คนที่มีคู่ครองคนรัก สามารถฝึกปฏิบัติจนไปนิพพานได้ไหมค่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Ukie, 6 มกราคม 2013.

  1. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    ตามหัวข้อเลยค่ะ ขอบคุญมากๆเลยค่ะ สำหรับทุกๆคำตอบ:cool:
     
  2. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    ได้ อยู่แล้ว แต่ได้ยังไงนั้นต้องพิจารณาปฏิบัติเอาเอง ซึ่งก็มีวิธีแบบเดียวกับที่ทราบโดยทั่วไปแต่ต้องใช้ความอดทนและความพยายามสูงมากเลยทีเดียว แต่ตามความเห็นเชื่อว่าได้ เพราะไม่เคยมีเส้นกั้นในเรื่องนี้
     
  3. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    คือมีคนแนะนำว่า อยู่คนเดียว เราก้อไม่มีห่วงในเรื่องอะไรมาก มันง่ายกว่าถ้าคิดจะไป จะตัดอยู่แล้วก้อตัดทุกเรื่องไปเลย แต่อีกคนก้อแนะนำว่า ให้อยู่กับปัจจุบัน ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ

    ถ้าจริงๆแล้ว ถ้าใจเรายังยึดติดเรื่องคู่ครองคนรัก เราจะละมันได้อยากกว่าคนที่ไม่มีคู่ครองคนรักใช่ไหม คือเราเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ เพื่อที่จะละมันออกใช่ไหมค่ะ. คือละออกจากใจน่ะค่ะ ยิ่งพิมพ์ยิ่งงง
    คือสับสนค่ะ
     
  4. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594

    เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง ใจเป็นใหญ่ใช่ไหมค่ะ แล้วถ้าใจเรายังยึดติดเรื่องพวกนี้อยู่ ก้อจะไปยากกว่าคนอื่นที่ไม่มีใช่ไหมค่ะ

    ตกลงถ้าเราอยากไปนิพพาน ใจเราต้องมีหรือไม่มีสิ่งไหนค่ะ
     
  5. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    ถ้าอย่างนั้น สำหรับคนที่มีคู่ครองอยู่แล้ว เกิดวันนึงใจมุ่งมั่นปรารถนาอยากไปนิพพาน เราจำต้องแยกตัวจากคนรักไหมค่ะ ถ้าเราอธิบายแล้วเค้าไม่ยอมรับ เราคงทำให้เค้าทุกข์ใจ อย่างนี้เราจะไปได้ดีไหมค่ะ. หรือใจใครก้อใจมันควรจะรักษาเอง

    แฮะๆ ขอบคุญ ทุกๆ คำตอบค่ะ
     
  6. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ได้คับมรรคผลมันคนละเรื่องกับการใช้ชีวิตคู่
     
  7. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    เรียนรู้ศึกษาธรรมมะ ไม่มีพระไม่มีโยม

    คำว่าพระในที่นี้ คือ เครื่องแบบ

    จะเป็นพระจริงๆ ก็ต้องบรรลุพระโสดาบันขึ้นไป
    ไม่ว่าจะอยู่ในเครื่องแบบพระ หรือ เครื่องแบบโยม


    แนวทางปฏิบัติ ของพระและโยม ก็เป็นแบบเดียวกัน คือ สติปัฏฐาน 4

    ต่าง แต่ สิกขาบท ที่เป็นหลักดำเนินของพระและโยม

    พระก็มีสิกขาบทของพระ
    โยมก็มีสิกขาบทของโยม
    เพื่อความสวยงาม ของธรรมวินัย

    ก็เลือกเอาตามความเหมาะสมและกำลังที่เรามีอยู่
     
  8. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    คู่ครองนี่มีหลายอย่าง
    คู่บารมีส่งเสริมกันไปในทางที่ถูกมรรคผลนิพพาน
    นี่เป็นคู่บารมี

    คู่เวรคู่กรรมอย่างนี้ก็มี ประเภทคู่เปรตคู่ผี
    คอยทำร้ายกันคอยขัดขวางทางแห่งความดีต่อกันอย่างนี้ก็มี

    อย่างนางจิญจมานวิกาอย่างนี้ก็เคยเป็นคู่กับพระพุทธองค์
    เมื่อยังทรงเป็นพระโพธิสัตว์
    แต่จิตใจของนางคอยจ้องทำร้ายพระองค์
    มีชู้ไม่พอยังคอยที่จะสังหารเอาชีวิตของพระองค์
    อย่างนี้เป็นคู่เวรคู่กรรม พระองค์ไม่ทรงโปรดเอาไปนิพพานด้วย
    เพราะถ้าโปรดไปก็จะมาคอยฆ่าคอยตีทำร้ายพระองค์

    ส่วนคู่บารมีของพระองค์ที่ส่งเสริมกันไปทางที่ดี
    จนสุดท้ายคือมรรคผลนิพพาน ก็ พระนางพิมพา
    ทรงเสียสละช่วยเหลือพระองค์ เพื่อพระโพธิญาณ
    แม้แต่ชีวิตของตน นี่คือคู่บารมี

    ของอย่างนี้แล้วแต่บุญแต่กรรม
     
  9. เล็กชิ้นสด

    เล็กชิ้นสด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +178
    ได้แต่ยาก


    อย่าเอาไปเปรียบกับ สาวกในพุทธกาลที่บรรลุธรรมในขณะที่ยังครองเรือนอยู่
    ท่านเหล่านั้นบำเพ็ญบารมีสั่งสมอุปนิสัยมานานมากกว่าที่จะได้บรรลุ

    ถามว่าเราท่านทั้งหลายเทียบกับท่านเหล่านั้นได้หรือ


    ถามว่าคนบรรลุธรรมโดยที่เป็นคฤหัสถ์ มีไหม ตอบว่ามี แต่น้อยมากและยากมากเมื่อเทียบกับผู้ที่เป็นบรรพชิต

    มันมีเครื่องรบกวนอยู่มาก ตัวท่านจะรู้เอง ว่ามันเป็นอย่างไร

    เหมือน น้ำในแก้ว ที่ถูกกวน ให้ตะกอน ฟุ้งกระจายขึ้นมาอยู่เรื่อย แล้วเมื่อไหร่มันจะใสเล่า
     
  10. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    ก้อเป็นจริงตามท่านว่า เพราะใจของเราคนเดียว ยังต้องวิ่งวุ่นเลย เมื่ออยู่เป็นคู่มันคงวิ่งวุ่นเป็นสองเท่า ถ้าเราเลือกทางเดินนี้ เราต้องตัดใช่ไหมค่ะ มันเป็นทางที่ต้องเสียสละจริงๆ แต่เพื่อได้มาซึ่งพระนิพพาน
     
  11. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    คำว่า ใจเป็นใหญ่เนี่ย ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ คงต้องใช้กำลังใจมากๆๆ จริงๆ เฮ่ออออ
     
  12. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ไม่จำเป็นต้องเลิกกันอยู่กันอย่างปกติธรรมดาแต่ขอให้หันมาให้ความสนใจในเรื่องจิต..มากขึ้นกว่าเดิมเน้นการพิจารณาให้มากขึ้นสักหน่อยค่อยเป็นค่อยไป...ในเมื่อภาระเรายังมีอยู่...เอาให้ได้เท่าที่ได้อย่าไปฝืน...พระพุทธองค์ทรงยกย่องคนที่มีตาดีสองข้างคือ...รู้ทั้งทางโลกและทางธรรมอย่างแจ่มแจ้ง...ในเมื่อชาตินี้มีห่วงมีภาระแล้วจงทำตามภาระหน้าที่ของทางโลกไป...แต่ใจเรานั้นไม่ละวางในเรื่องจิตไปด้วย...แต่ถ้าเมื่อวันหนึ่งต้องเลิกกันตามเหตุปัจจัยนั้นก็ค่อยว่ากันไปถ้าใจยังแน่วแน่อยู่...ตอนนี้ทำหน้าที่ ที่มีอยู่ให้ดีไม่บกพร่องทั้งทางโลกและทางธรรมเถิดจะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย...สวัสดี..
     
  13. Greenpleace

    Greenpleace เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2012
    โพสต์:
    895
    ค่าพลัง:
    +8,768
    มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา

    อยู่ที่หัวใจของเราเอง ที่จะเลือกเส้นทางของชีวิต

    ถ้าเลือกทางพ้นทุกข์ ก็ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เราจะเป็นอะไรก็ช่าง

    เริ่มต้น ทาน ศีล ภาวนา นับแต่วินาทีนี้ อย่างแน่วแน่ก็พอครับ

    เริ่มทำ ก็ค่อยคิด ค่อยๆ ปรับตัวไป อดทน ทำไปเรื่อยๆนะครับ

    เป็นคู่ ก็มีข้อดีคือ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไปจนกว่า กิเลสจะคลาย ไปเรื่อยๆ

    ข้อเสียคือ อยู่กับกามราคะ แต่มันก็เรื่องธรรมชาติน่ะครับ ยอมรับไปครับ แค่นั้นเองครับ ชีวิตคนเรา

    ถ้าไม่เริ่มวันนี้ แล้วจะไปเริ่มวันไหน แก่ลงทุกวันแล้วครับ เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยากอยู่แล้ว

    เกิดมาให้มีความสมบูรณ์พูนสุขก็ยากมาก เกิดมาในพระศาสนาก็ยิ่งยากกว่า แล้วคนพุทธที่มีใจศรัทธาที่จะปฏิบัติจริงๆ มองแทบไม่เจอเลยครับ

    ขอโมทนานะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2013
  14. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    อย่าไปเก็บเอามาใส่ใจ
    มีทั้งที่รู้จริงรู้ไม่จริง รู้ไม่จริงก็นิ่ง
     
  15. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    ขอบคุญมากๆ ค่ะ
     
  16. vaddee

    vaddee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +443
    ส่วนตัวคิดว่าได้ถ้าคุณปล่อยวาง และคลายความผูกพันธ์กับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ อย่ายึดติดแม้แต่สิ่งของ พ่อแม่ พี่น้อง หรือเพื่อนๆ ทุกอย่างอันเป็นที่รักของเรา หยุด และนิ่ง จะเป็นตัวสำเร็จถึงหนทางนิพพาน แม้คุณจะอ่านหรือค้นคว้าหาวิธีปฏิบัติก็จะได้คำตอบเดียวกัน.....

    ขอให้คุณโชคดี...... หลุดพ้นจากวัฏจักรสงสาร.....
     
  17. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    ขอบคุณสำหรับคำตอบ ของทุกๆท่านนะคะ ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ
     
  18. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    ค่ะ จะพยายามทำให้ได้อย่างที่แนะนำค่ะ
     
  19. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    มันอยู่ที่ การทำความเข้าใจขณะลงมือปฏิบัติตามความเป็นจริง

    การปฏิบัตินั้นเป็นไปเพื่อละ แต่ ใช่การตัด หรือเปล่า

    ก็ไม่ยาก พระท่านสอนให้พิจารณารู้ลมหายใจเพื่อละ ก็มีใคร
    บ้างปฏิบัติไปแล้ว ทะลึ่งกลั้นลมหายใจตาย เพราะไปเข้าใจว่า
    การละ คือ การตัด

    ดังนั้น หากลงมือปฏิบัติ แล้ว พิจารณา ตามความเป็นจริง แค่นี้
    ทิฏฐิที่พาเห็นผิด เข้าใจผิดเรื่อง ปฏิบัติ ก็ถูกทำให้เห็นได้

    แต่.....เชื่อไหมว่า แม้จะรู้ทั้งรู้ว่า การละ ไม่ใช่การตัด

    การตามรู้ลมหายใจ ไม่ใช่การกลั้นใจให้ลมหาย แต่ จนแล้ว
    จนรอด เวลาปฏิบัติจริงๆ ความคิดที่ผิด จะมี ชัยเหนือความ
    เห็นตามความเป็นจริง ตลอดเวลา

    ทั้งนี้เพราะ เราคุ้นชินกับการตกอยู่ภายใต้อำนาจของ ความเห็นผิด

    และ ลูกหลานของความเห็นผิด คือ พาเราไป ผิดหน้าที่

    เช่น เป็นโสดอยู่ ก็ดีอยู่แล้ว ก็ดันทะลึ่ง ไปมีคู่ โดยเฉพาะมีวิชาชื่อ เดชพะโล้
    วิชานี้เป็นวิชา ปฏิบัติธรรมเพื่อหาคู่มาเล่นจ้ำจี้ไปวันๆ หาไม่ได้ ไม่เลิก

    หรือ

    มีคู่อยู่แล้ว เวรกรรมนำพาไปแล้ว มีหน้าที่ต้องทำ กลับปฏิเสธไม่ทำหน้า
    ที่ อ้างโน้นอ้างนี้ เพื่อละทิ้งหน้าที่ แบบนี้มันไม่ดี เพราะ อีกฝ่ายจะมี
    จิตต่อว่าบางอย่าง ทำให้เขาเสียโอกาสแบบ แสนสาหัส ในพระสูตร
    มีการระบุไว้ด้วยซ้ำว่า สำหรับคนที่มีหน้าที่ แล้ว รักษาหน้าที่ จัดว่าเป็น
    การทำความดี ได้เทวดาสมบัติ

    ก็จะเห็นว่า ความเห็นผิด นั้น มักจะลากเราไป ปฏิบัติผิด แล้วยังลาก
    ไปสู่การทำหน้าที่ผิด

    วิธีสู้กับความเห็นผิด ไม่มีทางอื่น นอกจาก จะฝึกฝน รู้เห็นตามความ
    เป็นจริงให้มากๆ รู้ลมหายใจ เพื่อละ แบบไม่ใช่ ตัดลมหายใจ มันเป็น
    อย่างไร ก็ให้เพียรพิจารณาให้มากๆ ........

    สัมมาทิฏฐิ จะเห็นว่า ทำความเข้าใจได้ง่าย ที่ง่าย เพราะ เป็นอนุสาสนีย์
    ปาฏิหาร์ยอย่างหนึ่งของพระตถาคต

    แต่เวลาลงมือปฏิบัติ เพื่อรู้แจ้งเห็นจริง อันนี้ มันเป็นหน้าที่ของคนภาวนา
    ที่จะสร้างปาฏิหารย์ด้วยตัวเองในราคาไม่เกิน 80 ( โดยเฉลี่ย )
     
  20. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    สาธุ ครับ... :cool: ดังเช่นคำกล่าวของยัสสะกุลบุตรที่ว่า "ที่นี้ขัดข้องหนอที่นี้วุ่นวายหนอ"...และคุณแห่งสถานที่สัปปายะนั้นก็มีอยู่มิใช่น้อย


    "เดินที่ละนิด ดีกว่าคิดว่าจะเดิน" ต้องไม่หลงทางและไม่พลัดวันประกันพรุ่ง

    ได้ไหม? คงไม่มีใครพยากรณ์ได้ชัดแน่นอนเหมือนพระพุทธองค์ในครั้งพุทธกาลหรอกครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...