ผ่านพ้นภัยพิบัติ ได้เพราะทุกคนช่วยกันสวดมนต์ข้ามปี

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย zixma99, 1 มกราคม 2013.

  1. zixma99

    zixma99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,175
    ขอบคุณทุกๆท่านที่ช่วยๆกันสวดมนต์ข้ามปีกัน...จนทำให้เรารอดจากภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นตอนช่วงปีใหม่ไปได้:cool:
     
  2. ลายกนก

    ลายกนก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +78
    กระทู้นี้ตั้งเอาฮาใช่ไหม
     
  3. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    จริงๆ กระทู้อย่างนี้ มันอาจกระทบใจบางคน มันไม่เป็นการสื่อสารเชิงบวกเท่าไร มันไม่ใช่คำพูดที่น่าพอใจ น่ายินดี ลองพิจารณาดู เอาง่ายๆ คิดถึงใจเขาใจเรา ไม่มีใครชอบถูกเหยียบย่ำซ้ำเติม

    อีกอย่าง โลกมันไม่เที่ยง วันนี้มันไม่ไเกิด วันหน้ามันอาจเกิด

    อันนั้นช่างมันเหอะ มันอนาคต ทำตัวทำใจเราในวันนี้ให้ดีที่สุดทุกลมหายใจดีกว่า เพราะนาฬิกาชีวิตมันเคาน์ดาวน์ไปเรื่อยๆ

    อย่าไปอะไรมากกับเรื่องนอกตัว ย้อนกลับมาที่ตัวที่ใจเรานี่ คนอื่นช่างเขา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2013
  4. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    การที่แต่ละคนจะคิด จะพิมพ์ จะทำอะไร มันก็เป็นสิ่งที่คนๆ นั้นทำ ผลจากสิ่งที่ทำ มันก็เป็นของคนๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็นผลในแง่ดี รึไม่ดี ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างได้รับผล

    แต่ละคนที่มาเกิดในภพภูมินี้ มีต้นทุนปัญญาทางโลก ปัญญาทางธรรม มาไม่เท่ากัน

    แล้วแต่ละคน จะมาต่อยอดเพิ่มปัญญาทั้ง 2 แบบ ให้เยอะขึ้น รึจะไม่ทำอะไร เอาแค่เท่าเดิม รึจะทำตัวเองให้ปัญญาทั้ง 2 แบบ มันถดถอยไปกว่าเก่า นี่ก็เป็นเรื่องของแต่ละคน

    รวมถึง ในชาติภพนี้ ใครจะเป็นสัมมาทิฐิ รึจะเป็นมิจฉาทิฐิ ก็เป็นเรื่องของแต่ละคนอีก

    สรุป ใครจะมาเกิดแล้วได้กำไร เท่าทุน รึขาดทุน มันเป็นเรื่องของแต่ละคน
     
  5. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ภัยพิบัติธรรมชาติขนาดใหญ่นั่น มันเป็นภัยระดับมวลรวมสหประชาชาติ ไม่รุ้ว่ามันจะเกิด รึไม่เกิด เมื่อไร เพราะโลกมันไม่เที่ยง เอาแค่ภัยพิบัติส่วนตัวของแต่ละคน อย่างคุณดังตฤณแกว่า นี่ก็น่าคิดแล้ว

    นึกถึงความตาย สบายนัก

    มันหักรัก หักหลง ในสงสาร

    บรรเทามืด โมหันต์ อันธกาล

    ทำให้หาญ หายสะดุ้ง ไม่ยุ่งใจ


    (สุนทรภู่)

    กลอนกินใจของสุนทรภู่บทนี้ คนทั่วไปฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจ หรือเข้าใจ แต่ทำใจให้คล้อยตามได้ยาก เพราะส่วนใหญ่เมื่อนึกถึงความตาย ก็มักไม่สบายใจกันอย่างยิ่ง เพราะดูเหมือน ความตายจะเป็นวาระที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต ใครสบายใจสบายคอได้ลง ก็คงแปลก

    คำว่า ‘สงสาร’ ในกลอนของสุนทรภู่ ไม่ใช่น่าสงสารหรือน่าเห็นอกเห็นใจ แต่หมายถึง ‘วัฏสงสาร’ ซึ่งทางพุทธเราหมายถึง การเวียนว่ายตายเกิดแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เกิดอย่างไม่รู้ว่ามาจากไหน ตายอย่างไม่รู้ว่าจะต้องไปไหนต่อ

    รู้แต่ว่า ตอนอยู่นั้น อยากทำอะไรก็ทำ มันจะมีผลข้ามภพข้ามชาติหรือเปล่า ไม่สน ไม่เชื่อ

    ให้พูดตรงไปตรงมา นาทีนี้รู้สึกว่า โลกแตกเป็นเรื่องไกลตัว ส่วนกายแตก ใจแตกนี้ ใกล้ตัวกว่า เป็นไปได้จริงมากกว่า

    เพราะผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาหลายหน คือ อยู่ดีๆ ร่างกายก็จะทำตัวเป็นเครื่องประหารตนเองบ้าง หรือเหตุการณ์บนท้องถนน กลายเป็นวินาทีระทึกบ้าง

    ผมมองว่าช่วงนี้เกิด ‘ความหวาดกลัวที่สูญเปล่า’ เป็นวงกว้าง

    คือกลัวแบบไม่ได้ประโยชน์อะไรเพิ่มเติม ไม่มีการระวังตัว ไม่มีการเตรียมใจ มีแต่หวาดกลัว มีแต่จิตหม่นมืด หาความสบายใจไม่พบ ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะคนเราขี้เกียจหาข้อมูลข้อเท็จจริง แล้วก็ไม่อยากนึกถึงความตายกัน

    ชาวไทยเป็นพุทธ แต่เป็นพุทธในแบบที่ไม่รู้ว่า พุทธชวนรู้เรื่องอะไร พุทธเรานี่ชวนคุยกันเรื่องเตรียมตัวตายกันถี่ที่สุด สมัยพุทธกาลท่านเตรียมตายกันแทบทุกลมหายใจเข้าออก หรือเดี๋ยวนี้ ไปดูพระแถวธิเบต ท่านอบรมกันก็ได้

    พุทธในท้องถิ่น ที่ไม่อบรมกันเรื่องเตรียมตัวตาย ได้ชื่อว่าห่างพระธรรมเดิม พากันเห็นการพูดคุยเกี่ยวกับความตาย กลายเป็นเรื่องอัปมงคลกัน พอถึงเวลาขึ้นมาถึงค่อยรู้ตัวว่า ไม่เตรียมตัวนั่นแหละ เรื่องอัปมงคลเป็นที่สุด

    อยากฝากไว้ว่า นี่เป็นโอกาสอันดี ที่พวกเราชาวพุทธ จะถึงเวลาสำรวจใจตัวเองกันดู ถ้า ‘สมมุติ’ ว่าอะไรๆ จะเกิดขึ้นจริง เรามีความเตรียมพร้อมทางนามธรรม กันมากน้อยเพียงใด

    ผมเคยเขียนหนังสือประกอบเสียงอ่านไว้ อ่านและฟังฟรี คือ ๗ วิธีตายอย่างสบายใจ

    http://dungtrin.com/7ways

    ข้อความต่างๆ ตั้งแต่บรรทัดแรกถึงบรรทัดสุดท้าย น่าจะเหนี่ยวนำให้เข้ามาดูใจ สำรวจความพร้อมกันได้ครับ โลกข้างนอกแตก ไม่รู้จะเตรียมอะไรได้ มันสายเกินไปแน่ๆ แต่โลกข้างในแตกนี่ เตรียมแบบพุทธได้สารพัด

    มาเตรียมตัวเตรียมใจ เรื่องโลกข้างในที่ไม่แน่นอน กันดีกว่า แล้วจะรู้ว่า มีวิธีตายอย่างสบายใจอยู่จริง ไม่ใช่เรื่องหลอก ไม่ใช่เรื่องทำนายทึกทักกันไปเองเลย

    ดังตฤณ

    ดังตฤณมัลติมีเดีย
     
  6. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ส่วนเรื่องการสาธยายพุทธมนต์ ทำเป็นเล่นไป อาจมีส่วนช่วยก็ได้ เพราะอักขระพระคาถาแต่ละตัว แปลความแล้ว ก็คือโอวาทของพระตถาคต ล้วนเป็นมงคล อัปมงคลไม่มี

    เมืองไทยโชคดี นอกจากทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ จะมีความเสี่ยงด้านภัยพิบัติธรรมชาติน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ยังมีพุทธะที่เป็นสัมมาทิฐิ ตื่น รู้ เบิกบาน สว่าง สะอาด สงบ อยู่เยอะ ก็เป็นพลังบวกนั่นแหละ

    [​IMG]

    [​IMG]

    วัดนาป่าพง พระอาจารย์คึกฤทธิ์ - YouTube

    [​IMG]

    พุทธวจน คือ คำสอนที่ออกจากพระโอษฐ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เป็นแก่นแท้ของ คำสั่งสอนมาจากพระพุทธองค์ ที่กำลังจะถูกลืมเลือน

    ดังนั้น พุทธวจนสถาบัน ศูนย์เผยแผ่ส่วนกลาง (วัดนาป่าพง) ทำหน้าที่ในการรวบรวม และเผยแผ่ “พุทธวจนธรรมวินัย”


    เพื่อเผยแพร่ สู่สาธารณะชน ท่านสามารถ รับฟังการถ่ายทอดสดประจำวัน หรือจาก สื่อวีดีโอ เสียง หนังสือธรรมะ หรือดาวโหลดได้ฟรี ที่ พุทธวจนสถาบัน : วัดนาป่าพง

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2013
  7. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    นี่ เรื่องน่าดีใจของไทยแลนด์

    พศ.ปลื้ม ปชช.ร่วมสวดมนต์ข้ามปี ตามเป้า กว่า 80% เป็นคนทำงานและวัยรุ่น

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 มกราคม 2556

    [​IMG]

    พศ.สรุป ภาพรวมสวดมนต์ข้ามปี ได้ตามเป้าหมาย 30 ล้านคน เผย ปีนี้กลุ่มคนทำงานและวัยรุ่น เข้าร่วมมากกว่า 80%

    วันนี้ (1 ม.ค.) นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า พศ.ได้สรุปภาพรวมการจัดโครงการสวดมนต์ข้ามปี ทำความดี ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ซึ่งจัดขึ้นที่วัดกว่า 30,000 วัดทั่วประเทศและวัดไทยในต่างประเทศกว่า 400 วัด

    โดยส่วนกลาง จัดที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหารและที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม ภาคเหนือจัดที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่วัดพระธาตุพนม จ.นครพนมและภาคใต้วัดพระบรมธาตุไชยา จ.สุราษฎร์ธานี

    นายนพรัตน์ กล่าวต่อว่า โดยจากการสำรวจที่วัดระดับเจ้าคณะจังหวัด 122 วัด ใน 77 จังหวัด พบว่า มีวัดระดับจังหวัดเป็นศูนย์กลางการจัดงานของแต่ละจังหวัดเฉลี่ยวัดละ 3,000-5,000 คน วัดเจ้าคณะอำเภอ 878 อำเภอ เฉลี่ยวัดละ 2,000-3,000 คน วัดเจ้าคณะตำบล เฉลี่ยวัดละ 1,000-2,000 คน

    วัดระดับหมู่บ้านเฉลี่ยวัดละ 1,000-1,500 คน นอกจากนี้ สำหรับวัดในต่างประเทศ 400 วัด พบว่ามีประชาชนร่วมประมาณ 50,000 คน อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ได้สำรวจนั้นพบว่าจำนวนประชาชนที่เข้าร่วมสวดมนต์ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้คือประมาณ 30 ล้านคน

    ด้าน พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กล่าวว่า วัดสระเกศฯ มีประชาชนเข้าร่วมสวดมนต์ประมาณ 1 แสนคน ซึ่งประเมินจากพระผงหลวงพ่อดวงดี 1 แสนองค์ น้ำมนต์ 1 แสนขวด และยันต์ผ้าแดง 1 แสนผืน ที่เตรียมไว้แจกจ่ายแก่ประชาชนผู้มาร่วมสวดมนต์ข้ามปี

    ส่วนผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในปีนี้กว่า 80% พบว่าเป็นกลุ่มคนทำงานและวัยรุ่น ซึ่งเพิ่มมากขึ้นจากปีที่ผ่านมานับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เยาวชนคนรุ่นใหม่หันมาสวดมนต์กันมากขึ้น
     
  8. zixma99

    zixma99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,175
    ไม่ขำสักกระทู้ได้ป่ะ...พูดจริงเนี๊ยะ...เห้อ...หนักใจ
     
  9. อธิฎฐาน

    อธิฎฐาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,610
    วัยรุ่นช่วยกันสวดมนต์ข้ามปี แต่ผู้ใหญ่หนีขึ้นฐานกันหมดแล้ว กลับมาได้แล้วค่ะ
    ทางนี้ปลอดภัยแล้ว
     
  10. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    เรื่องดีๆ ปีนี้คือ มีวัยรุ่นน้ำดี ช่วยกันทำเรื่องดีๆ ให้บ้านเมือง
     
  11. zixma99

    zixma99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,175
    วัยรุ่น ก็มีอะไรดีๆกว่าที่คิดเยอะ:cool:
     
  12. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    เก่าไปใหม่มา อนาคตอะไรต่ออะไร ต้องฝากไว้กับคนรุ่นใหม่แหละ คนรุ่นเก่าโรยแรงแสงอ่อนไปเรื่อยๆ มันเป็นวงจรชีวิตปกติ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=x0BtzktGzMM]ใบไม้ร่วง - ปาน ธนพร - YouTube[/ame]

    แผ่วลมพัดพลิ้ว ใบไม้ปลิวเคลียคลอ

    ไผ่เสียดสีซอ คลอเสียงพิณเรไร

    หยาดเย็นน้ำค้าง กลางพนาพงไพร

    ผ่านไกลแสนไกล ใบไม้ปลิวลิ่วลา

    เกิดมาแล้วลับไปแล้ว เหมือนแววชีวา

    ผ่านเพียงพริบตา ลอยลับลาเลยไป

    ปล่อยลอยเคว้งคว้าง กลางสายลมเรืองไร

    แผ่วลมหายใจ ใบไม้ปลิวลิ่วลง

    [​IMG]
     
  13. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    คนกว่า 30 ล้านคนเติมบุญใหญ่ให้กับตัวเอง ภัยกระจอกทั้งหลายก็พ่ายหมด
     
  14. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    [​IMG]

    + ฟังเสียงสวดมนต์อื่นๆ +

    (คลิกฟัง)

    1. ทำวัตรเช้า (วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก)

    2. ทำวัตรเย็น

    3. บทสวดธรรมจักร

    4. บทสวดธรรมจักร (แปล)

    5. บทสวดมนต์พาหุง

    6. พระคาถาชินบัญชร

    7. พระคาถาชินบัญชร (แปล)

    บทสวดพระปริตร

    1. บทอาราธนาพระปริตร

    2. บทนโมตัสสะ

    3. บทพุทธังสะระนัง

    4. บทโยจักขุมา

    5. บทนโม อะระหะโต

    6. บทอเสวะนา

    7. บทยังกิญจิ

    8. บทเมตตัญจะ

    9. บทอัปปะมาโน

    10. บทอัตถิโลเก

    11. บทวิปัสสิสสะ

    12. บทสักกัตตะวา

    13. บทโพชฌังโค

    14. บทยันทุน

    15. บททุขขัปปัตตา

    16. บทภะวะตุสัพ

    คำแผ่เมตตา และส่วนกุศล

    เสียงสวดมนต์จากเว็บไซต์ฟังธรรม.คอม
    http://www.fungdham.com

    ข้อดีของการสวดมนต์ - นั่งสมาธิ

    อานิสงส์การสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ | MThai Webboard

    การสวดมนต์ไหว้พระควรเป็นข้อปฏิบัติประจำของเหล่าชาวพุทธทั้งหลาย โดยเฉพาะ การสวดมนต์ไหว้พระในวันธรรมสวนะ หรือวันพระ หากเราพิจารณาความสำคัญของการสวดมนต์ โดยเปรียบเทียบกับทุกศาสนา เราจะพบว่า มีปฏิบัติกันถ้วนหน้าทีเดียว เช่น ชาวคริสต์ ต้องเข้าโบสถ์สวดมนต์ทุกวันอาทิตย์ อิสลามิกชน ก็จะมีการสวดมนต์ทุกวันสำคัญ และมีการละหมาดวันละ 6 เวลา

    เบื้องต้น น่าจะเห็นพ้องต้องกันว่า การสวดมนต์เป็นสิ่งที่ดี เป็นกิจปฏิบัติที่สำคัญ แม้ว่า การสวดนั้น จะสวดได้แบบปากเปล่า หรือจะต้องดูหนังสือสวดก็ตาม ความสำคัญอยู่ที่ การสวดมนต์นั้น ต้องอยู่บนพื้นฐานของความตั้งใจจริง มีสมาธิที่ดี นำจิตไปจับที่ตัวอักษรที่จะสวดออกมาอย่างจดจ่อ เปล่งเสียงให้ดังฟังชัดเจน

    โดยครูบาอาจารย์ได้อรรถาธิบายความถึงอานิสงส์ของการสวดมนต์ไว้ ดังนี้

    1. อานิสงส์ที่เกิดกับสุขภาพร่างกาย

    ผู้ที่นิยมสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิสม่ำเสมอ จะก่อให้เกิดผลดีต่อจิต ยิ่งจะมีความผ่องแผ้วสว่างบริสุทธิ์ จิตที่สว่างจะทำให้อารมณ์ผ่องใส ไม่โกรธง่ายไม่เครียด แม้ถ้าจะต้องใช้ความคิด ก็จะคิดแบบมีเหตุมีผล

    การที่จิตผ่องแผ้ว ถือเป็นโอสถทิพย์ที่สำคัญต่อร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายสร้างและหลั่งฮอร์โมนอย่างเป็นปกติ ทำให้ร่างกายสมดุล และบุคคลนั้นจะอายุยืน คนที่มีอารมณ์ดี ไม่เครียด ย่อมจะอายุยืนยาว โรคภัยไม่รบกวน เช่น พระสงฆ์ที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นสรณะ จะอายุยืน บางองค์เกินร้อยปีก็มี หรือคนโบราณที่ชอบสวดมนต์ไหว้พระ จะอายุยืนยาวมากไม่มีต่ำกว่าแปดสิบปี

    ซึ่งต่างจากคนสมัยปัจจุบัน ที่แก่เร็วอายุสั้น เฉลี่ยแล้วไม่เกินหกสิบห้า หรืออย่างมาก ก็เจ็ดสิบปี การมีจิตที่ผ่องใส เสมือนหนึ่งมียาอายุวัฒนะขนานเอก ไว้ในตัวเอง ลักษณะนี้ ครูบาอาจารย์ท่านให้เรียกว่า “การนำปัจจัยภายในมาสร้างอายุวัฒนะ”

    2. อานิสงส์ให้เกิดจิตที่แกร่ง

    หลังการสวดมนต์ไหว้พระและนั่งสมาธิ จะทำให้จิตมีกำลัง เป็นการบำรุงจิตจิตที่มีกำลังจะเข้มแข็ง ไม่อ่อนไหวง่าย สติดี หนักแน่นการมีจิตเป็นสมาธิสติจะคงอยู่เสมอ จะก่อให้เกิดปัญญาตามมา ปัญญาหมายถึง ระบบการคิดที่มีสติคอยกำกับการคิดจึงอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผลไม่มีอารมณ์เข้ามาเจือปน ส่วนความคิดที่ขาดสติเราเรียกว่า “อารมณ์”

    คนสมัยใหม่ที่ไม่นิยมนั่งสมาธิ ส่งผลให้สติไม่มั่นคงโกรธง่าย โมโหร้าย ขี้หงุดหงิด ไม่อดทนต่อแรงกดดันทั้งปวงมีอารมณ์แปรปรวนไม่สม่ำเสมอ เหตุเพราะจิตมีอ่อนกำลังเราจึงพบว่าสถิติการฆ่าตัวตายของคนสมัยนี้ จึงมีอัตราที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นต้น

    รูปธรรมข้างต้นเหล่านี้ คงจะพอแสดงให้เห็นถึงความต่างระหว่างจิตสองลักษณะคือจิตแกร่งกับจิตอ่อนได้เป็นอย่างดีให้เปรียบเทียบง่ายๆ ว่าการที่เราต้องรับประทานข้าวปลาอาหารเพราะอาหารเป็นสิ่งที่มีความสำคัญกับชีวิตฉันใดก็ฉันนั้น สมาธิก็จะเป็นอาหารที่สำคัญของจิต เช่นกัน

    3. ได้อานิสงส์จากการได้โปรดดวงจิตวิญญาณ

    ผู้ที่สวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิ ถึงขั้นเป็นผู้มีจิตใสสว่างนั้น เป็นที่โปรดปรานของพวกวิญญาณเร่ร่อนยิ่งนัก เพื่อปรารถนาจะขอส่วนบุญส่วนกุศลให้ตนได้ร่มเย็น หรือพ้นทุกข์ หรือแม้กระทั่ง หลุดพ้นจากการถูกจองจำ โดยปกติ บทสวดมนต์จะมีความขลังอยู่ในตัวเพราะ เป็นอักขระภาษาที่มีมนต์ขลัง บางบทเป็นพระคาถาที่มีอานุภาพสูง

    โดยเฉพาะ บทพุทธบารมี บทพระคาถาชินบัญชร มีอานุภาพสูง ยิ่งผู้สวดมีสมาธิจิตที่ดีแล้ว พลังแห่งเมตตา พลังแห่งอานุภาพ จะแผ่กระจายปกคลุมไปไกล ด้วยอานุภาพของพลังจิตผู้สวดเอง เมื่อเสียงสวดและอักขระไปกระทบ หรือสัมผัสกับดวงจิตวิญญาณใด พลังเมตตาและพลานุภาพแห่งมนตรานี้ จะกระตุ้นให้ดวงจิตวิญญาณ เกิดความระลึกได้

    เมื่อระลึกได้ ก็จะสามารถดูดซับพลังบารมีทั้งปวง จากบทสวดอย่างเต็มที่ ดวงจิตที่มืดบอดก็จะสว่างผ่องใสขึ้น และหลุดพ้นจากบ่วงพันธนาการในที่สุด สภาพโดยธรรมชาติของวิญญาณทั้งหลายนั้น พวกเขาจะถูกจำกัด หรือถูกควบคุมพื้นที่ เสมือนถูกจองจำตีตรวน เหมือนนักโทษที่ติดอยู่ในคุก บางคนก็สำนึกได้เอง บางคนต้องได้รับการอบรมสั่งสอนก่อนจึงจะเกิดสำนึก

    เช่นกัน ดวงวิญญาณหลายดวง เกิดสำนึกในความดี ความชั่ว ที่ตนได้กระทำได้เอง เมื่อสำนึกได้ ก็จะสามารถเปิดรับธรรมะได้เลยทันที การสำนึกได้ เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ดังที่คนโบราณได้สั่งสอนบอกต่อกันมาว่า ก่อนตายให้นึกถึงพระ

    ความหมายนี้ก็คือ ให้เกิดรู้สำนึกนั่นเอง แม้ถ้าคนเราสำนึกได้ในวินาทีสุดท้าย ขณะใกล้จะตาย ก็ถือว่ามีโอกาสที่จะรับรู้สัมผัสธรรมได้ (จิตเปิด) มีโอกาสหลุดพ้น (จากการจำกัดบริเวณ) ได้

    และภาษาอักขระในบทสวด ดวงจิตวิญญาณก็สามารถเข้าถึงได้ ให้ดวงจิตวิญญาณเข้าใจได้ ก่อให้เกิดความกระจ่างได้ และยิ่งเมื่อเราแผ่เมตตาตามอีก เขาก็จะได้อานิสงส์มากยิ่งขึ้น ดวงจิตวิญญาณเหล่านั้น จึงชุ่มเย็นเป็นสุข เสมือนเรานำน้ำที่เย็น ชโลมรดให้กับผู้ที่หิวกระหายรุ่มร้อนมานานปี

    จนสุดท้าย ก็จะสามารถหลุดพ้นไปได้ การที่เราทำให้วิญญาณตกทุกข์ได้ยาก ทุกข์ทรมาน ได้รับความสุข สว่างสดใส หรือกระทั่ง หลุดพ้นไปได้ นับว่า ได้อานิสงส์มหาศาลทีเดียวสภาพความจริงในภพแห่งวิญญาณนั้น ถ้ามนุษย์มองเห็น ก็จะพบว่า มีวิญญาณเร่ร่อน (สัมภเวสี) จำนวนมากมายทีเดียว มีทุกหนทุกแห่ง

    เช่น คนมีจิตสว่างบางคน ไปนอนที่ไหนก็จะมีวิญญาณมาดึง มาปลุก มาทำให้ไม่สามารถนอนได้ ปรากฏการณ์เช่นนี้ ให้ท่านเข้าใจเป็นเบื้องต้นว่า เขามาขอส่วนบุญ เขาเห็นจิตของท่านที่สว่าง แสดงว่า ท่านเป็นมีบุญที่สามารถแผ่ให้กับเขาได้ อย่าตกใจอย่ากลัว ให้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี

    วิธีปฏิบัติก็คือ สวดมนต์ แผ่เมตตาให้เขาเสีย แล้วท่านจะนอนหลับฝันดี เขาจะเฝ้าดูแลท่านตลอดทั้งคืน บางที่อาจให้โชคลาภกับท่านเสียอีก สถานที่บางแห่ง วิญญาณอยู่กันเหมือนตัวหนอนเหมือนฝูงแมลงวัน ยิ่งดวงวิญญาณอยู่กันมากมายเช่นนี้ ผู้สวดมนต์ แผ่เมตตาภาวนาสมาธิให้ ก็จะได้อานิสงส์มากเท่าทวีคูณ

    การสวดมนต์ที่แท้ก็คือ การแผ่เมตตานั่นเอง การทำจิตให้นิ่งเป็นสมาธิบ่อยๆ เสมือนเราอยู่ในที่สูง อานิสงส์ที่เราสร้างบุญกุศล ที่เราทำ จะเปรียบเสมือนเราเทน้ำให้ไหลลงสู่เบื้องล่างผู้อยู่เบื้องล่างที่หิว กระหายก็จะรอรับอย่างชุ่มเย็น มีความปีติยินดี

    4. ได้อานิสงส์จากโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลาย

    นอกจากดวงจิตวิญญาณแล้ว ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ปรารถนาจะได้รับพลังเมตตาบารมี จากการสวดมนต์ไหว้พระและนั่งสมาธิเช่นกัน ซึ่งก็คือพวกสัตว์เล็ก สัตว์น้อย สรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นนั่นแหละ พลังแห่งการแผ่เมตตาบารมีนี้ มีอานุภาพยิ่งใหญ่ เป็นพลังแห่งพุทธานุภาพ เป็นพลังฝ่ายบุญกุศล

    การสวดมนต์ ไหว้พระนั่งสมาธิและแผ่เมตตาบ่อยๆ จะทำให้จิตมีความแข็งแกร่ง พลังแห่งการแผ่เมตตา ก็จะมีอานุภาพที่แรง ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น นั่นย่อมหมายถึง ไปสู่สรรพสัตว์มากจำนวนยิ่งขึ้น

    เบื้องต้น สามารถพิสูจน์ได้จริง ไม่ว่ามด ยุง แมลง ฯ ล้วนต้องการ และแสวงหาพลานุภาพแห่งเมตตาอย่างหิวโหย เช่น ผู้ปฏิบัติธรรมบางคนพบว่า มีมดขึ้นมาเกาะบนกลดขณะที่ท่านกำลังที่ภาวนาอยู่จำนวนมาก หรือมียุงมากัดจำนวนมากขณะนั่งสมาธิ แต่เมื่อท่านกล่าวแผ่เมตตาให้แล้ว พวกเขาเหล่านั้น ก็จะจากไปของเขาเอง ไม่ทำร้ายไม่รบกวนเราอีก

    เหตุเพราะ พวกเขาได้รับแล้วนั่นเอง ลักษณะเช่นนี้ จะเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ครูบาอาจารย์ที่กล่าวไว้ว่า พวกมด ยุง แมลงนั้น พวกเราสามารถพูดกับเขาได้นั่นเอง เมื่อเราทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่ได้ทุกข์ หลุดพ้นจากทุกข์ ช่วยให้สรรพสัตว์ที่ได้สุข ให้ได้สุขยิ่งๆ ขึ้นไป เราก็ได้อานิสงส์แห่งการนี้ ตอบคืน

    เป็นอานิสงส์ที่ก่อให้เกิดบารมีที่ยิ่งใหญ่มากทีเดียว เราเรียกว่า “อานิสงส์ทางทิพย์”

    5. ได้อานิสงส์จากพรเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์

    ทุกครั้งที่เราสวดมนต์ หลังจากสวดบทบูชาพระรัตนตรัยแล้ว เราก็มักจะสวดบทชุมนุมอัญเชิญเทวดาเสมอ (สักเคฯ) เป็นการบอกกล่าวอัญเชิญเทวดา ให้มาร่วมพิธีการสวดมนต์ เทวดาเทพเทพารักษ์ทั้งหลาย โปรดการฟังสวดมนต์มาก เพราะถือเป็นพิธีกรรมแห่งพุทธ ที่มีมนต์ขลังมีความศักดิ์สิทธิ์

    ดังที่ได้เรียนไปแล้ว บทสวดทุกบทเป็นอักขระ มีพลังพุทธานุภาพสูง ใครได้ยินได้ฟังได้ซึมซับก็จะเกิดความสว่างไสว เกิดพลังบารมี มนุษย์ที่สวดมนต์ไหว้พระประจำ จึงเป็นที่โปรดปรานของเทวดา ไปที่ไหนมีเทวดาปกป้องคุ้มครอง ให้โชคให้ลาภ ให้ความมั่งมีศรีสุข

    คนโบราณจึงย้ำหนักหนา ให้ลูกหลานสวดมนต์ก่อนนอน นี่คือความหมายที่แท้จริงของการสวดมนต์ก่อนนอน

    เทวดา ก็ต้องการสร้างบารมีของตนให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไปเช่นกัน เมื่อเราสวดมนต์ ไหว้พระแผ่เมตตา ทำให้เทวดาได้บารมีเพิ่ม ได้ความสว่างเพิ่ม เทวดาก็จะอำนวยอวยพรชัยมงคลให้กับเรา เป็นการตอบแทนคุณเรา หากเราสังเกตให้ดี เราจะพบว่า ทุกพิธีกรรมทางพุทธศาสนาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน จะต้องเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเทวดาเสมอ

    ก่อนเริ่มพิธีกรรม จึงต้องมีการสวดบวงสรวงอัญเชิญทวยเทพเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาร่วมพิธีก่อนเสมอ

    6. สามารถแผ่เมตตาช่วยคนเจ็บป่วยได้

    อานิสงส์การแผ่เมตตานั้น นอกจากสรรพสัตว์และดวงวิญญาณทั้งหลายแล้ว มนุษย์ทั่วไปที่นอนเจ็บป่วยทนทุกข์ทรมาน ก็สามารถรับอานิสงส์ของการแผ่เมตตาได้ โดยให้เรากล่าวว่า ดังนี้ “อานิสงส์ของการสวดมนต์ ไหว้พระนั่งสมาธิ ของข้าพเจ้าในวันนี้ ขอส่งให้ (ชื่อ-สกุล ผู้ป่วย) เพียงเท่านี้เอง ก็จะก่อให้เกิดผลดีต่อผู้ป่วยมหาศาล

    โดยเฉพาะ ผู้แผ่เมตตาเป็นผู้บุญบารมีมาก ยิ่งก่อให้เกิดผลเร็วขึ้น โดยมาตรฐานที่จะให้เกิดผลสมบูรณ์ ให้ทำติดต่อกัน 33 วัน สภาพร่างกายและอำนาจจิตของผู้ป่วย ก็จะดีขึ้นอย่างชัดเจน แม้บางรายสังขารจะไม่ดีก็ตาม ความทุกข์ทรมานจะลดลง จิตจะดี

    คนเราเมื่อจิตดีก็มีความสุข อย่างไรก็ดี ต้องทำความเข้าใจหลักของเวรกรรมแต่ละคนด้วย (ผู้ป่วย) ผู้ป่วยบางราย อาจจะยกเว้นไม่เป็นไปตามมาตรฐานนี้อัน เนื่องจาก อยู่ในภาวะชดใช้กรรมของเขาเอง และอีกประการหนึ่ง ให้เข้าใจในเรื่องวิถีจิตของผู้ป่วย ต้องเปิดด้วย

    ถ้าจิตปิด ก็รับไม่ได้ แต่หากผู้ป่วยเป็นผู้ปฏิบัติธรรมแล้ว ก็จะยิ่งเกิดผลเร็วทันตาเห็น ใช้เวลาเพียง 16 ถึง 24 วัน เท่านั้น ก็เพียงพอ นั้นหมายถึง เขาเปิดประตูจิตไว้รออยู่แล้วนั่นเอง

    อย่างไรก็ตาม ความเป็นสายเลือดสายโลหิต ระหว่างผู้แผ่อานิสงส์และผู้ป่วย ก็เป็นข้อยกเว้นพิเศษอีกเช่นกัน เพราะความเป็นสายเลือด การส่งอานิสงส์บุญกุศล จะยิ่งรวดเร็วที่สุด เกิดอานุภาพแรงที่สุดเช่นกัน

    ดังกล่าวมาข้างต้น คงพอจะทำให้ทุกท่านเข้าใจ เรื่อง อานิสงส์ หรือ ประโยชน์ ที่จะรับจากการสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ ตลอดจน การแผ่เมตตาเป็นอย่างดีแล้ว อย่างไรก็ดี นี่เป็นเพียงประโยชน์เบื้องต้นเท่านั้น ความจริงแล้ว มีอานิสงส์ที่จะได้รับทางอ้อมทางลึกอีกมากมายกว่านี้นัก แต่เป็น “ปัจจัตตัง” ของแต่ละคน

    ไปการอ่านบรรยายข้างต้น เชื่อว่า สามารถทำให้ท่านเข้าใจได้ แต่จะให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งท่านต้องปฏิบัติเอง ธรรมะคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีเครื่องมือชนิดใดสามารถมาวัดประสิทธิภาพ วัดความจริงได้ เป็นเรื่องเหนือวิทยาศาสตร์ ต้องวัดผลด้วยการปฏิบัติเอง

    “ สิบปากว่า สิบตาเห็น ไม่เท่าเราลงมือทำเอง”
     
  15. ฟาสิรี

    ฟาสิรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2011
    โพสต์:
    396
    ค่าพลัง:
    +729
    สวดมนต์ข้ามปี ไม่ใช่ของแปลกใหม่อะไร ที่บ้านนอก ต่างจังหวัด เห็นมาตั้งแต่จำความได้ เขาทำเพื่อความเป็นสิริมงคล เพื่อเตือนใจให้คนประพฤติดี ปฎิบัติชอบ รำลึกถึงพระธรรมคำสั่งสอน และเป็นพุทธบูชา อย่าเอามาโยงเรื่องภัยพิบัติ ให้เป็นทางออกของพวกทำนายผิดสิ
     
  16. pipatz

    pipatz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2011
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +199
    ไปวัดมาเหมือนกัน ทำทุกปีมาหลายปีแล้ว แปลกใจที่ดูเหมือนช่วงนีคนสนใจเป็นพิเศษ เป็นเรื่องน่ายินดี แต่ไม่เกี่ยวกับภัยพิบัติอะไร จับแพะชนแกะกันให้วุ่น ตลกโปกฮากันไป กับเรื่องภัยพิบัติบ้าบอ โยงกับการสวดมนต์ จริงๆก็โยงได้หลายเรื่องนะ ถ้าจะโยงกันให้ได้

    เช่น ถ้าวันนี้คนทั้งประเทศ ไม่ขับถ่าย สงสัยจะต้องมีอุกกาบาตชนโลก โชคดีที่ขับถ่ายกันทั้งบ้านทั้งเมือง อุกกาบาตก็เลยไม่ชนโลก
     
  17. อธิฎฐาน

    อธิฎฐาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,610
    เจ้าของกระทู้ เขาตั้งกระทู้ดักเผื่อไว้ค่ะ กลัวว่าใครจะแอบอ้างว่าที่ภัยพิบัติร้ายแรงไม่เกิดขึ้นก็เพราะมีประชาชนไปสวดมนต์ข้ามปีกันเยอะ แต่ความจริงใครไปสวดก็ได้มงคลชีวิตกับเขาคนนั้นเอง
     
  18. zixma99

    zixma99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,175
    เค้าไม่ได้ตั้งกระทู้ ดักใครน่ะ.....:cool:
     
  19. suthep

    suthep Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +49
    สวดข้ามปีด้วยเหมือนกันทางโทรภาพ สวดอิติปิโสได้แค่25จบ หลับซะ..
     
  20. Reflect

    Reflect เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    887
    ค่าพลัง:
    +1,439
    สวดเพราะใจอยากสงบ หรือ สวดเพราะ อยากรวย อยากสวย กลัวตาย หรือเพราะแฟชั่นอินเทรน ประเด็นนี้น่าคิดนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...