3 ม.ค. 56 โค้งสุดท้าย

แรงอ่ะ ฮิ้ว ไม่ได้ชวนใครทะเลาะครับแค่จะบอกว่าหากเอาไปใช้ที่อื่น คนอื่นๆเขาจะหัวเราะเอาครับ จะอายเค้าว่ารู้ไม่จริงน่ะ ขออภัยอย่างแรงจ้า นิ่งดีกว่าเนาะ

 

**********************************

ไม่ป่วยก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นอยู่ในรูปมันดีอย่างไร. .... เวลาที่คุณป่วยคุณ... ผมคิดว่าคุณยอมจ่ายเงินง่ายๆ หาหมอที่ใครบอกว่าดีคุณก็จะวิ่งไปหาทันที.... เพื่อระงับความเจ็บป่วยของคุณ (คือว่ามีเงินจ่าย และเป็นคนที่ยังขอเงินพ่อแม่เลี้ยงชีวิต)
ให้หายเร็วที่สุด....
เช่นเดียวกันครับถ้าคุณได้ศึกษาและได้ทดลองใช้อุปกรณ์นี้.... ท่านอาจจะมีความคิดเปลี่ยนไปก็ได้.... ท่านอานจะมีคำถามว่าพระอาจารย์รัตน์ท่านทำได้อย่างไร? คิดได้อย่างไร? และอีก ฯลฯ อุปกรณ์นี้ไม่ต้องเป่าต้องเสกหรือ อาบน้ำมนต์ หรือผ่านพิธีการเชิญเทวดา เป็นวิทยาศาสตร์ล้วน ๆ ทดลองได้เลย....
ผมลองแล้ว... ก็เห็นผลด้วยตัวเอง. .... ดังนั้นใครที่ไม่ได้ลองแล้วมาพูดในทางที่ไม่ดี... ผม ก็ไม่รู้เหมือนกันทดลองแล้วเหรอ... คนสมัยก่อนไม่รู้ว่าวัคซีนทำจากเชื้อโรค หรือจากพิษด้วยกันเอง.. อุปกรณ์นี้ก็ใหม่ต้องใช้เวลาอีกนิด รอคนรุ่นใหม่ที่ได้ทดลองถึงจะเข้าใจ

 

แหล่งที่มา : PANTIP.COM : NE13062782

 

ไม่รู้ว่าสายยางใสๆใส่ปิรามิดจะจริงหรือหลอก แต่เพิ่งรู้และสัมผัสว่าอาการของคนที่จะต้องคลานกับพื้นเมื่อเกิดภัยตามคำทำนายจะเป็นเช่นไรถ้าเกิดจริง ทำไมจึงจะเดินตัวตรงไม่ได้ไปหลายๆๆๆวัน อย่าประมาทในชีวิตเลยนะครับ เตรียมการณ์แต่เนิ่นๆ ...ส่วนตัวเองก็คงไม่ไปซื้อหรอก...

 

ทำไมคนต้องคลานกับพื้นครับ จะมีแรงอะไรมาฉุดให้ติดดินครับ เป็นวิทยาศาสตร์ตรงไหนครับ อธิบายทีึครับ

 

เป็นเรื่องจินตนาการล้วน ๆ แต่เอาเรื่องๆไปผสมผสานกับคำทำนายของพระพุทธองค์ และเรื่องทางวิทยาศาสตร์ ประกอบกับคำพูดของนักวิทยาศาสตร์บางท่าน เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น แต่เชื่อเถอะค่ะ ว่าไอ้ปิระมิดที่นำมาจำหน่ายให้คนสติแตก หากเกิดภัยพิบัติขึ้นมาจริง ๆ ปิระมิดก็ช่วยอะไรไม่ได้ ว่าแต่ปิระมิดเองก็ดูเหมือนว่าจะมีหลายเวอร์ชั่น แบบรอบเอวราคาคงสูงขึ้นมาหน่อยกว่าแบบที่กลัดเสื้อ

 

หลายจังหวัดทางอีสานกำลังประสบภัยพิบัติเรื่องขาดแคลนน้ำ บางแห่งน้ำประปาไม่ไหล หากพระอาจารย์รัตน์มีเครื่องมือเรียกฝน ก็ช่วยอนุโมทนาเรียกฝนให้ชาวอีสานหน่อยก็ดีค่ะ น้ำในเขื่อนบางแห่งโดนล้วงลูกเข้าไปบริหารจัดการน้ำ ปล่อยน้ำเสียจนแห้งขอด เช่นเขื่อนอุบลรัตน์ เหลือน้ำใช้ได้เพียง 20.84%

http://ichpp.egat.co.th/

 

แม่เจ้าท่อเข็มขัดปิรามิดเส้นละ2000 เชียวหรือ รู้แต่ว่าแบบเข็มกลัด 350 อะนะ

ผมได้พระหลวงตาม้าพร้อมลูกแก้ว CD และหนังสืออีกหลายเล่ม รวมถึงพระที่หลวงตาท่านเลี่ยมกันน้ำให้แล้วอีกหนึ่งองค์พร้อมเชือกร่ม
หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ และแม่ชีท่านส่งพัสดุให้มาฟรีๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแค่ค่าส่งอย่างเดียวก็35บาทแล้วไหนจะค่าเลี่ยมกรอบกันน้ำอีกหละ
ท่านให้ทุกคนที่ขอ ไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น ได้รับแล้วอึ่งเลยท่านส่งมาให้หลาย องค์ใส่กันทุกคนในครอบครัว ที่เหลือก็แบ่งปันเพื่อนฝูงไป

ผมก็เลยโอนเงินไปให้ทางวัดเอง เพื่อเป็นทุนให้ทางวัดมีแรงทำแจกท่านอื่นๆต่อไป ถึงแม้จะเป็นเงินไม่มากก็ตาม ก็ขอได้ตอบแทนคืนให้ทางวัดบ้าง

ปล. บอกไว้แล้วกันว่าพระและลูกแก้วที่ท่านส่งมา ถึงจะดูไม่มีราคาอะไร แต่เปรี่ยมไปด้วยพลังพุทธคุณหากท่านใดสามารถจับกระแสได้ ท่านก็จะทราบเอง

(||)(||)(||)(||)(||)

 

จริงๆแล้ว...
ไม่ทราบว่ามีวลีใด หรือประโยคใดที่ดิฉันได้กล่าวถึงสิ่งประดิษฐ์นี้ในทางไม่ดีหรือเปล่า
ไม่ทราบว่ามีวลีใด หรือประโยคใด ที่ดิฉัน ได้กล่าวลบหลู่พระอาจารย์ท่านด้วยความไม่เคารพหรือเปล่า
หากมีจิตเป็นกลาง และอ่านด้วยปัญญา ไม่ลำเอียง ไม่อคติ จะทราบว่าดิฉันไม่ได้มีเจตนาในด้านลบเลย
คุณคงเคยอ่านนิตยสารแปลก นิตยสารของเขาดีนะคะ หลายๆห้องสมุด ก็รับไว้ให้บริการ
หรือคุณมีความคิดเห็นอย่างไร

เจริญในธรรมนะคะ.

 

ได้อ่านโพสต์นี้เรื่องเครื่องเรียกฝน ก็เลยไปหาความรู้ค่ะ
ตามลิงค์นะคะ
V
V

http://ainews1.com/article534.html

 

ในโลกนี้ มีสิ่งต่างๆที่อยู่นอกเหนือการรับรู้และความเข้าใจของเราอีกมากมาย

ได้แต่รับฟังอย่างสงบ และพิจารณาด้วยสติปัญญา..เพื่อลดวิบากกรรมระหว่างกัน

 

เกือบลืมไปในวันนั้นพระอาจารย์รัตน์ พูดถึงลูกศิษย์ในวงการนาซ่า ได้นำ เครื่องเรียกฝน ไปตั้งไว้ที่ รัฐฟลอริดา รัฐนี้จึงปลอดเฮอริเคนเข้ามาในระยะหลังนี้ และอีกบางรัฐฯทางตอนเหนือที่มีหิมะตก เครื่องมือนี้จะช่วยลดจำนวนหิมะให้น้อยลง เช่นตกหนา 7 นิ้วจะเหลือเพียง 2 นิ้ว และท่านอาจารย์ได้ย้ำด้วยว่า เครื่องนี้ทำหน้าที่เป็นศูนย์ป้องกันภัยพิบัติได้เลย

����

คัดลอกมานิดนึงค่ะ ใครคือลูกศิษย์ พจอ.รัตน์ในวงการนาซ่า ตามที่กล่าวอ้าง หากได้ผลตามที่เขาสาธยายมา ต่อไปโลกเราคงไม่กลัวเฮอริเคน ไม่กลัวหิมะตกหนา 7 นิ้ว ไม่กลัวฝนตกหนัก หรือว่าภัยแล้งอีกแล้วค่ะ

 

โห้ ถึงขั้นเรียกลมเรียกฝน สั่งดินฟ้าได้ตามใจแล้วหรือนี่ :boo:

 

นิทานอุทาหรณ์ : Magic Tricks

เหตุการณ์ A :
เริ่มจากมี Mr.X ผู้แสนฉลาดที่ได้รับยกย่องศรัทธาในกลุ่มของเขาตามฐานะนักพรต บอกว่า ประมาณวันที่ $ จะเกิดเหตุภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวงต่อมวลมนุษย์ เพราะเหตุอย่างนี้ ๆ .. หยิบสถานการณ์ที่น่าเชื่อถือ มีข้อมูลวิทยาศาสตร์รองรับ แล้วนำมาเพิ่มประเด็นเติมนิดหน่อย
ทำให้เหล่ากลุ่มศิษย์วงในเกิดความหวาดกลัว และเกรงว่าญาติพืน้องย่อมจะได้รับผลกระทบ ข่าวที่สร้างความตระหนกน่ากลัวนี้ก็ได้รับการขยายออกสู่ภายนอก ส่งต่อ ๆ กันไป

เหตุการณ์ B :
ต่อจากนั้นก็บอกเหล่าผู้มีศรัทธาศานุศิษย์ว่า.. ข้าพเจ้ามีอุปกรณ์ของวิเศษ ที่สามารถทำให้ปลอดภัยจากพิบัติภัยครั้งใหญ่หลวงนี้ได้ เป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆ รวมไปถึงบ้านและที่ดิน ที่มีราคาสูง ประสิทธิภาพเกินจริงเหนือคำบรรยาย.. บลาๆๆ ที่สามารถช่วยท่านได้ หากมีมันไว้กับตัว

เหตุการณ์ C :
หลังจากนั้นเมื่อใกล้ถึงวันพยากรณ์ Mr.X ได้ใคร่ครวญและรู้อยู่ก่อนแล้วว่า เหตุการณ์ภัยพิบัติประมาณวันที่ $ ไม่มี และไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะไม่มีการซื้อขายด้วยเงินตราที่ราคาสูงๆ
เพราะถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดจริง เงินก็หมดความหมาย ที่เก็บเงินขายของตั้งราคาสูงอยู่แสดงว่า ยังงัยๆก็ไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง

และเมื่อวันนั้นมาถึง เมื่อหากไม่เกิด ก็จะแปลว่า "ทายผิด" ผลก็จะทำให้สาวกเสื่อมศรัทธา ...

ดังนั้น เหตุการณ์ D : จึงเกิดขึ้น
Mr.X จะหาทางออกโดยเฉไฉเรื่อง แต่งขึ้นใหม่เพิ่มอีกว่า.. จริงๆมันจะเกิด แต่ข้าพเจ้า ได้ช่วยไว้ให้เหตุการณ์นั้นไม่เกิดหรือเลื่อนออกไป ด้วยวิธี บลาๆๆ...(เป็นวิธีที่คนธรรมดาเข้าใจยาก ต้องยกเมฆมาคุยกัน)

ดังนั้น คนที่ศรัทธาเหนียวแน่น ยังไม่สร่างมึนและติ่งทั้งหลาย จะมองว่า Mr.X ช่วยปกป้องโลกท่านมีเมตตา วิเศษ น่าเลื่อมใสโดยแท้... ฯลฯ จึงเดินตามศรัทธาเชื่อมั่นเขาต่อไปโดยยังรักษาศรัทธาเหนียวแน่นไว้อย่างเดิม

แต่คนที่เริ่มตาสว่างไม่โง่ถูกจูงจมูกอีกต่อไป ก็จะมองออกว่าเรื่องมันว่างเปล่ามาแต่แรกแล้ว
ตั้งแต่คือ เหตุการณ์ A = 0(เรื่องอุปโลกหรือนิมิตพร่ามัวเป็นมายา) , และเหตุการณ์ B = 0 ก็เช่นกัน อุปกรณ์ของวิเศษที่กล่าวอ้างก็ไม่จำต้องทดสอบสรรพคุณว่าจริงหรือไม่ ดั่งที่อ้างไว้แต่ประการใด , ซึ่งเป็นสมการของ สิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ชนกับ สิ่งที่ไม่มีอยู่จริง เฉกเช่นเดียวกันกับ มายาเจอกับมายา แต่กลายเป็นเงินผลประโยชน์(เข้ากระเป๋าใครก็ไม่รู้?!)

เหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกัน A -> B -> C -> D จะยังทำให้หลายคนที่มีศรัทธาบังปัญญายังเดินตาม Mr.X ต่อไป แล้วเขาก็อาจสร้างปรากฏการณ์แบบเดิมๆให้ซื้อของชนิดใหม่ในอนาคต และตั้งตารอยกหน้า

แต่จะทำให้คนที่ยังคลางแคลงใจ หรือเกิดสัมปชัญญะฉุกคิดขึ้นมาได้ มองเหตุการณ์ที่ผ่านมาด้วยเหตุและผล

แน่นอนว่า ความกลัวที่เข้ามาบดบัง ทำให้ขาดวิจารณญาณที่มองโลกตามเหตุผลความเป็นจริงชั่วขณะนึงได้ แต่ไม่ใช่ตลอดเวลา หากไม่ศรัทธากันจนเลยเถิด

และคนที่ไม่เคยเชื่อ ไม่ศรัทธามาก่อน เขาจะรอดตัวไปในยกนี้ แต่ยกหน้าอีกอาจไม่แน่ ...

- นิทานอุทาหรณ์เรื่องนี้หวังว่าคงมีประโยชน์บ้าง สำหรับผู้อ่านในช่วงเวลานี้ หรือเข้ามาอ่านในโอกาสข้างหน้า เมื่อวันนั้นได้ผ่านโค้งเลยไปแล้ว -

 

ขอความกรุณาผู้ที่แสดงความคิดเห็นทุกท่าน ให้พึงระวังผลกรรม จากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จะมีผลโดยตรงต่อตัวท่าน ดังเรื่อง นางสิริมา ที่ได้กล่าวปรามาสโดยไม่ได้ตั้งใจ ตามลิงค์ พระธรรมเทศนา เรื่อง ผลของกรรม แสดงเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2525 โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระธรรมเทศนา เรื่อง ผลของกรรม

มีเนื้อหาดังต่อไปนี้

นโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ) กัมมัง สัตเต วิภชตีติ

ณ โอกาสบัดนี้อาตมภาพจะแดงพระสัทธรรมเทศนา ใน กรรมคาถา เพื่อเป็นเครื่องโสรจสรงองคศรัทธาบารมี ที่

บรรดานริศราทานบดีทั้งหลายได้พร้อมใจกันมาบำเพ็ญกุศลบุญราศี ทั้งนี้เพราะมีความเชื่อและความเลื่อมใสใน

องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาเป็นเหตุ จึงได้พากันมากระทำความดี ขอองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ด้วย

การบำเพ็ญกุศล หวังว่าบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลายคงจะมีความเข้าใจกันดีแล้ว ต่อนี้ไปจะนำเอาคำสั่ง

สอนของพระประทีปแก้ว ในข้อที่ว่า กัมมัง สัตเต วิภชตีติ แปว่า กรรมย่อมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์

มาแสดงแก่บรรดาท่านพุทธบริษัทพอสมควรแก่เวลาคำว่า กรรมนี้ บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย โดยถ้วน

หน้าขอโปรดทราบศัพท์ของกรรม คำว่า กรรม นี้ แปลว่า การกระทำ การกระทำดี เขาเรียกกันว่า

กุศลกรรม แปลว่าทำอย่างคนมีความฉลาด ทำกรรมชั่วพระพุทธเจ้าเรียกว่า อกุศลกรรม แปลเป็น

ภาษาไทยว่า ทำอย่างคนโง่ๆความจริงคนฉลาดที่เขาทำกันนี่เขาไม่ทำกรรมชั่วเพราะกรรมชั่ว

ทำให้เขามีความเดือดร้อน สำหรับกรรมดีนั้น องค์สมเด็จพระชินวรกล่าวว่า กระทำแล้ว อารมณ์ใจเป็นสุข

ต่อนี้ไปก็จะขอนำเอาเรื่องกรรมตามในพระสูตรมาแสดง

ต่อท่านพุทธบริษัทเป็นตัวอย่างตัวอย่างที่มีความสำคัญอยู่จุดหนึ่ง ความจริงมีหลายจุดในพระพุทธศาสนามีมาก

แต่อันนี้เป็น?ตัวอย่างคนสวย ในสมัยที่พiะศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระชนม์อยู่เวลานั้น ในสมัย

องค์สมเด็จพระบรมครูมีหญิงคนหนึ่งขึ้นชื่อ ลือนามว่า เป็นหญิงที่มีความสวยสดงดงามมาก คือ ?นางสิริมา

นางสิริมา นี้ ในบางที่กล่าวว่าเป็นน้องของ หมอชีวกโกมารภัจ เป็นหญิงที่มีความงามเป็นกรณีพิเศษ แต่ทว่า

เป็นโสเภณี คำว่าโสเภณีนครโสเภณี แปลว่าเป็นหญิงที่ทำให้พระนครงาม เธอเป็นคนมีรูปสวยด้วย มีฐานะดี

ด้วย เป็นมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง แต่ท่าเธอเป็นโสเภณี ในข้อนี้กฏของกรรมเล็กๆ น้อยๆ นี่ทำมา

แสดงแก่ท่านพุทธบริษัทเพื่อความเข้าใจองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา กล่าวกับพระทั้งหลายว่า ภิกขเว ดูกร

ภิกษุทั้งหลาย ?นางสิริมา ได้เคยบำเพ็ญกุศลไว้ดีในกาลก่อน แต่ว่าพอที่จะจบกิจในพุทธศาสนา ในตอนนี้

เธอมาพบพระศาสดา เธอก็เป็นคนสวย เพราะอาศัยเมตตาบารมี แต่ว่าการที่เธอเป็นหญิงโสเภณี มีตอนหนึ่งที่

พระพุทธเจ้าตรัสกล่าวว่า ในสมัยหนึ่ง เห็นจะเป็นสมัย พระพุทธกัสสป นางสิริมา นี่เป็นลูกสาวของมหาเศรษฐี

และก็เป็นคนสวย และเป็นประกอบด้วยมหากุศล ใจบุญสุนทานเวลานั้นเป็นเวลาที่องค์สมเด็จพระศาสดาผู้พิชิต

มาร พระนามว่า องค์สมเด็จพระพุทธกัสสป ยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็มีพระอรหันต์หลายท่านนิพพานในสมัยนั้น แต่ก็

ปรากฏว่า มีพระอรหันต์นิพพานไม่ไกลจากนั้น องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาก็ทรงเป็นเจ้าภาพ

ฌาปนกิจ คำว่า เป็นเจ้าภาพฌาปนกิจ ฌาปนกิจแปว่าการเผา พระพุทธเจ้านำพระทั้งหลายไปจัดการผาศพ เมื่อ

เผาศพเสร็จพระพุทธเจ้าทรงสั่งให้เป็นสถูป คือกองดินมูลขึ้นมา เหมือนบาตรคว่ำ แล้วเอากระดูกหรือพระธาตุ

ของพระอรหันต์ทั้งหลายไปวางไว้ที่นั่น ก็หมายความว่ากระดูกพระอรหันต์นี่มิควรจะข้าม หรือเหยียบ ควร

ไว้ข้างบน ทำเป็นสัญลักษณ์เอาไว้

ปรากฏว่าวันหนึ่งเป็นวันวิสาขบูชา เป็นแดนไกลที่องค์สมเด็จพระบรมศาสดาทรงประทับอยู่ บรรดาสาวกขอ

งองค์ศมเด็จพระบรมครูทั้งหมดที่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ในแดนนั้นก็พกกันไปทำประทักษิณ ที่บริเวณ

เขตสถูปของพระอรหันต์ ในเวลานั้น ปรากฏว่ามีพระอรหันต์ผู้หญิงและผู้ชายพระอรหันต์ผู้หญิงเขาเรียกว่า นาง

ภิกษุณี พระอรหันต์ผู้ชายเรียกว่า พระภิกษุสงฆ์เดินข้างหน้าทำประทักษิณ คือการเวียนเทียน พระภิกษุสงฆ์

เดินนำหน้า นางภิกษุณีตามหลังที่เป็นพระอรหันต์ด้วยกัน นอกจากนั้นก็เป็นบรรดาสาวกขององค์สมเด็จพระ

ภควันต์ที่เป็นฆราวาสแต่ก็เป็นการบังเอิญจริงๆ วันนั้นพระอรหันต์ท่านหนึ่งเป็นหญิง เป็นปฏิสัมภิทาญาณ

ท่านฉันหมาก ความจริงพระอรหันต์นี่เขาไม่ได้ห้ามฉันบุหรี่ ฉันหมากนะ แต่ห้ามสูบยาฝิ่นกัญชา คือว่าท่าน

ไม่ทำอะไรนอกเหนือจากพระพุทธเจ้าทรงห้ามคือ พระพุทธเจ้าก็ไม่ห้ามทำ พระพุทธเจ้าห้ามตามสมควรเหตุ

สาวกขององค์สมเด็จบรมโลกเชษฐ์ คือ นางภิกษุณีองค์นั้นเป็นปฏิสัมภาญาณ ท่านฉันหมากท่านเดินตามพระ

สงฆ์ไป ท่านเดินเหมือนลม แล้วท่านก็บ้วนน้ำหมากลง ปลิงมาถูกผ้านุ่งของ นางสิริมา สมัยนั้น ซึ่งเป็น

ลูกสาวมหาเศรษฐี แต่งตัวสวยมากเธอเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครเป็นคนบ้วนน้ำหมาก เธอก็กล่าววาจา

ผรุสวาทวาจาไม่ดี กล่าวว่า อีหญิงเเพศยาคนไหนนะ มันบ้วนน้ำหมากมาเปื้อนผ้าของเรา ?เท่านี้แหละ

บรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เพราะวาจาที่กล่าวปรามาสพระ

อรหันต์โดยไม่รู้ตัวว่าเป็นพระอรหันต์ เป็นเหตุให้ นางสิริมา เกิดเป็นโสเภณี มีค่าควรเมือง หมายความว่า

รับแขกเมือง เวลาที่ไปเมืองนั้น ค่าเช่าคือหนึ่งเท่ากับ 1,000 ?หาปณะ คือ 4,000 บาทสมัยนั้น นี่องค์สมเด็จพระ

ภควันต์บรมศาสดา จึงกล่าวว่า ภิกขเว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ขอบรรดาท่านพุทธบริษํททั้งหลายโปรดทราบ ที่

พระพุทธเจ้าตรัสทุกอย่างว่า ภิกขเว ดูกร ?ภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่ากรรมเล็กน้อย จะไม่มีผลสำหรับเรา นี่เป็น

อันว่า พระพุทธเจ้าทรงแนะนำว่า ?ขึ้นชื่อว่ากรรมชั่วก็ดี แม้แต่ทำเล็กๆ น้อยๆ จงอย่าคิดว่าไม่มีผล ?ดูแต่ นาง

สิริมา นี่เธอไม่ทราบว่าท่านผู้นั้นเป็นพระอรหันต์ด้วย และไม่ทราบว่าเป็นน้ำหมากของใครด้วย แต่บังเอิญปาก

พล่อยไปว่าอีหญิงเพศยาคนไหนนะบ้วนน้ำหมาก ทำให้ละอองหมากมาเปื้อนผ้าของเรา นี่ชาติสุดท้าย เธอมี

ความจำเป็นอาศัยกฎของกรรม เธอจึงต้องเป็นโสเภณี ?

 

เลิกอ้างโน้นนี่ได้แล้วขอเหอะ ว่ากันไปตามจริงมีหลักฐานและข้อเท็จจริง ก็มีให้ปรากฏไร้ข้อปฏิเสธใดๆ


รับรู้กันอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร สร้างเรื่องลวงโลกแล้วลวงโลกอีกตั้งแต่ปลาบู่ มาเรื่องชาวเมายัน มาเรื่องสายยางต้านแรงโน้มถ่วง คนอ่านมีวิจารณญาณก็ดีไป แต่ถ้าอ่านแล้วเชื่อไปทำตามแล้วมันไม่เกิดตามที่ได้มาโพสไว้ ถามหน่อยว่าใครจะรับผิดชอบสิ่งที่คนที่เชื่อได้ทำลงไป แน่นอนว่าพวกมือถือสากปากถือศาลก็จะอ้างว่า "กฎแห่งกรรมของคนที่ทำให้หลงเชื่อ" "ภัยพิบัติได้ถูกเลื่อนออกไปแล้ว ผู้มีบุญได้ทำให้เลื่อนออกไป" "เพราะมีคนล่วงรู้มาก ทำให้ต้องเลื่อนออกไป"

เชื่อว่าผู้อ่านหลายคนเจอมาเยอะจนเบื่อตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ล้วนเป็นข้ออ้างเพื่อแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ผมเชื่ออย่างนึงว่าผลกรรมที่ได้กระทำการหลอกลวงคนอื่นๆกำลังจะส่งผลกับชีวิตท่านและครอบครัวท่านแน่นอน พอเค้าจับโกหกได้ก็แถจนตัวถลอก Drift จนกันแหกโค้งตายคาที่เป็นผีก็ยังมา Drift อีก สงสัยจะมีความสุขมากที่เห็นคนอื่นต้องมาหวาดระแวงจนเป็นโรคจิตหลอน เห็นใบไม้ไหวนิดนึงก็คิดว่าภัยพิบัติมาแล้ว

ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลาเถอะ จะเกิดอะไรก็ขอให้มันเกิดมันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ต้องไปเตือนให้ถูกคนเค้าสาปแข่ง เพราะเตือนไปถ้ามันมาจริงก็ตายห่าอยู่ดีถ้ามันจะต้องตายใครจะฝืนชะตาได้ล่ะ เอาเวลาไปทำมาหากินสุจริตอาชีพเถอะ วันนี้อาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ผลกรรมนั้นกำลังสนองกลับไปหาคนเหล่านี้แน่นอน เลิกทำตัวเป็นผู้ดีจอมปลอมได้แล้ว

 

การไม่เชื่อ แสดงความคิดเห็นต่าง ด้วยเหตุ ด้วยผล ไม่ได้ใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย หรือถ้อยคำอันเป็นเท็จหรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย คงไม่ใช่การปรามาส ตามความหมายที่หลายคนยกมาอ้าง

หลักกาลามสูตร ก็บอกไว้ชัดเจนแล้ว การไม่เชื่อ คิดทบทวน ไตร่ตรองให้ถ้วนถี่เสียก่อนที่จะเชื่อ มันไม่ใช่การปรามาส ผมว่าคนที่ชอบมาว่าคนอื่นปรามาส ให้ไปทบทวนหลักกาลามสูตรดูใหม่นะ อย่าเอาคำว่าปรามาสมาใช้พร่ำเพรื่อกับเรื่องเลื่อนลอยพวกนี้เลย

ไม่งั้นเกิดมีใครที่คนเชื่อถือ ศรัทธาทั้งหลาย (ไม่นับรวมพวกอ้างตัวเอาเองนะ) พูดอะไรผิด พูดไม่จริง ผู้คนก็แย้งกันไม่ได้เลยสิ ถ้าถือว่าเป็นการปรามาสเสียทั้งหมด หลักกาลามสูตรของพระพุทธองค์ ก็คงไม่มีความหมายอะไร

 

เป็นก็เป็นเช่นนี้ล่ะครับท่านไอคนพวกนี้มันเป็นผู้ดีจอมปลอม เอะอะว่าเราไปปรามาส ลบหลู่ ถามหน่อยแล้วกันว่าชีวิตนี้มันไม่เคยไปปรามาสใครเลยหรือไง แค่ไปคิดว่าคนอื่นโง่ มันก็ปรามาสแล้ว ตัวเองยังทำไม่ได้แล้วเที่ยวมาสอนคนอื่นไปทั่ว

กล่าวไม่จริงบอกว่าจะเกิดโน้นนี่นั่นในเวลานี่นั่น แต่เอาจริงๆมันไม่เกิดก็แสดงว่าพูดไม่จริง มันก็ผิดศีลแล้ว ยังจะมาแถว่าได้เลื่อนออกไป ผมก็งงว่าโลกนี้มีคนเปลี่ยนแปลงกฏแห่งกรรมได้ด้วยหรอ เปลี่ยนแปลงในสิ่งที่แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านยังเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย สงสัยคนพวกนี้มันจะเป็นยอดมนุษย์จากดาวนาแม็ก

 

ผมก็ได้ ปิรามิต มา 2 เส้นนะ แต่ทำไมไม่เห็นเสียตังสักบาทหว่า

 

โชคดีจริงๆ ยินดีด้วยครับ คนอื่นเขาจ่ายกันเป็นพันสองพัน แต่คุณกลับได้มาฟรี
มาตรฐานของความยุติธรรมอยู่ที่ไหน