"วิชาโทรจิต"..และการฝึกฝนจิตให้เป็นหนึ่งเดียวกับพลังงานต้นกำเนิด

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 7 กรกฎาคม 2006.

  1. surapar

    surapar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +2,408
    เคยลองเล่นกับเพื่อนแล้วสนุกดี คุณลองจิ ก็ให้อีกคนนึงนึกภาพอะไรก็ได้ แล้วลองส่งมาให้เราดูทางจิต เริ่มจากที่มีรูปทรงง่ายๆ ก่อน ต้องมีสมาธิด้วยนะ หลังจากนั้นผู้รับก็เดา (ตามที่รู้สึกหรือเห็น ว่าเห็นอะไรบ้าง) สนุกดีค่ะ ลุ้นดี ขำๆ[​IMG]
     
  2. appyLuny

    appyLuny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2007
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +206
    โอ อยากฝึกจังเลยยย
     
  3. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ khajornwan [​IMG]
    พี่นักเขียนคะ.. วันนี้อยากจะขอคำแนะนำเกี่ยวกับการรับและส่งกระแสจิตหรือโทรจิตค่ะ เคยเรียนมาบ้างแล้วแต่เวลาทดรอง รับ - ส่ง กับเพื่อนดูแล้วเพื่อนมักจะรับกระแสจิตของเราได้ แต่ทำไมเรารับของเพื่อนไม่ได้ มีบางครั้งเหมือนกันค่ะที่เป็นลักษณะพูดเอง เออเอง ( คิดในใจนะคะไม่ได้พูดออกมาจริง ๆ ) ประมาณว่าสนทนากับตัวเอง แล้วอย่างงี้จะรู้ได้ยังไงคะว่าสิ่งที่เรากำลังพูดคุยอยู่นั้นเป็นการคุยกันทางจิต หรือว่าเรากำลังฟุ้งซ่านอยู่ค่ะ.. ขอคำแนะนำด้วยนะคะ..
    (b-green)
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    พี่นักเขียนใช้ฝึกง่ายๆเป็นเหมือนเกมส์คือ :
    ให้คนที่ฝึกกับเราผลัดกันนึกคิดในใจด้วยการสร้างจินตภาพว่าเขากำลังคิดถึงตัวอักษรหรือเลขหรือนึกคิดถึงวัตถุอะไรอยู่ แล้วเราก็หลับตาลงกำหนดจิดตูว่า เขาคิดอะไร แว้บหนึ่งที่ผุดขึ้นมาก็รับเอาเลย เหมือนกับที่ห้วหน้าห้องวิทย์ฯเอาเลขมาทายพวกเรานั่นแหละค่ะ แต่หัวหน้าแกให้โจทย์โหดหน่อย เลขตั้ง 3 ตัว แต่ก็ยังมีหลายคนทายถูกได้ 2 ใน 3

    การฝึกง่ายๆอย่างนี้เป็นการฝึกรับ-ส่งโทรจิตก็ว่าได้นะคะ พี่นักเขียนเคยฝึกกับสามีของพี่บ่อยๆ จนทุกวันนี้เปลี่ยนสภาวะไปคือ พอเขาจะพูดอะไร เรามักจะมีความคิดของเขาผุดขึ้นมาก่อนเสมอๆ แล้วเขาก็ทักว่ารู้ใจ และในทางกลับกันก็เหมือนกัน เขามักรู้ใจพี่นักเขียนเสมอๆ ทำให้พี่นักเขียนเชื่อว่าการฝึกโทรจิตกับคนรักคนใกล้ตัวที่เราผูกพันธ์มากๆทำได้ง่าย เพราะเราปราศจากวิตกวิจารณ์ในส่วนที่เราไม่รู้เห็นเกี่ยวกับเขา และเรามีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่ผูกพันธ์จดจ่อกับเขาได้ง่าย

    สำหรับพี่นักเขีนแล้วการคุยกันทางจิตเสมือนถาม-ตอบ มักเป็นไปเวลาที่สือกับท่านอาจารย์อนาลัย และพบว่าคำถามของตอนเองได้คำตอบที่มาจากภาวะจิตที่ลุ่มลึกกว่าปกติคือ รู้ว่าคิดเองไม่ได้ ไม่มีคำตอบ แต่เมื่อถามแล้วปล่อยคำถามทิ้งไป หลังจากนั้นเมื่อเขาภวังค์ ไม่ว่าจะเป็นในสมาธิ หรือทำอะไรเพลินๆ เลิกคิดไปแล้ว หรือนั่งสงบๆชมนก ชมไม้ คำตอบที่คาดไม่ถึงผุดจะผุดขึ้นมา ซึ่งพี่นักเขียนเรียกภาวะนี้ว่า สติสัมปขัญญะที่จดจ่อกับตัวตนภายนอก คุยกันกับ สติสัมปขัญญะที่จดจ่อกับตัวตนภายใน

    การถาม-ตอบลักษณะนี้มักจะเป้นไปเหนือเหตุผล คือ คำตอบที่ได้ไม่ได้เป็นไปตามระบบการคิดที่เราถูกสอนให้คิด คำตอบมักเป็นไปด้วยการรู้โดยสัญชาติญาณ ได้คำตอบแล้วมักจะได้ภาพรวมๆมาด้วย คือ ไม่ได้เป็นคำตอบที่มีขั้นตอนตามลำดับบนเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่เป็นภาพรวมเบ็ดเสร็จหมด และความรู้ในลักษณะนี้เมื่อรู้แล้วมักทำให้เชื่อมั่น หรือจะเรียกว่าหัวดื้อก็คงไม่ผิด เพราะเหตุผลอื่นที่แม้จะดูเป็นเหตุเป็นผลกว่าจะลบล้างความเชื่อมั่นนี้ไม่ได้ แต่ความดื้อหรือความเชื่อมั่นในสิ่งที่ได้รับมักเป็นไปในลักษณะที่ว่า มันทำให้เราไม่สะทกสะท้านกับการถูกปฏิเสธ เช่นหากเรารับรู้มาแลัวถูกขัดใจ ถูกปฏิเสธ เราจะไม่รู้สึกโกรธ ซึ่งพี่นักเขียนพอจะเปรียบได้กับภาวะของการเป็นแม่ที่รู้ถึงความเป็นไปบางอย่างของลูกอย่างละเอียดแล้ว แม้ลูกจะแสดงอาการต่อต้านบ้างเป็นบางคราว แม่ก็ไม่โกรธเพราะรู้ว่าอาการต่อต้านของลูกเป็นไปด้วยความไม่รู้ ต่อเมื่อเขารู้แล้วเขาจะเลิกต่อต้านไปเอง เป็นต้น

    หากเป็นภาวะที่ถามเอง-ตอบเองอย่างที่คุณน้องขจรวรรณว่าพูดเอง-เออเองนั้น พี่นักเขียนว่าเราก็คงเป็นด้วยกันทุกคน-ไม่มากก็น้อย แต่เราสามารถสำรวจได้ว่า คำตอบนั้นมาจากตัวเราหรือสติสัมปขัญญะที่จดจ่อกับตัวตนภายนอก คุยกันกับ สติสัมปขัญญะที่จดจ่อกับตัวตนภายนอก หรือว่า สติสัมปขัญญะที่จดจ่อกับตัวตนภายนอก คุยกันกับ สติสัมปขัญญะที่จดจ่อกับตัวตนภายใน

    เพราะหากเป็นภาวะที่สติสัมปขัญญะที่จดจ่อกับตัวตนภายนอก คุยกันกับ สติสัมปขัญญะที่จดจ่อกับตัวตนภายนอก เราจะพบว่าเรามักถาม-ตอบ เป็นเหตุ-เป็นผล เป็นระบบการคิดที่เราถูกสอนให้คิด และคำตอบที่ไดัมักจะไม่นอกเหนือความสามารถตามปกติที่เราจะขบคิดได้ ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์เสมอไป บ่อยครั้งก็เป็นคำตอบที่ใช้ได้กับชีวิตประจำวันค่ะ

    ตามธรรมชาติแล้วโทรจิต หรือการติดต่อสื่อสารทางจิตเป็นสิ่งที่เป็นไปอยู่เสมอ เช่น เมื่อเราได้ยินได้ฟังผู้อื่นเล่าเรื่องราวต่างๆ เรามักมีจินตภาพเกิดขึ้นตามไปด้วย และหากเรารู้สึกได้ว่าสิ่งที่เขาเล่าเป็นความเป็นจริง ภาพที่ปรากฏจะคมชัด และบ่อยครั้งเราแทบจะบอกว่าเรารู้และเข้าใจเรื่องราวได้หมดก่อนที่เขาจะผู้นั้นจะเล่าเรื่องจบด้วยซ้ำไป จินตภาพที่เกิดขึ้นคือการสื่ิอสารทางจิตที่เป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติก่อนที่จะมีการถ่ายทอดเป็นคำพูดด้วยซ้ำไป แต่คำพูดเหนี่ยวนำให้เราจดจ่อกับการถ่ายทอดนั้นได้ดีขึ้น

    ในทางตรงกันข้าม บ่อยครั้งไม่ว่าผู้ที่เล่าเรื่องราวนั้นๆจะพูดว่าอย่างไร จินตภาพที่ปรากฏขึ้นมากลับไม่ได้เป็นไปตามนั้น ทำให้เรารู้สึกว่า เรากำลังได้ยินสิ่งที่ไม่เป็นจริง จะเรียกได้ว่าจับโกหกได้ก็คงไม่ผิด แม้จะไม่เห็นหน้าเห็นตา ได้ยินแต่เสียงผ่านสายโทรศัพท์หรือ on-line มาก็รู้สึกสัมผัสได้

    ทั้งนี้เราจะพิสูจน์ได้ไม่ยากว่า สิ่งที่เรารับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า ซึ่งขัดกันกับความรู้สึกของเรานั้น เป็นไปเพราะเรารับรู้ได้จริงด้วยประสาทสัมผัสที่หก หรือความเชื่อในทิศทางของเราทำให้เราไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า เราจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่า การจับผิดนั้นๆเป็นไปได้จริงด้วยความรู้ คืออ่านใจเขาได้ โทรจิตกับเขาได้ หรือเป็นไปตามความเชื่อที่ผิดของเราเท่านั้น เราพิสูจน์ได้จากความรู้สึกอีกเช่นกัน

    เมื่อสิ่งที่เรารู้เห็นเป็นไปด้วยความเชื่อ หากมีผู้ใดมาขัดใจหรือปฏิเสธสิ่งที่เรารู้เห็น เรามักจะรู้สึกโกรธ ไม่พอใจ หรือมีความรู้สึกในแง่ลบเกิดขึ้น เพราะความเชื่อเป็นภาวะที่ขาดความมั่นคง มันพร้อมเสมอที่จะถูกเปลี่ยนไปเป็นความเชื่ออื่นๆ หรือเปลี่ยนเป็นความรู้ เมื่อใดความเชื่อนั้นๆถูกท้าทาย มันมักจะสั่นคลอน แม้แต่แม่ที่คิดว่าตนเองถูกต้องและถูกลูกปฏิเสธ หากแม่โกรธ แม่ก็คงต้องสำรวจตนเองเหมือนกันว่า แม่กำลังยึดติดกับความเชื่อส่วนบุคคลหรือว่าสิ่งที่รู้นั้นเป็นความเป็นจริง เพราะความเป็นจริงไม่เคยสั่นไหวหรือสะทกสะท้าน หากผู้รู้เผชิญกับการปฏิเสธและต่อต้านของผู้ที่ไม่รู้ สิ่งเดียวที่จะเกิดขึ้นนั้นคือความเมตตา

    สรุปได้ว่า โทรจิตหรือการติดต่อสื่อสารทางจิตเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่า เป็นธรรมชาติ และไม่ต้องหัดให้เป็นไป แต่สิ่งที่ต้องฝึกหัดคือ แยกแยะให้ได้ว่า ที่ผุดขึ้นมาว่ารู้นั้น รู้จร้งหรือเป็นเพียงความเชื่อ และการกำหนดให้รู้เห็นทางจิตเป็นไปได้เสมอเมื่อเราปรารถนา ทุกวันนี้เมื่อเราเผชิญกับปัญหาใดๆในชีวิต หรือต้องการรู้เห็นสิ่งที่นอกเหนือประสาทสัมผัสทั้งห้า เราก็มักจะจับความรู้สึกบางอย่างที่ผุดขึ้นมาได้โดยปราศจากข้อมูลทางกายภาพอยู่แล้ว เช่น หากคุณน้องขจรวรรณต้องการรู้ความเป็นไปของเพื่อน ความคิดคำนึงหรืออารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเขา หากเราเอาใจไปจดจ่อกับเขา เราอาจรรู้สึกได้ถึงความกระวนกระวายใจที่เกิดขึ้น ความสุข ความขบขัน ความเศร้า ฯลฯ แต่เรามักคิดว่าเมื่อเรานึกคิดถึงเขา อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดนั้นๆเป็นของเราเสียหมด เรามักไม่เคยเผื่อใจไว้ว่า ตามธรรมชาติแล้วจิตวิญญาณประสานกับเป้นระบบเครือข่าย อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราทั้งหลายจึงเป็นระบบเปิด เมื่อมีผู้ใดจดจ่อ หรือ หันเข็มมาสู่ภาวะจิตของเรา เขาก็จะรับเอาอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราได้ไม่มากก็น้อย

    ผู้ที่ฝึกฝนและดูเสมือนว่าจะมีความสามารถสูงในการรับส่งโทรจิตนั้น เป็นผู้ที่มีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดอ่อนไหวง่าย คือฝึกให้ตนเองมีความอ่อนไหว รับอะไรก็รู้จักสังเกตและแยกแยะได้ว่า อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดนั้นๆเป็นของตัวฉัน จากประสบการณ์ของฉัน หรือว่ามันเป็นอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่รับมาจากการจดจ่อหรือคิดคำนึงถึงผู้ใด

    เรามักเผลอนึกคิดถึงใครๆ แล้วก็มีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่ผันผวนไปโดยไม่รู้ตัว บางอารมณ์ก็ไม่รู้ว่าผุดมาจากไหน แล้วเราก็มักจะสลัดมันทิ้งไป หากคุณน้องขจรวรรณต้องการฝึกส่งกระแสจิต รับ-ส่ง สิ่งที่ต้องทำคือการรู้จักกระตุ้นอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดให้มีความสั่นสะเทือนสูง หรือทำตัวให้เป็นผู้ที่มีความรู้สึกอ่อนไหว

    พี่นักเขียนเชื่อและฝึกด้วยตนเองด้วยการรู้จักทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีก่อน คือเมื่อก่อนคิดว่าอ่านใจใครเขาไม่เป็น หรืออ่่านไม่ได้ แต่เริ่มต้นด้วยการตั้งใจฟังเขาพูดอย่าจดจ่อเสมอ เพื่อจะได้เข้าใจเขาได้อย่างลึกซึ้ง เมื่อเริ่มต้นเป็นผู้ฟังที่ดีด้วยหูแล้ว บ่อยๆเข้าจิคมันก็จะฟังได้ดีไปด้วย และจิตก็จะเริ่มจับภาพที่ปรากฏได้ว่า เป็นไปตามที่ได้ฟังหรือขัดกัน แม้รู้ว่าขัดกัน หากโกรธ หรือมีความรู้สึกในแง่ลบเกิดขึ้นกับเขา ก็ตรวจสอบได้ว่า ความเชื่อของเราผุดขึ้นมาบิดเบือนภาพไม่ให้เราเห็นไปตามที่เขาพูด หรือว่าคววมรู้ผุดขึ้นมาบอกความเป็นจริงเรา

    คุณน้องขจรวรรณช่วยโทรจิตไปหาน้องมายด์กับน้องต้น Kenji น้อง Jaynoral หน่อยค่ะ ห้องวิทย์ฯขาดวัยรุ่นไม่ได้หรอกนะ เดี่ยวพวกพี่ๆหลังห้องเลิกสร้างหุ่นยนต์ลงมาเล่นบท hyper กับบทงงกันหมด เราอาจจะขาดการติดต่อทางโทรจิตกับมนุษย์ต่างดาว (rose)


    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=86527&page=76
     
  4. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    การพูดคุยโทรจิตเป็นเรื่องน่าสนใจมากครับ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ซะทีเดียว น่าจะเป็นความสามารถโดยธรรมชาติของจิตที่ได้รับการฝึกฝนจนชำนาญ ทั้งผู้รับ-ผู้ส่ง หากฝึกกันได้จริงจังอย่างที่พระเกจิหลายท่านเคยใช้กันหรือหลายๆท่านฝึกฝนอยู่ บางท่านก็ทำได้แล้ว คงมีหลายวิธีการครับ ลองเอาคำทำนายและความรู้บางอย่างมาเล่าให้ฟังเพราะหลายท่านมีพื้นฐานดีกันอยู่แล้ว ลองฝึกกันดูบ้างก็ดีครับในกลุ่มพวกเรา สร้างเป็นเครือข่ายที่มีทั้งผู้รับ -ผู้ส่ง ในเครือข่ายระบบเดียวกัน จูนกันง่ายหน่อยแต่จะฝึกกันได้ก้าวหน้าแค่ไหนเป็นอีกเรื่องครับ

    คำพยากรณ์ของพระเกจิท่านหนึ่ง
    ประมาณปี 2552 เป็นต้นไปจะมีการเรียนการสอนวิชชาสาม และวิชชาหก โดยฆราวาส 4 ท่านที่มีบารมีและพลังจิตสูงมาก ซึ่งจะมีการเรียนการสอนกันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสอนการใช้โทรจิตติดต่อกัน โดยไม่ต้องใช้โทรศัพท์มือถือหรือโทรศัพท์บ้าน หลังจากนั้นจะมีการปรากฏตัวขององค์พระศรีอาริยเมตไตรย(พระเจ้าจักรพรรดิ) การเรียนการสอนวิชชาต่างๆ เหล่านี้จะทำได้ที่เดียวในโลกคือประเทศไทย ที่อื่นๆ ในโลกไม่สามารถทำการสอนได้เพราะนี่เป็นเรื่องฟ้าลิขิต ชาวต่างชาติจากที่อื่นๆ ทั่วโลกที่มีชีวิตเหลือรอดมาได้ จะมาเรียนวิชชาเหล่านี้ที่เมืองไทยที่เดียว

    http://www.palungjit.org/board/showt...=3906&page=186
     
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    ตอนนี้ก็เริ่มปรากฏแล้ว
    โลกกำลังเข้ายุคพระศรีอารย์
    พระศรีอารย์....ไม่มีตัวตน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  6. มหัศฤทธิ์

    มหัศฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +855
    อดัมสกี้...ได้ยินชื่อแล้วอยากกินสุกี้จังเลยครับ
    ฝึกกับอาจารย์ไก่(คนเมืองบัว)ก็ได้ครับ...
     
  7. HS4OFL

    HS4OFL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +1,382
    สุดยอดจริงๆอนุโมทนาอยากจะเป็นคนที่อ่านใจคนอื่นๆได้จังว่าเค้าคิดยังไง
    แต่ผมคงมีบุญไม่ถึงสิ่งเหล้านั้นจิตใจไม่สงบพอยังมีอะไรหลายๆอย่างให้คิดมากในชีวิตประจำวัน
     
  8. HS4OFL

    HS4OFL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +1,382
    อยากดูเป็นคลิป ชอบมักมากครับเรื่องแปลกๆดีๆ
     
  9. yacth007

    yacth007 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมทดลองโยนเหรียญอ่ะครับ 5ครั้ง ได้3ครั้ง ไม่ได้2ครั้งอ่ะครับ

    แล้วรวมกับที่ผมโยนเล่นๆแต่ตั้งใจให้ออกตามต้องการ

    ก็ประมาน80ใน100น่ะครับ
     
  10. sa_bye_dee

    sa_bye_dee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +34
    จิตปราศจากใจ ใจปราสจากอารมณ์ จิตโปรงใสใจว่างปล่าว

     

แชร์หน้านี้

Loading...