ไดอารี่ ชีวิต , ผี , วิญญาณ , พุทธศาสนา By Specialized

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Specialized, 25 ธันวาคม 2006.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352

    [​IMG]

    ตั้งสัจจะอฐิษฐาน

    <O:p</O:p
    ลูกขอตั้งสัจจะอธิษฐานขอกราบขออาราธนาเมตตาบารมีรวมหลวงปู่ทวด
    หลวงปู่ดู่ท่านอันเป็นที่สุดขอหลวงปู่ได้โปรดมีเมตตาอารธนาบารมีรวม
    ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตั้งแต่องค์ปฐมจนถึงองค์ปัจจุบันบรมมหาจักรพรรดิ์ทุกๆพระองค์บารมีรวมพระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์พระธรรมและพระอริยสงฆ์ทั้งหลายโดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคตบารมีรวมหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ ท่านอันเป็นที่สุดบารมีรวมหลวงตาม้าเป็นต้น<O:p</O:p

    ขอบารมีหลวงปู่ได้โปรดเมตตาน้อมนำภพภูมิต่างๆทั้งหลายในทั่วทั้ง 3 แดนโลกธาตุอันประกอบไปด้วยเทพ 6 ชั้นพรหม 20 ชั้นเทพพรหมทุกชั้นฟ้ามหาสมุทรโดยทั่วทั้งแสนหมื่นโกฎิจักรวาลเทพพรหมเทวาที่เกี่ยวพันกับหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่หลวงตาม้าเทพพรหมเทวาที่เกี่ยวพันเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าโดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคตท่านท้าวจตุมหาราชทั้ง4 พระยายมราชพร้อมบริวารโดยทั้งหมด พระศรีสยาเทวาธิราชโดยทุกๆพระองค์
    วีรบุรษและวีรสตรีทั้งหลายที่คอยปกป้องรักษาแผ่นดินสยามโอปาติกะทั้งหลายฤาษีและดาบสทั้งหลายศาลเจ้าพ่อหลักเมืองโดยทุกๆจังหวัดพระเสื้อเมือง พระทรงเมืองพระราหูวราหก เจ้ากรุงพาลี แม่พระธรณี แม่พระคงคาพระเพลิง พระพาย พญาครุฑพร้อมบริวารพญานาคพร้อมบริวาร คนธรรณ์ ชาวเมืองลับแลและสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้เคยไปอธิษฐานไว้ขอหลวงปู่ได้โปรดเมตตาน้อมนำท่านทั้งหลายมาร่วมสวดบทพระมหาจักรพรรดิ์<O:p</O:p

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2007
  2. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    [​IMG]

    บทสวดมหาจักรพรรดิ<!-- BBCode End -->

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3 ครั้ง)

    สวดตามกำลังวัน อาทิตย์ 6 จันทร์ 15 อังคาร 8 พุธ 17
    พฤหัส 19 ศุกร์ 21 เสาร์ 10

    นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณ
    มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา
    พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ
    พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
    อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง
    อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย
    อะหังวันทามิ สัพพะโส
    พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ


    <!-- BBCode Start -->เชิญพระเข้าตัว (แผ่เมตตา)หรือแผ่บุญรับภูมิ <!-- BBCode End -->

    สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
    พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
    อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส
    ( 3 หรือ 5 จบ)
    พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ
     
  3. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    การสร้างพระเครื่องประเภทเนื้อปูนผสมผงมหาจักรพรรดิ์สูตรหลวงปู่


    ในการสร้างพระเครื่องประเภทเนื้อปูนผสมผงมหาจักรพรรดิ์ของหลวงปู่ดู่นั้น จักสังเกตุเห็นได้
    ว่าหลวงปู่ดู่ท่านจะสร้างพระเครื่องไว้เพื่อเป็นพุทธานุสติแก่บรรดาศิษย์เพื่อให้ระลึกเสมอว่า
    พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้ทรงประเสริฐสุดหาที่เปรียบมิได้ ดังที่จะกล่าวในพระชุด
    "พระพุทธเจ้าเหนือพรหม"นี้ ลป.ดู่ท่านได้หยิบยกพระพุทธตำนานตอนหนึ่ง
    ซึ่งเป็นพระตำนานที่อยู่ในบทสวดพระคาถาพาหุงบทหนึ่งว่า


    "ทุคคาหะทิฏฐิ ภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง
    พหรมมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
    ญาณาคะเทนะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุเต ชะยะมังคะลานิ"


    ...พระคาถาบทพาหุงบทนี้ ตามพุทธตำนานได้กล่าวถึงตอนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ปราบทิฐิของท้าวผกาพรหมที่คิดว่าตนเองมีอิทธิฤทธิ์มากและมีความอมตะไม่ตาย จึงคิดท้าพระพุทธเจ้าให้มาลองอิทธิฤทธิ์กัน โดยการท้าลองครั้งนี้คือให้อีกฝ่ายซ่อนและอีกฝ่ายหา หากผู้ใดซ่อนและผู้หา หาไม่พบถือว่าชนะและฝ่ายแพ้จะต้องมาเป็นสาวกของฝ่ายชนะ...เริ่มจากฝ่ายท้าวผกาพรหมเป็นผู้ซ่อนก่อน ท้าวผกาพรหมแปลงกายเป็นธุลีเม็ดทรายหนึ่งเม็ดโดยซ่อนตนเองปะปนอยู่ในทะเลทราย ด้วยพระบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ใช้ฌาณตรวจหาไม่นานก็ค้นพบท้าวผกาและชี้ถูกว่าท้าวผกาพรหมเป็นเม็ดทรายเม็ดไหนอย่างถูกต้องครั้งนี้ท้าวผกาพรหมจึงเป็นฝ่ายแพ้ พอถึงคราวพระพุทธเจ้าเป็นผู้ซ่อนบ้าง พระพุทธองค์ทรงย่อพระวรกายให้เล็กลงแล้วเสด็จขึ้นไปปะทับซ่อนอยู่ในมวยผมบนเศียรของท้าวผกาพรหม ฝ่ายหาคือท้าวผกาพรหม ก็เริ่มตามหาพระพุทธเจ้าหายังไงก็หาไม่เจอ หาทั่วทั้ง๓ภพ(ภพโลก ภพสวรรค์ ภพนรก)ก็หาไม่เจอ หาไปสุดขอบแดนจักรวาลก็หาไม่เจอ ท้าวผกาพหรมจึงยอมแพ้


    เมื่อพระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่าท้าวผกาพรหมลดทิฏฐิลงมากแล้ว
    พระพุทธองค์จึงคลายฤทธานุภาพกลับสู่สภาพเดิม และทรงแสดง
    พระธรรมเทศนาโปรดท้าวผกาพรหม จนบรรลุเป็นพระโสดาบัน
    แต่ขณะนี้เป็นพระอนาคามีแล้ว จักเข้าถึงพระนิพพานในยุคพระศรีอริยเมตไตรย
    จากนั้นมาจึงมีพระนามเรียกขานกันว่า "พระพรหม"...


    [​IMG]


    การนำบทสวดมหาจักพรรดิมาใช้ในการสร้างพระ


    หลวงปู่ดู่ท่านเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังถึงการปลุกเสก หรืออธิษฐานจิตในวัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกว่า
    "นอกจากการใช้พลังจิตในการปลุกเสกแล้ว ที่ท่านใช้อยู่เสมอคือ บทสวดมนต์ตามเจ็ดตำนาน"
    ซึ่งท่านบอกว่า ดีกว่าคาถาอาคมมากมาย เพราะเป็นเรื่องราวของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ทั้งนั้น
    ไม่จัดเป็นเดรัจฉานวิชชา โดยบทที่ท่านสวดทำทุกครั้งคือ บทพระพุทธเจ้าทรมานพญาชมพูบดี
    หรือที่เรียกกันว่า "บทชมพูปติสูตร" ซึ่งแสดงถึงอำนาจหรือบารมีของพระพุทธเจ้าผู้เป็นครูของมนุษย์และ
    เทวดาทั้งปวง แสดงถึงธรรมที่ชนะอธรรม


    พุทธคุณที่หลวงปู่ดู่หลวงตาม้าท่านนำมาใช้ในการสร้างพระ


    ลป.ดู่ ท่านเรียกพระคาถาบทนี้ว่า "คาถามหาจักรพรรดิ" โดยทั้งนี้ในการปลุกเสกหลวงปู่


    ท่านอารธนากำลังของบารมีรวมหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ท่านอันเป็นที่สุด โดยน้อมนำอารธนา
    บารมีรวมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตั้งแต่องค์ปฐมจนถึงองค์ปัจจุบันบรมมหาจักรพรรดิ์ทุกๆพระองค์
    บารมีรวมพระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระธรรมและพระอริยสงฆ์ทั้งหลายโดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต
    บารมีรวมพระเจ้าจักรพรรดิตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต บารมีรวมหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ ท่านอันเป็นที่สุด
     
  4. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">
    ความย่อที่มาคาถาว่า
    พระพุทธเจ้าทรงเนรมิตพระองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
    เพื่อทรงแก้ทิฏฐิมานะ ของพญามหาชมพูบดี
    ในสมัยพุทธกาล มีพระมหากษัตริย์ผู้เรืองอำนาจพระองค์หนึ่ง ซึ่งปกครองเมืองปัญจาลราษฐ พระนามว่า "พญาชมพูบดี" กล่าวกันว่า พร้อม ๆ กับการประสูติของพญาชมพูบดี ขุมทองในที่ต่างๆ ก็ผุดขึ้นมากมายอันแสดงถึงบุญญาธิการของพระองค์ ประชาชนในเมืองนี้จึงมีฐานะความเป็นอยู่ที่มั่งคั่งสมบูรณ์ พญาชมพูบดี ทรงมีอาวุธวิเศษ 2 อย่าง คือ

    ฉลองพระบาทแก้ว ซึ่งเมื่อสวมเข้าไปแล้วก็จะพาพระองค์เหาะไปในที่ต่างๆ ได้ ทั้งยังใช้อธิษฐานแปลงเป็นนาคราชเข้าประหัตประหารศัตรูได้อีกด้วย
    อาวุธวิเศษอย่างที่สอง คือ วิษศร ซึ่งเป็นศรวิเศษใช้ต่างราชทูต หากกษัตริย์เมืองใดไม่มาอ่อนน้อมขึ้นต่อพระองค์ วิษศรนี้ก็จะไปร้อยพระกรรณพาตัวเข้าเฝ้าพระองค์จนได้ ทำให้กษัตริย์ทั้งหลายพากันยำเกรงในพระเดชานุภาพแห่งพญาชมพูบดี

    ด้วยอาวุธคู่พระวรกาย พญาชมพูบดีได้ขยายพระราชอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง กระทั้งถึงกรุงราชคฤห์ของพระเจ้าพิมพิสาร ผู้เป็นอุบาสกแห่งสมเด็จพระสัมมาสมพุทธเจ้า พญาชมพูบดีส่งอาวุธวิเศษของพระองค์ ไปทำอันตรายต่อพระเจ้าพิมพิสาร แต่ไม่อาจทำอันตรายแก่พระเจ้าพิมพิสารได้ ด้วยอาศัยพระพุทธานุภาพ ทำให้พญาชมพูบดีแค้นพระทัยมาก แม้ส่งอาวุธวิเศษอย่างใดไป ก็พ่ายแพ้แก่พระพุทธานุภาพแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็นว่า พญาชมพูบดีประสบความพ่ายแพ้ และมีทิฏฐิมานะเบาบางลง ประกอบด้วยกับทรงเล็งเห็นวาสนาปัญญาของพญาชมพูบดีว่าสามารถสำเร็จมรรคผลได้ จึงมีพุทธฎีกาตรัสใช้ให้พระอินทร์แปลงเป็นราชทูตพาพญาชมพูบดีมาเข้าเฝ้า ส่วนพระองค์ทรงเนรมิตองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ทรงมงกุฎ พร้อมเครื่องราชาภรณ์ แต่ล้วนงดงาม ส่วนพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานเถระเจ้า พร้อมด้วยเหล่าภิกษุสงฆ์สาวก ก็เนรมิตกายเป็นเสนาอำมาตย์ใหญ่น้อย ล้วนแล้วแต่น่าเกรงขาม ทั้งเนรมิตเวฬุวัน (ป่าไผ่) ให้เป็นพระนครใหญ่ประกอบด้วยกำแพงถึง 7 ชั้น และมีพุทธฎีกาตรัสสั่งให้เทวดา พรหม ทั้งหลาย ร่วมเนรมิตเป็นตลาดน้ำ ตลาดบก

    เมื่อพระอินทร์ซึ่งเนรมิตกายเป็นราชทูต ไปถึงเมืองปัญจาลราษฐ เห็นพญาชมพูบดีและเหล่าเสนาอำมาตย์ยังถือดี จึงแสดงฤทธานุภาพเป็นที่ประจักษ์ พญาชมพูบดีไม่อาจแข็งขืนจำยอม ต้องยกพลเดินทัพเพื่อเข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสมพุทธเจ้า

    เมื่อพญาชมพูบดี เดินทางเข้าเขตพระนคร ก็ตกตะลึงกับความยิ่งใหญ่อลังการแห่งพระนครที่พระพุทธองค์ทรงเนรมิต แม้แต่เหล่าแม่ค้าริมทาง ก็ยังงดงามกว่าพระอัครมเหสีของพญาชมพู จนชวนให้รู้สึกขวยเขินก้าวเดินไม่ตรงทาง และเมื่อผ่านทางยังกำแพงพระนครแต่ละชั้น ทอดพระเนตรเห็นเหล่าเสนาอำมาตย์ที่รักษาพระนคร พระทัยก็ประหวั่นพรั่นกลัวพระเสโทไหลโทรมทั่วพระสกลกาย ถึงกำแพงชั้นในซึ่งเป็นแก้ว ก็ทำท่าจูงกระเบนเหน็บรั้ง ด้วยเข้าพระทัยผิดคิดว่ามีเสียงนางในร้องเย้ยเยาะว่ากษัตริย์บ้านนอก กระทำเชยๆ พญาชมพูบดีก็รู้สึกได้รับความอัปยศอย่างยิ่ง
    เมื่อพญาชมพูบดีมาถึงต่อหน้าพระพักตร์แห่งพระบรมศาสดา ซึ่งเนรมิตกายเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ก็ยังไม่หมดทิฏฐิมานะ พระพุทธองค์ทรงเชื้อเชิญให้แสดงฤทธิ์เดชอำนาจและของวิเศษทุกสิ่งทุกอย่างออกมา เมื่อพญาชมพูบดีทรงแสดงแล้ว ก็ต้องได้รับความอัปยศยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยไม่อาจทำอันตรายพระพุทธองค์ได้เลยแม้แต่น้อย

    เมื่อพระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่าพญาชมพูบดีคลายทิฏฐิมานะลงมากแล้ว จึงทรงแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพญาชมพูบดี และเหล่าเสนาอำมาตย์ที่ติดตามมาด้วยจำนวนมากมายให้เห็นสิ่งที่เป็นสาระและมิใช่สาระ ให้เห็นโทษแห่งการเวียนเกิด เวียนตาย ในวัฏสงสาร ทั้งให้เห็นคุณแห่งพระนิพพาน พญาชมพูบดีและเหล่าเสนาอำมาตย์ต่างรู้สึกปีติ โสมนัส จึงปลดมงกุฎและเครื่องประดับของตนวางแทบพระบาทแห่งองค์พระสัมพัญญูบรมศาสนา เพื่อสักการะด้วยความรู้สึกเทิดทูน จากนั้นจึงทูลขออุปสมบทต่อพระพุทธองค์

    จากนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสมพุทธเจ้าบรมครู พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์สาวก เทวดา พรหม ก็คล้ายฤทธานุภาพกลับสู่สภาพเดิม (เป็นป่าไผ่และสภาพทั้งหลายตามความเป็นจริง) สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานอุปสมบถแก่พญาชมพูบดี พร้อมด้วยเสนาอำมาตย์ และทรงแสดงพระธรรมเทศนาให้คลายความลุ่มหลงในเบญจขันธ์ มีรูป เป็นต้นว่า อุปมาดั่งพยับแดด หาสาระตัวตนที่เที่ยงแท้อันใดมิได้ และแสดงเทศนาต่างๆ เป็นอเนกปริยาย พญาชมพูบดีและเหล่าเสนาอำมาตย์ ก็ดื่มดำในพระอมตธรรมสลัดเสียซึ่ง ตัณหา อุปาทาน จิตของท่านก็เข้าอรหันตผล สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลในพระบวรพุทธศาสนา

    (อ่านเพิ่มเติม→ตำนานพญาชมพูบดี)

    __________________

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">
    หรือใครสนใจอยากทราบว่าพระเจ้าจักรพรรดิที่พระพุทธองค์ทรงเนรมิตตนเองเป็นนั้นเป็นอย่างไร อ่านได้ที่กระทู้ ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าจักรพรรดิ

    ---> ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า“จักรพรรดิ”

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=66089
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">[​IMG][​IMG]

    บรรดาลูกหลานวงษ์วานว่านเครือต่างทราบกันดีใครมีไว้ใช่ป้อง
    กันอันตรายอย่างเดียวที่ไหนหลวงพ่อเกษม เขมโก
    ท่านรับรองกับลูกศิษย์ท่านพระหลวงปู่ดู่ ป้องกันนิวเคลียร์ได้

    หลวงตาม้า ท่านเมตตาบอกว่า พระหลวงปู่ ป้องกันโรคระบาด
    และป้องกันไข้หวัดนกได้ให้ใส่ไว้

    ปล. โปรดอย่าลืม คาถาบูชาพระ(คาถาจักรพรรดิ)
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    [​IMG][​IMG]
    หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด / หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
    (รูปสำหรับฝึกกรรมฐาน)
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ(ขวา)
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา พระอาจารย์ของหลวงตาม้า
    (คาถาบูชา นะโมโพธิสัตโต พรหมปัญโญ)



    [​IMG]
    พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า) พระผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติดีปฎิบัติชอบรูปหนึงในปัจจุบัน
    ตามแนวทางและปฎิปทาของพระอาจารย์เอกของท่านซึ่งก็คือหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา
    (ในภาพเป็นบริเวณถ้ำใหญ่ที่วัดซึ่งวัดของหลวงตาม้าจะกินอาณาเขตเขาลูกหนึงเลยทีเดียว
    เป็นสัปปายะที่เงียบสงบและมีถ้ำเยอะมากวัดตั้งอยู่ใกล้ๆกับชายแดนพม่าในเขตอำเภอเชียงดาว)
    [​IMG]



    เกี่ยวกับตัวท่านหลวงตาม้าคร่าวๆ
    (เท่าที่ท่านพอจะเล่าให้ฟังบ้างและได้ยินมาจากลูกศิษย์)
    ดูกระทู้ที่เกี่ยวเนื่องกับท่านหลวงตา(งานหล่อพระ) http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=62277



    [​IMG]
    หลวงตาม้า



    หลวงตาม้าท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่ดู่และท่านได้อยู่ฝึกกรรมฐาน
    กับหลวงปู่ดู่ในเพศฆราวาสเป็นเวลาเกือบ 20 ปี
    แต่ก่อนที่หลวงปู่ดู่ท่านจะมรณภาพไปไม่นานนั้นหลวงปู่ท่าน
    ก็ได้สั่งให้หลวงตาม้าท่านบวชและขึ้นไปอยู่ที่ภาคเหนือโดยท่านได้บอกกับ
    หลวงตาม้าในครั้งนั้นด้วยว่า



    "จำไว้ไม่ว่าแกไปไหนเหรออยู่ที่ไหนข้าก็อยู่ด้วย
    เองเอาพระองค์นี้ไป(พระรูปหล่อเหมือนหลวงปู่ดู่)หากเองสงสัย
    อะไรในการปฎิบัติให้แกถามเอากับพระองค์นี้"



    พร้อมกันนั้นหลวงปู่ดู่ท่านได้เมตตาสั่งสอนแนะแนวข้อปฎิบัติ
    ก่อนที่หลวงตาม้าท่านจะออกธุดงค์ขึ้นเชียงใหม่



    [​IMG][​IMG]
    ท่านหลวงตาท่านได้ธุดงค์รอนแรมอยู่เป็นเวลานานตามภาคเหนือของประเทศไทย
    ตั้งแต่เมื่อประมาณเกือบ 20 กว่าปีก่อนท่านได้ธุดงค์ไปนมัสการพระพุทธบาท 4 รอย
    ตั้งแต่ยังไม่ค่อยมีคนขึ้นไปและร้างอยู่ท่านได้ธุดงค์แวะภาวนาตามถ้ำต่างๆในส่วน
    เรื่องราวการธุดงค์ของท่านหลวงตาม้านี้สนุกและพิศดารมากหากนำมาเล่านี้ทั้ง
    สนุกและตื่นเต้นแต่ก็หาอ่านไม่ได้เพราะว่าหากอยากทราบต้องไปถามกับท่าน
    เอาเองตัวผู้พิมพ์เองก็รู้คร่าวๆเท่านั้นเท่าที่ท่านเล่าให้ฟังเป็นบางส่วน
    (จริงๆเคยได้ยินมาคร่าวๆเรื่องหนึงแต่ไม่รู้แน่ชัดเรื่องที่ท่านประลอง
    อภิญญากับฤาษีที่อภิญญาแก่กล้าตนหนึงที่ไปหาท่านที่ถ้ำโดยใช้
    วิธีการต่างๆซึ่งสนุกทีเดียวแต่ทั้งนี้ผู้ทรงธรรมทั้งสองได้กระทำการ
    ดังกล่าวก็เพียงเพื่อดูภูมิธรรมกันเท่านั้น)



    [​IMG]
    ในที่นี้จะเล่าลัดแค่ในส่วนการมาพบ
    เจอถ้ำเมืองนะของท่านหลวงตา





    ท่านได้ธุดงค์ไปเรื่อยจนมีอยู่วันวันหนึ่งท่านได้ตามญาณหลวงปู่ดู่ไปจนเจอเข้า
    กับถ้ำแห่งหนึงซึ่งชาวบ้านแถวนั้นเรียกว่าถ้ำเมืองนะ(ถ้ำที่ตามตำนานกล่าวว่าเป็นที่เคลื่อนทัพครั้งท้ายๆ
    และที่สวรรณคตของพระนเรศวร) ซึ่งในปัจจุบันตั้งอยู่ที่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่




    [​IMG]
    ท่านได้อยู่ภาวนาอย่างเงียบๆในถ้ำนั้นเป็นเวลานับ 10 ปีโดยมีชาวบ้านในละแวกนั้น
    ซึ่งเป็นชาวไทยและชาวไทยใหญ่คอยอุปัฐฐากท่านตลอดมาจนถึงวันหนึ่งท่านก็ได้เริ่ม
    ออกสังคมและเริ่มสร้างวัดขึ้นที่นั้นและสั่งสอนลูกศิษย์เรื่อยมาจนถึงบัดนี้(ปัจจุบันท่านหลวงตา 62 ปี)
    โดยแนวคำสอนท่านจะเน้นในด้านบุญญฤทธิ์และการสัมพัสภพภูมิต่างๆโดยการฝึกกรรมฐานตามแนวทางหลวงปู่ดู่
    ในบางโอกาสท่านยังเดินทางไปเยี่ยมคณะลูกศิษย์และสอนกรรมฐานในกรุงเทพเป็น
    ครั้งคราวและบางครั้งก็จะไปเป็นเจ้าภาพในการหล่อพระท่านยังได้สร้างพระวัตถุมงคล
    ออกมาหลากหลายรุ่นตามสูตรหลวงปู่ดู่ และจากมวลสารที่ท่านได้รับมาจากหลวงปู่ดู่
    ท่านโดยตรงโดยพระที่ท่านสร้างมานั้นเป็นที่รู้จักกันดีในทางเหนือ
    และท่านยังชอบแจกพระผงห้อยคอให้แก่คนที่ท่านพบเจอด้วย ฟรีๆด้วยโดยท่านหวังเพียงให้ผู้นั้นได้
    นำพุทธคุณในองค์พระไปเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้นั้นและภพภูมิที่เกี่ยวข้องกับเขา



    พุทธคุณขององค์พระท่านบอกว่าเป็นกำลังของพระรัตนตรัยรวมกับ
    พระจักพรรดิและพระโพธิสัตว์ที่บารมีเต็มแล้วตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันปฎิปทา
    ของท่านหลวงตาเป็นการบำเพ็ญแนวโพธิสัตว์และลูกศิษย์หลายๆคนได้ประจักษ์
    ถึงบารมีท่านในด้านพุทธภูมิมาแล้วทั้งนั้นและหากมีผู้ใดสงสัย
    ในเรื่อง3โลกธาตุหากไปถามท่านท่านจะสอนให้ได้อย่างละเอียด
    และวิธีปฎิบัติเพื่อสัมพัสนับว่าท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีญาณบารมีแก่กล้า
    มากรูปหนึ่งในปัจจุบันที่สั่งสอนคนให้เดินบนเส้นทางสายไปนิพพาน
    [​IMG]
    เกร็ดย่อยอื่นๆ
    หลวงตาม้าท่านเมตตามากการปฎิบัติของท่านในตอนแรกเป็นไปเพื่อหลุดพ้น
    ในชาตินี้แต่หลังจากที่ท่านภาวนาไปท่านได้รับกระแสพุทธภูมิเก่าของท่านเข้า
    ที่จิตจนทำให้ท่านเกิดความเมตตาสงสารและอฐิษฐานจิตต่อเพื่อฉุดช่วยให้สัตว์ทั้งหลายทั่วทั้ง 3 โลกธาตุ
    มีที่พึ่งมีร่มโพธิ์ร่มไทรนับว่าเป็นเมตตาอันนับประมาณมิได้ของท่าน



    เคยมีลูกศิษย์คนหนึงของหลวงตาไปหาฤาษีชื่อดังตนหนึงในจ.สมุทรสงคราม
    (ท่านหลวงตาอ๋อยหรืออีกชื่อท่านฤาษีย่ามแดง)ที่เชี่ยวชาญทางอภิญญาและการรักษาโรคและ
    ได้สนทนากันมีประโยคหนึงที่เขาเล่ามาว่าฤษีตนนั้นได้กล่าวว่า "บารมีอาจารย์
    แกยิ่งใหญ่จริงๆข้ายอมรับ ไมเชื่อข้าแกขึ้นไปถาม
    บนสววรค์สิว่าใครไม่รู้จักหลวงตาม้าบ้างในปัจจุบัน....บอกให้มาหาข้าเลย"



    รายละเอียดวัดพุทธพรหมปัญโญ
    วัดพุทธพรหมปัญโญ ตั้งอยู่ที่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงไหม่
    โดยมีพระอาจารย์ วรงคต วิริยะธโร(หลวงตาม้า) เป็นเจ้าอาวาสปัจจุบัน
    วัดพุทธพรหมปัญโญ เป็นสถานปฎิบัติธรรมแห่งหนึ่งโดยยึดแนวคำสอน
    ของหลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ เป็นหลัก ลักษณะของวัดนับว่าเป็นสัปปายะ
    ที่สงบ มีถ้ำอยู่หลายแห่งในวัดโดยมีถ้ำหลักที่ภายในป็นลักษณะถ้ำใหญ่ๆ
    (ตามตำนานกล่าว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมาเสด็จสววรณคตที่นี้)
    นอกนั้นที่วัดแห่งนี้มีพระจำพรรษาอยู่ 5-6 รูป โดยมีพระแก้วแดง
    เป็นพระประธานประจำวัดและมีพระพุทธเจ้าปางจักพรรดิ์เป็นพระประธานองค์ใหญ่
    รายละเอียดอื่นๆจะโพสทยอยตามมาครับ
    .....แต่ขอบอกว่าพลังงานที่ถ้ำดีมากๆพุทธคุณแรงมากๆและที่ถ้ำมีภพภูมิต่างๆเยอะมากๆ



    หากท่านใดผ่านไปแถบเชียงดาวหากมีเวลาก็ลองแวะไปที่วัดไปกราบนมัสการท่าน
    ได้ที่วัดพุทธพรหมปัญโญ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่แถมที่วัดยัง
    เป็นสัปปายะที่ดีและมีถ้ำเยอะมากๆและอีกอย่างท่านทำพระไว้หลายรุ่น
    ทั้งที่เป็นพระพุทธรูปด้วยหากสนใจก็เข้าไปชมได้(ท่านชอบที่จะเน้นใ
    นการสร้างพระออกมาในแนวจักพรรดิโดยท่านเป็นหนึ่งในพระสงฆ์ในยุคนี้
    ที่บุกเบิกเรื่องกำลังพระจักพรรดิในการทำออกมารวมอยู่กับองค์พระแบบต่างๆ)

     
  6. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    ส่วนผสมในมวลสารของเนื้อพระ

    ในส่วนผสมมวลสารของเนื้อพระพุทธเจ้าเหนือพรหมที่ลป.ดู่ท่านนำมาจัดสร้าง ท่านจะนำผงพุทธคุณ(ผงมหาจักรพรรดิ์)ผสมกับปูนขาวใส่เกศาผสมลงโดยใช้น้ำเป็นตัวประสานผสมจนได้ที่แล้วจึงนำเนื้อมวลสารเทลงในแบบพิมพ์ เวลาแห้งเนื้อพระด้านหลังจะเป็นคราบลอยเหมือนหัวกระทิ ลักษณะของเนื้อพระจะไม่แน่นตัวนัก เนื้อจะฟูๆ พระพิมพ์นี้สามารถแบ่งโซนหลักของเนื้อพระได้๒วรรณะคือ สีขาวนวล และออกสี เหลืองเนื่องจาก ลป.ดู่ท่านนำไปแช่ในน้ำชาท่ท่านเสก หรือที่ลป.ดู่ท่านมักจะเรียกว่าน้ำมนต์นั้นเอง ส่วนการทำผงจักรพรรดินั้นหลวงปู่จะทำภายในกุฎิท่านโดยมีกรรมวิธีการสร้างซึ่งเป็นวิชาขั้นสูงส่วนพระผงจักรพรรดิยุคปัจจุบันที่ทำและสร้างโดยหลวงตาม้านิยมนำเถาพระธาตุปลวงปู่หรือเกศาหลวงปู่ดู่หรือหลวงตาม้ามาเป็นมวลสารด้วยในรุ่นพิเศษบางรุ่นแต่โดยปกติมวลสารหลักก็คือผงจักรพรรดินั้นเอง
    ______________________________

    [​IMG]
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา พระอาจารย์ของหลวงตาม้า
    (คาถาบูชา นะโมโพธิสัตโต พรหมปัญโญ)

    [​IMG]
    หลวงตาม้า วัดพุทธพรหมปัญโญ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่




    ตัวอย่างพระผงจักรพรรดิพิมพ์ต่างๆสูตรหลวงปู่ดู่ที่ท่านหลวงตาม้าสร้าง
    (วิชาในการสร้างพระผงจักรพรรดินั้นหลวงปู่ดู่ได้สอนท่านหลวงตาม้าและ
    ในปัจจุบันนี้ท่านหลวงตาเป็นผู้ทรงวิชาสร้างพระผงจักรพรรดิไว้)
    [​IMG][​IMG][​IMG]


    ความรู้เกี่ยวกับพระผงจักรพรรดิ
    พระผงจักรพรรดิสูตรหลวงปู่ดู่หลวงตาม้า
    มีพุทธคุณอย่างไร?



    พระผงจักรพรรดิประโยชน์มากโดยเป็นพระที่ใช้ใน
    การทำกรรมฐานและบูชาติดตัวเพื่อคุ้มครอง
    เป็นศิริมงคลแก่ตนเองและเป็นพลังงานบุญ
    แก่ภพภูมิโดยรอบ


    หลวงปู่ดู่กล่าวไว้ว่าพระรุ่นนี้ที่มีผงจักรพรรดิ
    ของท่านป้องกันนิวเคลียร์ได้
    (ถ้าขนาดนี้แล้วของเล็กกว่านิวเคลียเรื่องเล็กๆ)


    พระรุ่นนี้เหมาะสมเป็นอย่างมากในการเจริญกรรมฐาน
    หลวงปู่ดู่สมัยที่ท่านยังทรงธาตุขันธ์
    อยู่ท่านสร้างพระผงออกมาเพื่อให้
    ลูกศิษย์ได้ใช้ในการเจริญพระกรรมฐานให้
    ก้าวหน้าได้โดยไวโดยเป็นการใช้พลังจากองค์พระ


    [​IMG]
    อ่านประวัติหลวงตาม้า-> http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=63018


    ในเนื้อพระรุ่นนี้บรรจุมวลสาร ผงจักพรรดิหลวงปู่ดู่ที่ท่านหลวงตาท่าน
    ได้รับมาจากหลวงปู่ดู่โดยตรง และช่วงไหนสวดมนต์นั่งสมาธิแผ่บุญ
    แผ่เมตตาสม่ำเสมอบุญจะเกิดที่ตัวเราดีมากยิ่งขึ้นครับทั้งพระธาตุบน
    องค์พระจะขึ้นเพิ่มขึ้นอีกด้วย (พระผงจักรพรรดิหลวงปู่ดู่ขึ้นพระธาตุทุกองค์)
    หลวงตาเคยเมตตากล่าวให้ฟังว่าพระที่ท่านทำขึ้นมาชุด
    นี้เป็นพระกำลังของพระโพธิสัตว์จึงมีพุทธคุณและ
    กำลังบารมี 10 เข้มข้นนำไปใช้ประโยชน์ในด้านกุศลได้ร้อยแปดพันเก้า


    หากนำไปบูชาก็จะเป็นการทำให้ภพภูมิเทวดาผีสางสัมภเวสีที่ผ่านไป
    ผ่านมารับกระแสตรงนี้เข้าไปปรับให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วยนอก
    (โดยการกำพระขอกำลังพระ/หลวงปู่สวดจักรพรรดิแล้วน้อมบุญไป)


    นอกนั้นยังมีพุทธคุณเข้มสำหรับการเจริญภาวนากรรมฐาน
    โดยการเอามากำก่อนนั่งสมาธิแล้วกำหนดจิตเข้าไปที่องค์พระ
    จะทำให้ภาวนาได้ง่ายขึ้นเพราะมีพลังงานจากองค์พระมาเสริมที่
    ดวงจิตด้วยจากนั้นจึงไปทำสมาธิในแบบที่ท่านถนัดโดยเป็น
    วิธีการที่นิยมกันในหมู่ลูกศิษย์ของหลวงปู่ดู่เรื่อยมาจนถึงหลวงตาม้า
    ในปัจจุบันและหากนำพระไปแช่น้ำก็สามารถทำเป็นน้ำมนต์รักษา
    โรคหรือเป็นศิริมงคลแก่ตนก่อนออกไปดำเนินชีวิตก็ยังได้


    หากนำพระไปแช่น้ำก็สามารถทำเป็นน้ำมนต์รักษาโรคหรือเป็นศิริมงคล
    แก่ตนก่อนออกไปดำเนินชีวิตก็ยังได้ อฐิษฐานเอาโดยใช้คาถาจักรพรรดิ

    ยังไงก็ให้ตั้งอยู่ในความดีไว้ด้วยโดยมีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งและศีล5เป็นฐาน
    จะช่วยให้เราทรงในความดี และพุทธคุณช่วยเราได้เต็มที่
     
  7. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    สำหรับการสวดมนต์ผมว่าสวดตามที่พี่สะดวกครับ แต่ทุกบทควรจะมาจบที่ บทจักรพรรดิเป็นบทสุดท้าย แล้วต่อด้วยสัพเพ เพราะบทจักรพรรดิเป็นบทรวมกำลังบุญ เพื่อที่จะนำมาใช้ในการแผ่บุญ

    แนะนำว่าตอนแรกก็ ให้อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต บารมีพระปัจเจก บารมีพระโพธิสัต บารมีพระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต มีบารมีรวมหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่เป็นที่สุด (ทำไมต้องเป็นทั้งสองท่านเพราะว่าทั้งสองเป็นมหาโพธิสัต ที่บารมีเต็มรอการตรัสรู้) และขอบารมีหลวงปู่ท่านช่วยน้อมนำภพภูมิต่างๆทั้ง สามโลกธาตุมาร่วมสวดบทจักรพรรดิพร้อมกัน

    สำหรับการภาวนา ใครบอกพี่ว่าหนอว่า ไม่ควรภาวนาพุทโธ - -"

    ภาวนาได้ครับ พุทโธก็ครอบคลุมทุกอย่าง เป็นพุทธานุสติที่ดียิ่ง และสามารถระงับทุกขเวทนาได้ (หลวงพ่อฤาษีท่านบอกไว้)

    ที่พี่ถามมาว่าทำไมเวลาสวดมนต์ถึงมีเสียงสวดแทรกเข้ามา อันนี้เอาจากประสปการณ์ของตัวผมเอง ที่สวดบทจักรพรรดิหลังจากเชิญภพภูมิมา ปรากฎว่าเสียงสวดที่เราสวดคนเดียวเสียงจะกระหึ่มเหมือนสวดกันทั้งห้องเรื่องนี้ถ้าละเอียดจริงเราจะสัมผัสได้ครับ เสียงที่พี่ได้ยินอาจจะเป็นเสียงของภพภูมิในบริเวณนั้นเพราะพวกนี้สร้างบารมีเองไม่ได้ ที่ไหนมีการสวดมนต์ภาวนา พวกเขามักจะลงมาสวดมนต์ด้วย และขออนุโมทนาบุญจากเรานั่นเอง

    สำหรับการภาวนาของสายวัดสะแก ลองศึกษาดูก็ได้นะครับ


    หลักการปฏิบัติธรรมเบื้องต้นแนวหลวงปู่ดู่

    คำภาวนา

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p


    มีความหมายว่า "ข้าพเจ้าขอรับเอาพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึก" ซึ่งจะขอขยายความเทียบตามหลักของ วิสุทธิมรรคคัมภีร์ ที่รจนาโดยสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ดังนี้

    ๑. ฐานของจิต
    การกำหนดฐานของจิต ให้กำหนดไว้ที่หน้าผาก หรือระหว่างคิ้วทั้งสอง ตามหลักของวัดประดู่ทรงธรรม และของสมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อน วัดพลับ ถือว่าเป็นฐานที่ ๗ ซึ่งตามหลักท่านวางไว้ถึง ๙ ฐาน โดยฐานต่างๆ เหล่านี้ เป็นเสมือนทางผ่านของลมหายใจที่ไปกระทบ เหมือนกับหลักของอานาปานสติ ฐานทั้ง ๙ ฐานที่กำหนดไว้มีดังนี้

    ฐานที่ ๑ อยู่ต่ำกว่าสะดือ ๑ นิ้ว
    ฐานที่ ๒ อยู่เหนือสะดือ ๑ นิ้ว
    ฐานที่ ๓ อยู่ที่ทรวงอก หรือที่ตั้งของหทัยวัตถุ
    ฐานที่ ๔ อยู่ที่คอหอย หรือตรงกลางลูกกระเดือก
    ฐานที่ ๕ อยู่ที่ท้ายทอย เรียกว่า โคตรภูญาณ (ทางวิทยาศาสตร์ถือเป็นที่ตั้งของสมองส่วน CEREBELLUM)
    ฐานที่ ๖ อยู่ตรงกลางกระหม่อม
    ฐานที่ ๗ อยู่กึ่งกลางหน้าผาก เรียกว่า อุณาโลม หรือทิพยสูญระหว่างคิ้ว
    ฐานที่ ๘ อยู่ระหว่างตาทั้ง ๒ ข้าง
    ฐานที่ ๙ อยู่ปลายจมูก

    หลวงปู่ท่านบอกว่า การที่ให้ตั้งจิตไว้ตรงตำแหน่งกลางหน้าผากที่เดียวในเบื้องต้นนั้น ก็เพื่อจะได้ไม่ไปพะวงกับลมหายใจ ซึ่งอาจทำให้จิตใจวอกแวกในขณะที่ปฏิบัติ สำหรับผู้เริ่มภาวนาบางราย แต่ฐานสำคัญที่ท่านเน้นก็คือ ฐานที่ ๖ (ตรงกลางกระหม่อม) ท่านว่าฐานจริงๆ อยู่ตรงนี้ แต่จะต้องให้มีความชำนาญในทางสมาธิเสียก่อน จึงค่อยเอาจิตไปตั้งที่ฐานนี้ เพราะจะมีกำลังมาก สำหรับฐานที่หน้าผากนั้น ถ้าท่านเคยดูภาพยนต์อินเดียที่มีพระศิวะ เขาจะเรียกว่าตรีเนตร หรือตาที่ ๓ คือ ถ้าภาวนาให้ถูกจุด จะทำให้จิตสงบได้ง่าย และมีทิพยจักขุญาณเกิดขึ้น วิธีการภาวนาคือ ให้ใจเสมือนกับเราคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่ในที่นี้ให้นึกถึงจุดเดียวคือ คำภาวนา เหมือนกับเราคิดเลขในใจทำนองนั้น ทำใจเฉยๆ ไม่ต้องคาดคั้น คิดเดา หรืออยากเห็นนั่นเห็นนี่ เพราะเรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นนิวรณ์ทั้งสิ้น หน้าที่หรืองานของเราในที่นี้คือภาวนา<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ๒. คำภาวนา
    คำภาวนาที่ให้ภาวนาคือ ให้เรามีจิตระลึกถึงภาษาพระ หมายถึง พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติกรรมฐาน ทำใจให้มีการเคารพเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ อันจะเป็นกรรมฐาน ที่ทำให้ผู้ที่มีศรัทธาจริต หรือมีความเชื่อ เข้าถึงธรรมะได้โดยง่าย

    ๓. เครื่องชี้ว่าจิตสงบ
    เมื่อปฏิบัติจนจิตเริ่มสงบแล้ว จะเกิดความสว่างขึ้นที่จิต พร้อมกันนั้น จะมีสิ่งที่เป็นตัวชี้บอกว่า จิตของเราเป็นอย่างไรบ้าง อันได้แก่ปิติต่างๆ เช่น อาการขนลุก ตัวเบา น้ำตาไหล ร่างกายโยกโคลง รู้สึกเหมือนกายขยายใหญ่ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะเป็นตัวชี้ถึงจิตว่า เริ่มจะสงบแล้ว ให้ผู้ปฏิบัติวางใจเฉยๆ อย่าไปยินดีหรือยินร้าย บางท่านที่มีนิสัยวาสนาบารมีทางรู้ทางเห็นภายใน ก็อาจจะเกิดองค์พระปรากฎขึ้นจากแสงสว่างเหล่านั้น

    ในเรื่องการเห็นแสงสว่างนี้ บางสำนักท่านว่าอย่าไปสนใจ เอามืดดีกว่า เพราะเดี๋ยวจะหลง แต่ตามความเห็นของผู้เขียน นึกถึงคำบาลีที่ว่า "นัตถิ ปัญญา สมาอาภา" แสงสว่างเทียบด้วยปัญญาไม่มี ดังนั้น ผู้ที่เห็นแสงสว่างปรากฎขึ้น ก็เป็นนิมิตอันหนึ่ง ซึ่งแสดงให้รู้ประจักษ์อยู่ที่ตัวเราต่างหากว่า จะใช้แสงสว่างนี้ไปในทางที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะหลวงปู่ท่านบอกว่า การปฏิบัติต้องทำให้รู้ เห็น เป็น และได้ สำหรับในขั้นต้นนี้ "รู้" หมายถึงให้มีสติรู้อยู่กับคำภาวนา เมื่อ "เห็น" ก็ให้รู้ว่า "เห็น" อะไร รู้จักกลั่นกรองด้วยสติปัญญา และเมื่อมีความชำนาญแล้วก็จะเป็น "เป็น" นั้นคือเห็นองค์พระได้ทุกครั้ง และสามารถที่จะทำได้ เมื่อต้องการทำให้เกิดขึ้น นี่แหละ คือหลักแห่ง "อภิญญา"<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ลักในการนั่งสมาธิ ให้ขาขวาทับขาซ้ายมือขวากำพระวางบนมือซ้าย ให้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองจรดกัน วางบนตักพอสบายๆปรับกายให้ตรง ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วน สูดลมหายใจยาวๆ ลึกๆ สัก ๓ ครั้ง

    ครั้งที่ ๑ ให้ภาวนาว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
    ครั้งที่ ๒ภาวนาว่า ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
    และครั้งที่ ๓ ภาวนาว่า สังฆัง สรณังคัจฉามิ

    จากนั้น จึงผ่อนลมหายใจให้เป็นไปตามธรรมชาติยังไม่ต้องนึกคิดสิ่งใด ทำใจให้ว่างๆ วางอารมณ์ทั้งที่เป็นอดีตและอนาคตเมื่อลมหายใจเริ่มละเอียด และจิตใจเริ่มโปร่งเบาขึ้นบ้างแล้วจึงค่อนเริ่มบริกรรมภาวนา โดยกำหนดจิตไว้ที่หน้าผาก (เอาสติมาแตะรู้เบาๆ)แล้วตั้งใจภาวนาคาถาไตรสรณคมน์ ดังนี้<O:p</O:p


    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

    สังฆัง สะระณังคัจฉามิ<O:p</O:p

    เมื่อบริกรรมภาวนาจบแล้วก็ให้วกกลับมาเริ่มต้นใหม่เช่นนี้เรื่อยไป<O:p</O:pมีสิ่งที่ควรทราบเพิ่มเติมก็คือ ขณะที่บริกรรมภาวนาอยู่นั้นให้มีสติระลึกอยู่กับคำภาวนา โดยไม่ต้องสนใจกับลมหายใจคงปล่อยให้ลมหายใจเข้าออกเป็นไปตามธรรมชาติ ปราศจากการควบคุมบังคับภาวนาด้วยใจที่สบายๆ และให้ยินดีกับองค์พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่เกิดขึ้นในจิตเมื่อจิตมีความสงบสว่าง ก็น้อมแผ่เมตตาออกไป โดยว่า<O:p</O:p

    พุทธัง อนันตัง
    ธัมมัง จักรวาลัง
    สังฆัง นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ<O:p</O:p


    แล้วตั้งใจภาวนาต่อไป

    เมื่อจิตถอนขึ้นจากความสงบให้ยกเอากายหรือเรื่องหนึ่งเรื่องใดขึ้นพิจารณา โดยน้อมไปสู่พระไตรลักษณ์ คือ
    <O:p</O:p

    อนิจจัง (ความไม่เที่ยง)
    ทุกขัง (ความทนได้ยาก)
    และอนัตตา (ความไม่ใช่ตัวตนอันเที่ยงแท้)<O:p</O:p

    เมื่อรู้สึกว่าจิตเริ่มซัดส่ายหรือขาดกำลังในการพิจารณา ก็ให้วกกลับมาภาวนาคาถาไตรสรณคมน์อีกเพื่อดึงจิตให้เข้าสู่ความสงบอีกครั้งทำสลับเช่นนี้เรื่อยไปจนกว่าจะเลิก
    ก่อนจะเลิกให้อาราธนาพระเข้าตัวโดยว่า<O:p</O:p

    สัพเพ พุทธา สัพเพ ธัมมา สัพเพสังฆา
    พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญจะยังพะลัง
    อะระหันตานัญ จะเตเชนะ
    รักขัง พันธามิ สัพพะโส
    พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆังอธิษฐามิ<O:p</O:p


    แล้วจึงแผ่เมตตาอีกครั้งโดยว่าเช่นเดียวกับที่กล่าวแล้วในตอนต้น

    อนึ่ง การภาวนานั้นท่านให้ทำได้ทุกอิริยาบท คือ ยืน เดิน นั่ง นอน การปฏิบัติจึงจะก้าวหน้าและชื่อว่าตั้งอยู่ในความไม่ประมาท....

    ที่มา : กายสิทธิ์<O:p</O:p

    แนะนำให้พี่เข้าเวปนี้ด้วยครับ

    http://watthummuangna.com จะทราบอะไรอีกเยอะเกี่ยวกับสายบุญฤทธิ์ครับ :d แถมมีโปรๆ เยอะมากด้วยผมก็แค่ เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นเองครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2007
  8. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    น้องแนะนำพี่มีประโยชน์กับทุกคนมากเลยนะนี่ อ่านดูเหมือนจะทำง่ายนะ แต่เวลาทำจริง ๆ ยากมากสำหรับพี่ PM มาคุยกับพี่มั่งสิ พี่อยากคุยด้วย ถ้าว่างนะ เมล์ส่วนตัวมาดีกว่า PM เดี๋ยวเค้าเห็นหมด
     
  9. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    ลืมตอบคำถามพี่เรื่องคาถาอาราธนาพระ

    สำหรับคาถาอาราธนาพระใช้ตอนก่อนที่จะแขวนพระครับพี่ :d
     
  10. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    สำหรับเรื่องนี้ลองอ่านตรงนี้ดูครับหลวงปู่ดู่ท่านพูดไว้ และผมขอแนะนำให้พี่เวลานั่งสมาธิพยายามใช้ประโยชน์จากนิมิตรเช่นการ จำภาพพระพุทธรูปที่เราชอบ ระหว่างที่นั่งไปก็ กำหนดนึกภาพพระขึ้นมา พร้อมกับภาวนาด้วยอานาปานสติไปด้วยครับจิตจะได้ไม่วอกแวก มีอะไรน่ากลัวคิดถึงพระไว้ก่อนครับ

    สมมุติและวิมุติ

    ในวันสิ้นปีเมื่อหลายปีก่อน ผู้เขียนได้มาค้างคืนอยู่ปฏิบัติที่วัดสะแก และได้มีโอกาสเรียนถามปัญหาการปฏิบัติกับหลวงปู่เรื่องนิมิตจริง นิมิตรปลอม ที่เกิดขึ้นจริงภายในจากการภาวนา

    ท่านตอบให้สรุปได้ใจความว่า

    ต้องสมมุติขึ้นก่อนจึงจะเป็นวิมุติได้ เช่น การทำอสุภะหรือกสิณ ต้องอาศัยสัญญาและสังขารน้อมนึกเป็นนิมิตขึ้น ในขั้นนี้ไม่ควรสงสัยว่านิมิตนั้นเป็นของจริงหรือของปลอม มาจากภายนอกหรือออกมาจากจิต เพราะเราจะอาศัยสมมุติตัวนี้ทำประโยชน์ คือยังจิตให้เป็นสมาธิแน่วแน่ขึ้น แต่ก็อย่าสำคัญมั่นหมายว่าตนรู้เห็นแล้ว ดีวิเศษแล้ว

    การน้อมจิตตั้งนิมิตเป็นองค์พระ เป็นสิ่งที่ดีไม่ผิด เป็นศุภนิมิตคือนิมิตที่ดี เมื่อเห็นองค์พระ ให้ตั้งสติคุมเข้าไปตรงๆ (ไม่ปรุงแต่ง หรืออยากโน้นนี้) ไม่ออกซ้าย ไม่ออกขวา ทำความเลื่อมใสเข้า เดินจิตให้แน่วแน่ สติละเอียดเข้า ต่อไปก็จะสามารถแยกแยะหรือพิจารณานิมิตให้เป็นไตรลักษณ์ จนเกิดปัญญาสามารถจะก้าวสู่วิมุติได้

    "ก็เหมือนแกเรียนหนังสือทางโลกแหละ มาถึงทุกวันนี้ได้ ครูเขาก็ต้องหัดหลอกให้แกเขียนหนังสือ หัดให้แกอ่านโน่นนี่ มันถึงจะได้ดีในบั้นปลาย นี่ข้าเปรียบเทียบแบบโลกให้ฟัง"
    กล่าวโดยสรุป คือ ท่านสอนให้ใช้ประโยชน์จากนิมิต ไม่ใช่ให้หลงนิมิต สอนให้ใช้แสงสว่าง ไม่ใช่ให้ติดแสงสว่างหรือติดสมาธิ
     
  11. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    สำหรับทุกท่านที่แขวนพระไม่ว่าจะเป็นสำนักใดก็ตาม ที่ยังไม่รู้วิธีอาราธนาพระ รบกวนอ่านตรงนี้หน่อยนะครับ การอาราธนาพระก็คือการอัญเชิญบารมีของพระท่าน ที่เราแขวนอยู่ ที่มีทั้ง รูป และ นาม ซึ่งทุกทีที่เราแขวนพระก็เหมือนกับว่าเราแขวนรูปของท่าน แต่เราไม่ได้อาราธนา นาม ไปด้วย เปรียบเสมือนการขับรถยนต์ ซึ่งเราก็ต้องมีกุญแจใช่ไหมครับ รถถึงจะวิ่งได้ พระเครื่องทีเป็นพุทธปฎิมาก็เหมือนกันครับ แต่ถ้าไม่มีเวลาก็ใช้ระลึกถึงท่านก็ได้ครับ


    คาถาอาราธนาพระเครื่องของหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพธิ์ (ใช้ได้กับพระทุกสาย)

    [​IMG]

    นะโม สามจบ

    พุทธัง อาราธนาณัง
    ธัมมัง อาราธนาณัง
    สังฆัง อาราธนาณัง

    พระพุทธธัง รักษา
    พระธัมมัง รักษา
    พระสังฆัง รักษา

    ศัตรูมาบีฑา วินาศสันติ
    สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิลาโภ
    ชโยนิจจัง

    อธิษฐานขออาราธนาบารมีของพระที่เราแขวนให้ติดตัวเราไปทั้ง รูปธรรม และ นามธรรม นะครับ
    เพียงเท่านี้ท่านจะได้รับความศักดิ์สิทธิ์จากองค์พระเต็มที่ครับนำไปใช้กันนะ
     
  12. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    สำหรับภาพตอนไปตามรอยพระบาท หน้าที่ 34 - 35 ที่ขาดหายไปนั้นเพราะเกิดจากกระทู้ต้น ที่ผมโพสไว้ในเวปวัดถ้ำเมืองนะ เสียหายบางส่วนเนื่องจากการย้าย server ของเวปทำให้ภาพบางภาพหายไปครับ ผมจะแก้ไขให้นะครับ แต่ช่วงนี้ขอทำอย่างอื่นก่อนละกัน หุหุ
     
  13. nainapa

    nainapa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +45
    ไดร์อารี่ ชีวิต , ผี , วิญาณ , พุทธศาสนา By Specialized

    ผี เป็นเรื่องที่น่าสนใจค่ะ ฉันชอบฟังเรื่องผีแต่ไม่เคยเห็นผี ก็ไม่อยากเห็นเท่าไหร่หรอกค่ะแต่อยากให้ทุกคนเชื่อไว้นะค่ะว่าในโลกใบนี้มีอะไรมากกว่าที่เราคิด เหมือนที่เขาพูดไว้ว่า ใต้ร่มไม้ไม่มีอะไร และพอลมพัดเบา ๆ กลับมีบางอย่างไหวเอนไปตามลม ในสิ่งหนึ่งมักมีอะไรในสิ่งหนึ่ง และสิ่งที่เราไม่เห็นไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีจริงเสมอไปนะค่ะ ตอบครั้ง 2
    (evil2) (b-glass) (555) (ping)
     
  14. เตือนความจำ

    เตือนความจำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +41
    เรื่องผีๆ

    เรื่องผีเป็นเรื่องที่ฉันสนใจเหมือนกัน เห็นหลายคนเล่าให้ฟัง แต่ความสนใจของดิฉันนั้น คงไม่จำเป็นที่จะเจอด้วยตนเอง ชอบอ่านมากเรื่องผีๆ สนุก ระทึกใจดีพอสมควร ตัวฉันเองก็ไม่เคยเจอกับตัวเองเช่นกันมันเป็นอะไรที่ท้าทายสำหรับฉันและเป็นอะไรที่ดิฉันไม่อยากเจอด้วยตัวเอง คุณไซย์ เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อสำหรับฉันและเป็นอะไรที่สุดยอดมาก ฉันเห็นหลายคนเล่าและมีคนบอกมาว่าถ้าหากเรารักษาไม่ได้มันจะเข้าตัวเอง ฉันเชื่อนะว่ามีจริงแต่พระพุทธเจ้าสอนว่าไม่ให้เชื่ออะไรงมงาย และไม่ตกเป็นทาสของมันควรเชื่อในสิ่งที่สมควรเชื่อ(ping)
     
  15. ป๋าตาบ

    ป๋าตาบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +39
    ไดอารี่ ชีวิต ผี วิญญาณ

    หมั่นแผ่เมตตาแผ่บุญให้บริวารเราตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันและเทวดาประจำตัวเราด้วยนะจะเป็นการเจริญเมตตาจิตเพิ่มศิริมงคลแก่ตนและเขาเหล่านั้นจะมาเป็นกำลังช่วยคนดีที่ คิด พูด ทำสิ่งดีๆ ให้พ้นบ่วงมาร อย่างแน่นอน ถ้าตัวเราทรงความดีอยู่ เบื้องต้นศีล 5 ก็ใช้ได้ เพราะเป็นศีลที่ปิด อบายภูมิ(นรก)ได้


    ลองทำดูครับแผ่เมตตาทุกวันชีวิตจะเป็นสุขเอง(555) (555) (evil2) (evil2) (evil2) (evil2)
     
  16. chaichara

    chaichara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +402
    ไดอารี่ ชีวิตผี

    เรื่องที่ ๑(ภรรยาสยอง)
    เรื่องมีอยู่ว่ามีสามีภรรยาคู่หนึ่ง สามีชื่อไสว ภรรยาชื่อ ประภา คู่นี้อายุห่างกันราวยี่สิบปี แต่รักกันมาก สามีขยันทำมาหากิน ส่วนภรรยาก็ขยันทำงานบ้าน จนมาวันที่ภรยาตายเป็นมะเร็ง สามีเสียอกเสียใจ ไม่รู้ว่าไปบอกอะไรกับสัปเหร่อ หลังจากพิธีเสร็จ เมื่อกลับบ้านมา สามีก็จะได้ยินเสียง เลื่อนของในบ้าน สามีก็ไม่ได้ตกใจเพราะรู้ว่าเป็นภรรยาตัวเอง จนเวลาฝ่านไปสามีเริ่มมีผู้หญิงมาติดพัน นับจากนั้นมาในบ้านก็จะมีเสียงของดังในบ้านโคมคราม จนวันหนึ่งสามีก็จะออกไปหาผู้หญิงตามปกติ แต่นึกขึ้นได้ว่าลืมใส่กุญแจ เมื่อหันกลับไปเจอภรรยายื่นอยู่บนบรรไดบ้านแล้วมีสีหน้าที่โกรธ แต่หน้าตาของภรรยาไม่ได้เหมือนเดิมเพราะความตายทั้งกลิ่น และภาพ สามีวิ่งไปที่วัด จนพระต้องทำพิธีปัดรังควาน เรื่องก็กลับมาปกติ(evil2)
     
  17. Heain

    Heain Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +44
    อริน

    หมั่นแผ่เมตตาแผ่บุญให้บริวารเราตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันและเทวดาประจำตัวเราด้วยนะจะ(b-glass) (b-glass)
     
  18. ต้น1234

    ต้น1234 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +34
    ผมคิดว่าเรื่องนี้สนุกมากครับ และมีสาระมากครับ

    ถึงแม้เป็นเรื่องเกี่ยวกับผีครับ(555)


    ผมคิดว่าผีก็เป็นเรื่องที่สนุกมากครับ


    (ping) (555) (b-glass) (evil2) (ping)
     
  19. leoman

    leoman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +910
    โอ้โฮ มาเป็นแก๊งเลยแฮะ

    กระทู้คุณบอยฮิตจริง ๆ ครับ
     
  20. koymoo

    koymoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    2,067
    ค่าพลัง:
    +7,067
    คุณ Specialized มีรูปพระสวยๆดีจังเลยค่ะ ไปหามาจากที่ไหนเอ่ย
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...