-หยุดหากินบนบอร์ดซะที-

ผมก็เล่นพลังจิตมานานเล่นทุกวันเห็นคนเปลี่ยนแปลงมาก็เยอะพอควร แต่สิ่งที่เห็นเพิ่มขึ้นทุกวันก็คือ พวกชอบตั้งกระทู้หากินกับความเชื่อของคน หากทุกคนลองพิจารณาดูให้ดีสุดท้ายมีเสียเงินแน่ๆไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ซึ่งมันก็คือจิตวิทยาสุดท้ายเราก็จะเข้าไปลองอ่านลองชมดู หากคนไหนได้สติก็จะหลุดออกจากหลุมพลางนี้ไป.

ปล.หยุดเถิด"ทำไมต้องหาบาปเข้าตัวเอง"rabbit_run_awayrabbit_run_awayrabbit_run_away


สำหรับผมก็เห็นมาหลายชื่อ เพื่อนๆคนไหนอยากแชร์อยากระบายก็ปล่อยออกมาครับ

แก้ไขล่าสุด:โปรดระวังพวกกระทู้ร้อนตัวออกมาเออ.ออตาม(เห็นมาละ)

 

แรกๆการตั้งกระทู้ต่างๆ ดูมีสาระเนื้อหาน่าสนใจและน่าติดตามดี มีความขลัง แต่ช่วงหลังสังเกตดูพบว่ามีการตั้งกระทู้หลายๆครั้ง ขาดความน่าสนใจและน่าเชื่อถือมากพอสมควรและไม่ค่อยมีคุณภาพ มีทั้งการตั้งหลอกๆหรือพยายามเรียกร้องความสนใจแต่เนื้อหาไม่มีอะไรหรือโหมกระแสแบบไร้สาระเพื่อความมันส์ สนุก ตื่นเต้น ได้แกล้งหลอกคนเพื่อความสะใจอะไรประมาณนี้ ขอร้องเถอะหยุดได้แล้ว

 

พวกต้มตุ๋นเยอะเนอะ แต่ดูแล้วคนในบอร์ดเดี๋ยวนี้ก็กล้าแสดงความคิดเห็นเชิงไม่เห็นด้วยมากขึ้น ไม่เหมือนแต่ก่อน คนฉลาดที่เค๊ารู้ทันส่วนใหญ่จะเงียบ ๆ เพราะกลัวเปลืองตัว มีแต่พวกหน้าม้าคอยอวยกระทู้ให้เข้าใจว่าเป็นคนวิเศษ สิ่งวิเศษจริง บางคนเสียเงินไปเป็นแสนก็มีนะ เพราะหลงเชื่อพวกหน้าม้าที่คอยอวย พวกนี้ทำเป็นขบวนการ

 

คุณแม่ขอร้อง

 

:boo::boo::boo:พวกนี้เหมือนเซลล์มะเร็ง ฆ่าไม่ตายสนิท มันจะแปลงร่างไปเรื่อยๆ ต้องใช้สติปัญญาในการพิจารณาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(k)(k)(k)({)({)({)แม่นบ่ๆๆๆๆ

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับเจ้าของกระทู้คับ แต่ถ้ามองอีกแง่หนึ่ง เราจะเห็นด้านดีที่ว่า..สมาชิกเกือบทุกคนมีวิจารณญาณดีมาก ถึงมากที่สุด
กระทู้บางอันสมควรที่จะ กดไม่เห็นด้วยเกือบร้อยเปอเซนต์ แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนที่กดไม่เห็นด้วย เพราะสมาชิกส่วนมาก สามารถพิจารณาข้อความเหล่านั้นด้วยตัวเอง สามารถใช้สติยับยั้ง ปล่อยวางและยอมรับได้ หรือ มีการโต้แย้งโดยมีเหตุผลประกอบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสภาวะจิตใจ ของสมาชิกส่วนมาก ที่มีใจกว้าง สามารถควบคุมอารมณ์ ที่มากระทบ และยอมรับความเห็นต่างของผู้อื่นได้ อย่างนี้ผมถือว่าเป็นสมาชิกเวบพลังจิต ตัวจริงคับ ...
"อยากให้คนไทยเป็นเหมือนสมาชิกเวบพลังจิต สังคมคงจะสงบสุข ประชาชาชนมีวิจารณญาน เห็นต่างได้แต่ไม่เห็นผิด ไม่มีการแบ่งสีแบ่งฝ่าย เหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้"

 

ดิฉันไม่เห็นด้วยกับท่านด้านบนนะคะ เมื่อก่อนคนก็จะไม่ว่าอะไร ดูออกก็เฉยเสีย วางอุเบกขา แต่หลังๆ นี่มันทุเรศสุดจะทน บางทีเอาภาพคนนุ่งเหลืองห่มเหลืองมาด้วย (จะเป็นพระจริงหรือไม่นั่นอีกเรื่องหนึ่ง) จะเพิกเฉยเสียก็เกรงว่ามันจะมีอะไรมากไปกว่านั้น บางทีก็ต้องกระทุ้งบ้าง จะทำเป็นอุเบกขาบ้าใบ้ไม่ลืมหูลืมตาก็ไม่ไหว บางทีชวนบริจาคสร้างพระทั้งองค์สูง 20 เมตรบนยอดเขา อยู่กลางป่าเลย ป่าสวยเชียว เขียวชอุ่ม พระองค์โตสง่างามมาก บุญก็ส่วนบุญ แต่นึกเฉลียวใจไหมว่าต้องตัดไม้ทำลายป่าไปเท่าไหร่ เอกสารสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่ สร้างใหญ่โตขนาดนั้นใครจะดูแล ต้องแลกกับต้นไม้ไม่รู้กี่พันต้น สร้างเสร็จมีแต่ลานซีเมนต์ ร้อนก็ร้อน วัดเก่าๆ ชำรุดทรุดโทรมมีมากต่อมาก ไปบูรณะปฏิสังขรได้บุญน้อยกว่าเหรอคะ

หลวงพ่อท่านสอนพุทธศาสตร์แท้ๆ แต่พวกที่อดอยากปากแห้งก็เยอะ จ้องหากินกับความเชื่อ สงสารคนที่ไม่รู้แต่มีความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เจอพวกนี้เข้าบางทีแยกไม่ออก เสียเงินทองไปก็มี

นึกถึงสมัยพุทธกาล พระสงฆ์เห็นอะไรผิดปรกติท่านก็เอามาคุยกัน จนความทราบถึงพระพุทธเจ้า ท่านถึงเสด็จมาประทานคำอธิบาย หรือตัดสินให้ เราก็ควรทำอย่างนั้นบ้าง เห็นอะไรที่ผิดไปจากธรรมวินัยก้อย่าเพิกเฉย มิฉะนั้นก็เหมือนปล่อยให้ปลวกทำลายบ้านของเรา

 

กระทู้ดีๆมีสาระอย่างนี้ น่าจะอยู่ในห้องภัยพิบัติและการเตรียมการฯนะคะ
จะได้ช่วยปรามๆพวกหากินกับความกลัวของเพื่อนมนุษย์ได้บ้างค่ะ

 

เรื่องโลกแตกนี่ก็ผ่านมาไม่กี่วันดูสิแตกไหม สิ่งที่แตกมันคือ"เงิน" ลองดูดีๆว่าพอปล่อยข่าวโลกแตก-โลกมืดมีอะไรที่ทำให้เงินของคุณรั่วออกจากกระเป๋าบ้าง พวกนี้มันก็แค่ธุรกิจ หมดโลกแตกแล้วเด๋วเรื่อง"ซอมบี้"คงจะกลับมาบูมอีก เหอะๆ

 

พวกเราต้องใช้วิจารณญาณให้ดี อย่าหมุนไปตามโลก

 

อันนี้โดนดีนะ

 

เห็นเรื่อยๆ คนที่หารายได้จากการเล่นเน็ต ตามบอร์ดต่างๆ สารพัดรูปแบบวิธีการ ช่างสรรหากันมา แต่ไม่สนใจ เพราะทั้ง 2 ฝ่าย คือทั้งคนได้เงินกับคนจ่ายเงิน ส่วนใหญ่เป็นวาระกรรมเก่าที่ผูกกันมา เรียกว่าเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้เก่ากัน

ถ้าเตือนแล้ว เขาไม่สน ก็ถือว่าเป็นผลจากวิบากนั้น ดึงดูดเขาให้มาเจอกัน ต้องชดใช้กันไปตามเรื่องตามราว จะเป็นเงินกี่บาทกี่สตางค์ ก็แล้วแต่เขาจะควักให้กันไป

 

โมทนาสาธุ
เป็นจริตที่สร้างของแต่ละบุคคล ปล่อยตามจริตของตนเองนะดีแล้ว
ขอให้มีเมตตาและเจริญในธรรม
ข้าพเจ้าเกิดมาต้องตาย ชีวิตไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

 

สิ่งที่เอามาพิสูจน์ได้ยากคนจะชอบฟัง

เรียกว่า ฟังเรื่องโกหก นี่มันมันส์ ดูตื่นตา ตื่นใจ



พอฟังเรื่องจริง โอ้ย โอ้ย โอ้ย :'(


ยิ่ง เจอมุกนี้นะ

คุณๆ ท่านๆ ของเก่าเยอะนะรีบเลยนะ
คุณๆ ท่านๆ บารมีมากนะ ยิ่งฝึกจะยิ่งไปไกล


จบด๊อกเตอร์ เจอมุข นี้ ก็อ่อน เมื่อขาดสติ

 

มันก็ไม่แตกต่างกันหรอกครับ อะไรที่มันขึ้นกับความเชื่อ ความหวัง ความกลัว
มันเอามาใช้หากินได้ง่ายดีนี่ครับ
ถ้าคนที่ไม่รู้จะหาอะไรเป็นที่พึ่ง มันก็ดิ้นพล่านวิ่งหากันให้วุ่นแหละครับ
ถ้ามองให้ละเอียดๆไปนิด ก็ลองดูหมวดนี้ซิครับ พระเครื่อง วัตถุมงคล - PaLungJit.com
มันก็คงไม่แตกต่างกันซะเท่าไร แต่ถ้าบางคนจะหาอ้างมองให้ดูแตกต่างก็ได้


ส่วนเรื่องวันสิ้งโลกนี้ไม่รู้ว่าน่าสงสารหรือน่าสมเพชดี บางคนเชื่อข่าวพวกนี้ก็ทำให้อยู่ไม่เป็นสุข บ้างก็ใฝ่ฝันหาโลกใหม่ในอุดมคติ (คิดฝันว่าจะมีบางสิ่ง บางคนมาช่วยเหลือ) เพราะอาจจะไม่สามารถปรับตัวหรือยอมรับความเป็นจริงในสังคมที่บีบคั้นได้ (ก็เลยคิดอยากจะให้โลกเปลี่ยนไปตามที่ตนเองคิด) บางคนก็เร่งสร้างสิ่งที่คิดและเข้าใจว่าเป็นความดี หาสิ่งนั้นสิ่งนี้ที่คิดว่าจะช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัยจากสิ่งต่างๆ แล้วก็คิดไปว่าตนเองเป็นคนดีเหนือคนอื่น ประมาณว่าพวกเดี่ยวคนชั่วๆตายไปซะให้หมดเข้าสู่ยุคใหม่ ท้ายที่สุดก็เลยทำตัวเองให้เป็นคนดีให้ดูดีดูเหนือกว่าคนอื่นและเผื่อที่อยากจะรอดตาย ประเด็นหลักๆก็คือไม่อยากตาย อยากจะอยู่รอด มีชีวิตอยู่ต่อไป

(ปล.ที่เล่ามานี้เมื่อก่อนผมก็เคยโง่คิดตามที่เล่ามานี้ เป็นบางส่วน คิดไปก็น่าสมเพชตัวเองเมื่อก่อน 55555+)


แต่พอเรื่องพวกนี้มันไม่เกิดขึ้น ไม่เป็นจริงตามที่คิดวาดฝันไว้ ก็อาจจะทำให้ผิดหวังขึ้นมา และก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตตามแบบสังคมโลกปัจจุบันตามที่มันควรจะเป็น บางคนวุ่นวายเป็นวิตกกังวลเกินไปจนอาจจะเสียเงินทอง เสียงาน เสียเวลา เสียนั้นเสียนี้ และอาจจะเป็นตัวปิดกั้นสิ่งต่างๆที่กำลังคิดจะทำไว้วางแผนไว้ เพราะข่าวลือพวกนี้ แล้วก็ไปดิ้นพล่านหาคนที่คิดว่าจะเป็นที่พึ่ง สถานที่ที่คิดว่าปลอดภัย รวมถึงสิ่งของต่างๆอีกมากมาย แต่ก็กลับกลายเป็นว่าต้องสูญเสียโอกาสและสิ่งต่างไปมากมาย(แต่บางคนก็อาจจะได้ความรู้ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากขึ้น)
แต่ในทางกลับกันพวกที่เขาไม่ใส่ใจสนใจเรื่องพวกนี้เขาก็ใช้ชีวิตไปตามปกติตามเดิม และอาจจะอยู่อย่างสุขสบายและมีทรัพย์สมบัติมากกว่าเดิม แล้วพวกที่คิดว่าตัวเองเป็นคนดีทำความดีมาก็จะรู้สึกเหมือนโลกนี้ไม่ยุติธรรม เหมือนถูกเอาเปรียบ (มันก็น่าตลกอีก เร่งทำความดี เพราะกลัวตาย ? ทำความดีเพราะคิดว่าจะได้เจอสิ่งดีๆ ? บางคนก็ทำดีเพื่อให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับเป็นที่สนใจของคนอื่น ) แต่พอมันไม่สมหวังตามที่คิดก็โทษนั้นนี่ บางคนก็กลายเป็นว่าไม่เชื่อในความดี ไม่เชื่อในบุญในบาป(ซวยหนักเลยแบบนี้555+) จะว่าไปมันก็ช่วยไม่ได้เพราะดันไปหวังกันเอง ว่าถ้าทำดีแล้วจะเป็นยังงั้น ทำแล้วจะได้อย่างงี้

ทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่คิดว่าเป็นความดีที่ตนเองทำๆไป มันเป็นความดีจริงหรอ ? แต่ก็ขอๆให้ได้ทำไปเพราะคิดหวังว่ามันดีและจะได้เจอแต่สิ่งดีๆ เลยรีบๆเร่งสร้างทำความดี หานั้นสร้างนี่กันเข้าไปให้วุ่นซะไกลตัว(ไม่อยากจะขอยกตัวอย่างเด่วยาว)

บางที บางคนก็แยกกันไม่ออกระหว่าง การไม่ประมาท-วิตก ตื่นตูม
ความดี -ความโง่ ความเชื่อ-งมงาย

 

เยี่ยม.....

 

แนะนำหนังสือดี อ่านแล้วมีสติมีปัญญา

ธรรมะศักดิ์สิทธิ์ โดย ท่าน ว. วชิรเมธี

ถึงเวลาหรือยัง ที่เราจะเปลี่ยนจาก "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" มาเป็น "ไม่เชื่อต้องศึกษา ไม่มีปัญญาต้องเรียนรู้" ตามคำกล่าวของท่าน ว.วชิรเมธี ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ "ธรรมะศักดิ์สิทธิ์"


ที่ได้รวบรวมผลงานเขียนของท่าน จากหนังสือเล่มต่างๆ ในประเด็นเกี่ยวกับ ความเชื่อ การทำบุญ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และกฎแห่งกรรม เพื่อที่จะได้ เปลี่ยนสังคมจากความเชื่องมงาย ให้ตระหนักรู้ มีสติ และมาใช้ปัญญาพิจารณาทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวมากขึ้น

และอีกเล่มคือ นี่หรือเมืองพุทธ โดยคุณณัฐพบธรรม

หนังสือเล่มนี้ ไม่เหมาะสำหรับคนที่คิดว่า ฉันไม่ใช่ชาวพุทธ ฉันไม่ต้องการเป็นชาวพุทธแท้ ไม่เหมาะกับคนที่ไม่สนใจว่า ความจริงแล้ว พระพุทธเจ้าทรงสอนอะไรไว้

ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า และไม่เหมาะสมสำหรับ ผู้ที่อยากเชื่อแบบที่อยากเชื่อ โดยไม่สนว่า ในพระไตรปิฎกสอนอะไร

เพราะความเชื่อหลายๆ อย่างที่คุณมี จะขัดแย้งอย่างสิ้นเชิง กับเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้

หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับ ผู้ที่ไม่อยากทำบุญแบบผิดๆ ที่ได้บุญน้อย หรือคิดทำบุญแต่ได้บาป ผู้ที่ไม่อยากหลงผิด เชื่อสิ่งที่จะนำชีวิตไปสู่ความเสื่อม

ผู้ที่ปรารถนาจะหนีนรก ด้วยการมีพระรัตนตรัยเป็นที่ยึดเหนี่ยวอย่างไม่มีวันสั่นคลอน (มีไตรสรณะ) ผู้ที่ปรารถนาจะไปให้สูงกว่าสวรรค์ชั้นที่ ๑

และผู้ที่ปรารถนาจะบรรลุโสดาบัน ไปจนถึงบรรลุนิพพาน

รับรองว่า เมื่ออ่านจบคุณจะได้รู้ว่า ความเชื่อหลายๆ อย่าง ที่ชาวพุทธส่วนมากเชื่อ บางอย่าง ไม่ใช่พุทธศาสนาที่แท้จริง บางอย่างได้บุญน้อย บางอย่างได้บาป

และคงทำให้หลายคนได้เข้าใจว่า การเป็นชาวพุทธแท้ เพื่อหนทางสู่ความเจริญทางด้านวัตถุและจิตใจเป็นอย่างไร

และเมื่อมองสิ่งที่เป็นอยู่ในประเทศไทย คุณจะต้องอุทานเป็นชื่อหนังสือว่า " นี่หรือ เมืองพุทธ ! "

คำแนะนำก่อนตัดสินใจซื้อ

- หากไม่คิดจะยึดเอาพระไตรปิฎก ฉบับที่ใช้กันอยู่ในประเทศไทย เป็นหลัก อย่าซื้อ

- ในตอนที่อ่าน หากมีความสงสัยในเรื่องใด หรือรู้สึกว่า ความเชื่อบางอย่างที่เราเชื่อ น่าจะถูกต้อง ก็แนะนำให้ตามไปอ่านพระไตรปิฎก ในส่วนที่อ้างอิงเอาไว้ แล้วพิจารณด้วยตนเองว่า ควรจะเชื่อแบบเดิมต่อไปดีหรือไม่

 

ขอถามพี่หน่อยครับ ที่บ้านพี่มีพระพุทธรูปหรือพระเครื่องอะไรบ้างหรือเปล่าครับ

ถ้าที่บ้านพี่มี แล้วพี่ได้มาอย่างไรครับ

ขอบคุณครับ

 

ตอนนี้ไม่มีครับ

แต่เมื่อก่อนเคยมีแล้วก็เคารพยำเกรงด้วยข้ออ้างต่างๆว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึก

ส่วนเมื่อก่อนการได้มาเหมือนคนทั่วๆไปแหละครับ ใช้เงินซิ้อมามั้ง(ด้วยเหตุผลที่คิดว่าขลังมั้งดีมั้ง ไม่ว่าจะด้วยมวลสารมั้ง ด้วยสิ่งที่เขาบอกว่าเป็นพุทธคุณมั้งอานุภาพมั้ง พอได้ครอบครองแล้วจะช่วยเหลือเราในเรื่องต่างๆมั้ง ช่วยคุ้มครองมั้ง บางทีก็อาจทำให้คิดไปว่าตัวเองดีเลิศวิเศษเหนือกว่าคนอื่น เหนือโลกธาตุอะไรประมาณนั้น จะว่าไปคล้ายๆกับว่าเป็นสิ่งที่ให้กำลังใจ)
แต่ก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้างของผมแหละ เพราะถ้าคนจะระลึกถึงอะไรเป็นที่พึ่งก็คงไม่ต้องดิ้นพล่านไปหาไปซื้อจริงมั้ยครับ
แต่ของผมนี้มาบางทีก็เหมือนจะไม่พอ เห็นอันไหนที่เขาว่าดีมีอานุภาพ ก็อยากจะได้มาครอบครอง เพราะถ้าจะบอกว่าเพื่อระลึกเป็นที่พึ่งซื้อมาองค์เดียวก็พอแล้ว

(ขอเรียกแบบตรงไปตรงมาว่า ซื้อ นะครับ ถ้าจะให้พูดดูดีว่า เช่า หรือ บูชา ก็คงจะไม่ตรงเท่าไร)

ส่วนที่ได้ฟรีมาบ้าง ไม่ว่าจะคนทั่วไปให้มาฟรีมั้ง หรือเวลาไปทำบุญร่วมบุญต่างๆ(แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นบุญจริงเปล่า ฮา) พระให้มาเวลาไปทำบุญบริจาคเงินร่วมทำนั้นสร้างนี่ แต่ได้มาก็เอามาเก็บๆกองๆไว้งั้นๆแหละเพราะคิดว่าก็แค่ของฟรี ไม่ขลัง ไม่มีพุทธคุณเยอะเท่าไรหรอก

ก็ประมาณนี้แหละครับคร่าวๆ ถึงเหตุผลของการที่เคยได้มาของพวกพระเครื่อง พระพุทธรูป

 

โลกไม่มืด คนทำนายก็วืดไปแล้ว (ดูเหมือนกระทู้ Invalid ไปแล้วนะ)
โลกไม่แตก ใครหน้าแหกบ้าง ตอนนี้ก็รู้กันหมดแล้ว มีอยู่ในหลายประเทศเลย
คนที่เชื่อ ป่านนี้ก็คงตาสว่างแล้ว ว่าโดนหลอกเพื่อประโยชน์ในทางธุรกิจ ขายที่หลบภัยมั่งล่ะ ขายชุดอุปกรณ์เอาตัวรอดมั่งล่ะ โปรโมทท้องถิ่นมั่งล่ะ หลอกให้เช่าบูขา/สร้างวัตถุมงคลมั่งล่ะ (อันหลังสุดนี่เมืองไทยโดยเฉพาะเลยมั้ง) ฯลฯ
เอาเหอะ ..ที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วไป มองในแง่ดีว่าอย่างน้อยกระแสโลกแตกนี้ก็มีประโยชน์อยู่บ้างนะ 1) คนที่เชื่อแล้วมุ่งในทางธรรม หวังพระช่วยก็รีบไปทำบุญ+ปฏิบัติธรรม อย่างน้อยก็ยังมีช่วงหนึ่งสั้นๆ ที่เข้าหาธรรมะ ทำบุญทำทาน 2) คนที่เชื่อแบบงมงาย 100% จะได้ฉลาดขึ้น และ (อาจจะ) ไม่เป็นเหยื่อพวกล่อลวงอีก คงไม่ทั้งหมดหรอก แต่น่าจะมีคนโง่ให้หลอกซ้ำน้อยลง 3) คนที่สร้างกระแส ไม่ว่าจะเป็นตัวอ้างโน่นอ้างนี่ ต่อไปจะให้ใครเชื่อถือก็คงยาก และก็น่าจะเพ้อเจ้อน้อยลง ..หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ