ใครศรัทธา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด มาพูดคุยกันครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย คุณสนุก, 4 พฤศจิกายน 2010.

  1. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    ขึ้นไปกราบสมเด็จโต...องค์ใหญ่..
    สมเด็จหลวงพ่อทวด
    พ่อปู่สามร้อยยอด...
    ฯลฯ

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1160803.jpg
      P1160803.jpg
      ขนาดไฟล์:
      97.2 KB
      เปิดดู:
      48
    • P1160762.jpg
      P1160762.jpg
      ขนาดไฟล์:
      86.8 KB
      เปิดดู:
      318
    • P1160794.jpg
      P1160794.jpg
      ขนาดไฟล์:
      103.6 KB
      เปิดดู:
      53
    • P1160795.jpg
      P1160795.jpg
      ขนาดไฟล์:
      112.3 KB
      เปิดดู:
      332
    • P1160793.jpg
      P1160793.jpg
      ขนาดไฟล์:
      100.4 KB
      เปิดดู:
      54
    • P1160796.jpg
      P1160796.jpg
      ขนาดไฟล์:
      108.6 KB
      เปิดดู:
      39
    • P1160805.jpg
      P1160805.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.4 KB
      เปิดดู:
      44
    • P1160806.jpg
      P1160806.jpg
      ขนาดไฟล์:
      142.1 KB
      เปิดดู:
      304
    • P1160802.jpg
      P1160802.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88.6 KB
      เปิดดู:
      67
  2. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    เด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

    โอวาทจากดวงพระวิญญาณบริสุทธิ์สมเด็จโต
    พิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทยเดลี่
    ประจำวันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๔

    ทำไมทำดีแล้วจึงไม่ได้ดี

    คุณขีด : กระผมอยากทราบเรื่องกฎแห่งกรรมเพราะเป็นกุญแจของบุญและบาป คนที่ไม่รู้จักบุญและบาปก็เพราะไม่รู้จักกฎแห่งกรรม บางคนไม่เชื่อว่าบุญมีจริงบาปมีจริง แล้วบางทีทำบุญกลายเป็นได้ผลบาป ทำบาปกลายเป็นผลดี ทั้งนี้เป็นเพราะว่าไม่ทราบชัดในเรื่องกฎแห่งกรรม เพราะฉะนั้นกระผมอยากให้หลวงพ่อสมเด็จได้โปรดขยายกฎแห่งกรรมให้กว้างขวาง ให้เป็นที่รู้ชัดสักหน่อยครับว่ามีกฎอันแท้จริงอย่างไร

    สมเด็จโต : กฎแห่งกรรมนี้เป็นสิ่งที่ละเอียดมาก ก็เปรียบเสมือนหนึ่งธรรมชาติของการเติบโตของผลไม้ตามฤดูกาล กรรมที่ท่านสร้างในอดีตภพย่อมนำมาสู่ท่านในปัจจุบันภพ ฉันใดก็ฉันนั้น ทีนี้กรรมเหล่านั้นที่ท่านทำไปแล้วแต่ท่านลืมไปเพราะอะไรเล่า เพราะว่ามนุษย์ที่ยึดว่าทำไมทำดีจึงไม่ได้ดี เพราะมนุษย์ผู้นั้นไม่โปร่งในขั้นสมุฏฐานของเหตุและปัจจัย

    ถ้าท่านหว่านพืชชนิดใดลงดิน พืชชนิดนั้นจะขึ้นตามเหล่ากอของพืชพันธุ์นั้น กรรมใดที่ท่านสร้างมาในภพที่ท่านลืมไปแล้ว แต่กรรมนั้นยังตามเสวยตามภพชาติต่างๆ อยู่ ยกตัวอย่าง ซึ่งเปรียบง่ายๆ สมมติว่าเมื่อสองปีก่อนท่านได้ฆ่าคนตายในที่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แล้วท่านหนีไปอยู่ที่หนองคาย (เปรียบเหมือนท่านฆ่าคนตายในภพก่อนแล้วมาเกิดใหม่ในภพนี้) เรียกว่าท่านเกิดภพนี้ทั้งที่เป็นคนเดิมคือจิตวิญญาณเดิมจากภพก่อน แต่มาอยู่ภพนี้หรือเมืองนี้

    ในขณะที่ท่านหนีจากกรุงเทพฯ (ภพก่อน) ไปอยู่หนองคาย (ภพนี้) เกิดสำนึกผิดขึ้นมา จึงถือศีลทำบุญให้ทาน เป็นมิตรกับชาวบ้านที่หนองคาย ชาวบ้านที่หนองคายก็ยกย่องสรรเสริญว่าท่านเป็นคนดีมีศีลธรรมน่าเคารพนับถือ แต่กรรมที่ท่านสร้างไว้คือฆ่าคนตายที่กรุงเทพฯ เมื่อสองปีก่อนนั้น ชาวบ้านที่หนองคายไม่รู้กับท่านด้วย และตำรวจ (กรรม) นั้นก็กำลังตามหาท่านอยู่ เปรียบเสมือนการตามของภพของกรรมไปถึงที่นั่น

    แม้ว่าท่านกำลังถือศีลถืออุโบสถอยู่ในโบสถ์ หรือแม้ว่าบางคนมาบวชเป็นพระเพื่อหนีคุกหนีตารางก็ตามที เมื่อตำรวจสืบพบเจอตัวท่านแม้จะอยู่ที่วัดถือศีลหรือบวชเป็นพระอยู่ ตำรวจก็จับท่านทันทีเพื่อไปลงโทษตามกฎหมายบ้านเมือง คนที่หนองคายแถวที่ท่านอยู่ย่อมไม่พอใจหรือด่าทอตำรวจที่มาจับคนดีที่ถือศีลในอุโบสถอยู่

    ก็เหมือนกรรมที่ไม่ดีที่ตามมาทันท่านตอนที่ท่านกำลังทำดี ทำให้ท่านคิดว่าทำไมทำดีแล้วจึงไม่ได้ดี กลับพบเจอและได้รับแต่สิ่งที่ไม่ดี ท่านอาจลืมกรรมที่ท่านทำไว้ในภพชาติก่อนแล้ว เพราะมันผ่านมานานแล้ว ข้ามภพข้ามชาติมาจนจำไม่ได้ว่าทำกรรมไม่ดีอะไรไปบ้าง จึงทำให้คิดว่าภพนี้ชาตินี้ทำแต่ความดี แล้วทำไมไม่ได้ดี

    คล้ายกันกับคนทำชั่วหรือทำไม่ดีในปัจจุบัน แต่กลับได้ดิบได้ดี เพราะภพชาติก่อนเขาเคยทำดีไว้ แล้วกรรมดีนี้ตามมาทันและส่งผลให้เขาได้ดิบได้ดี แม้ในขณะปัจจุบันเขากำลังทำกรรมไม่ดีอยู่ก็ตามที เพราะเป็นกรรมคนละส่วนกับกรรมเก่าที่เขาทำดีในภพชาติก่อน ส่วนกรรมใหม่ที่เขาทำไม่ดีในขณะนี้ยังไม่ส่งผล ต้องรอให้ผลในกาลต่อไป

    เปรียบเหมือนเราเพิ่งปลูกข้าวดำนาเสร็จ จะให้กล้าในนาออกดอกออกรวงข้าวในวันนี้หรือพรุ่งนี้เลยย่อมเป็นไม่ได้ จะต้องรอเดือนรอเวลาจนกว่าต้นกล้าจะครบกำหนดที่จะออกรวงให้ผลิตผลเป็นเมล็ดข้าว จึงจะเก็บเกี่ยวได้ ฉันใดก็ฉันนั้น กฎแห่งกรรมก็เช่นเดียวกันกับกฎธรรมชาติ เช่น การปลูกพืชปลูกต้นไม้ชนิดต่างกัน ย่อมต้องจะรอการออกดอกออกผลเป็นเวลาไม่เท่ากัน

    ซึ่งเป็นไปตามพันธุกรรมของพืชชนิดนั้นๆ ที่จะใช้เวลาไม่เท่ากันนานเป็นเดือนหรือนานเป็นปีจึงจะให้ผล เช่น ปลูกพริกย่อมให้ผลิตผลเร็วกว่าปลูกมะม่วง ปลูกข้าวย่อมให้ผลเร็วกว่าปลูกมะพร้าว เป็นต้น เช่นเดียวกันกับผลของกรรมแต่ละชนิด กรรมหนักกรรมเบา มีเจตนาหรือไม่เจตนา เป็นต้น จึงให้ผลกรรมหนักเบาต่างกันต่างเวลาตามเหตุปัจจัย

    สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งละเอียด กฎแห่งกรรมคือกฎแห่งธรรมชาติ ย่อมทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ท่านสร้างกรรมดีไว้ในปัจจุบันนี้ กรรมนั้นอาจจะให้ท่านเสวยผลในภพอีกภพหนึ่งก็ได้ เพราะว่ามันเป็นกงล้อแห่งกงกรรมกงเกวียนที่จะแยกแยะออกมา ชาติไหน ชาติอะไร ชาติโน้น ชาตินี้ เป็นสิ่งยาก เพราะว่ามนุษย์เราแต่ละคนที่เกิดมาในปัจจุบันชาตินี้ เกิดมาเป็นร้อยๆ พันๆ ภพชาติเป็นกงกรรมกงเวียนที่ทับถมทั้งดีและชั่ว โดยเจ้าตัวก็แยกแยะไม่ออก

    ยกตัวอย่างง่ายๆ เสมือนหนึ่งท่านคิดตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น พอตกเย็นท่านมานั่งทบทวน ท่านก็แยกแยะทบทวนไม่ค่อยออกว่าเวลาไหนท่านมีอกุศลอารมณ์ เวลาไหนมีโทสจริต เวลาไหนมีเมตตาจิต เพราะว่าการเคลื่อนไหวแห่งจิตวิญญาณนี้เร็วยิ่งกว่าอณูปรมาณูทั้งหลาย เร็วยิ่งกว่าปรอท เพราะฉะนั้นจึงแยกได้ว่า ท่านสร้างกรรมใดไว้ ท่านย่อมจะต้องเสวยกรรมนั้นในภพชาติแน่นอน

    แหล่งข้อมูล
    www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13719]:: [/url]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 ธันวาคม 2012
  3. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    คณะทัวร์บุญหลวงพ่อทวด
    ได้กราบนมัสการท่านเจ้าอาวาสวัดตาลเจ็ดต้น และร่วมถวายปัจจัย
    เพื่อร่วมสร้างหลวงพ่อเงินค่ะ...
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1160807.jpg
      P1160807.jpg
      ขนาดไฟล์:
      114.8 KB
      เปิดดู:
      295
    • P1160809.jpg
      P1160809.jpg
      ขนาดไฟล์:
      107 KB
      เปิดดู:
      33
    • P1160810.jpg
      P1160810.jpg
      ขนาดไฟล์:
      116.6 KB
      เปิดดู:
      33
    • P1160811.jpg
      P1160811.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93 KB
      เปิดดู:
      33
    • P1160817.jpg
      P1160817.jpg
      ขนาดไฟล์:
      107.6 KB
      เปิดดู:
      43
    • P1160813.jpg
      P1160813.jpg
      ขนาดไฟล์:
      109 KB
      เปิดดู:
      47
  4. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    ภาพเรือที่มีองค์หลวงพ่อเงิน สมเด็จโต, หลวงพ่อทวด ฯลฯ ทรงเรือค่ะ...
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1160836.jpg
      P1160836.jpg
      ขนาดไฟล์:
      83.1 KB
      เปิดดู:
      275
    • P1160826.jpg
      P1160826.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.4 KB
      เปิดดู:
      282
    • P1160824.jpg
      P1160824.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93 KB
      เปิดดู:
      37
    • P1160825.jpg
      P1160825.jpg
      ขนาดไฟล์:
      99.1 KB
      เปิดดู:
      263
    • P1160837.jpg
      P1160837.jpg
      ขนาดไฟล์:
      101.5 KB
      เปิดดู:
      30
  5. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเงิน

    ปัจจุบันนี้ มีสิ่งที่ปรากฏความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาอีกสองอย่าง คือต้นละมุด และต้นโพธิ์ สำหรับต้นละมุดตามประวัติเล่าว่าพวกชาวเรือนำมาให้ท่านปลูก ท่านเลยปลูกไว้ที่หน้ากุฏิของท่าน พอมีใครมา
    รดพระพุทธน้ำมนต์ท่านก็สาดไปที่ต้นละมุด พระที่เทกระโถนน้ำหมากก็ไปเทที่นั่นทุกวันเป็นอาจิณ
    ต้นละมุดก็เจริญงอกงามแผ่กิ่งก้านใหญ่โต หลังจากท่านได้มรณภาพไปแล้ว ประมาณ ๔๒ ปี ก็ตายพราย มีคนมาลักตัดไปเสียครึ่งต้น ข่าวว่าหลวงพ่อไปเข้าฝันชาวเรือที่จังหวัดประทุมธานีว่าให้เอาไปใช้ คนที่เอาไปใช้ก็เกิดศักดิ์สิทธิ์ ในทางคงกระพันชาตรี พอดังเข้าจึงได้มีคนมานำเอาไป ทางวัดทราบเช่นนั้นจึงได้ตัดขึ้นมาเก็บไว้ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็เหลือไม่มากนัก สำหรับต้นโพธิ์นั้นได้กล่าวไว้ว่าเป็นโพธิ์เสี่ยงทายของ หลวงพ่อเงิน ตอนที่ท่านเริ่มมาสร้างวัดหิรัญญาราม (วัดวังตะโก) เป็นครั้งแรก ต้นโพธิ์ต้นนี้เจริญงอกงามแผ่กิ่งก้านสาขาใหญ่โต มาจนถึงปัจจุบันนี้ เล่ากันว่าหลวงพ่อเงินชอบไปนั่งที่โคนต้นโพธิ์เป็นประจำ
    ถ้าพระในวัดทำผิด ท่านมักจะทำโทษ โดยให้ขนดินไปถมต้นโพธิ์ จนเป็นแหลมยื่นไปในแม่น้ำ
    พอถึงฤดูน้ำจะแลเตี้ยมาก เล่ากันว่าครั้งหนึ่งมีคนพายเรือผ่านมาเห็นนกเปล้าเกาะอยู่บนต้นโพธิ์ ก็ยกปืนลูกซองยาวขึ้นยิง ยิงหลายนัดแต่ไม่เคยถูกนกเลย ตอนขากลับพายเรือผ่านมาที่หน้าต้นโพธิ์อีกปรากฏว่าเรือล่มจมน้ำเกือบตาย หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าแตะ ต้องต้นโพธิ์อีกเลย มาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๓ คณะกรรมการวัดเห็นว่ากิ่งโพธิ์ที่ยื่นไปบังหน้าอุโบสถที่สร้างใหม่ ควรจะตัดออกเสีย จ้างใครขึ้นไปฟันก็ไม่มีใครกล้า หลวงพ่อพระครูพิบูลธรรมเวท เห็นเช่นนั้น จึงจุดธูปเทียนบูชาบอกเล่าต่อรูปหลวงพ่อเงิน พอตกกลางคืนลมก็ไม่มี กิ่งโพธิ์ที่บังหน้าอุโบสถก็หักลงเหมือนมีคนเอามีดไปตัด มีกิ่งหนึ่งที่อยู่เหนือบ้านคนงานซึ่งอาศัยอยู่ใต้ต้นโพธิ์ก็ไม่หัก เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก
    หลวงพ่อพระครูพิบูลธรรมเวท จึงให้ นางป้อม จาดฤทธิ์ ทำการตัด และเผาเป็นถ่านเพื่อให้วัดต่อไป
    เมื่อเผาแล้วคุ้ยมาก็ไม่ไหม้ ซ้ำไฟที่ก่อยังไหม้คนเผาเสียแย่ไปเลย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าไปทำอะไรที่ ต้นโพธิ์นั้นอีกเลย ชาวบ้านรู้เข้าจึงได้ตัดทอนกิ่งโพธิ์แกะเป็นรูปหลวงพ่อเงินไว้สักการบูชา ปัจจุบัน ก็เหลืออยู่ที่วัดแต่น้อยเต็มที
    เท่าที่กล่าวมานี้เป็นเพียงบางส่วน ที่เป็นความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเงิน แห่งวัดหิรัญญาราม (วัดวังตะโก) ตำบลบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่เปรียบเหมือนกับธงชัย ที่ชาวอำเภอโพทะเล และใกล้เคียงยึดถือเป็นที่พึ่งทางใจของทุกคน จากที่ได้เล่ามานี้ มิใช่ว่าพูดขึ้นลอยๆ ซึ่งปราศจากหลักฐานที่ปรากฏชัดแจ้ง ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่บุคคลผู้สูงอายุประสบมาแล้วทั้งนั้น ถ้าท่านไป ที่ตำบลบางคลานหรือใกล้เคียง ชาวบ้านแถบนั้นจะเล่าให้ท่านฟัง อย่างไม่มีที่จบสิ้น และบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ล้วนแต่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งใกล้ชิดกับหลวงพ่อเงิน เคยอุปสมบทเป็นสัทธิวิหาริก และที่เคยปฏิบัติท่านอยู่ คือ.

    ๑. นายแปลก จุลพันธ์ อายุ ๘๖ ปี
    ๒. นายอ้น เพ็ญเกตุ อายุ ๘๐ ปี
    ๓. นายตุ๊ โตสุวรรณ อายุ ๗๗ ปี
    ๔. นายอิน หะทะยัง อายุ ๗๗ ปี
    ๕. กำนันโชติ นสกุล อายุ ๗๔ ปี
    ๖. นายเลี่ยม อิ่มณรัญ อายุ ๗๖ ปี

    ความศักดิ์สิทธิ์ ของ ' หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ ' วัดหิรัญญาราม (วังตะโก)
    จากคำบอกเล่าของ กำนันโชติ สนสกุล
    หลวงพ่อเงิน เป็นผู้ที่มีอภินิหารศักดิ์สิทธิ์ และพิศดารมาก ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
    หลายประการ และแม้ว่าท่านจะจากเราไปนานแล้ว ความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ก็ยังมิได้เสื่อมคลายสูญหาย จากเราไป
    ๑.ถ่ายรูปหลวงเงินไม่ติด ในระหว่างที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ ผู้คนบ้านใกล้เมืองไกล มักไปมา หาสู่ท่านมิได้ขาดระยะ ครั้งหนึ่งมีคนต่างชาติ (คนแขก) มาขอถ่ายรูปของท่านปรากฏว่ากระจกเลน หน้ากล้องแตก ครั้งที่สองถ่ายอีก ถ่ายตรงๆหน้าท่านพอเอาไปล้างรูปดูแล้ว ปรากฏว่า ไม่ติดหมดทั้งหน้า ติดเพียงแถบเดียว หน้าอัศจรรย์ยิ่งนัก
    ๒. การหล่อรูปจำลองหลวงพ่อเงิน เมื่อหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ ประชาชนเห็นความศักดิ์สิทธิ์ ของหลวงพ่อ จึงได้ตกลงกันว่าจะจัดหล่อรูปจำลองของท่านไว้ ในการเททองหล่อรูปปรากฏว่า เททองไม่ติด ทำอย่างไรก็เทไม่ติด จึงต้องนิมนต์ท่านมาในที่ ที่ทำพิธีเททองนั้น ของร้องท่านให้เทติด หลวงพ่อเงินบอกว่า เอาพอแต่แม้นๆ อย่าให้เหมือนเลย แล้วช่างก็ทำการเททองใหม่ จนเป็นรูปหล่อสำเร็จ ดังที่ปรากฏประดิษฐานอยู่ที่วัดหิรัญญารามในปัจจุบันนี้ รูปหล่อจำลองของท่านนี้ ได้เคยประดิษฐานไว้ในอุโบสถ ของ วัดหิรัญญาราม และนำไปประดิษฐานบนกุฏิหลังใหญ่ชั่วระยะหนึ่ง เพราะเกรงว่าจะโดนพวกมิชฉาชีพโจรกรรม ภายหลังหลวงพ่อพระครูพิบูลธรรมเวท ได้ก่อสร้างวิหาร เสร็จแล้วจึงได้อัญเชิญรูปหล่อจำลอง ของหลวงพ่อเงิน ขึ้นไปประดิษฐานบนวิหาร เพื่อให้ประชาชนได้ปิดทองสักการะบูชาจนถึงปัจจุบันนี้
    ๓. การทำปลอกช้าง เมื่อหลวงพ่อเงินยังมีชีวิตอยู่ ท่านมีช้างหลายเชือก เพื่อสะดวก
    แก่ผู้เลี้ยงช้าง จึงได้จัดทำปลอกช้างขึ้นใช้ ในระหว่างที่กำลังสูบเตาสูบเพื่อหลอมเหล็กนั้น เหล็กไม่หลอมละลายเพราะหลวงพ่อนั่งดูอยู่ ท่านแกล้งพูดว่าสูบไม่ดีเหล็กจึงไม่ละลาย จนกระทั่งลูกศิษย์ของท่าน ต้องการจะให้หลวงพ่อไปฉันภัตตาหารบนกุฏิเสีย จะได้ทำให้สำเร็จ และเมื่อหลวงพ่อจะลุกขึ้นไปฉันภัตตาหารบนกุฏิ ท่านแกล้งเอาจีวรทิ้งใส่ลงในเตาสูบนั้น พวกลูกศิษย์พากันตลึง ท่านก็แกล้งสูบเตาใหญ่ เพื่อให้จีวรไหม้ไฟ สูบอยู่นานจนควันขึ้นเป็นสีเขียวสีแดง ท่านเอาคีมคีบขึ้นมาจับดู ปรากฏว่าจีวรของท่าน ไม่ไหม้ไฟแต่ประการใดเลย พวกลูกศิษย์ที่มาช่วยกันทำปลอกช้างเห็นอย่างนั้น จึงพากันแย่งฉีกชายจีวร ของหลวงพ่อผูกคอผูกหัวกันคนละชิ้นสองชิ้น เมื่อท่านฉันภัตตาหารอิ่มแล้ว จึงลงมาดูที่ที่ทำปลอกช้างนั้น แล้วพูดว่า ใครเอาจีวรฉันไปไหน พวกลูกศิษย์จึงชี้ไปที่หัวที่คอ ซึ่งจีจรถูกฉีกเอาไปทำเครื่องรางของขลัง หมดแล้ว หลวงพ่อก็ยิ้มไม่ว่ากระไร นี่คืออภินิหารของหลวงพ่อเงิน ซึ่งศักดิ์สิทธิ์เหลือเกิน จีวรของท่านนั้น ยังเผาไฟไม่ไหม้เลย
    ๔. น้ำพระพุทธมนต์ของหลวงพ่อเงินแข็งได้ ในขณะที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ ประชาชน
    เลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อมาก ไปมาหาสู่ก็ให้หลวงพ่อรดน้ำพระพุทธมนต์ให้ เพื่อความเป็นศิริมงคล
    ครั้งหนึ่งมีชาวจีนซึ่งเป็นพ่อค้ามาจากจังหวัดสุโขทัย มาขอน้ำพระพุทธมนต์ท่านอาบ ท่านก็ให้เอาน้ำใส่บาตร ไปตั้งไว้ พร้องทั้งจุดเทียนไว้ด้วย แล้วท่านก็นั่งคุยกับแขกอีกหลายคน จีนผู้นั้นเห็นว่าเอาบาตรไปตั้งทำน้ำ พระพุทธมนต์นานแล้ว ไม่เห็นหลวงพ่อไปทำน้ำพระพุทธมนต์เลย จึงไปถามหลวงพ่อท่านตอบว่าเสร็จแล้ว ชาวจีนผู้นั้นเคืองโกรธหลวงพ่อมาก เพราะนั่งรออยู่เป็นนานไม่เคยเห็นท่านลุกไปทำน้ำพระพุทธมนต์ให้เลย แต่กลับมาบอกว่าทำให้เสร็จแล้ว ด้วยความโกรธจึงยกเอาบาตรน้ำนั้นไปเททิ้งที่แพน้ำ ปรากฏว่าน้ำพระพุทธมนต์นั้นแข็งเทเท่าไรก็ไม่ออก จึงอุ้มบาตรขึ้นมาหาหลวงพ่อ บอกหลวงพ่อว่าน้ำมนต์แข็งเทไม่ออก หลวงพ่อจึงบอกให้ลองเทดูอีกครั้ง ชาวจีนผู้นั้นจึงเทน้ำพระพุทธมนต์ต่อหน้าหลวงพ่อ ปรากฏว่าน้ำ พระพุทธมนต์นั้นไหลออกจากบาตรจนหมด ท่านก็หัวเราะชอบใจ จีนผู้นั้นจึงไม่ได้รดน้ำพระพุทธมนต์ ของหลวงพ่อเลย
    ๕. วัดหลวงพ่อเงินเสมือนสวนสัตว์ ครั้งหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ สัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงมีมากมาย เช่น ช้าง กระบือ ละมั่ง กวาง นกยูง หมี ลิง ชะนี นกต่างๆ เป็นต้น แม้แต่เวลานี้สภาพทางภูมิ ศาสตร์รอยจารึกอยู่ และมีชื่อว่าคลองบางกระหญ้า คือเป็นที่ทอดหญ้ากระบือของหลวงพ่อ อยู่ห่างจากวัด ไปทางทิศเหนือเล็กน้อย ยังมีชื่อปรากฏอยู่จนถึงปัจจุบันนี้
    ๖. เชื้อพระวงศ์มาเยี่ยมวัดหลวงพ่อเงิน เมื่อหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ นอกจากจะมาฝากตัวเป็นศิษย์ร่ำเรียนเวทวิทยาคมแล้ว ยังได้มาขอให้หลวงเงิน อาบน้ำพระพุทธมนต์ให้อีกด้วย และยังมีสมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ์ (กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช) มาขอเรียนศิลปศาสตร์เวทวิทยาคมกับหลวงพ่อด้วย
    ๗. แอบดู 'หลวงพ่อเงินทำวัตรในกุฎิ' ในสมัยที่หลวงพ่อเงิน ไปจำพรรษาที่วัดท้ายน้ำ ผู้ใหญ่เลียบ 'ครั้งเป็นศิษย์วัด' ชอบซุกซน ตามประสาเด็ก ครั้งหนึ่งในตอนกลางคืนเห็นว่าหลวงพ่อปิดประตูหน้าต่างกุฏิ แล้วเริ่มทำวัตรเย็นและเจริญ พระพุทธมนต์ เด็กชายเลียบ กับเพื่อนอีกสองคน ก็ไปที่กุฎิหลวงพ่อ เพื่อแอบดูหลวงพ่อทำวัตร เมื่อมอง ลอดช่องฝาไม้กุฎิเข้าไป ก็มองไม่เห็นหลวงพ่อเงินเลย เห็นแต่ธูปเทียนที่ท่านจุดบูชาพระพุทธรูป และได้ยินแต่เสียงของท่านที่กำลังเจริญพระพุทธมนต์เท่านั้น เด็กชายเลียบและเพื่อนถึงกับตลึงขนลุกชูชัน ซึ่งเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก
    ๘. หลวงพ่อเงินใช้ศิษย์ไปแย่งปลาจากปากจระเข้ ในสมัยที่หลวงพ่อเงิน ไปช่วยหลวงพ่อเขียว สร้างอุโบสถที่วัดท้ายน้ำ ช่วงฤดูแล้ง ท่านพักอยู่แพท่าน้ำใต้ต้นโพธิ์หน้าวัด ครั้งนั้นมีจระเข้ตัวหนึ่งกำลังคาบปลาชะโดตัวใหญ่ลอยอยู่ในแม่น้ำ มีชายหนุ่มคนหนึ่งไม่ปราฏกชื่อเป็นชาวอำเภอสามง่ามจะมาขอเรียนวิชา กับหลวงพ่อเงิน ท่านจะทดสอบวาระจิตของชายหนุ่มผู้นี้หรืออย่างไรไม่ทราบได้ ท่านจึงใช้ให้ไปแย่งเอาปลามาจากปากของจระเข้ ด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธาในองค์หลวงพ่อเงิน เขาจึงกระโดดลงในแม่น้ำว่ายไปยังจระเข้ที่กำลังคาบปลาผลุบๆโผล่ๆอยู่ในแม่น้ำ เมื่อว่ายเข้าไปใกล้จระเข้ก็ดำน้ำไป เขาก็หันไปตะโกนบอกกับหลวงพ่อว่า จระเข้ดำน้ำไปแล้วครับ หลวงพ่อก็บอกว่า เองก็ดำตามไปซิวะ เข้าก็ดำน้ำตามจระเข้ และสามารถ แย่งเอาปลาชะโดที่ตายแล้วมาจากปากจระเข้ได้ ว่ายน้ำนำเอาปลามาถวายหลวงพ่อเงิน ที่แพท่าน้ำ หลวงพ่อหัวเราะชอบใจใหญ่ แล้วพูดว่า ' เออเองใช้ได้ ' แล้วท่านก็รับชายหนุ่มผู้นั้นไว้เพื่อสอนวิชาอาคม
    ๙. หลวงพ่อวาจาสิทธิ์ ครั้งหนึ่งหลวงพ่อเงินขี่ช้างไปที่ป่าโนนรัง ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่หมู่ ๗ ต.ท้ายน้ำ อ.โพทะเล จ.พิจิตร เพื่อไปแสวงหาไม้ที่จะทำไม้ตะพดตามนิมิตของท่าน เมื่อได้ไม้สมประสงแล้ว ก็ขี่ช้างเดินทาง ข้ามทุ่งทับแจง มาพักช้างฉันภัตตาหารเพลที่ทุ่งกว้าว (ทุ่งสะเดาหวาน) ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ ๔ ต.ท้ายน้ำ อ.โพทะเล จ.พิจิตร ท่านได้ให้ลูกศิษย์ที่ติดตาม ไปเด็ดเอาช่อสะเดาที่กำลังออกช่อน่ากินมากำมือหนึ่ง เพื่อเอาฉันกับน้ำพริก เมื่อฉันอยู่ท่านก็พูดว่า ' เออ สะเดาต้นนี้ช่อหวานมันดีนะ ' นับตั้งแต่นั้น จนถึงปัจจุบันนี้ แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปเกือบร้อยปีแล้ว สะเดาต้นเดิมจะตายไปแล้วเหลือต้นลูกหลาน ก็ปรากฏว่า ช่อสะเดายังมันเหมือนเดิมไม่มีขมเลย ปัจจุบันนี้ยังได้รับการอนุรักษ์อยู่ นับว่าหลวงพ่อเงินมีวาจาสิทธ์เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก

    7-9 จากคำบอกเล่าของ ผู้ใหญ่เลียบ พูลชัยนาท ผญบ. หมู่ ๑ ต.ท้ายน้ำ อ.บางคลาน
    (ปัจจุบันเป็น อ.โพทะเล จ.พิจิตร)

    ที่มา
    หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน วัดวังตะโก และวัดท้ายน้ำ เทพเจ้าแห่งอำเภอ ...
    luckytravel.igetweb.com/.../อยากมีเงินต้องรู้จักหลวงพ่อเงิ... - แคช
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 ธันวาคม 2012
  6. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    ขอบารมีหลวงปู่โตหลวงปู่ทวดคุ้มครองทุกท่าน
    แคล้วคลาดปลอดภัย

    นอนหลับฝันดีค่ะ..:d

    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1160834.jpg
      P1160834.jpg
      ขนาดไฟล์:
      128.4 KB
      เปิดดู:
      259
    • P1160835.jpg
      P1160835.jpg
      ขนาดไฟล์:
      133.2 KB
      เปิดดู:
      283
  7. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    อ่านเจอมาค่ะ
    ฟังก่อนเข้านอน...:d


    คนยืมเงินแล้วไม่คืนจะทำอย่างไร (พระราชสุทธิญาณมงคล)

    คนยืมเงินแล้วไม่คืนจะทำอย่างไร

    พระราชสุทธิญาณมงคล

    มีเงินให้เขากู้ มีความรู้อยู่ในตำรา เวลาจะหยิบยกมาใช้ มันลำบากเหลือเกิน ทุกคนไม่อยากอยู่ในสภาพนี้ บางคนก็ตกอยู่ในสภาพจำยอม เกิดปัญหาแล้วไม่ทราบว่าจะแก้อย่างไร

    ถ้าเรามาเจริญกรรมฐานอาจช่วยได้ กำหนดยืนหนอ ๕ ครั้ง เบื้องบนจากปลายผมลงไปถึงปลายเท้า เบื้องล่างจากปลายเท้าขึ้นมาถึงปลายผม

    กำหนดยืนหนอ ๕ ครั้ง ได้คล่องแคล่วว่องไวแล้ว พอเห็นคนเดินมา มองหน้าดูศีรษะถึงปลายเท้า แบบที่เราดูตัวเอง เดินเข้ามาอีก จิตเราจะสัมผัสทันทีว่า คนนี้มาทำไม ยิ้มมาเลย ตั้งแต่เข้าประตูมาแล้ว

    เราก็กำหนดเห็นหนอ เห็นตั้งแต่ศีรษะลงปลายเท้า สัมผัสบอกแล้ว “เป็นมิตรตอนกู้ เป็นศัตรูตอนทวง” คนมาขอยืมเงินต้องไม่ให้

    อยากจะเรียนถามโยมว่า จะโกรธหนเดียวหรือโกรธหลายหนดี ถ้าโกรธหนเดียวอย่าให้

    พอไม่ให้สะบัดก้นไปเลย วันหน้าเขาจะมองหน้าสนิท ถ้าโกรธหลายหนเป็นอย่างไร “ทวงทีไร โกรธทุกที”

    เพื่อนบอกว่า “เงินไม่มีหรืออย่างไร ถึงไม่ให้ยืม” ถ้าเรามีต้องบอกว่ามี อย่าโกหก แต่เงินที่มีอยู่นั้นเราจำเป็นต้องใช้ ต้องส่งลูกเรียน ต้องซื้อบ้านให้ลูก ถ้าเพื่อนเอาไปเสียแล้ว ลูกจะเอาที่ไหนเล่า

    บางคนโกหกเลย เงินมีอยู่ในตู้บอกว่าไม่มี อย่าโกหกนะ เงินหนีเลย เงินมันจะเสียใจเลยหนีไปอยู่กับคนนั้นเลย

    ทองลุกได้ ทองหนีได้ เงินหนีได้นะ ถ้า คนไหนมีมงคล คนนั้นเงินไหลนอง ทองไหลมา ถ้าคนนั้นเป็นอัปมงคล ทองจะหนีออกนอกบ้าน อย่าโกหกนะ

    ก็โกรธกันหนเดียว คือไม่ให้แล้วก็แจงให้เขาฟังว่า เราจำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้ไปให้ลูก สำคัญโกรธบ่อย ๆ นี่แย่มาก ทวงทีไรโกรธทุกที เลยเพื่อนกันไม่พูดกันจนบัดนี้

    ถ้าใครยืมเงินเราไป อธิษฐานจิตแผ่เมตตา ว่า เขาเอาไปแล้ว ขอให้เขารวย เขาจะได้นำมาใช้เรา

    ถ้าเป็นศัตรูกันแผ่ไม่ไป ต้องนั่งกรรมฐานพัฒนาจิตให้ลึกซึ้งและก็ขออโหสิกรรมก่อนแล้วแผ่เมตตาถึงจะออก ถ้าไม่อย่างนั้นยิ่งแผ่ยิ่งไปกันใหญ่เลย

    เรื่องที่ ๑

    มีอยู่เรื่องหนึ่ง สมัย ๒๐ ปีมาแล้ว มีอาเสี่ยคนหนึ่งอยู่ที่เยาวราช กรุงเทพมหานคร มีเพื่อนแซ่เดียวกันมาจากเมืองจีนด้วยกันมาขอยืมเงินไป ๓ ล้าน

    ให้ไปแล้วเขาก็นำไปค้าขาย เกิดค้าขายขาดทุนไม่มีดอกเบี้ยส่ง ดอกเบี้ยก็เพิ่มพูนไปเป็นเวลา ๑๕ ปี ทบต้นไปเรื่อย ๆ รวมแล้ว ๑๐ กว่าล้าน

    เมื่อไม่เอาเงินมาคืน อาเสี่ยจึงฟ้องร้องต่อศาลเป็นคดีแพ่ง ไม่ใช่คดีอาญา ต่างคนต่างยิงกันไปคนละศพ มีแต่เวรกรรมสนองงานตลอดมา

    ไปหาหมอดู หมอดูก็บอกให้สร้างโบสถ์ สร้างศาลา สะเดาะเคราะห์ ก็ยังไม่ได้ จึงแช่งชักหักกระดูกเป็นกฎแห่งกรรม เป็นศัตรูต่อกัน พอดีคนกรุงเทพฯ เขาพามาที่วัดนี้ เขาก็พูดไทยไม่ชัดทั้งสามีภรรยา

    อาตมาบอกว่า โยมสองคนอยากได้เงินคืนไหมล่ะ เขาเอาของเราไปจะใช้ไหม และประการที่สอง เมื่อชาติก่อนเราไปเอาของเขามาก่อนหรือเปล่าประการใด ต้องนั่งกรรมฐานแผ่เมตตาให้เขา แล้วไปถอนฟ้องเสีย เขามาเข้ากรรมฐานอยู่ ๑๕ วัน จึงปลงตก

    ตอนที่อาตมาบอกให้เถ้าแก่กับอาซิ้มมานั่งกรรมฐาน เขาบอกว่า “เขาเป็นคนจีนนั่งไม่เป็น”

    อาตมาก็บอกว่า “เป็นซิ อย่านั่งให้มันตายซิ ตั้งสติไว้ มานั่งแล้วแผ่เมตตาให้เขา ถอนฟ้อง อย่าไปเอาเลย ยกให้เขาไปเถอะ”

    อาซิ้มบอก “ไม่ล่าย ไม่ล่าย”

    อาตมาก็บอกว่า “ยกให้ไม่ได้แล้วจะไม่ได้คืนนะ ปลงให้มันตก ยกให้เขาซะ กลับไป ไปถอนฟ้อง อย่าไปฟ้องเขา มันมีทางจะได้ ยิ่งฟ้องยิ่งไม่ได้”

    อาซิ้มถามว่า “หลวงพ่อจะให้อิฉันทำอาลายฮะ”

    หลวงพ่อก็พูดเลียนแบบว่า “ก็แผ่เมตตาให้มันฮะ”

    อาซิ้ม “โอ้โฮ! หลวงพ่อเอ้ย ปลงไม่ตก ถ้าหลวงพ่อเป็นอิฉันบ้าง จะเป็นยังไงฮะ”

    หลวงพ่อ “โอ้! ถ้าเป็นของหลวงพ่อนะ ยกให้มันไปนานแล้ว ยกให้ดีไหม”

    อาซิ้ม “ไม่ล่าย”

    หลวงพ่อ “เอ้า! ไม่อย่างนั้นไม่ได้คืนนะ ต้องมาเจริญกรรมฐาน แผ่เมตตา ยกให้”

    เถ้าแก่นั่งได้ ๓ วัน ปลงตกเลย มาบอกว่า “หลวงพ่อ ผมปลงตกแล้ว ผมไม่เอาเลย มันเป็นเพื่อนกันมาจากซัวเถา ก็ไม่เป็นไร ให้กันได้ แซ่เดียวกัน อยู่คนละตำบล”

    แต่อาซิ้มกว่าจะปลงตก ต้องหลาย ๆ วัน ปลงอย่างไรรู้ไหม

    พอนั่งกรรมฐานเสร็จแล้ว หลวงพ่อให้ว่าอย่างนี้หนอ สัพเพสัตตาหนอ ก็เงิน ๓ ล้าน ๔ ล้านเดี๋ยวนี้เป็น ๑๐ ล้านหนอ ก็ยกให้มันไป ไม่ต้องเอาอะไรแล้วไปถอนฟ้องด้วย

    พออั๊วคิดถึงเรื่องเก่า แหม! เงินกว่าจะได้มาแต่ละสลึง ได้ยากเหลือเกิน เหงื่ออาบลูกคาง แบกของเป็นจับกัง กว่าจะได้เงินรวมมาเป็นนายห้างนี้แสนจะยาก พอนึกมาถึงตอนนี้ ขอให้แม่มันฉิกหาย ๆๆ ให้ฉิกหายไปเลย อาซิ้มก็ฉิกหายเลยนะ กว่าจะปลงตกได้

    อาตมาก็บอกให้ ตั้งสติเข้าไว้ และบอกว่าอาซิ้มเอ้ย เงินทองของนอกกาย เรายังไม่ตายหาใหม่ได้ ยกให้เขาเถอะ นึกว่าเวรกรรม เมื่อชาติก่อนเราไปเอาของเขามา เราก็ใช้หนี้เก่าไป และเราก็ไม่ทราบได้ว่าไปเอาของเขาหรือไม่ มาตอนนี้ก็ไม่มีอะไรกัน ก็ให้เขาไปได้ง่าย เราก็มีเงินมีทองแล้ว อาซิ้มมาจากซัวเถา มีอะไรติดตัวมา

    อาซิ้มบอกว่า อั๊วไม่มีเลย หลวงพ่อเอ๋ย มีเสื่อ ๑ ผืน หมอนใบเดียว อั๊วก็มาเป็นลูกจ้างเขาที่ท่าเตียน และทำโน่นทำนี่ จนมีเงินทองมากมายก่ายกอง นี่คิดถึงเรื่องเก่า อิฉันปลงตกแล้วหลวงพ่อ

    เจริญกรรมฐาน แผ่เมตตา ไม่จำเป็นต้องเป็นคนไทยนะ อาซิ้มแกพูดไม่ชัด ทีแรกก็บอกว่า พองหนอ ยุบหนอ พองหนอ ยุบหนอ เลยตอนหลังไม่เอาหนอดีกว่า เลย พองยุบ พองยุบ ดีกว่านะ อาหลวงพ่อนะ

    พองแล้วยุบ ยุบแล้วก็พอง หนักเข้า อั๊วไม่พองที่ท้องแล้ว อั๊วเอาปาก พองหนอ ยุบหนอ พองหนอ ยุบหนอ มันสบายดีแล้วหนอ เทียวไล้เทียวขื่อแล้ว

    ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อุทิศส่วนกุศลให้คู่ปรปักษ์ศัตรูนั้นเป็นมิตร ที่เคยจ้างมือปืนฆ่ากันมา

    อาซิ้มก็บอกว่า “ขอให้อาช้อง (คู่ปรปักษ์) รวย ๆ นะ ขอให้ลื้อมีเงินมีทองมาก ๆ นะ อั๊วเคยแช่งลื้อให้ฉิกหาย อั๊วถอนคำพูดนะ หลวงพ่อให้พรอั๊วแล้ว พระยถาสัพพีให้อั๊วแล้ว อั๊วก็บอกให้ลื้อรวย ๆๆๆ มากมายก่ายกอง ไม่ให้อั๊วก็ไม่เป็นไร อั๊วปลงตกแล้ว” ก็ว่าอย่างนี้นะ

    เป็นคนจีนก็สามารถทำได้ดีปลงตกจิตใจดี ทำบุญเก่ง ตัดสินใจได้เก่งมาก

    ก็ได้ความว่า คู่ปรปักษ์ที่เป็นศัตรูนั้นก็กลายเป็นมิตรกัน เจอกันก็สวัสดีกัน ไม่เหมือนแต่ก่อน มีอารมณ์ดีด้วยกัน แผ่เมตตาด้วย กรรมฐานดีที่สุด

    อาช้องเขาก็ไปค้าขายกับไต้หวัน ค้ากับฮ่องกง ญี่ปุ่น รวยมหาศาล ตั้ง ๑๐ กว่าล้าน เขาก็นำเงินมาใช้หนี้ทั้งเงินต้น ทั้งดอกเบี้ย และพากันมาถวายสังฆทานที่วัดอัมพวันและเล่าความหลังให้ฟัง

    อาตมาจึงรู้เรื่องนี้ละเอียด และอาช้องเขาก็เป็นคนดี มีลูก ๓ คน ก็ไปเรียนต่างประเทศหมด เดี๋ยวนี้รวยกว่าเก่า อยู่ในกรุงเทพมหานคร เขาไม่เคยนั่งกรรมฐานและไม่เคยสนใจด้วย มาเล่าให้อาตมาฟัง เขาก็พูดไทยไม่ชัด

    อาหลวงพ่อเอ้ย อั๊วเนี่ยมันเป็นศัตรูกันมันฟ้องกัน เสียเวลาไปศาลนะ ตั้ง ๔-๕ ปี ก็ไม่เลิกกัน แล้วมันก็ฆ่าลูกน้องอั๊วตาย และไม่รู้เป็นยังไงนะหวงพ่อนะ ตั้งแต่เพื่อนอั๊วมันไม่ไปศาล ไปถอนฟ้อง และได้ข่าวว่ามาอยู่ที่วัดอัมพวัน อั๊วก็ไม่รู้เรื่อง

    เขากลับไป เขาก็ทักทายปราศรัยดี ไปกินเลี้ยงที่สมาคมจีน เขาก็นั่งโต๊ะเดียวกัน เขาก็ตักไอ้โน่น ไอ้นี่ให้ อั๊วก็แปลกใจ เขาก็ยิ้มแย้มแจ่มใสกับอั๊วดี เป็นอย่างไรหนอ

    ต่อจากนั้นมา อั๊วก็ขายดิบขายดี ส่งของให้ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไต้หวัน ได้เงินมามากมายก่ายกอง อั๊วก็มาถวายหลวงพ่อและเงินทองอั๊วได้คืนให้หมดแล้ว

    เพื่อนเขาก็ดีเหลือเกิน ไม่เอาดอกเบี้ยเลยแม้แต่สตางค์เดียว ขอต้นคืนเท่านั้น

    ดูซิโยม ไม่ยอมรับดอกเบี้ยตั้งหลายล้าน เพราะนั่งกรรมฐานปลงตกแล้ว

    อาช้องก็ไปร่ำรวยมากกว่าเถ้าแก่นี้ ก็เลยอุปการะลูกบ้านนี้ต่อไป และได้อาศัยเข้าหุ้นบริษัทกันต่อไป ร่ำรวยมหาศาล

    นี่ ปฏิบัติกรรมฐานอย่างเดียวนะ ถ้าเป็นไปได้ แผ่เมตตาไป เขาก็ได้เงินได้ทอง

    ถ้าเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเราไปโกงเขามาก่อน ก็ขอให้อโหสิกรรมต่อกันไป ไม่ต้องเอาคืน

    โยม ถ้าใครโกงเราดี ดีว่าเราไปโกงเขา ถ้าเราโกงเขาไม่ดีหรอก เราเกิดมามีให้เขาโกงนะดีที่สุดแล้ว นั่งปลงให้ตก จะเห็นดังนี้

    ถ้าปลงไม่ตก จะบอกว่า หลวงพ่อพูดอย่างนี้อีกแล้ว ไม่ใช่อะไรนะ อาตมายังโดนเลย

    เรื่องที่ ๒

    ขอเจริญพรญาติโยม นี่คือเรื่องจริงที่ประสบกับอาตมา ตอนบวชอยู่ที่วัดพรหมบุรี มีเจ๊คนหนึ่งเอารถบรรทุกทราย บรรทุกหินมาขาย อาตมาไม่เคยรู้จักบ้านเขาเลย ไม่ทราบว่าหัวนอนปลายเท้าอยู่ที่ไหน เขาบรรทุกหินบรรทุกทรายมาช่วยอาตมาสร้างวิหาร

    วันหนึ่งเกิดรถเสีย เขาก็มาหาอาตมา บอกว่า “นี่ท่านขอยืมเงินสัก ๑,๕๐๐ บาทเถอะ รถเสีย”

    อาตมาก็บอกว่า “โอ้โฮ! ไม่มีเลยเจ๊”

    สมัยก่อนเป็นพระลูกวัด ไม่ค่อยมีเงินหรอก

    เขาบอกว่า “หลวงพี่ไปขอยืมใครมาก่อน” ตอนนั้นยังเป็นหลวงพี่

    อาตมาจึงไปขอยืมคนรู้จักกันในตลาดปากบางมา ๑,๕๐๐ บาท ให้เจ๊คนนี้ไป เขาก็ไปเอารถที่แก้ไว้ที่สิงห์บุรี อาตมาก็ไม่รู้จักบ้านของเขา

    อยู่ต่อมาอีกไม่ช้า เจ๊คนนี้มาขอยืมอีก ๕,๐๐๐ บาท บอกว่ารถเกิดถอยหลังไปชนร้านกาแฟพัง

    อาตมาก็นึกในใจว่า โอ้โฮ! ๑,๕๐๐ บาท ยังไม่ได้ จะเอา ๕,๐๐๐ อีกหรือนี่

    เขาก็บอกว่า “หลวงพี่ไปขอยืมใครมาก่อน”

    อาตมาก็ไปขอยืมเจ้าเก่าอีก ยืมมา ๕,๐๐๐ บาท

    เขาก็บอก “เอาบ่อยจัง เอาไปทำไม”

    เขาก็ให้มาอีก อาตมาก็ให้เจ๊คนนั้นไป

    จากนั้นมา เจ๊ก็เงียบ ให้ตั้งแต่เจ๊กำลังท้องลูกคนโตเป็นสาวและแต่งงานแล้วก็ยังเงียบ

    วันหนึ่งเขามาหาอาตมาบอกว่า “หลวงพี่ นิมนต์ไปฉันที่บ้าน”

    อาตมาก็นึกว่า “โอ้โฮ! เจ้าประคุณ ได้เงินคืนคราวนี้แล้ว ได้คืนแน่ ๆ”

    อาตมาก็ไป เขาเอารถมารับ บ้านใหญ่โตอยู่นครนายก มีรถ ๑๐ ล้อตั้ง ๑๐ คัน สามีเป็นเถ้าแก่ใหญ่ เป็นช่างรับเหมาก่อสร้าง

    อาตมาก็ถามพระที่ไปสวดว่า “เจ๊คนนี้เคยโกงใครไหม”

    พระท่านบอกว่า “ชื่อเสียงดี ไม่เคยโกงใครหรอก” แต่เอาของอาตมาไปตั้ง ๖,๕๐๐ บาทแล้ว

    พอเสร็จพิธี เขาก็บอกว่า หลวงพ่ออยู่ก่อนนะ ให้พระไปก่อน อาตมาก็นึกว่าเขาคงจะให้เงินเราแน่คราวนี้ เตรียมกระเป๋าไปใส่เงินด้วย แต่เขาไม่พูดถึง

    เงินที่อาตมาไปยืมเขามา อาตมาใช้หมดแล้ว กว่าจะใช้หมดตั้ง ๔-๕ ปี มาติกา บังสุกุลไปใช้เขา

    โอ้โฮ! เล่นเอาแย่เลย ก็ไม่ว่ากัน เจ๊ที่นครนายกรับเหมาก่อสร้าง บ้านใหญ่โตอย่างกับวัด เขาไม่เคยโกงใคร แต่ทำไมลืมเรา

    และเขาก็มาบ่อยนะ เอาของมาถวายเยอะแยะเลย เอ๊ะ! ทำไมไม่พูดเรื่องสตางค์ มันเป็นเพราะอะไร จนลูกในท้องแต่งงานก็ยังไม่พูดถึงอีก

    ลูกสาวเขาก็มาหาอาตมาบ่อย ๆ ตอนนั้นยังไม่เป็นสมภารและกรรมฐานยังไม่เชี่ยวชาญ ไปบ้านเขาคราวนั้นแล้วก็ไม่ได้ไปอีก

    อาตมาก็เจริญกรรมฐานมาตามลำดับ ก็ปรากฎ กฎแห่งกรรม ออกมาว่า

    “นี่พระคุณเจ้า เมื่อชาติก่อน ท่านไปเอาของเขามาแสนหนึ่งนะ ใช้ ๖,๕๐๐ ก็พอแล้ว”

    เหตุนี้เองจึงทำให้เขาลืมนะ เขาไม่พูดถึงจริง ๆ นี่เวรกรรมนะ เราไปเอาของเขามาจริง ไปเอาของเขามาแสนหนึ่ง แต่ใช้ ๖,๕๐๐ ก็พอแล้ว

    อาตมาก็แผ่เมตตาให้ จนป่านนี้แล้วไม่เคยเอามาให้

    นี่เล่าให้ฟังเป็น กฎแห่งกรรม ที่สะท้อนย้อนเข้ามาหาตัวเราเอง

    เรื่องที่ ๓

    มีอีกเรื่องหนึ่งที่อาตมาประสบมา เมื่อครั้งไปเทศน์ที่กระทรวงศึกษาธิการ มีข้าราชการ ซี.๗ คนหนึ่งยังไม่ได้แต่งงาน ได้ติดตามมาที่วัดนี้

    ข้าราชการผู้นี้เป็นคนมีเงิน เพื่อนมากู้ไป และเป็นคนค้ำเพื่อนกู้ธนาคารด้วย เพื่อนก็ขนเงินไปให้แม่ชะม้อยหมด เมื่อหมดโอกาสที่จะได้เงินคืนเพื่อนถูกยื่นคำขาด ต้องหนีออกจากราชการไปอยู่เชียงใหม่สองสามีภรรยา

    มีหนี้สิน ๗-๘ ล้าน จะทำอย่างไร โดยเฉพาะที่กรมการศาสนา ๑.๕ ล้าน

    ธนาคารยื่นโนติสที่ไปค้ำเขาไว้ให้ใช้คืนโดยให้ผ่อนส่ง ก็เสียอกเสียใจ

    เพื่อนกับภรรยาก็หนีไปอยู่เชียงใหม่ เหมือนสุนัขหัวเน่า ไปอยู่ที่ไหนไม่มีใครนำพาเลย เป็นหนี้หลายเจ้าด้วยกัน ร่วม ๑๐ ล้านจะเป็นอย่างไร โยมติดตามฟังดังนี้

    ข้าราชการซี.๗ ก็ไปบวชชีพราหมณ์ที่ฝั่งธนฯ บวชแล้วพระท่านก็สอนใช้คาถาพระร่วงแช่งไป

    มานั่งกรรมฐานก็แช่ง ขอให้เพื่อนเราที่ทำให้เราช้ำใจ ทำให้เราต้องใช้หนี้ธนาคารแทน ขอให้ฉิบหาย ขอให้ไฟไหม้บ้านมัน

    อยู่ต่อมาไม่ช้า ไฟไหม้บ้านข้าราชการซี .๗ คนนี้เลย อยู่ทีฝั่งธนฯ ต้องซ่อมบ้านที่ไฟไหม้ไปตั้งสองแสนเจ็ดหมื่นบาท

    ท่านทั้งหลายเห็นไหม พฤติกรรมแสดงออกให้มันฉิบหาย ให้ไฟไหม้บ้านมัน มันก็อยู่ในจิตใจคนแช่ง จึงถูกไฟไหม้ก่อน เห็นชัดแล้ว

    เลยก็เสียอกเสียใจแช่งใหญ่ พระที่ไหนไม่ทราบให้คาถาพระร่วงแช่งเข้าไป มันอยากเอาของเราไป นี่พระนะ บวชชีพราหมณ์วัดไหนไม่ทราบ

    อาตมาไปพูดที่กระทรวงศึกษาธิการบอกแก้กรรมได้ เขาก็ติดตามมาวัดนี้

    เขาบอกว่า “หลวงพ่อคะ ฉันก็แผ่เมตตาด้วยการแช่ง ขอให้ไฟไหม้บ้านมัน ไฟไหม้บ้านฉันเข้าแล้ว” นี่แหละบาปกรรมตัวเป็นคนทำ ไม่ใช่คนอื่นทำให้

    สองสามีภรรยาก็ไปทุลักทุเลอยู่เชียงใหม่ หลบหน้าไปเป็นลูกจ้างทำสวนอยู่กับเจ้าเชียงใหม่แห่งหนึ่ง แต่จะไม่กล่าวชื่อของท่านเหล่านั้น ทำสวนผลไม้ที่ ๕๐๐ กว่าไร่

    เจ้าเชียงใหม่ก็ไม่ทราบว่าสองสามีภรรยานี้เป็นใคร ทำงานไปบ้างครั้งก็ร้องไห้ เพื่อเขามาฝากไว้ทำไร่ทำสวน เพื่อหาเงินทองให้ตัวเอง


    อาตมาก็บอกกับโยม ซี.๗ นี้ว่า ให้มานั่งกรรมฐาน ๗ วัน ลาพักร้อนมา


    สุดท้ายขายที่ได้ สรุปความว่าได้กำไร ๑.๕ ล้าน เขามาซื้อสร้างบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม หลายอย่าง ดีใจมาก ได้เงินพิเศษจับเสือมือเปล่าได้ ๑๕ ล้าน สมความมุ่งมาดปรารถนา

    เขาก็ล่องมากรุงเทพฯ ใช้หนี้หมด แล้วก็มาหา ข้าราชการซี.๗ ที่ถูกกรรมการสอบสวน สอบแล้วไม่มีความผิด เลยได้สองขั้นไปเลย เป็นผู้อำนวยการกองทันที นี่อำนาจบุญกรรมฐานนะ

    นี่แหละกฎแห่งกรรม กรรมฐานแก้กรรมได้แน่ ๆ หมื่นเปอร์เซ็นต์ กรรมฐานรู้เหตุการณ์ได้ กรรมฐานแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ มีหลายเรื่องหลายรส แต่ขอชี้แจงบทความ ๓ ข้อคือ
    ๑. ระลึกชาติได้
    ๒. รู้กฎแห่งกรรมได้
    ๓. แก้ปัญหาได้
    และสามารถแก้ปัญหาปัจจุบันที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าได้ สรุปใจความจากข้อต้นถึงข้อสุดท้ายคือ

    อย่ามารื้อฟื้น ไปไหนปากอย่าไว ใจอย่าเบา เรื่องเก่าอย่านำมารื้อฟื้น เรื่องของคนอื่นอย่านำมาคิด กิจที่ชอบทำ ปัจจุบันเป็นของเราแล้วคือเดี๋ยวนี้ อนาคตอย่าจับให้มั่นคั้นให้ตาย โยมจะผิดหวัง โยมจะเสียใจตลอดชีวิต ขอฝากข้อคิดไว้ด้วย

    ที่มา

    คนยืมเงินแล้วไม่คืนจะทำอย่างไร (พระราชสุทธิญาณมงคล) จากบล็อก โอเคเนชั่น oknation.net
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 ธันวาคม 2012
  8. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    สมเด็จโต .พระสีวลี วัดตาลเจ็ดยอด

    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1160832.jpg
      P1160832.jpg
      ขนาดไฟล์:
      127.9 KB
      เปิดดู:
      258
    • P1160833.jpg
      P1160833.jpg
      ขนาดไฟล์:
      120.3 KB
      เปิดดู:
      279
  9. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    เมื่อช่วงที่จะเดินทางกลับค่ะ รถแวะพักให้ทานข้าวแถวประจวบ....ได้พบพระท่าน...ซึ่งท่านกำลังจะเดินทางกลับจังหวัดยะลา จำวัดที่บ้าน ยุโป....
    ได้ร่วมทำบุญกับพระท่านค่ะ .....ท่านบอกให้ใส่ในบาตร ซึ่งเพิ่งขุดพบ...นำเงินถวายปัจจัยใส่ในบาตร พี่เขาบอกว่ามีพระนางจามเทวีอยู่ แต่เนื่องจากรถทัวร์รีบออกก็เลย...
    ไม่ได้เห็นบาตรนั้น...แต่พี่อีกคนท่านถ่ายภาพไว้ นำมาให้ชมค่ะ...
    และพระท่านก็มอบพระกรุให้ค่ะ...

    หากได้ไปจังหวัดยะลา อยากไปวัดของพระท่านค่ะไปร่วมทำบุญที่นั่นอีก...

    ..............................................................................................


    บุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดลำพูน

    พระนางจามเทวี
    [​IMG]

    พระนางจามเทวี เชื่อกันว่าเป็นปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญชัย ทรงเป็นพระราชธิดาของพระเจ้าจักรพรรดิราช แห่งกรุงละโว้(ลพบุรี) ปีประสูติ ระยะเวลาครองราชย์ และปีสวรรคตของพระนางจามเทวี มีผู้บันทึกหรือวิเคราะห์ไว้ต่างกัน เช่น

    ชินกาลมาลีปกรณ์ ว่าครองราชย์ พ.ศ. ๑๒๐๕ ครองราชย์อยู่ ๗ ปี

    นายมานิต วัลลิโภดม สอบค้นว่าประสูติ เมื่อพ.ศ. ๑๑๖๖ ครองราชย์ พ.ศ. ๑๒๐๕ ครองราชย์อยู่ ๑๗ ปี สิ้นพระชนม์ พ.ศ. ๑๒๕๘ พระชันษาได้ ๙๒ ปี

    ตำนานฉบับที่นายสุทธวารี สุวรรณภาชน์ แปลและเรียบเรียง คือ ประสูติ พ.ศ. ๑๑๗๖ ครองราชย์ พ.ศ. ๑๒๐๒ สละราชสมบัติพ.ศ. ๑๒๓๑ และสวรรคต พ.ศ. ๑๒๗๔ เป็นต้น

    พระนางจามเทวีเป็นผู้มีพระรูปโฉมงดงาม เป็นเบญจกัลยานี มีศีล และมีความสามารถ ทรงอยู่ในฐานะหม้าย เนื่องจากพระสวามี ซึ่งอยู่ในพงศาวดารเมืองหริภุญชัย ว่าเป็นเจ้าประเทศราชในเมืองรามัญ ตรงกับตำนานมูลศาสนาว่า คือเมืองรา หรือ เมืองรามได้มีศรัทธาบรรพชาเป็นเพศบรรพชิต พระเจ้าจักรพรรดิราชพระราชบิดา ทรงมีราชานุญาตให้พระนางจามเทวีซึ่งมีครรภ์ได้ ๓ เดือน เดินทางไปครองเมืองหริภุญชัย ตามคำเชิญของสุกกทันตฤาษี และวาสุเทพฤาษี ผู้ส่งนายคะวะยะเป็นทูตมาเชิญ

    พระนางจามเทวีได้นำพระสงฆ์ สมณะชีพราหมณ์ พ่อค้าวาณิช ช่างต่างๆ อย่างละ ๕๐๐ ประมาณกว่า ๗,๐๐๐ คน เดินทางโดยทางน้ำปิง (พิงค์) อย่างช้าๆ ตั้งเมืองเผยแผ่พระพุทธศาสนาตลอดเส้นทาง ใช้เวลาเดินทาง ๗ เดือน จึงเดินทางมาถึงเมืองหริภุญชัย เมื่อเสด็จมาถึงได้ ๗ วัน ก็ประสูติพระโอรสฝาแฝดชื่อ มหันตยศ และ อนันตยศ ต่อมาทรงได้เศวตไอยราเป็น คู่บารมีสีกายเผือกดั่งเงินยวงเรียกว่า ผู้ก่ำงาเขียว (ช้างเผือกงาเนียมหรือช้างเผือกงาดำ) จากเชิงดอยอ่างสลง (อ่างสรง) ในเขาลวง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อพระโอรสมีพระชนม์ ๗ พรรษา พระนางจามเทวีได้สละราชสมบัติอภิเษกให้มหันตยศ ครองเมืองหริภุญชัย ส่วนอนันตยศ พระนางจามเทวีได้ให้นำผู้คนพลเมืองไปตั้งเมืองเขลางค์นครหรือลำปางในปัจจุบัน นับเป็นการขยายอาณาจักร และพุทธจักร ให้กว้างไกลออกไป ส่วนพระนางได้นุ่งขาวห่มขาว สมาทานเบญจศีล จนถึงวันสิ้นพระชนม์ ดังตำนานมูลศาสนาได้กล่าวว่าพระนางทรงสมาทานเบญจศีลอยู่เสมอทุกวันมิได้ขาดในอุดมการณ์ทางด้านศาสนา ทรงเป็นแบบอย่างที่ดี ในการปฏิบัติธรรมให้เสนาอำมาตย์ราชมนตรี และประชาชนถือปฏิบัติเป็นอย่างดี ที่สำคัญยิ่งทรงเป็นผู้อุปถัมภ์พระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองวัฒนาสืบมาจนถึงปัจจุบันนี้ และได้ทรงสร้างจตุรพุทธปราการเป็นพระอารามประจำจตุรทิศแห่งพระนคร เพื่อเป็นพุทธปราการปกป้องคุ้มครองพระนครให้พัฒนาสถาพรปราศจากภัยภิบัติต่างๆ ประชาชนทั่วไปเรียกว่า วัดสี่มุมเมือง ดังนี้

    อาพัทธาราม ปัจจุบันคือ วัดพระคง เป็นพุทธปราการอารักขาประจำทางฝ่ายทิศเหนือ

    อรัญญิกรัมมการาม ปัจจุบันเป็น วัดร้างดอนแก้ว ตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนชุมชนบ้านเวียงยองเป็นพุทธปราการอารักขาประจำทางฝ่ายทิศตะวันออก

    มหาสัตตาราม ปัจจุบันคือ วัดสังฆาราม (ประตูลี้) เป็นพุทธปราการอารักขาประจำทางฝ่ายทิศใต้

    มหาวนาราม ปัจจุบันคือ วัดมหาวัน เป็นพุทธปราการอารักขาประจำทางฝ่ายทิศตะวันตก

    พระนางจามเทวีได้ทรงใช้กุศโลบายที่หลากหลายรูปแบบในการต่อสู้และชักจูงพวกละว้าให้หันมานับถือศาสนาพุทธโดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อสู้กับหัวหน้าเผ่าละว้า ขุนหลวงวิลังคะ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของช้างผู้ก่ำงาเขียว ได้ขับไล่ข้าศึกละว้าหนีกระจัดกระจายไปอยู่ตามป่าเขา นอกจากนี้ทรงใช้กุศโลบายในการผสมกลมกลืนชาติพันธุ์กับท้องถิ่นได้อย่างเหมาะสม โดยการให้พระราชโอรสทั้งสองพระองค์อภิเษกสมรสกับธิดาสองคนของพญามิลักขะและได้สู่ขอธิดาสองคนของนายคะวะยะ ให้กับพระราชโอรสด้วย ถือได้ว่าทำให้ชนชาวละโว้และชนพื้นเมืองอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและสามารถเผยแพร่อุดมการณ์ทางศาสนาเข้าสู่ชนพื่นเมืองได้อย่างรวดเร็ว และได้ใช้กุศโลบายทางสันติธรรมและเมตตาธรรมเข้าต่อสู้จนชนะที่สุดโดยมีบางส่วนได้เข้ามา สวามิภักดิ์หันมาเลื่อมใสศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนาทำให้มีการผสมกลมกลืนทางชาติพันธุ์ สังคมเกิดความสงบสุขและพุทธศาสนาเจริญอย่างมั่นคงในอาณาจักรหริภุญชัยตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา



    **********************************************************

    ที่มา : หนังสือวัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์ และภูมิปัญญา จังหวัดลำพูน พ.ศ.2544



    *ฟังรายการ 12 ราศี อ.ลักษณ์ บอกคนเกิดราศี กรกฏ
    ต้องย้ายที่อยู่ใหม่
    ให้ทำบุญกับหลวงพ่อทวด พระเจ้าตาก พระพิฆเนศ พระแม่จามเทวี
    ตรงมากๆ ค่ะ...:d
    [​IMG]

    พระกรุ ที่ได้รับจากพระคุณเจ้าค่ะ
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1160859.jpg
      P1160859.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.3 KB
      เปิดดู:
      37
    • P1160854.jpg
      P1160854.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.2 KB
      เปิดดู:
      277
    • P1160856.jpg
      P1160856.jpg
      ขนาดไฟล์:
      99.8 KB
      เปิดดู:
      42
    • P1160902.jpg
      P1160902.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.5 KB
      เปิดดู:
      254
    • jamatavee2.jpg
      jamatavee2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      107.6 KB
      เปิดดู:
      239
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 ธันวาคม 2012
  10. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    เกาะนุ้ย เกาะหลวงปู่ทวด ขนอม

    [​IMG]

    บ่อน้ำจืดกลางทะเล ที่เกาะนุ้ย อำเภอขนอม นครศรีธรรมราช มันช่างสอดคล้องกับตำนานหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เรื่องเล่าที่สืบทอดกันมาร่วม 400 ปี ว่ากันว่า เมื่อครั้งหลวงพ่อทวดเดินทางจากสงขลาไปยังกรุงศรีอยุธยาด้วยเรือสำเภา ระหว่างเดินทางเกิดคลื่นลมแรง ต้องลอยลำอยู่กลางทะเลจนน้ำจืดหมด หลวงพ่อทวดจึงได้แสดงอภินิหารเอาเท้าเหยียบน้ำทะเล กลายเป็นน้ำจืด ให้ลูกเรือใช้ดื่มกินในระหว่างการเดินทาง

    บ่อน้ำธรรมชาติ กลางทะเลที่เกาะนุ้ย มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 30 นิ้ว เป็นบ่อน้ำจืดจากผืนแผ่นดิน โดยเห็นบ่อน้ำจืดได้ตอนน้ำลง ชาวบ้านแถบนี้เชื่อว่า บ่อน้ำจืด คือบริเวณที่หลวงปู่ทวด ได้เคยมาเหยียบน้ำทะเล ให้กลายเป็นน้ำจืดตามตำนาน ชาวบ้านจึงสร้างรูปบูชาหลวงพ่อทวดด้วยหินแกรนิต แกะสลักขนาดหน้าตัก 36 นิ้ว ไว้ที่เกาะนุ้ย เพื่อให้คนในพื้นที่ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเกาะนุ้ย ได้กราบไหว้เคารพบูชา ช่วงเช้าเป็นช่วงที่น้ำทะเลยังไม่ขึ้น เป็นเวลาที่เหมาะแก่การไปเที่ยวเกาะนุ้ย อำเภอขนอม เพราะหากไปสาย จะไม่สามารถชิมน้ำทะเลจืดได้ ถือว่ายังมาไม่ถึงเกาะนุ้ย

    อำเภอขนอม อำเภอที่เล็กที่สุด อยู่เหนือสุด ของนครศรีธรรมราช ทางฝั่งอ่าวไทย โดยห่างจากตัวเมืองนครศรีฯ ประมาณ 100 กิโลเมตร ติดกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี และอยู่ห่างจากท่าเรือเฟอร์รี่ดอนสัก เพียง 20 กิโลเมตร ขนอมจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เชื่อมต่อกับ เกาะสมุย หรือ เกาะพงัน ขณะที่อำเภอขนอม ก็มีที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ศาสนา แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทั้งภูเขา ถ้ำ น้ำตก และที่โดดเด่นที่สุดคือ หาดในเพรา หาดทรายชายทะเล เหมาะสำหรับตากอากาศ แห่งหนึ่งของไทย

    ที่มา...
    http://www.thailandez.com/content/เกาะนุ้ย-เกาะหลวงปู่ทวด-ขนอม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 ธันวาคม 2012
  11. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    เจอเวปนี้ค่ะ

    วัดยุโป

    ขอเป็นกำลังให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานใน 3 สามจังหวัดค่ะ..
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=KUh3OUT28cI]วัดยุโป(ยะลา).flv - YouTube[/ame]
     
  12. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    น้องภัทรวัดยุโป ทางเข้าเป็นอย่างไรบ้าง....
     
  13. ARUNNO

    ARUNNO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +3,360
    สวัสดีครับ ผมขอร่วมกระทู้ด้วยคนนะครับ
    ติดตามอ่านมานานแล้ว แต่ไม่เคยเข้ามาซักที
    เริ่มต้นก็ขอรบกวนเลยนะครับ ขอความรู้จากทุกท่าน
    ว่าเหรียญหลวงปู่ทวดรุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ย้อนยุค รุ่น 1 วัดเมืองยะลา ตามรูปนี้
    มีประวัติการสร้างอย่างไร ใครปลุกเสกบ้างครับ ขอบคุณมากครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3393.JPG
      IMG_3393.JPG
      ขนาดไฟล์:
      222 KB
      เปิดดู:
      62
    • IMG_3395.JPG
      IMG_3395.JPG
      ขนาดไฟล์:
      209.1 KB
      เปิดดู:
      51
  14. ARUNNO

    ARUNNO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +3,360
    ต่อด้วยอีกรุ่นครับ ใครทราบบ้างว่าเป็นรุ่นไหน ปีไหน ใครสร้างและปลุกเสกครับ
    เป็นพระเก่าเก็บบนหิ้งพระของคุณพ่อ บังเอิญไปค้นเจอ
    ขอบคุณมากครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3396.JPG
      IMG_3396.JPG
      ขนาดไฟล์:
      146 KB
      เปิดดู:
      50
    • IMG_3397.JPG
      IMG_3397.JPG
      ขนาดไฟล์:
      139.6 KB
      เปิดดู:
      58
  15. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,030
    [​IMG] [​IMG]
     
  16. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    กราบหลวงพ่อทวด....

    หลวงปู่ให้โชคพี่ 2 ครั้งค่ะ....

    เมื่อครั้งที่ไปทัวร์บุญหลวงพ่อทวดที่เชียงใหม่ 2-9 ธ.ค.
    พี่สาวพี่โทรศัพท์มาจากหาดใหญ่ว่ามีพิเศษ...ประเทศมาเลเซีย...พี่มาทัวร์บุญก็ไม่อยากเล่น....แต่ก็เห็นเลขที่ยกองค์หลวงปู่ ก็เลยบอกพี่สาวไป...นั้นซื้อเลขนี้แล้วกัน..
    เกือบถูกรางวัลที่หนึ่งค่ะ (จำนวนกว่าแสนบาท)
    รถที่ยกองค์หลวงปู่ 5235 รางวัลที่หนึ่งของเขา 5245
    แต่พี่มาถูกรางวัลที่ 4 ของเขาค่ะ...

    แล้ววันนี้ พี่สาวก็โทรมาอีกว่า มีสลากของประเทศมาเลเซีย...
    พี่ก็ไม่อยากซื้อค่ะเพราะอุดหนุน รัฐบาลไทยไปหลายใบ..แล้ววันนี้
    พี่สาวบอกลองซื้อดูเผื่อมีโชค....ไม่รู้จะซื้ออะไร...ก็เลยซื้อเลขทะเบียนรถที่บ้าน
    8827
    ที่นำวัตถุมงคลสติกเกอร์หลวงพ่อทวดที่ร่วมจัดสร้าง แจกทหาร ตำรวจ ประชาชน สามจังหวัด
    เมื่อสักครู่ พี่สาวโทรมาบอกว่าพี่ได้รับรางวัลที่ 1 (3 ตัวค่ะ) ซื้อเพียง 10 บาท
    พี่ได้รับ เกือบ หกพันกว่าบาทค่ะ...:d

    *แต่หลวงปู่ท่านไม่ชอบให้เล่นการพนันซื้อเบอร์ซื้อหวยนะคะ
    นอกจากท่านดลจิตดลใจ...ทำให้ซื้อ....

    รางวัลรัฐบาลมาเลเซีย...
    Live Magnum 4D Results
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1160905.jpg
      P1160905.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70 KB
      เปิดดู:
      45
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 ธันวาคม 2012
  17. ฤษีเดินดง

    ฤษีเดินดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +569
    ผมได้สร้างรูปหล่อเท่าองค์จริงถวายวัดบ้านเกิดด้วยครับ
     
  18. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    สวัสดีค่ะ คุณฤษีเดินดง สร้างองค์หลวงพ่อทวดที่ไหนหรือคะ..
    อนุโมทนาบุญค่ะ
     
  19. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,030
    [​IMG] [​IMG]
     
  20. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,030
    [​IMG] [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...