ความฝันเมื่อคืนนี้ เกี่ยวกับ ชั้น หลุมดำ ความถี่ Energy

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย mamboo, 21 ธันวาคม 2012.

  1. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าจะเล่าเกี่ยวกับความฝัน ไม่รู้จะไปเล่าที่ไหน (เคยเล่าแบบที่ฝันเห็นผีไว้ที่นี่)

    ไม่อยากเล่าที่ห้อง " ทำนายฝัน" --' เพราะไม่ได้จะให้ใครทำนายฝันให้ แค่อยากเล่าเฉยๆ อิอิ ^0^

    ---

    วันนี้ วันที่ 21 ธันวาคม 2555

    ความฝันเกิดขึ้นเมื่อตอนเที่ยงๆนี่แหละ (เพราะนอนกลางวัน ^^) เพิ่งมาตื่นบ่ายโมงกว่าๆ

    ในความฝัน มันมีคนบรรยายให้ฟัง (สงสัยเราดูพวกวิดีโอเกี่ยวกับหลุมดำเยอะ เลยเก็บไปฝันน่ะ --')

    เขาบอกว่า

    กาแล็กซี่ของเรา มีหลุมดำขนาดใหญ่อยู่ใจกลางกาแล็กซี่ หลุมดำนี้ถ้าเรามองด้วยตาเปล่า อาจคิดว่ามันเป็นทรงกลม แต่จริงๆแล้วมันเป็น "แท่ง"

    แล้วกาแล็กซี่ของเรา จะค่อยๆหมุนรอบแท่งนี้ และค่อยๆเลื่อนขึ้นไปด้านบนแบบช้าๆ ทีละนิด ทีละนิด

    เสร็จแล้ว เขาก็รีภาพเร็วๆให้เราดูว่า ถ้ากาแล็กซี่ของเราเลื่อนตามแท่งดำๆนี้ไปจนสุด มันจะทะลุไปอีกชั้นหนึ่ง

    พอเราทะลุไปอยู่อีกชั้นหนึ่ง เราก็งง O.O เราถามเขาว่า.. "ทำไม มัน.. เหมือนเดิมเลย ???"

    เขาก็เลยอธิบายว่า "ใช่ มันเหมือนกัน"

    เขาบอกว่า มันต่างกันที่ "ช่วง" ต่างกันที่ "ขอบเขต และความกว้าง"

    ลองคิดถึงเส้นจำนวน (-∞ ,...-4, -3, -2, -1, 0, 1, 2, 3,4 ..., +∞)

    เขาบอกว่า แต่ละชั้น ก็จะอยู่ในช่วงความถี่ที่ต่างกัน

    เช่น ชั้นที่เราอยู่ปัจจุบัน เราอาจบอกว่า หูของมนุษย์มีความสามารถในการได้ยินเสียงที่คลื่นความถี่ 0-20,000 Hz

    แต่ชั้นข้างบน (ที่เป็นคนละ Universe กับเรา) เขาอาจจะได้ยินคลื่นความถี่ที่ช่วง 100,000 - 120,000 Hz แต่พวกเขาจะไม่ได้บอกว่า เขาได้ยินที่ช่วง 100,000 - 120,000 Hz แต่เขาจะเรียก 100,000 Hz นั้นว่าเป็น 0 Hzของเขา และเรียก 120,000 Hz ว่าเป็น 20,000 Hz

    แล้วคนที่บรรยาย(มีแต่เสียงนะคะ ไม่มีตัวตน) เขาก็บอกว่า.. "ช่วงความถี่ที่ต่างกัน ทำให้แต่ละชั้น มองไม่เห็นกัน"

    คือเราอยู่ชั้นนี้ เราก็จะเห็นแค่กาแล็กซี่และดวงดาวของชั้นนี้

    คนที่อยู่ชั้นอื่น ก็จะเห็นเฉพาะของชั้นตัวเอง เพราะอยู่กันคนละคลื่นความถี่

    เขายกตัวอย่างคลื่นความถี่เสียงให้ฟัง แต่จริงๆเขาหมายถึงช่วงความกว้างของทุกๆสิ่ง ทั้งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คลื่นเสียง คลื่นแสง ฯลฯ

    ---

    ต่อมา เขาก็ถามเราว่า.. "เธอสงสัยไหม ว่า Black Hole คืออะไร?"

    เราก็บอกเขาว่า "สงสัยค่ะ"

    แล้วเขาก็พาเราไปดู (เขามีแต่เสียงนะ >< แต่เรานี่เหมือนเป็นวิญญาณน่ะ ร่างเราเหมือนเป็นกายทิพย์ เพราะมันเคลื่อนไหวเร็วๆ พอบอกว่าสงสัย อยู่ดีๆเราก็ไปโผล่อยู่ใกล้ๆ black hole เลย)

    แต่ black hole อันนี้ ไม่เหมือนอันที่อยู่ใจกลางกาแล็กซี่ แต่มันอันเล็กกว่า

    เขาก็บอกให้เรา ลอยเข้าไปในนั้นสิ่

    พอเราลอยผ่าน black hole เข้าไป แป๊บเดียว มันไปทะลุอีกที่หนึ่งเลย ><

    แล้วเขาก็บรรยายให้ฟังต่อว่า..

    จักรวาลที่เราอยู่ มันเปรียบเสมือนแผ่น เหมือนผืนผ้าใบน่ะ แล้วคนที่อยู่ในนั้น ก็มองไม่เห็นมิติอื่นๆ ไม่เห็นชั้นอื่นๆ จะเห็นก็แต่สสารที่อยู่ชั้นเดียวกัน

    แล้ว black hole ก็เปรียบเสมือนรอยรั่วของแผ่นผ้าใบผืนนั้นๆ มันจะพาเธอไปสู่ชั้นที่อยู่สูงขึ้นไป คนละระดับพลังงานกัน

    แล้วพอร่างของเราลอยทะลุ black hole ไปแล้ว ที่นั่นก็คล้ายๆจักรวาลของเรา แต่ไม่เหมือนเด๊ะ เพราะสีของดาวมันแปลกๆ (เขาบอกพามาได้แค่นี้ เพราะถ้าไปชั้นที่อยู่สูงกว่านี้ เรายังไปไม่ได้)

    จักรวาลของเรา ส่วนใหญ่จะเป็นความมืด แล้วพวกกาแล็กซี่กับดาวดวง จะเป็นสีแดง สีน้ำเงิน สีส้ม

    แต่ชั้นที่เราเพิ่งทะลุผ่าน black hole เข้ามา มันเป็นจักรวาลที่ ไม่ค่อยมีความมืด ส่วนใหญ่จะเป็นดาวที่มีแสงสว่าง แล้วก็เป็นสีทอง(ไม่ใช่สีส้มนะ สีทองๆเลย) แล้วก็มีสีเงินๆขาวๆด้วย แล้วก็จะมีแสงสว่างเยอะมาก ไม่ค่อยมีช่วงที่เป็นอวกาศมืดๆ

    ตอนนั้น เขาก็พาเราไปลอยอยู่บริเวณที่เป็นอวกาศมืดๆ แล้วให้เรามองสำรวจไปรอบๆ

    เขาบอกเราว่า ชั้นนี้ เป็นชั้นที่อยู่สูงกว่าชั้นที่เราอยู่ แล้วเขาก็ถามเราว่า สงสัยไหม ว่าดาวฤกษ์ที่มีแสง คืออะไร?

    เราก็บอก สงสัยค่ะ

    เขาก็บอก งั้นก็ไปดูสิ่

    แล้วเราก็ลอยผ่านดาวฤกษ์ เร็วมากกกกกก!! เราลอยผ่านดาวหลายๆดวง ข้ามไปอีกกาแล็กซี่หนึ่ง แล้วก็ลอยผ่านอีกหลายๆดวง

    จนไปหยุดอยู่ใกล้ๆดาวฤกษ์สีทองๆดวงหนึ่ง

    แล้วก็มีเสียงบรรยายต่อว่า..

    ดาวฤกษ์พวกนี้คือ Energy

    แล้วเขาก็บอกว่า Energy ก็คือการสั่นของพลังงาน จนก่อให้เกิดเป็นอนุภาคต่างๆ (ทฤษฎีสตริง)

    สิ่งที่เธอเห็นในแต่ละจักรวาล ประกอบมาจากอนุภาคขนาดเล็ก เช่น ควาร์ก อิเล็คตรอน นิวตริโน่ ฯลฯ

    และอนุภาคเล็กๆพวกนี้ มันมีช่องว่างระหว่างอนุภาค มันไม่ใช่ของที่"ทึบ"

    แต่ช่องว่างระหว่างอนุภาคที่ว่านี้ หากใช้ความสามารถในการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสของมนุษย์ ก็ถือว่าเป็นช่องว่างที่น้อยนิด

    แต่ตอนนี้ กายทิพย์ของเธอ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดจากอนุภาค กายทิพย์ของเธอไม่มีมวล(มวลของกายทิพย์ก็คือกายเนื้อ ที่นอนอยู่) กายทิพย์ไม่ใช่พลังงาน ไม่ใช่สสาร ไม่ใช่อนุภาค และไม่มีมวล

    ดังนั้น เวลาเธอลอยผ่านดาวฤกษ์ดวงต่างๆ เธอจึงไม่รู้สึกร้อน เธอลอยอยู่กลางอวกาศมืดๆ เธอก็ไม่รู้สึกหนาว เธอเคลื่อนผ่านทะลุดวงดาวต่างๆได้ เพราะเธอไม่ใช่อนุภาค

    กายทิพย์ไม่กินเวลาในการเดินทาง เธอจึงเดินทางได้เร็วกว่าแสง(แสงใช้เวลาเดินทางจากดวงอาทิตย์มาถึงโลก 8 นาที) เพราะแสงเป็นอนุภาค(photon) แต่กายทิพย์ของเธอไม่ใช่อนุภาค เมื่อเธออยากเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง เธอก็ทำได้ เมื่ออยากเคลื่อนที่ช้าๆ เธอก็ทำได้ หรือจะไม่กินเวลาในการเคลื่อนที่เลย ก็ทำได้(แค่คิดก็ถึง)

    กายทิพย์เป็นรูปแบบสิ่งมีชีวิต ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 และไม่มีมวล ไม่ใช่พลังงาน และไม่ได้ประกอบขึ้นจากอนุภาคเล็กๆ ดังนั้น เธอจึงสามารถไปที่แห่งหนใดในจักรวาลนี้ก็ได้

    แล้วความฝันก็ จบเพียงเท่านี้ ^_^

    ---

    ทั้งหมดที่มาเล่านี้ แค่จะบอกว่า ตอนที่ลอยดูดวงดาวต่างๆในจักรวาลเนี่ย สนุกมากกกกกกกก!! ^0^ แล้วชั้นที่เราทะลุผ่านหลุมดำไปเนี่ย มันมีแต่ดาวสวยๆด้วย @^_^@

    ความฝันนี้ สงสัยจะเกิดจาก การดูสารคดีเกี่ยวกับอวกาศมากจนเกินไปก็เลยเก็บไปฝันแบบมั่วซั่ว ^^

    แต่ในฝันเราเหมือนเป็นนักศึกษาเลย เพราะคอยมีเสียงบรรยายให้เราฟังตลอด ว่าอะไรเป็นอะไร ^^

    สนุกดี ^_^

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2012
  2. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ฝันรึเรื่องจริงกันแน่เนี่ย มีกายทิพย์ด้วย อย่ามั่วกันนะ
     
  3. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    ฝันค่ะฝัน!!

    แต่ที่เอามาเล่า เพราะกลัวลืม ^^ (ความฝันเนี่ย ถ้าผ่านไปนานๆ มันจะชอบลืม) ก็เลยต้องบันทึกไว้

    อยากเก็บความรู้สึกนั้นไว้น่ะ ^^ ความรู้สึกที่เราลอยไปลอยมาในอวกาศ แล้วเราลอยไปดูดวงดาวและกาแล็กซี่ต่างๆแบบใกล้ๆเลย อิอิ ^^ มันสุดยอดมากอ่ะ!! ^_^ อยากฝันแบบนี้อีกบ่อยๆ แฮ่ๆ ^_^

    ส่วนเสียงบรรยายที่คอยบรรยายให้เราฟังไปด้วย ก็คงเป็นเพราะเราดูพวกสารคดีอวกาศมากเกินไป เลยเก็บไปฝันน่ะ ><
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2012
  4. vaddee

    vaddee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +443
    การฝันของคนบางครั้งเกิดจาก ดูมาก กินมาก จนกลายเป็นเพ้อเจอไร้สาระ
     
  5. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    แล้วมีใครเคยฝันแบบไม่เพ้อเจ้อบ้างล่ะ --'

    ความฝันมันเกิดจากการที่ร่างกายเรามันล็อค(มันเข้าสู่ภาวะที่ต้องการพักผ่อน) แล้วเราจะไม่ค่อยมีสติ(เราเคยฝึกรู้ตัวในฝันจนจับสภาวะกำลังจะหลับได้)

    เราเข้าใจเลยว่า ทำไมเขาบอกว่า พระพุทธเจ้าไม่ฝัน

    ก็เพราะ.. ความฝัน มันเกิดจากการทำงานของเซลประสาทส่วนต่างๆ แต่ทำแบบ "ไม่มีสติ" ทำให้เกิดเป็นภาพต่างๆขึ้นมา

    แต่หากใครมีสติอยู่ตลอดเวลา เขาคนนั้นจะไม่ฝัน (หลายๆท่านที่เป็นนักปฏิบัติธรรม อาจเคยมีประสบการณ์ที่แบบว่า รู้ตัวว่านอนอยู่บนเตียง รู้ว่าหลับ แต่.. ไม่ฝัน) นั่นแหละ!! เขาเป็นผู้ที่มีสติอยู่ตลอดเวลา เลยไม่ฝัน

    ความฝันเกิดจาก ร่างกายของเรามันค่อยๆล็อคตัวเอง แล้วสติจะค่อยๆหายไป ถ้าใครเกิดรู้สึกตัวขึ้นมากระทันหันจังหวะนี้ ก็จะขยับตัวไม่ได้(แต่ส่วนใหญ่จะลืมตาได้) แล้วหลายๆคนก็เรียกสภาวะนี้ว่า "ผีอำ"

    จริงๆแล้วมันไม่ใช่ผีอำหรอก ร่างกายเรามันโดนล็อคทุกๆครั้งอยู่แล้วก่อนหลับ แล้วสติจะค่อยๆเลือนหายไป(มันจะเหมือนคนเมายาน่ะ) แต่ถ้าใครดันมีสติขึ้นมาจังหวะนี้ แทนที่จะหลับไปแต่ดันมีสติรู้ตัวตื่นขึ้นมา ก็จะ ขยับตัวไม่ได้!

    และหลายๆคนจะมองเห็นผีในสภาวะที่ขยับไม่ได้ด้วย! แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ผี มันเป็นภาพที่สมองส่วนที่ทำหน้าที่สร้างภาพ มันสร้างขึ้นมาทับซ้อนกับโลกความเป็นจริงน่ะ ><

    ถ้าใครที่ไม่กลัวผี เวลาตกอยู่ในสภาวะผีอำ(ขยับตัวไม่ได้)เขาก็จะไม่เห็นผี แต่ถ้าใครเป็นคนกลัวผี พวกเซลประสาทส่วนที่ทำหน้าที่สร้างภาพ มันจะสร้างภาพผีมาซ้อนกับภาพของโลกความเป็นจริง (จริงๆแล้วมันจะต้องสร้างภาพความฝัน แต่เนื่องจากเราดันตื่นมากระทันหัน ทำให้มันเปลี่ยนไปสร้างภาพซ้อนกับโลกความเป็นจริงแทน แล้วคนส่วนใหญ่ก็จะมักจะเห็นเป็นผีมาหลอกตัวเอง)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2012
  6. wat48

    wat48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2012
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +448
    ผมขอแนะนำให้ลองศึกษาคำสอนของพระอาจารย์ พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ ดูนะครับ เคยฟังท่านสอน เกี่ยวกับมิติและจักวาล จำไม่ได้ตอนไหน แต่ท่านสอนคล้ายๆคุณนี่แหละ บางครั้งจิตก็หลุดไปมิติ และจักวาลอื่นโดยไม่ตั้งใจ ฟังท่านพูดรู้สึกกระจ่างขึ้นมาก และถ้าเรามีของเก่าอาจมีคุรุโดยไม่รู้ตัว
     
  7. Andromeda Galaxy

    Andromeda Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +314
    อ่านแล้ว get เรื่องที่คุณ mamboo เล่ามา
    ว่าด้วยเรื่องความฝัน บางคนก็อาจมองว่า
    ไม่เป็นเรื่องจริง ไม่มีความจริง ฯลฯ
    ก็แล้วแต่คนจะมอง..จะเชื่อกันไป..
    เราก็ไม่อยากจะไปว่าใคร...กับคนที่ไม่เชื่อเรื่องความฝัน

    เพราะในชีวิตจริงของเรา
    เวลานอนหลับแล้วรู้สึกตัวในความฝัน
    แบบ..มันมีความรู้สึก(ในใจ)ว่า
    มันเป็นความรู้สึก/อารมณ์ในภวังค์น่ะ
    คือ....เรายังมีสติ ระลึกรู้ จดจำรายละเอียด(ในฝัน)ได้เกือบหมด
    ขณะที่เราหลับสนิท..แล้วฝันอยู่น่ะ !


    อ้อ - เราเองก็เป็นอีกคนนึงนะ
    ที่เวลานอนหลับ เราได้ยินเสียงกรนของตัวเอง
    นั่นแปลว่า....ขณะที่เรานอนหลับสนิท หลับลึก
    แต่หูของเรายังได้ยินเสียงกรนของตัวเองด้วย
    และเรายังไม่ได้ตื่นจากความฝันเลยนะ
    คือได้ยินเสียงกรนของตัวเอง
    แต่เรื่องราวและตัวเราที่อยู่ในความฝันก็ยังดำเนินต่อไป

    และอีกอย่างในระยะหลังๆมานี่
    เรามักจะฝันว่าตัวเองเหาะได้
    เวลาจะไปนั่น โน่น นี่ ณ ที่ต่างๆ(ในขณะที่ฝันอยู่)
    ไปโลกอื่น มิติอื่น ไปจักรวาลอื่น ฯลฯ
    ตัวเราจะไปเหาะไป ลอยไป
    ตามแต่ใจเราต้องการจะไปดู ไปเห็น ..
    ประมาณนี้แหละ


    ยิ่งถ้าใครเคยอ่านเรื่องของ อ.โนวา
    ก็ยิ่งจะเข้าใจมากขึ้นในเรื่องว่าด้วยความฝัน

    สำหรับตัวเรา...โลกที่ปรากฎในตอนที่ตัวของเราฝัน
    มัน(เหมือนยังกะ)ว่า..จริงๆมันคืออีกภพนึง(หรือโลกนึง)
    ที่เราไป ณ ที่แห่งนั้นด้วยจิต(ไม่ใช่ไปด้วยกาย)

    จริงๆตัวเราเองก็...
    อาจจะไม่ต่างไปจากความฝันคุณ mamboo นัก
    เพราะบางคนไปต่างภพ ต่างดาว ต่างจักรวาล
    ได้โดยการนั่งสมาธิ หรือวิธีการอื่นใด
    ตามแต่ภูมิธรรมของแต่ละคน..ที่ไม่เท่ากัน

    แต่ของตัวเรานั่งสมาธิก็แล้วก็ทำ(สมาธิ)ไม่ได้
    วิธีไหนๆก็ไม่ได้ผล
    แต่สังเกต (ในระยะหลัง)ว่า
    เวลาเราหลับแล้วฝัน....

    ในความฝันนั้นน่ะ....
    ตัวเราสามารถไปเห็นภพอื่น ...จักรวาลอื่น ...
    ดวงดวงอื่น... มิติอื่น...ได้(โดยผ่านความฝัน)

    ด้วยเหตุนี้แหละ
    เราจึงเชื่อของเราว่า..โลกที่ได้ไปเห็นมาไปเยือนมา
    ในความฝัน(ของแต่ละคน) มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระ มัน(คง)มีอยู่จริง

    แต่มีเรื่องต่างมิติ ต่างภพ ฯลฯเข้ามาเป็นตัวแปรด้วย
    เมื่อตื่นมาคนเราก็มักจะคิดว่า
    ...มันก็ "แค่"ฝันไปน่ะ...ไม่ใช่ความจริงหรอก
    (คนส่วนใหญ่ก็คิดกันแบบนี้ทั้งนั้นแหละ...
    ไม่มีใครผิดหรอก ที่คิดกันแบบนี้)

    แต่ที่เราไม่คิดแบบข้างบนนั้น
    ก็เพราะว่าเราเองมีประสบการณ์ตรง
    ได้(เรียนรู้)อะไรหลายๆอย่างจากความฝันของตัวเอง
    เราจึงไม่เคยมองเรื่องความฝันว่าเป็น...แค่ความฝัน


    สรุปตรงนี้ละกันว่า...เข้ามาให้กำลังใจ จขกท.
    เพราะตัวเราน่ะเข้าใจในสิ่งที่คุณเล่ามานะ
    แต่คนอื่นที่เขาไม่มีประสบการณ์การเรียนรู้ผ่านความฝัน
    อย่างตัวเรา อย่างคุณ mamboo ที่เป็นอยู่
    เขาก็ย่อมจะไม่มีวันเข้าใจอย่างแน่นอน

    ฉะนั้น จะเถียงกันไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
    ทำ ignore ไปเลยดีกว่า...เนอะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2013
  8. jibakun

    jibakun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2011
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +204
    ฝันเองเรียนเอง อยากฝันแบบนี้มั่ง
    :boo:
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    มีความเป็นไปได้สูง.สำหรับการฝันลักษณะนี้.แต่ขอชมว่าจำความฝันได้ดีทีเดียว.:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...