จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...โลภ...โกรธ...หลง...อวิชชา...ตันหา...นั่นคือ ยาพิษ...

    ...นั่นแหละเป็นเครื่องร้อยรัดผูกมัด...ดวงจิตดวงใจนั้นให้...

    วกเวียนเปลี่ยนชาติภพไม่จบไม่สิ้น...นั่นแหละนานแสนนาน

    เพราะกรรมกิเลสนั้น...หลอกลวงรึงรัดผูกมัดอยู่เป็นนิจ...

    ...จนกว่าจะเปลี่ยนชาติภพใหม่...อีกนั้นก็ช้าไป...

    นานเป็นแสนๆชาติ...แต่ละภพแต่ละชาตินั้นนานเป็น...

    ...แสนๆเลยนะ อย่าประมาทล่ะ...

    ...ธรรมะคำสอนของหลวงปู่จันทา ถาวโร...

    กราบหลวงปู่ด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะสาธุ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  2. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ...สนทนาธรรม...

    ...เรื่องมโนยิทธิ...กับอดีตชาติที่เคยทำได้...

    ...ถาม. หลวงพ่อครับ...ขณะที่ผมไปวัดท่าซุง

    ผมเดินบ้าง วิ่งบ้างปรากฏว่าอารมณ์จิตไปจับ...

    ...อยู่ที่วิหารแก้ว ๑๐๐ เมตร...แป้บเดียวเท่านั้นเอง...

    ก็ปรากฏว่าสามรถขึ้นไปที่เมืองพระนิพพาน...

    ...เข้าวิมานตัวเองได้...ที่จะเรียนถามหลวงพ่อก็คือว่า...

    อารมณ์ที่ไปอย่างนี้เป็นอุปจารสมาธิ...หรือเป็นญาณ ๔ ขอรับ...

    ...หลวงพ่อตอบ...ไอ้นั่นมันเป็นญาณ ๔ ด้วย เป็นอภิญญาด้วย...

    ใหญ่มากนะ...คนนี้เคยมาก่อนนี่ชาติก่อนเขาได้มาก่อน...

    ...เป็นญาณ ๔ ด้วย เป็นอภิญญาด้วย...

    ถาม...นี่เขาไม่ได้ธัมมะธัมแมะเลยหรือครับ...

    ...หลวงพ่อตอบ...ไม่จำเป็นเขามีของเก่าเขา จิตไปจับ

    นี่มันเป็นสมาธิอย่าลืมนะ...ฌานจะเกิดขึ้น...เพราะเป็นฌานสมาธิ

    ...หรือจิตวิ่งไปวิ่งมาจิตจับอารมณ์อยู่...อารมณ์มันจะทรงตัว...

    อารมณ์เดียวก็จะเป็นฌาน...ฌานนะของไม่ยาก...ก็ต้องเข้าใจนะ.

    ...หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเมตตาสนทนาธรรมเพื่อให้ลูกหลานของท่าน...

    ให้ได้เข้าใจ...เรื่องมโนยิทธิ...

    ลูกขอน้อมรับพระธรรมคำสอนของท่านพ่อ และน้อมกราบด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  3. เ่ต่าโบราณ

    เ่ต่าโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    713
    ค่าพลัง:
    +3,624
    ขอพิเศษ(ใส่ไข่) ให้พี่ภูค่ะ สุขภาพกาย สุขภาพจิต เป็นไงมั่ง...
    ฝากกลอนให้นะคะ

    รักพุทธธะ ธรรมะ สังฆะมั่น
    ช่วยเป็นภูมิ คุ้มกัน โรคหวั่นไหว
    โรคซึมเศร้า โรคอกหัก โรคทุกข์ใจ
    โรคอ่อนไหว ธรรมะช่วย ใจแข็งแรง...
    ทุกข์... มีทุกข์ กำหนดรู้
    สมุทัย... ดู...ละเหตุ แห่งทุกข์แฝง
    นิโรธ... ทางดับทุกข์ ทำให้แจ้ง
    มรรค... ขันแข็งเดินตามทาง ดับทุกข์เอย

    อันนี้เป็นสิ่งที่ "เต่า" ทำอยู่ ได้ผลมั่ง ไม่ได้ผลมั่ง 555
    พยายามอยู่ อดทนอยู่
    ฝากเผื่อถึงคนอื่นๆ ด้วยค่ะ
     
  4. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ...........................:cool::boo:
     
  5. เ่ต่าโบราณ

    เ่ต่าโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    713
    ค่าพลัง:
    +3,624
    ยังระลึกถึงครูทุกคนเสมอ ครูเกษ ครูดาว ครูลูกพลัง ครูดัช ครูอัญญมณี ครูเพ็ญ แต่ไม่อยากรบกวนค่ะ

    ตอนนี้ที่ทำอยู่ก็สวดมนต์ ขอให้ลดความดื้อลง ให้เป็นคนสอนง่าย เข้าใจไรง่ายๆ หน่อย จะได้ไม่ลำบากคนสอน...

    ฟังเทศน์ท่านจิตโตบ่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องทุกข์...ชอบค่ะ ฟังไปฟังมา...เฮ้อ ชีวิตมีแต่ทุกข์จริงๆ ค่ะ แต่ให้ตัดร่างกาย พิจารณาให้เห็นเป็นเลือด เป็นหนอง ยังไม่ได้ แค่รู้ว่าทุกข์จริงๆ ทุกข์ทั้งนั้น...

    ตอนนี้มีทุกข์ ปนสุข มาอีกเรื่องนึงค่ะ กึ่งดีใจ กึ่งทุกข์ บาปอีกมั๊ยเนี่ยเรา...
    คือ...บังเอิญได้พระบรมธาตุมา พร้อมกับพระธาตุ
    ดีใจ คือ เป็นของสูง ไม่ใช่ได้มากันง่ายๆ แสดงว่าเราก็ต้องมีดี เป็นคนดีในระดับนึง
    ทุกข์ คือ ปกติ จะไม่รับ ของสูงทั้งหมด กลัวรับมาแล้ว ลำบากใจ ดูแลไม่ถูก ไม่เหมาะสม บูชาไม่ถูก ไม่เหมาะ จะเป็นบาปแทน เลยไม่อยากได้อะไรทั้งหมด คราวนี้แม่ไปทัวร์อีสานมา ได้รับมาจากพระ (ญาติของญาติ) โดยบังเอิญ เอาไปให้ใครก็คงไม่ได้ เพราะเป็นของแม่ แม่รับมา ประมาณนั้น

    บาปมั๊ยเนี่ย...ที่คิดแบบนั้น ถือเป็นการลบหลู่ ปรามาส อีกรึเปล่าคะ แถมหลังจากสวดมนต์เสร็จ มีการบอกว่า ขออนุญาติบ่น อธิบายความในใจนะคะ ว่า กังวล เป็นทุกข์ กับการวาง การบูชา แถมต่อไป เวลาทำความสะอาดหิ้งพระ เรื่องใหญ่เลย ชอบแบบบูชา ระลึกถึงในใจมากกว่า ไม่เป็นภาระ เพราะพระพุทธรูปที่บ้านก็เยอะมาก...เฮ้อ

    ใครมีคำแนะนำดีๆ ก็ช่วยหน่อยนะคะ
     
  6. บัวบุษกร

    บัวบุษกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +565
    เจอเยอะเลยละคะ :'(
    เจอทุกวัน เป็นสิ่งที่เราเคยพบ เคยเป็น เคยเจอ เป็นบทเรียนที่เรายังก้าวไม่ผ่าน ทั้งในอดีตชาติและปัจจุบัน ถ้าชาตินี้ไม่ผ่านก็ต้องเจออีกในชาติต่อๆไป....

    เป็นกำลังใจให้คุณฝ้ายและชาวจิตเกาะพระทุกท่าน ให้ก้าวผ่านทุกบทเรียน ด้วยใจที่ทำอะไรได้โดยไม่ยึดติด


    ไม่ต้องการก้าวข้ามใคร นอกจากก้าวข้ามตัวเอง
    ไม่คิดชนะใคร นอกจากชนะตัวเอง

    บัว​
     
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงนะครับ
    ที่เป็นห่วงกัน ไม่เป็นหรอกครับ พี่ภูแมว9ชีวิต
    แล้วจิตเธอเป็นยังไงมั่งหล่ะ รอดยัง?
    ขอเป็นกำลังใจให้เธอปฎิบัติสำเร็จในชาตินี้ ก่อนหมดลมนะครับ
    ทำไปๆๆๆๆๆๆ ก้มหน้าหยุดกรรมเลว ทำแต่บุญกุศลลูกเดียวก็พอ
    เธอเก่งอยู่แล้วนะ สู้ๆๆ
     
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ความหายนะอย่างร้ายแรงที่สุด 10 อย่าง
    ของการปรามาสพระรัตนตรัย


    ท่านกล่าวไว้ว่า บุคคลที่เป็นพระโสดาบันแล้ว ถ้าปรากฏว่า มีผู้อื่นผู้ใดประมาทพลาดพลั้ง หรือคะนองปาก กล่าวตำหนิติเตียน หรือนินทาว่าร้าย ด่าบริภาษ
    แม้จะเป็นพระอริยะบุคคลที่เป็นคฤหัสถ์

    ท่านกล่าวว่า ห้ามมรรค ผล นิพพาน แม้บุคคลผู้นั้นจะพากเพียรปฏิบัติธรรม อย่างไรก็มิอาจสามารถ บรรลุมรรคผลได้
    การติเตียน ด่าบริภาษพระอริยเจ้า จึงมีโทษมาก

    เกิดความหายนะอย่างร้ายแรงที่สุด 10 อย่างคือ

    บุคคลผู้นั้นจะยังไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ 1
    เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว ฌาณ สมาธิ จะเสื่อมทันที 1

    สัทธรรมของบุคคลผู้นั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว 1
    เป็นผู้หลงคิดว่าตนเป็นผู้บรรลุสัทธรรม 1

    ไม่ยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์ 1
    ถ้าเป็นภิกษุต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างนึง 1

    ย่อมถูกโรคเบียดเบียนอย่างหนัก 1
    ถึงความเป็นบ้ามีจิตฟุ้งซ่าน 1

    หลงตามกาละ คือตายอย่างขาดสติ 1
    เมื่อตายย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก 1

    กรรมที่บริภาษ ด่าทอ พระอริยบุคคลนี้ เป็นกรรมตัดรอน มรรคผล นิพพาน
    มิใช่กรรมเก่า แต่เป็นกรรมที่สร้างขึ้นใหม่ และมีผลรุนแรงมาก มีอำนาจตัดรอนกรรมดีอื่นๆในทันใด

    วิธีแก้กรรมนี้ ต้องกล่าวขอขมาโทษ แก่พระอริยเจ้า เมื่อพระอริยเจ้าอดโทษไม่เอาโทษแล้ว ก็ไม่ห้าม มรรค ผล นิพพาน กลับมาเป็นปรกติดังเดิม

    ขอขอบพระคุณ องค์สมเด็จพระสังฆราช สุกไก่เถื่อนครับ สำหรับธรรมะนี้

    ดังนั้นให้เราหมั่นขอขมาพระรัตนตรัยทุกๆวัน
    เพราะเราไม่รุ้ว่าบุคคลที่เราเดินผ่านไปผ่านมา หรือว่าพบเจอ แล้วเราไปแสดงอากัปกิริยานไม่เหมาะสม ใส่ท่าน บุคคลเหล่านั้น ท่านเป็นพระอริยเจ้าหรือไม่
    เพื่อความปลอดภัยและเจริญก้าวหน้าของตัวเราเอง ให้เราอย่าประมาท ปรามาสพระรัตนตรัยเด็ดขาด

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเว็บพลังจิต ที่ค่อนข้างจะมีทั้งพระโพธิสัตว์ ทั้งพระอริยเจ้า แวะเวียนมาเสมอๆ ดังนั้นอย่าไปปรามาสท่านใดเป็นอันขาดครับ

    ความหายนะที่ร้ายแรงก็คือ การหลงว่าเราบรรลุธรรมไปแล้ว เพราะถ้าเราหลงว่าตัวเองบรรลุโดยที่ยังไม่ได้บรรลุจริงๆแล้วล่ะก็

    ส่วนมากจะกู่ไม่กลับและมีอบายภูมิเป็นที่ไปครับ
    แล้วยิ่งเราไปสอนคนผิดๆ เพราะหลงว่าตัวเองบรรลุธรรมไปแล้ว
    ยิ่งสอนคนด้วยธรรมะผิดๆไปเป็นจำนวนมากเท่าไหร่ เราเองก็จะยิ่งต้องชดใช้กรรมนานเท่านั้นครับ

    ดังนั้นอย่าเผลอปรามาสพระเป็นอันขาดครับ

    อ้างอิงจากหนังสือ
    "พระประวัติ สมเด็จพระสังฆราช สุกไก่เถื่อน"
     
  9. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    "อย่าอยู่เฉยๆ"

    ...วันหนึ่งๆ...กินไปนอนไป...

    ...เขาจะเพลิน...เขาก็เพลิน...

    ...ไม่ทราบว่าเพลินหาอะไร...

    ...จุดหมายปลายทางไม่มี...

    ...นี่แหละพวกกาม...

    ...หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน.กราบหลวงตาเจ้าค่ะกราบ...
     
  10. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976

    สวัสดีค่ะ "คุณเต่าโบราณ" เห็นคุณหายไปนาน แต่ก็ได้พบข้อความนี้อดไม่ไหวเลยเข้ามาแชร์ค่ะ ก่อนอื่นคุณคงเป็นคนตรงๆคือพูดตรงไปตรงมาดีค่ะ เพราะเราก็เป็นคนคล้ายๆคุณ แต่ก็สัมผัสถึงจิตใจที่มีความเคารพในพระศาสนาของคุณอยู่ แต่คุณต้องมีความเชื่อมั่นก่อนคือ... เชื่อว่าการปฏิบัติดีแน่... และการที่คุณเป็นคนเชื่อมั่นในตัวคุณสูงนั้นบางที่ก็ไปปิดกั้นจิตที่จะเดินทางเข้าสู่มรรคผลนั้นคุณต้องรู้ว่า"พระศาสนาหลักใหญ่ๆก็สอนเรื่องเหตุเกิดทุกข์ และการดับทุกข์ และดับได้แล้วผลเป็นอย่างไร? นั้นคือการสอนของศาสนาพุทธ และการที่จะทําได้อย่างนี้เราต้องมีศรัทธา อย่างแน่วแน่นั้นเอง...อย่าว่ามาสอนคุณเลยนะแค่อยากแนะนําตามความคิดเห็นเพราะเห็นว่าคุณก็มีความสนใจเข้ามาศึกษา เพราะได้อ่านเรื่องของคุณมาตลอด...ก็ขอเป็นแค่เป็นกัลยาณมิตรหวังว่าคุณคงจะเข้าใจนะค่ะ!!! และเรื่องการมีพระธาตุนั้นเป็นของดี แต่เราจะทําอย่างไรกับท่านก็แล้วแต่คุณ ถ้าคุณคิดว่าเป็นบุญที่ได้ท่านมาคุณก็จะมีพลังหรือกําลังใจในการปฏิบัตินั้นเองก็ขึ้นอยู่กับคุณนะค่ะ และการไหว้ก็ใช้บท"อหังวันทามิ ธาตุโย อหังวันทามิสัพโสค่ะ"ก่อนสวดบทนี้ก็นะโม ๓ จบก่อนนะค่ะ สาธุ ด้วยค่ะ
     
  11. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    การที่จะปฏิบัติธรรมให้ได้ผลดีนั้น ผู้ปฏิบัติต้องมีใจก่อน คือ...เริ่มจากการเชื่อว่าทําดีแล้วต้องได้ดีแล้วก็มุ่งหน้าเดินตรงคือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะต้องไม่ท้อ...เพราะบางครั้งเราจะคิดว่าทําไหม?ทําดีแล้วจึงไม่ได้ดี...นั้นก็หมายถึงท่านมีความคาดหวังกับการปฏิบัติของท่านนั้นเองแล้วพอไม่ได้สมหวังก็จะท้อถอยไป...บางคนหมดกําลังใจแล้วหยุดปฏิบัติไปเลยก็มี...แต่ถ้าท่านปฏิบัติไปโดยไม่หวังผลนั้นแหล่ะท่านถึงจะไม่ท้อไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็มุ่งเอาธรรมเป็นอย่างเดี่ยว เพราะท่านเชื่อว่าตอนยังไม่ส่งผลนั้น...ก็คือช่วงกําลังสร้างบารมีอยู่เพราะจะได้อะไรมานั้นไม่มีหรอก!!!ที่จะได้มาง่ายๆนั้น และถ้าสิ่งไหนได้มาง่ายเกินไปก็ไม่มีคุณค่านั้นเอง... คือเหมือนคนไม่เคยทํางานแต่มีคนเอาเงินให้ใช้เขาคนนั้นก็ไม่ได้รู้ว่าการที่จะได้เงินมานั้นยากแค่ไหน...พอวันหนึ่งไม่ได้อย่างใจหมายก็เศร้าหมองได้จึงต้องปฏิบัติไปโดยไม่หวังนั้นแหล่ะท่านจึงจะได้ผลค่ะ สาธุ
     
  12. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    [​IMG]

    ที่มา ธรรมะจาก fb
     
  13. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    [​IMG]
     
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ความสงบภายนอก ไม่มีจริง!
    ปัญญาภายนอก ก็เช่นเดียวกัน


    เพราะว่า ความสงบจริงๆนั้น อยู่ที่ภายในจิตใจของตนเอง (เท่านั้น)

    ส่วนปัญญาจริงๆนั้น ปัญญาในทางพุทธศาสนา หรือ ปัญญาในทางธรรม ก็เช่นเดียวกัน
    เห็นมีแต่ปัญญาที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของตนเอง
    แต่จะได้หลังจากการเจริญสติภาวนา หรือ หลังจิตเรานิ่งหรือจิตที่สงบดีพอแล้ว นั่นเอง

    เพราะฉะนั้น จิตบุญทั้งหลาย ที่กำลังตามหา ตัวปัญญาจริงๆ
    หรือปัญญาที่เหมาะแก่การใช้งาน หรือ เพื่อนำไปพิจารณาธรรมกันนั้น
    จะต้องเป็นปัญญาดังที่กล่าวไปแล้ว

    หรือจะขอกล่าวอีกนัยยะนึง ก็คือ

    สำหรับผู้แสวงหาปัญญาจากภายนอก เช่น จากตำราหรือการสดับฟัง
    นั่นก็เป็นเพียงปัญญาในทางโลก หรือ สัญญาในทางธรรม (เท่านั้น)
    แต่ปัญญาที่เกิดจากอบรมจิต หรือปัญญาภายใน เช่น การเจริญสติภาวนา เป็นต้น

    ปัญญา ทำให้เกิดได้ 3 วิธี คือ
    1.โดยการสดับตรับฟัง การศึกษาเล่าเรียน (สุตมยปัญญา)
    2.โดยการคิดค้น การตรึกตรอง (จินตามยปัญญา)
    3.โดยการอบรมจิต การเจริญภาวนา (ภาวนามยปัญญา)

    http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2

    การเรียนรู้หรือจะจดจำได้ดีที่สุด ก็จะเห็นจดจำด้วยจิตตนเอง
    เพราะที่ผ่านมานั้น พวกเราเอาสติกับสมองที่ทำงานร่วมกับอายตนะ
    ไปเรียนรู้หรือจดจำแทนจิตตนเองทั้งนั้น
    แล้วผลเป็นยังไง?
    ลืมง่ายครับ เพราะสติกับสมองนั้น มันไม่เที่ยง วันนี้อาจจะจำได้แม่นยำ
    แต่พอเป็นเดือนหรือหลายปีผ่านไป ลืมไปแล้ว
    แต่การเรียนรู้หรือการจดจำด้วยจิตของตนนั้น ถ้าจิตเขาจำได้เองแล้ว
    การเรียนรู้หรือจดจำสิ่งต่างๆได้นานเท่านาน หรือจดบันทึกข้ามภพ ข้ามชาติเลยทีเดียว
    ดูตัวอย่างได้จาก การระลึกข้ามชาติ หรือ อภิญญาต่างๆ หรือ ผลของการปฎิบัติธรรมของคนๆนั้นเอง

    เพราะจิตเท่านั้น ที่จะเดินไปยังโลกทิพย์ต่อไป (โลกหลังความตาย)
    จิตเท่านั้นที่จะจดบันทึกครั้งสุดท้ายของภพชาตตนเอง
    และนี่คือ ที่มา ที่ไป ของตนเอง เพราะจิตเป็นผู้จดบันทึกเรื่องกรรมต่าง
    ได้แก่ กรรมดีหรือไม่ดี บุญบาปหรือกุศลอกุศล เป็นตน

    ขอให้ผู้เจริญทั้งหลาย จงอย่าหยุดเจริญสติภาวนาของตน
    และทำไปๆๆ ตราบสิ้นอายุขัยของตน

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 กุมภาพันธ์ 2013
  15. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    [​IMG]

    ลูกขอน้อมกราบหลวงปู่จรัญด้วยเศียรเกล้าค่ะ
     
  16. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...บางครั้งสิ่งที่ถูกต้องก็ไม่ถูกใจ...

    ...บางสิ่งที่ทำไปเพียงเพราะถูกใจ...

    ...แต่รู้ว่าไม่ถูกต้อง...ก็หัวใจเรา...มันยังพร่อง...

    ...จึงตามสนอง...แต่สิ่งที่ถูกใจ...

    ...เรื่องที่ควรจะพูด...

    ...พูดให้เขามีความสุข...พูดให้เขาเกิดปัญญา...พูดให้เขา...

    ...พ้นจากกิเลส...และเครื่องเศร้าหมอง...พูดให้เขาเกิดความเพียร...

    ...พูดให้เขารู้ปาบรู้คุณ...พูดให้เขาสันโดษยินดีในสิ่งที่ตนมี...

    ...พูดให้เขามักน้อย...พูดให้เขามีสมาธิ มี่จิตสงบ...

    ...พูดให้เขาบริสุทธิ์อยู่ในศีล...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2013
  17. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    ธรรมะของหลวงปู่ลี ธมฺมธโร ท่านกล่าวไว้ดังนี้
    คนที่จะพ้นตาย!!! ต้องทําตัวเหมือนคนตาย... คนกลัวตายต้องตายอีก ผู้จะพ้นจากภพก็ต้องเข้าไปอยู่ในภพ... ผู้จะพ้นจากชาติต้องรู้เรื่องของตัว จึงจะเป็นไปได้ ขณะเรานั่งสมาธิหลับตาภาวนานั้นก็หลับแต่ตา... ส่วนใจเราต้องให้สว่างไสว สมาธิเปรียบเหมือนตะปู... ถ้าตะปูเอียงไปค้อนก็ตีถูกๆผิดๆตะปูนั้นก็ไม่ทะลุกระดานนี้ฉันใด... ใจเราจะบรรลุธรรมชั้นสูงทะลุโลกได้จะต้องมีสมาธิเป็นหลักก่อน... แลัวจึงจะเกิดปัญญา ญาณนี้จะได้แต่คนทําสมาธิเท่านั้น ส่วนปัญญาธรรมดาย่อมมีอยู่ทั่วไปแก่คนทั้งหลาย...
    ลูกขอน้อมกราบหลวงปู่ด้วยเศียรเกล้าค่ะ
     
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ชีวิตของคนเราจะต้องดำเนินข้างหน้ากันต่อไป

    โดยเฉพาะผู้ที่ปฎิบัติธรรม มักจะได้เปรียบกว่า ผู้ที่ไม่ปฎิบัติธรรม
    การปฎิบัติ ก็คือ การกระทำ การพูด การคิด ให้ถูกต้องตามความเป็นจริงนั้นๆ
    เพราะทุกวันนี้ เราอยู่กับสิ่งที่คนส่วนใหญ่ เรียกว่า สมมุติ กันแทบทั้งสิ้น

    และจะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจแบบ โยนิโสมนสิการ (การทำในใจให้แยบคาย)
    หรือมองสิ่งทั้งหลายด้วยความคิดพิจารณาสืบค้นถึงต้นเค้า สาวหาเหตุผล
    จนตลอดสายแยกแยะออกวิเคราะห์ดูด้วย ปัญญา

    เพราะฉะนั้น ผู้ปฎิบัติธรรมทุกท่าน อย่าเพิ่งหลงทาง
    รู้ให้จริงๆก่อน จึงลงมือปฎิบัติ และค่อยๆดูผล(ปฎิเวธ)ของตน
    และให้พึงพอใจในผลการปฎิบัติของตนที่ได้ด้วย อย่าได้นำไปเปรียบเทียบกับบุคคลอื่น
    และก็อย่าไปจริยาผู้อื่น ในขณะที่ตนเอองปฎิบัติ โดยเฉพาะผู้ที่ยังปฎิบัติไม่ถึงไหน

    ตราบใด ผู้ปฎิบัติยังตามหาดวงจิตตนเองไม่พบ (จิตในจิต)
    หรือยังทำจิตตนเองยังไม่นิ่ง แบบเสถียรกัน
    ก็อย่าเพิ่งไปคิดเลยว่า จะได้พบกับธรรม หรือความจริง (ธรรมในธรรม)

    นี่ไง๊ ถึงให้พวกเราคอยหมั่นเจริญสติภาวนา (การสร้างสติ) กันบ่อยๆ
    เพราะจะได้ทำให้จิตนเองนิ่ง แล้วก็จะเกิดปัญญาไปเองสักวันนึง

    อย่าเพิ่งท้อใจกันนะครับ ขอเอาใจช่วยเต็มที่
    เพราะถ้าเราไม่ปฎิบัติธรรม เราก็หนีความจริงกันไม่พ้น (ตัวทุกข์)
    เพราะตัวทุกข์ แหล่งต้นตอของความทุกข์ทุกข์ของตน ก็คือ ขันธ์ ๕
    แต่ถ้าผู้ใดสามารถปฎิบัติธรรม หรือเข้าใจธรรมกันจริงๆแล้ว
    เราก็ต้องอยู่กับตัวทุกข์ แบบไม่ต้องเป็นทุกข์ หรือ รู้สึกทุกข์ใดๆทั้งสิ้น
    แค่นี้เอง
    (ธรรมะคือธรรมชาติ คือธรรมดา)

    คนเราส่วนใหญ่ที่เป็นทุกข์กัน ก็เพราะว่า..
    ไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึงธรรมะ(ความจริง) ที่อยู่ในและรอบๆกายตนเอง
    หรือ มองไม่เห็นความเกิด-ดับของกิเลส หรือจิตตนของ(เจตสิก)
    เพราะคนที่จะมีดวงตาเห็นธรรม(ความเป็นจริง)นั้น ต้องเป็นผู้ที่รู้จักทำจิตตนเองให้นิ่ง เป็นเสียก่อน
    นอกนั้น ปัญญาตั้งแต่หยาบ จนถึงละเอียดของตน ถึงจะตามมาภายหลัง
    เมื่อผู้ปฎิบัติมีปัญญาเป็นของตนเองแล้ว เราก็จะถึงบางอ้อเมื่อนั้น

    ไม่ยากใช่ไหม เพราะผู้ที่บรรลุธรรมนั้น มิใช่มนุษย์ต่างดาวที่ไหนหล่ะ
    ก็มีกายหยาบเหมือนพวกเราแทบทั้งสิ้น
    ขอให้ท่านพกเอาความศรัทธานำหน้าก่อนเลย แล้วตามด้วยความขยันหมั่นเพียรเยอะๆ
    รับรองว่าสำเร็จแน่ๆ
    อย่างน้อยที่สุดชาตินี้ ไม่พ้น คำว่า มรรค ผล หรือ พระนิพพานเป็นแน่แท้

    ขอให้ผู้ปฎิบัติโชคดีทุกๆท่าน เอาใจช่วยกันเต็มที่นะครับ
    ในสนามนี้ ไม่มีศัตรูถาวร พร้อมให้อภัยกันได้ทุกผู้ทุกนาม
    โดยเฉพาะผู้ที่เคยเดินทางผิดพลาด ก็ขอให้เดินทางใหม่ ล้มได้ก็รุกได้นะครับ
    ไม่มีการว่ากัน ผมก็พร้อมให้โอกาสตนเองและผู้อื่นๆเสมอ
    ถ้าต้องการอะไรบอกกันตรงๆ ไม่มีปัญหาอะไรกับใครจริงๆ
    เพราะวัตถุประสงค์ของการเปิดกระทู้ ก็เพื่อให้พวกเราพากันปฎิัติธรรม
    พากันตามหาความจริงแห่งจิตตน แห่งธรรมของตน ตามแบบอย่างพระพุทธองค์
    หรือครูบาอาจารย์ทุกท่าน
    อย่าไปพากันเดินหลงทาง เดี๋ยวจะกู่ไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี ตายตอนนี้เดี๋ยวจะยุ่ง
    เพราะมีที่ไป

    เพราะฉะนั้นพากันเดิน ทางลัดตัดตรงเข้าสู่มรรคผลนิพพานกันให้ได้ ก่อนจะสิ้นอายุขัยของตน
    จะได้ไม่เสียชาติเกิด เป็นสัตว์ประเสริฐนี้กัน
    แต่ถ้าเกิดเป็นสัตว์อื่น ที่ไม่ใช่คน ก็ไม่มีทางเจริญสติภาวนากันได้
    ต้องรอให้ตายแล้วเกิดมาเป็นคนอีกรอบนึงก่อน จึงจะมีโอกาสรอดพ้นบ่วงมาร
    เกิดเป็นคน อย่าเห็นแก่ตน พากันรักษาศีล พากันภาวนา เพราะจะได้พบสติปัญญาของตน
    และสติปัญญาของตน(เท่านั้น) ที่จะนำพากายใจรอดพ้น จากทุกข์ จากวัฎฎะ
    หรือรอดจากภัยพิบัติกัน
    อีกไม่นานเกินรอแล้ว ทุกท่านจะได้พบกับโลกนี้ ไม่เที่ยงจริงๆ
    ไม่มีผู้ใด จะไปเปลี่ยนแปลงธรรมชาติหรือจิตใจของผู้อื่นได้
    นอกจากจิตใจของตนเอง
    พยายามหาจิตตนเองให้พบเสียก่อน โดยการเจริญสติภาวนา หรือทำให้จิตตนเองนิ่ง
    ทำสติปกติ ให้กลายเป็นมหาสติกันให้ได้ จิตจะได้นิ่งแบบเสถียร
    ไม่ใช่จิตนิ่งหรือว่าง เว้นวัน ผู้ใดทำแบบนี้กันได้ ปัญญาก็จะพาตนเองรอดอย่างแน่นอน
    ปัญญาของตนเท่านั้น ที่จะรู้จริง มีคำตอบให้ตนเองพึงพอใจ
    เพราะไม่มีผู้ใด มาตอบให้ถูกใจกันได้ทุกวันหรือตลอดไปเป็นแน่แท้
    เพราะคำตอบของตนดีที่สุดในโลกนี้
    พยายามตามหากันต่อไป
    ขอให้พบเจอไวๆนะครับ

    โดยเฉพาะจิตบุญคอยหมั่นเจริญสติให้มากๆ
    คอยหมั่นทบทวนพรหมวิหาร โดยเฉพาะอิทธบาท (ทบทวนสังโยชน์ กรรมบท)
    พยายามอยู่กับกายใจของตน อย่าไปมั่วสุมผู้อื่นมาก ยกเว้นผู้ที่มีอินทรีย์แก่กล้า(จิตรอดพ้น) เท่านั้น
    จิตรอดพ้นแปลว่า เรา(สติกับจิต)ตั้งอยู่เหนือขันธ์๕ได้เด็ดขาด(จริงๆ)
    คืออยู่เหนือความรู้สึกใดๆ(ตนเอง) และความนึกคิดใด(ตนเอง)

    ขอเตือนเหล่าจิตบุญทุกท่าน พยายามไปเกาะหมู่ผู้ที่มีอินทรีย์แก่กล้า
    หรือใกล้จะแก่กล้าก็ตาม เพราะจะได้รับพลังจิต พลังบุญไปพร้อมๆกัน
    สำหรับผู้ที่มีอินทรีย์แก่กล้า ต้องมีเมตตากับผู้ที่ยังอ่อนแออยู่
    อย่าลืม หมั่นระลึกถึงพระคุณพระรัตนตรัย อันเป็นที่พึ่งสูงสุดทางใจของตนด้วย

    (ส่วนผู้ใดจะเชื่อหรือไม่ ก็ตามแต่ใจตนเอง)
    หมดหน้าที่พี่ภูแล้ว
    โชคดีๆๆ สาธุๆๆ สำหรับผู้พากันปฎิบัิติดี ปฎิบัติชอบ ทุกๆท่านด้วยเทอญ
     
  19. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976

    ก้าวหน้าเพราะกล้าก้าว​

    จงเข็มแรงแม้ว่าแรงจะอ่อนล้า
    จงเชิดหน้าสู่ไปไม่ท้อถอย
    อุปสรรคหนักหนามาเป็นร้อย
    ตั้งตาคอยรับมือให้ฤาชา
    ยิ่งศัตรูเข็มแข็งยิ่งแกร่งกร้าว
    ยิ่งปวดร้าวยิ่งสู้รสบทปัญหา
    ยิ่งแปลกใหม่ยิ่งได้ใช้วิชา
    ยิ่งพบพายิ่งเพริศพรายใช้ชีวิต
    ปัญหามีไว้แก้ใช่แค่แบก
    ทุกข์ไว้แยกวิเคราะห์ใช่เกาะติด
    ธรรมไว้ทําใช่ไว้ขู่มวลหมู่มิตร
    เขาไว้ขวิดใช่เพื่อแกล้งแผลงศักดา
    ตั้งสติกํากับก้าวที่เราย่าง
    ทุกเส้นทางมีหนามไหนให้ศึกษา
    ตั้งใจเดินย่อมเจริญในพิชชา
    ก้าวที่กล้าจะก่อก้าวอันยาวไกล
    ที่มา จากหนังสือธรรมะพารวย...ว.วชิรเมธี​


     
  20. pattranit uk

    pattranit uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +1,446
    การมั่นดูแลจิต(จิตผุดรู้ในจิต) ควรสร้างสติ ด้วยการมั่นเจริญสติภาวนา สร้างสติสัมปชัญญะให้เกิดขึ้นด้วยการรักษาศีล มั่นตรวจสอบศีลอยู่ตลอดเวลาด้วยสัจจะที่ว่าวันนี้เราจะรักษาศีล จะไม่ทำผิดศีลด้วยตนเอง และจะไม่ยุยงส่งเสริมให้คนอื่นทำผิดศีล ตั้งใจว่าวันนี้จะทำความดี จะช่วยเหลือคนที่เขาตกทุกข์ได้ยากตามสติกำลังที่เรามีอยู่ เพราะเราก็เคยทุกข์มาก่อน ถ้าเราช่วยได้ก็ยินดีที่จะช่วยให้พวกเขาพ้นทุกข์ ชีวิตที่เรามีอยู่วันนี้ขอให้ คิดดี พูดดี ทำความดี เพราะว่าพรุ่งนี้จะได้อยู่สร้างความดีหรือเปล่าไม่รู้ ความนึกรู้ที่ดีที่สุดไม่ต้องไปนึกถึงเป็นวันหรอก นี่เป็นความคิดที่ดีที่สุดคือ นาทีนี้เราหายใจอยู่ นาทีหน้าเราอาจไม่หายใจแล้วก็ได้ เพราะไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน(ความเที่ยงไม่มี ที่มีอยู่ไม่เที่ยง)คนเราเกิดมาหลายภพหลายชาติที่ไม่มีสิ้นสุด เพราะไปยึดติดกับสิ่งของสมมุติที่ไม่มีตัวตนที่แท้จริง ไปยึดไปติดกับอดีตภพชาติ อยู่กับทางโลกคือ รัก โลภ โกรธ หลง ผลตามมาคือการก่อกรรม ต่อภพ ต่อชาติไม่จบไม่สิ้น ขอแนะนำว่าให้มั่นเจริญสติภาวนา ฝึกแยกกายแยกจิตให้ได้ ถ้าท่านทำได้แล้ว จิตจะไม่ติดใจใยดีกับสิ่งใดๆในโลกวัฏสังสารนี้เลยสติสัมปชัญญะจะเตือนอยู่ตลอดว่า เราเห็นแล้ว เรารู้แล้ว เราไม่ยึดติดแล้ว เราไม่ผูกต่อแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่เราคุยกับใครบางคนอยู่ หรือคุยอยู่กับคนหมู่มากก็ตาม ขณะเริ่มพูดก็เกิดขึ้น ขณะคุยกันอยู่เรื่องใดก็ตามก็ตั้งอยู่ พอเลิกคุยก็ดับไป แต่ในขณะเกิดขึ้นตั้งอยู่ ดับไปมีต้องหลายคำพูดที่ออกมา ทางกาย วาจา ใจ แต่ในขณะที่ดับไปแล้ว จิตเรานำมาปรุงแต่งนั่นก็คือการไม่จบไม่สิ้น ถ้าคิดดีก็ออกมาเป็นผลบวก ถ้าคิดไม่ดีก็ออกมาเป็นผลลบ เอาละซิ สุขและทุกข์ก็ตามมา บางคนปรุงแต่งซะจนหาบทสรุปไม่ได้เพราะไม่ได้ฝึกสติเลยตามไม่ทันความคิิิิิิิิิ่้ึิิดนี่ไงพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าครูบาอาจารย์ถึงแนะนำว่า ให้มั่นเจริญสติภาวนา เจริญสมาธิ เพื่อจะได้รู้ทันสิ่งต่างๆจากภายนอกเข้ามารบกวน หรือสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นอยู่ภายในความคิดของเราได้เป็นอย่างดี พอมีมหาสติแล้วจะเกิดปัญญา ตามติดมาด้วยวิปัสนาว่า ก็นี่แหละนะ เป็นเรื่องธรรมดา ธรรมชาติ สุขกับทุกข์มันเกิดขึ้นได้ตลอด เพราะฉนั้นสุขเราก็ไม่เอา ทุกข์เราก็ไม่เอามองทุกอย่างให้เป็นสิ่งว่างเปล่า คือเห็นก็สักแต่ว่าเห็น ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน รู้ก็สักแต่ว่ารู้ คือวางเฉยกับทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นผู้ดู ผู้รู้ ด้วยสติปัญญา การสรรเสริญนินทาเป็นเรืองธรรมดาที่ต้องเจอในโลกนี้ ถ้าเราดีแล้วเขานินทาว่าเราเลวเราก็ไม่เลวไปกับคำนินทาของคนพูด แต่ถ้าเราเลวเขาพูดว่าเราดีเราก็ไม่ดีไปกับคำพูดของคนนั้น(ผิดถูกอยู่ที่คนพูด ถูกผิดอยู่ที่คนกระทำ)คือคนพูดและคนกระทำเท่านั้นที่รู้ดี แต่ถ้าทางธรรม ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เข้าถึงธรรมที่เป็นธรรมดา ธรรมชาติ จะมีเมตตา มหาเมตตา เห็นอกเห็นใจกัน คิดว่าเขาคือเพื่อนร่วมโลกที่หลงมาเกิดเช่นเดียวกับเรานี่แหละ. ขอให้ทุกท่านมีเมตตามหาเมตตาต่อกันตลอดไป ด้วยเทอญ สาธุๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...