ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1500

    มีประโยชน์ต่อผม ยืนยันว่ามีส่วนกระทบกับผมทำนองนี้ด้วยครับ สุนัขแถวบ้านผมก็อาเจียนบ่อยๆในช่วงนี้ครับ ข้อมูลเหล่านี้ทำให้ผมรับทราบว่าไม่ได้สัมผัสได้อยู่คนเดียว
    จริงๆเกิดขึ้นกับผมมานานหลายปีแล้วตั้งแต่สมัยใกล้ๆกับการพยากาณ์นอสตราดามุส โลกภายในสัตว์ และโลกภายนอกที่เราสัมผัสได้มี่สวนเกี่ยวข้องกัน
    การปฏิบัติธรรมตามพุทธธรรม สามารถปรับสภาวะให้ดีขึ้นได้ ตามประสบการณ์เฉพาะตัวของผม แต่ก็ยังเป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ครับ
    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านครับ
    ผิดพลาดพลั้งไปขออภัยขมาด้วยครับ
     
  2. Alexanto

    Alexanto Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +87
    เมื่อคืนสุนัขที่บ้านอาเจียน ตอนเช้าก็อาเจียนอีกรอบค่ะ
    เพิ่งเข้าเขตคำเตือนมาไม่กี่วัน ยังวางใจไม่ได้ว่าจะมีอะไร..อย่าเพิ่งเฮ
    เขตปลอดภัยต้องถึงปี 2562 ไม่ใช่หรือคะ
    ฟังเทปหลวงพ่อฤาษีตอนที่กล่าวถึงยุคพระเจ้าจักรพรรดิในช่วงหลังกึ่งพุทธกาล
    ก็อยากรักษากายใจเพื่อไปให้ถึง
    ผู้ที่จิตใจดีงาม เคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างแท้จริง ขอให้รอดปลอดภัยค่ะ
     
  3. sakda.k

    sakda.k Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +62
    จริงๆ มันเป็นเรื่องแปลกมากนะ ครอบครัวผมอาเจียนกันทั้งบ้านเลยในเวลาไล่ๆ กัน เริ่มที่ลูกตัวเล็กอายุ 2 ขวบ อาเจียนอยู่วันกว่าๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ ต่อมาก็แฟน และก็ผมก็ติดๆกัน แล้วก็แม่กับน้องอีก จะว่าอาหารเป็นพิษก็ไม่น่าใช่ เพราะมีพ่อรอดอยู่คนนึง กินอาหารด้วยกันหมด และอาเจียนหมดท้องอยู่คืนเดียว รุ่งขึ้นมาก็หาย แปลกดี ปกติไม่ได้อาเจียนมานานแล้ว
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ฝั่งตะวันออกที่รักและน่าวิตกแถมเป็นห่วงยิ่ง !!!

    [​IMG]

    ฟูลมูนปาร์ตี้บาป / โทษสุรา – สิ่งเสพติด

    ...จากภาพลักษณ์อีกส่วนหนึ่งที่เป็นการทำลายศีลธรรมวัฒนธรรมไทย ปรากฏให้เห็น เมื่อ “ ฟูลมูนปาร์ตี้บาป ” ที่เกาะพะงัน จ . สุราษฎร์ธานี เป็นสถานที่จัดงานมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมากให้ความสนใจ ชักชวนกันบริโภคเค็กเห็ดซึ่งเป็นยากระตุ้นทางเพศ ถือเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่ง ที่ทำให้เกิดอาการมึนเมา ขาดสติทำอะไรลงไปได้โดยไม่รู้สึกละอาย รวมไปถึงจับคู่ร่วมเพศกันอย่างเปิดเผย ตามแบบวัฒนธรรมตะวันตกที่เข้ามาในสังคม ทำให้คนไทยซึมซับวัฒนธรรมต่างชาติจนลืมการรักนวลสงวนตัว ขณะเดียวกันกฎหมายก็เข้าไปไม่ถึง ตำรวจทำได้แค่เพียงเดินตรวจมาพบแล้วใช้ไฟส่องหน้าและต้องเดินผ่านจากไปในที่สุด

    “ ฟูลมูนปาร์ตี้ ” ถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่มีปัญหาเป็นการจัดกิจกรรมที่ส่อไปในทางเสื่อมเสีย ทั้งการขาดความละอายทางเพศ และยาเสพติดที่โด่งดัง โดยที่ยังไม่สามารถควบคุมได้

    เหล่านี้ คือ … อีกคำตอบของปัญหาในเรื่องความเสื่อมของสังคมที่เกิดจากการล่วงละเมิดศีล ๕ ในข้อต่าง ๆ ได้แก่ การดื่มสุราเมรัยและของเมาเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ครอบคลุมถึงยาเสพย์ติดทุกชนิดด้วย ที่มีผลกระทบต่อสังคมก่อให้เกิดความทุกข์เดือดร้อนเป็นปัญหาต่าง ๆ ตามมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางอาชญากรรม การทำความผิดทางเพศ ฯลฯ

    จากโทษของการเสพสุราตลอดถึงสิ่งเสพติด ที่แสดงไว้ในอบายมุข ๖ คือ ๑. ทำให้เสียทรัพย์ทันตาเห็น ๒. เสียอารมณ์ ก่อการทะเลาะวิวาท ๓. เสียสุขภาพ เป็นบ่อเกิดของโรคภัยไข้เจ็บมากมาย ๔. เสียชื่อเสียง เพราะเมื่อคุมสติไม่อยู่ ไปทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ ย่อมถูกติเตียนหรือติฉินนินทา ๕. เสียคนเพราะหมดความละอาย หมดความเกรงกลัวต่อการทำความชั่วทั้งปวง สถานภาพของความเป็นคนอยู่ที่ความละอาย ใครก็ตามที่หมดความละอาย ย่อมจะหมดศักดิ์ศรีของความเป็นคนไปด้วย ๖. เสียความฉลาด เพราะสุรายาเมาทำให้เสื่อมทั้งสติและปัญญา

    ผู้เสพของเมาเป็นนิตย์ เมื่อตายไป ย่อมมีนรกภูมิ เปรตภูมิ และเดรัจฉานภูมิ เป็นที่หวัง โทษอย่างเบาที่สุด แม้เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกก็กลายเป็นคนบ้า ปัญญาอ่อน

    พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่มีเหตุผล ที่ยอมรับข้อเท็จจริงคือ เป็นเพราะขาดหลักธรรมข้อปฏิบัติสำหรับมนุษย์ ที่เรียกว่าศีลนั้น โดยเฉพาะศีลข้อที่ ๕ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมากที่สุด ว่าด้วยเรื่องสุราเมรัยและของเมา โดยเห็นคุณโทษว่าเป็นสิ่งที่มีอันตราย เป็นข้อห้ามโดยส่วนเดียวเป็นพิษร้ายแก่สังคม มีโทษทำลายสุขภาพกายและสุขภาพจิต โยงไปถึงศีลข้ออื่น ๆ ตามมาอีกได้ง่าย ๆ จากผลกระทบโดยตรงและโดยอ้อมที่เกิดด้วยขาดความรู้ความเข้าใจ การมีพฤติกรรม การเสพ เลียนแบบ การให้คุณค่าหรือมองประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากสุราสิ่งเสพย์ติดในทางที่ผิด

    สภาพของสังคมไทยในปัจจุบัน ในแง่มุมหนึ่งจะพบว่าระเบียบกฎเกณฑ์ทางสังคมที่ยังขาดความแน่นอน หรือความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายบ้านเมือง “ การขาดผู้นำที่เป็นแบบอย่างได้อย่างแท้จริง ทำให้เกิดความสับสนในพฤติกรรมของคนในสังคม” ขณะเดียวกันภาพลักษณ์ส่วนที่เป็นการทำลายวัฒนธรรมและศีลธรรม ก็มีให้เห็นอยู่เป็นประจำวัน อาทิ การโฆษณาสุรายี่ห้อต่าง ๆ และค่านิยมของคนส่วนหนึ่งที่พากันบริโภค หรือเสพย์ ภาพล่อแหลมต่าง ๆ ที่ถ่ายโฆษณาทั้งจาก โทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ รวมไปถึงสื่ออื่น ๆ แสดงถึงการเชิญชวนในการดื่มหรือเสพย์ติดเหล่านั้น โดยไม่ได้สื่อหรือชี้ให้เห็นโทษของสิ่งเสพย์ติดเหล่านั้นอย่างชัดเจนเลย ตรงกันข้ามกลับเป็นการกระหน่ำให้สื่อชักจูงและโน้มน้าวให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย สังคมก็ยอมรับ

    ปัญหาความทุกข์เดือนร้อนในสังคมจักหมดสิ้นไปเพราะมีกติกาเป็นกรอบ ได้แก่ มีศีลธรรมเป็นที่ตั้ง คือ การสร้างความเป็นระเบียนเรียบร้อยในแนวทางปฏิบัติ โดยเฉพาะศีล ๕ ที่เป็นพื้นฐาน เป็นบัญญัติของสังคม การแก้ไขตามหลักพุทธธรรม ความดับแห่งปัญหาจึงเป็นหลักการตัดสินความดีและความชั่ว โดยเฉพาะการงดเว้นจากเจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการเสพสุราเมรัยและของเมา แต่วิถีชีวิตที่สวนทางสวรรค์และพระนิพพาน การดำเนินธุรกิจน้ำเมา ที่มาต้นทางแห่งความเสื่อมทั้งปวง ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างถือว่ามีการระบาดรวดเร็วรุนแรงมากที่สุดในปัจจุบัน ดังปรากฏให้เห็น

    การพยายามนำธุรกิจน้ำเมาเข้าตลาดหุ้น ที่เห็นกันเพียงคุณค่าเทียม คือประโยชน์ของสิ่งทั้งหลายที่พอกพูนอยู่ในสิ่งนั้น หรือเพื่อเสริมราคาขยายความมั่นคงยิ่งใหญ่ของตนที่ยึดถือไว้ อาศัยตัณหาเป็นเครื่องตีค่าหรือวัดราคา เรียกว่า คุณค่าสนองตัณหา ยึดเอาประโยชน์ตนและพวกพ้องเป็นใหญ่ ไม่ใส่ใจพฤติกรรมต่าง ๆ เหล่านั้น ด้วยความเห็นผิดเป็นชอบ ในขณะที่สังคมเปลี่ยนแปลงไป โดยไม่เข้าใจ ไม่เห็นความสำคัญในหลักของศีลธรรม ละเลยมนุษยธรรม ในเรื่องผลกระทบต่อส่วนรวม .

    บทความจากคุณ สุจิตรา พูนพิพัฒน์.

    ที่มา :: ธรรมะประจำวัน :: - ฟูลมูนปาร์ตี้บาป / โทษสุรา – สิ่งเสพติด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2013
  5. Allymcbe222

    Allymcbe222 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ช่วงไหนครับที่หลวงพ่อท่านกล่าวถึงยุคพระเจ้าจักรพรรดิ ผมยังไม่เคยได้ยิน แต่อาจเป็นเพราะผมรู้น้อย
    แต่ถ้า "พระเจ้าธรรมิกราช" อันนี้เคยได้ยินครับ ตามคำพยากรณ์ในงานฝังลูกนิมิต
    "เราพระมหาวีระ มีพระราชานามว่า ภูมิพล เป็นผู้อุปถัมถ์ ร่วมด้วยพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ สร้างวัดนี้เป็นพุทธบูชา เมื่อศักราชล่วงไปแล้ว 2700 ปีปลาย จะมีพระเจ้าธรรมิกราช นามว่า ศิริธรรมราชา สืบเชื้อสายมาจากเชียงแสนและสุโขทัย ร่วมกับพระอรหันต์ จะมาบูรณะวัดนี้ สืบพระศาสนาต่อไป คณะของเราขอโมทนา แต่อยู่ช่วยไม่ได้ เพราะไปพระนิพพานหมดแล้ว"

    ซึ่งถ้าเป็นสมัยพระเจ้าธรรมิกราช ซึ่งจะเรียกเป็นพระเจ้าจักรพรรดิรึเปล่าอันนี้ผมไม่ทราบ ก็อีกร้อยกว่าปีครับ คงต้องเป็นสมัยชาติหน้า ชาตินี้คงอยู่ไม่ไหวครับ
     
  6. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    อันที่ท่านยกมานี่ล่ะครับ ถูกต้อง อยู่ไม่ถึงหรอกเป็นปุ๋ย ไปแล้ว ไม่มาแล้วด้วย รอดูอยู่ที่อืนดีกว่า
    คณะนี้ ได้ขุดกันเหนื่อยพอได้ล่ะ อารมณ์ตื่นเต้นประมาณเราเห็นจารึกบนเจดีย์วัดประยูรวงศาวาส เมื่อสองสามปีก่อน ระบุปีที่จะมีคนมาพบจารึกอันนี้อีกครั้ง ประมาณนั้นเลย
     
  7. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    ธรรมนิยาม - วิกิพีเดีย

    นิยาม หรือนิยามะ (บาลี)กำหนดอันแน่นอน, ความเป็นไปอันมีระเบียบแน่นอนของธรรมชาติ, กฎธรรมชาติ

    นิยาม 5 ประการนี้ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างในโลกและในอนันตจักรวาล ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปตามกฎทั้ง 5 ประการนี้ทั้งสิ้น

    ธรรมนิยาม (General Laws) อันได้แก่กฎไตรลักษณ์ทั้ง3 คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา (ดูที่ ธรรมนิยามสุตตัง)คือ ธาตุทั้งปวงเป็นมีสถานะเป็นกระแส สั่นสะเทือน(คลื่น) ผันผวน ไม่แน่นอน สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ้งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา สัตว์ทั้งปวงย่อมต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งสิ้น เป็นกฎธรรมชาติที่เกี่ยวกับสิ่งทั้งหลาย เป็นกฎสากลที่ครอบคลุมความเป็นไปทั้งฝ่ายจิตและฝ่ายวัตถุ

    กฎข้อนี้มีขอบเขตครอบคลุมกว้างขวางที่สุดของทุกนิยาม กฎนิยามทั้งปวงอยู่ภายใต้กฎข้อนี้ (เป็นกฎ?)ธรรมนิยามนี้ก็ทำให้เกิดนิยามข้ออื่น
    และนิยามข้ออื่นๆที่สัมพันธ์กันก็ทำให้เกิดกฎธรรมนิยามอันนี้ เช่นกัน (เช่น การจุดไม้ขีดไฟ - อุตุนิยาม >ทำให้เกิดการเผาไหม้เปลี่ยนแปลงสูญสลายไป - ธรรมนิยาม)


    อุตุนิยาม(Physical Laws) คือ กฎธรรมชาติที่ครอบคลุมความเป็นไปของปรากฏการณ์ ในธรรมชาติ เกี่ยวกับวัตถุที่ไม่มีชีวิตทุกชนิด หลักของอุตุนิยาม ตามแนวพระพุทธศาสนามุ่งให้ผู้ที่เข้าใจเกี่ยวกับกฎธรรมชาติที่ว่าด้วยวัตถุ อุตุนิยาม คือลักษณะสภาวะต่างๆของธาตุทั้ง5 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และอากาศ

    ซึ่งก็คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่างๆเมื่อมีเหตุปัจจัยเพียงพอก็จะเป็นไปโดยไม่มีใครเป็นผู้กำหนดหรือห้ามได้ เช่น การที่จะเกิดฝนตก ก็มีเหตุปัจจัยเพียงพอให้เกิดฝนตก เช่น การระเหยของน้ำบนดิน การรวมตัวของก้อนเมฆ การเกิดลมพัด การกระทบกับความเย็น ก่อให้เกิดฝนตก เป็นต้น ตลอดจนปรากฏการณ์ทางวัตถุอื่นๆ เช่น การเคลื่อนที่ของจักรวาล แรงดึงดูด แผ่นดินไหว ฟ้าผ่า เป็นต้น ซึ่งปรากฏการณ์เหล่านี้ พระพุทธศาสนาถือว่าเกิดขึ้นเพราะวัตถุธาตุต่างๆคือดินน้ำลมไฟอากาศปรับเปลี่ยนสภาวการณ์ของตัวเอง เพราะอิทธิพลจากการปรับสถานะธาตุตามอุณหภูมิคือความร้อนและเย็น ดังนั้นกฎข้อนี้จึงชื่อว่า อุตุนิยาม (อุตุในพระไตรปิฎกแปลว่าพลังงาน,ฤดู,ความร้อนเย็น)


    พีชนิยาม (Biological Laws) คือ กฎธรรมชาติที่ครอบคลุมความเป็นไปในพันธุกรรม กระบวนการถ่ายทอดข้อมูลของสิ่งมีชีวิตทั้งพืช สัตว์ เชื้อไวรัสและจิต กฎธรรมชาติที่เกี่ยวกับการสืบพันธุ์โดยเฉพาะ กฎข้อนี้จึงหมายรวมในเรื่องของร่างกายและกระบวนการทำงานของสิ่งมีชีวิตต่างๆที่เกิดจากการถ่ายทอดข้อมูลทางพันธุกรรมด้วย สิ่งที่เรียกว่ากฎพีชนิยามนี้ทำให้เมื่อเรานำเมล็ดข้าวเปลือกไปเพาะ ต้นที่งอกออกมาจะต้องเป็นต้นข้าวเสมอ หรือช้างเมื่อออกลูกมาแล้วย่อมเป็นลูกช้างเสมอ (หว่านพืชเช่นไรย่อมได้ผลเช่นนั้น) ความเป็นระเบียบนี้พระพุทธศาสนาค้นพบว่าเป็นผล มาจากการควบคุมของธัมมตาทั้ง3 คือ สมตา(การปรับสมดุล) วัฏฏะ(การหมุนวนเวียน) และ ชีวิต(การมีหน้าที่ต่อกัน)นั่นเอง

    พีชนิยามเป็นกฎธรรมชาติในฝ่ายที่เป็นระเบียบตรงกันข้ามกับธรรมนิยามซึ่งเป็นกฎธรรมชาติในฝ่ายที่ไม่มีระเบียบ


    จิตนิยาม (Psychic Laws) คือ กฎธรรมชาติที่เกี่ยวกับกลไกการทำงานของจิต พระพุทธศาสนา ค้นพบว่า คนเราประกอบด้วยส่วนที่สำคัญ 2 ส่วน คือ ร่างกายและจิตใจ จิตนิยามคือกฎธรรมชาติในส่วนที่เกี่ยวกับการทำงานของจิตเท่านั้น กระบวนการของความคิด พระพุทธศาสนาเชื่อว่าสัตว์โลก ประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญส่วนหนึ่งของชีวิต คือ จิต จิตในทัศนะของพุทธศาสนาเป็นสิ่งต่างหากจากกาย ในฐานะที่เป็นสิ่งหนึ่งต่างหากจากกาย จิตก็มีกฎเกณฑ์ในการทำงาน เปลี่ยนแปลงและแสดงพฤติกรรม เป็นแบบฉบับเฉพาะตัว จิตนิยาม ได้แก่ นามธาตุ คือ จิต และเจตสิกที่เป็นธรรมธาตุ


    กรรมนิยาม (Karmic Laws) คือกฎแห่งเหตุผล ที่ครอบคลุมความเป็นไปในฝ่ายจิตวิญญาณโดยเฉพาะ อันได้แก่ กฎแห่งกรรมเป็นกฎแห่งการให้ผลของการกระทำ กฎอันเป็นเหตุเป็นผลของธรรมชาติทางนามธรรม คือการกระทำของจิต ที่เกิดจากเจตนาของจิต อันเป็นมโนกรรม(กรรมจากความนึกคิดต่างๆ) ตลอดจนอาจเป็นเหตุให้ทำ กายกรรม(กรรมจากการกระทำทางร่างกาย)และวจีกรรม(กรรมจากการสื่อสาร) และมีการให้ผลเป็นวิบากกรรม คือกรรมสามารถให้ผลแสดงออกมาในสภาพทางกายหรือทางวัตถุได้ ซึ่งการให้ผลของกรรมมีลักษณะเป็นอจินไตย คือไม่อาจเข้าใจได้ด้วยการคิดทางตรรกะ
     
  8. เด็กอุทัย

    เด็กอุทัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +29
    อนุโมทนาครับน้อง ยังไม่ถึงยุคพระเจ้าจักรพรรดิ์หรอกครับพวกเราตายก่อนถึงยุคนั้นแน่ มีแต่ตามที่หลวงพ่อเขียนไว้ในแผ่นศิลาจาลึก
     
  9. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    จักรวาลวิทยาเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นพบ

    ธรรมนิยาม - วิกิพีเดีย

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรู้แจ้งเรื่องทั้งปวง แสดงว่าทรงค้นพบนิยามหรือกฎธรรมชาติทั้ง 5 เหล่านี้ พระองค์ทรงสอนเน้นในส่วนที่เกี่ยวกับธรรมนิยามจิตนิยาม และกรรมนิยาม พระองค์ทรงสอนเรื่อง อุตุนิยามและพีชนิยามเพียงเล็กน้อย ในทางกลับกัน นักวิทยาศาสตร์ศึกษาเน้นในส่วนที่ เกี่ยวกับอุตุนิยามและพีชนิยาม ไม่ค่อยสนใจในส่วนธรรมนิยาม จิตนิยาม และกรรมนิยามนี่คือจุดเน้นที่ต่างกัน ระหว่างพระพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์ พระพุทธศาสนาจึงมองภาพรวมของโลกและชีวิตได้กว้างขวางมากกว่า

    ประเด็นสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ (ธรรม?)นิยามเป็นกฎธรรมชาติสากลที่ครอบคลุม 4 กฎย่อยดังที่ กล่าวมาแล้ว แม้พระพุทธศาสนาจะศึกษาเน้นเรื่องธรรมนิยามจิตนิยามและกรรมนิยามก็จริง ถึงกระนั้น พระพุทธศาสนา ก็ไม่ปฏิเสธเรื่องอุตุนิยามและพีชนิยามที่เป็นจุดเน้นของวิทยาศาสตร์ เพราะเหตุนี้เอง พระพุทธศาสนาจึง ไม่ขัดแย้งกับวิทยาศาสตร์

    ดังนั้น ความคิดที่ว่าศาสนาพุทธสอนว่าทุกอย่างเกิดขึ้นจากกฎแห่งกรรมเท่านั้น ในทางพระพุทธศาสนาถือว่าเป็นความคิดที่ไม่สมบูรณ์ เพราะกฎธรรมชาติไม่ได้มีแค่กฎแห่งกรรมเท่านั้น แต่ยังมีกฎธรรมชาติต่างๆรวมกันแล้วถึง 5 กฎ และแต่ล่ะกฎก็สำคัญเท่าๆกัน ดังนั้นการวิเคราะห์ใดๆในทางพระพุทธศาสนา จึงต้องอิงกฎธรรมชาติกฎอื่นๆทุกกฎร่วมด้วย

    จากการค้นพบธรรมะดังกล่าวนี้ ทำให้เราทราบว่า ความรู้เรื่องจักรวาลวิทยาเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่ง ของธรรมะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นพบเท่านั้น ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่พระองค์ทรงค้นพบ แล้วมิได้นำมาตรัสให้ฟัง และเรื่องที่นำมาตรัสเล่านั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ฟังได้ข้อคิดแนวทางในการ ปฏิบัติธรรมอันนำไปสู่ความพ้นทุกข์ซึ่งเป็นเรื่องหลักในชีวิต
     
  10. tu_girl

    tu_girl สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +3
    [​IMG]เล่น พลุ-ดอกไม้ไฟ พิการ-ตาบอด รวมกว่า 30 ราย : ข่าวอาชญากรรม

    นี่ไงคะ ตรงกับคำทำนายของบางท่าน ที่บอกว่า เหตุเกิดในคืนที่มีงานเลี้ยงฉลอง+มีเสียงดังลั่น+มีแสงสว่างวาบ(ห้ามมองจะทำใหตาบอด)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2013
  11. Alexanto

    Alexanto Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +87
    ขอโทษค่ะอาจเขียนเร็วไปหน่อย
    ฟังจากเทปที่ท่านคุยกับเทวดารักษาสมบัติวัดท่าซุง ว่ายุคพระเจ้าจักรพรรดิจะอุบัติช่วงกึ่งกลางศาสนาของพระสมณโคดมก่อนถึงยุคพระศรีอาริย์ การรักษากายใจเพื่อไปให้ถึงก็ทำตั้งแต่ตอนนี้ค่ะ


    เข้าไปฟังที่
    http://www.luangpor.com/
    น.เทปบันทึกลงหนังสืออ่านเล่น
    08.เหตุที่เกิดแผ่นดินไหว (ต่อ), โพรงใต้ดินในเมืองไทย@23 ธันวาคม 2531.mp3


    อยู่ช่วงครึ่งท้าย เข้าใจถูกผิดประการใดกราบขออภัยหลวงพ่อค่ะ
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    โลกของเรากำลังถูกปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่ !!!

    [​IMG]

    ถูกต้องแล้วครับ ตอนนี้สนามแม่เหล็กโลกของเรา กำลังอ่อนแรงลงเรื่อยๆครับ จนกระทั่งแกนแม่เหล็กโลกพลิกกลับขั้วในปี 2555-2556 นี้ จึงจะทำให้สนามแม่เหล็กโลกค่อยๆ เพิ่มความเข้มขึ้นเป็น 22 เกาส์ในปี 2560 ครับ

    บทบาทของ สนามแม่เหล็กโลก ต่อสุขภาพ
    โดย นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล

    กายจิตของคนเรานี้ยังได้รับอิทธิพลจากสนามพลังของโลกและจักรวาลด้วย ตั้งแต่สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และจักรราศีต่างๆ สนามแม่เหล็กโลกซึ่งยังเปลี่ยนแปรกับปรากฏการณ์ธรรมชาติเช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด กระแสน้ำในมหาสมุทร คลื่นใต้น้ำและเหนือน้ำ อุณหภูมิของโลก พายุฝนฟ้า เป็นต้น ท้ายที่สุดคลื่นที่คนเราประดิษฐ์ขึ้น คอมพิวเตอร์ หม้อแปลงไฟ เตาอบ ไดเป่าผม โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ กระทั่งเสียงดนตรี เพลง เสียงสวดมนต์ รวมไปถึงคลื่นข่าว คลื่นความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเมือง ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เหล่านี้คือองค์รวมของสิ่งต่างๆที่ส่งผลกลับไปกลับมาต่อชีวิตจิตใจของคนเรา

    เป็นที่รู้กันว่า สิ่งมีชีวิตทั้งหลายรวมทั้งคนเราที่อาศัยอยู่บนโลกนี้ ต่างได้รับพลังงานชีวิตอยู่ตลอดเวลาจาก พลังชีวิตของโลก พลังนี้ก็คือสนามแม่เหล็กโลกนั่นเอง มันเป็นสนามพลังอ่อนๆที่เราได้รับอยู่ตลอดเวลา และถ้าเมื่อไหร่เราไม่ได้รับพลังนี้ ก็อาจเป็นเหตุให้เราป่วยเจ็บได้ เรื่องนี้ได้จากการสังเกตว่าคนงานที่ทำงานก่อสร้างตึกใหญ่ๆ ซึ่งบางทีต้องใช้โครงสร้างเหล็ก หรือกระทั่งแผ่นเหล็กเป็นจำนวนมาก เป็นโครงสร้างของตึก เมื่อสร้างตึกไปหลาย ๆ เดือนก็พบว่า คนงานเหล่านี้เกิดอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดหัว ปวดข้อ โดยไม่ปรากฏสาเหตุ อาการเหล่านี้พบอีกในเวลา 30 ปีหลัง

    ในหมู่นักบินอวกาศ องค์การนาซ่าเริ่มสังเกตอาการนี้ได้ จากนักบินรุ่นแรกๆ ซึ่งต้องออกไปนอกโลกพ้นจากแรงดึงดูดของโลก ก็ปรากฏอาการเหล่านี้เหมือนกัน เขาเรียกชื่อกลุ่มอาการนี้ว่า "โรคอวกาศ (space sickness)"

    คนเราไม่รู้จักความสำคัญของสนามแม่เหล็ก จนกระทั่งนักบินอวกาศทั้งสหรัฐและรัสเซียเกิดอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตัว มึนหัว เมื่อทำงานอยู่ในอวกาศนาน ๆ จนในที่สุดองค์การนาซาจึงต้องสร้างสนามแม่เหล็กเทียมขึ้นในสถานีอวกาศ โดยให้สนามดังกล่าวมีความถี่ที่ 7.8 ครั้ง/วินาที ซึ่งเท่ากับสนามแม่เหล็กโลก "โรคอวกาศ" จึงหายไป ขณะเดียวกัน ชุดอวกาสของรัสเซียยังได้ออกแบบให้ใส่แม่เหล็กไว้ตามจุดต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของนักบินอวกาศด้วย

    ในญี่ปุ่น นักวิจัยชื่อ ไคโออิชิ นาคากาวา พบว่า คนงานก่อสร้างตึกสูงที่ต้องใช้โครงเหล็กเป็นจำนวนมาก มักป่วยด้วยอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง นอนไม่หลับ เขาพบว่าโครงเหล็กที่เป็นแผ่นของตึก ทำหน้าที่เป็นฉนวน ที่กันเอาสนามแม่เหล็กโลกออกไปจากพื้นที่ภายในอาคาร เป็นผลให้คนงานเกิดอาการป่วยเจ็บได้

    ประเด็นนี้เป็นเรื่องน่าคิดต่อไปว่า ทุกวันนี้ชาวสำนักงานทำงานอยู่ในตึกสูงเสียโดยส่วนมาก อาการเจ็บป่วยจำนวนไม่น้อย อาจเกิดจากภาวะพร่องสนามแม่เหล็กโลกก็ได้ และเหตุฉะนี้เอง การพักผ่อนตากอากาศ พาตัวเองไปอยู่ในท่ามกลางภูเขา แม่น้ำ ทะเล จึงเปิดโอกาสให้คนเราได้รับการอาบไล้จากสนามแม่เหล็กโลก เพิ่มพลังชีวิตสำหรับการทำงานอันตรากตรำในวันต่อๆไป และขณะเดียวกันการใช้อุปกรณ์ที่ให้สนามแม่เหล็กอ่อน ๆ แก่ร่างกายของคนที่เจ็บป่วยด้วยภาวะพร่องสนามแม่เหล็ก ก็จะพบว่าอาการป่วยเจ็บดีขึ้น

    นักสัตววิทยายังสังเกตว่า สัตว์แต่ละชนิดรับรู้ต่อสนามแม่เหล็กโลกที่แตกต่างกัน นกพิราบสื่อสารสามารถหาทางบินกลับรังได้ ก็เพราะบางส่วนในสมองของมันรับรู้ต่อความเข้มจางของสนามแม่เหล็กโลกในจุดต่างๆ ที่แตกต่างกัน

    มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งทดลองใช้เครื่องปล่อยสัญญาณวิทยุขนาดเล็กติดไว้ที่หัวนกพิราบ สัญญาณดังกล่าวรบกวนการรับรู้สนามแม่เหล็กโลกของนกพิราบ ทำให้นกไม่สามารถบินกลับรังได้ ข้อคิดจากเรื่องนี้มีอยู่ว่า คนสมัยนี้ขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้าน แต่มัวหลงระเริงโทรศัพท์มือถือคุยกับแฟนอยู่ตลอดเวลา อาจถึงกับหลงทิศผิดทาง กลับบ้านไม่ถูกก็เป็นได้

    ทีนี้มาถึงก้อนหินและแร่ธาตุบ้าง นักธรณีวิทยาเชื่อว่า สนามแม่เหล็กโลกเกิดขึ้นโดยเหล็กหลอมละลายที่เป็นลาวาอยู่ใต้พื้นโลก เมื่อภูเขาไฟระเบิดลาวาที่พุขึ้นแล้วเย็นตัวลงเป็นก้อนหินชนิดต่างๆ และกลายเป็นเปลือกโลกทีละชั้นๆ เปลือกโลกซึ่งก็ประกอบด้วยก้อนหินที่ปนธาตุเหล็กเหล่านี้จึงแฝงไว้ด้วยสนามแม่เหล็กแรงบ้าง ค่อยบ้าง อยู่ภายในหินชั้นต่างๆ เหล่านี้ ขณะเดียวกันสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ซึ่งวิวัฒนาการมาควบคู่กับกำเนิดของโลก ต่างก็มีอิทธิผลของสนามแม่เหล็กโลกแฝงอยู่ในทุกๆ อณูของชีวิตอยู่ด้วย

    นี่เป็นคำอธิบายว่าทำไมนกพิราบจึงรับรู้สนามแม่เหล็กได้ เหตุเพราะว่าในสมองบางพื้นที่ของนก ปรากฏมีแร่ธาตุแมกเนไตต์อยู่มากเป็นพิเศษ และงานวิจัยในระยะหลังก็พิสูจน์ด้วยว่าสมองของคนเราก็มีแมกเนไตต์อยู่ในพื้นที่บางส่วน รวมทั้งที่ต่อมหมวกไตด้วย ตรงนี้เป็นข้อสันนิษฐานด้วยว่า นักเพ่งพลังจิตบางคนที่สามารถใช้ไม้รูปตัววาย หาแหล่งน้ำใต้ดินได้ก็อาศัยแมกเนไตต์ในสมองบางส่วน และความสามารถนี้จะหมดไปทันทีถ้าให้เขาสวมหมวกและปิดพื้นที่ต่อมหมวกไตด้วยเครื่องป้องกันสนามแม่เหล็ก ความรู้ต่อมาว่าด้วยสนามแม่เหล็กกับสิ่งมีชีวิตยังพบอีกด้วยว่า

    ทิศทางและการหันขั้วของสนามแม่เหล็ก มีผลที่แตกต่างกันต่อการเจริญเติบโตและการเผาผลาญภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต นักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองปลูกเมล็ดข้าวรายด้วยการวางเมล็ดตามยาว และตามขวางต่อสนามแม่เหล็กโลกแล้วพบว่า เมล็ดที่วางไว้ให้ทอดตัวตามแนวเหนือใต้สามารถงอกและเติบโตดีกว่าเมล็ดที่ถูกวางไว้ตามขวาง ความรู้ละเอียดกว่านั้นยังพบอีกว่า ความเข้มจางของสนามแม่เหล็กโลกแปรเปลี่ยนตามแต่ละสถานที่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของเปลือกโลกในแต่ละแห่งที่แตกต่างกัน รวมทั้งปริมาณแร่ธาตุใต้พื้นดินแต่ละแห่งที่แตกต่างกันด้วย

    นักธรณีวิทยาพบว่าสนามแม่เหล็กโลกที่อเมริกาหรือรัสเซียมีความเข้มกว่าสนามที่บราซิล สนามแม่เหล็กยังเปลี่ยนแปรตามช่วงเวลาอีกด้วย เวลากลางคืนสนามแม่เหล็กโลกจะเข้มกว่าเวลากลางวัน สาเหตุเพราะอิทธิพลของดวงอาทิตย์ ยามกลางวันพื้นโลกส่วนนั้นหันเข้าหาดวงอาทิตย์ แรงจากดวงอาทิตย์ทำให้สนามแม่เหล็กโลกไม่อาจเปล่งพลังสู่พื้นโลกเท่าที่ควร ยามกลางคืนพื้นโลกส่วนนั้นหันออกจากดวงอาทิตย์ แรงสนามแม่เหล็กโลกจึงเปล่งพลังสู่พื้นโลกได้เต็มที่ และเนื่องจากสนามแม่เหล็กโลกช่วยจรรโลงสุขภาพ

    ดังนั้น การนอนกลางคืนร่างกายมีโอกาส "ชาร์จพลัง" เพิ่มขึ้น ทำให้ตื่นด้วยความสดใสกระปรี้กระเปร่า ส่วนการนอนกลางวันร่างกายมีโอกาส "ชาร์จพลัง" ได้น้อยกว่า และใครที่ทำงานกลางคืนนอนกลางวัน สุขภาพจึงมักจะโทรมเร็ว วัยรุ่นวัยหวานโปรดฟังทางนี้ การนอนดึกๆ เล่นเน็ต ไม่หลับไม่นอนนั้น โทรมเร็วสุดสุดเด้อ...สิบอกไห่

    สนามแม่เหล็กโลกโดยปกติจะสั่นสะเทือนด้วยความถี่ 7.8 รอบ/วินาที ขณะเดียวกันยังมีการสั่นสะเทือนขนาดจิ๋วที่แปรเปลี่ยนอยู่ในระหว่างคลื่นสั่นสะเทือนพื้นฐานอีกด้วย มันมีขนาด 1 รอบจนถึง 25 รอบ/วินาที นักธรณีวิทยายังตั้งข้อสังเกตด้วยว่าความเข้มของสนามแม่เหล็กโลกแปรเปลี่ยนเป็นวัฏจักรคือลดลงและเพิ่มขึ้น ทั้งนี้โดยมีรอบระยะของการลดและการเพิ่มรอบละ 500,000 ปี และโลก

    ณ ขณะนี้อยู่ในระยะที่ความเข้มกำลังลดลง จากขนาดความเข้ม 4 เกาส์ เหลือเพียง 0.4-0.5 เกาส์ในปัจจุบัน เขารู้เรื่องนี้ได้โดยเก็บตัวอย่างของฟอสซิลอายุต่างๆ กันมาเทียบปริมาณความเข้มของสนามแม่เหล็กที่แฝงอยู่ในฟอสซิลเหล่านี้

    สมมติฐานจึงมีอีกว่า ปัจจัยอะไรก็ตามที่ไปลดความเข้มสนามแม่เหล็กโลก จะไม่ดีต่อสุขภาพ และปัจจัยที่เพิ่มสนามแม่เหล็กโลกที่มีต่อตัวเรา ด้วยความเข้มที่พอประมาณ จะช่วยจรรโลงสุขภาพ

    และตรงนี้เองเกิดมีข้อสันนิษฐานเพิ่มเติมว่า ศาสตร์โบราณว่าด้วยการจัดทิศทางของอาคารบ้านเรือน ประตู หน้าต่าง การตกแต่งด้วยต้นไม้ สระน้ำ และก้อนหินในบ้านหรือสำนักงาน ที่เรารู้จักกันในนาม "เฟิงสุ่ย" หรือ "ฮวงจุ้ย" นั้น น่าจะมีอิทธิพลต่อสนามพลังของแม่เหล็กโลก

    ข้อสงสัยมีว่า เพียงแค่ก้อนหิน ต้นไม้ คอนกรีต จะไปมีแรงเหนี่ยวนำอะไรต่อสนามแม่เหล็กโลก จะเข้าใจเรื่องนี้ได้ต้องรู้จักเรื่องของปฐพีวิทยา เขาแบ่งสิ่งต่างๆ ที่ไม่ได้เป็นโลหะ ออกตามคุณสมบัติทางแม่เหล็กออกเป็น ไดอาแมกเนติก (diamagnetic) คือสารที่ถูกปฏิเสธหรือผลักดันโดยพลังแม่เหล็กแรงๆ และสารพาราแมกเนติก (paramagnetic) มีคุณสมบัติที่ถูกดูดดึงได้โดยสนามแม่เหล็กแรงๆ ชนิดหลังนี้ได้แก่ แกรนิต ดิน หินทราย ซึ่งล้วนเป็นวัสดุก่อสร้างแต่ครั้งโบราณจนปัจจุบัน สารพาราแมกเนติกแม้จะไม่ได้กลายเป็นแม่เหล็กในตัวมันเองได้เหมือนเหล็กหรือโคบอลต์ แต่มันก็ยอมรับและดูดซับพลังแม่เหล็กระดับหนึ่ง และวัสดุก่อสร้างเหล่านี้มีผลต่อคน สัตว์ และพืชที่อาศัยอยู่ในอาคารสิ่งก่อสร้างเหล่านี้

    นี่คือความลับของสิ่งก่อสร้างโบราณนับตั้งแต่พีระมิดหรือแท่งหินโอเบลิสก์ของอียิปต์ สโตนเฮนช์ ในอังกฤษ สุสานซื่อซานหลิงในจีน รวมถึงตึกกลมในไอร์แลนด์ ซึ่งมีชื่อเสียงมากในแง่ของสนามพลัง และมีงานวิจัยที่สนุกสนานมากว่าด้วยสนามพลังเหล่านี้

    ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ วันที่ 12 สิงหาคม 2548 ปีที่ 25 ฉบับที่ 1304 ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2013
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ปี พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๖๑ พระจันทร์จะเริ่มเปล่งแสงฉายโลก !!!

    [​IMG]

    พุทธทำนายจากศิลาจารึกที่ประเทศอินเดีย

    คณะธรรมทูตผู้ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระศรีมหาโพธิ์ที่ประเทศอินเดียเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔ ได้คัดลอกพระพุทธพจน์ทำนายจากศิลาจารึก เขตมหาวิหารในสวนมฤคทายวัน แปลได้ดังนี้(หมายเหตุจากผู้เรียบเรียง : ปีพ.ศ.ในพุทธทำนายต่อไปนี้จะต้องบวกด้วย 48 ปีเสียก่อนจึงจะเท่ากับปี พ.ศ.ตามแบบที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน ปี พ.ศ.แบบของไทยที่ใช้อยู่นี้เร็วเกินจริง อ่านรายละเอียดเรื่องนี้ที่ส่วนท้ายของเอกสารนี้)

    สาธุ อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระเมตตากรุณาแก่สัตว์โลกซึ่งเกิดมาล้วนแต่ลำบากยิ่งนัก ในคราวที่พระองค์ใกล้ถึงพระชนมายุย่างเข้าพระปรินิพานตามกาลเวลา จึงตรัสแก่พระอานนท์ผู้ศิษย์อันสนิทพากเพียรพยาบาลว่า

    ดูกรอานนท์ สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดมาล้วนแต่ลำบาก ทุกชาติ ทุกศาสนา ตามธรรมชาติที่หมุนเวียนของโลก โลกหมุนไปใกล้ความแตกทำลายจนถึงสมัยที่อาตมานิพพานไปแล้วได้ ๕,๐๐๐ ปี เมื่อโลกไปใกล้กึ่งจำนวนที่อาตมาทำนายไว้ (๒,๕๐๐ ปี) มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทิศเสียครึ่งหนึ่งในระยะ ๓๐ ปี สิ่งที่ศาสนิกชนไม่เคยพบเห็น ยักษ์หินถูกสาปให้หลับก็กลับตื่นขึ้นมาอาละวาดยิ่งหนัก เมื่อใกล้กึ่งศาสนาของอาตมาก็ทวีภัยใหญ่ขึ้นทุกทิพาราตรี และมนุษย์นอกศาสนาก็จะมารบราฆ่าฟัน กันถึงเลือดนองแผ่นดินและแผ่นน้ำ แม้ในอากาศ ก็มีอำนาจภัยจากฟ้าทุกทิศานุทิศ

    ไฟจะลุกลามเผาผลาญมนุษย์ไม่ขาดระยะ ต่างฝ่ายต่างทำลายกันย่อยยับเหมือนยักษ์กระหายเลือด แผ่นดินแผ่นน้ำจะเดือดเป็นไฟ และตายกันไปฝ่ายละครึ่งจึงเลิกรา ต่างฝ่ายต่างหมดกำลังด้วยกันตามวิสัยของยักษ์ร้ายนอกศาสนา ซึ่งกำเนิดมาจากสัตว์ป่าอำมหิต ส่วนศาสนิกชนผู้ขวนขวายในทางบุญตามเดิมวัจนะของอาตมาก็จะสามารถระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านใดที่เคารพสักการะพระศรีมหาโพธิ์และกาสาวพัสตร์ จะได้รับวิบัติเบาบางลงแต่จะหนีธรรมชาติไม่พ้น

    เริ่มแต่ศาสนาอาตมาล่วงมาได้ ๒,๔๘๕ ปีเป็นต้นไป ไฟจะลุกมาทางทิศตะวันออกไหม้วัดวาอาราม สมณชีพราหมณ์จะอดอยากยากเข็ญ คนบ้านจะเข้าป่า สัตว์ป่าจะเข้ากรุง เมืองหลวงจะร้อนเป็นไฟ ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ มหาสมุทรจะชอกช้ำสงครามจะทั่วทิศ ศึกจะติดเมือง ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก พลูหมากจะหมดเปลือง ปราชญ์เปรื่องจะสิ้นสูญ

    ราชตระกูลอำมาตย์ราษฎรทุกคนจะพากันถืออำนาจไม่เป็นธรรมไม่เคารพหลักธรรมโดยปรวนแปรนิยมเชื่อถือถ้วยคำของคนโกง คนกล่าวคำเท็จ คนประจบสอพลอย่อมได้รับการเชื่อถือในท่ามกลางสังคมสันนิบาตผู้ดีมีศีลธรรมประพฤติชอบไม่มีเสียง (อธรรมพูดจ้อ แต่ธรรมเป็นใบ้) จะเกิดการจลาจลวุ่นวาย ลูกจะพลัดแม่ แม่จะพลัดจากลูก โคกจะเป็นน้ำ ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมืองทรงเมืองจะเข้าไพร เทวดาจะเรียกแมลงบี้เหล็กโกฏิหนึ่ง ผีเสื้อเหล็กแสนหนึ่ง มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ

    เมื่อศาสนาของอาตมาล่วงมาได้ ๒๕๐๗ (ปีมะโรง) คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน ล่วงได้ ๒๕๐๘ (ปีมะเส็ง) ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล ล่วงได้ ๒๕๑๒ (ปีระกา) เมืองมนุษย์จะมืด ๗ วัน ๗ คืน โลกดิ่งสู่ความหายนะ

    บุคคลเจริญด้วยเมตตา กรุณา ไม่เบียดเบียนข่มเหงอิจฉาพยาบาทและไม่ประทุษร้ายซึ่งกันและกัน ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม และยึดถือคาถาของอาตมาจะพ้นภัยพิบัติให้เจริญภาวนาดังนี้

    หิตะชิราทัน มันกะโลอังคะ ศิลากะละสา สาสะสะติ โหตะถิ โหคะหะคะเน

    ให้ท่องบ่นภาวนาเป็นนิจ ให้จดอักษรใส่กระดาษหรือผ้าขาวปิดไว้หน้าบ้าน หัวนอน หรือพันศีรษะไว้ สารพัดภัยพินาศ สันติประสิทธิ์ ดูกรอานนท์ อาตมาสงสารสัตว์โลกเป็นล้นพ้นที่มีอายุขัยอยู่ได้ใกล้ยุคกึ่งยุคพุทธกาล

    เมื่อศาสนาของอาตมาล่วงมาได้ ๒๕๑๒ (ปีจอ) พระจันทร์จะเริ่มเปล่งแสงฉายโลก ครั้นล่วงได้ ๒๕๑๕ (ปีชวด) นับพ้นระยะปี ๓๐ ปี พวกอธรรมคือพวกที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลในสัตย์ ไร้ซึ่งศีลธรรมนั้นจะหมดสิ้นไป เพราะพวกมิจฉาทิฐิจะดับสูญไปจากโลก อธรรมแพ้ในที่สุด ครุฑจะบินกลับถิ่นสถาพร คนที่จรจะกลับเข้ากรุงบำรุงธรรม ธรรมจะชนะ พระจะอยู่บ้านเมืองต่อไป การงานของมนุษย์จะสำเร็จด้วยอริยศาสตร์ซึ่งไม่ต้องเบียดเบียนแรงผู้ใด ทุกคนจะสมบูรณ์ด้วยศีลธรรมและชีวิตผาสุก

    มหากษัตริย์ธรรมิกราชผู้เป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง จะเกิดภายในความอุปภัมถ์ของพระมหาเถระโพธิสัตว์ ทั้งสององค์นั้นจะจัดการบำรุงศาสนาของอาตมาในระยะนี้เป็น "ยุคศิวิไล" พระมหาเถระโพธิสัตว์จะเกิดในสมัยของอาตมาล่วงมาแล้ว ๒๔๕๔ ปี เมื่อล่วงได้ ๒๔๖๗ ถึง ๒๔๘๖ พระมหากษัตริย์ธรรมิกราชจะมาเกิด ทั้งสองพระองค์นั้นสถิตอยู่ ณ เบื้องทิศตะวันออกของมัชฌิมประเทศระหว่างปีจอปีกุน เมื่อศักราช ๒๕๑๓ กับ ๒๕๑๔ ผู้มีบุญทั้งสองพระองค์นั้น จะเสด็จเข้าบำรุงศาสนาให้เที่ยงแท้ สมณชีพราหมณ์จะเสด็จมา ๘๔,๐๐๐ รูป

    ดูกรอานนท์ อาตมาสงสารสัตว์ เวลานั้นพลโลกยังเหลือน้อยเต็มที คำทำนายของอาตมานี้ยังให้สัตว์ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วเชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่บอกเล่าให้ผู้ใดรู้กันต่อ ๆ ไปนับว่าเป็นกรรมแห่งสัตว์ต่างสิ้นสุดกันตามกาลเวลา ผู้ใดปรารถนาจะได้เห็นหรือทันมีบุญ ให้รักษาศีลห้าประการหนึ่งยำเกรงบิดา มารดา รู้จักบุญคุณท่านผู้มีคุณ หนึ่งให้เจริญภาวนาในพรหมไตรสภาพหนึ่ง คาถาว่าดังนี้

    " พุทธิทุกขัง อนิจจัง อนัตตา นโมสัพพราชา ขัตติโย อิติปารมิตา ติสา อิติ สัพพัญญุมาคตา อิติ โพธิ มนุปปัตโต อิติปิโส จ เต นโม "

    หมายเหตุ : ปี พ.ศ. ที่ระบุตามพุทธทำนายข้างต้นนี้ต้องเอาไปบวกเพิ่มด้วย 48 ปี จึงจะตรงกับปี พ.ศ.ที่เรากำลังใช้อยู่ตอนนี้ หมายความว่าปี พ.ศ. ที่เราใช้ปัจจุบันนี้เร็วเกินกว่าในคำทำนายไป 48 ปี เช่น ถ้าปีในคำทำนายคือ ปีมะโรง พ.ศ. 2507 จะตรงกับปีในแบบปัจจุบันคือ ปีมะโรง พ.ศ. 2555(2507 + 48 = 2555) ปี พ.ศ. ที่ไทยเราใช้อยู่นั้นกับปี พ.ศ. ของบางประเทศนั้นไม่ตรงกัน ทั้งที่ต่างก็นับถือพระพุทธศาสนาเหมือนกัน มีผู้รู้กล่าวว่า พ.ศ. แบบที่เราใช้อยู่ปัจจุบันนี้มีความคลาดเคลื่อนเร็วเกินกว่าความเป็นจริง

    มีข้อมูลที่สนับสนุนว่า อาจมีความคลาดเคลื่อนในการนับปีพุทธศักราช เชิญผู้ที่สนใจลองค้นหาดูจากอินเทอร์เน็ต ความคลาดเคลื่อนนี้ อาจเกิดขึ้นเนื่องจากการนับพุทธศักราชที่ใช้กันในปัจจุบันนั้น ประเทศศรีลังกาเป็นผู้จัดทำขึ้นในช่วงประมาณ 1,000 ปีหลังพุทธกาล โดยนำข้อมูลเทียบกับระยะเวลาการครองราชย์ของกษัตริย์ลังกา แต่ละพระองค์ แต่ช่วงหนึ่งลังกาถูกพวกทมิฬจากอินเดียยกทัพบุกยึดเป็นเมืองขึ้น และเกิดสงครามกลางเมือง

    ผลของสงครามอาจทำให้การบันทึก ข้อมูลการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์ลังกาในช่วงนั้นคลาดเคลื่อนไป บางความเห็นก็ว่าความคลาดเคลื่อนนี้อาจเกิดจากวิธีนับรอบปีใหญ่ซึ่งเรียกว่า “การนับพฤหัสบดีจักร” ที่นับแตกต่างกันหนึ่งรอบ เนื่องจากโลกตะวันตก มีการจดบันทึกปีคริสต์ศักราชที่แน่นอน เราจึงตรวจสอบเวลาที่คลาดเคลื่อนนี้โดยยึดตามเหตุการณ์สำคัญคือพระเจ้าอโศกมหาราชทรงขึ้นครองราชย์เมื่อ 267 ปีก่อนคริสตกาล และระยะเวลาในยุคพระเจ้าอโศกมหาราชห่างจากช่วงที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน 218 ปี ดังนั้นถ้า ค.ศ. ปัจจุบันคือ ค.ศ. 2010 นำมาบวกด้วย 485 (267 + 218 = 485) จะได้ปี พ.ศ. ที่แท้จริงคือ พ.ศ. 2495 ไม่ใช่ พ.ศ. 2553 ซึ่งมีความคลาดเคลื่อนไปถึง 58 ปี

    มีความเป็นไปได้ที่มีความคลาดเคลื่อนในการนับปีพุทธศักราช แต่ก็ไม่แน่ว่าจะคลาดเคลื่อนไป 58 ปี เพราะได้พบหลักฐานสำคัญคือพุทธทำนายจากศิลาจารึกที่ทำให้อาจเชื่อได้ว่า พ.ศ. ตามแบบที่เราใช้ในปัจจุบันนั้นคลาดเคลื่อนเร็วเกินจริงไป 48 ปี โดยถ้าเรานับตามความเป็นจริงคือเอาปี พ.ศ. แบบที่เราใช้อยู่มาลดจำนวนปีลง 48 ปีแล้วนำมาเทียบกับปี พ.ศ. ตามในพุทธทำนายก็จะได้ปีนักษัตรที่ตรงกับในพุทธทำนายพอดี หรือในทางกลับกันถ้าเรานำปี พ.ศ.ตามพุทธทำนายมาบวกเพิ่มด้วย 48 ก็จะได้ปี พ.ศ. ตามแบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เช่น ในพุทธทำนายได้กล่าวเอาไว้ว่าปี พ.ศ. 2512 (ปีระกา) เมืองมนุษย์จะมืด 7 วัน 7 คืน เมื่อเราเอาปี พ.ศ.2512 มาบวกเพิ่ม 48 ปี ก็จะได้เป็นปี พ.ศ. 2560 ซึ่งตรงกับปีระกา ตามในพุทธทำนาย

    หากเราเอาจำนวนปี พ.ศ. ในคำทำนายมาแปลงเป็นปี พ.ศ.แบบที่เราใช้ในปัจจุบันจะได้ดังนี้

    ๒๕๐๗ (ปีมะโรง) คือประมาณปี พ.ศ. 2555 คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน
    ๒๕๐๘ (ปีมะเส็ง) คือประมาณปี พ.ศ. 2556 ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล
    ๒๕๑๒ (ปีระกา) คือประมาณปี พ.ศ. 2560 เมืองมนุษย์จะมืด ๗ วัน ๗ คืน โลกดิ่งสู่ความหายนะ
    ๒๕๑๒ (ปีจอ) คือประมาณปี พ.ศ. 2560 (ช่วงต่อปีระกา - ปีจอ) พระจันทร์เริ่มเปล่งแสงฉายโลก
    ๒๕๑๓ - ๒๕๑๔ (ช่วงต่อปีจอ - ปีกุน) คือประมาณปี พ.ศ. 2561 พระธรรมมิกราชจะเสด็จมา
    ๒๕๑๕ (ปีชวด) คือประมาณปี พ.ศ. 2563 พวกอธรรมจะหมดไป (กลับเป็นปกติสุข "ยุคชาววิไล")


    เทียบปีนักษัตรสำหรับปี พ.ศ. ในแบบปัจจุบัน (เพื่อใช้ประกอบการอ่านคำทำนาย)
    13 เม.ย. 2555 – 12 เม.ย. 2556 ตรงกับปีมะโรง
    13 เม.ย. 2556 – 12 เม.ย. 2557 ตรงกับปีมะเส็ง
    13 เม.ย. 2557 – 12 เม.ย. 2558 ตรงกับปีมะเมีย
    13 เม.ย. 2558 – 12 เม.ย. 2559 ตรงกับปีมะแม
    13 เม.ย. 2559 – 12 เม.ย. 2560 ตรงกับปีวอก
    13 เม.ย. 2560 – 12 เม.ย. 2561 ตรงกับปีระกา
    13 เม.ย. 2561 – 12 เม.ย. 2562 ตรงกับปีจอ
    13 เม.ย. 2562 – 12 เม.ย. 2563 ตรงกับปีกุน
    13 เม.ย. 2563 – 12 เม.ย. 2564 ตรงกับปีชวด

    พุทธพจน์ทำนาย พ.ศ.2555-2560 โลกมนุษย์ทำกุศลเพียง 3 ส่วน ทำบาปกรรมถึง 7 ส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้องค์อินทร์จะสั่ง ลงโทษมนุษย์ผู้ใจบาปถึง 9 ข้อ นับแต่ปีจอถึงปีกุน ดังนี้

    ปู่ฤษีมณีรัตน์ (สมเด็จรุ่ง) ค้นพบ“หนังสืออินทร์ตก-เทพทำนาย” (โดยย่อ) หนังสือใบลานสี ได้ถูกตกมาในวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดอัตตะบือ (ประเทศลาว) ข้าพเจ้าได้รับรู้จากพระอาจารย์ผู้ทรงศีลองค์หนึ่งเผยแพร่ให้ เลยเกิดความศรัทธาเสียสละทรัพย์พิมพ์แจกจ่ายมายังพี่น้องชาวพุทธทั้งหลาย เพื่อเป็นกุศลและเพื่อพิจารณาญาณด้วยตนเองถึงเหตุการณ์มหันตภัยของโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ซึ่งจะบังเกิดขึ้นตามพุทธทำนายไว้ดังนี้

    โลชังชม โทโพโส อินโตกรุณา พระอินทร์ พระพรหม ยมราช ได้สั่งไว้ว่า ถ้าบุคคลใดได้รู้แจ้งจงรีบบอกให้คนอื่นฟัง หรือพิมพ์แจกตามกำลังศรัทธาจะเกิดมหากุศลช่วยให้ท่านได้หลุดพ้นจาก มหันตภัยทั้งปวง ถ้าบุคคลจะลงมาเกิดพร้อมทั้งหนังสือใบลานฉบับนี้ ถ้าใครไม่มีไว้ในบ้านเรือน จะมีภูตผีปีศาจเข้ามาทำลายอย่างถ่องแท้ ในปีจอถึงปีกุน เมื่อคืนเดือนหงายจะมีงูพิษเหนือศีรษะ ฉกกัดให้ถึงตายและผู้คนทั้งหลายจะเกิดความเดือดร้อนหลายประการ

    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนศึกสงครามบ่แล้ว
    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนน้ำและไฟ
    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนบ่มีไผสิเบิ่งไผ
    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนอึดข้าวปลาอาหาร
    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนผัวเมียบ่เห็นหน้ากัน
    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนมีคนตายตามทุ่งนา
    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนบ่มีผู้เฒ่า
    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนไปต่างประเทศบ่สะดวก
    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนนอนบ่หลับ

    ในปีจอนี้ในเมืองจันทร์จะมีฤาษีองค์ทองดำ สิขาลาเพศออกมาเป็นพ่อค้า ในปีจอ ขึ้น 8 ค่ำ ห้ามบ่ให้ตักน้ำอาบ น้ำกิน ตามห้วย หนอง คลอง บึง หลังพระอาทิตย์ตกดิน(ก่อนค่ำ) พระยายมราชจะนำเอายาพิษพ่นใส่โลกมนุษย์ ในปีจอเมืองกรุงเทพจะแตกพังทลายตอนเวลาไก่ขัน พระแก้วมรกตหัวเชียงเมี้ยง ข้าวเม็ดใหญ่จะกลับสู่เวียงจันทร์ นี่คือคาถาของพระอินทร์ พรหม ยมราชได้เขียนไว้บนใบลาน จงเก็บรักษาไว้ให้ดีเพื่อช่วยหลุดพ้นจากภัยพิบัติได้ในยามเกิดเหตุการณ์มหันตภัย พระคาถาเขียนไว้ว่า

    ปะโต เมตัง ปะระชีวินัง สุคะโต จุติ จิตตะ เมตตะ นิพพานัง สุคะโต จุติ
    (บางฉบับว่า... ปะโต เมตัง ปะละชิมิมัง สุคะโต จุติ จิตตะ เมตตะ นินะนัง สุคะโต จุติ)


    พระคาถาบทนี้เขียนลงในใบลาน แผ่นทอง หรือแผ่นผ้าก็ดี ติดไว้ที่ประตูบ้านหรือ ในรถหรือโพกศีรษะ ยามเกิดเหตุการณ์จะช่วยให้หลุดพ้นจากภัยอันตราย ในกาลเวลานี้ เทพเจ้าเหล่าเทวดาผู้รักษาคุ้มครองโลกได้กราบทูลต่อพระอินทร์ว่า โลกมนุษย์ทำกุศลเพียง 3 ส่วน ทำบาปกรรมถึง 7 ส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้องค์อินทร์จะสั่งลงโทษมนุษย์ผู้ใจบาปถึง 9 ข้อ นับแต่ปีจอถึงปีกุน ดังนี้

    1. จะเกิดพายุลมแรง แผ่นดินไหว
    2. จะเกิดอัคคีภัย
    3. จะเกิดอุทกภัย
    4. จะเกิดฟ้าผ่า
    5. จะเกิดร้อนเกินไป หนาวเกินไป
    6. จะเกิดสารพิษต่างๆ
    7. จะเกิดกาฬโรคต่างๆ
    8. จะเกิดข้าวยาก หมากแพง
    9. จะเกิดอาฆาตพยาบาทเบียดเบียนกันเอง

    มหันตภัย 9 อย่างนี้จะหลุดพ้นได้เฉพาะผู้มีบุญ คนที่ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น หากผู้ใดรู้แล้วจงบอกต่อกันไปให้รีบทำความดีมากๆ ถ้าเลยปีจอ ปีกุนไปแล้ว ทุกคนพร้อมทั้งลูกหลานจะได้รับความสุขกายสบายใจทุกคนให้ทุกคนเคร่งครัดในศีล 5 นอกจากหนังสืออินทร์ตก ที่ได้กล่าวมาแล้วยังมีพระผู้ทรงศีลอีกองค์หนึ่งได้พบเห็นคำสอนที่จารึกไว้บนแผ่นศิลา ที่เพิ่งพบในภูเขาแห่งหนึ่งที่พระพุทธเจ้าได้เดินธุดงค์วิปัสสนากรรมฐานผ่านไป

    พระผู้ทรงศีลกล่าวว่า พี่น้องทั้งหลายถ้าไม่เชื่อก็สุดแล้วแต่ดวงจิต เพราะถึงเวลาแล้วที่สวรรค์จะไม่มีความลับ ถ้าเชื่อก็เป็นกุศล รู้เพียงเทา่ นี้ข้า้พเจ้าจึงขอบอกเล่าสู่ท่านฟังตามคำกล่าวของพระผู้ทรงศีลรูปนี้ว่า ในแผ่นศิลาเขียนโดยพระมหากัสสะปะว่าในปีระกา ปีจอ ปีกุน เดือน 7 - 8 จะเกิดเหตุการณ์ร้ายบนถนนหนทาง ในเดือน 9 - 10 คนใจบาปจะถูกล้างผลาญให้หมดไป มีบ้านแต่ไม่มีคนอยู่ มีข้าวแต่ไม่มีคนกิน มีทางแต่ไม่มีคนเดิน

    สุดท้าย พระผู้ทรงศีลได้กล่าวย้ำถึงความศักดิ์สิทธิ์ ของหนังสืออินทร์ตกเพิ่มเติมว่า ถ้าท่านเคารพบูชา หรือบนว่าจะบอกแก่ผู้อื่นหรือพิมพ์แจกจ่ายให้สาธุชนทั้งหลายได้รับรู้ แล้วท่านปรารถนาสิ่งใดก็จะได้สมใจ จึงปราศจากภัยพิบัติทั้งปวงตลอดไป

    พบพระผู้มี "อภิญญา" มีฤทธิ์มาก

    ท่านฝากเตือนมาว่า เวลาของโลกมนุษย์เหลือน้อยแล้ว (ก่อน พ.ศ. 2560) คัดข้อมูลบางส่วนจากข้อความของ นางสาว เปรมสุดา (เมย์) พบพระผู้มีอภิญญาฤทธิ์นามว่า"หลวงปู่ประเสริฐ" ท่านฝากเตือนมาว่าเวลาของโลกมนุษย์เหลือน้อยแล้ว น่าสงสารสัตว์โลก พระผู้มีอภิญญาฤทธิ์ ลูกศิษย์เรียกท่านว่า"หลวงปู่ประเสริฐ" สำนักสงฆ์ของท่านอยู่ติดกับ "วัดซับปลากั้ง" "หลวงปู่ประเสริฐ" ท่านมีอภิญญาสูง มีฤทธิ์มาก เมย์เห็นมากับตาหลายครั้งและลูกศิษย์ก็เห็นมาหลายคน แต่วันนี้เมย์จะไม่เล่าเรื่องอภิญญาของหลวงปู่

    แต่เมย์จะเล่าเรื่องวาระสุดท้ายของโลกมนุษย์ค่ะ หลวงปู่ท่านอายุน่าจะ 80 ปีได้ค่ะ รูปร่างสูงสง่างาม (น่าจะสูงเกิน 180 ซม.) ดูท่านใจดี ลักษณะการเดินของท่านดูสูงส่งมากค่ะ (เดินสง่างามน่าเลื่อมใส อธิบายไม่ถูก) น้ำเสียงที่นุ่มนวล ท่านบอกกับทุกคนว่า "เอาล่ะนะ" ถึงเวลาที่ฉันจะบอกเรื่องสำคัญล่ะนะ ทุกคนตั้งใจฟังให้ดีๆ แล้วไปเตือนผู้คนและคนอื่นๆ

    ท่านก็เริ่มเทศนาว่า.......แท้จริงประเทศไทยและทุกประเทศทั่วโลก น่าจะพบกับความหายนะครั้งใหญ่จากภัยธรรมชาติใหญ่ ซึ่งผู้คนต้องตายเกือบหมดโลกตั้งแต่ พ.ศ.2545 แต่ที่มันไม่เกิดก็เพราะว่ามีพระผู้ทรงอิทธิฤทธิ์หลายท่าน รวมไปถึงเทวดาผู้รักษาโลกมนุษย์ช่วยกันอธิษฐานจิตให้เหตุการณ์ผ่านพ้นไปก่อน ซึ่งในความเป็นจริงมันได้แค่เลื่อนออกไปเท่านั้น ยังไงๆ เหตุการณ์ภัยธรรมชาติใหญ่และความหายนะครั้งใหญ่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน

    นับแต่เวลานี้ พ.ศ. 2552 แรงอธิษฐานมันหมดกำลังลงแล้ว และจะไม่สามารถอธิษฐานเลื่อนได้อีกแล้ว ต่อจากนี้ไปภัยธรรมชาติและความหายนะครั้งใหญ่จะค่อยๆ ปรากฏตัวเพิ่มมากขึ้นๆมากขึ้นๆ โดยเริ่มทีละน้อยจาก พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป จะค่อยๆทวีความรุนแรงขึ้นๆ สารพัดภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว, พายุ, ภูเขาไฟระเบิด, น้ำทะเลสูงท่วมแผ่นดิน, หมู่เกาะทั้งหมดจะจมใต้ทะเลทั้งหมดและสารพัดอย่างจะประดังเข้ามา ฯลฯ

    ทุกอย่างจะจบสิ้นก่อนปี พ.ศ. 2560 มนุษย์ที่ศีลไม่ครบจะถูกภัยธรรมชาติใหญ่คร่าชีวิตทั้งหมด และมนุษย์ที่รอดชีวิตนั้นมีไม่กี่คนเท่านั้น และคนที่รอดชีวิตส่วนมากจะเสียสติไปเลย เพราะตกใจกับเหตุการณ์แบบสุดชีวิต หลวงปู่บอกว่า เอายังงี้แล้วกันนะ คนจะตายกันเกือบหมดโลกเลย แต่ประเทศไทยจะเหลือมากที่สุด คือรอดประมาณ 20-30 % ของประชากรไทย ไปคำนวณกันเอาเอง พูดง่ายๆ ตายเกือบหมดประเทศนั่นแหละ จะเหลือแค่คนมีศีลธรรมจริงๆ เท่านั้นเอง

    หลังปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป มนุษยชาติจะเข้าสู่ยุคใหม่เรียกว่ายุคศิวิไลซ์เนื่องจากคนไทยจะเหลือมากที่สุด (20-30%) ต่อไปประเทศไทยจะได้เป็นมหาอำนาจ และเป็นศูนย์กลางของโลก เมื่อเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ผู้คนยุคนั้นจะเปลี่ยนทัศนะคติในการดำเนินชีวิตใหม่ทั้งหมด ในยุคนั้นผู้คนจะไม่สนใจเงินทองอีกเลย แต่จะมาแข่งขันในเรื่องของการบำเพ็ญบุญ-กุศล

    ท่านว่าเวลาของโลกมนุษย์เหลือน้อยแล้ว เหตุการณ์มันกำลังจะมาถึงแล้วนะ จะทำอะไรก็รีบๆ ทำ เลิกใช้ชีวิตแบบโง่เขลาเบาปัญญาเสียที สิ่งที่จะติดตัวเราไปมีเพียงบุญ-บาป เท่านั้น จำไปบอกต่อๆ กันด้วยนะลูกหลาน ขอให้เอาชีวิตรอดให้ได้นะ ฉันก็มีเรื่องจะบอกเท่านี้นะ เจริญพร.......

    หมายเหตุจากผู้เรียบเรียง : ปัจจุบันหลวงปู่มรณภาพแล้วแต่กายสังขารยังคงตั้งอยู่ที่วัดให้ผู้ศรัทธาหลวงปู่ได้ไปกราบไหว้บูชา

    ที่มา ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2013
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "มติสวรรค์"ยืนยันความเป็นจริงใน"พุทธทำนาย" !!!

    [​IMG]

    siberian สมาชิก

    ขอนอกเรื่อง เรื่องแนวทางปฎิบัติมาที่การเตือนภัยหน่อยน่ะครับผมขอสรุปความเรื่องภัยที่ได้คุยกับมารและเรื่องราวในกระทู้สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัตินะครับ

    พุทธศักราช 2556

    เป็นการเริ่มต้นการปรับสมดุลย์ธาตุในโลก โดยฝ่ายมารในฐานะผู้รับผิดชอบได้ว่ากล่าวไว้ชัดเจนว่าจะเริ่มปรับสมดุล 5 เปอร์เซนต์ของพื้นที่ พูดง่ายๆคือ ในพื้นที่ที่สมดุลเสียที่สุด 5 เปอร์เซนต์ทั่วโลกจะโดนปรับสมดุลด้วยภัยธรรมชาติ ในประเทศไทยคือภาคตะวันออก ส่วนพื้นที่อื่นๆยังไม่มีการปรับสมดุล ถ้ามีก็น้อยมากๆ โดยสรุปในปีนี้คงยังไม่ใช่ภัยใหญ่ที่จะเกิดเพื่อปรับสมดุลธาตุทั้งหมด เป็นภัยเล็กๆเพื่อเตือนเท่านั้น แต่ท่านฮั้วโต๋บอกว่าแม้ภัยเล็กแต่ก็รุนแรงอยู่อย่าได้ประมาทครับ

    พุทธศักราช 2558

    ฝ่ายมารจะขอเรียกประชุมเพื่อตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งเรื่องการปรับธาตุโดยมีแนวทาง 2 แนวทางนั้นคือ

    1.ปรับสมดุลธาตุที่เหลือทั้งหมดในปี 2560 นับรวมเป็น 95 เปอร์เซนต์ที่เหลือ(ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเลื่อนเวลาออกไป)

    2.ปรับสมดุลเป็นระยะคือ 2560-20 เปอร์เซนต์ 2570-30 เปอร์เซนต์ 2580-40 เปอร์เซนต์โดยถ้าเป็นเงื่อนนี้มีเงื่อนไข 3 ข้อคือ

    2.1.เหล่าอริยะทั้งหลายในโลกต้องละสังขารทั้งหมดในปี 2560 เหลือไว้แต่พระธรรมของโคตมะเท่านั้น การที่ตามกลับอริยะทั้งหมด ด้วยเห็นว่าในแง่หนึ่งอริยะเป็นผู้ขัดขวางการเข้าถึงธรรมของผู้ปฎิบัติ เพราะแม้เป็นอริยะแล้วแต่ไม่ใช่พระพุทธเจ้า มิได้มีความสามารถในการสอนมนุษย์ การมีอยู่กลับเป็นที่ยึดติดของมนุษย์จนมนุษย์ไม่ยอมเข้าถึงธรรม เฉกเช่น มนุษย์ทั้งหลายเข้าหาอริยะทั้งหลายด้วยแสวงหาที่พึ่ง แสวงหาบุญ แสวงหากุศล และอริยะทั้งหลายก็มิได้ปรามให้ถูกที่ กลับยอมให้สัตว์เหล่านั้นยึดเป็นที่พึ่ง แทนที่จะสั่งสอนให้สัตว์เหล่านั้นยึดธรรมเป็นที่พึ่ง แต่ถ้าอริยะผู้ใดสามารถเข้าใจในเหตุ และสามารถพาคนเข้าถึงธรรมจริงๆได้ โดยไม่ทำให้คนหลงยึดติดตัวอริยะผู้นั้น ย่อมคู่ควรกับการมีอยู่เพื่อรักษาธรรมธาตุ

    2.2ให้ผู้ถึงนิพพาน 20 ดวงยอมละทิ้งปัญญาและสมาธิอันเกิดจากการปฏิบัติของตน ลงมาเกิดเป็นดวงวิญญาณเพื่อฝึกฝนใหม่แต่ต้น เนื่องพลังแห่งการปฏิบัติ ที่เมื่อสละออกจากจิตตนแล้วจะสามารถพยุงธรรมธาตุไว้ได้นานพอ ที่จะใช้วิธีค่อยๆปรับธรรมธาตุไป ไม่งั้นต้องปรับทีเดียวหมดในปี 2560 นี้

    2.3.มีผู้ที่ฝึกปฎิบัติผู้หนึ่ง ยอมผูกมัดสัญญาด้วยดวงจิตของเจ้า ว่าใน 30 ปีที่จะให้เลื่อนไปนั้นเจ้าจะช่วยดูแลธรรมชาติ จนสมบูรณ์ได้ 3 ส่วน และถ้ากระทำไม่ได้ยอมลงเสียยังโลกันตนรก 1 อสงไขยและฝึกดวงจิตใหม่แต่ต้น เป็นการบอกว่ามีดวงจิตที่มีความสำนึกต่อธรรมชาติเพียงพอ จนถึงขนาดยอมผูกดวงจิตแห่งตนไว้กับการรักษาธรรมชาติ ด้วยเงื่อนที่รุนแรงยิ่ง(อันนี้เดาว่าน่าจะเป็นโพธิสัตว์ใหญ่น่ะครับ)

    พุทธศักราช 2560

    เริ่มการปรับสมดุลจริงๆ จะเป็น 95 เปอร์เซนต์หรือ 20 เปอร์เซนต์ก็ตามการประชุมในปี 2558 ส่วนในรายละเอียดคิดว่าน่าจะมีการเตรียมการไว้แลัวครับ ไงๆถ้ารายละเอียดยังไงถามท่่านฮั้วโต๋ได้ครับ

    ลองสรุปให้ดูกันน่ะครับ มีอะไรขาดตกบกพร่องว่ากล่าวได้ครับ ท่านฮั้วโต๋เจ้าของกระทู้ ผมขอถือวิสาสะสรุปความไว้น่ะครับ มีอะไรผิดพลาดขอความกรุณาท่านฮั้วโต๋ช่วยแก้ไขด้วยครับ หลังจากนี้คงหายไปพักหนึ่งครับ ขอไปเอาดีเรื่องสมาธิวิปัสนากับอาจารย์ผมเสียบ้างหลังจากออกมาเล่นอยู่นานแล้ว

    17-12-2012, 03:43 AM

    ฮั้วโต๋ สมาชิก

    ...ครับรับทราบครับ..ขอบคุณมากครับ..ข้อมูลตามที่ท่านกล่าวมานี้.เป็นจริงครับ.และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือเลื่อนเวลาออกไป.ไม่ได้ถือเป็นวิสาสะครับ."กรรมจัดสรรไว้แล้ว สำหรับผู้เชื่อและไม่เชื่อ"นี่คือคำกล่าวของเหล่าเทวราชมารผู้มีหน้าที่ในการกิจนี้..ใช้ปัญญาพิจารณา ใครจะเชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ได้ เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน..ตามบุญ-ตามกรรม...

    เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

    17-12-2012, 05:04 AM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัติ.294356/page-488#post7139262
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2013
  15. Allymcbe222

    Allymcbe222 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ใช่จริงครับ ถูกต้องแล้ว หลวงพ่อได้กล่าวไว้ในหนังสืออ่านเล่นเล่ม 5

    "ถามว่า สมบัติส่วนนี้เมื่อไรจะใช้ได้
    ท่านบอก ต้องรอไปซี เมื่อพ้นจากพระพุทธศาสนานี้หมดไปแล้ว ศาสนาพระสมณโคดม ตอนช่วงกลางจะมีพระปัจเจกพุทธเจ้า ก่อนพระศรีอาริย์ตรัส
    ช่วงนั้นก็จะมีพระเจ้าจักรพรรดิอุบัติขึ้นมาในโลก แล้วทองทั้งหมดนี้เป็นทองที่เขาเก็บไว้เพื่อพระเจ้าจักรพรรดิ"
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภาคตะวันออกที่รักและน่าวิตกแถมเป็นห่วงยิ่ง !!!

    [​IMG]
    แบบจำลองการเกิดสึนามิในภาคตะวันออกของไทย

    Falkman สมาชิก

    พี่กวย (หางอึ่ง) เคยบอกว่า หลวงพ่อแดงเคยเตือนว่า ซึนามิ ครั้งต่อไปจะเกิดจากภูเขาไฟใต้ทะเล แล้วคราวนี้ประเทศบรูไน จะหายไป ก็เลยไปหาภูเขาไฟใต้ทะเลมา แล้วลองจำลองคลื่นดู (สีแดง) (หลวงพ่อแดงบอกก่อนซึนามิครั้งก่อนว่า จะมีตลื่นยักษ์ แล้ววันทีเกิดท่านวาดรูปให้ดูด้วยว่าเหตุเกิดจากแผ่นดินสองแผ่นมันเกยกัน) แต่คราวหน้า ภูเขาไฟใต้ทะเลระเบิด คราวนี้จะแรง ไทยจะโดนเต็มๆ

    ส่วนคลื่นสีเหลือง จำลองจากภูเขาไฟตรงอันดามัน ลองดูว่าถ้าเกิดมันระเบิดแล้วมีแผ่นดินไหว ส่วนไหนจะกระทบบ้าง

    24-06-2010, 06:43 AM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ภูเขาไฟ-ที่กำลังปะทุ.68851/page-21#post3462133

    ตำแหน่งของภูเขาไฟใต้ทะเล

    ตำแหน่งภูเขาไฟ มักอยู่ตามแนวรอยต่อของ เพลททวีป มีอยู่เป็นจำนวนมากที่เดียวครับ ประเทศญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์อินโดนีเซีย ตั้งอยู่บนแนวรอยต่อพอดี ถือว่าอันตรายมาก เฉพาะวงแหวน (ring of fire)ในเขตนั้นมีกว่า 4.000 ลูก

    สำหรับชายฝั่งภาคใต้ของประเทศไทย หลวงปู่ที่มีญาณหยั่งรู้ ซึ่งท่านเคยบอกกับลูกศิษย์เอาไว้ก่อนเกิดสึนามิ เมื่อปี 2547 นั้น ว่าสาเหตุมาจากแผ่นทวีปขบกัน แต่การเกิดเมกกะสึนามิคราวต่อไปใหญ่กว่าเดิมหลายเท่านั้น จะเกิดมาจากภูเขาไฟใต้ทะเล และยังไม่แน่ว่าการเกิดสึนามิคราวต่อไปนี้ จะเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ด้ามขวานทองบางส่วนกลายเป็นท้องทะเล ตามที่ท่านครูบาอินทร ได้เห็นภาพนี้มาล่วงหน้า และท่านยังพบว่าแผ่นเปลือกโลกบริเวณนั้นได้เริ่มขยับตัวรออยู่ล่วงหน้าแล้ว

    ภาคใต้ของไทยมีภูเขาไฟใต้ทะเล ทั้งทางด้านทิศตะวันตก ในบริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์ และยังมีซ่อนตัวใต้ทะเลในทะเลจีนใต้แหลมญวนอีกแห่งหนึ่ง และในบริเวณของประเทศฟิลิปปินส์ จึงน่าจับตาดูต่อไปว่าจะมีสัญญานการเกิดแผ่นดินไหวในบริเวณเหล่านั้นขึ้นถี่ๆหรือไม่

    ก่อนที่จะเกิดการระเบิดของภูเขาไฟ ซึ่งแมกม่าใต้โลกจะค่อยๆใช้แรงขับดันผิวโลกใต้ทะเลให้ทะลุออกมานั่นเอง ตามภาพอนาคตของหลวงปู่ ที่บังเกิดผลให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดใหญ่กว่าปี 47 หลายเท่านั้น บ่งบอกว่ากำลังดันของแมกม่าคราวนี้มีมากเป็นพิเศษ และแผ่นเปลือกโลกได้รับแรงกระทบเป็นบริเวณกว้าง จึงดันน้ำทะเลเป็นลูกใหญ่มาก ทำให้เกิดแนวคลื่นสูงหลายสิบเมตรออกไปรอบตัว

    ที่มา http://ainews1.com/article411.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2013
  17. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    พอดีแวะเข้ามาเห็น
    ต้องขออนญาต พี่เกษม ในโพสหน้ากระทู้นี้ ข้างบน ที่นำมาแปะไว้ ลำดับ#30036

    เกี่ยวกับ "มติสวรรค์"ยืนยันความเป็นจริงใน"พุทธทำนาย" !!! อะไรนั้น

    นั่นไม่ใช่ ข้อความผม แต่เกิดจากการที่ผมนำมาอ้างอิง สนทนากับสมาชิกท่านหนึ่ง

    ในกระทู้นี้ ในโพสที่ #9810
    Click

    นำมาอ้างอิงในการสนทนา จากโพสนี้ #9741 กับสมาชิกท่านนั้น
    Click

    ช่วยแก้ไขให้ตรงตามจริงด้วย ลองอ่านดูดีๆ ให้ละเอียด อีกครั้งครับ
    กลัวจะเอาไปพิมพ์เป็นหนังสือ ล่ะจบกันเลย

    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2013
  18. sopha zotos

    sopha zotos สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +11
    ใครมีอาการแบบนี้บ้างค่ะ ท้องตึง แน่น. มีลมในกระเพาะถึงขนาดต้องอาเจียนออก?
     
  19. zixma99

    zixma99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,175
    ผมครับ ผมครับ..แต่ของผมท้องตึงแน่นและมีลมในกระเพาะถึงขนาด..ตดออกมา:'(
     
  20. phirus

    phirus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +318
    ตอนนี้กะลังเจ็บเท้า สงสัยใกล้จะเดินเป้นคลานแระ
     

แชร์หน้านี้

Loading...