ภัยพิบัติใหญ่จะเกิดในที่ๆไม่เป็นข่าวเท่านั้น

เห็นว่าระยะหลังๆมานี้ในห้องภัยพิบัติและการเตรียมการค่อนข้างจะดุเดือด โดยได้มีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งออกมาเรียกร้องถึงความรับผิดชอบจากผู้ที่เคยออกมาเตือนถึงเรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคตโดยใช้ถ้อยคำที่รุนแรง ส่อเสียด เหน็บแนมและหยาบคายพอสมควร เห็นแล้วมันช่างน่าอนาถใจยิ่งนัก สังคมทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ พอดีได้อ่านเจอบทความที่เขียนโดย คุณ รักไร้พ่าย เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติใหญ่ที่จะเกิด เห็นว่าเนื้อหาน่าสนใจ น่าคิดพิจารณาดีจึงนำมาให้เพื่อนสมาชิกที่ยังไม่เคยอ่านได้ลองอ่านบทความนี้ดู คิดว่ามีประโยชน์และแฝงข้อคิดดีๆเอาไว้ในบทความด้วย ลองอ่านและพิจารณากันดูนะ


ภัยพิบัติใหญ่จะเกิดในที่ๆไม่เป็นข่าวเท่านั้น




วันที่ 21 ธ ค 2012 ที่เป็นข่าวกันว่าโลกแตก

ก็ผ่านไปแบบไม่มีริ้วรอยความบอบช้ำมาสะกิดโลกเลย

เหตุการณ์นี้เหมือนกับ ตอน กรณี Y2K เมื่อปี 1999 ที่บอกโลกจะถึงกาลหายนะ
สรุปตอนนั้นก็ไม่มีไรเกิดขึ้น

กรณีปีที่แล้วเขื่อนจะแตกปลายปี ก็ไม่เกิด

ภัยพิบัติเกิดจาก โลกกายภาพเสียสมดุล โลกเสียสมดุลเพราะจิตสำนึกรวมหมู่ของคนในโลก

โลกนี้จะดีหรือแย่ ขึ้นกับจิตสำนึกคนในโลกเป็นตัวกำหนด หรือเรียกว่า Collective Conciousness


เรื่องภัยพิบัติ ถ้ามันจะเกิด มันจะไม่เป็นข่าว
ถ้าจะเป็นข่าว มันจะไม่เกิด

เพราะภัยพิบัติมันมาเพื่อ ปรับสมดุลโลกที่ถูกทำให้เสียสมดุล
โดยเฉพาะคนที่เป็นต้นเหตุของโลกที่เสียสมดุล ที่ทำลายธรรมชาติหรือทำลายกันเอง
จนมันต้องปรับตนเองให้สู่สภาวะสมดุลที่สุด
จึงเกิดเป็นภัยพิบัติขึ้นเพื่อมาชำระล้าง

คำว่า ชำระล้าง คือ กวาดสิ่งที่เสียสมดุลออกไป อาจมีผลกระทบกับคนหรือทรัพย์สิน เมื่อคนโดนผลกระทบไม่ว่าจะโดย
ตรงหรือโดยอ้อม ย่อมเกิดความทุกข์ใจ เสียใจ
ซึ่งความรู้สึกทุกข์และเสียใจเกิดจากการอุปทาน และการยึดติด ซึ่งเกิดจากความไม่รู้จักธรรมชาติ หรือไม่รู้จักธรรมะดีพอ จึงดำเนินตนสวนทางธรรมชาติ
จนเกิดเป็นภัยพิบัติมาเป็นกระจกสะท้อนการการะทำคน


แต่ธรรมชาติ ไม่ได้ลงโทษหรือให้รางวัลใคร แต่เป็นไปตามจิตสำนึกของคน ภัยพิบัติเกิดขึ้นเพื่อให้คนได้เปลี่ยนจิตสำนึกใหม่ไปในทางดี
หรือ ทางบวก เพื่อให้คนได้หมุน โลก และจักรวาลให้ดำรงอยู่ต่อไปได้ด้วยจิตสำนึกที่ดีงาม

ถ้าจะมองธรรมชาติมันจะสอนเราให้เข้าใจธรรมะได้เสมอหากเราตั้งใจมองมันจริงๆ
พายุใต้ฝุ่นที่รุนแรง แต่ใจกลางของมันสงบนิ่ง

คลื่นทะเลที่เชี่ยวกราดแต่ใต้คลื่นเป็นทะเลที่สงบเงียบ

ภัยพิบบัติที่เกิดขึ้นเหมือนจะทำลายทุกอย่างในวันนี้ แต่ได้สร้างโลกใหม่ให้เราในวันหน้า

คนที่เข้าถึงธรรมะหรือเข้าใจธรรมชาติแบบองค์รวมแล้ว คือ จักรวาล โลก แปรผันไปตามจิตสำนึกของคน จะไม่กลัวเรื่องโลกแตกหรือภัยพิบัติ
เพราะเขาก้ามข้ามอัตวิสัยได้แล้ว และอยู่กับใจตัวเองทุกขณะ และมีความสุขได้ทุกสภาวะ

แต่คนยังตื่นข่าวลือเพราะยังไม่ก้าวพ้นการยึดถือตัวตนเอย่างหนียวแน่น และมองหาความปลอดภัยจากโลกภายนอก ก็ต้องกระะสือกระสนดิ้นรนหาทางรอดต่อไปไม่รู้จบ

แต่คำตอบของโลกหรือของธรรมช่าติ บอกว่า ไม่มีใครตายจริง
ทุกอย่างแค่เกิด ดับๆ ตามครลองของเหตุปัจจัย คนที่กลัวตายมากเพราะอัตตาหนาแน่นมาก และห่างไกลจากความเข้าใจ
ธรรมชาติ

หากเราเข้าใจว่า จิตเรา โลกนี้ เป็นหนึ่งเดียวกัน เราจะรู้ว่า ภัยพิบัติใหญ่มันจะมาตอนเราที่ไม่รู้ตัว หรือมาตอนไม่เป็นข่าว เพราะเมื่อเราทำสิ่งผิดธรรมชาติโดยไม่รู้ตัว
ไร้จิตสำนึก ธรรมาชาติก็มาสะท้อนความผิดให้เราแบบไม่รู้ตัวเช่นกัน

หัวใจของธรรมชาติมักซ่อนอีกด้านหนึ่งที่ตรงข้ามกับมันให้เราเรียนรู้เสมอ เมื่อเราทำสิ่งผิดธรรมชาิตแบบไร้สำนึก
ภัยพับัติแค่มาฉายภาพนั้นให้เราเห็น แต่อัตตาความรู้ของเรา สร้างความกลัว ความทุกข์ แต่สุดท้ายเมื่อเราได้เรียนรู้ประสบการณ์จากภัยภิบัติ
จากความไม่รู้ธรรมะชาติ กลายเป็นผู้รู้ และเป็นหนึ่งเดียวกับมัน นี่แหละคือความเป็นเช่นนั้นเอง

อย่าได้ถามว่าภัยพิบีติจะเกิดอีกไหมตามข่าวลือต่างๆ แต่ให้ถามใจตัวเองว่า จะป้องกันมรสุมกิเลสที่ถ้าโถมใจคนจนเป็นภัยพิบัติชีวิตเราทุกวันนี้ได้อย่างไร
เพื่อจะหยุดไม่ให้มันส่งผลร้ายกับชีวิตเราหรือส่งผลให้เราทำผิดธรรมชาติจนผลย้อนกลับมาเป็นภัยพิบัติจริงๆตามมาภายหลัง






เขียน โดย รักไร้พ่าย

 

ขอขอบคุณที่ท่านได้นำบทความที่ดีๆมีคติสอนใจและให้แง่คิดที่ดีมาแบ่งปันให้ได้อ่านค่ะ
ด้วยความคารวะธรรมค่ะ

 

สวัสดีพี่ท่าน เป็นอย่างไรบ้าง? สบายดีมั๊ย? มีคนคิดถึงและบ่นถึงพี่ท่านนะ...เขาคอยคุณอยู่...

 

:''''''''(......พุทธบุตรลูกรัก.......ท่านพี่ทั้งสองก็มา อภิมหาโมทนาสาธุ .....ด้วยคารวะในธรรมของท่านพี่ทั้งสอง

และขออนุญาติคุณพี่ MAYBuddhaBlessYou นำภาพและข้อความของพระครูเจ้าครูบาบุญชุ่มค่ะ

 

แวะมาโพสหน่อยเห็นกล่าวขานถึงพวกเราทีมงานจัดหนักไอพวกชั่วหลอกลวงชาวบ้าน "ภัยพิบัติใหญ่จะเกิดในที่ๆไม่เป็นข่าวเท่านั้น"

มันก็คือเกิดขึ้นในอุปทานจิตเพ้อฝันของพวกผู้วิเศษเท่านั้น ที่หลอกคนไปวันๆ มันถึงได้ไม่เป็นข่าว เพราะถ้าเป็นข่าวมันก็จะกลายเป็นตลกขำก๊ากเหมือน ไอปลาบวยหัวคู่ ที่น่าจะติดคุกซะให้เข็ด โทษฐานปล่อยข่าวลือทำให้คนแตกตื่น

 

เราว่านายจัดหนัก มั่วตั่วไปหรือปล่าววว

ตอนนี้เราฝึกเหาะได้แล้วนะ...เราเรียนคาถามาจากแฮรี่ พอร์ตเตอร์

ถ้าเราไม่ชอบนาย เราจะเหาะไปขี้รดใส่หลังคาบ้านนายบ้างให้หลังคาผุเปนรูหย่ายย

รอเดี๋ยวตอนนี้เราเป็น๓มิแพ้อยู่ (เปนหวัด) รอหายดีก่อนเหอะ..

 

หึหึหึหึหึหึ ไม่ได้มาจัดหนักอะไรนะครับ อยากเข้ามาแซวกันเล่นๆ เป็นพ่อมดหรือครับ โชคคุณดีมากเลยนะครับ ที่มาประกาศตัวในยุคนี้ นี่ถ้าเป็นยุคมืดในยุโรปสมัยก่อน ประกาศตัวแบบนี้ โดนจับเผาเป็นตอตระโกรไปนานแล้ว ถ้าภูมิแพ้หายแล้ว อย่าเหาะให้สูงมากนะครับ ระวังชนเครื่องบิน

 

เรารักนาย เพราะนายมีนำใจเปนห่วงเราเราไม่กลัวตัวดำเพราะเรา ตัวดำที่สุดในตระกูลอยู่แล้ว

เราไม่กัวเหาะชนเครื่องบิน เพราะเราใส่หมวกกันน๊อก มอก. รับรอง

พักนี้เราปวดหัวบ่อยๆ ไปรับยาโรงบาลหมอจิตเวชโคราช

หมอบอกว่า" ช่วงนี้คุณทานยาเราเปลืองเกินไป
ขอให้ช่วยประหยัดเงินหลวงหน่อยได้มั๊ย"
เรารักประเทศชาติว่า..เราเชื่อหมอนะ เลยงดยาไปหลายถุงเชียว

โอย..มึนหัว จะบ้า!

 

แหม ไม่สบายยังแอบมาสนุกอยู่ที่นี่คนเดียว หลาย ๆ คนรออยู่นะครับ

 

มือถือดาบคมกริบ..กวัดแกว่งพร้อมฟาดฟันไปเรื่อย

ประดุจอรชุน ง้างธนูแผลงลูกศร ดังสายฝนนับหมื่นห่ากลางอากาศ ตกแก่ฝ่ายตรงข้าม แม้ล้มตายนับหมื่นแสน

...กระนั้นแล เรามิทุกข์เลย
เราทำด้วยเล็งเห็นแล้วว่า สิ่งนั้นหรือคือความว่างเปล่า

โอยปวดหัว...มึนยาเม็ด โรงบาลบ้า ชิเป๋งเลยครับ

 

ถ้าไม่เห็นความทุกข์แล้วจะเห็นธรรมอย่างไร
หากที่ใดในสามโลกธาตุนี้ไม่มีทุกข์ มีแต่สุข การอุบัติของพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าย่อมไม่มี ไม่จำเป็น แต่โลกนี้มันไม่เที่ยง จึงเป็นทุกข์ และไม่อาจบังคับยึดถือเอาเป็นสาระใดๆได้ เมื่อเห็นทุกข์จึงเห็นธรรม เมื่อเห็นธรรมจึงเห็นตถาคต



การหาสาเหตุและต้นตอของความรู้สึกกลัวทุกข์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น แล้วปรับเปลี่ยนความกลัวนั้นให้เป็นความกล้าเผชิญ กล้าสัมผัส มองให้เป็นเรื่องธรรมดาและน่าท้าทาย ซึ่งไม่ว่าอนุภาคของความกลัวจะมีมากเท่าใด หากเรารู้เท่าทันความกลัวในใจ เราก็จะเอาชนะความกลัวได้สำเร็จในทุกครั้งไป


ในสถานการณ์ฉุกเฉินทุกความช่วยเหลือได้ถูกจารึกอยู่ในส่วนลึกของหัวใจผู้ประสบภัยทุกคนแล้ว บอกตามตรงว่าในความรู้สึกของคนในพื้นที่มันมีอะไรอัดอั้นในใจมากกว่านี้ ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนชีวิตที่สงบสุขเหมือนเดิมถึงจะกลับมา และไม่รู้ว่าเมื่อไรเราถึงจะมีสิทธิ์ในวิถีชีวิตของเราจริงๆ เสียที คงได้แต่ปล่อยวางและย่างก้าวอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เจ็บมากไปกว่านี้

การค้นพบที่สำคัญอย่างหนึ่ง ซึ่งเห็นว่าจำเป็นเมื่อชีวิตพบกับสถานการณ์อันพลิกผันสามารถสรุปออกมาเป็นแง่คิดให้กับท่านได้พิจารณา เพื่อรับมือกับทุกสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกก้าวเดินของชีวิต ดังนี้

1. ฝึกจิต ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็น เพราะจิตใจที่เข็มแข็งมั่นคงจะช่วยให้ยืนหยัดต่อสู้กับความไม่แน่นอนของชีวิตได้ดีที่สุด การสวดมนต์ นั่งสมาธิ หรือเดินจงกรม ถือเป็นการออกกำลังกายทางจิตใจที่ทำให้จิตใจเข้มแข็ง ผลอาจไม่ปรากฏชัดในตอนแรก แต่เมื่อฉุกเฉินขึ้นมา การฝึกจิตแบบนี้จะช่วยให้เราเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง

2. ปรับความคิด บางคนอาจมีจิตใจที่กล้าแกร่ง แต่แรงไปในทางผิด เช่น โกรธ แค้น พยาบาท แต่บางคนก็หมดหวังสิ้นกำลังใจ เหล่านี้ล้วนเกิดจากความคิดเป็นฐาน จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องปรับความคิดให้เป็นไปในเชิงบวกให้มากที่สุด ไม่ว่าสถานการณ์นั้นจะหนักหนาสาหัสเพียงใด ขอแค่เราคิดไปในทางที่ดีไว้ก่อน รับรองว่าทางออกจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา

3. อย่ายึดติด เพราะสุดท้ายแล้วย่อมต้องมีบางสิ่งที่เราไม่อาจแก้ไขได้ บางครั้งจึงต้องยอมรับความจริง และปล่อยวางให้เป็นเพียงประสบการณ์ที่เคยผ่าน แล้วคิดอ่านไปข้างหน้าจะดีกว่า การยึดติดกับสิ่งเก่าเรื่องเก่า หรือบางคนก็ยึดติดกับทรัพย์สินมากเกินไปจนคิดหาทางออกไม่เจอ เลยจบชีวิตไปกับสินทรัพย์ที่อาจหาใหม่ได้หากผ่านพ้นช่วงนั้นมาได้ การแก้ปัญหาแบบนั้นจึงไม่ค่อยคุ้มค่าสักเท่าไร



นึกถึงเรื่องพระมหาชนกที่พบกับเหตุการณ์เรือแตก แต่ท่านฝึกจิตมาดีจึงมีสติเข้มแข็ง ปรับความคิดได้ทันต่อสถานการณ์ เมื่อคิดอ่านแล้วจึงทะลุปรุโปร่งมองเห็นทางไป และท่านก็ไม่ยึดติดกับทรัพย์สมบัติอะไร แค่ให้ชีวิตรอดก่อนเป็นสำคัญ ด้วยความอดทนมุ่งมั่นและการแก้ไขปัญหาอย่างชาญฉลาด นอกจากจะรอดพ้นภัยแล้ว ชีวิตยังก้าวไกลจนกระทั่งเป็นพระราชา แม้เรื่องนี้จะเป็นปรัมปราชาดก แต่ในหลวงท่านทรงเล็งเห็นฐานคิดสำคัญจากเรื่องนี้ จึงได้นำมาเป็นอุทาหรณ์สอนเรา ยามเมื่อประเทศชาติกำลังพบวิกฤติ ทุกดวงจิตที่เข้มแข็งของทุกคนคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เราผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

ฝึกจิต ปรับความคิด อย่ายึดติด

จิตคิด จิตเกิด จิตไม่คิด จิตไม่เกิด

ตามรู้ ตามดู ตามเห็น จิตสงบเอง