ขอถามผู้รู้ครับว่าบ้านที่ทำการหล่อพระ ได้บุญอะไร

ขอถามผู้รู้ครับว่าบ้านที่ทำการหล่อพระ ได้บุญอะไร

แต่เพื่อนที่ทำบอกว่า บ้านเค้าไม่เห็นรวยสักที ใครพอรู้ไหมครับว่าทำไมไม่รวย

และบ้านที่หล่อพระ ได้บุญอะไรจากการหล่อพระขาย

 

ต้องไปถามดูว่าที่เขาทำกิจนี้เพื่อวัตถุประสงค์ใด...

บุญคือสภาพจิตที่เป็นไปกับ ทาน ศีล ภาวนา..ถือเอาจากเจตนาที่เข้ากับทาน ศีล ภาวนาเป็นหลักตัดสินว่าจะเป็นบุญหรือไม่..

ถ้าผู้หล่อไม่ได้มีเจตนาในหลัก 3 อย่างนี้ก็ไม่ได้เป็นบุญอะไร เป็นเพียงธุรกิจค้าขายอย่างหนึ่งเท่านั้น..

ขอให้จับหลักการที่สำคัญอย่างหนึ่งว่า บุญและบาป วัดได้ด้วย"เจตนา" ไม่ใช่วัดจากวัตถุนะครับ..

ส่วนที่เขาว่าไม่รวยอะไร ก็ต้องถามดูว่าเขาวัดความรวยตรงที่เลขหลักใดในบัญชีเงินของเขา..

บางคนที่พอใจในสิ่งที่เขามีและได้อยู่..เขาก็ถือว่าตนรวยก็มีเพราะรู้จักพอ.. ที่ไม่มีอะไรเป็นของตนเลยแต่รวยมากก็มีให้เห็น...ดูพระสุปฏิปัณโนทั้งหลายเถิดจะพบว่าทั้งๆที่ไม่อยากได้ไม่อยากเอาแต่คนทั่วทุกทิศหลั่งไหลมาให้กันไม่หยุด เพราะอานุภาพศีลอันงามที่ท่านมีอย่างเต็มเปี่ยมนั่นเอง..จริงหรือไม่ก็ลองถามใจตนว่า อยากทำบุญกับผู้ทรงศีลหรือคนไม่มีศีลมากกว่ากัน..

ส่วนบางคนมีอยู่นั่นแหละแต่ไม่รู้ว่าพอเป็นอย่างไรย่อมรู้สึกว่าตนช่างจนทุกที..นี่ก็เป็นธรรมดาของโลกอีกแบบหนึ่ง..

 

อาชีพหล่อพระ กับ เทปูนเสาบ้าน คงได้บุญเท่ากันอ่ะครับ

 

ผมคิดว่าถ้าคนหล่อเข้าถึงไตรสรณะคม แล้วมีความพอใจในการหล่อพระ มีปิติในขณะสร้างพระด้วยศรัทธา ก็เป็นบุญจากพุทธานุสสติกรรมฐานและได้อานิสงส์ทานเท่ากับคนที่ร่วมทำบุญสร้างพระพุทธรูป แต่ถ้าหล่อสักแต่ว่าหล่อวัตถุ ไม่เข้าถึงไตรสรณะคม อานิสงส์ก็คงไม่เท่ากับการสร้างพระพุทธรูปครับ อย่างที่สองนี่ผมไม่รู้นะว่าอานิสงส์จะได้ระดับไหน

 

ต้องดู หลายอย่างครับ

ทำเพื่อธุรกิจ ทำเพื่อการค้าจะไปได้อะไรล่ะ

แต่ใจมีความเคารพ มีศาสานาพุทธเป็นที่พึ่ง

มีศีล มีสมาธิ จะอาชีพไหนก็ได้บุญทั้งนั้นล่ะครับ

 

ทำบุญใครเขาหวังรวยกัน

เขาหวังนิพพานสิ ถึงจะถูก......

 

ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความรู้ครับ ผมจะได้ไปบอกกับเพื่อนครับว่าเป็นยังไง

 

เมื่อจะทำเจตนาให้เป็นไปกับกุศลแม้ในอาชีพทั้งหลาย...อย่างแรกที่ต้องเป็นผู้มีศีล อันเป็นฐานของการงานที่เป็นกุศลทั้งปวง...

เมื่อมีศีลแล้วก็จะไม่ล่วงกายกรรมและวจีกรรมทุจริต เช่นโกงหรือลวงใครๆ หรือโกหกลูกค้า..อาชีพนั้นจึงเป็นสัมมาอาชีวะ

ในขณะสร้างหรือหล่อพระพุทธรูป ก็ส่งใจให้ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าว่า พระองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมี 10 ประการมายาวนานถึง4อสงไขยกับแสน
มหากัปป์ อย่างบริบูรณ์ ดังนั้น พระพุทธลักษณะจึงงดงามอย่างไม่อาจหาที่เปรียบได้..

แม้เราก็ช่างมีบุญได้มีโอกาสหล่อพระพุทธรูปอันมีลักษณะงามเหนือสรรพสิ่งทั้งปวงเช่นนี้ อันบุคคลทั่วไปไม่สามารถกระทำได้ แล้วยังปีติให้แล่นไปในบุญนั้นเนืองๆ...นี้เป็นบุญขั้น"ภาวนา"คือ ระลึกถึงคุณของพระผู้มีพระภาค..หรือเมื่อกำลังหล่อพระพุทธรูปปางใด หากระลึกนึกถึงเรื่องราวที่มาของปางนั้นด้วยก็ยิ่งดี จิตเป็นไปกับเรื่องราวเพราะจิตเป็นไปกับพระธรรมในเวลานั้น..

จากนั้นพึงทำไว้ในใจว่า เมื่อชนทั้งหลายได้เห็นพระพุทธรูปนี้ก็ย่อมมีความชื่นชมโสมนัส ยังศรัทธาอันมั่น คงให้ตั้งขึ้น ย่อมเข้าถึงการมีสรณะคือพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เป็นสรณะ..เขาย่อมได้รับความสุขเกษมปลอดภัยในสังสารวัฏได้ เพราะปลูกศรัทธาปสาทในพระพุทธศาสนาได้เช่นนี้..

นี้ก็เป็นจิตที่เป็นไปกับเมตตาและกรุณา มีอานิสงค์มากมายมหาศาล..สำหรับอานิสงค์นั้น จะมีทั้งลาภ ยศสรรเสริญ และสุข อย่างยิ่งทีเดียว แม้หวังสิ่งใดก็ย่อมได้ดังประสงค์นั่นเทียว..

ท่านจขกท พึงแนะนำเพื่อนดังนี้แล ขออนุโมทนาในความเป็นมิตรที่ดีครับ...เพื่อนเช่นนี้ นับว่าเป็นเพื่อนแท้ เป็นกัลยาณมิตร น่าสรรเสริญนัก..

 

(ตถาคต ไม่เคยตรัสเรื่องพระพุทธรูปจึงหา อานิสงส์ไม่เจอ ถ้าสงเคราะห์เข้า ถูปารหบุคคล น่าจะได้ครับ เพราะถูปารหบุคคล ไม่รู้ว่า
เป็นไหน อาจจะทำเป็นแบบพระพุทธรูปก็ได้)

[๑๓๔] ดูกรอานนท์ ถูปารหบุคคล ๔ จำพวก ถูปารหบุคคล ๔ จำพวก เป็นไฉน คือ

พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นถูปารหบุคคลจำพวก หนึ่ง
พระปัจเจกสัมพุทธเจ้าเป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง
สาวกของพระตถาคต เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง
พระเจ้าจักรพรรดิ เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง ฯ

ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
จึงเป็นถูปารหบุคคล ชนเป็นอันมาก ยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้ เป็นสถูปของพระผู้มีพระภาคอรหันต
สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พวกเขายังจิตให้ เลื่อมใสในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะ
กายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลก สวรรค์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ข้อนี้แล พระตถาคตอรหันต
สัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเป็นถูปารหบุคคล ฯ

ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า จึงเป็น
ถูปารหบุคคล ชนเป็นอันมากยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้เป็นสถูปของ พระปัจเจกสัมพุทธเจ้านั้น พวก
เขายังจิตให้เลื่อมใสในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้า แต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ ข้อนี้แล พระปัจเจกสัมพุทธเจ้าจึงเป็นถูปารหบุคคล ฯ

ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร สาวกของพระตถาคต จึงเป็นถูปารห
บุคคล ชนเป็นอันมากยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้เป็นสถูปของสาวก ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมา
สัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พวกเขายังจิตให้เลื่อมใส ในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก
ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ข้อนี้แล สาวกของพระตถาคตจึงเป็น
ถูปารหบุคคล ฯ

ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร พระเจ้าจักรพรรดิจึงเป็น ถูปารหบุคคล
ชนเป็นอันมากยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้เป็นสถูปของพระธรรมราชา ผู้ทรงธรรมนั้น พวกเขายังจิต
ให้เลื่อมใสในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะ กายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะ
อาศัยอำนาจประโยชน์ข้อนี้แล พระเจ้าจักรพรรดิจึงเป็นถูปารหบุคคล ดูกรอานนท์ ถูปารหบุคคล
๔ จำพวกนี้แล ฯ

พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๐

 

การสร้างเพื่อจำหน่ายถือว่าเป็นพุทธพาณิชย์ มิใช่การสร้างเพื่อการให้ทาน ทำไมถึงไม่ทำให้เขารวย? การสร้างการหล่อพระเราคิดดูว่าเราสร้างเราหล่อบางทีก็เหยียบองค์พระบ้างขัดบ้างทาสีบ้าง แงะบ้าง เซาะบ้างทุบบ้าง จับเศียรบ้าง ทำแล้วเราขอขมากรรมไม
ถ้าเราทำให้สักแต่ว่าให้เสร็จ โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่เราทำ แล้วจะเราบุญกุศลที่ไหนทำให้รวย

บุญจะสำเร็จได้ด้วยใจบริสุทธิ์ สาธุ