อยากบรรลุธรรมเข้ามา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย newamazing, 13 ธันวาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ครั้งแรกที่ท่านเป็นโสดาบัน..ช่วยอธิบายตอนแยกขันธ์5..ให้ฟังเป็นทานหน่อยครับ อยากฟังถูก-ผิด จะแยกแยะเองครับ ไม่ว่ากัน:mad::'(
     
  2. iivv

    iivv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +201
    เสพได้ทุกวัน ไม่มีว่างเว้น (แล้วจะสลัดออกจากกามได้ยังไง มันไม่ใช่ของง่ายๆ)

    ยังเมาส์มันส์อยู่roo ขี้ roo เหยี่ยว

    ยังเมามันส์ อยู่ในน้ำเลือด น้ำหนอง

    เมามันส์ อยู่ในน้ำลายของบุคคลอื่น

    ขี้ฟันผลัดกันดูดกันเข้าไป จุ๊บจั๊บๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2013
  3. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ท่าน iivv มีภาพแบบนี้เยอะไหมครับ ผมใคร่กรุณาขอบ้างจะได้ไหม
     
  4. iivv

    iivv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +201
    ได้ครับ มีครับ จะเอาจากที่นี่เลยเปล่าครับ

    หรือจะให้ส่งทางเมล

    หรือจะcopy จากท่ีนี่ครับ
     
  5. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    .......เอา เฉพาะ เรื่อง อกุศลธรรมนะครับ(ราคะ โทสะ โมหะ หรือ ราคะ ปฎิฆะก่อน)....ก้ในเมื่อ เจริญอานาปานสติ ยังให้ สติปัฎฐานสี่สมบูรณ์ สติปัฎฐานสี่ที่สมบูรณ์(มีความเพียรเผากิเลส นำอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได้) ยังให้ โพชฌงค์7บริบูรณดังที่ จขกท ยกมา......แล้ว การเจริญ อานาปานสติ ตลอดที่ทำให้ สติปัฎฐานสี่บริบูรณ์ โพชฌงค์เจ็ดบริบูรณ์ จะมีช่องว่างให้แก่ สัญโยชน์(จิตผูกติดกับอารมณ์) อกุศลธรรม (ราคะ ปฎิฆะ)และ โน้มเอียงไปทาง กามฉันทะ ได้อย่างไร อย่างน้อยก็ต้องโน้มเอียงไปทาง สุญตา(สิกขาสาม จากการภาวนา)................โอเค เวลานักภาวนา ภาวนาอยู่ ในสติปัฎฐานสี่ จิตตานุปัสนา" จิตมีราคะ ย่อมรู้ว่า จิตมีราคะ" และ การโน้มเอียงไปทาง สุญตาของนักภาวนา ย่อมมี "สัมมาทิฎฐิ"(ความเห็นถูกเรื่องอกุศล กุศล)เป็นองค์ธรรมที่นำหน้า มีสัมมาวายามะ ความเพียร(สัมมัปธานสี่ เจริญกุศล ละอกุศล) มีสัมมาสติ(ก็คือการเจริญอานาปานสติ สติปัฎฐานอยู่)....องค์แห่งมรรค สามองค์นี้ที่ ตามแวดล้อม อีกห้าองค์แห่งมรรคอยู่ ตลอดเวลา จึง เรียกว่า มี "สัมมาสมาธิ"บริบูรณ์ ในที่สุด.....................ผู้มี อริยะสัมมาสมาธิ ก็ คงต้อง เดินหน้าไปทาง สุญตา ต่อไป................หรือ จขกท คิดว่า กามราคะ ปฎิฆะ ไม่ใช่ อกุศลธรรม ที่ควรเพียร ละ?:cool:โอเค ละ ได้ ไม่ได้ เป็นอีกเรื่องไม่ว่ากัน....แต่ที่ผมยกมา เพราะพระท่านสอนอย่างนี้ จขกท จะสอนสวนทางอยู่ นะจ้ะ ช่าย ม้าย:cool:
     
  6. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ^ตรงความเพียรนี่ล่ะครับ เห็นพี่ทริกเริ่มคล่องในมรรค แล้วชอบครับที่พี่ทริกยกองค์ขนาบในมรรคที่ว่าด้วยสัมมาสมาธิจำต้องมีกองรักษาทั้ง 7 อ่านที่พี่ยกมาบ่อยๆบันเทิงๆ
     
  7. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    อันนี้บอกตรงๆมีหลายเงื้อนไขมิได้หมายความว่าทำอะไรประเภทนั้นนะครับถ้าเข้าใจแบบนั้นถือว่าผมพูดผิดนะครับ ยอมรับว่าผิดไป
     
  8. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ครั้งแรกที่กล้าบอกว่าหายสงสัยนะครับ นั่งสมาธิพิจารณาร่างกายทั่วไปจนมาหยุดอยู่ที่ลมหายใจอย่างเดียวตอนนั้นจำได้ว่าลมหายใจเข้าออกแรงมากเพราะเจ็บมาก นอกจากดูลมหายใจแล้วอยากรู้ว่าความเจ้บนี้ที่สุดแล้วมันจะเป้นอย่างไร และความรู้สึกทางกายมันเปลี่ยนไปอย่างไรมันเปลี่ยนแปลงมั้ย มันเปลี่ยนแปลงไปหลายรูบแบบมาก แต่ยังจอจ่ออยู่กับลมหายใจพยายามเข้าใจว่าทุกอย่างมันปลี่ยนแปลงจริงๆ แต่ก็ไม่หายสงสัยในคำว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่ใช่ตัวตน แล้วเราไอ้ที่นั่งอยู่มันก็เป็นตัวตนมีแต่ความรู้สึก เวทนา จิต ความคิดเปลี่ยนแปลง แล้วที่นั่งอยู่มันก็เป้นตัวตนทำไมมันไม่เห็นไปไหน ก็สู้ต่อตายเป็นตานวะคิดในใจอย่างนั้น

    ถ้าตายได้คงตายจริงๆนั้นแหละ ที่นี่มันไม่ตายไอ้ตัวเราที่ว่านี่มันแตกสลายเลยในความรู้สึกแล้วไปปรากฎในมโนทวาร รูปนามยกจากกันเป็นทั้งความรู้สึกแล้วภาพปรากฎพอภาพปรากฎรูปนามแยกจากกันจบลง จะปรากฎเป็นช่องว่างของมิติ บอกตรงๆถ้าพูดภาษาเราคล้ายที่เขาเรียกว่าหลุมดำนั้นแหละครับ ภาพที่ปรากฎเป็นแต่ความว่างซึ่งแตกต่างกว่าท้องฟ้าไม่เคยเห็นเลยมาก่อนในชีวิตเหมือเรามองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วมีช่องว่างที่กว้างใหญ่ปรากฎให้เราเห็นเป็นความว่างอีกชั้นหนึ่ง ประเด็นที่ผมหายสงสัยคือตัวตนที่มันแยกจากกันนี้แหละ่ครับส่วนด้านการพิจารณานั้นมันพิจารณาไม่อยากหรอกด้วยโยนิโสมนสิการ นี่คือการหายสงสัยจริงๆของผมแบบไม่มีขอสงสัยต่อไป ตรงนี้เวทนาไม่ได้ดับเลย อะไรเล่าทำให้ชีวิตเราหายสงสัยแบบสนิทใจ สนิทใจแบบจริงจัง เปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างมากที่สุด
     
  9. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    มันเป็นคำพูดที่ประชดคนบางคนที่ไม่เข้าใจเฉยๆนำสู่การสนทนากัน ผมนะบางครั้งปีหนึ่งแถบไม่ออกเลยก้มี แต่แค่มีการกระทำอย่างนั้น ซึ่งมันไม่ผิดหรอก จิตที่เกิดอกุศลนั้นมันมีกำลังจะไปคิดอะไรแว็บๆมันก็มีบ้าง เิกิดแล้วก็ดับเป็นอนัตตาโน้น ขอเพียงอย่าละเมิดศิลห้า(สิ่งยืนยัยอริยบุคคล) แต่ปุถุชนละเมิดกันได้ก็เป็นบาปเป็นกรรมก็แล้วแต่เพราะกรรมก็มีตั้งมากมายฆ่าคนตายเป็นพันยังบรรลุได้เลย ต้องแยกให้ดีว่าเรื่องอะไร
     
  10. panyamoonoy

    panyamoonoy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2013
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    เราก็อยากบรรลุธรรม

    เมื่อประมาณปี 2545 - 2554 ได้เกิดอาการแปลก ๆ กับเรา คือเมื่อล้มตัวลงนอนในตอนกลางคืน ตัวเราจะรู้สึกเบา ๆ มาก ๆ เหมือนจะไม่มีแรงหายใจเข้าออก แต่เรายังมีสติสัมปชัญญะดีอยู่ สักพักเรารู้สึกตัวแข็ง ขยับเขยื้อนไม่ได้ ไม่รู้ว่าที่เป็นนั้นเป็นอาการผีอำหรือเปล่า แต่เรามีสตินะ เราก็สวดนะโม 3 จบ และสวดอะระหังสัมมาฯ นึกถึงพระพุทธคุณฯ แต่ว่าก็ยังไม่หาย เรายังขยับตัวไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเรารู้สึกเหมือนตัวเองล่องลอยออกไป เหมือนดิ่งจากที่สูงลงที่ต่ำ ลมหายใจมันแผ่วมาก เหมือนตัวเองกำลังจะตาย เป็นอย่างนี้หลายครั้งมาก และทุกครั้งที่มันลอยไปไกล เหมือนว่าเราใกล้จะตายแล้ว แต่เรายังไม่อยากตาย เราจะรวบรวมกำลังเฮือกใหญ่สะบัดตัวเองให้รู้สึกขยับตัวได้ เป็นอย่างนี้มาหลายครั้งมาก จนเราคิดว่ามันไม่ใช่อาการผีอำแน่ ๆ แต่มันคืออะไร ใครพอจะอธิบายให้เรากระจ่างได้บ้าง ขอขอบคุณ ณ ที่นี้
     
  11. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    อกุศลควรล่ะอยู่แล้ว สัมมาทิฎฐินั้นเห็นครั้งแรก(ขันต์ไม่เป็นตัวตนหรือใครจะนิยามอยางไรก็แล้วแต่ตนเองผมนิยามในความรู้สึกของผมในการปฎิบัติดั่งที่กล่าวไปแล้วเพราะสิ่งนั้นทำให้ผมหายสงสัยอย่างสิ้นเชิง)ก็เป็นโสดาบัน จึงเกิดการดำริออกจากกาม คิดที่จะออกเป้าหมายสูงสุดของชีวิตก็ต้องคือนิพพาน ก็ตั้งใจจะออกแต่ยังกำจัดไม่ได้หมดจึงมีการเสพกามทุกรูปแบบเป็นธรรมดา แต่การเสพทุกครั้งก็ต้องพยายามให้น้อยที่สุดเท่าที่ปัญญาจะมี แล้วรู้คุณรู้โทษในกาม ตรงนี้ก็เป็นการพยามยับยั้งการเสพกามในตัวอยู่แล้ว

    สัมมาทิฎฐินี่มีกำลังจะทำให้เราทิ้งอะไรได้มากจริงๆ ส่วนเรื่องราคะนั้นต้องอานาคามีถึงกำจัดได้หมดตามตำรา แต่พอเข้าใจ เพราะกามราคะนั้นผมน้อยมากจริงๆจากปรกติผมเสพทุกวันเปลี่ยนคนด้วยผมถึงมีเรื่องอย่างนี้เยอะ และเป็นปัญหาของผมนักมากกว่าคนอื่นเพราะผมสะสมมาเยอะ แต่ผมก้ทำได้บางปีผมแถบไม่เสพเลย อาจจะมีบ้างนิดหน่อย แต่ที่กล้าบอกว่าลูกเมียเขานะผมห้ามได้จริงจากการเกิดเหตุการณ์จริงที่มีคนมาให้ผมทำบบนั้นผมก็ไม่ทำจากเหตุการณ์จริงผมก็ได้พิสูจน์จากเหตุการณ์จริงหลายครั้ง

    แต่เรื่องใจที่คิดนั้นเป็นอนัตตาจริงๆที่เราไม่สามารถควบคุมได้ก็มีบ้างเป้นความรู้สึกทางใจแว็บเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปเป็นอกุศลเท่านั้น ถ้าห้ามได้ผมกำจัดมันไปนานแล้วไม่อยากให้มันอยู่กับผมหรอก ผมเหนื่อยมากกับมันมานาน นี่ไงความเพียรในชีวิตประจำวันและก็ยังเพียรที่จะทำกุศลทุกวัน ตื่นเช้าใส่บาตรทุกวัน และอื่นๆมากมายชีวิตผมเวียนวนอยู่กับสิ่งเหล่านี้มานาน ส่วนมรรคข้ออื่นๆก็เดินไปตามปรกติ แต่ผมเน้นการนั่งสมาธิเพราะเป็นการเดินมรรควิธีที่ครบเลยตรงนั้นที่เดียวควบคู่กับการเจริญสติในการอธิฐานการงานมพยายามมีสติกับทุกอย่างในชีวิตให้มากที่สุดแม้แต่การนอนของผม ผมบอกตรงๆผมไม่เคยแบบความเป็นธรรมดาของผมมานานมากแล้ว
     
  12. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    เล่านิทานก่อนนอนครับ
    สมัยเมื่อยังอัดคำบริกรรมพร้อมนั่งสมาธิภาวนาจริงจังแทบไม่ปล่อยให้หลุดนาน
    จนได้เจอกับอาการในสมาธิหลายๆอย่าง เห็นเนื้อหนังกระดูก ภายในกาย เห็นนอกกาย เห็นแสงสว่าง แห็นดวงจันทร์ เห็นอาทิตย์ เห็นหลุมดำ รู้สึกอีกหลายประการ ดิ่ง วูบ เหมือนหลุดไปสักที่ วับไปสักที่ ไปเจออะไรอีกเยอะแยะดี
    พอตื่นก็ ทำงานต่อ เท่านี้เอง
     
  13. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    คนเราสะสมกิเลสมาต่างกันอาการต่างๆเกิดจากการที่เราเปลี่ยนแปลงธาตุขันต์ด้วยการปฎิบัติธรรมนั้นจะมีอาการแสดงตัวออกมาแตกต่างกัน โดยเพาะคนที่นั่งสมาธินั้นจะมีอาการต่างไม่เหมือนกันเป็นไปตามอนุสัยของกิเลสเราผมเจอมามากขอให้คิดว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปไม่ยึดมั่นถือมั่น อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่มีสาระแก่นสาร ให้ตั้งจิตอย่างนี้อะไรก็ทำเราไม่ได้ เดินตามพระศาสดาทำให้มากที่สุดเท่าที่ปัญญาเราจะทำได้ ธรรมย่อมให้ผลสมควรแก่ธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2013
  14. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ดีจังครับเจอเยอะดี ผมเองเจอตอนไม่ได้สมาธิเพราะเจ็บแถบตายนะครับ เจออะไรก็เจอกันเยอะทั้งนั้นขอเพียงเราหายสงสัยอย่างจริงใจนั้นหละปัจจัตตัง เห็นรูปนามเกิดดับ พอครั้งที่สองหลังจากนั้นอีก9ปีพึ่งเจอแต่คราวนี้แตกต่างจากคราวแรกเพราะเป็นการดับกิเลสเกือบตาย ลมหายใจดับร่างกายแยกจิตเวทนาทั้งหลายหยุดหมดทั้งความคิด มีแต่ตัวรู้ เวทนาดับทำให้ดับตัญหาไปด้วยเพราะตัณหาเกิดจากเวทนา
     
  15. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ตรงนี้สำคัญที่ มีแต่ตัวรู้
    และที่เป็นจุดน่าพิจารณาคือ แทบตาย เกือบตาย
     
  16. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    คุยกันในด้านวินิจฉัยนะครับตัดผมออกไป คือตอนนั้นอยากรู้ว่าที่สุดมันอยู่ตรงไหนจะไปเจออะไรตรงนี้ ตอนแรกก็จะลุกขึ้นเพราะเจ็บมากความเป็นกับความตายเท่ากันแล้ว แต่ถ้าลุกขึ้นก็จะทำอย่างไรกับความสงสัย ก็ต้องเจ็บแบบนี้หนีไม่พ้นสักที ก็ตัดสินใจตายเป็นตายถ้าตายตอนนี้ก็ถือถวายพระองค์เลย และที่สุดมันก็ปรากฎออกมาจนหายสงสัยจริงๆ ครั้งที่สองก็เหมือนกันสภาวะที่ถูกบีบคั้นจนถึงที่สุดก็จะปรากฎอะไรที่เราไม่เคยเห็นเพราะมันเป็นที่สุดของกายเราจริงๆที่จะทนได้ เป็นการวินิจฉัยตั้งตนเรื่องที่จะสนทนากันเท่านั้นเอง ส่วนการจะเป็นอะไรนั้นผมบอกตรงๆนะไม่ใช่สาระอะไรเลยจริงๆครับ เราก็รู้อยู่ใช้มั้ยครับอะไรอะไรมันก็ไม่ควรยึดมั่นถือมันแม้แต่พระนิพพานเองก็ตาม
     
  17. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ตัวรู้นั้นคือสัตว์ผู้มีอวิชาได้รู้ถึงความจริงว่าขันต์ไม่ใช่ตัวตนไม่ควรยึดเท่านั้นเอง สัตว์ผู้มีอวิชาได้เข้าถึงสภาวะของการไม่มีแก่นสาร แต่จะกำจัดอวิชาได้หมดนั้นขึ้นอยู่กับสภาวะธรรมนั้นๆหรือมรรคจิตนั้นๆ
     
  18. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ให้ที่นี้ก็ได้ครับสะดวกไหม ถ้าไม่สะดวกส่งเข้าอีเมลล์ผมก็ได้ครับ เดี๋ยวส่งให้ที่ PM ครับ
     
  19. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    หนทางดับทุกข์คือ มรรคมีองค์8 ย่อเหลือ3 ศิล สมาธิ ปัญญา ย่อเหลือ2สมถะวิปัสนา หนึ่งเดียวคือ กายคตาสติ มีสติอยู่ลมหายใจ
     
  20. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    สรุป การเจริญสติอยู่กับปัจจุบันในทุกอริยบทนั้นก็เพื่อปิดกั้นอกุศลเมื่อทำกาละจะได้ไม่ไปอบายเท่านั้น เพราะจิตถ้าไม่มีสติอยู่กับปัจจุบัน จิตที่เคลื่อนออกจากกายไปจับความคิดที่เป็นอกุศลแล้วนั้นไปก่อภพชาติแล้ว ถ้าทำกาละในขณะนันไปสู่อบายแน่ ฉนั้นการฝึกสติแบบอธิฐานการงานนั้นเพียงเพื่อปิดกั้นอบายได้เท่านั้น ส่วนการฝึกสมาธิแบบอานาปานสติสูตรนั้น เป็นการฝึกสมถะวิปัสนาเพื่อตรงต่อการบรรลุธรรมได้ง่ายที่สุดวิธีหนึ่ง ที่มีอานิสงค์มาก จนเข้าถึงวิมุติ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...