เเจกความรู้เรื่องยาสมุนไพร ทุกขนานครับ

เกร็ดความรู้เพิ่มเติม จากผม
ครับการมีตำรายา ทุกขนานหรือทุกครูบาอาจารย์ นั้นเป็นเรื่องดีหมดครับ
เเต่บางครั้ง มันก็เป็นเรื่องยาก ทีเราจะรู้ได้นะครับ ว่าตัวยาหรือตำรายาทุกชนิดใด จะรักษาโรค ในตัวเราได้หมดทุกตัวยา ทุกสูตรนะครับ
แบบตำรายา ถึงมันจะดีวิเศษขนาดไหนก็ตามเเต่ เเต่ธาตุในร่างกาย เราไม่เหมือนกันเลย (เหมือนเเค่ธาตุทั้ง4 ดิน น้ำ ไฟ ลม)
จะหนักธาตุไหนมากกว่า หรือธาตุเบากว่า บางคนเป็นโรคที10โรค บางท่านสงใสว่า เป็นโรคเดียวกันเเท้ กินยาตัวเดียวกันเเต่ไม่หายเเต่อีกคนหาย
ไม่ต้องต้องสงใสเลยครับ เพราะธาตุในกายท่าน มันอาจจะหนักกว่าหรือเบากว่าหรือเป็นโรคหนักกว่าหรือเบากว่าหรือมีโรคอื่นผสมอยู่ด้วย เเละทีสำคัญโรคกรรมเก่า ครับ หายหรือไม่หาย ก็โรคเวร โรค กรรม อย่าสักเเต่เขาว่าหายกัน พูดปากต่อปาก (อยากรู้ก็เป็นโรค แล้วไปรักษาสิ เอิกๆๆๆ) ตำรายาของครูบาอาจารย์ทุกท่านเก่งหมดเเละครับ เเต่จะใช้ได้ผลกับเราหรือเปล่าไม่รู้ ครับในทางความเป็นจริงมันเป็นเช่นนั้นจริงๆๆ(แต่จะหายหรือไม่หายมันก็ต้องรักษาค้นคว้ากันต่อไปเพราะโรคสมัยนี้มันไม่เหมือนโรคในสมัยก่อนหลอกครับ ไวรัสก็อัพเกรดตัวมันเองเหมือนกันนิ เอิกๆๆๆๆๆๆ เดียวจะโดนดูถุกว่าไร้ค่าสมัยนิยมหัวโบราณ ก็ว่ากันไป เอิกๆๆๆๆ)
มันก็ไร้ผล ต่อให้มีตำรายาวิเศษก็ตาม ขนาดผมเองศึกษามานาน ค้นหาต้นยาสมุนไพรกับพระอาจารย์ทางพระ เเละอาจารย์ฆราวาส ผมก็ยังเป็นโรค มะเร็งผิวหนัง
เเต่ไม่กลัวตายเเล้ว รักษา เบาเทาได้เยอะ เเต่มันไม่หายหลอกครับ
หมอยาก็ตายได้เหมือนกัน ผมก็พยายาม ลงรูปไว้ให้ดูกัน จะได้รู้ตัวยา ไปด้วยเลย
สมัยนี้ คนทีจะรู้จักมันน้อยมากครับ บางต้นยาก็หายาก เพราะป่าไม้ มันจะหมดป่า
เอาสิครับ บางต้นยาก็มี ไม่เหมือนกันหมดทุกภาค จะเเต่ละที ถ้าไม่ร้านค้าขายยาก็ไปหาเอา เเต่ผมชอบไปหาเองกับพระอาจารย์มากกว่า เอิกๆๆๆเทียวไปด้วย
ผมก็เลยจะรวบรูปภาพยาเเต่ละต้น ไว้ให้ดูกันนะครับ อย่าทีบอกผมก็หาเอาในเนตในเวปมาช่วยบ้าง ถ้าไม่มีผมก็หาเอามาลงเอง เพราะสมุดหนังสือผมมีอยู่ 2000กว่าหน้า
ในสมัยผมอบรมมาครับ เเจกความรู้ศึกษากันไว้เป็นทาน ถ้าซ้ำกับท่านใด ขออภัยด้วยครับ ผมจะลงรูปให้มากทีสุดครับ ผมว่าน่าจะ500-700ก้พอมั่งครับ เพราะตัวยาอื่น มันก็ไม่ค่อยน่าสนใจหรือมีประโยชน์เท่าไรหลอกครับเอาเเค่ พอทีผม เรียนมาศึกษามาก็เเล้วกัน ส่วนท่านอื่นๆๆๆอาจจะเก่งกว่าผมอีก มีเยอะครับ
ตำรายา ก็เหมือนกัน ผมจะลงสลับกันไป (ลำบากเหมือนกันเนอะมีตำรายาเเต่ไม่รู้หน้าตายาเป็นอย่างไร ) ผมก็จะเเจกทานความรู้เท่าทีผมมีละกัน

 

การะบูน การบูร
การบูร(ภาคกลาง) เจียโล่(จีน)
สรรพคุณ มีสรรพคุณบำรุงธาตุ ขับเสมหะ ขับลม แก้จุกเสียดแน่นเฟ้อ แก้ปวดท้อง ท้องร่วง ขับเหงื่อ ใช้ผสมในยาหม่อง ยาขี้ผึ้ง ยาครีมทาแก้เคล็ดบวม ขัดยอก แพลง แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย และโรคผิวหนังเรื้อรัง
(วิทีทำเอาเป็นยามันยากขั้นตอนยุ่งยากผมเเค่ลงไว้ให้ดูเฉยๆๆนะครับ)
ไปชื้อทีเขาทำเสร็จเลยตามร้านยามีเยอะครับ กาบูรทีเป็นก้อนขาวผลึกหรือผงครับ

 

กาลพฤกษ์ ชื่ออื่น ๆ : ราชพฤกษ์ กาลพฤกษ์ ไชยพฤกษ์(ภาคกลาง) เปลือกขม(ปราจีน) กาลส์(เขมร )
สรรพคุณ
เนื้อในฝัก ใช้ปรุงเป็นยาระบายอ่อนๆๆ
เเก้พิษไข้
เมล็ด เป็นยาเเก้พิษ ใช้ทานทำให้อาเจียน

 

กำยาน
ภาคกลาง : กำยาน, กำยานไทย
ภาคเหนือ : กำยาน
กะเหรี่ยง-เชียงใหม่ : เซ่พอบอ
ละว้า-เชียงใหม่ : เข้ว
ศรีสะเกษ : เกลือตานตุ่น
นครพนม : ชาติสมิง
นราธิวาส,มาเลเซีย : กำมะแย, กำยานสุมาตร
ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์
ยางที่ได้จากลำต้น หรือเปลือก

สรรพคุณ
ยาง ของมันมีกลิ่นหอม ใช้เป็นยาบำรุงเส้น แก้ลม แก้นิ่ว ขับปัสสาวะ สมานแผล ดับกลิ่นเน่าเหม็นทุกประเภท เมื่อนำมาผสมกับขี้ผึ้งใช้ทาแก้โรคเชื้อรา น้ำกัดเท้า ทาแผล ใช้เผาไฟเอาควันอบห้องซึ่งเป็นยาฆ่าเชื้อโรคในอากาศ เป็นยาไล่ยุงริ้น นอกจากใช้ยาทางแล้ว ยังสามารถใช้ทำธูป ทำกระแจะ หรือเครื่องหอมอีกด้วย

 

กินกุ้งน้อย
กินกุ้งน้อย, (เชียงใหม่) ; ผักปราบ, (ทั่วไป); หญ้าเลินแดง, (สุราษฏร์ธานี)
สรรพคุณ
ลำต้น นำมาตำให้ละเอียดคั้นเอาน้ำใช้ล้างแผลเรื้อรัง และเป็นยาแก้โรคบิด หรือใช้กินป้องกันการเป็นหมัน และเป็นยาแก้โรคบิด เป็นยาแก้ไข้ ใบสดนำมาตำเอากากใช้พอกแผล
เป็นยาแก้ไข้ ลดอาการปวดบวม และใช้เป็นยารักษาโรคเรื้อน
ใบนำมาย่างไฟ ให้ร้อน เเล้วนำมาทาถูกต้องทีเป็นโรคทีเกิดจากเชื้อรา
หรือนำใบสดๆๆตำเอากากมาพอก

 

กุ่มน้ำ
กุ่มน้ำ, ผักกุ่ม, รอถะ, อำเภอ, เหาะเถาะ
สรรพคุณ ใบ มีกลิ่นหอม รสชาติขม ใช้ต้มเอาน้ำกินเป็น ยาแก้ไข้ ยาเจริญอาหาร ยาบำรุง ยาระบาย ขับพยาธิ แก้ปวดเส้น โรคไขข้ออักเสบ เป็นอัมพาต ขับเหงื่อ ใช้ภายนอกเป็นยาถูนวดให้เลือดมาเลี้ยงให้ทั่ว เปลือก ใช้เป็นยาระงับพิษทางผิวหนัง เป็นยาบำรุง แก้ไข้ ขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะ ขับน้ำดี ขับน้ำเหลืองเสีย และเป็นยาแก้อาเจียน

 

_/\_ เจ้าของกระทู้ค่ะ สำหรับการตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา พ่อของดิฉันก็ป่วยเป็นมะเร็งค่ะ เป็นมะเร็งตับระยะสุดท้ายขณะนี้รามไปยังปอด อยากทราบค่ะว่ายานี้หาซื้อได้จากที่ไหนบ้าง และจะบอกร้านขายยาว่าอย่างไร รบกวนให้ความรู้ตรงนี้ด้วยค่ะ ช่วยยกตัวอย่างให้ด้วย ขอบคุณมากค่ะ

 

water2525 ครับสำหรับคุณwater2525
ผมก็ว่า ระยะสุดท้าย นั้นมันก็ยากอยู่ ครับทีจะหาย เเต่ถ้าจะให้ หยุดหรือ พอประทังชีวิิตก้ได้อยู่ครับ ตำราทุก ตำรา ในเวปพลังจิต ก็ถ้าไปอ่าน ก็ใช้ได้ทุกตำราละครับ
เเต่ผมจะเเนะนำ ให้ไปวัดป่ากุดฉนวนอุดมพร ตำบลบ้านเขว้า อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ ครับ ถ้าสงใสไปเปิดเวปดูได้ครับ ที่นั้นรักษามะเร็งระยะสุดท้าย แบบโรงพยาบาลไม่รับรักษาเเล้ว หลายท่านเคยไปครับ ผมเเนะนำไปครับก้หลายท่านอยู่
เเต่ตัวยา หนอนตายซากหรือหนอนตายอยาก ครับ ต้มกิน พอประมาณ อย่ามากเกินไป
กับกาฝากพุทรา ครับ จะหยุดการเติมโตของมะเร็งทุกชนิด สองอันนี้ผมเคยรักษาอยู่ครับ เเละก็มีกระเจี๊ยบเเดง กับหญ้าปักกิ่ง เป็นมะเร็งต้องงดเนื้อสัตว์ หรือไปเปิดเวปดูเลยครับ เเต่ตำรามันเยอะ จะเเนะนำก็ไม่ถูกเหมือนกัน เเต่ถ้ายาของผมทีทำให้เเม่ชีทานก็ ประดงเลือดม้า เเละเเดงครับ มันหายากมีเเต่ประเทศลาวครับประเทศไทยมีน้อย ประเทศไทยมีเเต่เเดง
เวลาไปชื้อยาทีร้านก็ จด ตำรายา ทีมีอยู่ทุกกระทู้ในเวปพลังจิตของใครก็ได้หมดเเละครับ เขาลงไว้ ชอบอันไหนก็ไปจด เเล้วส่งไปให้ทางร้าน เขาก็จะจัดตามทีเราจดไปให้เขาเเละครับผม ไปชื้อทีร้านยาขายสมุนไพร นะครับ เช่น ว่า
ในตำรา มี ข้าวเย็นเหนือหนัก2บาท ข้าวเย็นใต้หนัก2บาท กานพลู หนัก2บาท
(อันนี้ผมยกให้ดูเป็นตัวอย่างครับ) เราก็จดไป เเล้วเอาไปทีร้านขายยาสมุนไพร เขาก็จะจัดให้ตามทีเราเขียน ส่วนน้ำหนักทีข้างหลัง ว่า1บาทหรือ2บาท อันนี้มันคือน้ำหนักยา เเต่จะเป็นเงินจริงทีเราชื้อ อีกตั้งหากเช่น ข้าวเย็นเหนือ หนัก2บาท อันนี้ หนัก1บาทคิดเป็นเงินจริง อาจจะ5บาท (เเล้วเเต่ร้านจะคิดตัง) หนัก2บาทก้เป็นเงิน10บาท
ส่วนยาผมรักษามะเร็งทุกทีทีเป็นครับ
ยาสมุนไพรหาชื้อได้ จากร้านขายยาสมุนไพร ครับผม จดเเล้วก็เอาไปให้เขาจัดให้ครับ

 

กู่ไฉ่ หรือ กู่ช่าย
กุ่ยช่ายหรือกูไฉ่ เป็นผักที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีนและญี่ปุ่น สามารถนำมาเป็นกับข้าวและขนมได้หลายอย่าง เป็นผักที่รับประทานได้ทั้งดิบและสุก เช่น รับประทานสดๆ กับผัดไทย หรือจะผัดผักรับประทานก็ได้ ส่วนขนมกุยช่ายก็เป็นที่รู้จักกันดีโดยเฉพาะในหมู่คนจีน และแพร่ขยายเป็นที่นิยมกันไปทั่วจนตี๋สยามรุ่นใหม่ก็นิยมกินกันไม่น้อย

กุยช่าย มีรสเผ็ดหวาน มีฤทธิ์ร้อนช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย จึงเหมาะที่จะรับประทานในหน้าหนาว และหน้าฝนที่มีอากาศชื้นๆ กลิ่นของกุยช่ายจะมีกลิ่นฉุนของน้ำมันหอมระเหย เหมือนกลิ่นของพวกกระเทียม คือมีสารประกอบพวกกำมะถัน

ถ้า สังเกตให้ดีจะพบว่าสมุนไพรกลิ่นฉุนๆ พวกนี้จะช่วยทางด้านสมรรถภาพทางเพศ กุยช่ายก็เช่นกันสรรพคุณทางยาจีนเชื่อว่า การรับประทานกุยช่ายจะช่วยรักษาอาการไร้สมรรถภาพทางเพศ หลั่งอสุจิเร็ว หลั่งอสุจิแบบไม่รู้ตัว

กุยช่าย อุดมไปด้วยเหล็ก ฟอสฟอรัสและแคลเซี่ยม คนทั่วไปจึงมักนิยมผัดกุยช่ายกับตับหมูเพื่อเพิ่มธาตุเหล็กให้กับร่างกาย กุยช่ายผัดตับหมูจึงเหมาะกับแม่ลูกอ่อนหลังคลอดเป็นอย่างยิ่ง และกุยช่ายยังมีวิตามินอื่นอีกมากมาย เช่น วิตามินบี วิตามินซี คนจีนจึงเชื่อว่าใบกุยช่ายเป็นยาบำรุงสุขภาพชั้นยอด ในคนร่างกายอ่อนแอ ไอเรื้อรัง ไอแบบไม่มีแรง เป็นหวัดง่าย จึงมักนำกุยช่ายต้มกับตับหมู โดยให้กินตับหมูและดื่มน้ำแกง

กุยช่าย เป็นผักที่มีเส้นใยมาก ปัจจุบันประโยชน์ของเส้นใยมีการพูดถึงมากมายในการส่งเสริม สุขภาพ เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็งในลำไส้ เป็นต้น จากการที่กุยช่ายมีเส้นใยสูงจึงกระตุ้นให้มีการบีบตัวของลำไส้ได้ดี แก้ท้องผูกป้องกันอุจจาระเป็นก้อนแข็ง หากใครที่ท้องผูก เพียงรับประทานกุยช่ายต้มหรือเป็นอาหารรับประทานก็จะช่วยบรรเทาได้

หรือใครท้องอืด ท้องเฟ้อ กุยช่ายช่วยขับลมได้ดี ใช้ใบสดตำคั้นน้ำดื่ม หรือจะผัดรับประมานก็อร่อย

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าการกินกุยช่ายเป็นประจำช่วยป้องกันมะเร็งในลำไส้ได้ อาจเป็นเพราะกุยช่ายมีส่วนประกอบเป็นพวกเส้นใยมากนั่นเอง

สรรพคุณ ทางยาของกุยช่ายมีมากมายหลายอย่าง เป็นสมุนไพรที่มีสารพัดสรรพคุณน้องๆ กระเทียมทีเดียว แต่กุยช่ายมีข้อดีกว่ากระเทียมคือกินสดๆ ง่ายกว่ากระเทียมไม่แสบท้อง ฤทธิ์ที่สำคัญของกุยช่ายคือฤทธิ์ลดการอักเสบ แก้ฟกช้ำดำเขียว ฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค

- แก้อาการปัสสาวะกะปริบกะปรอย โดยใช้เมล็ดแห้งต้มรับประทาน หรือจะทำเป็นยาเม็ดรับประทานก็ได้

ตำรับ ยาที่ใช้ได้แก่ หากถูกตีฟกช้ำเอากุยช่ายสดตำให้แหลกพอกบริเวณที่เป็นจะสามารถแก้อาการฟกช้ำ ห้อเลือดและแก้ปวดได้ หรือเวลาที่เป็นแผลมีหนองเรื้อรัง ใช้ใบสดๆ ล้างให้สะอาดพอกที่แผล หรืออาจผสมดินสอพอง ในอัตราส่วนใบกุยช่าย ๓ ส่วน ดินสองพอง ๑ ส่วน บดให้ละเอียดจนเหลวข้นแล้วทาบริเวณที่เป็นวันละ ๒ ครั้ง ในกรณีที่บวมฟกช้ำเนื่องจากถูกกระแทก

ส่วน คนที่เป็นแผลริดสีดวงทวารก็แนะนำให้ใช้ใบกุยช่ายสดๆ ใส่น้ำต้มให้ร้อน จากนั้นนั่งเหนือภาชนะเพื่อให้ไอรมจนน้ำอุ่น หรือใช้น้ำต้มล้างที่แผลวันละ ๒ ครั้ง หรือจะใช้ใบหั่นฝอยคั่วให้ร้อน ใช้ผ้าห่อมาประคบบริเวณที่เป็น จะทำให้หัวริดสีดวงหดเข้า

นอก จากฤทธิ์ลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแล้ว ยังเชื่อว่าถ้าแมลงหรือตัวเห็บเข้าหูให้เอาน้ำคั้นกุยช่ายหยอดเข้าไปในหู จะทำให้แมลงหรือเห็บไต่ออกมาเอง ในกรณีนี้ห้ามใช้นิ้วหรือของแข็งแคะออก

กุยช่าย ยังเป็นสมุนไพรที่ผู้หญิงควรรู้จักสรรพคุณในการใช้เป็นอย่างยิ่ง คือถ้าเมื่อใดมีอาการตกขาว คนจีนแนะนำให้เอาต้นกุยช่าย ไข่ไก่ น้ำตาลอ้อย ต้มรับประทาน เมื่อผู้หญิงเริ่มท้องก็ควรรับประทานใบกุยช่ายผัดกับตับหมู เมื่อท้องมีอาการคลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร เอาน้ำคั้นกุยช่ายครึ่งถ้วยและน้ำขิงอีกครึ่งถ้วยผสมกันและนำไปต้มจนเดือด แล้วเติมน้ำตาลตามใจชอบ ดื่มน้ำยาที่ได้

ถึง ตอนคลอดมีอาการหมดสติเขาจะใช้ใบกุยช่ายสดสับให้ละเอียด ใส่ในเหล้าที่ต้มเดือดแล้วกรอกเข้าไปในปาก หรือเมื่อหลังคลอดมีอาการวิงเวียนจะใช้ใบกุยช่ายสับละเอียดเอาใส่ขวด เติมน้ำส้มสายชูร้อนๆ ลงไปแล้วใช้สูดดมแก้วิงเวียน

คน ไทยเราเองเมื่อคลอดลูกแล้วคนโบราณว่าแม่ลูกอ่อนรับประทานผักหอมแป้น (กุยช่าย) แกงเลียงจะช่วยบำรุงน้ำนม ในกรณีที่มดลูกหย่อนหลังมีลูกก็ให้ใช้ใบสดๆ ประคบหรือเอามาล้างที่อวัยวะเพศภายนอก

จะ เห็นว่าสรรพคุณของกุยช่ายมีมากมายเหมาะกับทั้งท่านชายและท่านหญิง ท่านชายที่มีปัญหาหมดสมรรถภาพทางเพศหรือหลั่งเร็ว กำลังเตรียมจะหาซื้อยาไวอากราก็น่าลองใช้สมุนไพรกุยช่ายดูบ้าง ไม่มีผลข้างเคียงอะไร ทั้งยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย แต่ต้องทานเป็นประจำจึงจะเห็นผล แถมยังช่วยให้ไตแข็งแรง มีกำลังไม่เพลีย

หรือท่านหญิงที่กำลังท้องกำลังไส้ มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ลองหันมาทำยาแก้แพ้ท้องที่แสนจะปลอดภัยและให้ประโยชน์กันดูบ้าง

 

เกล็ดนาคราช
กลีบม้าลม(เชียงใหม) เบี้ยไม้(ภาคเหนือ) ปรือเปาะ(เขมร)
สรรพคุณทางยา
ต้น - ใช้แก้อักเสบ ปวดบวม
ใบสด - ใช้ตำพอกพวกโรคพุพอง
หัว - ใช้เป็นยาถอนพิษไข้ พิษไข้กาฬ

 

เกร็ดมังกร
กะปอดไม้ (เชี่ยงใหม่-ชุมพร) เกล็ดมังกร,เบี้ย (ภาคกลาง) หญ้าเกล็ดลิ่น(ชลบุรี)
สรรพคุณ

ลำต้น เป็นยาแก้อักเสบ แก้ปวดบวม
ใบสด นำมาตำให้ละเอียด แล้วนำมาพอกบริเวณแผลพุพอง

 

เเก้วลืมวาง
เก็งชุ้งล้อ (จีน-กรุงเทพฯ) แก้วลืมวาง (เชียงใหม่)

สรรพคุณ
ลำต้น ใช้เป็นยาแก้โรคมะเร็งผิวหนัง แก้โรคเรื้อน ขับระดู ขับปัสสาวะ เป็นยารักษาบาดแผล รักษาโรคโกโนเรีย และโรคแผลเน่าเปื่อย


ข้อห้ามใช้ : ห้ามใช้กับสัตว์ที่มีครรภ์ เพราะอาจจะทำให้ลูกในท้องแท้งได้

 

โกฐกะกลิ้ง
โกฐกะกลิ้ง, กระจี้, กะกลิ้ง, ตูมกาแดง (ภาคกลาง), แสลงทม, แสลงเบื่อ (นครราชสีมา) ,แสลงเบือ (อุบลราชธานี), โฮงบ้วยจี๊ (จีน)
สรรพคุณ
เมล็ด รสเมาเบื่อขมจัด เมล็ดแห้งแก่เรียกว่า โกฐกะกลิ้ง มีสรรพคุณบำรุงธาตุ บำรุงหัวใจให้เต้นแรง แก้ไข้ เจริญอาหาร ขับน้ำย่อย บำรุงประสาทหู ตา จมูก บำรุงเพศของบุรุษ แก้โรคอันเกินจากปากคอพิการ ขับพยาธิ ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ แก้พิษงู พิษตะขาบ พิษแมงป่อง แก้ลมกระเพื่อมในท้อง แก้คลื่นเหียน แก้ลมพานไส้ แก้ริดสีดวงทวาร แก้โลหิตพิการ ทำให้ตัวเย็น แก้ลมคูถทวาร ขับลมในลำไส้ แก้หนองใน แก้ไตพิการ แก้เส้นตายเหน็บชา แก้เนื้อชา แก้กษัย ขับลม แก้ลมชัก แก้ปวดเมื่อย


ใบ รสเมาเบื่อ ตำพอกแก้แผลเน่าเปื่อยเรื้อรัง รักษาแผลเรื้อรัง รักษาโรคผิวหนัง รักษาไตพิการ


ต้น รสเมาเบื่อ แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย ขับปัสสาวะ ลดไข้ แก้โรคผิวหนัง ช่วยเจริญอาหาร บำรุงหัวใจ บำรุงประสาท ต้น ต้มน้ำดื่ม หรือฝนทา แก้ปวดตามข้อ แก้อักเสบจากงูกัด เปลือกต้น แก้พิษสัตว์กัดต่อย พิษงูกัด ฝนกับสุราปิดแผล และรับประทานแก้พิษงู ในกรณีแก้อักเสบจากงูพิษกัด อาจใช้สมุนไพรก่อนแล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล ผสมกับรำให้ม้ากิน ขับพยาธิตัวตืด เปลือกต้นผสมกับผลปอพราน และเหง้าดองดึงคลุกให้สุนัขกินเป็นยาเบื่อ

ยาสมุนไพรพื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานี ใช้ ลำต้น ต้มน้ำดื่ม แก้พิษภายใน


ราก รสเมาเบื่อ ราก แก้ไข้มาลาเรีย ฝนน้ำกิน และทาแก้อักเสบจากงูกัด ในกรณีแก้อักเสบจากงูพิษกัด อาจใช้สมุนไพรก่อนแล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล


แก่น รสเมาเบื่อ แก่น แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย ยาสมุนไพรพื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานี ใช้ แก่น เข้ายากับเครือกอฮอ ต้มน้ำดื่ม แก้เบาหวาน

ข้อควรระวัง : ทุกส่วนของต้นมีพิษ เป็นยาอันตราย การนำมาทำเป็นยาต้องฆ่าฤทธิ์ ตามกรรมวิธีในหลักเภสัชกรรมไทยเสียก่อน มีฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลาง หากรับประทานมากเกินไปจะเป็นพิษทำให้กล้ามเนื้อกระตุกชัก ขากรรไกรแข็ง

อาการพิษ : ในเมล็ดแก่แห้ง พบว่ามี แอลคาลอยด์ strychnine และ brucine ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลาง มีความเป็นพิษสูง หากรับประทานเกินขนาดจะเป็นอันตราย การกินเมล็ดแสลงใจ เพียง 2-3 เมล็ด ทำให้เสียชีวิตได้ ส่วนของเมล็ด ดอก ถ้ารับประทานเข้าไปทำให้กล้ามเนื้อกระตุก เกร็ง กลืนลำบาก ขาสั่น ชักอย่างแรง หัวใจเต้นแรง ขากรรไกรแข็งและตายได้ ในกรณีไม่ตายพบว่ามีไข้ ตัวชา กล้ามเนื้อเกร็ง หัวใจเต้นเร็ว และเหงื่อออกมากติดต่อกันหลายวัน ขนาดรับประทาน 60-90 มิลลิกรัม ทำให้ตายได้

 

โกฐจุฬาลัมพา
สรรพคุณ
โดยทั่วไปนิยมใช้เป็นยาถ่ายแก้น้ำเหลืองเสียแก้ท้องร่วง ถ่ายพยาธิขับปัสสาวะ ขับเหงื่อ ขับลมในลำไส้ แก้ไขข้ออักเสบ ระงับการเกร็งของกล้ามเนื้อ ทำให้ประจำเดือนมาปกติ บำรุงมดลูก ระอับอาการปวดท้อง และอาการเจ็บท้องคลอดลูก โดยเอาใบต้มเอาน้ำดื่มใช้ภายนอก นำเอาใบสดมาต้มแล้วตำให้ละเอียด แล้วนำมาพอกแก้โรคปวดศีรษะ รักษาแผลเรื้อรังแก้อาการเคล็ดบวม ใบและช่อดอกใช้ต้มเอาน้ำดื่มเป็นยาขับเสมหะ แก้หืด อาหารไม่ย่อย

 

โกฐพุงปลา บวบลม
กล้วยไม้ (เหนือ) บวบลม (นครราชสีมา, อุบลราชธานี) เถาพุงปลา (ภาคตะวันออก ระยอง) โกฐพุงปลา พุงปลาช่อน (กลาง) จุกโรหินี
สรรพคุณ
ยาสมุนไพรพื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานี ใช้ ทั้งต้น เข้ายาแก้โรคตับพิการ เถา ต้มน้ำดื่ม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม ผล ต้มน้ำดื่ม ลดน้ำตาลในเลือด นำผลมาดึงไส้ออก ใส่น้ำ เผาไฟให้อุ่น ใช้หยอดหู นำผลผสมฝอยลม ต้มน้ำดื่ม ขับลมในกระเพาะอาหาร นำผลผสมข้าวเย็นเหนือ ใช้เลิกบุหรี่ นำผลเผาไฟเอาน้ำ ใช้ขับลม หยอดหูน้ำหนวก นำผลผสมมดแดงฮ้าง ต้มน้ำดื่ม แก้ลมพันไส้
ยาสมุนไพรพื้นบ้านจังหวัดนครราชสีมา ใช้ ราก ทาแผล เพื่อสมานแผล
ยาพื้นบ้าน ใช้ ทั้งต้น รสฝาดสุขุม ต้มน้ำดื่ม แก้ปวดท้อง เนื่องจากโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ใบ รสฝาดสุขม ใช้เป็นยาฝาดสมาน แก้ท้องร่วง แก้ท้องเดิน แก้บิด แก้อาเจียน แก้ปวดเบ่ง มูกเลือด เสมหะผิดปกติ ใช้ภายนอกเป็นยาสมานแผล ราก รสฝาดสุขุม แก้ท้องร่วง แก้อาเจียน แก้บิด แก้ปวดเบ่ง แก้เสมหะพิการ สมานแผล แก้ไข้เพื่อโลหิต แก้ลมปลายไข้ ใช้ภายนอกเป็นยาฝาดสมาน รากนำมาเคี้ยวกับพลู เป็นยาแก้ไอ

 

โกงกางเขา

ชื่ออื่นๆ
ฝ่ามือผี (มหาสารคาม);โพดา (ปน);คันโซ่ (อุบลราชธานี);นางสวรรค์ นิ้วนางสวรรค์ (ใต้)
สรรพคุณ
ยาพื้นบ้านอีสาน ใช้ ราก ต้มน้ำดื่ม บำรุงเลือด

 

ถ้าทุกท่าน ได้ดูภาพสมุนไพรเเล้วมองไม่เห็นภาพขึ้นช่วยเเจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ
เพราะผมใช้เเอกาส เนตไร้สายครับ อาจจะไม่เเรงเท่าทีควร นะครับ
หลายท่านคงเห็นภาพเเล้วนึกออกใช่ใหมครับ ว่าสมุนไพร ทีเคยเห็นทีเเท้มันก็ ชื่อหรือหน้าตาแบบนี้เอง เเต่ทุกท่าน ก็เคยเห็นผ่านๆๆๆมาเเล้วละครับเเต่ผมเชื่อว่าเป็นเช่นจริงๆๆ เเต่ไม่รู้จักว่ามันเป็นประโยชน์ อย่างไรเท่านั้นเอง

 

ขอบคุณครับ ที่นำความรู้มาต่อยอดความรู้ครับ
หยากได้เก็บไว้มากเลยครับ มีที่เขารวมเป็นตำราใหมครับ

 

กลอย
มันกลอย กลอยข้าวเหนียว กลอยหัวเหนียว (นครราชสีมา) กลอยนก (เหนือ) กลอยไข่ (ตะวันออกเฉียงเหนือ)
สรรพคุณ
ตำรายาไทย ใช้ หัวใต้ดิน แก้เถาดาน (อาการแข็งเป็นลำในท้อง) หุงเป็นน้ำมันใส่แผล กัดฝ้า กัดหนอง ราก บดผสมกับน้ำมันมะพร้าว ใบยาสูบ ใบลำโพงหรือพริก ใช้ทาหรือพอกฆ่าหนอนในแผลสัตว์เลี้ยง หัว ตากแห้ง ปรุงเป็นยาแก้น้ำเหลืองเสีย ขับปัสสาวะ แก้ปวดตามข้อ ฝีมะม่วง โรคซิฟิลิส
ตำรายาพื้นบ้านนครราชสีมา ใช้ หัวใต้ดิน หั่นเป็นแผ่นบางๆปิดบริเวณที่มีอาการบวมอักเสบ
(เเนะนำ)ครับผมหัวกลอยให้แป้งมาก แต่มีสารไดออสคอรีน ซึ่งมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางซึ่งอาจทำให้ถึงตายได้ ทำให้เมา คันคอ อาเจียน เหงื่อออก ตาพร่า ใจสั่น วิงเวียน ต้องนำมาทำให้หมดพิษ โดยปอกเปลือกทิ้ง แล้วหั่นเป็นแผ่นบางๆ ใส่ชะลอมหรือตะกร้าแล้วนำไปแช่ทิ้งไว้ให้น้ำไหลผ่าน เช่นน้ำทะเล น้ำตก น้ำห้วย สัก 2-3 วัน ล้างให้สะอาด จึงจะรับประทานได้

 

มันก็พอมีครับ ตามร้านหนังสือ ครับผม

เเต่ถ้าเป็นตำราเก่าๆๆแบบผม มันหายากครับ ต้องเข้าอบรมเรียนรู้สมุนไพรไทยครับ ถ้าหาไม่ได้จริง ก็รอผมลงให้หมด700ชนิด เเล้วก็มาก็อป เก็บไว้สิครับ เเต่รอนานหน่อยครับกว่าจะครบ ผมกะว่าจะลง500-700ชนิดละ
เเต่บางชนิดก็อาจจะไม่มีภาพนะครับ หายาก ผมจะลงไว้ให้มากทีสุดละครับ อาจจะไม่ถึง700ชนิด ก็ตามเเต่ มันจะมี ว่าน ด้วยทีมีผลทางยา ผมจะลงหมดเเละครับ ลงจนลงไม่ได้เเละ