UN หวั่น "ซูเปอร์สตอร์ม" สัญญาณวิกฤตโลก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย starme, 5 ธันวาคม 2012.

  1. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277
    ผวากระแสวันสิ้นโลกส่งท้ายปี 2012 ระดมสมองถอดรหัส


    จากกระแสความวิตกเรื่องวันสิ้นโลกด้วยหลากหลายทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์และความเชื่อต่างๆที่ระบุตรงกันอย่างน่าฉงนว่าอาจจะเกิดขึ้นภายในเดือนธ.ค.2555 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว

    เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ที่ มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เขตทวีวัฒนา กทม. นายนพดล มากทอง โฆษกมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า สภาวะโลกร้อนในปัจจุบันบางครั้งได้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ทำให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆหลากหลายรูปแบบและค่อนข้างรุนแรง รวมทั้งไม่สามารถพยากรณ์ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร ซึ่งนอกจากจะสร้างความสูญเสียต่อชีวิตทรัพย์สินแล้วยังสร้างความเสียหายต่อตัวเลขทางเศรษฐกิจของประเทศด้วย ดังนั้นทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปจึงต้องมีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ในอนาคต ด้วยระบบการเตือนภัยที่รวดเร็ว แม่นยำ มีประสิทธิภาพและเป็นเอกภาพ


    ในปี2556 หลายคนคาดการณ์ความเป็นไปได้สูงที่จะเกิด ภัยแล้งค่อนข้างรุนแรง จากผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนิลโญ่ที่จะส่งผลให้เกิดความแห้งแล้ง พายุลมแรงมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญระยะหลังๆนักวิชาการทั้งต่างประเทศและในเมืองไทยเริ่มมีการพูดถึงพายุสุริยะ จนกลายเป็นกระแสข่าววันสิ้นโลกในช่วงปลายปี 2012”นายนพดล กล่าว
    ระดมถอดรหัสภัยพิบัติ


    โฆษกมูลนิธิฯ กล่าวต่อว่า มีประชาชนไม่น้อยเริ่มเกิดความสับสนว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่งยังไม่มีหน่วยงานใด ออกมาให้ข้อเท็จจริงกับประชาชน ดังนั้นทางมูลนิธิฯ ร่วมกับนสพ.เดลินิวส์ มหาวิทยาลัยมหิดล เครือข่ายสถานีวิทยุกระจายเสียงลูกทุ่งเน็ตเวิร์ก และบิ๊กเอฟ.เอ็ม ฯลฯ ร่วมกันจัดเสวนา “ถอดรหัสภัยพิบัติ พลิกวิกฤตให้เป็นคำเตือน” ขึ้นที่หอประชุมคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จ.นครปฐม ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00น. โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นองค์ปาฐกเรื่อง “ในหลวงองค์อัจฉริยะต้นแบบ การจัดการแก้ไขภัยพิบัติ”


    นอกจากนี้ ยังมีนักวิชาการด้านภัยพิบัติต่างๆ มาร่วมให้องค์ความรู้อีกหลายท่าน อาทิ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ดร.ก้องภพ อยู่เย็น ดร.สมิทธ ธรรมสโรช นายปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน ดร.กัมปนาถ ภักดีกุล และ รศ.ดร.ปัญญา จารุศิริ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนอกจากจะมาร่วมระดมความคิดเห็นให้ความรู้ถึงแหล่งข้อมูลภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างแท้จริงในหลากหลากรูปแบบแล้ว ยังต้องการให้เกิดการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยพิบัติในอนาคตด้วย


    อดีตอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะรองประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติฯ กล่าวว่า ตั้งแต่ปลายปี 2555 จนถึงกลางปี 2556 คาดการณ์ว่าประเทศไทยอาจประสบภาวะวิกฤตน้ำขาดแคลน เนื่องจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำโดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เหลือน้อยมาก เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ มีน้ำอยู่ไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ยังอยู่ในช่วงฤดูฝน และนับจากนี้อีก 4-5 เดือนข้างหน้า เมื่อฤดูแล้งมาถึงแล้วพวกเราจะทำอย่างไรกัน ดังนั้นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ต้องเตรียมแผนบริหารน้ำ2มิติ ไม่ใช่ห่วงแต่น้ำท่วม จนลืมนึกถึงฤดูแล้งจะมีน้ำใช้หรือไม่


    ที่มา http://www.dailynews.co.th/thailand/171710
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 171710.jpg
      171710.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.4 KB
      เปิดดู:
      45
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2012
  2. มณีจำปา

    มณีจำปา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,423
    ค่าพลัง:
    +9,369
    ;41 ขอบคุณ คุณ starme ที่นำข้อมูลสถานการณ์ปัจจุบันมาแบ่งปันค่ะ
     
  3. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277
    ขอบคุณเช่นกันคะ คุณมณีจำปา
    และยินดีที่ได้รู้จักคะ :cool:
    สำหรับข้อมูลนั้นก็พยายามหาข่าวที่ไม่ซ้ำกับที่เพื่อนๆได้โพสต์ไปแล้ว
    และข่าวที่มีความน่าสนใจ มีประโยชน์
    เพื่อจะได้เกิดความหลายหลายและได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนคะ
     
  4. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277
    ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
    เรื่อง แผ่นดินไหวบริเวณ Banda Sea ประเทศอินโดนีเซีย
    ______________________



    เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เวลา 23.53 น. เกิดแผ่นดินไหวมีจุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ Banda Sea ประเทศอินโดเนียเซีย ที่ละติจูด 6.65 องศาใต้ ลองจิจูด 129.83 องศาตะวันออก ความลึก 171 กิโลเมตร ขนาด 7.3 ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย



    ประกาศ ณ วันที่ 11 ธันวาคม 2555 เวลา 00.07 น.





    ( นายวรพัฒน์ ทิวถนอม )
    อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา

    สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา
    กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
     
  5. สุวรรณหงส์

    สุวรรณหงส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +572
    บ่นกันไปแต่ไม่คิดแก้ไข
    ธรรมชาติเกิดขึ้นเพื่อเป็นที่ยังชีวิตของมนุษย์และสัตว์ที่อยู่บนโลกใบนี้
    ก็มนุษย์นี่แหละที่เป็นผู้ทำลายธรรมชาติ จนเกิดภัยพิบัติต่างๆ ขึ้นมาจนมวลมนุษยชาติเดือดร้อนกันทั่วหน้า
    ผู้ที่มุ่งปฏิบัติ(ธรรม)จึงจะพ้นจากภัยพิบัติใหญ่ครั้งนี้ได้ ... แต่สำหรับผู้ที่ยังมีความโลภก็เตรียมใจรับผลของกรรมที่ตนได้กระทำก็แล้วกัน
     
  6. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277
    ตะลึง! ฟ้าผ่าตึกสูงสุดในโลก

    วันนี้ 11 ธ.ค. เว็บไซต์ต่างประเทศ "เดอะซัน" ประเทศอังกฤษ รายงานว่า เกิดเหตุฟ้าผ่าตึก “เบอร์จ คาลิฟาร์”ตึกที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ ในรัฐดูไบ 1 ใน 7 รัฐของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
    นายเอียน วัย 37 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า ช่วงเวลานั้นท้องฟ้ามีเมฆปกคลุมหนาแน่นมาก ฟ้าร้องฟ้าผ่า ทันใดนั้นฟ้าผ่าลงมาบนยอดตึกเบอร์จ คาลิฟาร์ซึ่งลงบนสายล่อฟ้าพิเศษที่สร้างมาลองรับโดยเฉพาะ นายเอียนกล่าวต่อว่านี่เป็นสภาพอากาศที่ประหลาดและหายากอย่างไม่น่าเชื่อในตะวันออกกลาง


    ตึก“เบอร์จ คาลิฟาร์”มีความสูง 828 เมตร หรือ 2,717 ฟุต เปิดเมื่อเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2010 ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างประมาณ 1 พันล้านยูโร



    ที่มา http://www.dailynews.co.th/world/171805


    สภาพอากาศเริ่มแปรปรวนขึ้นเรื่อยๆ อากาศเปลี่ยนเริ่มหนาวขึ้น
    เพื่อนๆรักษาสุขภาพนะคะ
    :boo:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 171805.jpg
      171805.jpg
      ขนาดไฟล์:
      16 KB
      เปิดดู:
      33
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2012
  7. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277
    เหยื่อไต้ฝุ่น 'โบพา' ทะลุ 700 ศพ สูญหายอีก 890 คน

    ผู้เสียชีวิตจากผลกระทบของพายุไต้ฝุ่น โบพา ในฟิลิปปินส์ มีจำนวนมากกว่า 700 ราย แล้ว ขณะที่มีผู้สูญหายอีก 890 คน…

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากผลกระทบของพายุไต้ฝุ่น 'โบพา' ที่พัดถล่มภาคใต้ของประเทศฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. เพิ่มขึ้นมากกว่า 700 รายแล้ว ขณะที่มีผู้สูญหายกว่า 890 คน รวมนักประมง 313 รายที่หายสาบสูญกลางทะเลระหว่างหาปลาทูน่าในช่วงก่อนพายุเข้า และไม่มีการติดต่อมาอีกเลย

    อิทธิพลของไต้ฝุ่นโบพา ซึ่งเป็นพายุกำลังรุนแรงที่สุดของปีนี้ที่พัดเข้าฟิลิปปินส์ ทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มหลายพื้นที่บนเกาะมินดาเนา ทำให้ระบบการสื่อสารใช้การไม่ได้ บ้านเรือนเกือบ 115,000 หลังได้รับความเสียหาย ประชาชนมากกว่า 116,000 คน ต้องอพยพไปอาศัยในศูนย์หลับภัยของรัฐบาล

    สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากพายุเพิ่มขึ้นเป็น 714 ราย แล้ว ขณะที่มีผู้สูญหายจำนวน 890 คน ซึ่งอาจรวมอยู่ใน 257 ศพที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุตัวตนได้ ด้านองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เริ่มระดมเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในฟิลิปปินส์ จำนวน 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,990 ล้านบาท) ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา


    ที่มา http://www.thairath.co.th/content/oversea/312663
     
  8. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277
    มติครม.มอบข้าวเปลือกขาว ช่วยผู้ประสบภัยพายุ'โบพา'ฟิลิปปินส์

    ครม.มีมติเห็นชอบมอบข้าวเปลือกขาว 5 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 500 ตัน ช่วยผู้ประสบภัยพายุ "โบพา" ฟิลิปปินส์ ตามหลักมนุษยธรรม.

    วันที่ 11 ธ.ค. นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติบริจาคข้าวสาร ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกจากสต๊อกของรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในประเทศฟิลิปปินส์ จากพายุไต้ฝุ่น "โบพา" เป็นข้าวเปลือกขาว 5 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 500 ตัน
    .

    ที่มา http://www.thairath.co.th/content/pol/312636
     
  9. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277
    นับถอยหลัง วันสิ้นสุดโลก พลิกปูม‘รหัสผวา’ ‘21/12/2012’อวสาน?
    วันพุธที่ 12 ธันวาคม 2555 เวลา 00:00 น



    ที่มา นับถอยหลัง วันสิ้นสุดโลก พลิกปูม‘รหัสผวา’ ‘21/12/2012’อวสาน? | เดลินิวส์

    เป็นเลขวัน-เดือน-ปี ที่ถือว่า “เลขสวย” มากเลยทีเดียว สำหรับวันที่ 12 เดือน 12 ตามปฏิทินสากล ปี ค.ศ.2012 หรือ “12/12/2012” แต่กระนั้น...กับชุดเลขวัน-เดือน-ปี ที่มีเลข 1 เลข 2 เป็นเลขเด่น ที่ผู้คนทั่วทุกมุมโลกน่าจะให้ความสนใจมากกว่า คือ “21/12/2012” วันที่ 21 เดือน 12 ตามปฏิทินสากล ปี ค.ศ.2012

    “21/12/2012” เป็นทั้งเลขสวย และ “เลขซวย”

    เพราะมีกระแสลือว่าคือเลข “รหัสวันสิ้นโลก”

    ทั้งนี้ “21/12/2012” วันที่ 12 เดือน ธ.ค.ปี ค.ศ.2012 หรือ พ.ศ.2555 นี้ เป็นวันที่มีกระแสลือว่าจะเป็นวันสิ้นโลกโดยมีการตีความยึดโยงกับ “ปฏิทินมายา” ปฏิทินโบราณอายุราว 5 พันปี ของชนเผ่ามายา อย่างไรตาม กับกระแสลือเรื่องสิ้นโลกนั้นจริง ๆ มิใช่เพิ่งจะมามีกรณี “21/12/2012” แต่มีมานานแล้วกับหลาย ๆ กรณี

    ยกตัวอย่างเช่น... ในปี พ.ศ.2371 มีนักดาราศาสตร์เยอรมนีคำนวณว่า จะมีดาวหางดวงหนึ่งโคจรผ่านโลกในระยะใกล้มากจนทำให้อากาศบนโลกเป็นพิษเพราะฝุ่นละอองดาวหาง ซึ่งผู้คนจำนวนหนึ่งก็แตกตื่นว่าจะเป็นวันแห่ง “จุดจบของมนุษยชาติ” และบางกรณีก็ลือว่า จะมีดาวอื่นมาชนโลก ในปี 2546 หรือบางกรณีก็ ทำนายว่า “โลกจะหายนะ” ในวันที่ 21 พ.ค. 2554 แล้วตอนหลังขยับเป็น 21 ต.ค. 2554

    ในปี พ.ศ.2405 มีนักดาราศาสตร์อเมริกัน 2 คนคำนวณว่า วันที่ 14 ส.ค. ปี พ.ศ.2669 จะมีดาวหางดวงหนึ่ง เส้นผ่าศูนย์กลางราว 10 กิโลเมตร โคจรมาใกล้โลก ซึ่งถ้าดาวหางดวงนี้ชนโลกจะร้ายแรงเท่าระเบิดนิวเคลียร์ 1 ล้านลูก และแม้นักดาราศาสตร์จะชี้ว่าโอกาสชนมีเพียง 0.01% แต่ก็ไม่วายเกิดเสียงลือเรื่องวันสิ้นโลก หรืออีกกรณีคือ วันที่ 13 เม.ย. ปี พ.ศ.2572 ดาวเคราะห์น้อยชื่ออะโพฟิสจะโคจรผ่านมาใกล้โลกมาก ๆ เมื่อเทียบกับดาวเคราะห์น้อยดวงอื่น ๆ ที่มีวงโคจรใกล้โลกที่มีการค้นพบ โดยอัตราส่วนโอกาสชนโลกคือ 1 ใน 38 หรือ 2.6% ซึ่งแม้นักดาราศาสตร์จะคำนวณได้ว่าดาวเคราะห์น้อยดวงนี้จะไม่ชนโลก หรือแม้แต่ดวงจันทร์ จะแค่เฉียดผ่านโลกด้วยระยะห่างราว 64,400 กิโลเมตร แต่กรณีนี้ก็จุดกระแสวันสิ้นโลกเช่นกัน

    อีกกรณีร่ำลือ ที่โยงกับปี ค.ศ.2012 หรือ พ.ศ.2555 ด้วย แต่ไม่ได้โยงกับปฏิทินมายา คือลือกันในช่วงปี 2552 ว่า เมื่อถึง ปี พ.ศ.2555 จะเกิดมหาอุทกภัยน้ำท่วมโลก โดยลือลงรายละเอียดกันว่าเรื่องนี้ผู้ที่เปิดเผยเป็นคนไทยคนหนึ่งที่ทำงานในองค์การนาซ่าของสหรัฐอเมริกา ลือกันด้วยว่าทางนาซ่าแอบสร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนหนีภัยน้ำท่วมโลกไว้แล้ว และยิ่งไปกว่านั้นคือลือกันว่า มีมนุษย์ต่างดาวมาช่วย โดยสื่อสารด้วยโทรจิต มาถ่ายทอดเทคโนโลยีผ่านนาซ่าเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดจากน้ำท่วมโลก แต่มนุษย์ที่ถูกเลือกเท่านั้นที่จะรอดเหล่านี้ก็เป็นตัวอย่างกระแสลือ-เรื่องที่ทำให้ลือกับการ “หวาดผวา” ของชาวโลก เรื่อง “สิ้นโลก”

    และกับกระแสสิ้นโลกที่มีมาแต่อดีตกาล ทั้งที่เป็นเรื่องลือล้วน ๆ และที่อิงกับเรื่องจริงบางส่วน ก็ถึงขึ้นมี “ทฤษฎีสิ้นโลก (Doomsday Theories)” ชี้ว่า การสิ้นโลกจะเกิดได้จาก “เหตุปัจจัย 10 ประการ” คือ...

    “สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ” โดยสัญญาณสำคัญคืออีกไม่นานผึ้งจะสูญพันธุ์จากโลก เพราะพิษสิ่งแวดล้อม ยาฆ่าแมลง การตัดแต่งพันธุกรรมพืช คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่ง ส่งผลต่อพืช ทำให้เกิดวิกฤติอาหารทั่วโลก

    “น้ำมันขาดแคลนอย่างสิ้นเชิง" ปัจจัยนี้ก็เชื่อว่าจะทำให้โลกหายนะได้ เชื่อว่าหากยังไม่มีการพัฒนาเชื้อเพลิงอื่นใช้แทนน้ำมันได้อย่างจริงจัง ไม่เกินปี ค.ศ.2020 โลกจะไม่มีน้ำมันเหลืออยู่เลย จนเกิดกลียุค

    “ก่อการร้ายทำลายโลก” ตั้งแต่หลังเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เมื่อ 11 ก.ย. ปี พ.ศ.2544 ปัจจัยนี้ก็แพร่หลายมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเชิงที่ว่า อาจมีการก่อเหตุร้ายแรงระดับหายนะทั้งโลก

    “สงครามโลกครั้งที่ 3 - สงครามนิวเคลียร์" เชื่อว่าถ้าเกิดขึ้นสงครามรูปแบบนี้ขึ้นจะทำลายสภาพอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ จนเกิดการแย่งชิงทรัพยากรครั้งใหญ่ และ ประชากรโลกจะเสียชีวิตเป็นเบือ

    “วิกฤติโลกร้อน" เชื่อว่าภายในปี ค.ศ.2100 สภาพอากาศจะยิ่งเปลี่ยนแปลงรุนแรง โลกร้อนมากขึ้นจนทำลายสมดุลธรรมชาติ คาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มสูงไปทั่ว เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ทำลายแหล่งที่อยู่อาศัย ทรัพยากรธรรมชาติที่จำเป็นต่อมนุษย์ ชาวโลกต้องอพยพ และแย่งชิงกันจนโลกเกิดกลียุคร้ายแรง

    “ภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่" เชื่อว่าทุก 5-6 หมื่นปี ลาวาใต้พิภพจะปะทุรุนแรงจนภูเขาไฟต่าง ๆ ระเบิดครั้งใหญ่ อุณหภูมิโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนสิ่งมีชีวิตล้มตายเพราะปรับตัวไม่ทัน

    “มนุษย์ต่างดาวบุกโลก" เชื่อว่าอีกไม่นาน จะมีมนุษย์ต่างดาวมาบุกดาวโลก ซึ่งจะมาทำอะไรกับโลกและชาวโลกบ้างก็ยังไม่รู้ แต่กระนั้นเรื่องมนุษย์ต่างดาวบุกกับประเด็นสิ้นโลกนี่ก็เชื่อกันไม่น้อยในทุกมุมโลก

    นอกจากปัจจัยดังที่ว่ามาแล้ว อีก 3 เหตุปัจจัยที่เหลือนั้นก็มีการยึดโยงกับกระแสลือสิ้นโลกในปี ค.ศ.2012 นี้ กล่าวคือ... “ภัยพิบัติจากดวงอาทิตย์" เชื่อว่าหาก ดวงอาทิตย์เกิดการปะทุครั้งใหญ่มาก ๆ ความร้อนจะแผ่มาแผดเผาโลก, “สนามแม่เหล็กโลกเปลี่ยนขั้ว" เชื่อว่าเกิดทุก 2.5 แสนปี เมื่อเกิดขึ้น สภาพอากาศโลกจะกลับด้าน เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง พายุหมุนกระหน่ำโลก, “ดาวนิบิรุชนโลก" เชื่อว่า เป็นดาวลึกลับในตำนาน ขนาดใหญ่กว่าโลก และในปี ค.ศ.2012 มีวงโคจรทับกับโลก จะพุ่งเข้าชนโลกจะเห็นได้ว่ากระแสลือเรื่องสิ้นโลกมีหลากหลาย

    แล้วก็ลือแรงว่าจะเกิดปีนี้ โดยโยง “ปฏิทินมายา”

    “ปฏิทินมายา” นั้น โดยสังเขปคือ ปฏิทินโบราณอายุราว 5 พันปี ของชนเผ่าโบราณแห่ง อาณาจักรมายา ซึ่งข้อมูลจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ระบุว่า เป็นอาณาจักรโบราณในอเมริกากลาง มีพื้นที่บริเวณประเทศเม็กซิโกคาบเกี่ยวกับเบลีซและกัวเตมาลา เคยมีความรุ่งเรืองช่วง 500 ปีก่อนคริสตกาล จนถึง ค.ศ.1502 มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่นครวากา ปัจจุบันคือเอลเปรู มีอายุร่วมสมัยเดียวกับอารยธรรมเตโอตีอัวกาน

    อาณาจักรมายาปกครองด้วยระบบเทวกษัตริย์ ชาวมายานับถือเทพเจ้า เช่น สุริยเทพ วสันตเทพ มรณเทพ แต่ก็มีความสามารถทางดาราศาสตร์ ทำนายเวลาเกิดสุริยุปราคา-จันทรุปราคาได้ รวมถึงรู้จักทำปฏิทินใช้และปฏิทินมายานี่เอง ที่มีการตีความ “วันสิ้นสุดปฏิทินมายา” วันที่ 21 ธ.ค. ปี ค.ศ.2012 หรือ “21/12/2012” ว่าเป็น “วันสิ้นโลก” โดยยึดโยง 3 เหตุปัจจัยตาม “ทฤษฎีสิ้นโลก” ดังที่ได้ระบุมาข้างต้น

    ทั้งนี้ เรื่อง “มายา” นี้มีข้อมูลออกมาแล้วมากมายต่อเนื่อง ดังที่ทราบ ๆ กัน อย่างไรก็ตาม กับ “รหัสผวาสิ้นโลก” ที่มีการตีความยึดโยงกับวันสิ้นสุดปฏิทินมายา “21/12/2012” นั้น แม้ว่าจะมีข้อมูลในทางวิชาการจากหลายส่วนชี้ว่า “ไม่จริง” แต่เอาเข้าจริงในทุกมุมโลก “ก็ยังมีคนผวา” ซึ่งก็น่าคิดว่า “ทำไม??” และกับประเด็น “ความเป็นไปได้ในการเกิดวันสิ้นโลกมีหรือไม่??” นี่ก็ใช่ว่าไม่น่าคิด?? ซึ่งทั้งเหตุที่ชาวโลกยังผวา และกับความเป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้ในการเกิดวันสิ้นโลก ทาง “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ก็จะประมวลมานำเสนอ...

    จะแจกแจงต่อเนื่องจนผ่านวันลือ “21/12/2012”

    กับสกู๊ปซีรีส์ “นับถอยหลัง...วันสิ้นสุดโลก...”
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 171761.jpg
      171761.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71 KB
      เปิดดู:
      42
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2012
  10. chuchart_11

    chuchart_11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +2,932
    กัมมุนา วัตตีโรโก สัตว์โลกย่อมเเป็นไปตามกรรม ขอให้มีสติ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ขออนุโมทนาสาธุๆๆ
     
  11. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681

    ประมวลภาพหายนะ..ไต้ฝุ่นโบพา ถล่มฟิลิปปินส์ - ประมวลภาพหายนะ..ไต้ฝุ่นโบพา ถล่มฟิลิปปินส์ - MSN ข่าว


    .
     
  12. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277
    ขอบคุณคะ คุณ hiflyer :boo::cool:
     
  13. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277
    ฝนดาวตก“เจมินิดส์“13-14 ธ.ค.200ดวงต่อชั่วโมง


    ผู้ที่ชื่นชอบและสนใจด้านดาราศาสตร์พลาดไม่ได้กับปรากฎการณ์ฝนดาวตก "เจมินิดส์" ที่จะเห็นได้ชัดเจนในช่วงค่ำคืนของวันที่ 13ธ.ค. ถึงเช้ามืดของวันที่ 14ธ.ค. ซึ่งปีนี้นักดาราศาสตร์คาดสามารถเห็นฝนดาวตกได้ถึง 120-200 ดวง/ชั่วโมง

    ความสวยงามบนท้องฟ้าที่ปรากฏอยู่นี้ เป็นภาพของฝนดาวตกเจมินิดส์ที่เกิดขึ้นในปี 2010 สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่สนใจและศึกษาดาราศาสตร์อย่างมาก และในปีนี้ความประทับใจเช่นเดียวกันก็จะปรากฎให้เห็นชัดเจนอีกครั้ง ช่วงค่ำคืนของวันที่ 13-14 ธ.ค. 55

    ปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ หรือฝนดาวตกคนคู่ ที่จะเกิดขึ้นประมาณกลางเดือนธันวาคมของทุกปี สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า เป็นเศษซากของดาวเคราะห์น้อย 3200 เฟธอน (3200 Phaethon) ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์เข้าใกล้โลกและเวลาที่โคจรเข้ามาใกล้โลกจะทิ้งเศษที่เป็นฝุ่นของแข็ง น้ำแข็ง จำนวนมากมายไว้ โดยเศษฝุ่นที่เป็นเศษหลงเหลือจากดาวเคราะห์น้อยเหล่านั้น ก็จะตกเข้ามาในบรรยากาศของโลก เมื่อเสียดสีกับชั้นบรรยากาศของโลกก็จะทำให้เกิดแสงสว่างขึ้น

    สำหรับฝนดาวตกเจมินิดส์สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณใกล้กับกลุ่มดาวคนคู่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการกระจายของฝนดาวตกเจมินิดส์ มีลักษณะเป็นริ้วสีขาวพาดผ่านท้องฟ้า ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ของวันที่ 13 ธ.ค. ถึงเช้ามืดเวลาประมาณ 05.00 น. ของวันที่ 14 ธ.ค. ตามเวลาในประเทศไทย

    ซึ่งในปีนี้นักดาราศาสตร์คาดว่าจะสามารถเห็นฝนดาวตกเจมินิดส์ได้มากกว่า 120 ดวงต่อชั่วโมง หากไม่มีแสงรบกวน หรือพื้นที่บนดอยสูงที่มีทัศนวิสัยของท้องฟ้าที่มืดสนิท อาจสังเกตดาวตกได้มากถึง 200 ดวงต่อชั่วโมงเลยทีเดียว


    ที่มา http://news.sanook.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.2 KB
      เปิดดู:
      34
  14. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    เฝ้ามองนอกหน้าต่างเป็นระยะ แต่ยังเงียบอยู่เลย จะตี 4 แระ :'(

    .
     
  15. จอมพล GAY

    จอมพล GAY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +219
    ผมเห็นตอน 4 ทุ่มสองดวงครับ ยืนแป๊บๆเดี๋ยวก็เห็น :cool::cool:
     
  16. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277
    อวดภาพงามๆ ฝนดาวตก “เจมินิดส์” ส่งท้ายปี 2012

    สดร.อวดภาพสวยฝนดาวตก “เจมินิดส์” จากท้องฟ้าบนยอดดอยอินทนนท์ ท่ามกลางอากาศหนาวจับใจ 4 องศาเซลเซียส ส่วนสมาคมดาราศาสตร์ไทยนำประชาชนนอนนับฝนดาวตกที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า สระบุรี พร้อมเก็บภาพ “ไฟร์บอล” งามๆ ส่งท้ายปี 2012

    สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) จัดกิจกรรมเปิดฟ้า...ตามหาดาว สัญจร ครั้งที่ 2 โดย ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการ สดร.ได้นำประชาชนกว่า 200 คนที่เข้าร่วมกิจกรรมขึ้นไปสังเกตปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ (Geminids) เมื่อคืนวันที่ 13 ถึงเช้าวันที่ 14 ธ.ค.55 บนยอดดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ ท่ามกลางอากาศอุณหภูมิต่ำถึง 4 องศาเซลเซียส

    ขณะที่สมาคมดาราศาสตร์ไทยจัดกิจกรรมดาราศาสตร์สัญจร “นอนนับฝนดาวตกคนคู่” ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า จ.สระบุรี ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยมีประชาชนกว่า 40 คน เข้าร่วมกิจกรรมนับดาวตก

    โอกาสนี้ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ ได้รับภาพถ่ายปรากฏการณ์ฝนดาวตกจากทั้ง 2 กลุ่มสังเกตการณ์ โดยนายธรรมฤทธิ์ ลิขิตธีรเมธ นักเรียน สอวน.ดาราศาสตร์ ซึ่งเข้าร่วมกิจกรรมนับฝนดาวตกพร้อมสมาคมดาราศาสตร์ไทยและได้ตั้งกล้องบันทึกภาพปรากฏการณ์ฝนดาวตก โดยบันทึกภาพไปกว่า 400 ภาพ แต่ได้ภาพที่มีฝนดาวตกเพียง 5 ภาพ เนื่องจากฝนดาวตกเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงต้องตั้งกล้องไปยังตำแหน่งท้องฟ้าที่คาดว่าฝนดาวตกจะผ่านหน้ากล้อง เพื่อให้ได้ภาพของฝนดาวตกตามต้องการ

    ทั้งนี้ ฝนดาวตกเจมินิดส์เกิดจากสายธารเศษฝุ่น ของแข็ง และน้ำแข็งจำนวนมาก ที่ยังหลงเหลืออยู่ในวงโคจรของดาวเคราะห์น้อย 3200 เฟธอน (3200 Phaeton) ตัดผ่านวงโคจรของโลก ทำให้เศษฝุ่นของดาวเคราะห์น้อยเหล่านั้นเสียดสีกับชั้นบรรยากาศของโลก เกิดการเผาไหม้จนเห็นเป็นแสงสว่างวาบคล้ายลูกไฟวิ่งพาดผ่านท้องฟ้า โดยจะปรากฏให้เห็นมากที่สุดในช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00 น. ของวันที่ 13 ธ.ค. ถึงเช้ามืดประมาณ 05.00 น.ของวันที่ 14 ธ.ค.ของทุกปี ตามเวลาในประเทศไทย


    ที่มา http://www.manager.co.th/science/viewnews.aspx?NewsID=9550000151674
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2012
  17. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.2 KB
      เปิดดู:
      23
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      94.1 KB
      เปิดดู:
      32
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.5 KB
      เปิดดู:
      20
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      101.3 KB
      เปิดดู:
      25
    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82 KB
      เปิดดู:
      42
    • 7.jpg
      7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.3 KB
      เปิดดู:
      37
    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90.9 KB
      เปิดดู:
      43
  18. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277
    ชาวมายาเผยอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด


    วันนี้ (16 ธ.ค.)สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองอูห์-เมย์ ประเทศเม็กซิโกว่า ชนเผ่ามายาซึ่งอาศัยอยู่บนคาบสมุทรยูคาตันของประเทศเม็กซิโก ยังคงใช้ชีวิตกันไปตามปกติ อาศัยอยู่ในบ้านที่ทำจากโคลนและไม้ เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์และความร้อนจากแรงกดอากาศ ปลูกพืชไร่ และ เลี้ยงสัตว์

    ในปลายสัปดาห์นี้จะเป็นวันสิ้นสุดตามปฏิทินของชนเผ่ามายา 5,125 ปี เชื่อกันว่าจะเป็นวันสิ้นโลก ซึ่งก็มีหนังสือหลายเล่มรวมทั้งภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาโดยอ้างว่าเกี่ยวข้องกับปฏิทินของชนเผ่ามายา จนเป็นข่าวลือที่แพร่สะพัดกันไปว่า จะเกิดหลุมดำขนาดใหญ่ เกิดพายุสุริยะ และ สนามแม่เหล็กของขั้วโลกสลับข้าง จนเกิดความวุ่นวายไปหมด

    เรื่องนี้ นายลิบอริโอ เยห์ คินิล วัย 62 ปี ชนเผ่ามายาในยุคปัจจุบัน กล่าวว่า จำเหตุการณ์เมื่อปีค.ศ.2006 ในวันที่ 6 เดือน 6 หรือที่เรียกว่า 6-6-6 หลายคนคิดว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นมา แต่แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และสำหรับวันสิ้นโลก 21 ธ.ค.2012 ทำไมจะต้องไปตื่นตระหนกกันเกิดเหตุ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

    นักโบราณคดีไม่พบหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่า ชนเผ่ามายาเคยทำนายเรื่องวันสิ้นโลก ดังนั้นจึงไม่ควรไปหวาดวิตกอะไร แต่ทางฝ่ายสำนักงานการท่องเที่ยวของเมืองเมริดา ต่างวิตกว่า ห้องพักของโรงแรมในเมืองจะเต็ม เพราะจะต้องมีผู้คนจำนวนมากมาประกอบพิธีกรรม เพื่อเสริมพลัง ที่ปิรามิดโบราณของชนเผ่ามายา


    ที่มา http://www.dailynews.co.th/world/172626
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 172626.jpg
      172626.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.9 KB
      เปิดดู:
      23
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2012
  19. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277
    นาซาระบุวันนำยานอวกาศพุ่งชนดวงจันทร์

    นาซา เตรียมนำยานสำรวจทำแผนที่แรงโน้มถ่วง 2 ลำ พุ่งชนปล่องภูเขาไฟบนดวงจันทร์ หลังจากภารกิจทำแผนที่เสร็จสิ้นแล้ว...

    นางมาเรีย ซูเบอร์ นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันประจำองค์การนาซาของสหรัฐฯ หัวหน้าโครงการสำรวจแหล่งน้ำบนดวงจันทร์ แถลงข่าวเมื่อ 14 ธ.ค.ระบุว่ายานสำรวจอวกาศขนาดเล็กไร้คนขับ 2 ลำ ได้แก่ “เอบบ์” และ “โฟลว์” ซึ่งโคจรเหนือดวงจันทร์นานกว่า 1 ปี มีกำหนดพุ่งชนปล่องภูเขาไฟบนดวงจันทร์ฝั่งเหนือช่วงเช้าวันที่ 17 ธ.ค.ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ หลังจากยานทั้งสองลำเสร็จสิ้นภารกิจในการจัดทำแผนที่แระโน้มถ่วงของดวงจันทร์แล้ว

    นางซูเบอร์ยังระบุว่า ยานเอบบ์จะเป็นยานลำแรกที่ปะทะผิวดวงจันทร์ ตามด้วยยานโฟลว์ในเวลา 20 วินาทีต่อมา และการพุ่งปะทะผิวดวงจันทร์ของยานทั้ง 2 ลำจะไม่ทำให้เกิดการระเบิดลุกไหม้ เพราะสำนักงานควบคุมภาคพื้นดินจะปิดระบบการทำงานขับเคลื่อนของยานทั้ง 2 ลำ เพื่อให้ยานร่วงลงไปยังจุดหมายปลายทาง



    ที่มา http://www.thairath.co.th/content/oversea/313400
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2012
  20. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277
    ซีอีโอเฟซบุ๊คบริจาคหุ้นมูลค่าเกือบ500ล้านเหรียญ

    นายมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ค เครือข่ายสังคมออนไลน์ระดับโลกเปิดเผยว่า เขาได้บริจาคหุ้นมูลค่าเกือบ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 15,500 ล้านบาท เข้าการกุศลของซิลิคอน แวลลีย์ เพื่อเป็นกองทุนด้านสุขภาพและการศึกษา โดยนายซัคเกอร์เบิร์ก บริจาคหุ้นเฟซบุ๊คจำนวน 18 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 498.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่องค์กรการกุศลที่ไม่แสวงหากำไรของซิลิคอน แวลลีย์ การบริจาคครั้งนี้ถือเป็นการให้ครั้งใหญ่ที่สุดของซีอีโอเฟซบุ๊ค หลังจากที่เขาเคยให้คำมั่นบริจาคหุ้นเฟซบุ๊คมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่โรงเรียนหลายแห่งในเมืองเนวาร์ค รัฐนิวเจอร์ซีย์เมื่อปี 2553 ก่อนที่เฟซบุ๊คเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อต้นปีนี้

    นอกจากนั้น เมื่อช่วงปลายปี 2553 นายซัคเกอร์เบิร์ก ยังได้เข้าร่วมในโครงการกิฟวิ่ง เพลดจ์ ที่ก่อตั้งโดยนายบิล เกตส์ และนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ สองมหาเศรษฐีระดับแนวหน้าของโลก ที่เรียกร้องให้เศรษฐีอเมริกันร่วมโครงการบริจาคทรัพย์สินช่วยเหลือคนยากจน อย่างไรก็ตาม นายซัคเกอร์เบิร์ก โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คว่า เขาภูมิใจที่ได้ทำงานการกุศล เพื่อช่วยส่งเสริมการศึกษา


    ที่มา http://www.dailynews.co.th/world/173274
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 173274.jpg
      173274.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25.4 KB
      เปิดดู:
      24

แชร์หน้านี้

Loading...