบาอินท่านชำนาญธาตุอะไร เวลาหลวงปู่ลงธาตุในวัตถุมงคล คุณลุงหมอบอกว่าครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติทางสายอนาปนาทุกรูปจะสำเร็จธาตุทุกองค์ คือธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ แต่หลวงปู่ครูบาอินท่านถนัดทางธาตุลม ผมก็ถามว่าคุณลุงหมอรู้ได้อย่างไรคุณลุงหมอบอกว่าตอนปี พ.ศ.๒๕๓๖ ที่ทำพิธีที่บ้านคุณลุงหมอ ท่านบอกว่าน่าตื่นเต้นมากเพราะพระอริยเจ้าที่นิมนต์มา ท่านได้ปลุกเสกธาตุให้ดู แต่ต้องใช้ตาในดูและสังเกตอินทรีย์ของแต่ละรูปหลวงปู่ครูบาอินท่านขึ้นธาตุลม อินทรีย์ของหลวงปู่จะมีสีเขียว หลวงปู่สุภาขึ้นธาตุดิน หลวงปู่พุฒขึ้นธาตุไฟ หลวงปู่เจ็กขึ้นธาตุน้ำสลับกันไปมา ลุงหมอและขณะศิษย์รัศมีพรหมได้ถ่ายรูปหลวงปู่แต่ละท่าน จะติดลำแสงอนาปาทุกรูป ถ้ามีโอกาสผมจะขอรูปจากลูกลุงหมอมาลงให้ดูนะครับ
    (เหรียญรุ่นเราสู้ ก็นำเข้าพิธีนี้เช่นกันครับ - ธีระยุทธ)

    หลังจากคุณลุงหมอบอกผม ผมก็สังเกตว่าทุกครั้งที่ไปหาหลวงปู่ครูบาอิน เวลาที่หลวงปู่ลงกระหม่อมหรือเสกวัตถุมงคลให้ อินทรีย์ของหลวงปู่จะออกเขียว ครั้งหนึ่งหลวงปู่ถามผมว่าดูอะไร ผมบอกว่าอยากจะดูรังสีอนาปนา หลวงปู่ก็ยิ้ม

    ผมอยากจะแนะนำเพื่อนๆ ไปลองหาล็อกเกตที่วัดฟ้าหลั่ง รุ่นปลดหนี้ และรุ่นโชคดี รุ่นนี้ใช้ดีมากๆ เกี่ยวกับโชคลาภ อย่างที่เล่าให้ฟังข้างต้น ข้างในล็อกเกตบรรจุเกศาของหลวงปู่ไว้มาก และอีกรุ่นหนึ่งก็คือรูปหล่อลอยองค์เหมือนหลวงปู่ครูบาอินมากๆ ครับ

    ตอนที่หลวงปู่ยังอยู่ผมเคยสอบถามหลวงปู่ว่าจำเป็นหรือเปล่าที่เราจะต้องไปไหว้พระธาตุปีเกิด หลวงปู่บอกว่ามันเป็นประเพณีของทางเหนือที่ทำกันมานานชาวเหนือเชื่อว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องทำ ท่านพูดว่า “เปิ้ลต้องไปไหว้ขวัญของตัวเปิ้ลเองทำแล้วมันดี” ผมก็เลยไปไหว้แทบทุกปี ผมกับภรรยาปีฉลูต้องไปไหว้พระธาตุลำปางหลวง ส่วนลูกสาวปีระกาต้องไหว้ พระธาตุหริภุญไชย ลูกชายปีกุนก็ไปไหว้พระธาตุดอยตุง ผมและครอบครัวก็มีแต่ความสุข เวลามีปัญหาอุปสรรคก็สามารถผ่านพ้นได้ด้วยดี และทุกครั้งที่ไปไหว้พระธาตุประจำปีเกิดก็จะมาบอกปู่ครูบาอิน ท่านก็มักจะบอกว่าเปิ้ลทำดีแล้ว

    มีอีกสองสามเรื่องที่จะแนะนำคือที่พระธาตุดอยตุงจะมีพระธาตุอีกองค์ที่หลวงปู่ครูบาชุ่ม วัดวังมุ่ยท่านได้ไปบูรณะไว้ พระธาตุนี้มีความเก่าแก่พอๆ กับพระธาตุดอยตุงครับและศักดิ์สิทธิ์มาก อย่างที่สองที่พระธาตุลำปางหลวงด้านหลังองค์พระธาตุจะมีพระปางนาคปรกศักดิ์สิทธิ์มากเช่นกัน และสำหรับท่านที่ได้มาเชียงใหม่อย่าลืมไปกราบพระเจ้าล้านตอง ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ก็ต้องลองไปอธิษฐานดู จำได้ว่าข้างๆ จะมีพระพุทธเจ้าทันใจอยากให้ไปไหว้กันนะครับ

    ในส่วนของวัตถุมงคล คุณลุงหมอท่านจะทำวัตถุมงคลเป็นที่ระลึกแด่หลวงปู่ครูอาจาย์ที่ท่านกราบขอหลักธรรมในการปฏิบัติอนาปา แล้วถวายให้กับวัด ส่วนหนึ่งก็แจกกันในกลุ่มลูกศิษย์รัศมีฯ เหรียญหลวงปู่ครูบาอินรุ่นนั้นจะเป็นเหรียญกลีบบัว ซึ่งหลวงปู่ตั้งชื่อว่า “รุ่นเราสู้” และยังมีพระปิดตาผสมเกศาของหลวงปู่อินด้วย พระชุดนี้มีเป็นแบบองค์เดี่ยวๆ และเป็นชุดอยู่ในกล่อง ด้านหน้ากล่องเขียนว่า คณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก ถวายหลวงปู่ครูบาอิน อินโท

    ผมไปกราบหลวงปู่ตอนที่อยู่วัดฟ้าหลั่ง จำได้ว่าที่วัดก็มีตู้วัตถุมงคล ผมเห็นรูปหล่อของหลวงปู่ที่เหมือนหลวงปู่มากก็เลยเช่ามา ๔ องค์และเห็นพระปิดตาเลยหยิบขึ้นมาดู เป็นรุ่นที่คุณลุงหมอสมสุขสร้างเลยเช่ามา ๕ องค์ผมนำมาให้หลวงปู่เสกอีกครั้งหลวงปู่เสกเกือบ ๑๐ นาทีแล้วบอกว่าดี ให้เอาไปใส่นะ ผมอยากจะแนะนำไปที่วัดฟ้าหลั่งไปเช่ารูปเหมือนของหลวงปู่ที่เหมือนท่านมาก ยังเหลืออยู่และพระปิดตาผสมเกศายังพอมี

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมเปิดดูรูปหลวงปู่ม่วง วัดยางงาม และมาดูรูปหลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง ก็มาสังเกตุว่า หลวงปู่ทั้งสองเวลาท่านเฉยเฉยน่าตาท่านดูดุมาก แต่เวลาท่านทั้งสองยิ้มดูน่ารักมีเมตตามาก สิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาจากคุณลุงหมอสมสุข คงอุไร โดยได้มาเพียงบางส่วนซึ่งคุณลุงหมอแนะนำวิธีดูอินทรีย์ของพระอริยะเจ้า ซึ่งผมได้ตามรอยคุณลุงหมอ ไปตระเวณไหว้พระอริยะเจ้าตามที่คุณลุงหมอแนะนำเช่น หลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง หลวงปู่จ่าง วัดเขื่อนเพชร หลวงปู่ม่วง วัดยางงาม หลวงปู่พูล วัดไผ่ล้อม หลวงปู่สง่า วัดหนองม่วง หลวงปู่ครูบาบุญปั๋น วัดร้องขุ้ม หลวงปู่ไสว วัดปรีดาราม หลวงปู่นนท์ วัดเหนือวน หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม หลวงปู่ทอง วัดป่ากอ หลวงปู่แดง วัดโคกทราย หลวงพ่อคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน หลวงปู่สุภาและอีกหลายรูป ไปกราบแต่ละที่ก็ได้ขออนุญาตครูบาอาจารย์ท่านถ่ายรูปหลวงปู่ หลวงพ่อท่านไว้ เมื่อนำกลับมาพิจารณาดู ก็สามารถเห็นด้วยตาเนื้อตามที่คุณลุงหมอสมสุขบอก คือ ดวงตาของหลวงปู่ทุกองค์จะมีวงแหวนสีฟ้าล้อมรอบดวงตา สีฟ้านี้ถ้าดูให้ดีจะต่างกับผู้สูงอายุเนื่องจากผู้สูงอายุจะมีสีฟ้าเนื่องจากเป็นพวกต้อครับ อีกอย่างลักษณะดวงตาเวลาท่านมองเราจะมองช้อนขึ้น ลองดูรูปหลวงปู่ม่วงและหลวงปู่ครูบาอินดีๆ ก็จะเห็นครับ

    อีกสิ่งก็คือผิวพรรณของหลวงปู่ทั้งสองจะมีสีชมพู หลวงปู่บางรูปผิวดำแต่จะมีลักษณะเหมือนสีนำตาลเนย หลวงปู่ที่ผมกล่าวมาข้างต้นบางรูปท่านได้ละสังขารไปแล้วแต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือสังขารของท่านจะไม่เน่าเปื่อยและผิวของหลวงปู่ทุกรูปจะมีผิวเนื้อและดวงตายังคงเดิมไม่ยุบ ท่านที่ได้ไปกราบครูบาอาจารย์ลองสังเกตดูนะครับ

    ที่กล่าวมาข้างตนเป็นส่วนน้อยที่คุณลุงหมอได้เมตตาสอน ยังมีอีกหลายอย่างครับมันแล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคล คุณลุงหมอจะบอกเสมอว่าจะต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองและจะต้องมีเหตุมีผลตามหลักของพุทธศาสนาครับ

    ที่มา:
    “หลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง วัดทุ่งปุย ที่ผมได้รู้จัก”
    http://www.suankhlang.com/ipb//index.php?showtopic=315
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มีนาคม 2013
  2. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    ศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก​


    ครูบาอาจารย์เป็นใคร?แล้วฝึกปฎิบัติธรรมกันอย่างไร?

    คณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก เริ่มก่อตั้งโดยอาจารย์หมอสมสุข คงอุไร เมื่อ

    พ.ศ.2515ตอนนั้นยังใช้ชื่อคณะศิษย์รัศมีพรหม โดยตั้งตามคำพูดของหลวงพ่อพรหม ถาวโร

    วัดช่องแค จ.นครสวรรค์ หลังจากที่ปลุกเสกพระสมเด็จรุ่น ปืนแตก พ.ศ.2515 เมื่อปลุกเสก

    เสร็จท่านว่าพระรุ่นนี้มีรัศมีสว่างไสวเหมือนรัศมีของพรหม สว่างออกไปข้างละ 9 วา ดังนั้น

    อาจารย์หมอสมสุข คงอุไร จึงนำคำว่า รัศมีพรหมมาตั้งเป็นชื่อคณะ เมื่อหลวงพ่อพรหม

    มรณภาพลงในปี 2518 อาจารย์หมอสมสุข คงอุไร ได้เจออาจารย์องค์ที่ 2 คือครูบาชุ่ม

    โพธิโก วัดวังมุย จ.ลำพูน ท่านจึงนำฉายาโพธิโก มาต่อท้ายคำว่า รัศมีพรหม จึงกลายมาเป็น

    “คณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก” ครูบาอาจารย์ของคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโกที่ถ่ายทอดหลักการ

    ปฎิบัติอานาปานสติอันสัมปะยุตต์ด้วยสมาธิ,ฌาน,อรูปฌาน,และวิปัสสนาญาณ ให้แก่คณะ

    ศิษย์ฯ มีดังนี้

    1.หลวงพ่อพรหม ถาวโร วัดช่องแค จ.นครสวรรค์

    2.ครูบาชุ่มโพธิโก วัดวังมุย จ.ลำพูน

    3.ครูบาอินทรจักร อินทจักรโก วัดน้ำบ่อหลวง จ.เชียงใหม่

    4.ครูบาพรหมา พรหมจักรโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.ลำพูน

    5.ครูบาขันแก้ว อุตตโม วัดสันพระเจ้าแดง จ.ลำพูน

    ตามที่สอบถามหมอสมสุข ไว้ว่าแต่ละองค์สอนการปฎิบัติให้แค่ไหน ท่านกล่าวว่า

    หลวงพ่อพรหม สอนถึงรูปฌาน 4 ก็มรณภาพ โดยครั้งแรก พ.ศ.2514 ที่ท่านรับอาหมอสมสุข

    เป็นศิษย์ ท่านบอกว่า ”สมบัติอยู่ในท้องเอ็งไปหาเอา เอ็งไปถีบลมให้ขาด” ซึ่งการถ่ายทอด

    ทั้งหลักธรรม และบอกเล่าประวัติของท่านนั้น เวลากลางวันห้ามถาม พูดคุยเรื่องนี้ตอนกลางคืน

    เวลาเที่ยงคืนท่านจะจุดตะเกียงน้ำมันก๊าดบนหัวนอน เป็นสัญญาณให้เข้าไปถามเรื่องราวต่างๆ

    ได้ทั้งประวัติท่านและหลักการปฎิบัติอานาปาฯ(หลวงพ่อพรหม เรียกพุทธคุณ)

    ครูบาชุ่ม สอนถึงอรูปฌาน3 ก็มรณภาพ เพราะอาหมอสมสุข ได้เจอท่านตั้งแต่

    ปี 2518 จนถึง 2519 เดือนกันยายน ท่านก็มรณภาพ เป็นระยะเวลา 11 เดือนเท่านั้น แต่

    การเป็นศิษย์ระหว่างครูบาชุ่มและอาหมอ นับว่าแปลกมาก กล่าวคือ ตั้งแต่หลวงพ่อพรหม

    มรณภาพ อาหมอสมสุขก็ตระเวนไปหาครูบาอาจารย์ตามที่ต่างๆซึ่งในขณะนั้น พ.ศ.2518

    มีมากมาย ทั้งอีสาน,ตะวันออก,ตะวันตก ไปหมดแต่ไม่มีองค์ไหนที่อาหมอสมสุขถามหลัก

    ปฎิบัติตามที่ หลวงพ่อพรหมสั้งสอนแล้วตอบอธิบายได้เลย เป็นเวลา 6 เดือนจึงมีลูกศิษย์

    ในคณะมาบอกว่า หลวงพ่อพรหมมาเข้าฝันบอกให้ไปบอกอาหมอสมสุขไม่ต้องไปหาพระ

    องค์ไหนแล้ว ให้เอาเหรียญพระเครื่องที่สะสมไว้มาดูหลังเหรียญ เหรียญไหนมียันต์อิติปิโส

    แปดทิศ ให้ไปหาองค์นั้น ดังนั้น ในเดือนสิงหาคม 2518 อาหมอสมสุขจึงขึ้นไปพบครูบาชุ่ม

    ที่ วัดวังมุย เนื่องจากเหรียญวัตถุมงคลของท่านด้านหลังเป็นยันต์อิติปิโสแปดทิศ เมื่อเข้า

    ไปหาท่าน ท่านถามว่ามีธุระอะไรที่มาหา อาหมอสมสุขตอบว่าพระอาจารย์ผมที่สอนสมาธิ

    ให้ท่านมรณภาพ ผมกำลังหาคนสอนต่อ แต่หาไม่ได้ ไม่มีใครรู้แนวปฎิบัตินี้เลย ครูบาชุ่ม

    ท่านจึงพูดว่า อ๋อโยมนี่เองหรือ เมื่อคืนนี้มีพระรูปหนึ่ง แล้วท่านก์บอกลักษณะของหลวงพ่อ

    พรหมถูกทุกอย่างออกมา มาหาอาตมาบอกว่าวันพรุ่งนี้จะมีลูกศิษย์ผมมาหาให้ท่านช่วยรับ

    เป็นลูกศิษย์ถ่ายทอด หลักปฎิบัติอานาปานสติฯให้ด้วย ซึ่งอาตมาก็รับปาก ดังนั้น เมื่อเป็น

    โยมหมออาตมาก็ยินดีรับโยมหมอเป็นลูกศิษย์ และท่านก็สอนการปฎัติสมาธิตามหลักอานา

    ปาฯ ให้จนมรณภาพลง และท่านยังแนะนำให้ไปหาครูบาสองพี่น้อง คือ ครูบาอินทรจักรและ

    ครูบาพรหมจักร ซึ่งท่านบอกว่าเป็นพระที่ดีน่ากราบไหว้บูชา ทั้ง 2 องค์ ก็รับอาหมอสมสุข

    และคณะศิษย์รัศมีฯเป็นลูกศิษย์

    ครูบาขันแก้วและครูบาพรหมจักร ทั้งสององค์ ก็ถ่ายทอดหลักปฎิบัติต่อมาให้แก่

    อาหมอสมสุขจนถึงดวงตาเห็นธรรม รวมทั้งลูกศิษย์ในคณะก็ปฎิบัติจนได้ดวงตาเห็นธรรมกัน

    หลายคนในช่วงขณะปี พ.ศ.2523 ครูบาพรหมจักรท่านได้กล่าวเตือนไว้ว่า โยมหมอให้บอกลูก

    ศิษย์ในคณะศิษย์ฯไว้นะ “ให้ระวังความรู้ท่วมหัวจะเอาตัวไม่รอด”ซึ่งก็จริงของท่าน ศิษย์ในคณะ

    หลายคนได้มีการกระทำที่ผิดต่อครูบาอาจารย์และแพ้จิตใจตนเอง ซึ่งมีผลทำให้คุณธรรมที่ได้

    เสื่อมลง(คุณธรรมของพระโสดา,สกิทาคา,อนาคา เป็นกุปธรรม ยังกลับกรอกเสื่อมถอยได้ ส่วน

    พระอรหันต์เป็นอกุปธรรมไม่มีการเสื่อมถอยแล้ว)ซึ่งการได้ “ดวงตาเห็นธรรม” นี้บรรลุเป็นพระ

    อริยบุคคลขั้นแรก คือ พระโสดาบันซึ่งไม่ได้มีฤทธิ์มีเดช เหาะเหินเดินอากาศได้แต่อย่างใด แต่

    มีคุณธรรมอันวิเศษเกิดขึ้นในจิตใจเท่านั้น เมื่อมีจิตใจที่ตกต่ำจากคุณธรรมวิเศษนั้นก็ทำให้คุณ

    ธรรมนั้นเสื่อมจากจิตใจได้ดังนั้นบุคคลเมื่อได้ดวงตาเห็นธรรมแล้วควรจะ”เดาะวิปัสสนาญาณ”

    ให้แก่กล้า เพื่อทำให้อินทรีย์แก่กล้า จะได้ละตัดสังโยชน์และ อนุสัยที่หลงเหลือให้หมดสิ้นไป

    ดังนั้น ครูบาพรหมจักรท่านจึงให้ปริศนาธรรม ไว้สำหรับศิษย์ผู้ได้ “ ดวงตาเห็นธรรม ” แล้วว่า

    “ ผู้ใดตามดูจิตโดยความเป็นธรรม ผู้นั้นจะพ้นจากบ่วงของมาร “ ครูบาอาจารย์ทั้ง 5 องค์ของ

    คณะศิษย์รัศมีฯ ได้สั่งสอนหลักปฎิบัติอานาปาฯ ทั้งสมถกัมมฐานและวิปัสสนากัมมฐานทั้ง 2 อย่าง ซึ่งมีการถกเถียงกันมากมายว่าสมถะฯ เป็นโลกียะ ไม่ต้องปฎิบัติให้ปฎิบัติวิปัสสนาฯ เลยเพราะเป็นโลกุตตระ แต่พระอาจารย์ของคณะศิษย์ฯ ได้อธิบายไว้ว่า สมถะฯ และวิปัสสนาฯ เป๊นธรรมที่เกื้อกูลกัน เพราะถ้าไม่ปฎิบัติสมถะฯ ก็ไม่สามารถเข้าสู่วิปัสสนาฯ ได้ เพราะการจะเข้าสู่วิปัสสนาญาณได้นั้น ต้องเปลี่ยนบาทของสมถะฯ ในอรูฌาน 3 เพื่อจะยกเข้าสู่วิปัสสนาญาณฯ (เพื่อทำจิตให้ปราโมทยิ่ง,ทำจิตให้ตั่งมั่น ทำจิตให้ปล่อยว่าง)

    บางคนบอกว่า สมถะฯ เป็นพวกฝึกฌาน ซึ่งทำให้เกิดฤทธิ์ (สมถะฯประกอบด้วย ฌาน 4 และอรูปฌาน 4 ) ซึ่งจะขอถามผู้รู้ว่าการฝึกฌานมันเกิดฤทธิ์ตรงไหน

    ฌาน 4 เป็นธรรมที่แผดเผากิเลสอย่างหยาบ (ผลคือค่อยๆละการยึดติดในรูป เช่น การชอบรถยี่ห้อนี้ สีนี้ ,ชอบสร้อยทองเส้นนี้ ฯลฯ แต่เป็นการละอย่างช้าๆ แบบไม่รู้ตัว)

    อรูปฌาน 4 เป็นธรรมที่แผดเผากิเลสอย่างละเอียด (คือการละเกี่ยวกับนาม เช่น ชื่อเสียง , เกียรติยศ ,การชมเชย , สรรเสริญ เยินยอ เป็นต้น)

    ที่ถามว่าฌานมีฤทิ์ตรงไหนกล่าวคือ

    ฌาน 4 ประกอบด้วย

    วิตก-การยกอารมณ์ขึ้นสู่จิต

    วิจาร-การประคองอารมณ์นั้นไว้

    ปิต-ผรณาปิติ ความอิ่มเอิบ ซาบซ่านใจในการสามารถยกวิตก , วิจารขึ้นมาได้

    สุข-สุขที่เกิดจากการหน่ายปิตินั้น

    อุเบกขาเอกัตคตา-ความเป็นอารมณ์เดียวแห่งจิตหลังจากละสุขได้

    ขอถามว่า อารมณ์แห่งฌาน 4 อันประกอบด้วย วิตก , วิจาร, ปิติ , สุข , อุเบกขาเอกัตคตารมณ์ นั้นทำให้มีฤทธิ์ตรงไหน

    อรูปณาน 4 ประกอบด้วย

    1.อากาสานัญจายตนฌาน-เอาอากาศเป็นอารมณ์จึงจะก้าวล่วงรูปสัญญาทั้งปวงได้ และดับปฏิฆสัญญา , นานัตตสัญญาได้

    2.วิญญาณัญจายฌาน-การกำหนดธาตุรู้ทางใจ (มโนธาตุ)

    3.อากิญญาณัญจายฌาน-การพิจารณาว่าไม่มีอะไรในอารมณ์ (ความว่าง)

    4.เนวสัญญายตนฌาน-การพิจารณาว่ามีสัญญก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่

    ดังนั้น อารมณ์ของจิตในอรูปฌาน 4ทำให้เกิดฤทธิ์ตรงไหน ครูบาอารย์ทั้ง 5 องค์ของคณะศิษย์ฯ จึงสอนวิธีปฎิบัติมาอย่างนี้ ซึ่งให้ปฎิบัติทั้ง สมถะฯ และวิปัสสนาฯเพราะธรรมทั้งสองอาศัยซึ่งกันและกัน

    หลังจากครูบาอาจารย์ทั้ง 5 นี้แล้วทาง อาหมอสมสุข ได้นำคณะศิษย์ฯ ไปกราบไหว้ครูบาอาจารย์อีกหลายองค์และมีหลายองค์และมีหลายภาคของไทย เช่น

    ภาคเหนือ-ครูบาหล้า วัดป่าตึง จ.เชยงใหม่ ,ครูบาสุรินโท วัดศรีเตี้ย จ.ลำพูน ,ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง จ.เชียงใหม่ ,ครูบาน้อย วัดบ้านปง จ.เชียงใหม่ ,ครูบาธรรมธิ วัดสันป่าตึง จ.เชียงใหม่ ฯลฯ

    ภาคกลาง-หลวงปู่เจ๊ก วัดระนาม ,หลวงปู่ผิว วัดสง่างาม จ.ปราจีนบุรี ,หลวงปู่แช่ม วัดดอนยามหอม ,หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ,หลวงปู่ทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง หลวงปู่แก้ว วัดช่องลม ฯลฯ

    ภาคตะวันออก-ท่านพ่อคร่ำ วัดวังหว้า จ.ระยอง ,ท่านพ่อสีนวล วัดเกวียนหัก จ.จันทบุรี ,หลวงปู่ชม วัดโป่ง จ.ชลบุรี หลวงเตี่ย วัดประชุมคงคา หลวงปู่พุฒ วัดเขาไม้แดง ฯลฯ

    ภาคตะวันตก-หลวงปู่หนู วัดทุ่งแหลม หลวงปู่ชอบ วัดเขารังเสือ หลวงปู่จ่าง วัดเขื่อนเพชร ฯลฯ

    ภาคใต้-พ่อท่านแก้ว วัดโคกโคน จ.พัทลุง ,พ่อท่านฤทธี วัดบ้านสวน ,พ่อทานแดง วัดศรีมหาโพธิ์ ,พ่อท่านปลอด วัดหัวป่า , พ่อท่านแดง วัดขุนทอง ,พ่อท่านเนียน วัดต้นเลียบ ,หลวงปู่สุภา วัดเขารัง จ.ภูเก็ต พ่อหลวงคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน หลวงปู่กล่ำ วัดศาลาบางปูน หลวงปู่เล็ก วัดประดูเรียง เป็นต้น

    ซึ่งครูบาอาจารย์แต่ละองค์กล่าวรับรองยืนยันกับทางคณะศิษย์รัศมีฯ ว่าการปฏิบัติอานาปานสติฯ อนสัมประยุตต์ ด้วยสมาธิ ,ฌาน ,อรูปฌาน ,วิปัสสนาญาณนี้ ที่พวกลูกศิษย์ทั้งหลาย ได้รับการสั่งสอนจากอาหมอสมสุข มานี้ถูกต้องแล้ว เป็นการปฎิบัติที่ตรงที่สุด ไม่มีทางลัดกว่านี้แล้ว พระพุทธเจ้าท่านได้วางไว้เป็นขั้นเป็นตอน พวกเราจะเข้ามรรคผลนิพพานได้ ก็ต้องเดินตามที่พระพุทธองค์ได้วางไว้แล้วเท่านั้น ไม่มีทางอื่น

    ทางอาจารย์หมอสมสุขได้กล่าวไว้ว่า “การให้ธรรมทาน (การสอนการปฎิบัติธรรม) ถ้าผู้ให้รู้จริงก็ถึงมรรคผลนิพพาน” “แต่ถ้าให้ผู้รู่ไม่จริง ก็ถึงนรกมหาอเวจีได้ง่ายๆ เหมือนกัน”

    และ หลวงพ่อพรหม ถาโร ท่านได้กล่าวกับอาจารย์หมอสมสุขไว้ว่า

    1. คนที่จะมาปฎิบัติกับเอ็ง เขาเหมือนกับน้ำเต็มแก้วมา เอ็งต้องให้เขาริมน้ำในแก้วทิ้งให้หมด แล้วเอ็งค่อยเติมน้ำใส่แก้วให้เขา ถ้าเขายังมีน้ำเต็มแก้วอยู่ เอ็งขืนริมน้ำของเอ็งเติมให้เขา น้ำในแก้วเขาล้นหมด = (คนที่มาเรียนปฎิบัติธรรมต้องลบความทรงจำเกี่ยวกับความรู้ในการปฏิบัติเก่า ๆ ที่เคยเรียนมาทิ้งให้หมดก่อน)
    2. เอ็งบอกเขาว่าสมาธิอันแท้จริงหลับตามีอยู่ลืมตาสมาธินั้นก็ต้องยังอยู่ แต่ถ้าหลับตาเอ็งมองเห็นลืมตาแล้วหายหมดอันนั้นเป็นสมาธิของปลอม = (สมาธิต้องทำได้ทั้งหลับตาและลืมตา)

    การปฎิบัติอานาปาสติฯ ความที่ครูบาอาจารย์ทั้ง 5 องค์ ของคณะศิษย์ฯ ได้ถ่ายทอดมาให้นี้

    ตรงนี้อาจสรุปได้ว่า การปฎิบัติอานาปาสติฯ ตามที่ครูบาอาจารย์ทั้ง 5 องค์ ได้ถ่ายทอดให้มานี้ ถูกต้องตามคำสั่งสอนของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งท่านผู้อ่านสามารถตรวจสอบได้จาก หนังสือปฐมสมโภค ที่กล่าวถึงประพุทธองค์ในคืนตรัสรู้ แนวทางปฎิบัติที่พระผู้มีพระภาคเจ้าหรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ต้องผ่านอารมณ์แห่ง ฌาน อรูปฌาน และ วิปัสสนาญาณ ตามลำดับ ถ้ามีแนวทางอื่นแสดงว่าพระพุทธองค์ต้องบัญญัติไว้แล้วหรือถ้ามีแนวทางอื่นแสดงว่าต้องมีผู้ที่เก่งกว่าพระพุทธองค์แล้วจะมีไหมละครับ

    ที่มา: ศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก

    คณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก จากบล็อก โอเคเนชั่น oknation.net
     
  3. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    รายละเอียดการสร้างเหรียญรุ่นเราสู้ คร่าวๆ นะครับ คือสร้างในปี 2536 เพื่อสมทบทุน สร้างโขงประตูวัดฟ้าหลั่ง
    คุณหมอสมสุข คงอุไร และคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก จัดสร้างถวาย
    มีเนื้อทองคำ 99 ชุด (ผมยังไม่แน่ใจว่า ชุดทองคำมีเนื้ออะไรบ้าง... ผมไม่ทันได้เห็น)
    ชุดกรรมการ 500 ชุด ในชุดมี 5 เนื้อ... เนื้อเงิน... นวะ... นาก... (3 เนื้อแรก ไม่มีห่วง) ทองแดงกาไหล่ทองมีห่วง... ทองแดงชุบนากมีห่วง...

    เหรียญเดี่ยวๆ มีเหรียญ กาไหล่ทอง 2,000 เหรียญ เหรียญชุบนาก 8,000 เหรียญ
    ทั้งสองแบบนี้สร้างไว้แจก (ตอนหลังเอาออกให้บูชาบ้างเล็กน้อย)

    ดังนั้นเงินรายได้หลักๆ ก็จะมาจากการบูชาชุดกรรมการ และชุดทองคำ
    ชุดกรรมการเลยตั้งราคาไว้สูงนิดหน่อย เพื่อให้ได้เงินมาสร้างโขงประตู

    ประกอบกับ ชื่อว่า "คุณหมอสมสุข คงอะไร" ได้สร้าง ยอมไม่ธรรมดา
    ทั้งมวลสารและพิธี...

    เหรียญนี้จะมีลักษณะคล้ายกับเหรียญครูบาขันแก้ว และเหรียญของหลวงปู่หล้าวัดป่าตึง
    ทั้งสองวัดสร้างไล่เลี่ยกัน แล้วก็มาสร้างเหรียญรุ่นเราสู้รุ่นนี้ ถวายหลวงปู่

    ทำไมถึงชื่อรุ่นเราสู้ อันนี้ผมยังหาคำตอบไม่ได้ครับ
    แต่... ฟังดูฮึกเหิมอย่างคุณโหน่งว่าไว้ครับ

    ข้อมูลจากคุณธีรยุทธ เจ้าของข้อมูล ขอบคุณครับ

    http://palungjit.org/threads/วรวุฒิ...ู่ครูบาอิน-อินโท-ครูบาฟ้าหลั่ง.169758/page-63
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มีนาคม 2013
  4. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    รายการที่ 61

    เหรียญเราสู้ ครูบาอิน อินโท วัดฟ้าหลั่ง ปี 2536 เนื้อชุบนาก สร้าง 8,000 เหรียญ
    แบ่งให้บูชา 6 เหรียญ ราคาบูชาเหรียญละ 250 บาทพร้อมค่าจัดส่ง

    คุณ รัช จองแล้ว 1 เหรียญ

    เหลือ 5 เหรียญ ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3940.jpg
      IMG_3940.jpg
      ขนาดไฟล์:
      123.7 KB
      เปิดดู:
      310
    • IMG_3942.jpg
      IMG_3942.jpg
      ขนาดไฟล์:
      113.6 KB
      เปิดดู:
      164
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 มีนาคม 2013
  5. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    สวัสดีครับ

    ผมมีเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลของหลวงปู่ครูบาอินรุ่นหนึ่ง ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก อยากมาเล่าสู่กันฟังครับ
    ซึ่งก็คือ พระสมเด็จไตรสรณาคมน์ (หลังยันต์มหาจักรพรรดิ)
    สาเหตุที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ก็เพราะพระสมเด็จรุ่นนี้ ไม่ได้มีการระบุชื่อไว้บนองค์พระ
    อีกทั้งไม่มีกล่องบรรจุ จึงไม่มีข้อความบอกใดๆ ให้รู้ที่มาที่ไปได้เลย
    ยกเว้น ผู้ที่เปนลูกศิษย์ลูกหา หรือเคยติดตามสะสมกันตั้งแต่เมื่อพระนี้ออกใหม่ๆ ปี 2543
    พระสมเด็จไตรสรณาคมน์ สร้างในปี 2543 ครับ
    ผู้สร้างคือ คุณเนาว์ นรญาณ ซึ่งในสมัยนั้น คุณเนาว์ยังเป็นนักเขียนประจำให้กับนิตยสารศักดิ์สิทธิ์
    พุทธคุณ และฉบับอื่นๆ อีกหลายฉบับ
    จึงต้องเดินสายกราบครูบาอาจารย์สายเหนือบ่อยครั้ง และหลายวัดหลายสำนัก
    ครูบาอาจารย์ทางเชียงใหม่ ลำพูน ที่ได้รับการเปิดตัวสู่ภาคกลาง “อย่างเป็นทางการ” ในยุคนั้น
    ก็มี หลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง ครูบาบุญปั๋น วัดร้องขุ้ม ครูบาเผือก วัดไชยสถาน
    หลวงปู่คำ (ขันต์) สำนักสุสานไตรลักษณ์ ครูบาอิ่นคำ วัดข้าวแท่นหลวง
    ครูบาอินตา วัดห้วยไซ เป็นต้น และอีกหลายคณาจารย์ จนยากที่จะลำดับได้หมด
    และในระหว่างที่เดินทางกราบครูบาอาจารย์แต่ละรูปนี่เอง
    ที่คุณเนาว์ ได้มีโอกาสสร้างวัตถุมงคลหลายรุ่นหลายแบบ ถวายครูบาอาจารย์แต่ละรูป
    เช่น สร้างพระถวายวัดพระบาทสี่รอย ถวายหลวงปู่ครูบาวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม
    และแน่นอนว่า ได้สร้างพระอีกหลายรุ่นถวายหลวงปู่ครูบาอิน...
    พระสมเด็จไตรสรณาคมน์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น...

    ความพิเศษมันอยู่ที่ยันต์ด้านหลังครับ... “ยันต์มหาจักรพรรดิ์”
    สาเหตุที่คุณเนาว์อัญเชิญยันต์มหาจักรพรรดิ์มาประทับด้านหลังพระสมเด็จรุ่นนี้ก็ด้วยเหตุผล หลายอย่าง...

    ขึ้นชื่อว่าพระสมเด็จ ก็คือจักรพรรดิ์แห่งพระเครื่อง สมแล้วที่จะคู่ควรกับ
    “ยันต์มหาจักรพรรดิ์” อันเป็นสุดยอดพระยันต์ที่รวมเอาบทสรรเสริญพระพุทธคุณ
    พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ มาลงผูกเป็นพระยันต์ที่มีกลบทซับซ้อน
    อาศัยความรู้ สติ และสมาธิสูง ในการลงอักขระยันต์

    ส่วนพุทธคุณของพระยันต์นี้ คงไม่ต้องกล่าวกันมากแล้ว
    ลองหาดูในอินเตอร์เน็ตมีให้อ่านกันไม่หวาดไม่ไหว...
    ด้วยเป็นพระยันต์เก่าแก่ เรื่อยมาตั้งแต่สำนักประดู่ทรงธรรม
    มีกล่าวถึงในตำราของอาจารย์เทพ สาริกบุตร ปรมาจารย์ด้านพระสูตรพระยันต์อันดับต้นๆ ของเมืองไทย
    เรื่อยมาจนถึงคำกล่าวของครูบาอาจารย์ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ที่ยกย่องพระยันต์นี้อย่างหาที่เปรียบมิได้

    และอีกเหตุผลสำคัญก็คือ... พระสมเด็จรุ่นนี้ มีมวลสาร “ผงมหาจักรพรรดิ์”
    อันเกิดจากการเขียนผงลบผง ด้วยพระยันต์จักรพรรดิ์อีกหนึ่งถุงซิบใหญ่ๆ
    ที่คุณเนาว์ ได้รับมอบมาจากลูกศิษย์ใกล้ชิดของหลวงปู่ดู่
    ผสมรวมกับมวลสารพระหลวงพ่อเงินแตกหัก ที่ได้มาจากการกรุของวัดหัวดง
    รวมกับมวลสารศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ที่คุณเนาว์ได้รวบรวมไว้เป็นเวลานาน
    มาผสานกันเป็นพระสมเด็จไตรสรณาคมน์ รุ่นนี้นี่เอง

    มาถึงการปลุกเสก... พระสมเด็จจำนวน 2,534 องค์บรรจุเรียงในกล่อง
    ถูกคุณเนาว์หอบหิ้ว ตระเวณขอเมตตาบารมีครูบาอาจารย์หลากหลายสำนัก
    อธิษฐานจิตปลุกเสกพระสมเด็จรุ่นนี้ ที่พอจำได้ก็มี
    หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน ครูบาวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม
    ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี ฯลฯ

    และที่สำคัญ พระสมเด็จรุ่นนี้ ได้นำเข้าพิธีที่วัดสุทัศน์
    ซึ่งเป็นพิธีที่รวมเกจิอาจารย์ยุคนั้น ไว้จำนวนมาก
    และรวมถึงมีหลวงปู่หมุน วัดบ้านจานมาร่วมพิธีด้วย
    (จึงนับเป็นอีกหนึ่งความเชื่อมโยง นอกเหนือจากเหรียญปลอดภัย ที่อ.เฒ่า สุพรรณสร้าง
    ที่เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์ ระหว่างครูบาอิน กับหลวงปู่หมุน)

    และท้ายที่สุด หลวงปู่ครูบาอิน อธิษฐานจิตเดี่ยวอีกหลายวาระ
    ก่อนจะนำเข้าร่วมพิธีสืบชะตาหลวง ทำบุญอายุของหลวงปู่ครูบาอิน ในวาระ ๙๙ วัสสา
    ซึ่งได้นิมนต์พระเถราจารย์นับร้อยรูป ทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์
    อบรมสมโพช ร่วมกับวัตถุมงคลอื่นๆ อีกหลายรายการ

    จึงเป็นพระสมเด็จที่ดีทั้งนอก ดีทั้งในอีกรุ่นหนึ่ง ที่น่าเก็บสะสมครับ...



    ธีระยุทธ

    ข้อมูลจากคุณธีรยุทธ เจ้าของข้อมูล ขอบคุณครับ

    ที่มา: http://palungjit.org/threads/ของดีราคาถูก-พระหลักร้อย-พุทธคุณหลักล้าน.299022/page-57
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 มีนาคม 2013
  6. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    รายการที่ 62

    พระสมเด็จไตรสรณาคมน์ (หลังยันต์มหาจักรพรรดิ)
    ราคาบูชาองค์ละ 750 บาทพร้อมค่าจัดส่ง

    --------------------------------------------------
    เกจิที่มาร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกพระสมเด็จรุ่นนี้
    หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน ครูบาวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม
    ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี ฯลฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3959.jpg
      IMG_3959.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.4 KB
      เปิดดู:
      438
    • IMG_3960.jpg
      IMG_3960.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.1 KB
      เปิดดู:
      404
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 มีนาคม 2013
  7. รัช

    รัช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2007
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +2,565
    จอง 1 เหรียญครับ
     
  8. รัช

    รัช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2007
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +2,565
    จองครับ
     
  9. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    ขอบคุณครับ รับทราบการจองครับ
     
  10. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    รายการที่ 63 ( ขายแล้วครับ )

    เหรียญปลอดภัย หลวงปู่ครูบาอิน อินโท วัดฟ้าหลั่ง เชียงใหม่ สร้างปี 2540 เนื้อนวะ

    สนใจ PM หรือ 086-359-7770


    เหรียญรุ่นปลอดภัย หลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง เนื้ออัลปาก้า สร้างน้อย ข้อมูลการสร้างชัดเจน เสกจนไม่เข้า สุดยอดเหรียญอีกรุ่นครับ อนาคตแรงแน่นอนครับ

    จำนวนสร้าง
    นวะ 300 เหรียญ
    อัลปาก้า 2000 เหรียญ
    ฝาบาตร รมทอง 8000 เหรียญ

    หลัง ยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ สร้างปี พ.ศ. 2540 โดย อ.เฒ่า สุพรรณ เพื่อสมทบทุนสร้างมณฑปและเมรุ วัดหัวเด่น สุพรรณบุรี ซึ่ง อ.เฒ่า ได้ทำพิธีขออนุญาตหลวงพ่อกวยเพื่อใช้ยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้าไว้หลังเหรียญ หลวงปู่ และได้จุดธูปอัญเชิญขอหลวงพ่อกวยให้มาช่วยปลุกเสกด้วย แล้วเอาไปให้หลวงปู่ครูบาอิน อินโท เสกนานถึง 4 เดือน เข้าพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ที่วัดหม้อคำตอง เชียงใหม่ อีก 7 วัน 7 คืน แล้วนำกลับไปให้หลวงปู่เสกอีก จนหลวงปู่บอกว่าเสกไม่เข้าแล้ว และขอเหรียญนี้ไว้จำนวนหนึ่ง โดยให้เหตุผลว่า"กลัวคนเจียงใหม่จะบ่ได้ใช้ของดีๆ"

    อมตะมหาเถราจารย์แห่งเมืองนครพิงค์ ผู้สูงยิ่งด้วยศีล จริยาวัตร เชี่ยวชาญสรรพวิชาพุทธาคมตามตำราโบราณล้านนา จนเป็นที่ประจักษ์ทั่วไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3969.jpg
      IMG_3969.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.1 KB
      เปิดดู:
      295
    • IMG_3970.jpg
      IMG_3970.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.6 KB
      เปิดดู:
      97
    • IMG_3973.jpg
      IMG_3973.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88.9 KB
      เปิดดู:
      107
    • IMG_3974.jpg
      IMG_3974.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.2 KB
      เปิดดู:
      95
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 สิงหาคม 2013
  11. eow1

    eow1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2010
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +1,465
    ขอทราบราคาครับ
     
  12. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    รายการที่ 57 ( หน้า 8 )

    เหรียญรุ่น 28 เหรียญ"กตเวที" เป็นเหรียญรุ่นสุดท้ายของหลวงปู่ครูบาอิน ที่ออกในนามวัดฟ้าหลั่ง
    ราคาบูชาองค์ละ 300 บาทรวมค่าจัดส่งครับ ผมมีอยู่ 10 เหรียญครับ

    พี่นอกเว็บ จองแล้ว 2 องค์
    คุณ supa909 จอง 2 องค์
    เหลือ 6 องค์ครับ


    [​IMG][​IMG]

    รายการที่ 58 ( หน้า 8 )

    เหรียญปลอดภัย หลวงปู่ครูบาอิน อินโท วัดฟ้าหลั่ง เชียงใหม่ สร้างปี 2540 เนื้อเนื้อทองฝาบาตรสวยมากครับ # 5
    ราคาบูชา 2,000 บาท

    สนใจ PM หรือ 086-359-7770

    [​IMG][​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มิถุนายน 2013
  13. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    รายการที่ 61 ( หน้า 9 )

    เหรียญเราสู้ ครูบาอิน อินโท วัดฟ้าหลั่ง ปี 2536 เนื้อชุบนาก สร้าง 8,000 เหรียญ
    แบ่งให้บูชา 6 เหรียญ ราคาบูชาเหรียญละ 250 บาทพร้อมค่าจัดส่ง

    คุณ รัช จองแล้ว 1 เหรียญ

    เหลือ 5 เหรียญ ครับ


    [​IMG][​IMG]

    รายการที่ 62 ( หน้า 9 )

    พระสมเด็จไตรสรณาคมน์ (หลังยันต์มหาจักรพรรดิ)
    ราคาบูชาองค์ละ 750 บาท

    --------------------------------------------------
    เกจิที่มาร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกพระสมเด็จรุ่นนี้
    หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน ครูบาวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม
    ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี ฯลฯ

    [​IMG][​IMG]

    รายการที่ 63 ( หน้า 9 )

    เหรียญปลอดภัย หลวงปู่ครูบาอิน อินโท วัดฟ้าหลั่ง เชียงใหม่ สร้างปี 2540 เนื้อนวะ

    สนใจ PM หรือ 086-359-7770

    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]

    รายการที่ 64 ( หน้า 9 )

    เหรียญรุ่น 16 “รุ่น สุขใจ” พ.ศ. 2538 สวยทุกเหรียญครับ
    ราคาบูชา 350 บาทพร้อมค่าจัดส่ง

    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 มีนาคม 2013
  14. วิคิด

    วิคิด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    786
    ค่าพลัง:
    +1,142
    รบกวนคับ

    ขออนุญาตสอบถามราคาบูชาคับ
     
  15. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    รายการที่ 64

    เหรียญรุ่น 16 “รุ่น สุขใจ” พ.ศ. 2538 สวยทุกเหรียญครับ
    ราคาบูชา 350 บาทพร้อมค่าจัดส่ง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      211.7 KB
      เปิดดู:
      125
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      162.6 KB
      เปิดดู:
      119
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      192.4 KB
      เปิดดู:
      171
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      171.1 KB
      เปิดดู:
      98
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 มีนาคม 2013
  16. รัช

    รัช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2007
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +2,565
    24/3/56 โอนแล้ว 500.10 บาท
     
  17. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    ขอบคุณมากครับ จัดส่งให้แล้วครับ EJ659055924TH
     
  18. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,983
    ค่าพลัง:
    +5,390
    รายการที่ 42 ( หน้า 7 )

    เหรียญรุ่น ๔ เหรียญ ปว. ครูบาอิน อินโท วัดฟ้าหลั่ง จ.เชียงใหม่ # 3 (ราคาบูชา 500 บาท )
    สนใจ PM หรือ 086-359-7770 ขอจองครับ วันจันทร์นี้(๒๕มีค)โอนให้ครับ
     
  19. thanayos77

    thanayos77 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +124
    ยอดเยี่ยมครับ แจ้งราคาทุกรายการ ผู้ที่ต้องการบูชาจะได้ง่ายในการตัดสินใจ
     
  20. ชวัลลักษ์

    ชวัลลักษ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +279
    ตกลงเหรียญทำน้ำมนต์ เนื้อทองจังโก้ จองนะค่ะ ราคาที่คุยกันไว้นะค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...