ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. su_ra

    su_ra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +736
    สวัสดีปีใหม่ 2013 ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      205.4 KB
      เปิดดู:
      44
  2. uuuu0010

    uuuu0010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +247
    ขอสวัสดีปีใหม่ แด่ผู้แปลทุกท่าน ผู้อ่านทุกคน และทุกคอมเม้นต์
    ขออำนวยพรที่ดี และประเสริฐแห่งสากลจักวาลนี้ จงบังเกิดแก่ทุกท่านทุกคน
    ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2556 นี้และตลอดปีเทอญ

    ;aa20
     
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ตอนนี้ผมมี "คาถา" ดีประจำตัวอยู่บทหนึ่ง
    ซึ่งผมจะท่องอยู่เป็นประจำในช่วงนี้
    โดยเฉพาะช่วงที่อารมณ์ ความรู้สึก และความคิดเก่าๆ
    เกี่ยวกับเรื่องที่กำลังเป็นทุกข์อยู่นั้น มันผุดขึ้นมาอีก
    ซึ่งใครจะเอาไปใช้บ้างก็ได้นะครับ

    คาถาที่ว่านั้นก็คือ

    "Now I'm surrender to the change
    The change for my highest goodness"

    "ตอนนี้ข้าพเจ้าขอยอมรับต่อการเปลี่ยนแปลง
    การเปลี่ยนแปลงซึ่งจะนำไปสู่ความดีงามสูงสุด
    ของตัวข้าพเจ้าเอง"

    ง่ายๆ สั้นๆครับ เพราะว่า..ก็ไม่รู้จะไปฝืน ไปห้าม
    และไปเป็นทุกข์กับมันทำไมหรอก
    ไอ้แค่การเปลี่ยนแปลงเนี่ย..
    เพราะว่ามันก็เป็นธรรมชาติ และ
    เป็นสัจธรรมที่เที่ยงแท้อย่างหนึ่งเท่านั้นเอง

    อะไรบ้างหละที่จะไม่เปลี่ยนแปลง?
    ดังนั้น จะไปเป็นทุกข์เพื่ออะไรกัน?

    โดยเฉพาะอย่างยิาง ในยุคพลังงานใหม่นี้
    การเปลี่ยนแปลงทั้งในระดับลึกและระดับตื้น
    ทั้งภายใน และ ภายนอกตัวเรา
    ยิ่งจะต้องเกิดขึ้นใหญ่เลย
    เพราะว่าทั้งหมดทั้งสิ้นนี้
    ก็เพื่อความดีงามสูงสุดของทั้งตัวเราเอง
    ทั้งของโลกใบนี้ และทั้งของสรรพสิ่งทั้งปวงด้วย

    ดังนั้น เราจึงควรจะเปิดใจ และยินดีต้อนรับมันด้วยซ้ำไป
    และเพราะฉะนั้น ตอนนี้ ใจผมเบาสบายขึ้นมากเลยครับ
    เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกยังไงไม่รู้

    มันเกิดขึ้นแค่เวลาเพียงไม่นานเองนะครับ
    ก็น่าแปลกดีเหมือนกัน คือ..ประมาณว่า
    พอได้อ่าน comment ของพี่อจิตะแล้ว
    มันเจอคำที่เป็นเหมือน key word เท่านั้นแหละ
    มันก็ถึงบางอ้อได้ง่ายๆเลย..

    ผมถึงบอกว่าทั้งอยากจะหัวเราะ
    และอยากจะร้องไห้ยังไงหละครับ

    พวกเรานี่ ก็สามารถช่วยสะกิดใจซึ่งกันและกัน
    ได้ดีเหมือนกันนะครับ ทั้งที่รู้ตัว และไม่รู้ตัวก็ตาม
    ขอกราบขอบพระคุณสหายธรรมทุกๆท่านด้วยนะครับ

    และขอกราบขอบพระคุณครุบาอาจารย์ทั้งหลาย
    ทั้งที่เป็นมนุษย์ และที่ไม่ใช่มนุษย์ด้วยนะครับ
    ที่คอยห่วงใจ คอยให้ความรักและแสงสว่าง
    และที่คอยให้คำแนะนำสั่งสอนพวกเรามาโดยตลอด
    ไม่ว่าจะโดยทางตรง หรือทางอ้อม ก็ตาม

    [​IMG]

    สาธุ สาธุ สาธุ

    .........................................
     
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เดี๋ยววันนี้ผมจะไปโพสต์ "แบบฝึกหัดภาคปฏิบัติ"
    ที่ท่านมหาเทพมิคาเอลได้ให้ไว้ ต่อ
    ในกระทู้ "รวมเทคนิกฯ" หนะนะครับ

    อ่านแล้วก็อึ้งครับ เพราะว่า มันออกจะเหมือนกับ
    คำพูด หรือ คำกล่าว หรือ คำสอน ของหลายๆคนมารวมกัน
    ทั้งศาสตร์ทางด้าน "การโปรแกรมจิต" ที่มีเขียนกันเกลื่อนกลาด
    ในหนังสือแนว How To..ทั้งหลาย

    แต่อีกแง่มุมหนึ่ง ก็ออกจะเหมือนๆกับวิชชาธรรมกาย
    แต่อีกแง่หนึ่ง ก็ออกจะคล้ายๆสิ่งที่หลวงพ่อปาน
    และสายหลวงพ่อฤาษีฯท่านพูดไว้เลยครับ
    ว่าให้ฝึกเข้าฌาณให้ได้เร็วดังใจ จนเป็นวสี อะไรแบบนั้นครับ
    ท่านมิคาเอลก็แนะนำให้เราฝึกให้ได้แบบนั้นเหมือนกันครับ
    แต่ไม่ใช่การเข้าฌาณ แต่เป็นการเข้าสู่
    สภาวะที่คลื่นสมองอยู่ในระดับอัลฟ่า

    แล้วท่านว่า..ปาฏิหาริย์ก็จะเกิดขึ้นกับชีวิตของเราครับ

    ..........................................
     
  5. Nonimage

    Nonimage Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +49
    พี่ยังเชื่ิอพวกเขาอีกหรอ

    แบบนี้มันยิ่งกว่าพระไตรปิกฏที่พี่บอกมีถูกแก้ไขอีกนะครับ นี้อะไรสารจากเทพมีแต่เรื่องหลอกลวงทั้งนั้นเลยอ่ะ
     
  6. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ไม่ว่าจะหยิบยกอะไร ขึ้นมา ก่ ขอให้ตระหนักและระวัง

    เรื่องที่แสดงแนวทางที่ ไม่เหมาะสม

    ไม่ถูกต้อง หรือเป็นแนวทางที่กระทำให้ผู้คนหลง

    แนวทาง หลงทิศ หลงทาง ด้วยน่ะครับ

    เพราะการที่เสนอแนวทาง แม้นว่าเขาจะทำ

    หรือไม่ทำจึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควร

    เรื่องที่ตนเองนำเสนอ ยังไม่บรรลุหรือแจ้ง

    อะไร สิ่งที่เป็นอดีต

    ก่ จะเหมาะสมกับอดีต

    แต่หากสิ่งใดที่เราเผลอไผล่ ไปกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

    แล้วนำเสนอให้ปฏิบัติอีก ผลกรรมเหล่านั้น

    ก่ จะย้อนมาสู่ตน กายเนื้อทำได้ แต่กายทิพย์

    จะสะดุงสุดตัวเลยล่ะว่า

    กายเนื้อทำอะไรไปหว่า ... กายทิพย์

    รับผลกระทบไปด้วย เพราะ กายเนื้อกับกายทิพย์

    ยังไม่ได้แยกขาดกันอย่างสมบูรณ์

    รู้จักใช่ไหมครับ คำแก้ต่างตัวเอง

    "...จะด้วยตั้งใจก่ดี ไม่ตั้งใจก่ดี..."

    ด้วยรัก ดอก จึงบอกให้

    พระปัจเจกพุทธะ จะบำเพ็ญตนเองเมื่อ

    ยุคนั้นไม่มีพุทธะศาสนา เพราะอะไร

    เพราะว่า ก่อนที่จะมีการบำเพ็ญของ

    ผู้ที่มาเป็นพระปัจเจกพุทธะนั้น อดีต

    เคยกระทำสิ่งไม่เหมาะไม่ควรต่อพุทธศาสนา

    ไว้ จึงได้ปฏิญญาจะไม่จาบจ้วงต่อพุทธศาสนา

    โดยขอให้ละเว้นการเกิดในยุคที่มีพุทธศาสนา

    นี้คือที่มาของพระปัจเจกพุทธะ


    สำหรับกายทิพย์ที่รับรู้ รับทราบ การกระทำ

    ของกายเนื้อจะเป็นอย่างไร เมื่อนำเสนอขอวัตร

    ปฏิบัติไม่ถูกต้อง และตนเองยังไม่บรรลุให้แจ้ง

    สิ่งที่เกิดขึ้นคือ กายทิพย์จะไม่สนใจเรืองราว

    ที่เกิดขึ้นต่อกายเนื้อ นั้นคือละเลยเพิกเฉยต่อ

    กายเนื้อ ยังผลทำให้กายเนื้อเป็นบุคคลที่ขี้ลืม

    ที่เราเรียกว่า อัลไซเมอร์ ...

    อัลไซเมอร์ คือ บุคคลที่มีผลกรรมในอดีต

    ที่นำเสนอเรื่องราว วัตรปฏิบัติที่ทำให้ผู้คน

    ได้หลงทิศ หลงทางกัน ....

    การเล่านิทานเพื่อให้ผู้คนทำดี ละเว้นชั่ว

    ยังจะดีอีก .... ด้วยความหวังดีครับ

    อย่าได้ก้าวล่วง เสนอวัตรปฏิบัติที่ทำให้

    ผู้คนหลงทางขณะที่เราเองยังไม่แจ้ง....

    ว่า...ที่สุด หรือสุดทาง หรือปลายทางของการปฏิบัติเป็นอย่างไร ....

    ด้วยรัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2013
  7. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    เพราะในอันดับต่อไป

    ผู้คนที่ผ่านการทดสอบ

    ไม่ใช่ผู้ที่มีพลังอะไรพิเศษ

    ผู้ที่มีพลังพิเศษต่างหากที่

    จะถูกรั้งท้าย

    แต่ผู้ที่จะได้รับเลือกอันดับแรกคือ

    ผู้ที่มีศีลมั่นคงแข็งแรง

    ผู้ที่สามารถรักษาศีลได้เท่านั้น

    ผู้ที่จะสามารถรักษาศีลคือ

    คนปกติธรรมดาที่ไม่มีพลังอะไร

    พลังไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย

    เพราะพลังไม่ได้เกี่ยวข้องกับ

    การบรรลุให้แจ้ง พลังแม้น

    จะทำให้รู้สึกมีผล ได้ผลจริง

    นี่ไม่ปฏิเสธ แต่มันเป็นเครื่อง

    หลอกตัวตน หลอกตนเอง

    พลังเป็นเพียงแค่ ของเล่น

    เด็กน้อย เด็กที่ยังไม่เคยเล่น

    ของเล่นชนิดนี้ มันก่ จะหลงไหล

    ได้ปลื้มว่า พลังเป็นสิ่งจริง ก่ ปล่อยให้

    เล่นไปก่อน เพราะว่า ยังเด็กอยู่

    ดังนั้น วิถีหรือวัตรปฏิบัติ เพื่อให้เกิดพลัง

    จึงเป็นเรื่องที่ .... (ไม่อยากพูดมา คิดเองบ้าง)

    เรื่องที่แท้ และที่ควรปฏิบัติคือ

    การรักษาศีลให้ดี เพราะในกาลอนาคตต่อไป

    เพียงแค่ศีล ก่ สามารถบรรลุ หรือ พ้นออกจาก

    ห้วงทุกข์ได้ ไม่นานเกินรอ ....

    การรักษาศีล ให้ได้ก่ ต้องอยู่ที่การน้อมใจ

    หรือเรียกว่า นอบน้อมต่อ ทุกสิ่ง เริ่มต้น

    จาก ตัวเรา ผู้อื่น และ ธรรมชาติอื่นๆ ทั่วไป

    เพราะว่าอะไร การนอบน้อมต่อทุกสิ่ง นี้

    จะเป็นการหยุดยั้งไม่ให้อวิชชามีกำลัง

    อวิชชาคืออะไร?

    อวิชชาคือ โทสะ โมหะ โลภะ ราคะ เป็นต้น

    โดยเฉพาะ โมหะ สำคัญมาก

    คือการหลงตนเองว่ามีความรู้ จนกระทั่ง

    ไม่สามารถนอบน้อม ฟัง คำชี้แนะจากใคร

    ได้อีกเลย..... และอันดับต่อไปก่จะเกิด โทสะ

    มาตามลำดับ
     
  8. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ที่สุดแห่งปัญญา คือ การมีอิสระ

    อิสระจากการควบคุม

    ไม่มีอะไรต้องมาควบคุมอีก

    ความถูกต้อง จะเกิดขึ้นเอง จากใจ

    ใจว่าถูก สิ่งเหล่านั้นที่ปฏิบัติ คือ เหมาะสมถูกต้องตามกาล

    ใจว่าผิด สิ่งเหล่านั้นพึ่งควรละเว้น

    ไม่มีอะไรต้องฝึก อีกแล้วหากความรู้ เหล่านั้นมาจากใจ

    สิ่งใดฝึกแล้ว เพื่อนำไปสู่การควบคุม แม้นแต่อารมณ์ยังต้อง

    ควบคุมอีก นั้นไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง

    การหลุดพ้น คือ เป็นอิสระจากการก่อเกิดอวิชชา

    ไม่ใช่ฝึกเพื่อกด เพื่อควบคุม อวิชชา

    หลุดจากอวิชชา จึงจะเป็นแนวทางที่ถูกทิศ

    .....................................
     
  9. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ก็พิจารณากันไปตามสติปัญญาของแต่ละคนก็แล้วกันนะครับ
    ไม่มีใครห้ามใครได้หรอกครับ..

    อะไรที่ใครเขาคิดว่า มันเหมาะกับตัวเขาเองแล้ว
    หรือว่าดีกับตัวเขาเองแล้ว ก็เปล่าประโยชน์ที่เราจะไปห้ามเขาได้

    แต่ถ้าอะไรที่เขาคิดว่ามัน ไม่ถูก ไม่ต้อง หรือ ไม่เหมาะกับเขาแล้ว
    แม้ว่าเราจะคิด เห็น เข้าใจ และ เชื่อว่ามันถูกต้องดีงามแล้วก็ตาม
    ก็เปล่าประโยชน์อีกเช่นกัน ที่จะไปบังคับให้เขามาเห็นด้วยกับเราได้

    ดังนั้น หากท่านใดคิดว่าข้อความพวกนี้มันไม่เหมาะกับท่านเลย
    ก็เป็นสิทธิโดยชอบธรรมของท่าน ที่จะไม่เชื่อและไม่ต้องมาสนใจมัน
    ก็แค่..ปล่อยให้คนที่เขาสนใจ และเห็นต่างไปจากท่าน
    เขาได้ใช้สิทธิโดยชอบธรรมอันนั้นของเขาด้วยเช่นกัน

    ..ก็เท่านั้นเองครับ..

    ทำต่อไปในสิ่งที่เห็นว่าควรเถอะนะครับ

    ผมเองก็เช่นเดียวกัน..ผมก็จะทำต่อไปในสิ่งที่ผมเห็นว่าผมควรจะทำ
    โดยปราศจากความกังวลใดๆทั้งสิ้น
    เพราะมั่นใจแล้ว ใตร่ตรองดีแล้ว จึงได้ตัดสินใจทำไป
    อย่างที่กำลังทำอยู่นี้แหละครับ

    เพราะว่าผมเองก็มีสิทธิโดยชอบธรรมของตัวเอง
    ที่จะเลือกคิด เลือกเชื่อ ในแบบของตัวเอง ด้วยเช่นเดียวกันครับ

    โมทนากับทุกๆท่านด้วยนะครับ
    ...................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2013
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อยากขออาสาสมัครช่วยแปลข้อความของท่าน Hilarion ล่าสุดนี่หน่อยหนะครับ
    ใครพอจะทำได้ หรือ อยากจะลองแปลดู ก็เชิญได้นะครับ ไม่ยาว และไม่ยากด้วยครับ
    แค่ต้องดูให้ละเอียดเกี่ยวกับสำนวนที่ท่านใช้เท่านั้นเอง ไม่งั้นก็อาจพลาดได้ครับ

    แต่ถ้าเราเริ่มคุ้นเคยกับสำนวนของท่านแล้ว ก็จะง่ายครับ

    HILARION 2012 - The Rainbow Scribe

    เช่น

    The changes within you and in your personal lives
    are occurring on the subtle levels of your Being
    rather than in dramatic shifting into a whole new reality.

    การเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นภายในพวกคุณ และที่เกิดขึ้นในชีวิตส่วนตัวของพวกคุณ
    กำลังเกิดขึ้นกับความเป็นตัวตนของพวกคุณในระดับที่ละเอียดอ่อนและลึกซึ้งอยู่
    แทนที่จะเกิดการเปลี่ยนระดับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงแบบใหม่ อย่างรุนแรงขึ้น

    This is as it should be, in order that
    those you are traveling this adventure with
    have time to notice the difference
    and become aware that
    something profound has taken place.

    นี่คือในแบบที่มันควรจะเป็น เพื่อที่ว่า
    บรรดาผู้ที่พวกคุณร่วมการเดินทางอยู่ด้วยนี้
    จะได้มีเวลาเพื่อสังเกตเห็นความแตกต่าง
    และจะได้ตระหนักรู้ว่า
    บางสิ่งบางอย่างที่ลึกล้ำได้เกิดขึ้นแล้ว

    ปล.ท่อนตัวหนังสือสีม่วงนี้ อาจจะทำให้เรางงได้ง่ายๆหนะนะครับ
    ถ้าเราไม่คุ้นเคยกับสำนวนแบบนี้ เราเลยอาจจะเดาความหมายไม่ออก
    ผมก็เลยยกตัวอย่างมาให้ดูหนะครับ..ลองดูนะครับ
    ...........................................
     
  11. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    นิทาน ยังสนุกกว่า วัตร เน้อ
     
  12. animal will do

    animal will do เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +229
    HILARION'S WEEKLY MESSAGE 2012
    จาก HILARION 2012 - The Rainbow Scribe

    December 30 – January 6, 2013

    Beloved Ones,
    The air is alive with wonderment and magic.
    There is a pervading feeling of the anticipation of something wonderful coming.
    You have arrived at your destination and are now settling in.
    The changes within you and in your personal lives are occurring on the subtle levels of your Being
    rather than in dramatic shifting into a whole new reality.
    This is as it should be, in order that those you are traveling this adventure with
    have time to notice the difference and become aware that something profound has taken place.

    ที่รักทั้งหลาย
    ตอนนี้ในอากาศกำลังมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและเวทย์มนต์
    มันมีความรู้สึกถึงการฟุ้งกระจายของความคาดหมายถึงบางสิ่งบางอย่างที่ยอดเยี่ยมกำลังมาถึง
    คุณได้มาถึงจุดหมายปลายทางของคุณแล้วและกำลังปักหลักอยู่ที่นี่
    การเปลี่ยนแปลงภายในตัวคุณและในชีวิตส่วนตัวของคุณ กำลังเกิดขึ้นในระดับที่ละเอียดอ่อนลึกซึ้ง
    แทนที่จะเป็นไปอย่างฉับพลันทันทีไปสู่ความเป็นจริงใหม่ทั้งหมด
    สิ่งนี้เกิดขึ้นอย่างที่มันควรจะเป็น เพื่อที่ว่าบรรดาผู้ที่พวกคุณร่วมการเดินทางอยู่ด้วยนี้
    จะได้มีเวลาเพื่อสังเกตเห็นความแตกต่างและจะได้ตระหนักรู้ว่าบางสิ่งบางอย่างที่ลึกล้ำได้เกิดขึ้นแล้ว

    These changes are taking place continuously within each of you.
    There are rhythms and waves to the downloads of energies, so that assimilation can occur before the next onslaught.
    Become aware of the ebbs and flows of this process as they occur
    and it will help you to know when to expect the now familiar symptoms of activation and assimilation.


    การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในตัวของพวกคุณแต่ละคน
    การดาวโหลดด้านพลังงานจะลงมาเป็นระลอกและเป็นจังหวะ ดังนั้นการดูดซึมพลังงานจึงสามารถเกิดขึ้นได้ก่อนการจู่โจมครั้งต่อไป.
    ให้รับรู้ถึงความขึ้นๆ ลงๆ ของพลังงานจากกระบวนการนี้เมื่อมันเกิดขึ้น
    เพราะมันจะช่วยให้คุณทราบว่าเมื่อไหร่ที่คุณจะสามารถคาดหวังถึงอาการที่คุ้นเคยตอนการเปิดใช้งานและการดูดซึมพลังงานได้


    Listen to your body elemental during these times and follow the inner promptings.
    Many of you are experiencing increased drowsiness throughout the day
    and it will help to honor this feeling by actually lying down or sitting quietly for a short time
    in order to allow integration to happen with relative ease.


    ในช่วงเวลานี้ให้รับฟังสัญญาณจากกายธาตุละเอียด (body elemental) ของพวกคุณและให้คล้อยตามเสียงกระตุ้นเตือนจากภายใน
    มีพวกคุณหลายคนที่กำลังประสบกับอาการง่วงหงาวหาวนอนตลอดทั้งวันอยู่ ซึ่งมันจะช่วยได้ถ้าเชื่อฟังความรู้สึกนี้
    โดยการนอนลงจริงๆ หรือนั่งลงในที่สงบสักระยะหนึ่ง เพื่อช่วยให้การบูรณาการเกิดขึ้นได้อย่างค่อนข้างง่ายดาย


    This process you are currently in is likened to the cocoon stage of the life cycle of the butterfly.
    A greater integration is taking place with the higher aspects of your Divinity
    and this will require the use of all your senses, most especially your intuitive faculties.
    You are learning to follow the inner promptings of your heart
    rather than listening to the incessant chatter of your mind
    which seeks to maintain control of its domain which has held you in bondage for millennia.
    There may be periods of great discomfort and unexplained anxiousness that occur.
    Observe the thoughts that are coming forth and you will understand that your experiences from the past
    which has already been experienced and is now gone are parading in front of you for a final review.


    กระบวนการที่คุณอยู่ในขณะนี้ สามารถเปรียบได้กับขั้นตอนรังไหมของวงจรชีวิตของผีเสื้อ
    การบูรนาการที่ยิ่งใหญ่กว่ากำลังเกิดขึ้นกับด้านที่สูงส่งกว่าของตัวตนอันศักดิ์สิทธิ์ของคุณอยู่
    และสิ่งนี้จะต้องการการใช้งานประสาทสัมผัสทั้งหมดของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เป็นสัญชาตญาณของคุณ
    คุณกำลังเรียนรู้ถึงการทำตามการกระตุ้นเตือนภายในของหัวใจของคุณ มากกว่าการฟังคำพูดพล่อยไม่หยุดหย่อนของจิตของคุณเอง
    ซึ่งพยายามที่จะรักษาอำนาจการควบคุมของมันที่ได้รั้งคุณเอาไว้ในความเป็นทาสมาหลายพันปีแล้ว
    ต่อไปอาจจะมีช่วงเวลาที่คุณจะรู้สึกไม่สะดวกสบายอย่างยิ่งและมีความกระวนกระวายที่ไม่สามารถอธิบายได้เกิดขึ้น
    ให้สังเกตความคิดที่ผุดขึ้นมาแล้วคุณจะเข้าใจว่าประสบการณ์ในอดีตของคุณที่คุณได้เคยเจอมาแล้ว และตอนนี้ก็ได้หายไปจากคุณแล้วนั้น
    กำลังเดินขบวนเข้ามาหาคุณ เพื่อการพิจารณาครั้งสุดท้ายอยู่

    Simply watch and allow and acknowledge that these experiences helped you to get to the point you are now at.
    It is at this point that you are truly learning who you are. The time honored adage ‘know thyself’ has great significance now.
    You are all in the process of separating that which you truly are (divine) from all that you are not
    in order to arrive at a greater harmonization within.
    This incubation period varies with each individual as awareness comes to each.
    Every soul is afforded the opportunity to acknowledge all that no longer works for them
    and to create a new pattern to follow that will take them in the new direction they desire to create.

    เพียงแค่มองดูมันเฉยๆ และปล่อยให้มันเกิดขึ้นและรับรู้ไว้ว่าประสบการณ์เหล่านี้แหละที่ช่วยเหลือคุณ
    นำคุณมาสู่จุดที่คุณเป็นอยู่ในปัจจุบัน นั่นคือจุดนี้ที่คุณได้เรียนรู้อย่างแท้จริงถึงสิ่งที่คุณเป็น
    ในเวลานี้ คำพูดที่ว่า ‘รู้จักตัวเอง’ กำลังมีนัยยะสำคัญอย่างยิ่ง
    เพราะว่าพวกคุณทุกคนกำลังอยู่ในกระบวนการแยกตัวไปเป็นสิ่งที่พวกคุณเป็นจริงๆ อยู่(สิ่งศักดิ์สิทธิ์)
    และแยกตัวออกจากสิ่งที่พวกคุณไม่ได้เป็น เพื่อที่จะได้เข้าถึงความประสมประสานกันที่ยิ่งใหญ่กว่าที่อยู่ภายใน
    ระยะเวลาของการบ่มเพาะนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นไปตามระดับความตระหนักรู้ของแต่ละคน
    ทุกๆ จิตวิญญาณได้รับโอกาสในการรับรู้ถึงสิ่งที่ไม่เข้ากับพวกเขาอีกต่อไป
    และได้รับโอกาสในการสร้างรูปแบบใหม่เพื่อที่จะปฏิบัติตามขึ้นมา
    ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปในทิศทางใหม่ที่พวกเขาปรารถนาที่จะทำให้เป็นจริง

    Give yourselves this experience with no judgments or questioning,
    for all that you have experienced was a necessary part of your unfolding.
    Most of all, Dear Ones, love yourselves unconditionally, with all your personal quirks and patterns of expression.
    There is gift in all that you have experienced, for yourselves and for those around you.
    Releasing modes of behavior that no longer serve the path you are choosing
    will accelerate your new journey into the unknown territory that is hanging poignant before you.
    Love each other as the One loves you, as we love you. It is all good!


    อนุญาตให้ตัวคุณสัมผัสกับประสบการณ์นี้โดยปราศจากการตัดสินหรือตั้งคำถาม
    เพราะทุกสิ่งที่คุณได้ประสบนั้นเป็นส่วนที่จำเป็นในการคลี่คลายของคุณ
    และเหนือสิ่งอื่นใด ที่รักทั้งหลาย จงรักตัวคุณเองอย่างไม่มีเงื่อนไขด้วยทุกมาตรฐานและทุกการแสดงออกของคุณ
    มันมีของขวัญในทุกสิ่งที่คุณมีประสบการณ์ สำหรับตัวคุณเองและสำหรับคนอื่นๆรอบตัวคุณด้วย
    การปลดปล่อยทุกลักษณะของอุปนิสัยของคุณที่ไม่สนับสนุนการเดินทางที่คุณได้เลือกไว้ออกไป
    จะช่วยเร่งการเดินทางครั้งใหม่ของคุณไปสู่ดินแดนที่ไม่รู้จัก ซึ่งความตื่นตาตื่นใจกำลังรอคอยคุณอยู่ตรงหน้า
    รักกันและกันให้เหมือนกับที่พระผู้สร้างรักคุณ และอย่างที่พวกเรารักคุณ ทุกสิ่งกำลังเป็นไปด้วยดี


    Until next week…
    I AM Hilarion
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2013
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    แปลชัดเจนสละสลวยดีจริงๆครับ
    เพิ่งนั่งแปลข้อความของฮิลลาเรี่ยนไปได้หน่อยเดียวยังไม่เสร็จ
    เป็นข้อความที่ต้องใช้ความเช้าใจในการแปลสูงมาก แต่มีประโยชน์มากทีเดียวครับ
    ขอบคุณครับคุณ Animal Will Do


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=R5GAuxOh5pQ"]????????????????? HILARION - December 30 -- January 6, 2013 - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=edM5UnC-s1k"]Kevin Kern - Velvet Green ( HD ) - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2013
  14. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ผมติดค้างงานพี่อจิตะมาหลายวันแล้ว วันนี้ก็เลยว่าจะมาสะสางให้เสร็จซะทีหนะครับ
    เพราะว่า เจ้างานที่ว่านี้หนะ มันเป็นอะไรที่ จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก้ง่ายนะ

    ที่มันยากก็เพราะว่า พี่ท่านได้รับข้อมูลสื่อมา เป็น key word ส่งมาถึงผมหลายคำ
    แล้วให้ผมเอาไปปะติดปะต่อใช้กับตัวผมเอง หรือ กับส่วนที่ผมมีข้อมูลอยู่
    อะไรทำนองนั้น

    แล้วจากนั้นก็ให้นำมาโพสต์เล่าไว้ในกระทู้นี้ เผื่อใครที่กำลังรอคอย key word บางคำอยู่
    จะได้ "ไข" ปริศนา ที่กำลังคาใจของตัวเองได้ซะที เหมือนอย่างที่พี่เขาได้ช่วย ไข ให้ผมมาแล้ว

    มันยากเพราะว่า..อันดับแรก ก่อนหน้านี้ ผมนึกไม่ออกว่ามันเกี่ยวข้องกับตรงไหนของชีวิตผม
    และอันดับที่สองก็คือ ตอนนี้นึกออกแล้ว แต่ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว ที่น่าอายของตัวเองด้วย
    ก็เลยลำบากใจที่จะโพสต์เล็กน้อยหนะครับ

    แต่ก็อีกนั่นแหละ..เหมือนเป็นปรากฎการณ์ synchronicity อีกแล้ว ที่เมื่อวานนี้
    ก็มีสมาชิกท่านหนึ่งเมลไปคุยกับผม และแบ่งปันข้อมูลดีๆให้ผมมากมาย
    มีคำหนึ่งในเมลของเธอ ที่ผมถือว่า "เป็นคำทวง" จากเบื้องบน
    ผ่านเธอมาถึงผมโดยตรงเลยหละครับ

    เธอบอกว่า เธอจำได้ว่า ผมเคยเล่าไว้ในกระทู้นานแล้วว่า ผมรู้สึกว่า
    ผมจะต้องเอาประสบการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของผม
    บนเส้นทางแห่งการเลื่อนระดับจิตของตัวเองขึ้นนี้ มาถ่ายทอดต่อให้ผู้อื่นรู้ด้วย
    เผื่อใครที่กำลังมีประสบการณ์คล้ายๆกันอยู่ หรือมีปัญหาเดียวกันอยู่
    เขาจะได้เอาไปเทียบเคียงและประยุกต์ใช้ประโยชน์จากข้อมูลของผมได้บ้าง
    ความรู้สึกมันจะเหมือนกับว่า มันเป็นหนึ่งในภาระหน้าที่ของตัวผมเองด้วย
    เพราะว่าถ้าไม่ได้เล่าออกมาแล้ว มันจะวนเวียนอยู่แบบนั้นแหละ มันมาทวงอยู่เรื่อยๆ

    ก็จริงครับ..และก็เลยจำใจต้องเอามาเล่าซะแล้วหละครับ ก็ถือว่า ชีวิตบนโลกใบนี้
    ก็คือการมาแสดงละครชีวิตก็แล้วกันนะครับ ไม่มีอะไรจริงจังมากนักหรอก
    เพราะทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ ก็เพื่อการเรียนรู้ และเพื่อวิวัฒนาการขั้นสูงกว่าขึ้นไปเรื่อยๆหนะครับ

    คำสุดท้ายที่พี่เขาส่งถึงผม ยิ่งทำให้ผมเห็นได้ชัดซ้ำเข้าไปอีกว่า
    "ผมถูกทวง" ให้ออกมาเล่าแล้วจริงๆด้วยครับ เพราะว่ามันคือคำว่า
    "พลังแห่งความเมตตาไร้ขอบเขต" คือ เรื่องของตัวเอง ถึงแม้ว่ามันจะน่าอายยัง
    ก็ขอให้เล่าเถอะ จงใช้พลังแห่งความเมตตาเล่าออกมาเถอะ อะไรแบบนั้นหนะครับ

    เอาหละนะครับ..เมื่อซักราวๆ 2 ปีที่ผ่านมานี้ ผมไปชอบเด็กเวียดนามคนหนึ่ง
    จริงๆก็ไม่ใช่คนแรกหรอกครับ หลายคนแล้ว แต่คนนี้เป็นคนสุดท้อง ณ.ตอนนี้
    เด็กคนนี้หน้าตาดีมาก แต่ขี้โกหก และเห็นแก่ตัว และเห็นแก่เงินแบบหาตัวจับยาก
    เพราะว่านิสัยคนเวียดนามมากมายหลายคนมักเป็นแบบนี้แหละครับ

    อาจจะเพราะด้วยความที่พวกเขาเพิ่งหมดจากสงครามมาไม่กี่สิบปีเท่านั้นกระมัง
    จึงทำให้สภาพจิตใจ และความคิดของพวกเขา ยังติดพันอยู่กับการปากกัดตีนถีบ
    การเอาตัวเองให้รอดก่อน คนอื่น หรืออย่างอื่น ค่อยว่ากันทีหลัง อะไรทำนองนั้นหนะครับ
    โดยเฉพาะคนรุ่นพ่อแม่ขึ้นไปด้วยแล้ว ดังนั้น ลูกหลานจึงถูกสอนแบบนี้ตามไปด้วย

    ที่นี่พ่อแม่จะสนับสนุนให้ลูกๆแต่งงานกับคนรวยๆ โดยเฉพาะคนต่างชาติ
    และคนเวียดนามที่ไปอยู่ต่างประเทศ แล้วมีฐานะร่ำรวยไปแล้ว ที่เรียกว่า พวกเวียดเกียว
    หรือถ้าไม่ได้แต่งงานกับคนรวย ก็ขอแค่ได้คบเป็นเพื่อนก็ยังดี อะไรทำนองนั้นครับ
    และผมก็เลยเป็นหนึ่งในนั้นด้วย ที่เป็นคนต่างชาติ โดยเฉพาะเป็นคนไทยด้วย
    เพราะว่าคนไทยใจดี มีเมตตา และดังนั้น จึงใจอ่อนและหลอกง่ายเป็นที่สุด

    นี่แหละคือจุดขายจุดหนึ่งของคนไทยหละ ที่คนเวียดนามชอบมากกก
    โดยเฉพาะหนุ่มๆไทยนะครับ ถ้าคุณมาอยู่ที่นี่ ไม่ว่าคุณจะแก่หรือขี้เหร่แค่ไหนก็ตามแต่
    แต่ถ้าคุณมีเงินเยอะแล้วหละก็ คุณก็จะสามารถหาเมียสวยๆ ผิวขาวๆ หน้าตาดีๆ และอายุน้อยๆ
    และที่สำคัญ ผู้หญิงเวียดนามหน้าอกใหญ่กว่าผู้หญิงไทยนะครับ แม้ว่าตัวจะเล็กๆผอมๆก็ตาม
    อันนี้พวกเราที่นี่ลงมติเป็นเอกฉันท์กันแล้วครับ..ฮิฮิ..

    สรุปว่า กรณีของผู้ชายไทย ในสายตาของคนเวียดนามแล้ว ก็คือสินค้านำเข้าชั้นดีนี่เอง
    เหมือนๆกับเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องแต่งกายต่างๆจากไทย คนเวียดนามจะชอบมากๆ
    ในตลาดเวลาผมไปซื้อเสื้อผ้านี่ เขาจะชอบบอกว่านี่ของจากไทยนะ คุณภาพดี
    อะไรแบบนั้นหนะครับ

    มาต่อเรื่องของเรานะครับ..ตะกี๊พูดรวมๆนะ..ยังไม่ใช่เรื่องของผมหรอก..
    น้องคนที่ผมพูดถึง และคนอื่นๆอีกหลายคนที่ผมรู้จักด้วย ก็ออกแนวเดียวกัน
    คือเห็นแก่เงินมาก เงินเป็นใหญ่ ทำอะไรได้หมด แล้วผมก้ใจดีด้วย
    เลยกลายเป็นเหยื่อให้พวกเขาเล่นซะเพลินเลย อยู่ราวๆสองปีมานี้แหละ

    แต่ผมก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วหละครับ ว่าเรื่องราวมันจะออกมาแบบนี้
    และก็อาจจะเพราะปากตัวเองพูดไม่ดี และก็คิดไม่ดีด้วยกระมัง
    กฎแห่งการดึงดูดก็เลยดึงดูดสถานการณ์นี้เข้ามาในชีวิตของตัวเองจริงๆ
    คือประมาณว่า แต่ก่อนหน้านี้ เหงา อยากมีแฟนกับเขาบ้าง
    ก็เลยชอบพูดเล่นๆอยู่เสมอๆว่า ใครก็ได้มาช่วยเป็นแฟนให้หน่อย
    จะมาหลอกลวงเอาตังค์ไปใช้เฉยๆก็ได้นะ จะยอมทั้งนั้นแหละ อะไรแบบนั้นหนะครับ

    ก็เลยได้มาจริงๆสมใจอยากเลย เด็กคนนั้นก็ร้ายน่าดูเลยทีเดียว เขาคบกับหลายคน
    ในเวลาเดียวกัน เวลามากับผมก็จะไปโกหกคนโน้น แต่เวลาไปกับคนโน้นก็จะโกหกผม
    แล้วก็ที่น่าขำที่สุดก็คือ ผมนึกถึงคำพูดคำหนึ่งขึ้นมาได้ แล้วผมก็อดขำไม่ได้ ก็คือ
    "มันจะมานั่งตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ" ให้ผมฟัง เพื่ออ้อนขอเงินเป็นประจำเลยไอ้เจ้านี่
    แต่รู้ทั้งรู้ก็ยังให้มันอีกนะ เพราะว่ามันแสดงได้สมบทบาทดี ไหนๆมันก็ลงทุนถึงขนาดนั้นแล้ว 555

    สุดท้ายเมื่อสองเดือนที่ผ่านมานี้ ผมอยากจะเลิกแล้ว เพราะว่าผมเหนื่อยหน่าย
    และทนไม่ได้กับชีวิตแบบนี้ และกับคนแบบนี้อีกต่อไปแล้ว
    ประกอบกับผมรู้อะไรเป็นอะไรมากขึ้นแล้ว ผมก็เลยคิดจะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผมจริงๆซะที
    ผมก็เลยโศกเศร้าอยู่พักหนึ่ง อันนี้คุณเดรดก็รู้ และผมก็เคยเล่าเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

    เดี๋ยว..ขอจบตอนแรกก่อนนะครับ เพราะรู้สึกว่าเล่ายาวไปแล้ว ยังไม่เข้าประเด็นเลย
    เดี๋ยวค่อยมาต่อนะครับ..

    ................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2013
  15. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ไปดึงเขามาเหนียว มารั้ง ****

    การปลดนิสัยตนเอง
    การกระทำเดิมๆ
    เวียนว่ายตายเกิด
    ซ้ำรอย่ไถเดิม
    อย่าลืมสัจจะ
    ลืมไม่ได้
    ถ้าลืม วิบัติจะเกิด

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2013
  16. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ครับ ผมรู้สึกว่า การที่ผมได้มาอยู่ที่นี่ ที่เวียดนามนี้หนะ
    ผมเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน เพราะผมเชื่อต่างมิติที่บอกว่า
    พวกเราแต่ละคน โดยเฉพาะในช่วงก่อนสิ้นปี 2012 นั้น ถ้ากำลังอยู่ที่ไหนแล้ว
    ก็แสดงว่า พวกเราได้ "ถูกวางตัวเอาไว้" ในจุดนั้นจริงๆแล้วหละ เราอยู่ไม่ผิดที่หรอก
    เพราะว่า ณ.จุดที่เรากำลังอยู่นั้นๆหนะ มันเหมาะสมกับพลังงานของเราที่สุดแล้วหละ

    ผมมีความเชื่อแบบนี้ และผมก็เห็นจริงๆว่า เออ..น่าจะใช่นะ เพราะว่าที่นี่เคยมีแต่สงคราม
    เคยมีแต่เหตุการณ์ด้านลบเกิดขึ้นมากมาย ดังนั้น ก็คงต้องอาศัยพลังงานด้านบวกจากหลายๆคน
    มาช่วยถ่วงสมดุลเอาไว้เป็นธรรมดา ดังนั้น การที่ผมมาอยู่ที่นี่ ผมจึงมีเรื่องร้อนรุ่มอยู่ตลอด
    เพราะว่ามาอยู่ท่ามกลางสมรภูมิแห่งพลังงานด้านลบเลยหละครับ

    ถ้าใครเคยมาเที่ยวโฮจิมินแล้ว ก็คงจะรู้ว่าที่นี่หนะไม่มีอะไรน่าเที่ยวเลย ไกด์นำเที่ยว
    ส่วนมากก็จะพาคุณไปดูอุโมงค์ที่เขาเคยขุดเอาไว้เพื่อทำสงครามฆ่าฟันกัน
    หรือไม่ก็พาไปดูอนุสรณ์โน้น อนุสรณ์นี้ สถานที่นั้น สถานที่นี้
    ซึ่งล้วนแล้วแต่เกี่ยวเนื่องด้วยสงครามทั้งนั้นเลย..
    เพราะว่าประเทศนี้ จุดขายเขาอยู่ที่ "สงคราม" หนะครับ

    ดังนั้น โปรดจงระลึกรู้เอาไว้ด้วยนะครับ ว่าเพราะฉะนั้นแล้ว คุณจึงกำลังถูกไกด์นำเที่ยว
    พาให้เข้าไปดูดซับเอาพลังงานด้านลบจากสงคราม เข้ามาสู่สนามพลังออร่าของคุณเองอยู่
    ไม่มีสิ่งใดจรรโลงใจเลย กับการมาเที่ยวโฮจิมินนี่ มีแต่มารับเอาพลังงานด้านลบจากสงครามกลับไป
    มิหนำซ้ำ สภาพความเป็นอยู่ การจราจร และอื่นๆ ของคนที่นี่ ก็วุ่นวาย สับสน จอแจ เห็นแก่ตัว
    น่าอึดอัดไปหมดเลยหละครับ

    ออกนอกเรื่องอีกแล้วครับ..มาต่อครับ..เมืองที่ผมอยู่ จะอยู่ทางใต้ของโฮจิมินลงมา
    และสังคมที่นี่ก็จะน่าอยู่กว่าโฮจิมินเล็กน้อย แต่เรื่องชอบคนรวยนี่ ก็เป็นกันทั้งประเทศนั่นแหละครับ

    อันที่จริง ผมก็ไม่ได้รวยนะครับ ออกจะจนซะด้วยซ้ำไป แต่พวกเขาเข้าใจว่าผมรวย
    ผมก็เลย เออ..รวยก็รวยวะ..

    ผมเห็นค่านิยมที่ผิดๆของชาวเวียดนามอยู่มากมาย ส่วนหนึ่งก็คือเรื่องนี้แหละ
    ซึ่งใจผมก็อยากจะเปลี่ยนแปลงเหลือเกิน แต่ก้รู้ว่าคงทำไม่ได้หรอก
    เพราะว่ามันไม่ใช่ประเทศของผม ดังนั้น แม้ว่าจะผ่าน 21/12/2012 ซึ่งเป็นวันสิ้นยุคมาแล้วก็ตาม
    แต่ผมก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะมีทางไหน ที่จะทำให้สังคมของประเทศนี้ เปลี่ยนแปลงไป
    ในทางที่เป็นบวกมากขึ้นได้บ้าง ผมยังนึกไม่ออกเลยครับ มันเหมือนกับว่า จะไม่มีทางเลย

    แต่ผมก็ยังไม่ท้อแท้ใจซะทีเดียว เพราะว่า ผมเชื่อต่างมิติบอกอีกแล้วว่า
    การที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรนั้น ให้เปลี่ยนแปลงจาก "ข้างใน" ของเราเองก่อน
    แล้วคนรอบข้างเรา และสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา ก็จะค่อยๆเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
    เพราะว่า อย่าลืมว่า พวกเราหลายคน รวมถึงผมเองด้วย มี "พลังงานในตัว" มากกว่าคนอื่นๆอีกหลายคน
    ดังนั้น ก็อย่างที่ต่างมิติบอกอีกนั่นแหละว่า พวกเราจึงจะมีอิทธิพลต่อคนรอบข้างพวกเรามากกว่าคนอื่นๆด้วย

    ซึ่งเท่าที่ผมสังเกตดูตัวเองมาหลายปีแล้วนี่ ก็ดูเหมือนจะจริงนะครับว่า
    เราค่อนข้างจะมีอิทธิพล หรือ ส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างเราได้มากจริงๆ

    นี่แหละที่ทำให้ผมมองเห็นอะไรบางอย่าง ว่ามันอาจจะ แค่อาจจะนะครับ
    เป็นภาระกิจอีกอย่างหนึ่งของผมที่มาอยู่ที่นี่ด้วยก็ได้ คือ มาเปลี่ยนแปลงค่านิยมบางอย่าง
    ที่ไม่ดีของพวกเขา หรืออย่างน้อย ก็ของคนที่ผมเกี่ยวข้องด้วยนี่แหละ โดยการอะไรหละ?
    โดยการเข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของพวกเขา และทำให้เขาดูเป็นตัวอย่าง อะไรแบบนั้นหนะครับ

    ดังนั้น ท่านเชื่อไหมว่า ถ้าผมจะบอกว่า เด็กๆที่นี่ ที่ผมรู้จักและข้องแวะอยู่ด้วยนี่
    ตั้งแต่ครั้งแรกๆที่ผมเห็นพวกเขา บางคนผมจะรู้สึกได้จากข้างในลึกๆถึงอะไรบางอย่าง
    ที่พวกเขามีความเชื่อมโยงกับผมอยู่ บางคนผมก็จะรู้สึกว่าเขาเชื่อมโยงกับผมอยู่
    แต่ในแบบที่ทำให้ผมรู้สึกกลัว สงสาร และ เหนื่อย อย่างเจ้าน้องคนที่กำลังพูดถึงอยู่นี่แหละครับ

    ผมคบกับพวกเขามาราวๆสองปี ผมพูดให้พวกเขาฟัง และทำให้พวกเขาดู ถึงการไม่พูดโกหก
    และการเอาใจเขามาใส่ใจเราโดยตลอด รวมถึงพูดถึงและทำให้เห็นถึง "การให้" และ การมีน้ำใจอยู่ตลอดด้วย
    จนพวกเขาเองก็รู้และเห็นมาโดยตลอดเช่นกัน แต่พวกเขาก็ยังทำไม่ได้หรอกนะครับ
    เพียงแต่ว่า ผมเชื่อเหลือเกินว่า ในส่วนลึกของจิตใต้สำนึกของพวกเขานั้น พวกเขาจะไม่ลืม
    สิ่งที่ผมพาพวกเขาทำ หรือไม่ก็ทำให้เห็นตลอดหรอกนะครับ

    ประเด็นสำคัญที่สุดของเรื่องราวทั้งหมดนี้ มันอยู่ตรงนี้ครับ แต่ผมขอถามท่านก่อน เพื่อให้ท่านคิดก่อน
    ว่าถ้าเป็นตัวท่านเอง ท่านจะทำอย่างไร

    คือ ถ้าท่านรักและปราถนาดีกับเด็กคนนี้จริงๆ แต่ท่านก็รู้ว่าเขาโกหกหลอกลวงท่านมาตลอด
    แล้วก็โกหกหลอกลวงคนอื่นๆในทำนองเดียวกันนี้ด้วย และคนอื่นๆที่ว่านั้นหนะ ท่านก็รุ้จักซะด้วย
    ท่านจะทำอย่างไร ระหว่าง ทำเฉยๆ แค่เลิกกับน้องเขาแล้วก็ปล่อยให้เขาอยากทำอะไรก้ทำไป
    หรือว่าจะทำอะไรซักอย่าง เพื่อให้เขาเลิกทำพฤติกรรมนี้เสีย เพื่อวันข้างหน้าเขาจะได้โตขึ้นมา
    เป็นคนดี มีศีลธรรม และมีจิตใจที่สูงส่งกว่านี้

    ทีแรกผมก็เลือกข้อแรกนั่นแหละครับ เพราะว่าผมกลัวว่า ถ้าผมไปบอกคนอื่นๆว่าเขาเองก็กำลังถูกหลอกอยู่
    เด็กคนนั้นก็จะขาดรายได้ไป และก็จะถูกคนอื่นที่ว่านั้นโกรธ หรือ เกลียดไปเลย
    และอีกอย่าง ผมก็กลัวว่า ถ้าผมทำเช่นนั้นแล้ว ผมจะไม่ใช่คนใจดีในแบบที่ควรจะเป็นอีกต่อไป
    และผมก็อาจจะกลายเป็นคนใจร้ายไป ที่คิดจะทำร้ายเขาให้เสียหายหรือเจ็บปวดตามไปด้วยไป
    และผมก็กลัวอีกว่า นั่นคือการผูกพยาบาท ที่ไม่ใช่ทางแห่งการให้อภัยเลย

    แต่ในช่วงที่ผมสับสนอยู่นั้น ผมก็มีไปเปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้บางส่วนให้คนที่ผมกล่าวถึงนั้น
    ได้รู้บ้างแล้วเหมือนกันหละครับ ซึ่งคนสำคัญที่สุดคนหนึ่ง ผมส่งข้อความถึงเขาผ่าน facebook
    แต่เขาไม่ตอบ เพราะว่ายังไม่ได้อ่าน และนั่นแหละ คือความบังเอิญที่เหลือเชื่ออีกเรื่องหนึ่งหละครับ
    เพราะว่าถ้าเขาอ่านตั้งแต่เดือนที่แล้วนี้ การกระทำทั้งหมดของผม ก้จะเข้าข่ายพยาบาทในทันทีเลย
    เพราะว่าตอนนั้นจิตใจของผม พยาบาทอยู่จริงๆ

    แต่หลังจากสิ้นปีที่แล้วนี้ ผมหลุดผั๊วะออกมาได้จากห้วงความคิดและความรู้สึกด้านลบเกี่ยวกับเรื่องนี้
    เพียงเพราะคำๆเดียวเท่านั้นเอง ซึ่งนั่นก็คือคำว่า "การเปลี่ยนแปลง" ซึ่งเมื่อผมยอมรับ สิโรราบให้มันแล้ว
    มันก็ไม่เหลืออะไรที่จะต้องมานั่งเป็นทุกข์กับมันอยู่อีกต่อไปแล้ว มันโล่ง โปร่ง สบาย จริงๆเลยครับ

    แล้วเมื่อสองวันก่อนนี้ คนที่ผมส่งข้อความทาง facebook ให้เขาไป เขาก็เข้ามาอ่านและตอบกลับผมมา
    พวกเราคุยกันถึงเรื่องของเด็กคนนั้นอย่างเปิดอกคุยกัน โดยที่ผมรู้ตัวเองว่า ผมไม่มีความรู้สึก
    โกรธ หรือ เกลียดเด็กคนนั้นเลย ความรู้สึกในระหว่างคุยนั้น มันไม่มีกดดัน หนักหน่วง แบบลบๆเลย
    มันเฉยๆ แต่นึกสนุก และรู้สึกยินดีปรีดาอยู่ในใจลึกๆว่า เอาหละนะน้องเอ๋ย..คราวนี้ถึงตาเอ็งต้องสอบบ้างหละนะ

    คือผมไม่ใช่สะใจหรืออะไรนะครับ เพราะอย่างที่บอกแล้วว่า ผมมองว่าชีวิตคือการมาเรียนรู้
    ดังนั้น คราวนั้น น้องคนนี้ได้ให้บทเรียน และบททดสอบกับผม เรื่องการปล่อยวาง และการให้อภัยไปแล้ว
    คราวนี้ผมกำลังจะให้บทเรียน เรื่อง ผลของการเป็นคนขี้โกหก และ เห็นแก่ตัว แก่เขาบ้าง
    ผมเลยนึกสนุก เพราะว่าลุ้นๆอยู่ว่า อยากให้เขาสอบผ่านให้ได้เหมือนกัน และก็นึกขำๆว่า
    เขาก็คงจะต้องเป็นทุกข์อยู่ซักระยะหนึ่งนั่นแหละ แต่ถ้าเขาผ่านไปได้ เขาก็จะเป็นคนใหม่
    ที่มีทัศนคติในการมองผู้คน และมองโลกแบบใหม่ และมีข้อดีที่จะตามมาอื่นๆอีกมากมายเลย

    ผมสาบานได้ว่า ผมไม่ได้คิดร้ายกับเขาเลย แต่เหมือนสถานการณ์มันพาผมมาเอง
    ให้ผมมีวิธีการสอนเขา เรื่องการขี้โกหก และการเห็นแก่ตัว นี้แหละ ด้วยการที่เคยตกเป็นเหยื่อให้เขาแล้ว
    และเพราะฉะนั้น ผมจึงกลายเป็นคนวงในของชีวิตเขาไปด้วยคนหนึ่ง ที่หากผมเป็นคนอื่นๆ
    เช่น เป็นพระหรืออะไรก็ตามแต่ อยู่ๆออกไปบอกเขาว่า การขี้โกหกมันไม่ดีนะ อะไรแบบนั้น
    เขาก็คงจะไม่เชื่อเป็นแน่ แต่นี่ เรื่องมันสนุกกว่านั้น เพราะว่าผมโดนเขาโกหกมาเอง
    แล้วตอนนี้ก็กำลังทำให้เขาได้เห็นกับตัวเอง ว่าผลของการโกหกมันจะเป็นอย่างไร
    ซึ่งเขาก็จะปฏิเสธที่จะไม่รับฟัง หรือ ไม่รับคำสอนนี้ ก็ไม่ได้ด้วย เพราะมันเป็นไฟต์บังคับ
    เพราะมันเป็น ปรากฎการณ์ synchronicity อย่างหนึ่งหนะครับ..

    หมายเหตุ เด็กคนนี้ ผมรู้สึกว่า เขาก็เป็นเด็กที่มีอะไรพิเศษคนหนึ่งนะครับ แค่เขาต้องชำระสะสาง
    นิสัยด้านลบเหล่านี้ของเขาเองให้ได้ซะก่อน แล้วเขาจะเป็นอะไรที่สว่างไสวหาตัวจับยากคนหนึ่งทีเดียว

    เวลานั่งสมาธิ ถ้าผมไม่ลืม ผมก็จะแผ่กระแสความรักและความเมตตาไปให้เขาด้วยอยู่เสมอ
    พร้อมทั้ง ผมจะอธิษฐานกำกับใจตัวเองอยู่บ่อยๆด้วยว่า ผมอโหสิกรรมให้เขาทั้งหมดทั้งสิ้น
    ผมให้อภัยเขาแล้วอย่างหมดใจ ไม่ติดค้างใดๆทั้งสิ้น เพราะว่าผมอยากให้เขาผ่านพ้นบททดสอบนี้ได้ไวๆ
    และเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างจริงใจ ผมยังรักและปราถนาดีกับเขาอยู่เสมอ
    แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่เข้าใจ และคงจะกำลังโกรธผมอยู่ก็ตาม แต่สักวันเมื่อเขาผ่านพ้นมันไปได้แล้ว
    เขาก็จะรู้เอง หรือไม่ ถ้ามีโอกาส ผมก็จะพูดกับเขาให้เขาเข้าใจเองนั่นแหละครับ

    ตอนนี้ผมได้ทำในสิ่งที่ผมควรทำกับเขาไปหมดแล้ว ด้วยความรักและปราถนาดีจริงๆ
    ถ้าท่านได้อ่านข้อความของต่างมิติมาตลอด โดยเฉพาะของท่านมิคาเอลหละก็
    ท่านก็จะคุ้นเคยกับคำๆหนึ่ง ที่ท่านพูดอยู่เสมอก็คือ For the highest good for all
    ซึ่งหมายถึง "เพื่อคุณงามความดีสูงสุดสำหรับทุกๆคน" คือเราจะทำอะไรก็ตามแต่
    ให้เรานึกถึงคำๆนี้ไว้

    นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจว่า ผมกำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องกับน้องคนนี้อยู่
    เพราะว่า ถ้าผมเลือกที่จะนิ่งเฉยเสีย แค่เลิกกับเขาเฉยๆแล้วเดินจากมาเงียบๆ
    สิ่งที่เขาจะทำต่อไปก็คือสิ่งที่เขาเคยทำกับผม แต่จะไปทำกับคนอื่นแทน
    และเผลอๆอาจจะเลวร้ายลงทุกวันๆก็ได้ เพราะว่าได้ใจ โกหกยิ่งเก่ง ยิ่งได้เงินใช้ง่ายๆ

    ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่า ไม่เป็นประโยชน์สำหรับตัวเขาเองในภายภาคหน้าเลย
    ซึ่งคำว่าประโยชน์ในที่นี้ ผมหมายถึงประโยชน์ในแง่ของการพัฒนาจิตสำนึกหนะนะครับ
    ไม่ใช่ประโยชน์ทางโลกใดๆทั้งสิ้นเลย

    และถ้าผมเลือกทางที่สอง อย่างที่ผมได้เลือกไปแล้วนี้ ประโยชน์ก็จะเกิดกับเขาในภายภาคหน้า
    ไม่มากก็น้อย เพราะอย่างน้อย เขาก็ได้เห็นผลลัพท์จากการกระทำของเขาแล้ว ในทันตา
    ดังนั้น เขาก็ต้องเริ่มได้คิดบ้างแล้วหละ ไม่มากก็น้อย ว่าที่เขาจมปรักอยู่ในความกลัว
    ที่กลัวว่าความลับของเขาเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ มันจะถูกเปิดเผยหนะ มันทุกข์เพียงใด
    มันไม่สบาย มันไม่โปร่งโล่ง เหมือนกับการอาศัยอยู่ในโลกแห่งความสัตย์ ที่ปราศจากการโกหกหลอกลวงเลย

    สรุปแล้ว เมื่อบวก-ลบ-คูณ-หารจำนวนของผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้แล้ว
    ทางเลือกที่สอง ให้ผลกำไรมากกว่า ตาม Concept ของท่านมิคาเอลที่ว่า
    for the highest good of all เลยครับ

    ดังนั้น ณ.ช่วงเวลานี้ ผมก็แค่ปล่อยให้น้องเขาค่อยๆเผชิญกับบทเรียนของเขาไปเรื่อยๆ
    โดยไม่ไปพะวงว่าเขาจะโกรธผมไหม หรือจะกลับมาหาผมไหม๊เลย ตรงกับ key word
    คำที่สองที่ท่านพี่ให้มาว่า "จงปล่อยมันไป แล้วมันจะกลับมา"

    แต่พอได้ฟังคำนี้แล้ว ไม่ใช่ว่าผมจะดีใจนะครับ เพราะว่าตอนนี้ในใจผมรู้สึกโล่ง โปร่ง สบายๆ
    ไม่ค่อยได้คิดเรื่องการมีคู่ หรือมีแฟนอะไรเลย อาจเพราะว่าพลังงานในตัวเอง
    ที่เป็น masculine และ feminine มันเริ่มจะสอดประสานกลมกลืนกันมากขึ้นแล้วก็ได้มั๊ง
    มันเลยรู้สึกว่า ไม่ได้ขาดอะไรไปซักเท่าไหร่เลย เหมือนอย่างที่พี่ท่านให้มาอีกคำหนึ่งว่า
    "ผู้ที่คุณตามหา เธออยู่กับคุณตลอดเวลาอยู่แล้ว" เธอผู้นั้น ผมเชื่อว่า ก็คือพลังงาน feminine นี่แหละครับ
    และเพราะว่า ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกว่าขาดสิ่งใด เพราะว่าผมรู้ว่า ข้างในผมนั้น มีกระแสพลังงานแห่งความรัก
    หลั่งไหลวนเวียนอยู่อย่างไม่ขาดสายอยู่แล้ว แล้วผมจะไปเที่ยวหาสิ่งนั้นมาเพื่ออะไร
    "บ้านที่ไม่มีขยะ ใยต้องดิ้นรนหาถังมาใส่"

    ณ.ตอนนี้ ผมรู้สึกเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้นอย่างมาก ผมรู้สึกว่าตัวเองมีพลังเข้มแข็งขึ้นอย่างมาก
    และผมก็กล่าวคำอธิษฐานสำทับกับตัวเองอยู่บ่อยๆตามที่ท่านมิคาเอลได้แนะนำไว้
    ในกระทู้ "รวมเทคนิกฯ" นั่นแหละครับ จึงทำให้ผมมานึกได้ว่า เออ..ที่เราโดนใครเขาหลอกได้นี่
    เพราะเราเองนั่นแหละที่ยินยอมพร้อมใจเอง ซึ่งก็จริงครับ เพราะเราเลือกที่จะเป็นอย่างนั้นเอง
    เพราะผมอยากจะมีประสบการณ์แบบนั้นเองจริงๆ ทั้งในระดับจิตสำนึกและจิตไร้สำนึก

    แต่ตอนนี้ ผมจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อของใครอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าผมก็เป็นคนๆหนึ่ง
    ที่มีสิทธิโดยชอบธรรมมาตั้งแต่กำเนิด ที่จะพบกับความสุข และความสมหวังในชีวิต
    เหมือนกับคนอื่นๆเขาบ้าง ผมไม่มีอะไรต่างจากคนอื่นๆเลย นอกจากพันธสัญญาทางจิตวิญญาณ
    หรือบทเรียนแห่งชีวิตที่อาจจะได้เลือกมาต่างกันเท่านั้นเอง ที่เหลือ..ไม่ว่าจะเป็น
    ความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง ความประภัสสรแห่งจิตเดิมแท้ หรือพลังอำนาจอันศักดิืสิทธิ์แห่งจิตวิญญาณก็ตาม
    ล้วนมีแหล่งที่มาเดียวกับกับคนอื่นๆทั้งสิ้น ดังนั้น จึงเสมอเหมือนกับคนอื่นๆทั้งสิ้น
    เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าผมจะเลือก ที่จะมีความสุข และมีความสมหวังในชีวิตบ้าง
    มันจึงเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของผมด้วย

    ท่านมิคาเอล และท่านเมตารอน เคยกล่าวไว้ว่า
    "ความรักไม่ใช่การยอมถูกเอารัดเอาเปรียบ หรือยอมถูกกดขี่ข่มเหง"
    และประมาณว่า "ความรักก็ต้องใช้ปัญญาด้วย" อะไรแบบนั้นหนะครับ
    ดังนั้น ผมเลยเพิ่งมารู้ว่า เราจะไม่ยินยอมตกเป็นฝ่ายถูกเอารัดเอาเปรียบก็ได้
    ซึ่งนั่นก็ไม่ได้หมายความว่า "ไม่รัก" แต่อย่างใดเลย เพราะใจผมรู้อยู่ว่า "ผมรัก"
    แค่ "ไม่ยอม" เท่านั้นเอง "เพื่อประโยชน์สูงสุดของทุกๆคน"

    ผมปราถนาที่จะให้โลกนี้ปราศจากการเอารัดเอาเปรียบกับ ปราศจากการโกหกหลอกลวงกัน
    ให้ทุกๆคนอยู่ร่วมกันด้วยน้ำใจไมตรี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน เมตตากรุณาซึ่งกันและกัน

    ดังนั้น ความปราถนาเช่นนี้ มันจะกลายเป็นจริงขึ้นมาได้อย่างไร ก็ในเมื่อตัวผมเอง
    เมื่อถูกเอารัดเอาเปรียบแล้ว เมื่อถูกหลอกลวงแล้ว

    "ยังยินยอมพร้อมใจอยู่
    ยังเห็นดีเห็นงามกับการถูกโกหกหลอกลวงนั้นอยู่
    ด้วยการนิ่งเงียบเสีย ด้วยการไม่ทำอะไรเลย"


    ดังนั้น นี่แหละคือที่มาของการตัดสินใจของผมทั้งหมดที่ผมเล่ามานี้ครัีบ

    ..................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2013
  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ต้นปีนี้มีข้อความจากต่างมิติใหม่ๆมาเพียบเลยครับ
    ผมเองก็ยังไม่ได้อ่านเลย แต่คาดว่าน่าจะน่าสนใจเช่นเคย

    ทั้งของครายออน, ท่านเมตาตรอน และแมทธิวก็ด้วย

    2013 - The Aquarian Shift & Anthropocene Radiation Pt. 1 > Earth Keeper

    Predictions for 2013 > Selacia

    2013 - Year One of the New Earth "The Magnificent Beginning" > Earth Keeper

    Matthew Ward - December 29, 2012

    A Lesson In Time #2 ~ Dimensions of Multidimensionality > Lightworker

    The Timing Of Creation > Kryon

    ของท่านเมตาตรอน ผมจะพยายามแปลเองนะครับ เพราะค่อนข้างยาก
    และของท่านมิคาเอลล่าสุด ส่วนของท่านอื่นๆ ท่านใดคิดว่าพอช่วยได้
    ก้ลองอ่านดูก่อนนะครับ ถ้าคิดว่าพอไหว ก็โซโล่เลยนะครับ
    หรือถ้ามีตรงไหนแปลแล้วไม่ค่อยแน่ใจ ก็ลองส่งมาให้ผมช่วยดูให้ก็ได้นะครับ

    ......................................
     
  18. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
  19. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    โอ..ข้อความล่าสุดของท่านเมตาตรอนน่าสนใจมากกก
    เดี๋ยวต้องลัดคิวมาแปลก่อนซะแล้ว

    คร่าวๆนะครับ ท่านกล่าวถึง Solar flare ที่จะเกิดขึ้นมากที่สุดในปีนี้
    ตลอดทั้งปีนี้ ซึ่งมันจะทำให้มีอิออนต่างๆพุ่งลงมาใส่โลก และเข้าไปในโลก
    อย่างมากมาย แต่ไม่ใช่เพื่อให้เกิดหายนะใดๆทั้งสิ้น อย่างที่คนมักกลัวกัน
    อิออนจำนวนนับพันล้านตันที่จะถาโถมลงมานี้ จะไปทำให้สัดส่วนของ
    อิออนในบรรยากาศของโลกเราค่อยๆเปลี่ยนไป
    และจะไปทำให้บรรยากาศของโลกเราค่อยๆเปลี่ยนเป็นคลื่นความถี่ระดับเตตต้า (theta)
    อะไรทำนองนั้น

    ผลกระทบของสิ่งที่จะเกิดขึ้นนี้มีหลายอย่าง ผมยังไม่ได้อ่านละเอียด
    แต่คร่าวๆว่า ท่านบอกว่า มันมีผลการทดลองหลายชิ้น ที่ทดลอง
    เปลี่ยนแปลงสัดส่วนของบรรยากาศให้มีสัดส่วนของอิออนลบ ต่ออิออนบวก
    เท่ากับ 6:1 เขาพบว่า มันสามารถทำให้เกิดการถอดจิตได้ง่ายดายขึ้น
    เพราะว่าสัดส่วนนี้ จะไปทำให้ต่อมไพเนียลของเราถูกกระตุ้นให้เปิดมากขึ้น

    และยังมีผลการทดลองของนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลอีกท่านหนึ่ง
    ที่ทำการทดลองเกี่ยวกับ DNA ไว้ว่า ในสภาวะแวดล้อมที่มีคลื่น theta
    หลอดทดลองบรรจุน้ำเปล่าๆ สามารถมี DNA โผล่มาได้อย่างไรไม่รู้
    แต่ในสภาวะปกติที่ไม่มีคลื่นนี้ จะไม่มี

    ท่านเมตาตรอนอธิบายว่า ก็เพราะว่าสนามพลังงานของคลื่น theta นี้แหละ
    คือสนามพลังงานแห่งการสรรสร้างหละ ที่มนุษย์ไม่เคยรู้มาก่อนเลย
    ดังนั้น ถ้าบรรยากาศของโลกเราเปลี่ยนไปสู่ระดับคลื่น theta แล้ว
    ความสามารถในการสร้างสรรค์ (creativity) ของมนุษย์จะเพิ่มสูงขึ้นมาก

    ซึ่งข้อมูลนี้ ตรงกับของท่านมิคาเอล และท่านอื่นๆด้วย ที่บอกว่า
    มนุษย์จะมีบทบาทหน้าที่ใหม่คือเป็น co-creator เพราะว่า
    ความสามารถในการสรรสร้างของมนุษย์จะสูงขึ้น และดังนั้น
    มนุษย์จึงจะต้องมีจิตสำนึกที่สูงขึ้น เพื่อที่จะมีความรับผิดชอบ
    ต่อสิ่งที่สรรสร้างขึ้นมากกว่าเดิมด้วย...

    เดี๋ยวขอเวลาแปลก่อนนะครับ..

    .....................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2013
  20. animal will do

    animal will do เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +229
    กำลังแปลของ Salusa อยู่ รอสักครู่นะคะ :D
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...