บ่วงกรรมแม่ลูก

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย olimpia, 11 ธันวาคม 2012.

  1. olimpia

    olimpia สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +6
    คุณพ่อกับคุณแม่ได้เลิกรากันเป็นการถาวรเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว ปัจจุบันคุณแม่อายุ 58 คุณพ่ออายุ 63 แต่ตลอดระยะเวลาที่เขาใช้ชีวิตคู่ร่วมกันเหมือนมาชดใช้กรรมมากกว่า ด้วยที่คุณพ่อเป็นคนอารมณ์ดีและเจ้าชู้ตั้งแต่หนุ่มๆ ทำให้มีเรื่องผู้หญิงเข้ามาไม่ขาดสาย จนกระทั่งภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสอีกคนของคุณพ่อตั้งท้องน้องคนเล็ก ตอนที่เราอายุได้ประมาณ 4 ขวบ (ปัจจุบันเรา 30)

    คุณพ่อเป็นคนไม่คิดมาก ร่าเริงตลอดเวลา ไม่ค่อยวางแผนชีวิตและขาดความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าครอบครัว (เคยแวะโต๊ะสนุ๊กจนดึกดื่น โดยที่พาเราไปด้วย ทั้งๆที่บอกว่าจะพาเราไปซื้อเสื้อกีฬาสี ตอนนั้นเราอยู่อนุบาล 2) ทำให้คุณแม่เครียดกับชีวิตคู่ ทั้งคู่รับราชการ เงินเดือนข้าราชการสมัยนั้น แค่เดือนละ 1,300 บาท ไหนจะค่าผ่อนบ้าน ไหนจะค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก ทำให้คุณแม่จากที่เคยเป็นคนร่าเริงก็กลายเป็นคนเครียดบึ้งตึง (บอกตรงๆว่าตอนเด็กๆ ไม่เคยเห็นแม่ยิ้มเลย แม่มักจะดุและเกรี้ยวกราดตลอดเวลา แต่คุณแม่มักเล่าเองว่าสมัยเด็กๆเขาเป็นคนร่าเริง)

    แม่มีลูกคนแรกตอนอายุ 24 คนที่ 2 ตอนอายุ 26 แต่พี่คนกลางเสียตั้งแต่อยู่ในท้อง (แท้งธรรมชาติ ตั้งครรภ์จนถึงเดือนที่ 9 แต่มีเหตุที่ทำให้พี่คนกลางรกพันคอคลอดไม่ทัน) และมีเราคนสุดท้องตอนอายุ 29

    แม่ต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัว พยายามหาเงินพิเศษเข้าบ้านโดยที่ต้องทำงานประจำไปด้วย ชีวิตค่อนข้างลำบากช่วงตั้งตัว พี่ชายจะเป็นคนที่รับรู้ความเปลี่ยนแปลงมากที่สุด เพราะพ่อจะปั่นจักรยานไปส่งที่โรงเรียนอนุบาลสมัยนู้น ในขณะที่เราเกิดมาที่บ้านมีรถเก๋งใช้แล้ว (รถเก๋งมือสอง) สบายระดับนึง
    พ่อกับแม่ทะเลาะกันบ่อยๆ เราเคยเห็น ยังจำได้ติดตา แต่ด้วยความที่เราเป็นเด็กมาก เลยไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว แค่ไม่ชอบให้แม่กับพ่อเสียงดังใส่กัน... เราโตมาไม่ค่อยจะมีพ่อในความทรงจำเท่าไหร่ เพราะพ่อต้องไปประจำที่ตจว.บ่อยๆ รู้แต่ว่าพอพ่ออยู่ด้วยแล้ว แม่ไม่มีความสุข

    ครอบครัวของเราอยู่ด้วยกัน 3 คนแม่ลูกเป็นส่วนใหญ่ พ่อจะกลับมาอยู่ด้วยเป็นระยะเวลา 3-4 ปี แล้วก็ไปประจำที่อื่นอีก แต่พ่อกลับมาอยู่บ้านมากขึ้นช่วงเราอยู่ ม.ต้นและ ม.ปลาย

    พอเราอายุได้ประมาณ 19-20 พ่อก็เริ่มมีบทบาทน้อยลงในชีวิตเรา จนในที่สุดก็เหลือแค่เรากับแม่ โดยที่พี่ชายของเราเรียนอยู่มหาวิทยาลัยอีกที่นึงที่ไกลจากครอบครัว

    ทุกวันนี้แม่ประสปความสำเร็จทางหน้าที่การงาน โดยเขาบอกเสมอว่าเขาต้องทำเพื่อลูกๆ เพราะพึ่งพ่อไม่ได้ เลยต้องกดดันตัวเอง แต่โดยพื้นฐานแม่เป็นคนฉลาดเรียนเก่งอยู่แล้ว เป็นคนรักความยุติธรรม ใจอ่อน ขี้สงสาร แต่การที่เขาต้องอดทนเลี้ยงลูก 2 คนโดยลำพัง ทำให้เขาเป็นคนอีโก้ (Ego) สูง มีทิฐิจัด แม้ทุกวันนี้แม่กับพ่อเลิกกันไปแล้ว อารมณ์เกรี้ยวกราดเขาก็ยังคงเหลืออยู่ แม้ว่าจะดีขึ้นมามากกว่าแต่ก่อนก็ตาม

    ปัญหาตอนนี้คือ แม่กับพี่ชายไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอีกแล้ว เป็นระยะเวลา 5-6 ปีแล้วที่แม่ไม่พูดกับพี่ชาย เพราะพี่ชายทำตัวน่าผิดหวัง เรื่องการเรียนและการดำรงชีวิตทำให้แม่ไม่อยากจะพูดด้วย (จริงๆเขาก็รักแหละ ลูกเขาทั้งคน) ปัจจุบันพี่ชายย้ายออกจากบ้าน จึงทำให้เหลือแต่เรากับแม่อีกครั้ง เรายังไม่ได้แต่งงานแต่มีแฟนที่คบหาดูใจมาได้ 4 ปีแล้ว แม่ก็รับรู้แต่เขาดูเหมือนไม่พอใจ อันที่จริงเขาไม่เคยพอใจใครซักคนที่เราคบหา นอกจากประเด็นนี้แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราเป็นเหมือนเพื่อนคู่คิด เพื่อนระบาย เพื่อนพาเขาไปเที่ยวเล่น เป็นคนทำธุระปะปังให้เขาเสาร์อาทิตย์มาตลอดหลายปีนี้ (แม่ไม่ยอมขับรถเองแล้ว ทั้งๆที่ขับเป็น) เพราะสมาชิกครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่ใกล้ๆเขา คือเราเอง

    ทุกวันนี้เราก็ยังคงคอยดูแลแม่ตลอดโดยพยายามหาเวลาให้ชีวิตส่วนตัวด้วย แต่เริ่มมีความรู้สึกว่าว่าแม่จะหวงเรา เหมือนเขาไม่พอใจถ้าเราไม่อยู่บ้าน ไปเที่ยว ตจว.กับเพื่อนๆเหมือนโลกจะแตก ทั้งๆที่เรา 30 แล้ว ยิ่งถ้าออกไปกับแฟนแม่จะดูไม่พอใจอย่างมาก เราเลยต้องทำงานบ้านทุกอย่างให้เสร็จก่อนที่จะออกไปไหนได้ (คล้ายๆเด็กๆที่ต้องทำการบ้านให้เสร็จก่อนดูทีวี) แม่มักเป็นคนอารมณ์ขึ้นง่าย มักเลือกถ้อยคำที่รุนแรงยามโมโห และเมื่อไม่พอใจจะใช้วิธีเงียบใส่ ส่วนใหญ่เขามักไม่พอใจเราในทุกๆเรื่อง เหอๆๆ

    จนตอนนี้เราเริ่มกลัวว่าหากเราไปมีครอบครัวใหม่ ใครจะดูแลแม่ เนื่องจากแม่เป็นคนเข้ากับคนได้ยากเพราะอีโก้สูง เป็นคนฉุนเฉียวง่าย (แต่ยามดีก็ดีใจหาย) และเอาใจยากสุดๆ ทำนองว่าไม่มีใครหรืออะไรดีพอ

    ทุกวันนี้ เวลาที่เขาเกรี้ยวกราดใส่ ทำให้เรามีความรู้สึกอยากจะหนีออกจากบ้าน หรือหนีออกไปแต่งงาน หนีไปไกลๆ แต่อีกใจนึงก็กลัวไม่มีคนดูแลเขา ไม่มีใครเข้าใจเขาได้ดีเท่าเรา เหมือนกับว่าเขาให้ชีวิตเรามา เขาเลี้ยงเรามา ส่งเสียให้เรียนสูงๆ เราต้องสำนึกบุญคุณนี้ แต่บางทีก็เหนื่อย เพราะเราไม่มีคนคอยเปลี่ยนเวรให้ พี่ชายเรานานๆทีมาบ้านและแม่เราก็ไม่ไปไหนกับพี่ชายเรา 2 คน คือเขามีเราคนเดียวจริงๆ นอกเหนือจากญาติพี่น้องของเขาเอง แต่อยู่ไกลกันคนละจังหวัด

    เราบาปมากไหมที่คิดหนีแม่ไปมีครอบครัวของตัวเอง
     
  2. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    ในชีวิตแม่ เหลือแค่คุณคนเดียว เวลาคุณไปเที่ยวกับแฟน ท่านก็อาจคิดไปว่า เด๋วอีกไม่นานคุณก็อาจทิ้งท่านไปมีครอบครัว ท่านก็เลยแสดงอาการแบบนั้นออกมา คงเป็นความน้อยใจน่ะครับ

    จริงๆ แล้วความคิดที่จะทิ้งแม่ไป ไม่ควรจะมีในหัวเลย พระคุณแม่มากล้น แม่ให้กำเนิด แม่เลี้ยงดูประคบประหงมตั้งแต่เราตั้งเดินไม่ได้ จนวันนี้เดินคล่องก็มาคิดลาจาก การทอดทิ้งให้พ่อแม่ว้าเหว่นั้นก็เป็นกรรมอย่างนึงครับ กรรมที่ทำกับพ่อแม่นั้น แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ถือเป็นกรรมหนักทั้งสิ้น ถ้าคุณทอดทิ้งแม่ไปให้แม่ช้ำใจ รับประกันได้เลยว่า กรรมนี้จะดลให้คุณได้รับการทอดทิ้งจากบุตรของคุณเช่นกัน

    (สัตว์โลกมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์) กรรมจะชักนำสัตว์ที่มีกรรมคล้ายๆ กันให้มาร่วมชายคาเดียวกัน

    การแต่งงานมีครอบครัวนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นครอบครัวเดี่ยว (สามี-ภรรยา) เสมอไปหรอกครับ ในกรณีที่จำเป็นก็สามารถนำพ่อแม่มาอยู่ด้วยได้ อย่าปล่อยให้แม่ทุกข์ใจ

    นี่ถือเป็นโอกาสสร้างบุญยิ่งใหญ่แล้วครับ อย่าไปคิดว่าพาแม่มาอยู่บ้านสามีแล้วแม่จะเกะกะ บุญที่ไม่ทอดทิ้ง บุญที่มีโอกาสได้ดูแล ปรนนิบัติ หุงหาอาหารให้แม่ อย่างที่แม่เคยทำให้คุณมาก่อน

    แม่อายุมากแล้ว เดี๋ยวก็ต้องเจ็บป่วย คุณก็มีโอกาสได้ดูแล อย่างที่ท่านเคยทำเมื่อตอนคุณป่วย

    ตัดสินใจด้วยตัวเองครับ ชีวิตนี้เป็นของคุณ

    ถ้าท่านมีคู่ชีวิต หรือมีพี่น้องคนอื่นดูแล ก็เป็นอีกเรื่องนึงครับ แต่นี่มีคุณคนเดียว
     
  3. ธรรมทัศ

    ธรรมทัศ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2009
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +62
    เห็นใจครับ อดทนไว้ครับ เพื่อแม่ สู้ๆ สักวันแม่คงใจอ่อนเอง
     
  4. สุดขอบฟ้า

    สุดขอบฟ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +127
    ก็น่าเห็นใจอยู่นะคะ
    แต่ลองคิดดี ๆๆ ว่าคุณมีโอกาสดีกว่าคนหลาย ๆๆ คนที่เขาไม่มีแม่ให้ดูแลนะคะ
    และทำให้มองเห็นว่า ลูกกี่คน ลำบากแค่ไหนแม่เลี้ยงได้ แต่พอลูกจะเลี้ยงแม่บ้าง ทำไมเงื่อนไขมันเยอะจังล่ะคะ
    อีกอย่างค่ะ ใช้คำแทนแม่ ว่า เขา รู้สึกชัด ๆๆ ไงไม่รู้นะคะ
    ใช้คำว่าท่าน น่าจะเหมาะกว่านะคะ เพราะ พ่อ แม่ คือศาสดาของลูกไม่ใช่เหรอคะ
     
  5. water2525

    water2525 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +315
    เจ้าของกระทู้คงต้องลองปรับกิจกรรมร่วมดูน่ะคะ คงต้องอยู่กับแม่แบบแม่ลูกบ้าง อยู่กับแฟนบ้าง อยู่กับแม่และแฟนในแบบกิจกรรมครอบครัวบ้าง

    เห็นด้วยกับคุณ Jt Adyssey ค่ะการแต่งงานมีครอบครัวนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นครอบครัวเดี่ยว (สามี-ภรรยา) เจ้าของกระทู้ลองคิดหาทางสร้างครอบครัวใหญ่ที่มีแม่อยู่ร่วมกันสิคะ ลองดูว่าเวลาทำงานของแต่ละคนอยู่ช่วงเวลาไหน เลิกงานกลับบ้านต้องอยู่ร่วมกันในเวลาไหน มีกิจกรรมอะไรที่สามารถทำร่วมกันได้ มีมุมส่วนตัวของแต่ละคนได้ตรงไหน ลองคุยกับแม่ได้นี่คะ ว่าแม่ต้องการอย่างไร
     
  6. olimpia

    olimpia สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +6
    ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ

    ไม่คิดทิ้งเขาหรอกค่ะ แต่มันเป็นอารมณ์ชั่วขณะที่เวลาเจอคำพูดที่รุนแรงของเขา ทำให้เราน้อยใจ คือโดนมาทั้งชีวิตตั้งแต่เด็ก

    ความสัมพันธ์กับคุณแม่ก็เป็นไปตามวัยของเราและเขาคะ เราวัยรุ่นก็แรงหน่อย เขาวัยทองก็ขึ้นๆลงๆ แต่หลังๆมีความสนิทชิเชื้อกันดีคะ คงเป็นเพราะเราโตขึ้น เข้าใจชีวิตและตัวเขามากขึ้น แต่เขามักเผลอวางตัวเป็นเจ้านาย แนวออกคำสั่งมากกว่าบอกกล่าวดีๆ แต่เข้าใจไง รับได้ แม่เราเป็นแบบนี้

    ในส่วนดีแม่มีมากเกินบรรยายคะ แต่มันจะมีบางครั้งที่คำพูดและการกระทำของเขามันทำร้ายลูกๆได้ลึกพอๆกัน

    คุยกับแฟนว่าจะเอาแม่มาอยู่ด้วย บอกแม่เสมอว่าไม่ทิ้งหรอก หอบกันไปหมดแหละ ไม่ก็เอาแฟนมาอยู่บ้านด้วย เหอๆๆๆ

    ปล. ทุกวันนี้ยังนอนกับแม่คะ ห้องตัวเองไม่นอน งอนๆกันก็หน้าหนาหน้าทนนอนกับเขาต่อ
     
  7. patoy

    patoy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +151
    ขอแสดงความเห็นบ้างนะค๊ะ คุณได้เล่าชีวิตของคุณแม่ไว้แต่ต้นแล้ว คุณได้รู้จักและเห็นทั้งทุกข์และสุข การเกิดมาเป็นกรรมอย่างหนึ่งจริงๆ เมื่อเกิดเป็นคนถือว่าเป็นบุญมหาศาลเพื่อให้คุณก้าวข้ามวัฏสงสาร ได้มีโอกาสสร้างสมบุญบารมี คุณแม่ของคุณกว่ามาถึงจุดนี้เห็นมั้ยว่าทุกข์ คุณจะสร้างทุกข์เพื่อเอาตัวรอดแล้วไปชดใช้กรรมไม่รู้จบสิ้นหรือไง อย่าให้คุณแม่ทุกข์ โดดเดี่ยวเดียวดายเพราะขาดเพื่อนคู่คิดตั้งแต่มีสามี จวบจนกระทั้งมีลูก เค้าเฝ้าเลี้ยงดูลูกๆมาจนโต ยังต้องแบกทุกข์ โดดเดี่ยวเดียวดายยามเฒ่า ยามชราจนสิ้นอายุขัยเช่นนั้นหรือ คิดหรือไม่ที่คุณแม่เป็นคนเจ้าอารมณ์ อีโก้สูงหรือคุณจะเรียกอย่างไรก็แล้วแต่ นั่นก็เพราะเค้ารักลูก เค้าสร้างสมทำมาให้ใช้ให้กินและไม่ทอดทิ้งเพื่อลูกโดยแท้ อยากรู้จังถ้าคุณไม่มีคุณแม่ แล้วที่คุณมองเหมือนแม่ไม่รัก คุณจะเป็นอย่างไรกันนะป่านนี้ ป้าสงสารหญิงแกร่งที่เราเรียกว่าแม่ สาธุเถิดป้าขออย่าให้กรรมบังตา อย่าให้ความเห็นแก่ตัวเข้ามาครอบงำ ขอให้ลูกๆรักแม่แค่เศษเสี้ยวความรักและความห่วงใยของแม่ที่มีต่อลูก ตอนนี้ลูกๆอาจจะยังมองไม่เห็น ลูกๆจะเห็นต่อเมื่อเค้ามีลูกของตนเอง ตอนนี้ลูกๆจะไม่เข้าใจ ลูกๆจะเข้าใจต่อเมื่อถูกลูกของตัวเองกระทำต่อตนเองบ้าง ผลของกรรมย่อมยุติธรรมเสมอ ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า
    ท่าน จขกท ป้าไม่มีเจตนาอื่นใดแอบแฝงนะ แค่ป้าอยากบอก และอยากบอกว่าป้าคิดถึงแม่ของป้าเท่านั้นเอง
     
  8. tabineko

    tabineko สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +6
    เข้าใจและเห็นใจมากๆเลยค่ะ แต่คุณเจ้าของกระทู้ก็ต้องมีชีวิตของตัวเองด้วยสิคะ คุณแต่งงาน แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะดูแลคุณแม่ไม่ได้เพราะแต่งงานแล้ว คิดว่าถ้าคุณสามารถทำให้คุณแม่หันมาสนใจธรรมะได้ คุณแม่อาจจะเข้าใจคุณ เข้าใจคนอื่น และเย็นลงได้นะคะ หากแนะนำตรงๆยาก ก็อาจจะแนะนำได้ทางอ้อม โดยการหาหนังสือธรรมะที่อ่านไม่ยาก ให้คุณแม่อ่านเล่นก่อน ถ้าเป็นหนังสือที่คุณเคยอ่านเองแล้วยิ่งดี เพราะคุณสามารถโน้มน้าวใจคุณแม่ได้ ว่าหนังสือนี้ดียังไง ยิ่งถ้าคุณแม่เกษียณแล้วคงอยากหาอะไรทำเวลาว่างน่ะค่ะ นอกจากนี้ตามพระพุทธดำรัสในพระไตรปิฏกแล้ว การทำให้บิดามารดามีศีลมีธรรม ยังเป็นการตอบแทนพระคุณของบิดามารดาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้อีกค่ะ มากกว่าการปรนนิบัติพัดวีตลอดชีวิตของท่านอีกค่ะ

    ขอเป็นกำลังใจให้อย่างจริงใจค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...