### แล้วในที่สุด Gravity ก็ไม่มีอยู่จริง ### จริงๆด้วย ^0^

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mamboo, 19 ธันวาคม 2012.

  1. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    เวลาคิดอะไรออก เราก็จะเอามาบ่นที่นี่ล่ะนะ ^_^

    ถ้าใครรำคาญก็ เชิญผ่านได้เลย ^^

    ---

    ## กระทู้นี้จะบอกว่าเราโชว์โง่ก็ได้ >< แต่อีกใจก็แอบดีใจที่คิดออก :cool: ##

    ก่อนอื่น ขอให้คำจำกัดความก่อนว่า

    คำว่า Gravity ในที่นี้ ที่ว่าไม่มีอยู่จริงนั้น เราหมายถึง Gravity ในความเข้าใจ(ที่ผิดๆ)ของเรา

    เรื่องของเรื่องคือ

    ที่ผ่านมา เราเกิดความสับสน

    เราไปเอาทฤษฎีของนิวตั้นกับไอน์สไตน์มารวมกัน

    ฝั่งนิวตั้น เขาบอกว่า Gravity คือแรงดึงดูดระหว่างมวล

    แต่ฝั่งไอน์สไตน์บอกว่า Gravity มิใช่แรง แต่เป็นสิ่งที่ทำให้ Space-Time มันโค้งงอ

    ---

    และด้วยความที่ เราไม่ยอมศึกษาให้ดีๆเสียก่อน

    เราก็จับ 2 ทฤษฎีนี้ มารวมกัน (ของนิวตั้นผิดนะ แต่สูตรการคำนวณยังใช้ได้ผลดีและแม่นยำในระดับ 99.99%)

    ผลรวมของการเอาทฤษฎีที่ผิดและถูกมารวมกัน เลยกลายเป็นว่า

    "คำว่า Gravity ของเรา คือแรงโน้มถ่วง ที่ส่งผลระหว่างมวล และยังมีผลต่อ Space-Time อีกด้วย" (ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด)

    และถ้าใครได้อ่านกระทู้ก่อนหน้านี้ของเรา มันจะมีอยู่บรรทัดหนึ่ง ที่เราพิมพ์ๆไปแล้วก็เกิดงงขึ้นมาว่า "แล้ว photon มันไม่มีมวล แล้ว Gravity ไปส่งผลกับมันได้อย่างไร ???"

    บวกกับ กระทู้ต่อมา(กระทู้ที่ 2) ที่เราเริ่มสงสัยเรื่อง "มวลที่จุดศูนย์กลางของโลก" ว่ามันไปคงสถานะอยู่ตรงนั้นได้อย่างไรทั้งๆที่ผลรวมของแรงโน้มถ่วงตรงจุดนั้นน่าจะเท่ากับศูนย์

    หลายๆอย่าง ทำให้เราสับสน จนคิดว่า Gravity คือแรงล่องหน มันเป็นแรงที่แปลก เพราะเกิดขึ้นทันทีระหว่างมวลสองมวล

    ---

    และเมื่อสักครู่ เราก็นอนคิดเรื่องนี้ตลอด

    จนเรามาสังเกตว่า..

    ที่แสงมันเบนเข้าใกล้วัตถุที่มีมวลมาก และที่โลกกำลังโคจรไปรอบๆดวงอาทิตย์ จริงๆแล้วมันไม่ใช่เพราะแรงดึงดูดนี่นา o_O แต่มันเป็นเพราะ Gravity ไปบิดงอ Space-Time รอบๆดวงดาว ทำให้อะไรก็ตามที่มีมวลหรือไม่มีมวลก็จะดำเนินเส้นทางไปตามความโค้งงอของ Space-Time ตำแหน่งนั้นๆ

    แล้วเราก็ฉุกคิดได้ว่า..

    อ้าว O.O ถ้างั้น.. Gravity ก็ไม่ถือเป็น Force สิ่ O.O

    เพราะมันไม่ได้ดูดมวล แต่มันไปบิดงอ Space-Time ให้โค้งๆแล้วพอพวกมวลหรืออนุภาคอะไรก็ตามที่มันผ่านมาทางนี้ มันก็เลยเคลื่อนไหวไปตามความโค้งของ Space-Time ณ ตำแหน่งนั้นๆที่มันเคลื่อนผ่าน

    จากนั้น เราก็เลยลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้

    ปรากฏว่า เป็นเรื่องจริง จริงๆด้วย ^0^

    Gravity ไม่ใช่ Force

    Gravity มันเป็นบางสิ่งบางอย่าง ที่มันมีอยู่กับมวลนั่นแหละ และมันเป็นตัวที่ทำให้ Space-Time โค้งงอ

    ---

    ปกติแล้ว คำว่า "แรง" ก็คือ มันจะมีแรงดูด แรงผลัก แรงยก (หมายความว่า แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ มันจะมีทิศทางของมันด้วย)

    ถ้าเราจะมองว่า การที่ลูกแอ้ปเปิ้ลตกลงมาจากต้นไม้ ในรูปแบบของแรง เราจะมองแบบนั้นก็ได้ และถ้าเรามองแบบนั้นพร้อมกับใช้สูตรการคำนวณแรงของ Newton ในการหาแรงดึงดูดระหว่างโลกกับลูกแอ้ปเปิ้ล เราก็ยังคำนวณค่าแรงได้ถูกต้องอีกด้วย

    ------

    ทั้งหมดนี้ มันหมายความว่า..

    1. Gravity ไม่ใช่ Force แต่เป็นสิ่งที่ มีผลต่อการโค้งงอของ Space-Time

    2. หากเราจะมอง Gravity ในรูปแบบของแรงดึงดูดระหว่างมวลก็ได้ แต่มันจะผิดกฎของฟิสิกส์ (มองได้ คำนวณแรงได้ นำไปใช้งานได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า มันเป็น Force)

    ที่ว่ามันจะผิดกฎของฟิสิกส์ หมายความว่า

    จักรวาลของเรา.. "แสง เป็นสิ่งที่เคลื่อนที่ได้เร็วที่สุดในจักรวาล"

    หากเรามองว่า Gravity เป็นแรงดึงดูดระหว่างมวล นั่นก็เท่ากับว่า ทันทีที่มีวัตถุที่มีมวล 2 ก้อนถือกำเนิดขึ้นมา มันก็จะมีแรงดึงดูดระหว่างกันในทันที(หมายความว่า มันจะมีความเร็วของแรงที่เกิดขึ้นระหว่างมวล เป็นอนันต์ ซึ่ง เร็วกว่าความเร็วแสง และมันผิดกฎทางฟิสิกส์ที่ไอน์สไตน์บอกไว้ว่า แสงเป็นสิ่งเดียวในจักรวาลที่มีความเร็วคงที่เสมอ และเร็วที่สุดในจักรวาลด้วย ไม่ว่าจะสัมพัทธกับอะไรก็ตาม)

    ดังนั้น..

    เราลองสมมติเหตุการณ์ว่า หากจู่ๆเกิด ดวงอาทิตย์หายไปกระทันหัน.. ถ้าคิดในแบบของนิวตั้น โลกของเราจะต้องหลุดจากวงโคจรของดวงอาทิตย์ในทันที(เพราะแรงดึงดูดระหว่างมวลจะหายไปในทันที)

    แต่หากเราคิดในแบบของไอน์สไตน์ จะพบว่า ถึงแม้ดวงอาทิตย์จะหายไปทันที แต่ Space-Time บริเวณนั้นจะไม่ได้เรียบทันที แต่มันจะค่อยๆเรียบโดยใช้เวลาประมาณ 8 นาทีถึงจะเรียบมาถึงโลกเรา แล้วตอนนั้นโลกถึงจะหลุดจากวงโคจรของดวงอาทิตย์ไป

    ทฤษฎีของไอน์สไตน์ ทำนายการทำงานของ Gravity ได้ถูกต้องและแม่นยำกว่า และยังมีการใช้ในการคำนวณเรื่องการเบี่ยงของดาวพุทธด้วย(แต่เรื่องนี้ เราไม่ได้อ่านะ >< รู้แต่ว่า ทฤษฎีของไอน์สไตน์ใช้ทำนายได้แม่นยำ 100% ในขณะที่ของนิวตั้น ถูกต้องเพียงแค่ 90%)

    แล้วก็มีเรื่องการใช้งาน GPS และอีกหลายๆอย่าง ที่ใช้ทฤษฎีของไอน์สไตน์และสามารถคำนวณได้ถูกต้องแม่นยำ 100% อีกด้วย

    ---
    สรุป:

    แล้วสิ่งที่เราสงสัย ในกระทู้ก่อนหน้านี้(กระทู้ที่ 2)

    ที่สงสัยว่า.. "หรือว่า.. Gravity มันจะไม่มีอยู่จริง???"

    ตอนนี้ เราคิดว่า เราเข้าใจอะไรๆเพิ่มมากขึ้นแล้ว

    Gravity ในรูปแบบของ Force ไม่มีอยู่จริง

    แต่ Gravity ที่มีอยู่กับมวลนั้น มีอยู่จริง แต่ไม่ใช่ Force แต่เป็นสิ่งที่ทำให้ Space-Time มันโค้งงอ

    ---

    แล้วที่พวกเรา เป็นมนุษย์ ที่เรายังอยู่บนผิวโลก มันไม่ใช่เพราะเรามีมวลเลยโดนโลกดูดเอาไว้ แต่มันเป็นเพราะเราตกอยู่ในการโค้งงอของ Space-Time รอบๆโลกต่างหากล่ะ

    แล้วที่ photon ซึ่งเป็นอนุภาคแสงที่ไม่มีมวล แต่มันก็ยังมีการเคลื่อนที่แบบโค้งๆไปตามการโค้งงอของ Space-Time ก็เพราะว่า มันไม่ได้ถูกดึงดูดโดยมวล(เพราะตัวมันเองก็ไม่มีมวล) แต่ที่ Gravity ส่งผลกับมัน ก็เพราะมันเคลื่อนที่ไปตามการโค้งงอของ Space-Time ที่มันกำลังเคลื่อนที่ผ่านไปต่างหากล่ะ

    แล้วที่เราเคยสงสัยเรื่อง มวลที่จุดศูนย์กลางของโลก ตอนนี้เราก็คิดว่า เราได้คำตอบแล้ว ><

    มันไม่ได้มีแรงดึงดูดอะไรอยู่ที่จุดศูนย์กลางของโลกเลย แต่มันเป็นพวกแรงนิวเคลียร์ที่มันดูดให้อนุภาคและโมเลกุลต่างๆมันมาอยู่รวมกันนี่แหละ เมื่อมันมาอยู่รวมกันจำนวนมากๆมันก็จะเริ่มทำให้ Space-Time บริเวณนั้นๆมีการโค้งงอมาก แล้วพอมีอะไรมาใกล้ๆมัน มันก็ไหลไปอยู่รวมกัน และมีแรงระหว่างอนุภาคดูดกันไว้อีกทีหนึ่ง จนกลายเป็นโลกก้อนใหญ่ๆมวลๆเยอะๆใบนี้แหละ :cool:

    ถ้าใครได้เข้าไปอ่าน 2 กระทู้ก่อนหน้านี้ ก็ขออภัยด้วย แต่คงไม่ลบกระทู้นั้นทิ้ง(ถึงแม้เนื้อหาในกระทู้จะมีการเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Gravity ก็ตาม) เพราะถึงอย่างไร กระทู้นี้ ก็มีการอ้างอิงไปถึงกระทู้นั้นหลายครั้ง เลยคิดว่าจะไม่ลบ 2 กระทู้แรกทิ้งหรอก

    Links:

    1. กระทู้แรก [ชวนคุยเรื่อง Gravity,... ฯ]
    2. กระทู้สอง [ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Gravity]
    3. Einstein discovered that gravity is not a force but a curvature - thestar.com


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2012
  2. ธรรมน้อย

    ธรรมน้อย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +13
    น่าสนใจดีครับ ไม่ทราบได้ข้อมูลจากใหนจะได้ไปหารายละเอียดบ้าง และอย่างน้อยเพื่อไม่ให้บางท่านคิดว่ายกเมฆ ส่วนผมเชื่อมั่นท่าไอไสตน์มากกว่านักวิทย์ทุกท่านอยู่เป็นทุนอยู่แล้ว
     
  3. ลี้ท่ำฮวย

    ลี้ท่ำฮวย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +178
    ทุกวันนี้มันก็ยังเป็นปริศนาอยู่ และอนุโลมให้เรียกแรงโน้มถ่วง เป็นแรง ได้ เพราะยังไม่มีกฏใดๆ จะสรุปได้อย่างชัดเจน เอาเป็นว่า มันเป็นสิ่งหนึ่ง ที่สร้างทางโค้งไว้ในอวกาศ โดยสัมพัทธ์กับมวล
     
  4. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    คุณธรรมน้อยคะ ^_^

    เราแปะลิงค์ให้อยู่นี่ไงคะ >> Einstein discovered that gravity is not a force but a curvature - thestar.com

    จริงๆแล้วทุกวันนี้ เขายังใช้งาน Gravity โดยถือว่าให้มันเป็น Force ชนิดหนึ่ง เพื่อนำมาใช้งานอยู่นะคะ

    เพราะมันคำนวณง่าย ถ้าเราคิดว่ามันเป็น Force มันจะคำนวณง่าย เวลาจะส่งสถานีอวกาศไปบินรอบโลก หรือเวลาจะส่งยานไปดาวเคราะห์ดวงอื่น

    ในขณะที่ ถ้าเรามองภาพมันเป็นมิติของ Space-Time เราจะใช้งานมันยากมาก คำนวณก็ยาก

    อีกทั้ง.. ตอนนี้เรายังไม่สามารถควบคุม Space-Time ได้ด้วยฝีมือของมนุษย์(ส่วนใหญ่จะเป็นผลของดาวที่มีมวลมากๆ ทำให้ Space-Time มันบิดงอ)

    จริงๆแล้ว การที่ของสิ่งหนึ่งมีการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร่ง มันไม่ได้เป็นเพราะ "แรง" เสมอไป

    แต่ 1 ในนั้น มันเป็นเพราะ "Space-Time" ด้วย

    ต่อไปมันอาจมีปัจจัยอื่นๆอีก

    ตอนนี้ พวกนักวิทยาศาสตร์และวิศวะกรหลายๆคน ยังคงเล่นกับ Gravity ในรูปแบบของ Force เพราะมันเล่นง่าย คำนวณง่าย

    แต่ต้องรู้ไว้ว่า Gravity ไม่ใช่ Force แต่เป็นบางสิ่งที่มีอยู่ในมวลและมีผลต่อ Space-Time

    ถ้าคุณ"ธรรมน้อย" อยากศึกษาต่อ ลองอ่านทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของ Newton แล้วก็อ่านทฤษฎี Gravity as Curvature และ Space-Time Theory ของ Einstine สลับๆกัน

    แล้วมันจะเริ่มจับจุดได้

    ทุกวันนี้ พวกหนังสือเรียน ก็ไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนหัวข้อเรื่องนี้หรือยัง เราคิดว่า การที่พวกเรายังย้ำๆและพูดกันบ่อยๆว่า Gravity เป็นแรงดึงดูดระหว่างมวล มันทำให้หลายๆคนเข้าใจผิดมาจนโต ><
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2012
  5. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    แล้วที่เรารู้สึกดีใจมาก

    เพราะเราคิดมาหลายคืน เมื่อคืนก็นอนคิดทั้งคืน

    เรารู้สึกว่า "Gravity" มันเป็นแรงล่องหน มันเป็นแรงที่ไม่น่าจะมีอยู่จริง

    เราคิดว่า มันไม่มีหรอก แรงที่อยู่ดีๆก็เกิดขึ้นจากมวล และส่งผลระหว่างมวลในทันที

    แต่ในกระทู้ก่อนหน้า เราก็เดาไปเรื่อย คิดว่าน่าจะเป็นผลจากการคำนวณแรงระหว่างอนุภาคที่ผิดพลาด

    ที่ไหนได้..

    เราโง่เอง!!

    ไอน์สไตน์ไขปริศนาเรื่อง Gravity ออกตั้งเป็นร้อยปีแล้ว แต่เราไม่อ่านดีๆเอง เราเอาทฤษฎีของไอน์สไตน์กับนิวตั้น มารวมกัน mixedใส่กัน มั่วไปหมดเลย

    5555+ ^0^

    เราก็ว่าอยู่.. มันจะง่ายไปไหม? แค่เห็นลูกแอ้ปเปิ้ลตก ก็คิดว่ามีแรงระหว่างมวลของวัตถุ 2 สิ่ง (เราคิดว่า มันเป็นการสรุปที่ง่ายไป)

    ที่แท้ Gravity ในรูปแบบของ Force ก็ไม่ได้มีอยู่จริง จริงๆด้วย ^0^

    แต่มีอยู่ในรูปแบบของ "สิ่งที่ทำให้ Space-Time มันบิดงอ"

    Gravity is not force!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2012
  6. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ขออนุญาติ นำเสนอ การทดลอง ฮับ

    1. แท่งเหล็กที่ไม่มีอำนาจแม่เหล็กใดๆ

    2. แม่เหล็ก

    3. เศษเหล็ก

    *************************

    วิธีการทดลอง

    1. เอาแท่งเหล็กเปล่า จี้ที่เศษเหล็ก สังเกตการ ดูดติด บันทึกผล .................

    2. เอาแท่งเหล็กยาวติดกับแม่เหล็กที่ปลายด้านหนึ่ง แล้ว เอาไปดูดเศษเหล็ก บันทึกผล .................

    3. ขยายสมมติฐาน สมมติว่า โลกไม่มีแรงดูด แต่ ดวงอาทิตย์มี โลกจะมีแรงดูดได้หรือไม่

    4. ขยายสมมติฐาน สมมติว่า ดวงอาทิตย์ไม่มีแรงดูด แต่พ่อมะลิกับอังสุมาลิน
    เขามี(ช้างเผือกอะฮับ) โลกจะมีแรงดูดได้หรือไม่

    5. ขยายไปเรื่อยๆ ยังวัตถใดก็ตามที่สมมติว่าใหญ่กว่า แล้วเขามี แรงดูด โลกจะ
    มีแรงดูดได้หรือไม่

    6. ขยายไปเรื่อยเจื้อย เริ่มจะเปื่อยๆ ไปว่า หากไม่ใช่แรงดูดหละ เพราะ แม่เหล็ก
    เขามีสองขั้ว เกิดไอ้ขั้วที่อยู่ไกลออกไปกว่าใครทั้งหมด เขาทำตัวเป็น แรงผลัก จักรยานจะ
    ขยายไปได้หรือไม่ได้

    สรุปการทดลอง

    แรงดึงดูดมีหรือไม่มี ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ พฤติกรรมของ มุนินท์ ใช่หรือไม่ !?
     

แชร์หน้านี้

Loading...