อาการประหลาดจากจากนั่งสมาธิในคลิปนี้คืออะไร

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Thanks-Epi, 22 ธันวาคม 2012.

  1. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=yMvbgckInow] ปฏิบัติธรรม พิจิตร สะพานยาว - YouTube[/ame]

    จากกระทู้พันธิปPANTIP.COM : Y11748212 เมื่อน้องชายผมโดนหลอกให้ไปปฏิบัติธรรมกับสำนักนอกรีตที่เคยโดนสั่งปิด []


    เราเอง ก็เคยไป นานประมาณ 20 กว่าปีแล้ว (ประมาณว่า เปิดกรรมมั้งนะค่ะ เพราะตอนนั้นป่วยหนัก) เราเองยังเคยมีอาการ พูดเร็ว รัว คุมปากตัวเองให้หยุดไม่ได้ (ให้ท่อง นะๆๆ เร็วๆ ) มีการเรียกเก็บเงินจาก ญ ทำแท้งแพงมากๆ

    ทุกวันนี้เรายังสงสัยว่า อาการเหล่านี้คืออะไร บางคนก็บิน กรีดร้อง เหมือนในคลิปนี้

    พอเขาบอกให้หยุด ท่อง นะๆๆ ปากเราก็หยุด รัว (แล้วเราก็ไม่ไปอีกเลย เพราะรู้สึกกลัว และคิดว่าไม่ใช่พุทธ)
     
  2. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    เคยไปทำเหมือนกัน แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    น่าจะมาจากจิตตกโดนนิมิตหรือสิ่งเร้นลับเข้าแทรก

    และสิ่งที่อยู่ใต้จิตสำนึกจะออกมา

    ไม่ได้เปิดกรรมใดๆๆทั้งสิ้น
     
  3. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    หากเคยทำมา ลองสังเกต พฤติจิตก่อนจะเกิด การรัว และ เร่ง

    คือ เวลาเราภาวนาเร็วๆ ก็ดี หายใจเข้าออกด้วยความจงใจให้เร็วก็ดี เมื่อ
    ทำไปสักพัก กายเนื้อมันจะแสดงอาการทางสังขารบางอย่าง ที่ คุณรู้สึก
    ว่าแปลก ไม่เคยพบมาก่อน หรือ อาจจะเคยพบ แต่ทว่า มีความ"ทึ่ง"
    ในการเกิดผลแบบนั้น แต่ที่ทึ่งคือ "มันสาวไปหาเหตุไม่เจอ"

    ประเด็นจึงอยู่ตรงที่ สภาพธรรมที่เรียกว่า " โน้มไปเห็นเหตุไม่เจอ "

    กล่าวซ้ำอีกครั้งว่า เกิดสภาวะจิต " หาเหตุหาผลไม่ได้ " ปรากฏอยู่

    เสร็จแล้ว สำคัญว่า นั่นคือ สภาวะแปลก ที่ไม่เคยได้ยิน ได้ฟังมาก่อน

    หลังจากนนั้น จะถูกกระตุ้นให้ ย้ำการปฏิบัติ แบบนั้นลงไปให้มากๆ
    ( สังเกตุว่า จะมีการ กระตุ้นเตือนให้ทำต่อ ทำให้มากๆ ซึ่ง บังเอิญ
    ว่าตรงนี้เราเคยได้ยินนักภาวนา ที่เก่งๆ ที่พ้น เขาก็พูดทำนองนี้ )

    ตรงจังหวะจิตนี้แหละ จะทำให้ เราคว้าเอา " สภาวะจิตขาดเหตุขาดผล "
    " ไม่มีการสืบสาวเหตุ " มาใช้เป็น อารมณ์การภาวนาเข้า

    หลังจากนั้น สังขาร หรือ ความคิดต่างๆ ที่มีในจิต มันทำหน้าที่ของมัน
    ตามปรกติ แต่ในขณะที่เรา เอาสภาวะจิตไร้เหตุไร้ผล มากุมจิต ทับจิต
    ทำให้ จิตนั้นคว้าเอาสังขารความคิดใดๆ ที่ผุดขึ้น มาขึ้นวิถีจิตทันที

    ทีนี้ตัวเหตุ หรือ อธิปัจจัยตา ยังคงเป็น ภาวะ ไร้เหตุไร้ผล ไร้การสืบเหตุ
    มันกุมจิตอยู่ พอไปเกาะสังขารต่างๆแล้ว มันก็จะยิ่งวนเกิดซ้ำ คือ ไม่สมารถ
    ปล่อยได้ เหมือน คนจับสายไฟฟ้าแล้วถูกไฟดูด มันจะหมดสภาพในการ
    ปล่อย เพราะ เหตุของการจับคือมือที่เกร็งเส้นเอ็น พอไฟฟ้าดูด อาการเกร็ง
    มือก็ยิ่งเกิด ก็เลย ยิ่งจับสายไฟฟ้าแน่นขึ้น ไม่สามารถปล่อยได้ จนกว่าสังขาร
    ของคนจับ จะหมดสภาพ หมดวาสนาในการ ครอง

    บางคน ถูกดูดแล้วรอด เพราะ ตอนหมดสภาพล้มลงมา ทำให้กายกับสายไฟฟ้า
    หลุดจากกัน ก็รอดไป เหมือน คนที่ภาวนาแบบนี้หากสลบเหมือดก็รอดไป

    .................................

    ที่นี้ หลังจากฝึกเสร็จ มันจะรู้สึกว่า ชีวิตไร้เหตุไร้ผล ไม่รู้ที่มาไม่เห็นที่ไป ค้าง
    อยู่ในจิต มันจะคาใจไปตลอดชั่วชีวิต ตรงนี้ เลยเอามาเป็นตัวเล่น ตัวหรอก
    นักภาวนา ประมาณว่า ชีวิตได้ก้าวพ้นอาสวะได้

    แต่ถ้าใคร ยังค้างในอารมณ์ คือ ยังกลับไปจับสายไฟฟ้า หรือ สังขารอารมณ์
    ที่จับร่วมขณะภาวนาตัวเดิมอยู่ อันนี้ เราจะเห็นว่า เขาจะพาไป เผชิญกับ
    ความตาย เรียกว่า เอามรณะสติมาตัดสังขาร หากทำถูก ก็จะกลับมาที่สภาวะ
    ธรรม ไร้เหตุไร้ผล แล้ว หลอกตัวเองได้ว่า " ก้าวข้ามพ้นอาสวะ " เข้าใจว่า
    เป็น นิพพาน

    วิธีแก้ ไม่มี

    มีแต่ วิธีเข้าใจเหตุเข้าใจผล ไปตรงๆ ตามนี้ เนืองๆ ตามเห็น สภาวะนั้นมันกุมจิต
    เราเนืองๆ จนกว่าจะเลิกยินดี ยินร้าย แล้วข้ามพ้นออกมาได้ ก็จะเป็นกลางต่อ
    สังขารได้ไม่มากก็น้อย
     
  4. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ทีนี้ หากพอจะเข้าใจ อย่าไปโทษใคร อย่าไปโทษสำนัก เพราะ หากเข้าใจ
    สภาวะนี้จริงๆ จะเห็นว่า หากเราไม่ได้ไปเรียนที่นั่น สภาวะนี้ มันเกิดกับเรา
    อยู่ก่อนแล้ว จึงไม่ควรโทษใครที่เพียงแต่ หยิบสิ่งที่ คุณมีอยู่แล้ว เอามาทำที
    ว่าสอนให้ได้รู้จัก

    สภาพธรรมนี้ ก็เหมือน เรานั่งจมภวงค์อยู่ ครุ่นคิดถึง สาวเจ้าอยู่ แล้ว มุมปาก
    เราก็ยิ้ม บางทีก็หัวเราะ ส่วนมากร้องไห้ กลบด้วยเสียงเพลง หรือ หนัง จะได้
    ไขว้หรอกเวลาคนอื่นเขาทัก เอ็งหัวเราะอะไร ร้องไห้ทำไม จะได้ ตอบไปว่า ก็
    หนังเขาเล่นดี เพลงเขาไพเราะ นิยายเขียนกินใจ

    หนักกว่านั้น ก็จะไม่เลือกกาล สถานที่ อยู่ดี ก็ ตะโกน กูไม่ผิด ทำไมทำกับกู
    แบบนี้ หัวเราะเสียงดัง ทำตาขวางๆหน่อย เพราะว่า ไม่ได้มีอุปกรณช่วยไขว้
    บอกปัด เลยต้องทำตาขวาง กันคนมาถาม ว่างั้น

    ดีกว่านั้น ก็คือ ใจไหลไปคิดรู้ทัน กายหัวเราะไปแล้วรู้ทัน น้ำตาไหลแล้วรู้ทัน
    จะอ้างว่า หนังมันดี เพลงมันไพเราะ นิยายมันกินใจ ก็รู้ทัน รู้ไปซื่อ ตามที่เขา
    เป็น ด้วยจิตตั้งมั่นเป็นกลาง เห็นความเปลี่ยนแปลง เนืองๆ กำจัดยินดี ยินร้าย
    เสียได้ ก็จะเป็นกลางต่อสังขารได้ไม่มากก็น้อย

    แถม ไม่โทษใครอีกเลย แม้แต่ ตัวเองด้วย
     
  5. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    ตอนนั้นที่รู้สึก
    -เร่งให้เราพูด นะๆๆ เร็ว ยิ่งดี ดังยิ่งดี (ในนั้นเสียงจะดังมาก ด้วยคำว่า นะ)
    -ไม่มีการดูลมหายใจ (ตอนนั้นยังไม่เข้าใจเรื่องการนั่งสมาธิเลย)
    -มี แม่ ที่บอกว่า ไม่เกิดอะไรเลยซักนิด นอกนั้นคนใกล้ชิด บินบ้าง ฯลฯ คือ ไม่ได้โกหกนะค่ะ
    -ใครยิ่งออกอาการ ยิ่งดี กรรมเปิด (ประมาณนั้นนะค่ะ) รู้ว่า เราไปทำอะไรมา เช่นถ้าบิน ก็ มาจากชาติก่อน เป็นนก มั่ง (แบบว่า ฟังแล้วมันมั่วๆ)

    ส่วนจะเป็นผี สัมพเวสีหรือเปล่า เราไม่รู้นะค่ะ เมื่อก่อนไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้เลย
     
  6. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ไม่ใช่ผี หรือ สัมพเวสี อะไรที่ไหน ก็ตัวคนปฏิบัตินั่นแหละ เรียกว่า สัมพเวสีอยู่แล้ว

    ก็อย่างที่บอก จิตจะไปหยิบสังขารใดๆ ในวิถีจิต และ มักจะเลือกเอาส่วนที่ไม่รู้ที่มาที่ไป

    อาการ หยิบอาสังขารไม่รู้ที่มาที่ไป ตรงนี้เรียก สังขารเหล่านี้ว่า สัมพเวสี

    สังขารที่เราไม่รู้ที่มาที่ไป มันก็คือ สังขารก่อนเก่า นานนม ของ ตัวเจ้าของ จึงไม่แปลก
    ที่จะไปหลิยเอาสังขารเมื่อแปดแสนโกฏิชาติที่ล่วงมาแล้วเป็นต้น โดยหลักการจะ40
    อสงไขย ( หรือไงนี่แหละ พ้นจาก 40 อสงไขย จะจัด สังขารเหล่านั้น เป็น สังขาร
    ที่ไม่อาจสืบที่มาที่ไปได้ )

    การที่ จิตของคนปฏิบัติไปหยิบเอา สังขารก่อนเก่านานนม สืบหาที่มาที่ไปไม่ได้
    ตรงนี้เลยโดนหลอกด้วยคำว่า " เปิดโลก "

    แต่โดยมาก สังขารที่เกิดขึ้นระหว่างจิตไร้สภาวะรู้เหตุรู้ผล ก็คือ "กกัตตากรรม "
    หรือที่เรียกกันว่า เศษกรรม กรรมที่ให้ผลยามที่เราไม่ได้เอาจิตไปทำประโยชน์
    อย่างอื่น กรรมนี้ก็จะปรากฏในจิต แล้วให้ผล

    เช่น คนบางคนกำลังทำสมาธิจิตก็รวมดี แต่ ไม่รู้จักบริหาร เอาไปพิจารณาอะไร
    ที่เป็นประโยชน์ จิตคนนั้นก็อาจจะแล่นไป ด่าพระบ้าง ด่าพระพุทธเจ้าบ้าง ด่า
    คนมีคุณบ้าง ตรงนี้ เขาก็เรียกว่า เป็นกรรมที่เราไม่ได้เจตนาจะทำ มันขึ้นวิถี
    จิต ให้ผลขึ้นมา เพราะเราไม่ได้ บริหารจิต ..... เขาเลยมักสอนแก้ผ้าเอาหน้า
    รอดไปง่ายๆว่า ก็ ขอขมาเสียสิ ซึ่งก็จะยิ่งไปกันใหญ่ เพราะ มันไม่ได้แก้ที่
    เหตุ แค่ โดนหลอกให้ทำอีกอย่าง เหมือน เอางูมาพันคอจนตาแตกนั่นแหละ
     
  7. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    อาจจะเป็นอาการของ ปิติ

    ผมเองก็ยังไม่แน่ใจ 100 %

    น่าไปลองดูสักทีเหมือนกัน
     
  8. เล็กชิ้นสด

    เล็กชิ้นสด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +178
    มันเป็น การสะกดจิต

    ดูผิวเผิน อาจเป็นการนั่งสมาธิ บริกรรม คำ ถี่ ๆ ซ้ำ ๆ

    แต่ มันไม่ใช่

    ลองหาข้อมูลแล้วพิจารณาดูครับ
     
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
  10. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,421
    ค่าพลัง:
    +4,649
    สอนกรรมฐานผิดครับ ไปกระตุ้นจิตเร็วไปโดยไม่เริ่มนับจิตของตัวเอง ส่งจิตออกเลยขณะที่กาย-วิญญาณยังไม่เข้าที่ อย่างนี้จะทำให้สติแตกได้ สมัยก่อนตอนอยู่กับหลวงปู่เทสก์ก็เคยเห็นพระเป็นอย่างนี้ คือบริกรรมเร็วๆ ทำให้จิตไม่ได้พิจารณา หลวงปู่ห้ามก็ไม่ฟังเพราะอุปทานบอกว่าเค้าเป็นเทพ เทวดาลงมาเกิด เป็นพระโพธิสัตว์ ไม่ฟังแม้แต่พระอรหันต์ สุดท้ายเป็นบ้าต้องสึก เพราะไม่สามารถแยกกายกับจิตได้ มีแต่อุปทานเท่านั้น

    กรรมฐานต้องค่อยๆพิจารณากาย กับจิตถึงถูก แบบนี้เรียกว่าหลงทางหรือการเข้าข่ายยัดร่างทรงองค์ผีเข้าครับ ขณะที่กายกับจิตเด็กยังรับไม่ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2012
  11. ใต้ต้นสาระ

    ใต้ต้นสาระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +6
    เป็นอาการของจิตที่ไม่มีสติกำกับ ไม่เกี่ยวกับผีเข้า ไม่เกี่ยวกับจิตตก การทำสมาธิต้องมีสติกำกับด้วย ยืน เดิน นั่ง นอน มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ แล้วจะเป็นมหาสติ แล้วจะรู้เท่าทันจิต แต่ที่ดูไม่เหมือนกับทำสมาธิเลย ดูแล้วอันตรายอาจทำให้จิตวิปลาสได้
     
  12. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    โรงเรียนไม่ควรพานักเรียนไปฝึกแบบนี้ สถาบันไหนที่มีแผนจะพาเด็กไป ควรพิจารณาให้หนักในฐานะนักการศึกษา

    แนะนำหนังสือดี อ่านแล้วมีสติมีปัญญา

    ธรรมะศักดิ์สิทธิ์ โดย ท่าน ว. วชิรเมธี

    ถึงเวลาหรือยัง ที่เราจะเปลี่ยนจาก "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" มาเป็น "ไม่เชื่อต้องศึกษา ไม่มีปัญญาต้องเรียนรู้" ตามคำกล่าวของท่าน ว.วชิรเมธี ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ "ธรรมะศักดิ์สิทธิ์"

    ที่ได้รวบรวมผลงานเขียนของท่าน จากหนังสือเล่มต่างๆ ในประเด็นเกี่ยวกับ ความเชื่อ การทำบุญ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และกฎแห่งกรรม เพื่อที่จะได้เปลี่ยนสังคมจากความเชื่องมงาย ให้ตระหนักรู้ มีสติ และมาใช้ปัญญาพิจารณาทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวมากขึ้น

    และเล่มนี้ นี่หรือเมืองพุทธ โดยคุณณัฐพบธรรม


    หนังสือเล่มนี้ ไม่เหมาะสำหรับคนที่คิดว่า ฉันไม่ใช่ชาวพุทธ ฉันไม่ต้องการเป็นชาวพุทธแท้ ไม่เหมาะกับคนที่ไม่สนใจว่า ความจริงแล้วพระพุทธเจ้าทรงสอนอะไรไว้

    ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า และไม่เหมาะสมสำหรับ ผู้ที่อยากเชื่อแบบที่อยากเชื่อ โดยไม่สนว่า ในพระไตรปิฎกสอนอะไร

    เพราะความเชื่อหลายๆ อย่างที่คุณมี จะขัดแย้งอย่างสิ้นเชิง กับเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้

    หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับ ผู้ที่ไม่อยากทำบุญแบบผิดๆ ที่ได้บุญน้อย หรือคิดทำบุญแต่ได้บาป ผู้ที่ไม่อยากหลงผิด เชื่อสิ่งที่จะนำชีวิตไปสู่ความเสื่อม

    ผู้ที่ปรารถนาจะหนีนรก ด้วยการมีพระรัตนตรัยเป็นที่ยึดเหนี่ยวอย่างไม่มีวันสั่นคลอน (มีไตรสรณะ) ผู้ที่ปรารถนาจะไปให้สูงกว่าสวรรค์ชั้นที่ ๑

    และผู้ที่ปรารถนาจะบรรลุโสดาบัน ไปจนถึงบรรลุนิพพาน

    รับรองว่า เมื่ออ่านจบคุณจะได้รู้ว่า ความเชื่อหลายๆ อย่าง ที่ชาวพุทธส่วนมากเชื่อ

    บางอย่างไม่ใช่พุทธศาสนาที่แท้จริง บางอย่างได้บุญน้อย บางอย่างได้บาป

    และคงทำให้หลายคนได้เข้าใจว่า การเป็นชาวพุทธแท้ เพื่อหนทางสู่ความเจริญทางด้านวัตถุและจิตใจเป็นอย่างไร

    และเมื่อมองสิ่งที่เป็นอยู่ในประเทศไทย คุณจะต้องอุทานเป็นชื่อหนังสือว่า " นี่หรือ เมือพุทธ ! "

    คำแนะนำก่อนตัดสินใจซื้อ

    - หากไม่คิดจะยึดเอาพระไตรปิฎกฉบับที่ใช้กันอยู่ในประเทศไทย เป็นหลัก อย่าซื้อ

    - ในตอนที่อ่าน หากมีความสงสัยในเรื่องใด หรือรู้สึกว่าความเชื่อบางอย่างที่เราเชื่อน่าจะถูกต้อง ก็แนะนำให้ตามไปอ่านพระไตรปิฎก ในส่วนที่อ้างอิงเอาไว้ แล้วพิจารณด้วยตนเองว่า ควรจะเชื่อแบบเดิมต่อไปดีหรือไม่
     
  13. |ฅนจร|

    |ฅนจร| เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +229
    เค้าเรียกว่า การออกกรรมนะครับ ผมทำมาร้อยกว่าครั้งที่วั่ดทางใต้ นะครับ พระอาจารย์จะใช้พลังจิตคุม หากคนที่คอยคุมกำลังจิตไม่เข็มเเข็ง อย่างอื่นก็จะอาศัยร่างกายได้นะครับ พึงระวังเอาไว้ การออกกรรมไม่ใช้แก้กรรมนะครับ แต่เป็นการแสดงให้รู้ว่ากรรมที่เราเคยกระทำมานั้นเป็นอย่างไร ไม่สามารถแก้กรรมได้ครับ เมื่อเรารู้ว่าเราทำกรรมกับสิ่งใดมากรรมเหล่านั้นก็จะแสดงมาให้เห็น ทีนี้ก็ขออโหสิกรรมขอขมาเสียครับ หมั่นสร้างบุญกุศลแล้วหมัเนอุทิศให้แก่เจ้ากรรมนายเวรก็จะดีขึ้นนะครับ .....หมายเหตุสำหรับผมนั้น ออกกกรรมมามากด้วย อาการที่แสดงก็ตัวชาตัวเก่งไม่มีส่งเสียงร้องหรือออกอาการทางร่างกายนะครับ เรื่องแบบนี้เป็นปัจจัตตังครับ ต้องร่วมพิธีถึงรู้ อย่าได้คาดเดาไปต่างๆนาๆครับ ...สาธุครับ
     
  14. ใต้ต้นสาระ

    ใต้ต้นสาระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +6
    พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนเรื่องการออกกรรม ท่านสอนตรงให้มีปัญญาดับทุกข์ได้
     
  15. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    จริงๆแล้ว ถ้าหาที่ลองได้ มาโพสต์บอกก็ดีเหมือนกันนะคะ
    เราเอง จำสถานที่ ที่ไปไม่ได้แล้วอยู่ใน กทม นี่เอง

    ยังคิดอยู่ว่า หากตอนนี้ไปอีก (คือตอนนี้ไม่กลัวแล้วนะค่ะ) ว่าจะออกอาการอะไร เพราะมันไม่ใช่ปิติ หรืออะไร จะว่า ปัจจัตตังก็ไม่ใช่ คำที่ใช้ก็ไม่ใช่การบริกรรมเพื่อให้นิ่ง ให้ท่องเร็วรัวอย่างเดียว ไม่มีสติกำกับ
    บรรยากาศน่ากลัว กว่าน่าไป

    เหตุการณ์อย่างนี้ ทำให้คนกลัวการนั่งสมาธิ (รวมทั้งเราด้วย ที่รู้สึกกลัวการนั่งสมาธิ ตั้งแต่ไปคราวนั้น) มานั่งเอาตอนนี้เพราะจับพลัดจับพลู บังเอิญเสียมากกว่า
     
  16. SBJ05

    SBJ05 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +106
    ธรรมบันดาลของ อ.วัลลภ ที่อยู่แฮปปี้แลนด์หรือเปล่า นานแล้วจำได้แค่นี้
     
  17. mod1

    mod1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +668
    อาการแบบนี้ เกิดจากอุปทานหมู่ มากกว่าครับ เกิดจากการท่องภาวนาเร็วๆจนจิตรวมเป็นหนึ่ง แล้วคล้ายๆการสกดจิตตัวเอง พอหนึ่งคนเป็นอีกคนก็เป็นตาม อาการแบบนี้ มีให้เห็นตามสำนักที่สอนให้บริกรรมแบบเร็วๆ ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะสอนให้เด็กๆทำ เพราะอันตรายกับจิตและกายเนื้อซึ่งง่ายต่อการถูกวิญญาณที่ไม่ดีเข้าแทรก ผมเคยฝึกมาเหมือนกันครับ แต่เลิกไปเพราะไม่ค่อยชอบ
     
  18. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +638
    ก็มีเหมือนกันที่เป็นหน้าม้า ทำเป็นมีอาการ เพื่อให้เกิด อุปทานหมู่ เปิดกงเปิดกรรมอะไรผมไม่เชื่อหรอก ใครทำกรรมใดไว้ กรรมก็เป็นของผู้นั้น จะมาแก้ มาเปิดดู ไม่ได้ ความเชื่อผมนะ กรรมบางกรรมอาจมีผลกระทบเป็นลูกโซ่ในสังคม กรรมแบบนี้หนักมาก เช่น ปาหินใส่รถ คนได้ข่าวก็เกิดอาการอยากทำบ้าง เลียนแบบบ้าง เป็นต้น
     
  19. gushmans

    gushmans เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +151
    เคยไปทำคล้ายๆแบบนี้ ๒ ครั้งได้ แต่หลังๆมา รู้สึก(กับตัวเอง) ว่าทำไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร จึงไม่ไป ทำแบบนั้นอีก
     
  20. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    คู่มือดูพระแท้

    หนังสือที่พระปลอม ไม่อยากให้เราได้อ่าน

    หนังสือเล่มนี้จะบอกให้ทราบว่า พระปลอมที่ชาวพุทธควรออกห่าง เพื่อให้ไกลจากการตกนรก ความเสื่อม และเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาทางอ้อม เป็นแบบไหน

    เพื่อให้เราและคนในครอบครัว มั่นใจว่า ความเคารพศรัทธาที่เรามีให้พระบางรูป ไม่ได้กำลังทำลายพุทธศาสนา หรือทำลายตัวเราเอง

    หนังสือเล่มนี้บอกให้รู้ว่า เมื่ออ้างอิง "พระไตรปิฎก" พระแบบไหน คือพระแท้ แบบที่พระพุทธเจ้าบัญญัติ

    ทำบุญด้วยเงิน ส่งเสริมหรือทำลายศาสนา

    พระบรรยายธรรมะ เขียนหนังสือรับเงินได้ไหม พระมีคอมพิวเตอร์ มือถือ เป็นของตนเองได้หรือไม่ ไปซื้อของตามห้างได้หรือไม่

    พระแท้เกี่ยวข้องกับพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง ดูฤกษ์มงคล จัดงานวัด ลอดโบสถ์ สะเดาะเคราะห์ ได้หรือไม่

    บวชแล้วทำตัวอย่างไรถึงจะไม่บาป ไม่ตกนรก

    ฆราวาส ติเตียนพระทุศีลได้หรือไม่

    การดำรงอยู่ของพระพุทธศาสนา อยู่ในมือของชาวพุทธทุกคน
     

แชร์หน้านี้

Loading...