ทำอย่างไรจึงเป็นปัญญาธิกะพระโพธิสัตว์ได้??

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Ajahn hei, 23 มกราคม 2013.

  1. Ajahn hei

    Ajahn hei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +142
    ทำอย่างไรจึงเป็นปัญญาธิกะพระโพธิสัตว์ได้?
    แค่ใช้เวลา๔ อสงไขยแสนกัปป์
    เราเลือกได้หรือ?



    ขอโมทนากับคนที่เป็นพุทธภูมิด้วยนะครับ
     
  2. guuuruuu

    guuuruuu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +158
    หากท่านนิยมทำงานด้วยการเชื่อว่า หากเราใช้ปัญญาให้มาก งานจะลุล่วงไปได้
    ชอบ หาข้อมูล คิด วางแผน เป็นขั้นเป็นตอน ก่อนที่จะลงมือทำ
    มากกว่าการเชื่อว่าขยันแล้วสำเร็จ หรือ ศรัทธาในวิธีการ แบบนี้ แบบนั้นแล้วงานจะสำเร็จ

    ท่านก็มีแนวโน้มจะเป็นปัญญาธิกะอย่างมาก
    แต่ในเส้นทางอันยาวไกล ไม่มีอะไรเป็นที่แน่นอน

    ขอโมทนากับ ความดีทั้งหลายที่พระโพธิสัตว์ทุกท่านได้บำเพ็ญมา
     
  3. nai_Prathom

    nai_Prathom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +694
    ได้อ่านที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำพูดถึงการบำเพ็ญเพียรของพระพุทธเจ้าแบบต่างๆ
    แบบปัญญาธิกะ พระสมณโคดม ท่านมาบำเพ็ญตอนท้าย สี่อสงไขยแสนมหากัปป์
    แต่ก่อนหน้านี้ท่านบำเพ็ญเพียรมาอีก 16อสงไขย รวมแล้ว20อสงไขยแสนมหากัปป์
    จำได้คร่าวๆว่า ท่านตั้งความปรารถนาในใจอยู่ 4อสงไขย แล้วต่อมาก็อะไรอีกจำไม่ได้แล้ว ลองไปหาอ่านดูในห้องหระทู้ของหลวงพ่อ
    ขอให้โชคดีในการเดินทางครับ
     
  4. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814

    :cool:ครูบาอาจารย์ต่างๆท่านพูดไว้ชัดเจน ท่านเหล่านั้น ได้นำคำสอนขององค์สมเด็จพระบรมครู มาสอน ว่า ในขั้นปัญญาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๔ อสงไขย กำลัยแสนมหากัป ผมพูดไปหลายกระทู้แล้วครับ และอีกหลายๆท่านก็พูดมาเยอะแล้วครับ ศร้ทธาธิกะบำเพ็ญบารมี ๘ อสงไขย กำลัยแสนมหากัป และวิริยาธิกะ ก็ ๑๖ อสงไขยกำลัยอีก แสนมหากัป

    ผมได้เคยสนธนากับ ผู้ทรงศิลท่านหนึ่ง ว่าคนที่ ปราถนา พระโพธิญาณ ในขั้นของวิริยาธิกะ ถ้าในขั้นของ ปัญญาธิกะ มาบำเพ็ญทีหลัง ได้ตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า ก่อนวิริยาธิกะ มันก็ถอยหลังสิครับ ท่านตอบว่าไม่ถอยหลัง ยังเหมือนเดิม ทุกประการ ผมอธิบายต่อ ไม่ถอยก็เหมือนถอยแหละครับ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ครั้งหนึ่ง จะเปิดโลกได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ตอนเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึง

    มนุษย์ เทวดา พรหม ท่านที่อยู่นิพพาน สัตว์นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัชฉาน จะเห็นกันหมด ทำให้สัตว์ โลก น้อยใหญ่ ทำความปราถนา เป็นพระพุทธเจ้ากันเป็นแถว เพราะเห็นความอัศจรรย์ของพระพุทธเจ้า สัตว์นรกดับชั่วคราว มดยังทำความปราถนาเลย ฉนั้นสัตว์เป็นอันมาก เป็นพระโพธิสัตว์ ที่ไปถึงส่วนใหญ่ น้อยนิด ลามาเป็นพระสาวกบ้าง พระปัจเจกะพุทธเจ้าบ้าง ดังในปัจจุบัน เหมือนหลวงปู่หลวงพ่อท่านทั้ง หลาย

    สมมุติ วิริยาธิกะ บำเพ็ญมาได้ครึ่งเดียว ๘ อสงไขย แสนมหากัป คนที่ มาในด้าน ปัญญาธิกะ บารมีเต็มก่อน ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ก่อนอีกแล้ว ถ้าบารมีเต็ม มีสักหมื่นคน ในขั้นปัญญาธิกะ ต้องเรียงคิว ใช้เวลาเท่าไหร่ แล้วในขั้นอื่นๆอีกเล่า ไม่ถอยก้เหมือนถอย แต่ถ้าในขั้นของ วิริยาธิกะ บำเพ็ญถึง ๑๖ อสงไขยกำลัยอีก แสนมหากัป จำนวนอีกเท่าไหร่ ก็ต้องเรียงคิว ตามขั้นตอน ของบารมีแต่ละองคื ว่าใครก่อนใครหลัง

    ความเข้าใของผม จึงทำให้พุทธภูมิทั้งหลาย ไม่อยาก ไปเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เมื่อบารมีเกินแล้ว ในด้าน สาวกภูมิ จึงลา มาช่วยประกาสพระศาสนา ดังในพระโพธิสัตว์ต่างๆ ประวัติหลวงปู่หลวงพ่อแต่ละองค์ ที่ท่านเขียนไว้ ให้เราๆท่านๆได้ศึก ษากัน ยังมีอีกมากที่จะอธิบาย มันใช้เวลาสูง จึงพิมมาแค่นี้ครับสวัสดี:cool:
     
  5. J47

    J47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +3,405
    พระโพธิสัตว์ ๓ ประเภท
    ๑ อุคฆฏิตัญญูโพธิสัตว์

    เป็นพระโพธิสัตว์ที่มีปัญญามาก สามารถที่จะตรัสรู้ธรรมได้โดยเร็วพลันทันที เพราะพระโพธิสัตว์ประเภทนี้ได้สร้างบารมีชนิดที่มีปัญญามาก แต่มีศรัทธาน้อย
    อุคฆฏิตัญญูโพธิสัตว์ จึงใช้เวลาทั้งหมดนับแต่เริ่มสร้างบารมีจนกระทั่งอบรมอินทรีย์เต็มเปี่ยมได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า น้อยกว่าพระโพธิสัตว์ประเภทอื่นใช้เวลา ๒๐ อสงไขยแสนมหากัปป์ เป็น พระปัญญาธิกพุทะเจ้า
    พระพุทธเจ้าศรีศากยมุนีโคตม พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันทรงเป็นพระพุทธเจ้าประเภทนี้
    (ความยาวนานของ ๑ อสงไขย อุปมามีเทวดาองค์หนึ่งที่มีความสามารถในการนับเม็ดฝนทุกเม็ด ที่ตกลงมาโดยไม่หยุดเลยตลอดเวลา ๓ ปี จำนวนเม็ดฝนที่เทวดานับได้ทั้งหมดนั้นก็คือ ระยะเวลาของ ๑ อสงไขย (ความจริงแล้ว อสงไขยแปลว่า นับ ไม่ได้)
    ส่วนระยะเวลา ๑ มหากัปป์ อุปมาว่ามีนางฟ้าองค์หนึ่งได้ใช้ผ้าแพรบางลูบภูเขาลูกหนึ่งที่สูง ๑ โยชน์ (๑๖ กิโลเมตร)กว้าง ๑ โยชน์ (๑๖ กิโลเมตร) โดยนางฟ้าจะลูบจากยอดเขาถึงตีนเขา ๑ ครั้งในทุก ๑๐๐ ปี จนกระทั่งภูเขากลายเป็นพื้นราบ)


    ๒ วิปจิตัญญูโพธิสัตว์

    เป็นพระโพธิสัตว์มีปัญญาปานกลาง สามารถตรัสรู้สัทธรรมได้โดยไม่ช้าไม่เร็ว เพราะพระโพธิสัตว์ประเภทนี้ได้สร้างสมบารมีชนิดที่มีศรัทธามาก แต่มีปัญญาปานกลาง
    วิปจิตัญญูโพธิสัตว์ พระองค์ทรงใช้เวลานับแต่เริ่มสร้างบารมีจนกระทั่งอบรมอินทรีย์เต็มเปี่ยมสามารถตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าถึง ๔๐ อสงไขยแสนมหากัปป์เรียกว่า พระสัทธาธิกพุทธเจ้า

    ๓ เนยยโพธิสัตว์

    เป็นพระโพธิสัตว์ที่มีปัญญาหย่อนกว่า ๒ ประเภทแรก จึงสามารถที่จะตรัสรู้ธรรมได้ช้ากว่า โดยพระโพธิสัตว์ประเภทนี้ได้สร้างสมบารมีชนิดมีความเพียรมาก แต่มีพระปัญญาน้อย
    เนยยโพธิสัตว์ พระองค์ใช้เวลาทั้งหมดนับแต่เริ่มสร้างบารมีจนกระทั่งอบรมอินทร์จนเต็มเปี่ยม จนสามารถตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าถึง ๘๐ อสงไขยแสนมหากัปป์ เรียกว่า พระวิริยาธิกพุทธเจ้า

    ช่วงเวลาการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์เพื่อตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า

    ช่วงเวลาที่ ๑ ตั้งจิตปรารถนาพุทธภูมิ
    ผู้ปรารถนาพุทธภูมิจะต้องใช้เวลาในการสร้างบารมี คือ การตั้งจิตปรารถนาอย่างแรงกล้าขึ้นในใจตนเองว่า ท่านจะขอตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าในทุกๆ ภพชาติที่พระโพธิสัตว์ได้เกิดมา ไม่ว่าต้องเกิดมาในสุคติภูมิหรือทุคติภูมิ เพี่อปรารถนาช่วยเหลือมนุษย์ในอนาคตกาลให้หลุดพ้นจากสังสารวัฏ ดังนี้คือ
    พระโพธิสัตว์ที่ปัญญามาก ใช้เวลาสร้างบารมี ๗ อสงไขย
    พระโพธิสัตว์ที่มีศรัทธามาก ใช้เวลาสร้างบารมี ๑๔ อสงไขย
    พระโพธิสัตว์ที่มีวิริยะมาก ใช้เวลาสร้างบารมี ๒๘ อสงไขย

    ช่วงเวลาที่ ๒ กล่าวคำปรารถนาพุทธภูมิต่อหน้าพระพุทธรูป

    พระโพธิสัตว์ ได้กล่าวคำปรารถนาพุทธภูมิต่อหน้าพระ พุทธรูป ในทุกๆ ภพชาติที่ท่านได้เกิดมา ดังนี้

    “ข้าพเจ้า ขอตั้งจิตอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูป ขอให้ข้าพเจ้าเกิดมาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตข้างหน้า เพื่อที่ข้าพเจ้าจะช่วยสัตว์โลกให้หลุดพ้นจากสังสารวัฏด้วยเถิด”
    พระโพธิสัตว์ยังต้องใช้เวลาในการบำเพ็ญบารมีในช่วงที่ ๒ นี้ อีก คือ

    พระโพธิสัตว์ที่มีปัญญามาก ใช้เวลาสร้างบารมี ๙ อสงไขย
    พระโพธิสัตว์ที่มีศรัทธามาก ใช้เวลาสร้างบารมี ๑๘ อสงไขย
    พระโพธิสัตว์ที่มีวิริยะมาก ใช้เวลาสร้างบารมี ๓๖ อสงไขย

    ช่วงเวลาที่ ๓ ได้รับพุทธพยากรณ์

    ในชาติหนึ่งชาติใด พระโพธิสัตว์จะเกิดเป็นมนุษย์ในช่วงเวลาที่พระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งมีพระชนม์ชีพอยู่ พระโพธิสัตว์ยังมีโอกาสเข้าเฝ้าและได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นว่า พระองค์จะตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าได้ในอนาคตกาลข้างหน้า
    พระโพธิสัตว์ ใช้เวลาบำเพ็ญบารมีในขั้นตอนที่ ๓ คือ
    พระโพธิสัตว์ที่มีปัญญามาก ใช้เวลาสร้างบารมี ๔ อสงไขยแสนมหากัปป์
    พระโพธิสัตว์ที่มีศรัทธามาก ใช้เวลาสร้างบารมี ๘ อสงไขยแสนมหากัปป์
    พระโพธิสัตว์ทีความเพียรมาก ใช้เวลาสร้างบารมี ๑๖ อสงไขยแสนมหากัปป์
     
  6. Nuthsunti

    Nuthsunti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +328
    หากถามว่า
    เราเลือกได้หรือ?
    จริงๆ แล้ว ทุกสถานะ เราเป็นผู้เลือกเอง เช่น
    เลือกที่จะเป็น พระพุทธเจ้า เราก็ต้องสร้างบารมีให้เต็มสำหรับ เพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
    เลือกที่จะเป็น พระปัจเจกพุทธเจ้า เราก็ต้องสร้างบารมีให้เต็ม สำหรับ เพื่อตรัสรู้เป็น พระปัจเจกพุทธเจ้า
    เลือกที่จะเป็น สาวกผู้เป็นเอก ด้านใดด้านหนึ่ง เราก็ต้องสร้างบารมีให้เต็ม สำหรับ เพื่อสำเร็จเป็น สาวกผู้เป็นเอก ด้านใดด้านหนึ่ง
    เลือกที่จะเป็น พระอรหันต์สาวกทั่วไป เราก็ต้องสร้างบารมีให้เต็ม สำหรับ เพื่อสำเร็จเป็น พระอรหันต์สาวกทั่วไป
    ทุกสถานะ เราเป็นผู้เลือกเอง
    หากท่าน ปราถนาเป็น ปัญญาธิกะพุทธเจ้า ก็สร้างบารมีเพื่อให้ได้ตรัสรู้เป็น ปัญญาธิกะพุทธเจ้า แล้วเมื่อท่านสร้างบารมีจนถึง ระดับหนึ่ง ตัวท่านเองก็จะรู้ด้วยตัวท่านเองว่า อัธยาศัยของท่านถูกจริตกับ ปัญญาธิกะพุทธเจ้า หรือไม่ และก็จะดำเนินต่อไปด้วยความรู้ของตัวท่านเอง
    บางท่านช่วงแรกๆ ยังไม่รู้ว่า อัธยาศัยของท่านถูกจริตกับแบบใด ก็จะสร้างบารมีไปเรื่อยๆ จนบารมีท่าน ถึงระดับหนึ่ง ตัวท่านเองก็จะรู้ด้วยตัวท่านเองว่า อัธยาศัยของท่านถูกจริตกับแบบใด
     
  7. Ajahn hei

    Ajahn hei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +142
    ดีมากครับ ถ้าเราเลือกเองปราถนาเป็น ปัญญาธิกะพุทธเจ้าได้ดีมาก
     
  8. โพธิ์แก้ว

    โพธิ์แก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    ความคิดส่วนตัว คิดว่าเลือกไม่ได้หรอกครับว่าจะเป็นแบบไหน

    ขึ้นอยู่กับสภาวะจิต หรือ กำลังใจ ในขณะที่เริ่มอธิฐานปราถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า

    ว่ามีธรรมในข้อใดเด่นกว่ากัน ระหว่าง ปัญญา ศรัทธา หรือ วิริยะ
     
  9. Jubb

    Jubb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,267
    ค่าพลัง:
    +2,134
    แต่พระพุทธเจ้าแบบปัญญาธิกะนี่พาสัตว์โลกให้หลุดพ้นจากสังสารวัฏได้น้อยกว่าพระพุทธเจ้าที่บำเพ็ญบารมีแบบอื่นนะครับ
     
  10. J47

    J47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +3,405
    เรื่องที่ท่านตอบนี้เป็นเรื่องของพุทธวิสัย นะครับ
    ลองอ่านที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสกับพระอานนท์ดูนะครับ

    ดูกรอานนท์ ตถาคตมุ่งหมายอยู่ พึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้ ด้วยเสียง
    หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่มุ่งหมาย ฯ


    อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาคพึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่ ประมาณแสนโกฏิจักรวาล
    ให้รู้แจ้งด้วยพระสุรเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่ พระองค์ทรงมุ่งหมายอย่างไร ฯ


    ดูกรอานนท์ พระตถาคตในโลกนี้ พึงแผ่รัศมีไปทั่วโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล เมื่อใด
    หมู่สัตว์พึงจำแสงสว่างนั้นได้ เมื่อนั้น พระตถาคตพึงเปล่งพระสุรเสียงให้สัตว์เหล่านั้นได้ยิน
    พระตถาคตพึงทำให้โลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง
    หรือพึงทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่พระองค์ทรงมุ่งหมาย ด้วยอาการเช่นนี้แล ฯ
     
  11. Solotel

    Solotel Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +38
    อืม... เคยคิดแบบนี้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ผมเห็นต่างนะครับ

    พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันปรินิพานเมื่อพระชนมายุได้ 80 พรรษา แต่ศาสนาของพระองค์จะอยู่ไปถึง 5000 ปี (พระไตรปิฎกไม่ปรากฏเรื่องนี้) ถ้าเฉลี่ยอายุคน 100 ปี จะมีคนถึง 50 รุ่น ที่ได้พบพระพุทธศาสนา ถ้าคำนวณได้ คงมีสัตว์โลกหลุดพ้นได้เป็นจำนวนมากมาย

    พระพุทธเจ้าสัทธาธิกะ หรือ วิริยาธิกะ ท่านจะมีพระชนมายุที่ยืนยาว หลายหมื่นปีถึง 1 แสนปี และอายุศาสนาของท่านหลังปรินิพพานก็จะประมาณพระชนมายุของท่าน เช่น
    พระทีปังกรพุทธเจ้าทรงมีพระวรกายสูง 80 ศอก เมื่อพระชนมายุได้ 100,000 ปี จึงปรินิพพานที่นันทาราม หลังจากนั้นพุทธศาสนาของพระองค์ก็ดำรงอยู่ต่อมานานถึง 100,000 ปี จึงอันตรธานไป (จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)

    นั่นก็หมายความว่า มีคนอีกประมาณ 1 รุ่น เท่านั้นที่จะได้พบพระธรรมของพระองค์ (หรืออาจ 2-3 รุ่น) ซึ่งถ้าเทียบกับ 50 รุ่นท่านคำนวณว่าอย่างไหนสัตว์โลกหลุดพ้นได้มากกว่ากัน

    แต่เรื่องนี้ก็คงเป็นอจินไตย คงเกินวิสัยที่ปุถุชนอย่างเราจะเข้าใจได้ครับ
     
  12. Ajahn hei

    Ajahn hei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +142
    Sadhuทุกท่าน!
    ยังไงก็ตาม
    พระพุทธเจ้าทุกพระองก็เป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุด ที่ดีและที่ควรได้รับการเคารพอันสูงสุด
    ดังนั้นได้เป็นพระพุทธเจ้าก็สุดยอดพอใจมากแล้ว
     
  13. namitta

    namitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,061
    ค่าพลัง:
    +3,517
    คนอายุขัย 100 ปียุคนี้. อาจฟังธรรมเป็น พันคนแต่บรรลุไม่กี่คน
    แต่คนอายุขัย 100000 ปี ฟังธรรม1000 เดียว บรรลุทั้งหมด
    เพราะสมัยพระพุทธเจ้าวิริยาธิกะ. ทุกอย่างในโลกจะเอื้อประโยชน์ในการแสดงธรรม. อาหาร ยวดยาน โรคภัยการรักษา เสื้อผ้า ผิวพรรณ สถานะ จะดีกว่าสมัยพระพุทธเจ้าปัญญาธิกะมากครับ
     
  14. namitta

    namitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,061
    ค่าพลัง:
    +3,517
    บางยุคคนเข้าใจสภาวะธรรมมาก เพราะไม่ลำบากแบบคนสมัยนี้. วินัยบางข้อ การลงปาฏิโมกข์แทบจะไม่มี บ้างก็มีน้อยเลย
     
  15. thaiboy74

    thaiboy74 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +207
    ก็อย่างที่ข้างบนเขากล่าวมามากแล้วนะครับ แต่จะขอเพิ่มเติมในส่วนที่ขาดไปนะครับ
    ในมหายานเขาบอกว่า ต้องเริ่มจาก ศรัทธามั่น ต่อจากนั้นก็เริ่มด้วยการตั้งปณิธาน และลงมือปฏิบัติ
    สำหรับเรื่องการบำเพ็ญบารมี ขอยกตัวอย่างอดีตชาติของพระพุทธเจ้านะครับ
    เป็นที่รู้กันในชาดก ว่าพระพุทธเจ้าได้ทรงเล่าไว้มากมาย โดยเฉพาะใน10ชาติสุดท้าย

    ในการศึกษาเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ทศชาติ มักถูกนำไปผูกโยงกับทศบารมี
    ซึ่งถ้าจะเน้นเรื่องปัญญากันอย่างเดียว ก็คงมีให้เห็นอย่างเด่นชัด ในมโหสถชาดกเท่านั้น
    สิ่งควรรู้คือ จริง ๆ แล้ว ในแต่ละชาติของพระโพธิสัตว์ ท่านก็ได้ฝึกฝนในทุกบารมีอย่างครบถ้วน แต่จะเด่นออกไปในแต่ละด้าน แต่ละชาติ ตามแต่สถานการณ์
    เหมือนสรรพสัตว์ เมื่อเวียนว่ายตายเกิด ก็เป็นคนใหม่ สิ่งที่ติดมาคือเมล็ดพันธ์แห่งความดี มีสัมมาทิฐิ ทำให้ไม่ทำบาป มีเมตตาเป็นธรรมชาติติดตัวมา การดำเนินชีวิต และคุณธรรมจึงมีความหลากหลายในแต่ละชาติ แต่ละภพ

    ตรงนี้ก็คือจะอธิบายว่า แม้พระพุทธองค์เองมาทางปัญญาธิกะ ก็ยังผ่านการบำเพ็ญสมัยเป็นโพธิสัตว์มาทุกแบบ 10 ชาติสุดท้าย เด่นเรืองปัญญาก็ชาติเดียว แต่เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้คือ คนที่บำเพ็ญในทางโพธิสัตว์นี้ จะโดดเด่นเรื่องปัญญากรุณาจริง ๆ ตามที่เคยประสบมากับตัว

    ถ้าคุณต้องการจริง ๆ ก็ศึกษา และปฏิบัติให้มาก และมีศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยม ศรัทธาในบาลีคือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย แต่มาคู่กับปัญญา และอื่น ๆ ตามหลักพละ 5
    ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป หนทางยังอีกยาวไกล
     
  16. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    :cool: เลือกได้ครับท่าน มันเริ่มรู้จัก ที่เราไปอธิษฐาน ต่อหน้าองค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งแรก ไปดู พระทีปังกรพุทธเจ้า สมัยพระพุทธเจ้า เข้าไป ทำความปราถนา บุญอันนั้น จะทำให้เรานึกถึงการกระทำครั้งแรก ที่ท่านทำ:cool:
     
  17. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ใช่ครับท่านเพราะการบำเพ็ญมามากน้อยไม่เท่ากัน อายุไม่เท่ากัน พระสาวกไม่เท่ากัน ลาภไม่เท่ากัน แต่ความเป็นพระพุทธเจ้าเหมือนกันทุกประการ:cool:
     
  18. Ajahn hei

    Ajahn hei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +142
    ก่อนได้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพยากรณ์ บำเพ็ณปัญญาบารมีคู่อธิษฐานบารมีก่อนอาจเป็นไปได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2013
  19. Ajahn hei

    Ajahn hei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +142
    อ้างจาก: Komphet ที่ มิถุนายน 18, 2009, 11:25:54 am

    1.เหตุที่พระพุทธเจ้าประเภทปัญญาธิกะตรัสรู้ได้รวดเร็วกว่าพระพุทธเจ้าประเภทอื่นๆ เนื่องด้วยเพราะเหตุใด ในหลายเว็บที่ผมดูเขาบอกว่าเพราะว่ามีปัญญามากกว่าศรัทธา ซึ่งผมอ่านแล้วยังเป็นคำตอบกว้างๆ แต่ผมอยากทราบว่าคำว่าปัญญาที่ว่านั้นคืออะไร มีความแตกต่างอย่างไรกับพระพุทธเจ้าอีก 2 ประเภท


    ปัญญาที่ว่านี้ หมายถึง พระโพธิสัตว์ประเภทนี้ จะเป็นผู้มีปัญญาสูง ฉลาดในอุบายและวิธีการบำเพ็ญบารมีมากกว่าพระโพธิสัตว์ประเภทอื่นครับ อาทิเช่นเวลาพระโพธิสัตว์ประเภทนี้ไปเกิดในสวรรค์หรือพรหมโลกก็จะไม่เสวยทิพยสมบัตินาน จะรีบหลับตาเพื่อให้จุติลงมาปฏิสนธิยังโลกมนุษย์เพื่อบำเพ็ญบารมีต่อ จึงใช้เวลาในการบำเพ็ญบารมีไม่นาน

    และเวลาบำเพ็ญบารมีท่านจะสร้างบารมีประเภท ปรมัตถบารมี10 ประการ ที่ต้องแลกด้วยชีวิตเป็นอันดับแรกๆและกระทำบ่อยๆ มากกว่าที่จะสร้างอุปบารมี 10 ประการที่แลกด้วยร่างกาย อวัยวะ และมากกว่าบารมี 10 ประการ ที่แลกด้วยทรัพย์สินเงินทองภายนอก

    บารมีจึงเต็มเร็วกว่าเพราะ ปรมัตถบารมี 10 ประการ ที่ต้องแลกมาด้วยชีวิตนั้นกระทำได้ยาก ไม่ใช่วิสัยที่คนทั่วไปจะทำได้ ตัวอย่างเช่น

    พระปัจเจกพุทธเจ้านั้น ท่านบำเพ็ญบารมีเพียงแค่อุปบารมี 10 ประการเท่านั้น ส่วนพระอรหันต์ทั่วไป ท่านบำเพ็ญเพียงแค่บารมีธรรมดา10 ประการเท่านั้นครับ

    และพระโพธิสัตว์ประเภทปัญญาธิกะ นั้นท่านสร้างปรมัตถบารมี ด้านเนกขัมมปรมัตถบารมีมากเป็นพิเศษครับ และสร้างก่อนบารมีข้ออื่นๆ
    http://www.kasina.org/board_v2/index.php/topic,143.0.html
     
  20. view2004

    view2004 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,107
    พระพุทธเจ้าด้านปัญญาธิกะ ใช้ปัญญาเป็นตัวนำ เป็นตัวเด่นที่สุด ส่วนตัวอื่นก็จะตามมาเอง ถ้าพูดถึงรายละเอียดการบำเพ็ญด้านปัญญาธิกะ เช่น จะใช้กุศโลบายต่างๆ ใช้ความรู้ทำงานในสิ่งที่คนทั่วไปทำไม่ได้ ให้เสร็จได้โดยเหมือนง่าย ที่สำคัญจะสามารถเข้าถึงธรรมในชาติต่างๆได้เร็ว เพราะ มีปัญญามาก มีความคิดละเอียด จิตใจละเอียด เป็นพื้นฐาน

    ตอนนี้จะบำเพ็ญปัญญาธิกะ ศรัทธาธิกะ วิริยะธิกะ ก็ล้วนใช้เวลานานเหมือนกันแทบไม่ต่างกันเลย เพราะ ต้องผ่านช่วงพระพุทธเจ้าในอนาคต(อนิตยโพธิสัตว์) ใช้เวลาหลายอสงไขยมากๆ

    แต่เชื่อว่าหลังจากนั้นไปแล้วหลายๆท่านซึ่งเป็นสมาชิกในเว็บนี้ที่มีบารมีเต็มอาจได้ตรัสรู้ก็เป็นได้ สิ่งสำคัญเราต้องบำเพ็ญบารมี 10 ให้ได้มากที่สุด ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องดิ้นรนมาก ตามโอกาสอันสมควร แล้วพยายามให้ได้รับพยากรณ์จากพระศรีอริยเมตไตรยเป็นต้น หรือผู้ที่เคยได้รับพยากรณ์มาแล้ว อาจรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ก็พยายามทำบารมี 10 ต่อเนื่อง ให้เต็ม 30 ทัศ สู้ๆครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...