เรื่องเด่น ตำนานรักเลือด เรื่องผี ที่ดังเรื่องชื่่อที่สุดของยุโรป

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 3 ธันวาคม 2012.

  1. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    [​IMG]


    ปีศาจ วิหาร วิทบี้ ประเทศ อังกฤษ

    พูดถึงเรื่อผี จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าผีเหล่านั้นทน
    ทุกข์ทรมานแค่ไหนก่อนที่จะจบชีวิตลง หลายครั้งการทรยศ
    หักหลังของคนรักคือปมสำคัญที่ทำให้สร้างกรรม
    ต่างๆนาๆตามมา



    [​IMG]

    วิหารนี้สร้างมาพันกว่าปีแล้ว
    ตั้งแตยุคหลังพระคริตส์ประสูติผ่านไปได้ 657 ปี สร้าง
    โดยชนเผ่า แองโกล-แซกซอน ยุคแรกที่บุคเข้าไปตั้ง
    รกรากในอังกฤษ วิหารนี้อยู่ในสังกัตนิกาย เบเนดิกไทต์

    มีแม่อธิการของวิหารคือ แม่ชี ฮิลล์ด้า หรือ เซนต์ ฮิลล์ด้า
    ผู้ซึ่งได้ตำแหน่งแม่อธิการโบสถ์ใหญ่แห่งนี้มา
    เพราะนางมีศักดิ์เป็นลูกสาวของลูกพี่ลูกน้องของ
    กษัตริย์ในเวลานั้น



    [​IMG]


    วิหารนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวลี้ลับ
    มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวที่น่า
    แปลกว่า ไม่เคยมีนกทะเลบินโฉบไปเฉี่ยวมาแถว
    นั้นเช่นบริเวณอื่น เพราะมีตำนานว่า เซนต์ ฮิลล์ด้า
    ได้ตั้งคำสาปเอาไว้ ทุกวันนี้ มีผู้คนมากมายยังคง
    เห็นวิญญาณของนางปรากฏตัวตามส่วนต่างๆของ
    วิหารบ่อยครั้ง แต่นั้นก็ยังไม่สร้างวามสะพรึงกลัว
    เท่ากับวิญญาณอีกตนที่สิงค์สถิตย์
    อยู่ที่วิหารนี้เช่นกัน




    [​IMG]



    วิญญานตนที่สองที่สิงค์สถิตย์
    และสร้างความสยองขวัญให้แก่บรรดานักท่องเที่ยว
    มากที่สุดก็คือ วิญญาณของ นักเรียนแม่ชีสาว นามว่า
    คอนสแตนส์ เดอ เบเวอร์รี่ ซึ่่งเรื่องโศกนาฏกรรม
    ของนางนี้ แม้แต่กวีชาวอังกฤษชื่อดัง อย่าง
    เซอร์ วอลเตอร์ สกอต ก็ยังนำไปเขียนเป็นนิยาย



    [​IMG]

    คอนสแตนส์ เดอ เบเวอร์รี่ เป็นแม่ชีสาว
    วัยไม่เกิน 20 เธอเป็นลูกสาวของชาวบ้านในย้านนั้น
    ที่หวังจะให้ลูกสาวได้รับการศึกษาด้วยการมาเป็นแม่ชี
    ตั้งแต่เด็กๆที่ วิหาร วิทบี้ ของ เซนต์ ฮิลด้า
    แต่แต่เรื่องความรักก็ไม่เคยเข้าใครออกใคร
    แม้แต่กับแม่ชีสาวที่สาบานตนจะเป็นชีตลอดชีวิต

    คอนสแตนส์ เกิดตกหลุมรักในความหล่อเหลา
    และท่าทางอันเป็นวีรบุรุษของ อัศวินหนุ่ม
    ลูกขุนนางผู้หนึ่ง ซึ่งมีนามว่า ลอร์ด มาเมี่ยน
    และอัศวินหนุ่มเองก็ดูจะมีท่าทีชอบพอนางเช่นกัน
    ทั้งสองเจอกันในระหว่างที่ มาเมี่ยนไปฟังเทศน์
    ที่โบสถ์ ที่แม่ชีสาวอาศัยอยู่



    [​IMG]

    และแล้วในที่สุดการลักลอบเจอกันก็เกิดขึ้น
    มาเมี่ยนได้พาแม่ชีสาวไปอยู่กับเขา ชายหนุ่มสาบานจะรัก
    เธอจนวันตาย..... จนแม่ชีสาวตกลงปลงใจมีความสัมพันธ์ด้วย

    แต่แล้ว อัศวินหนุ่มก็เปลี่ยนใจ เมื่อพ่อของเขาแนะ
    นำให้เขาแต่งงานกับ เลดี้ คลาร่า เดอ แคลร์ ซึ่ง
    เป็นลูกสาวของเจ้าที่ดินผู้ใหญ่ อัศวินหนุ่มจึงนำแม่ชีสาว
    ที่เขาลักลอบพาหนีไป มาส่งคืนยังวิหาร วิทบี้ บอกกับ
    นางว่าทั้งคู่จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แต่เขาไม่สามารถ
    แต่งงานเปิดเผยกับนางได้เพราะนางเป็นแม่ชี



    [​IMG]


    และเขาก็จากไป เมื่อนั้นเองที่แม่ชีสาว
    ตรอมใจจนแม่ชีในโบสถ์ และชาวเมืองรู้ความจริงไปทั่ว
    ว่านางทำผิดปะเวณี การไต่สวนจึงเกิดขึ้น แม่ชีสาวได้รับ
    โทษให้ขังตาย นางโดนจับล้ามไว้บนห้องขังมืดๆในส่วน
    หนึ่งของวิหารก่อนที่จะมีช่างมาโบกปูนปิดผนังตายไม่ให้
    นางออกไปไหนและตายในนั้น เล่ากันว่า
    คอนสแตนส์ เดอ เบเวอร์รี่ แม่ชีสาวผู้โชคร้ายร้องไห้
    ครวญคลางอยู่ในห้องนั้นทั้งวันทั้งคืน อยู่หลายวันกว่าจะขาดใจตาย

    ทุกวันนี้ยังมีคนเห็นวิญญาณของนางปรากฏตัวที่
    หน้าต่างห้องที่ถูกขัง และที่บันไดใกล้ๆกัน นอกจากนี้
    หลังเที่ยงคืนยังมีคนได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องครวญ
    ครางมาจากวิหาร วิทบี้อีกดวย นักท่องเที่ยวมากมาย
    ถ่ายภาพติดวิญญาณของนางบ่อยครั้ง



    [​IMG]

    ส่วนอัศวิหนุ่ม ผู้ล่อลวงแม่ชีสาวไปมี
    อะไรด้วยและไม่ยอมแต่งงาน ก็ได้รับผลกรรมของเขา
    มาเมี่ยนทุกข์ใจไม่น้อยหลังจากที่ได้ข่าว คอนสแตนส์
    โดนขังตายในวิหาร เขาไปออกรบและโดนแทง
    ตายในสงคราม ในเวลาต่อมานั่นเอง





    ตำนานรักผี เรื่องที่ 2 โศกนาฏกรรมของเจ้าสาวทั้ง 3
    ของ เคานท์ แดร็กคูล่า



    [​IMG]


    ทันสมัยขึ้นมาหน่อย จากเรื่องที่หนึ่ง
    ยุคมืดของยุโรป มาปลายยุคกลาง.... ขึ้นชื่อว่า เคานท์ แดร็กคูล่า
    ทุกคนรู้จักดีในเรื่องราวชอบ ทรมานคน และโหดร้ายกับ
    ชาวบ้านและข้าศึก แดร็กคูล่า ได้รับปรัชญาในการปกครอง
    นี้มาในสมัยที่เขาไปอยู่กับพวกเติร์ก ซึ่งเชื่อว่ากษัตริย์ที่ดี
    คือกษัตริย์ที่คนกลัว มิใช่กษัตริย์ที่คนรัก

    แม้แดร็กคูล่าจะมีด้านที่โหดหิน แต่เขาก็เป็นที่เด็ดขาด
    และมีระเบียบวินัยเป็นอย่างยิ่ง ส่วนในด้านผู้หญิงนั้น
    มีบางนางที่เขารักและบางนางที่เขาชัง



    [​IMG]


    เขาทรมาน พวกเชลยและนักโทษ
    คนที่ไม่ตรงต่อหน้าที่และพวกคนแก่กับพิการด้วยวิธีโหด
    ร้ายสาระพัด ทั้งถลกหนัง เอาไม้เสียบจากทวารออกปาก
    ไฟลน ทรมานทางเพศ และอีกหลายๆวิธีที่สุดจะสรรหา
    มาทรมานคน ทั้งยังชอบดูการประหารไปในขณะนั่งทานอาหาร


    [​IMG]

    แดร็กคูล่าโหดเหี้ยมได้กับทุกคนไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิง
    และเด็ก หรือกับหญิงคนรักของเขา มีเรื่องเล่าว่าวันหนึ่ง
    ที่แดร็กคูล่าไปดูการทำงานของคนงาน ในท้ายปราสาท
    ที่ปลูกไร่สวน เขาพบว่าคนงานชายคนหนึ่งมีเสื้อผ้าที่
    ไม่เรียบร้อย และสั้นเกินไปสำหรับอากาศหนาว
    เขาจึงเดินไปถามคนงานนั้นว่า

    "หญิงของเจ้ามีหน้าที่ทำอะไร?"

    "คอยหุงหาอาหาร ตัดเย็บเสื้อผ้า ทำความสะอาดบ้านครับท่าน" คนงานตอบ

    หลังจากนั้นแดร็กคูล่าก็สั่งให้เรียกภรรยาของคนงานมา และเขาก็ถามนางว่า

    "ผู้หญิงมีหน้าที่ทำอะไร?"

    หญิงคนนั้นก็ตอบว่า

    "คอยหุงหาอาหาร ตัดเย็บเสื้อผ้า ทำความสะอาดบ้าน ให้ผู้ชายคะท่าน"

    แดร็กคูล่าจึงถามนางคืนว่า

    "งั้นทำไมเสื้อของสามีเจ้ามันถึงได้ขาดแบบนี้

    "แสดงว่าเจ้าไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง สามีของเจ้าสมควรจะมีภรรยาใหม่"

    ว่าแล้วแด็กคูล่าก็สั่งให้คน สังหารภรรยาของคนงานนั้นเสีย
    แม้ว่าสามีของนางจะพยามขอร้องห้ามปราม หลังจากนั้น
    แด็กคูล่าก็ยกหญิงคนหนึ่งที่ทำงานในปราสาทให้เป็นเมีย
    ของคนงานแทน



    [​IMG]

    แดร็กคูล่ามีหญิงที่มีหลักฐานว่าเป็น
    ภรรยาของเขาอย่างเป็นตัวเป็นตนอยู่ สี่ นาง คนแรก เป็น
    เจ้าหญิง ซึ่งชื่อเสียงเรียงนามไม่ปรากฏเป็นหลักฐาน
    บางคนกล่าวว่า นางมีชื่อเดียวกันกับแม่ของ แดร็กคูล่า
    คือ เจ้าหญิง วาซิล ลิซ่า (ชะเนียดน่า) บ้างก็ว่า ชื่อ อลิซาบีต้า

    แต่ไม่ว่านางจะชื่ออะไรก็ตาม แต่นางก็เป็นหญิงที่
    แดร็กคูล่ารักมากที่สุด นางให้กำเนิดลูกชาย
    สองคนตั้งแต่ยังสาว คือ มิซเนีย และ
    มิคายด์ แต่ชีวิตของนางก็ไม่ได้จบลงด้วยดีนัก
    อันเนื่องมาจากความที่รักแดร็กคูล่ามากจนเกินไป




    [​IMG]

    มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ แดร็กคูล่าไปออก
    รบสู้กับพวกเติร์ก และปราสาทของเขาโดนข้าศึกบุก
    ทหารเติร์กได้ปล่อยข่าวกลั่นแกล้งว่า แดร็กคูล่าถูก
    ฆ่าตายในสนามรบ เคาเตส ผู้เป็นภรรยาได้ยินดังนั้น
    ก็โศกเศร้าแทบขาดใจ นางรักแดร็กคูล่ามากเกิน
    กว่าจะอยู่ไปได้โดยที่ไม่มีเขา นางจึงตัดสินใจฆ่า
    ตัวตายด้วยการกระโดดจากหน้าต่างห้องนอนตกลง
    ไปสู่แม่น้ำเบื้องล่างที่ไหลเชี่ยวจนถึงแก่ความตาย
    หลังจากนั้นเป็นต้นมา แม่น้ำนั้นถูกเรียกว่าแม่น้ำเจ้าหญิงนั้น
    เอง มีบันทึกคำที่นางกล่าวก่อนกระโดดลงไปจบชีวิตว่า
    ต่อให้ตายเน่า โดนปลากินซาก ก็ยังดีกว่าอยู่ต่อไป
    [​IMG]



    หญิงคนที่สองของ เคานท์ แดรกคูล่านั้น
    ไม่ปรากฏนาม แต่เธอมีศักดิ์เป็นเพียงนางบำเรอเท่านั้น
    และไม่ได้อาศัยอยู่ในปราสาทเช่นเมียแต่ง แดร็กคูล่ามัก
    จะมาหานางอยู่บ่อยๆ และนางเองก็รักและเอาอกเอาใจ
    เขาเป็นอย่างดี นางงทำทุกอย่างที่แดร็กคูล่าต้องการ
    และก็จงรักภักดีต่อ เคานท์ แดร็กคูล่า เป็นอย่างยิ่ง
    โดยที่ไม่เคยมองให้ลึกว่า แดร็กคูล่าไม่ได้รักนางมากมาย
    เลยนอกจากเห็นนางเป็นแค่ ของเล่นเท่านั้น ทุกครั้ง
    ที่ท่านเคานท์ มาหา หญิงนางบำเรอผู้นี้ก็จะพูดปลอบโยน
    ให้กำลังใจเขาทุกอย่างในยามที่เห็นแดร็กคูล่าดูเศร้าหมอง
    แต่แล้วนางก็ประมาทเกินไป
    [​IMG]


    ไม่รู้จะเป็นเพราะ อยากจะได้ตำแหน่ง
    เคาเตสเป็นตัวเป็นตน หรือจะเพราะนางเข้าใจผิดไปเองว่าตัวเอง
    ตั้งครรภ์กับแดร็กคูล่า นางได้บอกแก่แดร็กคูล่าในครั้ง
    หนึ่งว่านางท้องกับเขา แดร็กคูล่าจึงกล่าวเตือนนางว่า
    อย่าล้อเล่นแบบนี้ แต่หญิงสาวก็ยังยืนยัน แดร็กคูล่า
    จึงสั่งให้หมอตำแยมาตรวจนางว่านางตั้งครรภ์จริงหรือไม่
    ผลปรากฏว่านางไม่ได้ตั้งครรภ์ แดร็กคูล่าจึงกล่าวกับนางว่า
    เจ้าคงรู้โทษฐานของการโกหกว่าเป็นยังไง
    หลังจากนั้นแดร็กคูล่าก็ได้ใช้มีดกรีดที่คอของนางลง
    ไปจนถึงหน้าอก และปล่อยนางให้เลือดไหลออก
    จนตายไปโดยที่ไม่หันกลับมามอง



    [​IMG]


    [​IMG]

    หลังจากนั้น แดร็กคูล่าก็ได้มีนางบำเรอ
    มาอีกหนึ่งคน ซึ่งให้กำเนิดลูกชาย แก่เขา ชื่อ ราดิว ซึ่ง
    แดร็กคูล่าได้แต่งงานออกหน้าออกตากับหญิงคนใหม่
    เป็นเจ้าหญิงเชื้อสาย ฮังการี่ นามว่า อิโลน่า ซิลลากี้
    นางได้ให้กำเนิดบุตรชายสองคน ซึ่งคนโตภายหลังได้เป็น
    เคานท์ แดรกคูล่า ที่ 7ส่วนคนเล็กไปทำงานด้านศาสนา
    กับท่านบิชอพ ซึ่งมาป่วยตายทีหลัง ทำให้นางเสียใจ
    เป็นอย่างยิ่ง





    ตำนานที่ สาม วิญญานพระนาง แอนน์ โบลีน


    [​IMG]


    แอนน์ โบลีน นั้นเป็นมเหษีองค์ที่สอง
    ของกษัตริย์ เฮนรี่ที่ 8 ของอังกฤษซึ่่งมีเมียมากถึง 6คน
    คนแรกหย่า คนที่สองตัดคอ คนที่สามแท้งตาย คนที่สี่หย่า
    คนที่ห้าตัดคอ และคนสุดท้ายรอดตัว เพราะกษัตริย์
    ได้สวรรณคตไปเสียก่อน
    แอนน์ เป็น หญิงที่เรื่องลือว่ามีความงามแบบคมคาย
    นางมีผมสีดำสนิด ตาสีเทา และผิวขาว ร่างบางระหง
    อันที่จริงแล้วนางเป็นคนฉลาดเพราะเห็นจุดจบของสตรี
    แต่ละคนที่โดนบังคับให้ไปเป็นนางบำเรอของกษัตริย์
    ที่ต้องการเพียงทายาท นางได้ปฏิเสท กษัตริย์เฮนรี่
    และหนีพระองค์ทุกวิถีทาง จนในที่สุดกษัตริย์หลงนาง
    มากจนถึงขนาดยื้นข้อเสนอให้นางเป็นราชินี และเมื่อ
    นั้นเองที่ลุงของนาง ดยุ๊กแห่ง นอร์ทฟอร์ก และพวก
    ญาติๆได้ สนับสนุนให้นางแต่งงานกับพระองค์เสีย
    เพราะโอกาสมาถึง

    ครั้นเมื่อแอนน์ตกลงแต่งงานกับกษัตริย์ไปแล้วนี้เอง
    ที่พระองค์เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อได้หญิงคนที่ต้องการ
    แอนน์ไม่สามารถใหกำเนิดทายาทชายได้
    และแท้งทุกครั้ง เป็นเพราะกษัตริย์เฮนรี่นั้นติด
    โรคซิฟิลิสเพราะทรงเจ้าชู้คบหญิงไม่เลือกหน้า

    [​IMG]

    กษัตริย์เริ่มออกราย เจ้าชู้จีบหญิงอื่นต่อหน้าพระนาง
    และไม่มีความเกรงใจใดๆหลงเหลืออยู่ แต่พระนางเป็นหญิง
    ที่มีนิสัยทันสมัยผิดสตรีในยุคนั้นจึงไม่ยอมกษัตริย์
    แต่โดยง่าย ทำให้กษัตริย์ไม่สามารถจะทนนางได้อีกต่อไป
    ทรงรวมหัวกับกลุ่มต่อต้านราชินี และสร้างข้อห
    าผิดศีลธรรมต่างๆมาใส่ร้ายพระนาง เช่น เป็นแม่มดบ้าง
    , คบชู้กับ พี่ชายตัวเองบ้าง
    (พระนางแอนน์กับพี่ชายสนิทกันมากและเวลามีปัญหากับกษัตริ์มักจะมาปรึกษาเขา)


    พระนางจึงโดนตัดสินประหารชีวิต ทุกวันนี้มีผู้คนมากมาย
    พบเห็นวิญญาณของพระนางในปราสาท ไวท์ฮอล
    และในสวนดอกไม้ บางครั้งก็ร้องไห้ และบางครั้งก็มา
    ในลักษณะหัวขาด อีกทั้งยังมีคนถ่ายภาพติดวิญญาาณของนางอีกด้วย

    บางคนเห็นนางปรากฏกายในช่วงคริตสมัสที่ปราสาท
    ฮีเวอร์บ้านเกิดของนาง ในตอนดึกๆเดินถือหัวข้ามสะพาน
    ไปใต้ต้นโอ๊คสถานที่ที่ กษัตริย์ เฮนรี่มาพลอดรักแก่นาง




    วิญญาณ พระนาง แคทเธอลีน โฮเวิร์ด




    [​IMG]

    แคทเธอลีน โฮเวิร์ด กล่าวกันว่าทรง
    มีนัยตาสีฟ้าอ่อน และผมบรอนซ์ทองเป็นประกาย อ่อนหวาน
    เป็นธิดาของ ลอร์ด เอ็ดมัน โฮเวิร์ด ลูกชายของดยุ๊กแห่งนอรธฟอค
    ซึ่งเท่ากับว่านางมีศักดิ์เป็นญาติของ ราชินี แอน โบลีน ด้วย

    พระนางแคทเธอลีน เป็นภรรยาที่อายุน้อยที่สุดของกษัตริย์
    เฮนรี่ 8 พระ นางมีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น เมื่อตอนสมรส
    กับกษัตริย์เฮนรี่ที่อายุเกือบจะ 60 อยู่แล้ว ทรงทะเลาะกับ
    เจ้าหญิงแมรี่ ลูกสาวคนโตของกษัตริย์ที่เกิดกับภรรยา
    คนแรกบ่อยมาก เพราะแม่เลี้ยงอายุน้อยกว่า
    เจ้าหญิงแมรี่ผู้เป็นลูกเลี้ยง

    [​IMG]

    กษัตริย์ผู้เริ่มย้างเข้าวัยชราทรงหลงราชินีเด็กหัวปรักหัวปรำ
    ทรงเรียกพระนางว่า กุหลาบน้อย ด้วยความที่ยังเด็ก
    และไม่รู้เดียงสานัก พวกต่อต้านราชินีที่แฝงอยู่ในวัง
    จึงได้พยามวางแผนกำจัดพระนางด้วยการไปเชิญ
    พวกเด็กผู้ชายหนุ่มๆอดีตแฟนเก่าของพระนาง
    สมัยยังเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียนมาเป็นข้า
    ราชบริภารในวัง






    หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นแม่สื่อแม่ชัก
    ยุยงให้ราชินีเด็ก คบชู้ จนเป็นผลให้กษัตริย์
    เฮนรี่จับได้และสั่งประหารพระนาง นางได้พยามร้อง
    วอนขอชีวิต แต่ไม่ว่าอย่างไรกษัตริย์ก็ไม่ปราณี
    พระนางโดนจับไปคุมขังที่หอคอยไซยอน แอบบี้
    หนึ่งเดือนก่อนจะถูกประหาร พระนางไม่ได้เป็น
    สตรีที่เด็ดเดี่ยวเช่นราชินีแอนน์ที่เคยโดนตัดหัวองค์ก่อน


    พระนางแคทเธอลีนร้องไห้ปนคุ้มคลั่งตลอดทาง
    ที่โดนนำลงเรือปิด ผ่านแม่น้ำเทมส์ ยามกลางคืน
    ในยามที่จะโดนประหารก็วิ่งหนี ไปยังวิหารที่เฮนรี่
    มาสวดมนตร์ทุกวัน แต่กษัตริย์เพิกเฉยต่อเสียงร้อง
    ขอชีวิตของนางจน ต้องมีคนจับลากตัวนางกลับมา
    นางร้องไห้สักพักจนทำใจได้และยอมโดนตัดหัว
    ไปเช่นเดียวกับคนอื่นๆ

    มีคนเห็นวิญญาณของนางวิ่งลงร้องไห้ ที่่แฮมตันคอร์ท
    ซึ่งมีคนเห็นทั้งวิญญาณของพระนาง แคทเธอลีน
    และแม้กระทั้งวิญญาณของ
    ซิบิว เพนน์ แม่นมของบรรดาเจ้าหญิงเจ้าชายลูกๆ
    ของกษัตริย์ เฮนรี่ ผู้เสียชีวิตด้วย โรคฝีดาษระบาดในเวลานั้น


    [​IMG]


    ปัจจุจันพบว่ามีการเจอ เครื่องปั่นฝ้ายโบราณมาก
    อันหนึ่งที่ห้องลึกลับของแฮมตันคอร์ด และมักจะ
    มีเสียงเครื่องปั่นฝ้ายทำงานเองในตอนดึกๆเสมอ
    ซึ่งคาดว่าเป็นวิญญาณของแม่นม ซิบิวล์
    มาใช้เครื่องปั่นฝ้ายนั้นเอง








    :boo::boo:


    ราชีนี 9 วัน เลดี้ เจน เกรย์



    [​IMG]

    เลดี้ เจนน์ คือหญิงผู้ไม่ได้ทำความผิด
    แต่เธอคือเหยื่อของสังคมยุคสมัยที่นางเกิดมา
    ต้องมาตายไปเพราะอำนาจของบุรุษ
    จากการควบคุมของพ่อและสามีที่กระหายอำนาจ

    อันที่จริงแล้ว เลดี้ เจนน์ นั้นยากที่จะได้มาเป็นราชินี
    เพราะนางไม่ได้เป็นเลือดสายตรงของกษัตริย์
    เฮนรี่ที่ 8 แต่เป็นหลานลุงของกษัตริย์ เฮนรี่ที่ 8

    [​IMG]

    เลดี้ ฟรานเซส มารดาของนางเป็นลูกสาวของ
    พี่สาวกษัตริย์เฮนรี่ ที่ 8
    ด้วยความที่มีพ่อและสามีทีละโมบโลภมากในตำแหน่ง
    จึงได้วางแผนจะก่อกบฏโดย ณ. ช่วงเวลานั้น
    กษัตริย์เฮนรี่ได้สวรรณคตลง
    เฮนรี่ เกรย์ ดยุ๊ก แห่ง ซัฟฟอค บิดาของนาง
    และ ลอร์ด กิลฟอร์ด ดัดเล่ สามีของนางได้
    รวมหัวกันจะยกนางเป็นราชินี ทั้งที่กษัตริย์
    เฮนรี่ยังมีบุตรธิดาวัยเยาว์ อันได้แก่
    เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด วัยเจ็ดขวบ เจ้าหญิงแมรี่
    และเจ้าหญิงอลิซาเบ็ท อยู่




    แต่ปรากฏว่าแผนการไม่สำเร็จ
    เลดี้ เจนน์ ได้ขึ้นครองราชย์เพียง 9 วันก็ถูกสำเร็จ
    โทษโดยกลุ่มผู้สนับสนุนกษัตริย์องค์ก่อน
    โดยที่นางไม่รู้อิโหน่อิเหน่ใดๆเลย

    นางโดนยื้นข้อเสนอว่าจะ โดนประหารแบบไหน
    ระหว่างเผาไฟ หรือตัดหัวเธอโดนนำตัวมาคุมขัง
    และเห็นคนลากศพสามีของนางเข้ามาในเช้าวันหนึ่ง
    ก่อนที่นางจะเป็นรายต่อไป เจนน์โดนเอาผ้าปิดตา
    ไว้ในขณะที่ถูกตัดหัว
    ปัจจุบันนี้มีคนเห็นวิญญาณของนางนางเป็น
    ครั้งคราวในร่างสีเทาเบาบางถึงตะเกียงเทียนในมือ



    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.2402492/[/MUSIC]


    :boo:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2013
  2. MR.Bean

    MR.Bean เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +298
    ขอบคุณครับ ชอบอ่านมากๆ จะติดตามครับ
     
  3. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ทันสมัยขึ้นไปอีก ในยุค นีโอคลาสสิก ในราชสำนักของกษัตริย์ หลุยส์ที่ 14 ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความริษยาขัดขากันเองในราชสำนัก พระองค์กษัตริย์ก็เรื่องชื่อว่าเจ้าชู้และมีนางบำเรอจดทะเบียน (หรือนางสนม) มากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ มาดาม หรือ มาชันเนส หญิง


    อเธเน่ เดอ มองเตสแปง


    [​IMG]


    นางรู้สึกว่าพักหลังนั้นเองที่ กษัตริย์ไปให้ความสนอกสนใจหญิงอื่นๆมากกว่านาง นางจึงได้ให้สาวใช้ติดต่อจ้างวางแม่มดให้ทำสเน่ห์ ไม่ว่าจะด้วยการเอาประจำเดือนและอสุจิของผู้ชายผสม น้ำเหลืองศพ เข้าพิธีผสมลงในอาหารให้พระเจ้าหลุยส์เสวย แต่ก็ไม่เป็นผล


    นางจึงได้ติดต่อพ่อมด ซึ่งยื่นข้อเสนอให้นางไปทำพิธีบูชายัญเด็กทารกในป่าช้าตอนหลังเที่ยงคืน ที่นั้นเองที่นางต้องเปลื้องผ้า
    และพ่อมดได้ใช้เลือดของเด็กทารกที่สังหารกลางป่าอาบร่างของนาง

    เมื่อครั้งนั้นเองที่กษัตริย์จับได้เพราะมีคนเห็น ประกอบกับพยานหลักฐานการเข้าออกวังของ เพื่อนของนางซึ่งีประวัติเป็นแม่มด นางจึงโดนลงโทษเนรเทศให้ไปอยู่ที่กระท่อมท้ายวังจนตายที่นั้น ชีวิตของนางได้ให้กำเนิดธิดาสองคนซึ่งเป็นดัชเชสในเวลาต่อมา

    กล่าวกันว่ามีคนเห็นวิญญาณของนางในบริเวณที่ที่นางเสียชีวิตและที่พระราชวังแวร์ซาย



    :boo::boo:



    ตำนานรักผี Brown Lady


    [​IMG]


    :boo::boo:


    ภาพนี้เป็นภาพชื่อดังที่สุด ที่ถ่ายได้ เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณ ของ เลดี้ โดโรที ทาวสัน
    ท่านหญิงทาวสันมีชีวิตอยู่ในราว คศ 17 ใน เรย์แฮม ฮอล แมนชั่น ในเมือง นอร์ธฟอก ประเทศอังกฤษ


    ตำนานเล่าว่า เธอนอกใจสามี เนื่องมาจากไม่สามารถทนอารมย์อันแปรปวนโมโหร้ายของ ชาล์ล ทาวสัน ผู้เป็นสามีได้
    ถ้าตามการให้ปากคำ ของ เลดี้ แมรี่ เวิร์ทเล่ย์ มองตาคิว กล่าวว่า เลดี้โดโรธี โดนล่อลวงให้ไปเป็นเมียของลอร์ด วาตัน โดย ภรรยาของ
    ลอร์ดวาตัน ซึ่งเป็นเพื่อนของเลดี้ โดโรธี เอง, ด้วยการเชิญเธอไปทานอาหารเย็นที่บ้านด้วยในวันหนึ่ง และสามีของ เคาเตสก็เผด็จศึกเพื่อนสาว ของภรรยาตนเอง


    [​IMG]

    เป็นเหตุให้ ชาล์ล สามีของ เลดี้ โดโรธี โกรธมาก และจับเธอขังไว้ในห้องลึกลับของคฤหาสน์ ในขณะที่บอกข่าวเท็จแก่ใครๆว่า ภรรยานั้นเสียชีวิต อีกทั้งยังจัดงานศพปลอมขึ้นอีกด้วย ในเวลาต่อมา ท่านหญิงจึงได้เสียชีวิตจริงๆในห้องที่ขังเธอนั้น เพราะอดอาหารตาย วิญญาณของเธอยังคงวนเวียนอยู่ใน คฤหาสน์ เรย์แฮม ฮอล ต่อไป และมีคนได้ถ่ายรูปไว้ในปี 1937 จนขึ้นปกนิตยาสาร




    [​IMG]



    กัปตัน เฟรดเดอริก มายัท เพื่อนสนิทของนักเขียนไอริชชื่อดังอย่างชาล์ล ดิกเก้น ก็เคยไปนอนในคฤหาสน์เรย์แฮม ที่โดโรธีเสียชีวิต และเคยเห็นวิญญาณของนางในห้องนอน
    และหลังจากนั้นก็มีผู้คนมากมายทั้งคนดัง และคนธรรมดา เห็นวิญญาณของโดโรธีบ่อยครั้งเรื่อยมา

    :boo:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  4. mahamettayai

    mahamettayai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +10,670
    หลายๆรูปในโพสต์แรก สวยดีค่า (good)

    บางเรื่องก้อเคยได้ยินมามั่ง
    แต่ละนางน่าสงสารทั้งนั้น (cry)
    ทั้งแม่ชีสาว เลดี้เจนเกรย์ (เคยอ่านนิยายของคุณนิดา)
    แอนน์ โบลีนและอีกหลายๆคน
    ทีสำคัญ ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างท่านเคาท์แดรกคิวล่า
    จะมีผู้หญิงที่รักจริงใจ
    ถึงขนาดแค่ได้ยินข่าวก้อฆ่าตัวตายซะแล้ว (one-eye)
     
  5. พรบัวงาม

    พรบัวงาม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +72
    เรื่องน่าสนใจดีค่ะ อ่านจนจบเลย รูปประกอบเรื่องก็สวยมากเลยค่ะ
    ขอบคุณที่นำมาให้อ่านนะจ๊ะ
     
  6. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    พวกภาพวาดพวกนั้น วาดโดย จอห์น วิลเลี่ยม วอเตอร์เฮ้าส์ กับภาพวาดของ เซอร์ จอห์น มิลเลียส คะ รู้สึกจะเป็นภาพสไตน์ Pre-Raphaelites

    คือเป็นการวาดแนวผสมระหว่างการใช้ลายเส้นสมจริงแบบของพวกโบราณแต่ผสมความโรแมนติก ลึกกลับ เรียบง่ายตามเทพนิยายของยุโรปกลาง กับแนวคิดสมัยใหม่ทำให้ออกมาได้ภาพที่ีอารมย์ ความรู้สึกสมบูรณ์มาก อย่างพวกรูป อัสวิน พรอดรักกับผู้หญิงแต่ละรูปนี้ คือ คนที่ดูแล้วนี้ มันทำให้เกิดความรู้สึกว่าอยากเป็นผู้หญิงในภาพ หรือรู้สึกไปในทาง รักๆใคร่ๆได้เลย

    อย่างรูปนี้

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2013
  7. ไฟฉาย

    ไฟฉาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +112
    ขอบคุณมากครับ นำเรื่องดีๆมาให้อ่าน รอผลงานต่อไปครับ
     
  8. Soul Mate

    Soul Mate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +356
    ขอบคุณค่ะ น่าสนใจ และสลดกับความเสื่อมของมนุษย์
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    เรื่องน่าอ่าน ภาพประกอบก็สวยดีครับ..อืมๆ.วิญญานก็อยู่ตามความคิดสุดท้าย
    นะครับ.ถ้าเจอบุคคลประเภทอุทิศส่วนกุศลภาคบังคับให้วิญญานได้.รับรอง
    ว่าจะไม่มีใครเห็นวิญญานในลักษณะแบบที่เล่ามาให้ฟังแน่.

    .แต่ปล่อยให้เป็น
    ไปตามกฏแห่งกรรมแล้วกันนะครับ.อย่างน้อยก็ให้ฝรั่งเห็นวิญญานบ้าง
    และถือว่าแต่ละบุคคลมีเหตุมีผลให้เกิดเรื่องและคงได้ร่วมสร้างเหตุด้วยกันมา..คริ คริ
     
  10. หนีนรก

    หนีนรก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +666
    มีอีกมั้ย กำลังเพลินเลย ;41
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 ธันวาคม 2012
  11. sereenon

    sereenon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,931
    เล่าต่อสิคะ กำลังสนุกเลยค่ะrabbit_run_away
     
  12. Pukku

    Pukku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +899
    ลงอีกนะคะ ชอบมากเลยค่ะ
     
  13. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานปราสาทผีสิงค์ที่ขึ้นชื่อว่าเฮี้ยนที่สุดในโลก




    [​IMG]


    ปราสาท ลีป ตั้งอยู่ในเขต คันทรี ออฟฟารี่ ประเทศไอร์แลนด์ และสถานที่แห่งนี้เองที่คาดว่ามีผีสิงค์สถิตย์อยู่ที่นี้มากกว่า 20 ตน ความเก่าแก่นั้นไม่ต้องพูดถึง น้อยกว่า วิหาร
    วิทบี้ ในเรื่องแรก,เพียง แค่ 200ปี นั้น ก็คือหลังจากพระคริตส์ประสูติได้ 800 ปีนั้นเอง

    ปราสาทนี้สร้างโดย เผ่า โอ แบรนดอน ตระกูลใหญ่เป็นอันดับสองของผู้นำเผ่าชาวเคลท์เมื่อพันปีที่แล้ว โดยมีเผ่าอันดับหนึ่งคือ
    โอ คารอล

    กระทั้งในปี 1557 ตระกูล โอ คารอล ที่สืบเชื้อสายมาจากเผ่าผู้นำชั้นหนึ่ง ได้เข้าครอบครองปราสาท ลีป หลังจากการตายของ
    มัลรูนี่ โอ คารอล ผู้นำ พวกสายตระกูลต่างๆก็ได้ขัดแย้งกันว่าใครสมควรจะสืบทอดผู้นำต่อไป



    [​IMG]


    บรรดาลูกชายที่เกิดจาคนละแม่กันก็ต่างทำสงครามภายในเพื่อแย้งชิงตำแหน่งผู้นำต่อจากพ่อ ผลปรากฏว่า ไทต์ โอ คารอล หนุ่มผู้ขึ้นชื่อว่ามีตาเดียวอันเนื่องมาจากเสียตาข้างนึงไปในการรบก็ได้ฆ่า พี่ชายของเขาซึ่งเป็นบาทหลวงและมีโบสถ์อยู่ในระแวกเดียวกันกับปราสาท ลีป.....กล่าวกันว่าเลือดของพี่ชายบาทหลวงของเขานั้นสาดไปทั่วโบสถ์



    ไทต์ โอ คารอล ได้วางแผนชวนพวกญาติพี่น้องผู้ชายของเขาที่อาศัยอยู่ตามต่างจังหวัดให้มาร่วมงานเลี้ยงอันหรูหราที่จัดขึ้นเฉลิมฉลองที่ปราสาท ลีป หลังจากนั้นก็จัดการเก็บพวกญาติๆเหล่านั้นเสียทุกคนเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้พวกนั้นคิดล้มล้างเขาและตั้งตนเป็นผู้นำเผ่าแทน



    [​IMG]

    และแล้ววันเวลาแห่งความรุ่งเรืองของตระกูล โอ คารอลก็ต้องจบสิ้นลงด้วยน้ำมือของเด็กสาววัยรุ่น ผู้เป็น เหรนของเหรนของเหรนของ ไทต์ โอ คารอล คุณหนูตระกูล โอ คารอล ผู้นี้เกิดในราว ศตวรรษที 17 เธอเป็นลูกสาวของลอร์ด โอ คารอล ผู้สืบเชื้้อสายมาจาก ไทต์ โอ คารอล ผู้เหี้ยมโหด บิดาของเธอได้ขังนักโทษชาวต่างชาติเอาไว้มากมายในห้องขังมืดในส่วนหนึ่งของปราสาท และหนึ่งในนั้นก็คือกัปตัน ดาบี้ รูปงามผู้เป็นหนุ่มชาวอังกฤษ คุณหนูลูกสาวท่านเจ้าของปราสาทตกหลุมรัก และเมตตาสงสารผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกเห็นที่ พ่อของเธอนำเขาเข้าขังไว้



    เธอแอบนำน้ำนำอาหารมาให้เขา และแม้แต่ขโมยกุญแจห้องขังมาเปิดประตูให้ชายหนุ่มหนีออกไป โดยมีเธอหนีตามไปด้วยกัน ครั้นเมื่อระหว่างจะลงบรรไดหนีนั้นเอง พี่ชายของคุณหนู โอ คารอล ได้มาพบเข้า กัปตันหนุ่มคู่รักของเธอจึงแทงพี่ชายของเธอตาย ด้วยคมดาบเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นทั้งคู่ได้หนีไปอยู่ด้วยกัน ส่วนผู้เป็นพ่อของคุณหนู โอ คารอลก็ไม่มีทางเลือกอื่น เมื่อเสียลกชายไป แต่ก็ยังเหลือลูกสาวเพียงคนเดียว จึงไม่อยากจะเอาความลูกสาว คุณหนู โอ คารอล รักกัปตันหนุ่มชาวอังกฤษผู้นี้มาก เธอแต่งงานกับเขาและแน่นอนนามสกุลต้องเปลี่ยนมาใช้ตามฝ่ายชาย ปราสาทลีป จึงตกเป็นของทายาทตระกูลดาบี้ของกัปตันชาวอังกฤษไปตั้งแต่บัดนั้น



    [​IMG]



    ในปี 1900 สองสามีภรรยาชาวอังกฤษ ชาล์ล และ มิลล์เดรส ผู้เป็นลูกหลานของกัปตันดาบี้และคุณหนู โอ คารอล ได้ย้านมาอยู่ปราสาทลีป ทั้งคู่ โดนผีลอก อยู่เสมอจนเป็นที่เรื่องลือไทั่ว และแม้แต่พวกการโกท ฮันเตอร์ ต่างสนใจมาลองประสบการณ์วิญญาณที่ปราสาทแห่งนี้

    จนอยู่ไม่ได้ นาง มิลล์เดรส ผู้ภรรยาให้สัมพาทย์ว่า เธอมักจะเห็นเงาดำที่เฉลียง บางทีก็สึกเหมือนมีคนเอามือวางบนไหล่พอหันไปก็ไม่มีใคร บางทีก็ดึงชายเสื้อ พอหันไปก็เจอ ร่างสูงดำใหญ่ มีนัยตาเหมือนศพเน่า แถมในบ้านยังชอบมีกลิ่นสาบเหม็นเน่าเหมือนอะไรตายซ่อนอยู่ กระทั้ง ปี ก็เกิดเหตุการณ์ อัปมงคลขึ้นที่โบสถ์น้อยข้างๆปราสาท ที่ตามตำนานกล่าวว่า บาทหลวงพี่ชายของ ไทต์ โอ คารอล โดนไทต์ สังหารจดเลือดสาดโบสถ์ และแม้แต่แทนประกอบพิธีพระเยซู คือ อยู่ๆก็มีไฟไหม้

    จนมีการจ้างคนงานก่อสร้างไปซ่อมปราสาท เมื่อนั้นเองที่ความลับดำมืดของปราสาทนี้ได้เปิดเผยความสยองขวัญยิ่งขึ้นไปอีกมีการขุดเจอ คุก ลับสไตน์ยุโรปยุคกลางแบบของฝรั่งเศษสมัยเมื่อ 700-1000 ปีที่แล้ว เรียกว่า Oubliette



    [​IMG]

    คุกลักษณะนี้บางคนเรียกว่าคุกอากาศ เพราะเวลาจะส่งนักโทษหรือเชลยเข้าคุก จะมีอยู่ทางเดียว คือสะพายไม้ที่ใช้เชือกชักให้สะพานทอดไปยังฝั่งตรงกันข้าม และด้านล่างสะพานนั้นจะเป็นเหวสูง หรืออาจมีหนามแหลมคมอยู่ด้านล่างเป็นกับดัก นักโทษ หรือเชลยจะไม่มีทางหนีได้ เพราะเมื่อนักโทษถูกบังคับให้เดินไปยังเกาะฝั่งตรงข้ามแล้ว ผู้คุมจะชักสะพานกลับ นั่นก็หมายความว่าเกาะกลางที่นักโทษอยู่จะไม่มีทางหนีไปไหนได้ เพราะล้อมไปด้วยเหว



    พวกก่อสร้างพบซากกระดูกของคนตายมากมายตายซับตายซ้อนกันอยู่ที่คุกลึกลับนั้น
    ผู้คนในระแวกปราสาทต่างตื่นกลัวที่จะเข้าใกล้เขตปราสาทนี้ในตอนกลางคืน มีรายงานว่ามีคนโดนผีหลอกกันจนเป็นเรื่องธรรมดา


    ในปี 1991นาย ฌอง และนาง แอน ไรอัน ได้ซื้อปราสาทนี้จากเจ้าของเก่า ลูกหลานตระกูล ดาบี้ และทำเป็นบ้านส่วนตัว ผลปรากฏว่าทั้งคู่ประสบอุบัติเหตุตกจากบรรไหลายครั้งเวลาทาสีผนัง และยังเจอวิญญาณแบบจะจะกลางห้องรับแขกอีกด้วย เป็นชายชราสูบไพพ์ ก็มีกลิ่นไพพ์ ทั้งๆที่ไม่มีคนสูบปัจจุบันพวกเขายอมรับการปรากฏตัวของผี ในปราสาทนี้ว่าเป็นเรื่องธรรมดา


    [​IMG]


    เซียร่า ไรอัน ลูกสาวของ ฌอง และแอนน์ เล่าว่าเธอมักจะเห็นเด็กผู้หญิงที่ระเบียงและเด็กอีกคนที่บรรได บางทีก็พร้อมกันสองคนเป็นเสียงเด็กวิ่งเล่น จนกระทั้งวันหนึ่ง นักแสดงชาวอเมลิกันได้รับเชิญไปที่ปราสาทนี้ โดยมีเซียร่า ลูกสาวเจ้าของบ้านเดินพาชมสวน อยู่ๆเซียร่าก็เห็น นักแสดงสาวชาวอเมลิกัน ร้องไห้ ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล พอถามสักพักหนึ่ง หล่อนก็ตอบว่า หล่อนช็อคเพราะเห็นร่างของเด็กผู้หญิงตกลงมาจากระเบียงปราสาทด้านบน พอถึงพื้นร่างก็หายไป



    นอกจากนี้ยังมีแขกที่เห็น วิญญาณ บาทหลวงมองมาด้วยดวงตาแข็งทื่อจากบรรได โบสถ์ น้อยข้างๆปราสาท และในวันงานเลี้ยงของพวกเศรษฐี มีการจัดบอลลูมในปราสาท แขกทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเห็นผู้หญิงใส่ชุดสีแดง ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร

    มีการเชิญร่างทรงมาที่ปราสาทหลายครั้ง แต่ปัจจุบันการปรากฏตัวของผีก็ยังบ่อยอยู่เหมือนเดิม ที่ปราสาท ลีป ปราสาทที่เฮี้ยนอันดับ 1ของโลก



    :boo::boo:



    ตำนาน เอิร์ล พ่อมด



    [​IMG]


    ท่าน เอิร์ล แห่ง นอร์ทธัมเบอแลนด์ หรือ ท่าน เอิ์ล เฮนรี่ เปอร์ซี่ นั้นสมรสกับ แม่ม้ายสาว เลดี้ โดโรธี เดอวารุค ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานสาวของ แมรี่ โบลีน พี่สาวของพระนาง แอน โบลีน, มารดาของ ราชีนีอลิซาเบธที่ 1 กล่าวกันว่า เลดี้ โดโรธีนั้นหน้าตาคล้ายคลึง เลดี้ เพเนโลปี พี่สาวของนางมาก ทั้งคู่มีภาพวาดเหมือนของทั้งสองพร้อมกัน ซึ่งดูน่ารัก จนแม้แต่
    เซอร์ ฟิลลิป ซิดนี้ นำทั้งสองไปเป็นแรงบันดาลใจ ในการแต่งตัวละครในนิยายบทกลอน เรื่อง แอสโทรเฟล กับ สเตลล่า

    [​IMG]


    ท่าน เอิร์ล นอร์ทธัมเบอแลนด์ เป็นคนมี ไอเดียสร้างสรรค์ และทำอะไรแหวกแนว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนใจด้านวิทยาศาสตร์ แผนที่เดินเรือ และทดลองทางเคมี จนได้รับฉายาว่า ท่านเอิร์ล พ่อมด ทำงานอยู่ในราชสำนักของ
    พระนางอลิซาเบธที่ 1 และนับถือโปรแตสแตนท์แบบเดียวกับพระนาง


    ภาพพระนางอลิซาเบธขณะทางพระเยาว์ในเครื่องแต่งกายสมัยทิวดอร์

    [​IMG]




    ภาพพระนางอลิซาเบธขณะเจริญชันษาสูงอายุในเครื่องแต่งกายสมัยอลิซาบีแทน

    [​IMG]


    แต่ก็ด้วยเหตุที่พระนางอลิซาเบธที่ 1 นั้นไม่มีบุตรธิดา จึงต้องโอนสายให้มาตกสู่พระเจ้าเจมส์ที่ 1 ของ อังกฤษแต่เป็น เจมส์ ที่ 6 ของ สกอตแลนด์ ซึ่งเจมส์นั้น เป็นลูกชายรักร่วมเพศของ พระนางแมรี่ ออฟ สกอต ซึ่งเป็น ศัตรูตัวฉกาจของพระนางอลิซาเบธ ที่ 1 นายเหนือหัวของ ท่านเอิร์ล พ่อมด

    เพราะ พระนางแมรี่ ออฟ สกอต นั้นเป็น เป็นลูกพี่ลูกน้องของ พระนาง อลิซาเบธแห่งอังกฤษ ซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียที่นางสามารถจะชิงบัลลังค์มาจาก ราชินี อลิซาเบธได้




    แต่ก็เพราะ อลิซาเบธนั้นมีบรรดาคนสนิทที่โหดและมือดีหลายคน แม้ลำพังตัวนางจะไม่ใช่คนใจร้ายแต่ก็ต้องทำตามคำแนะนำของบรรดาเลขา โดยการสำเร็จโทษ พระนางแมรี่แห่งสกอตเสีย แต่ก็ด้วยตนเองนั้นปราศจากบุตรในภายหลัง เจมส์ลูกชายของแมรี่จึงมาครองอังกฤษต่อจากนาง กษัตริย์เกียดชัง พวกโปรแตสแตนท์ของพระนางอลิซาเบธเป็นอย่างยิ่ง


    พระเจ้าเจมส์โดนทาระกำนันนินทาพระองค์มากมายเกี่ยวกับ พฤติกรรมรักร่วมเพศ และเลียงขุนนางหนุ่มๆ อย่าง เอิร์ล แห่ง ซัมเมอร์เซ็ต และ ดยุ๊กแห่ง บังกิงแฮม จนเป็นเหตุให้พระองค์ต้องหาสตรีมาแต่งงานเพื่อกลบเสียงวิพากวิจารณ์ดังกล่าว



    [​IMG]


    พระองค์จึงตกลงปลงพระทัยจะอภิเสกสมรสกับพระนางแอนน์ แห่งเดนมาร์ค แต่ระหว่างส่งเจ้าสาวลงเรือมาเกาะอังกฤษ ก็ดันเกิดพายุห่าใหญ่พัดเรือเจ้าสาวกลับไปเดนมาร์คคืนถึงสองครั้ง กรปกับช่วงนั้นการล่าแม่มดเริ่มแพร่ระบาด พระเจ้าเจมส์จึงกล่าวหาว่าพวกพ่อมดแม่มดเป็นคนทำ ทำให้ เอริล พ่อมด อย่าง เฮนรี่ เปอร์ ซี่ พลอยติดร่างแหไปด้วย

    แต่นั้นก็ยังไม่คารณา เมื่อท่านเอิร์ล มาตกเป็นผู้ต้องหา คดี กันพาเวอร์ พล็อต ที่เกี่ยวข้องกับการรอบสังหารพระเจ้าเจมส์


    เพราะทั้งสองมีปากมีเสียงเรื่องความเห็นไม่ตรงกันเรื่องที่เจมส์กวาดล้าง
    คาธอลิกแบบอังกฤษราวผักปลา และพวกญาติของ เฮนรี่ส่วนใหญ่นั้นเป็น
    คาธอลิก แม้ว่า เอิร์ล พ่อมด เฮนรี่ เปอร์ซี่ จะเป็นโปรแตสแตนท์ก็ตาม
    ในสุด โรเบิร์ต แกสบี้ และ โธมัส เปอร์ซี่ สหายและญาติของท่านเอิร์ลพ่อมดก็โดนยิงตาย


    [​IMG]

    ในขณะที่เอิร์ลพ่อมดโดนขังคุกรอลงอาญา17 ปี ที่ ทาวเวอร์ ออฟ ลอนดอล ด้วยการจ่ายเงินถึง £30,000 เพื่อยับยั้งการประหารให้นานที่สุด ท่านเอิร์ล กลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในคุก เขาได้เพื่อนใหม่ในนั้น และใช้คุกเสมือนบ้าน คุกของคนรวยนั้นจะมีทุกอย่างพร้อม ทั้งห้องนอนขนาดใหญ่ มีเตียง มีส้วม มีคนทำอาหารให้ทานแต่แล้วเขาก็โดนลงอาญา แขวนคอหลังจากจากอยู่ในคุกมา 17ปี

    ปัจจุบันนี้ท่านเอิร์ลพ่อมดด้กลายเป็นวิญญาณปรากฏตัวให้คนเห็นเป็นครั้งคราวที่ทาวเวอร์ ออฟ ลอนดอล นั้นเอง

    ป. ลลูกสาวคนหนึ่งของท่าน ซึ่งมีชื่อเดียวกับมารดา คือ เลดี้ โดโรธี เป็นสายตระกูล ของ เจ้าหญิง ไดอาน่า ภรรยาผู้ล่วงลับของฟ้าชายชาล์ล องค์ปัจจุบัน



    เดี๋ยวมาเล่าต่อ ฮุ ฮุ


    :boo: :boo:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  14. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    พระนาง แมรี่ ออฟ สกอต ผีสาวแห่ง ปราสาท คานาฟอน



    [​IMG]


    แมรี่ ออฟ สกอต เป็นหนึ่งในราชินีผู้โชคร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้ เพราะนางต้องสูญเสียชายอันเป็นที่รักไปเสียทุกครั้งกับความตาย และไม่มีคนต้องการ



    [​IMG]



    นางถือกำเนิดขึ้นมาจากบิดาลูกครึ่งสกอต อังกฤษ ผู้สืบสายเลือดมาจาก พระนางมากาเล็ต แห่งอังกฤษพี่สาวของ กษัตริย์ เฮนรี่ที่ 8 บิดาของ ราชินี อลิซาเบธที่ 1 , ส่วนข้างมารดานั้น แม่ของนาง แมรี่ แห่ง กีนั้น เป็น เจ้าหญิงชาวฝรั่งเศษ มีบันทึกเล่ากันว่า พระนางแมรี่ ออฟ สกอตนั้นมีนัยตาสีเฮเซล อมน้ำตาล ผมสีน้ำตาลแดง และใบหน้ารูปไข่เล็กมาก ขนตางอนสวย คิ้วโก่ง แบบชาวยุโรปใต้ด้วยสายเลือดทางฝั่งฝรั่งเศส .....ในขณะที่สูงถึง 180 cm. จากสายเลือดชาวเหนืออย่างสกอตแลนด์ ดูสง่างาม ในขณะที่ ควีน อลิซาเบธลูกพี่ลูกน้องผู้เป็นคู่แข่งของนาง นั้น เป็นหญิงร่างผอมบาง แบบแอน โบลีน ผู้แม่ แต่ตรงทื่อ และขี้โรค ประกอบกับ ผมสีส้มแบบ แองโกล-แซกซอน แท้ และมีท่าทางแข็งเยี่ยงบุรุษ อยู่ภายใน จากสายเลือดกษัตริย์ เฮนรี่ที่ 8 ผู้เป็นพ่อ





    หากไม่มีอลิซาเบธสักคนแมรี่ก็จะมีโอกาสครอง อังกฤษ แต่ แมรี่ก็ไม่ใช่สตรีที่โชคดีเช่น อลิซาเบธ นางมีความเป็นผู้หญิงหวานสูง ชอบเรื่องรักๆใคร่ๆ ดลตรี และภาษา, แมรี่โชคร้ายมาตั้งแต่เด็ก แม้จะเกิดมาสวย นางโดนกษัตริย์เฮนรี่ 8 ผู้ชั่วร้ายบิดาของ อลิซาเบธเรียกให้ไปสมรสกับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด บุตรชายของ พระองค์ ซึ่งอายุแค่ 3 ขวบ ในขณะที่แมรี่นั้น 10 ขวบ


    [​IMG]


    [​IMG]


    เพราะกษัตริย์หวังจะผนวกเอาดินแดนสกอตแลนด์รวมเข้ากับอังกฤษ ระหว่างที่เจ้าหญิงน้อยแมรี่และขณะเดินทางไปสมรสที่อังกษ กลับได้รับการต้อนรับชั้นแย่ให้อยู่ในหอคอยแบบลวกๆ ในขณะที่พวกรัฐบาลฝ่ายสกอต พยามสร้างสนธิสัญญาต่างๆนาๆมาเพื่อขัดขวางไม่ให้อังกฤษผนวกกับสกอตแลนด์ได้ แม้ว่าเจ้าหญิงสกอตจะตั้งครรภ์กับเจ้าชายอังกฤษหรือไม่ก็ตาม และแล้วแมรี่ก็ถูกการเมืองของทั้งสองประเทศใช้ร่างกายของนางเยี่ยงของเล่นที่ไม่มีจิตใจ



    [​IMG]


    เมื่อกษัตริย์เฮนรี่ทำกร่างอำนาจเรียกจับคุมพ่อค้าชาวสกอตและฝรั่งเศษ ทำนองกันโชกให้เสียส่วย พวกรัฐบาล
    สกอตจึงบุคเข้ารับแมรี่ที่อยู่ในอังกฤษเข้ามาอยู่ในความดูแลคืน และส่งนางไปแต่งงานกับ เจ้าชาย ฟรานซิส ที่ 15 ของฝรั่งเศสแทน ครั้นเมื่อถึงราชสำนักฝรั่งเศษ บรรดาข้าราชบริพาน เจ้าหญิงเจ้าชายพระญาติของ เจ้าชายฟรานซีสตางเอ็นดูในความน่ารักของแม่รี่กันทุกคน เว้นแต่ ราชินี มาเรีย เดอ เมดิซี มารดาของเจ้าชายที่เกลียดลูกสะใภ้ของตัวเอง เพราะหาว่าความน่ารักของแมรี่ ดูดัดจริต



    [​IMG]

    ผลปรากฏว่าโชคไม่เคยเข้าข้างราชินีผู้เคราะห์ร้ายนางนี้ หลังจากแต่งงานกันได้เพียงสองปี เจ้าชายน้อยฟิลลิปวัยเพียง15 ก็สวรรณคตเพราะติดเชื้อหูอักเสบ


    [​IMG]

    ด้วยเหตุนี้ แมรี่จึงเดินทางกลับสกอตแลนด์ หลายปีให้หลังนั้นนางพยามอย่างยิ่งยวดที่ยาทำสนธิสัญญาขอมีสิทธิในบัลลังค์อังกฤษ ในฐานะที่นางเองก็มีเชื้อราชวงค์อังกฤษมาจากทางสายย่าของนาง ผู้เป็นพี่สาวของบิดาของควีน อลิซาเบธ แต่ก็โดนปฏิเศททุกครั้ง โดย อลิซาเบธ ยื้นข้อเสนอกลับ หากนางอยากมีส่วนในบัลลังก์อังกฤษ ต่อจากอลิซาเบธ

    [​IMG]

    นางจะต้องแต่งงานกับผู้ชายอังกฤษ ที่นับถือโปรแตสแตนท์เท่านั้น หนำซ้ำอลิซาเบธยังเสนอ คนสนิทของนางที่ควบคุมได้ อย่าง ลอร์ด โรเบิร์ต ดาลลี้ ให้เป็นคู่หมั้นของแมรี่อีกด้วยแต่แมรี่ไม่ยอมรับข้อเสนอนั้น เธอจึงเริ่มมองหาเจ้าชายยุโรปฝั่งทางใต้ที่มีอำนาจมากกว่าอังกฤษ แทน และแม้ เจ้าชายที่่เป็นโรคสติไม่สมประกอบ อย่าง ฮวน คาลอส บุตรของ กษัตริย์ สเปน นางก็ยอม แต่กระนั้นก็ยังถูกกษัตริย์สเปนปฏิเศทเพราะรู้ทันเกมส์ของนาง


    [​IMG]


    ความงามไม่ได้ช่วยให้แมรี่โชคดีเลยแม้แต่น้อย มีอยู่วันหนึ่ง ปีแอร์ นักดลตรีประจำตัวของราชินีซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศษหลงไหลนางจนถึงกับแอบซ่อนอยู่ใต้เตียงของนาง และหมายจะล้วงเกินแมรี่ แต่ก็ถูกพวกยามจับตัวไปเสียก่อน นางทั้งกลัวและขยะขะแหยงปีแอร์เป็นอย่างยิ่ง

    ในที่สุดนางก็เจอชายอังกฤษที่คิดว่าจะช่วยนางกู้บัลลังค์อังกฤษมาจากอลิซาเบธได้ เขาคือ ลอร์ด ดานเล่ หรือ เฮนรี่ สจ็อต แต่กระนั้นนางก็ไม่สามารถใช้สิ่งนี้เพื่อยื้นขอมีอำนาจในอังกฤษอยู่ดี เพราะดานเล่ เป็นคาโธลิก และตามสนธิสัญญาของ
    อลิซาเบธ จะต้องเป็นชายอังกฤษ ที่นับถือ โปรตสแตนท์ เท่านั้น





    แต่แมรี่ก็โชคร้ายอีกครั้งซ้ำแล้ว ซ้ำอีก เพราะดานเล่เป็นคนโอหัง เขาถือโอกาสนั้นเพื่อจะได้เป็นกษัตริย์ สกอตแลนด์ และให้เจ้าหญิงสกอตอยู่ภายใต้การนำของเขาแทน แน่นอนว่าแมรี่ไม่มีวันยอม



    ระหว่างนั้นเธอได้ตั้งครรภ์ เจ้าชายเจมส์ แต่ ดานเล่ไม่เชื่อว่าเด็กเป็นลูกของเขา เขาเห็นแมรี่นั้นสนิทสนมกับ เดวิด ลิซซิโอ คนสนิทของนางมากเกินไป และคิดว่าเจ้าชายน้อยเป็นลูกของชู้ ดานเล่จึงสังหารลิซซิโอ้เสีย ในงานเลี้ยงคืนหนึ่งต่อหน้าต่อตา
    แมรี่ เป็นเหตุให้แมรี่โกรธมากและฟ้องหย่ากับเขาในเวลาต่อมา



    แต่การหย่าก็คาราคาซังทำไม่ได้โดยง่าย ระหว่างนั้นพระนางแมรี่คนงามก็ได้ใช้ตำแหน่งราชินีไปให้ขวัญกำลังใจผู้กล้าที่ต่อสู้เพื่อชาติ หนึ่งในนั้นคือ เอิร์ล โบทเวล ผู้ซึ่งบาทเจ็บนอนพักอยู่ที่ปราสาทของเขา นางโดน เอิร์ล โบทเวล ข่มขืน แต่ก็กลายมาเป็นชื่นชอบเขาในภายหลัง ทั้งคู่เกิดตกหลุมรักกัน จนราชินีขี่ม้าหลายชั่วโมงไปหาเขาที่ปราสาทซึ่งอยู่ไกลออกไปที่ชายแดนเสมอ




    [​IMG]


    และจู่ๆ สามีของแมรี่ ลอร์ด ดานเล่ ก็ถูกฆ่าตายในสวนของ เคิร์ก โอ ฟิลด์ แอ็บบี้ ในคืนหลังจากที่แมรี่ไปร่วมงานแต่งงานญาติของนางที่โบสถ์นั้น ตัวนาง ตลอดจนชู้รัก เอิร์ล
    โบทเวิร์ล และพรรคคนสนิทของนางอย่างลูกพี่ลูกน้อง ลอร์ด เมอร์เล่ ต่างติดร่างแห ข้อหาร่วมกันสังหารบิดาของเจ้าชายเจมส์ ว่าที่กษัตริย์ โบทเวลชู้ รักของแมรี่โดนตัดสินให้ถูกเนรเทศไป จำคุกที่เดนมาร์ก.... เขากลายเป็นบ้าตายในคุก ในเวลาต่อมา ส่วน แมรี่โดนรัฐบาลสกอตสั่งห้ามพบลูกชาย โดยเจ้าชายน้อยเจมส์ ให้อยู่ในความดูแลของรัฐ ตัวแมรี่เองไม่ต่างจากนักโทษดีๆนี้เอง


    [​IMG]

    นางตัดสินใจรวมพรรคพวกหนีจากสกอตแลนด์ไปพึ่งใบบุญ อังกฤษ อลิซาเบธต้อนรับนางด้วยการให้อยู่ในปราสาทที่จัดเตรียมอย่างดี มีอาหารราวกับงานเลี้ยงใส่ถาดเงินทุกมื้อ สามารถไปชมสวนดอกไม้ได้ แต่อยู่ในฐานะนักโทษการเมือง ด้วยความเห็นของ ปารมจารย์สายลับ เซอร์ ฟรานซิส วอลซิงแฮม ของ ราชินี อลิซาเบธ โดยหารู้ไม่ว่าคือกับดัก ภายหลังแมรี่ต้องข้อหาวางแผนกบฏต่อราชินีอลิซาเบธ ด้วยกันถึงสามแผนการ อาทิ เช่น บาบิงตัน พร็อต, ท็อคมอตัน พร็อต, นางจึงโดนส่งตัวไปประหาร


    [​IMG]

    ในช่วงแรก อลิซาเบธลังเลที่จะเซ็นต์ยินยอมการประหารแมรี่ แต่ก็โดนกดดันจากรัฐสภานางจึงทำตาม และคืนก่อนการประหารแมรี่ นางสวดมนตร์ถึงพระเจ้าทั้งคืน และเขียนพินัยกรรม กล่าวกันว่า เพชฆาตรได้ขออภัยนาง นางได้อภัยพวกเขา ก่อนจะโดนถอดเครื่องราชย์ และชุดคลุมของราชินีเหลือเพียงชุดกระโปรงสีขาวด้านใน เพชรฆาตรต้องตัดเศียรนางถึง2รอบ เพราะครั้งแรกพลาดไปโดนหลังศีรษะของนาง แทนที่จะเป็นคอ.... ตามประเพณี ต้องยกหัวขึ้นให้คนดูดูว่าตัดแล้ว แต่ปรากฏว่าแมรี่นั้นได้สวมวิกทำให้หัวของนางหลุดล้วงจากตะแลงแกงที่ตัดหัวสู่พื้น สุนัขของนางจึงวิ่งเข้าไปเลีย นางหมดแล้วซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นราชินี

    ปัจจุบันมีคนเห็นวิญญาณของนางที่ปราสาทคานาฟอนบ้านเกิด วนเวียนไปมาในที่เดิมๆ อย่างสลดหดหู่



    เดี๋ยวพรุ่งมาต่อเรื่อง Black Death, แม่มดแห่งแพนเดล,

    กับมารีอังตัวเน็ต


    ;aa29
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • mary.jpg
      mary.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77 KB
      เปิดดู:
      11,136
    • small1.jpg
      small1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.2 KB
      เปิดดู:
      10,911
    • Rich,Isabella01.jpg
      Rich,Isabella01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      495 KB
      เปิดดู:
      10,926
    • 4.JPG
      4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      29.8 KB
      เปิดดู:
      10,624
    • 596px-Bothwell.jpg
      596px-Bothwell.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.2 KB
      เปิดดู:
      8,412
    • boy.jpg
      boy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.5 KB
      เปิดดู:
      10,688
    • queen-elizabeth-i-xx-marcus-gheeraerts-older.jpg
      queen-elizabeth-i-xx-marcus-gheeraerts-older.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.6 KB
      เปิดดู:
      8,460
    • goodlast.jpg
      goodlast.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.9 KB
      เปิดดู:
      10,547
    • goodbefore.jpg
      goodbefore.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77.6 KB
      เปิดดู:
      10,592
    • goodfirst.jpg
      goodfirst.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.6 KB
      เปิดดู:
      10,688
    • goodf.jpg
      goodf.jpg
      ขนาดไฟล์:
      268.2 KB
      เปิดดู:
      10,822
    • forest.jpg
      forest.jpg
      ขนาดไฟล์:
      161.1 KB
      เปิดดู:
      10,847
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2013
  15. lowprofile

    lowprofile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,391
    ค่าพลัง:
    +6,023
    ขอบคุณท่านมากครับ
     
  16. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ประวัติ วิญญาณหัวขาด พระนางมารีอัวตัวเน็ต


    [​IMG]


    หากจะพูดถึงเรื่องผีฝรั่ง แต่ไม่พูดถึงมารีอังตัวเน็ตนั้น
    คงจะไม่ได้ เพราะเรื่องราวของการตายด้วยกิโยตินของ
    พระนางนั้นเป็นเรื่องดังกระฉ่อนไปทั่วโลก แม้แต่คนไทย
    จำนวนไม่น้อยก็รู้จักภาพของพระนาง คือหญิงร่างเล็ก
    สวมชุดกระโปรงพองฟู และมีเครื่องประดับริ้บบิ้น
    และดอกไม้สีหวาน


    ภาพประกอบ ดัชเชส อิซซาเบลล่า พามาร์ ลูกพี่ลูกน้องของมารีอัวตัวเนต

    [​IMG]





    อันที่จริงก็อยู่ในยุคที่ไม่ได้จัดว่าโบราณมากสักเท่าไร
    พระนางเป็นธิดาของ แอมเปรส และ แอมเปอเร่อ
    ชาวออสเตรีย ด้วยเหตุนี้เองจึงผมเป็นสีทองขาว
    ตาสีอ่อน ด้วยเชื้อสายยุโรปเหนือ แลดูคล้ายรูปปั้น
    ตุ๊กตาซึ่งจัดว่างามในสมัยนั้น

    เดิมนางมีนามว่า อาร์ชดัชเชส แอนโทเนีย,
    ตามตำนานกล่าวว่านางนั้นถูกจับส่งตัวให้มาแต่งงาน
    กับเจ้าชายรัชทายาทฝรั่งเศส คือ หลุยส์ ที่ 16
    ชาวฝรั่งเศส ตั้งแต่ยังเด็ก


    [​IMG]

    เจ้าหญิงโซฟี และ ดัชเชส อิซาเบลล่า พามาร์สมัยพระเยาว์

    กล่าวกันว่าทั้งหลุยส์ และมารีอังตัวเน็ตต่างมีอุปนิสัย
    คล้ายเด็ก และยามเป็นกษัตริย์ และราชินีนั้น ก็ไม่ได้
    ให้ความสนใจเรื่องการบ้านการเมือง หรือการสู้รบใดๆ
    เช่น บุคคลอื่นในประวัติซึ่งมีแต่การนองเลือด, ทั้งคู่ให้
    ความสนใจเรื่อง งานเลี้ยงราชพิธแบบต่างๆ, แฟชั่น ศิลปะ
    ดลตรี, วัฒนธรรม และ การบันเทิงมากว่าเรื่องวาง
    แผนการประเทศ อีกทั้ง ทั้งสองไม่ใช่กษัตริย์ที่โหด
    อีกด้วย ,และยังหน้าบาง หลายครั้งพวกพ่อค้าแม่ค้า
    มาดามชั้นสูง มักจะนำของมีค่า หายาก ราคาแพง
    มาถวายให้กษัตริย์ และ ราชินี ซื้อแกมบังคับ โดย
    การยกคำพูดที่ทำให้พระองค์ทั้งสองปฏิเศทที่จะซื้อ
    ไม่ได้ อย่างเช่น ความตอนหนึ่งที่มาดามแฟชั่น
    ดีไซเนอร์นำ ผ้ามาขายให้มารีอังตัวเน็ต โดยการ
    กล่าวต่อหน้าทาระกำนันว่า

    "โอ ผ้าชิ้นนี้นะดีเกินไป ตัดเย็บมาจากของล่ำค้า
    ไม่มีใครคู่ควรจะใช้อีกแล้วนอกจาก
    มหาราชินีอย่างพระองค์ ! ถ้าหากไม่ได้ขายให้
    พระองค์หม่อมฉันคงต้องเก็บเอาไว้ ไม่ได้เอา
    ไปทำอะไร เพราะมันมีค่าสูงเกินคนธรรมดา"




    [​IMG]


    ในขณะที่ประชาชนนั้นอดยากไม่มีอะไรจะกิน
    ในราชสำนักกลับเต็มไปด้วยความหรูหราฟุ้งเฟ้อ
    มีการจ้างข้าราชบริพารเพิ่มจนแน่นวัง

    แต่มารีอังตัวเน็ตก็ยังไม่เห็นโทษที่จะตามมา หลุยส์
    พระสวามีก็เป็นชายหนุ่มร่างอ้วน สุภาพ ใจดี เป็นคน
    ง่ายๆและไม่ค่อยให้ความสนใจเรื่องผู้หญิง ว่าง่ายๆ
    ไม่ใช่คนโรแมนติก ด้วยเหตุนี้เอง ราชินีสาวแสน
    สวยช่างแต่งตัวอย่าง มารีอังตัวเน็ต จึงเริ่มมองหา
    แฟนหนุ่มจากบรรดา ราชบริพารชาย ที่ติดสอย
    ห้อยตามพระองค์ โดยหารู้ไม่ว่า ตำแหน่งยิ่งสูง
    คนที่หวังจะเข้ามาหาผลประโยชน์ ยิ่งเยอะ
    ในที่สุดพระนางก็มีความสำพันธ์ลับๆกับ
    ท่านลอร์ด หนุ่มชาวสวีดิชที่รูปงามมากๆ นามว่า
    แอคเซล เดอ เฟรย์เซง

    [​IMG]

    กล่าวกันว่าหนึ่งในบรรดาโอรสของนางไม่ใช่บุตร
    ของกษัตริย์ หลุยส์ ที่16 ผู้ใจดี, หากแต่เป็นลูกของ
    เฟรเซง ในยามที่นางกำลังทำตัวล่อแหลมต่อภัยแก่
    ตนเองนั้นเอง ศัตรูฉกาจของพระนาง คือ จีน เดอ ลา ม็อต
    สาวชาวบ้านจากครอบครัวไม่มีฐานะซึ่ง มีบิดาสืบ
    เชื้อสายมาจากหญิงชาวบ้านที่ตั้งครรภ์จากกษัตริย์
    ฝรั่งเศสราชวงค์ก่อน กษัตริย์ เฮนรี่ที่ 2 ของฝรั่งเศส
    ก็กำลังวางแผนจะชิงอำนาจกลับคืนสู่ราชวงค์เดิมของตน

    มาดามปอมปาดัวร์ นางบำเรอจดทะเบียนคนโปรด เสด็จปู่หลุยส์ที่ 14

    [​IMG]

    เสด็จปู่ หลุยส์ที่ 14 ปู่ของ หลุยส์ที่16 สามีของ
    มารีอังตัวเน็ตนั้น, ปู่ของเขาเป็นชายผู้กะฉ่อนเรื่อง
    กามารมย์มาแต่ไหนแต่ไร พระองค์มีนางบำเรอจด
    ทะเบียนมากมาย อย่าง มาดาม เดอ มอง เตสแปงค์,
    มาดาม ดู แบรี่, และ ก็ มาดาม ปอมปาดัวร์,
    ซึ่งปอมปาดัวร์นั้น ขึ้นชื่อว่าโปรดมากที่สุด ในสมัย
    นั้นพระองค์โดนพ่อค้าที่นำของ จากประเทศอีกซีก
    โลกมาขาย ตามตื้อให้เสด็จปู่ซื้อผ่อน สร้อยเพชร
    สีน้ำเงิน ที่เป็นเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็น
    สีน้ำเงิน แกะมาจากดวงเนตรของรูปปั้นเทพฮินดู
    ในอินเดีย, ให้มอบให้แก่นางบำเรอจดทะเบียน
    คนโปรดของพระองค์ คือ มาดาม ปอมปาดัวร์ คนสวย


    [​IMG]



    ซึ่่งคนกล่าวกันว่า เพชรนั้นอาถรรพ
    ใครได้ไปก็มีแต่ตาย หลุยส์ที่ 14 นั้นทรงรวยกว่าหลุยส์ที่ 16
    หลานชายของตนเองมาก จึงทรงทำสัญญาซื้อสร้อยนั้น
    ไว้ แต่ปรากฏว่า กษัตริย์เฒ่าเกิดเสียชีวิตลงในขณะที่
    ยังจ่ายเงินไม่ครบจำนวน




    [​IMG]



    จีนเข้าทำงานในราชสำนัก นางได้หมายตา
    ไปที่ คานินัล เดอ โรฮาน เพื่อหลอกใช้เขาในการทำ
    ลายมารีอังตัวเน็ต เพราะรู้ว่า คาดินัลผู้นี้อยากจะได้
    ตำแหน่งนายกจากกษัตริย์อยู่ นางได้หลอกเขาต่างๆ
    นาๆว่าตนเองเป็นคนสนิทของราชินีมารีอังตัวเน็ต
    จนคาดินัลสนใจในตัวจีน จนนางได้เป็นนางบำเรอ
    ของเขา และหลอกเขาเพื่อใช้ในการทำลายราชินี
    แผนแรก นางได้ให้โสเภณี ปลอมแปลงจดหมาย
    เขียนเป็นลายมือของราชินี นำไปส่งให้คาดินัล
    บอกจะปูนบำเหน็ดให้เขาอย่างนั้นอย่างนี้หาก
    เขาทำตามที่นางขอ





    [​IMG]




    ในพักหลังๆจีนปลอมจดหมาย
    แสร้งทำเป็นว่าราชินีนั้น ทำทีว่าราชินี เริ่มตกหลุมรัก
    คาดินัลผู้นี้ และนัดเจอในสวนตอนกลางคืน จีนได้
    จ้างโสเภณีคนหนึ่งมาและสวมชุดของราชินีนัด
    พบเจอคาดินัลและพรอดรักกับเขา ซึ่งคาดินัลผู้
    ไม่เคยเห็นหน้าราชินีแต่ใกล้ๆจึงเชื่อว่านั้นคือราชินี
    จริงๆ หลังจากนั้น จีน เดอ ลา ม็อต ก็ได้ยินข่าวเรื่อง
    สร้อยเพชรสมัยหลุยส์ที่ 17 ที่ยังผ่อนไม่ครบ
    และพวกพ่อค้าก็มาตื้อให้นางช่วยเสนอ
    ให้ราชินีซื้อต่อที



    [​IMG]


    จีนปฏิเศทในครั้งแรก แต่แล้วนางก็ตกลงรับงาน
    นางได้หลอกใช้คาดินัล เดอ โรฮาน อีกครั้ง โดย
    ปลอมพระหัตถ์เป็นราชินีอีกเช่นเคย
    โดยขอร้องให้คาดินัล ช่วยผ่อนค่าเพชรให้เธอ
    ซึ่ง คาดินัลก็ตกลงตามนั้น



    [​IMG]

    แต่จีนยังคงให้โสเภณีที่ปลอมจดหมายเป็นมารีอังตัวเน็ต
    เขียนจดหมายส่งตอบกลับว่ายังไม่ได้รับสร้อยเพชร
    คาดินัลเริ่มสงสัย การไตร่สวนจึงเกิดขึ้น ความจึงเกิด
    แตก ...เมื่อมารีอังตัวเน็ต และหลุยส์จึงตองไป ให้การ
    พร้อมทั้งกล่าวว่า คาดินัล โรฮานนั้นไม่รู้พิธีกรรมของ
    ในวัง เพราะกษัตริย์ และราชินีเวลาเซนต์ชื่อจะไม่
    เซนต์ นามสกุล เช่นคนธรรมดา คาดินัลจึงโดนเนรเทศ
    ไปอยู่ที่ ลา จิเซอ ดูแอ็บบี้ และขบวนการของ จีนก็โดน
    จับ จีนโดนจับได้ สามวันให้หลัง นางถูกส่งตัวไปอยู่
    ในคุกโสเภณี แต่ก็หนีออกมาได้โดยปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชาย


    [​IMG]

    จากคดีสร้อยเพชรนี้ทำให้ความนิยมของราชวงค์
    ตกลงมากยิ่งขึ้น หลังจากความยากจนของประชาชน
    ที่ท้วมท้น นโปเลียนได้ก่อรัฐประหารเพื่อล้มราชวงค์
    กษัตริย์ หลังจากนั้นข้อหาต่างๆ เช่น คบชู้, ฟุ้มเฟือย,
    กระทำชำเรา ลูกชายวัยไม่กี่ขวบ
    (ซึ่งข้อนี้มารีอังตัวเนตปฏิเศทหัวชนฝา)
    และอะไรต่อมิอะไรก็ถูกขุดออกมาเป็นข้ออ้าง
    ในการประหาร หลุยส์ และครอบครัว


    มารีอัวตัวเน็ตโดนจับแยกกับพวกลูกๆและสามี
    ให้ติดคุกคนละที่กัน ในคุกนั้นนางป่วยเป็นเนื้องอกในท้อง
    คาดว่ามะเร็ง บรรดาลูกสาวขุนนางและเจ้าชั้นรองๆต่างๆ
    ที่เป็นสหายของนาง ซึ่งอยู่ระหว่างการหนี โดนพวกชาว
    บ้านและคณะปฏิวัติดึงตัว ฉุดลากลงมาจาก รถม้า
    บางคนโดนข่มขื่นกระทำชำเรา และถูกเรียกหยาบๆคายๆ



    [​IMG]


    ในคุกนั้นเอง มารีอังตัวเน็ตนางรอการลงอาญาอยู่
    ในวันที่มารีอังตัวเน็ตถูกคณะปฏิวัติที่นำโดยนโปเลียน
    สั่งประหารด้วยเครื่องกิโยติน เล่ากันว่านางรับไม่ได้
    และกลัวเป็นอย่างยิ่ง จนวิ่งหนีออกจากลานประหารจน
    เป็นเหตุให้รองเท้าไหมสีชมพูของนางหลุด นางโดนผู้
    คุมจับกลับไปและรวบรวมสติอารมย์สุดท้ายก่อนที่จะทำใจได้


    [​IMG]


    ทุกวันนี้มีคนพบผีหัวขาดของนางที่ วิหาร ตริอาฌองน้อย
    ใกล้ๆ แวร์ซายไม่กี่ปีมานี้ ครูชาวอังกฤษทัวร์รีสสองคนได้เจอ
    วิญญาณ คนสวนแต่งกายประหลาดที่สวนของพระราชวังแวร์ซาย
    บางคนก็เล่าว่าเจอผู้ชายหน้าตาน่าเกลียดแต่งตัวเหมือนสมัย
    โบราณ มีผิวขรุขระซึ่งคาดว่าคือ Comte de Vaudreuil
    เพื่อนของมารีอังตัวเน็ตที่เป็นโรคฝีดาษ


    บ้างก็เล่าว่าเห็นผีคนส่งสารให้มารีอัวตัวเน็ตวิ่งผ่านสวน
    พระราชวังแวร์ซายไปบอกนางในวันที่จะมีคณะปฏิวัติมา
    จับคุม โดยการวิ่งผ่านสวนไปมาในสภาพเหตุการณ์เดิมๆ



    เดี๋ยวมาต่อเรื่อง ตำนาน ล่าแม่มด




    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  17. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301

    ตำนาน ผี แม่มด แห่ง นอร์ธ เบอร์วิก



    [​IMG]


    แอ็กเนส ซิมป์สัน ไม่ได้เป็น เจ้าหญิง, เลดี้, ดัชเชส,
    เคาเตส, มาชันเนส,
    บารอนเนส หรือ ธิดา ลูกผู้ดีมีสกุล ฯลฯ อย่างวิญญาณผีสาวในเรื่องต่างๆ ที่เล่ามา เธอเป็นแค่หญิงชาวบ้านคนหนึ่งที่บังเอิญมีฌาณวิเศษ ในการรักษาคน นางทำอาชีพหมอตำแย และรักษาคนด้วยเวทมนตร์ เธอถือกำเนิดขึ้นมาราวกลางๆของ ค.ศ ที่ 15 ซึ่ง การล่าแม่มดนั้นระบาดไปทั่วยุโรป ด้วยกระแสพวกผู้ดีที่ทะเลาะกันเรื่องศาสนา



    [​IMG]


    ท้าวความเดิมจากเรื่อง ท่านเอิร์ล พ่อมด ที่โดนกล่าวหาว่ามีส่วนทำให้เรือพระที่นางของคู้หมั้นกษัตริย์ เจมส์ โดนปีศาจตีเรือกลับไปเดนมาร์กคืน แต่ท่านเอิร์ล โชคดีที่เป็นผู้สูงศักดิ์จึงรอดพ้นข้อกล่าวหา แม้จะไปโดนติดคุกในคดีอื่นทีหลังก็ตาม แต่แอ็คเนส ซิมป์สัน หญิงสาวชาวบ้านไม่ได้โชคดีเช่นเอิร์ล พ่อมด แม้จะโดนจับในคดีเดียวกันคือ เป็นแม่มด และมีส่วนเกี่ยวข้องทำใหเรือพระที่นั่ง พระนาง แอนน์ แห่ง เดนมาร์ก โดนคลื่นซัดไม่สามารถมาถึงอังกฤษได้ อันเชื่อว่าพวกพ่อมดแม่มดนั้นร่ายมนตร์ให้ปีศาจกระทำการเช่นนั้น


    [​IMG]


    พระเจ้าเจมส์เรียกผู้ต้องสงสัยข้อหาแม่มดมาสอบสวนด้วยตัวเอง แอ็กเนส ตลอดจนบรรดา คนอื่นๆอีกหลายคนที่โดนกล่าวหาว่ามีพฤติกรรม เยี่ยงแม่มด ต่าง โดนจับมาสอบสวน แต่ก็ต้องจำใจสารภาพสิ่งที่ตนเองไม่ได้ทำ เพราะโดนทรมาน อย่างนัก แอ็กเนส โดนผูกติดอยู่กับพนังห้องคุก และโดนสวมหน้ากากแม่มด หน้ากากชนิดนี้จะมีง้ามสี่ง้ามใส่เข้าไปในปาก เพื่อง้างออกจนทะลุผ่านแก้ม


    [​IMG]


    ที่นั้น เธอ และคนอื่นๆโดนจับเปลื้องผ้า และโกนหัว โดนจับนั่งบนเก้าอี้ ทรมาน ที่มีสายรัดคอ ก่อนที่ เธอจะโดนเผาทั้งเป็นในวันถัดไป เป็นเรื่องราวที่ทรมานมาก โดยเฉพาะอย่าง แม่มดไม่มีจริง และ แอ็คเนสไม่ได้เป็นแม่มดอย่างที่โดนกล่าวหา หลังจากการตายอย่างทรมาน แอ็คเนสได้ปรากฏกายเป็นร่างของเธอลักษณะก่อนตาย คือ หัวโล่น และไม่สวมเสื้อผ้า มีใบหน้าเละเทะ เธอ สร้างความสยองขวัญให้แก่ผู้คนที่ ปราสาท โฮรี่รูด ของกษัตริย์ เจมส์ เป็น อย่างยิ่ง ทุกวันนี้ วิญญาณของนางยังวนเวียนไปมาในสภาพสยองขวัญให้บรรดานักท่องเที่ยวได้เห็น

    :boo::boo:


    อิโซเบลว์ ดาวดี้ ราชินีแม่มดแห่ง สกอตแลนด์

    [​IMG]


    ในโลกยุคโบราณทุกๆศาสนาต่างมองว่าสตรีเพศนั้นเป็นศูนย์รวมแห่งความชั่วร้าย ผู้ชายสามารถมีเมียน้อย หรือมีภรรยาหลายคนในขณะที่ผู้หญิงไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้นได้ และนั้นเป็นบ่อเกิดของความกลัวในอำนาจเงียบของสตรีเพศ การล่าแม่มดจนมาเพือควบคุมพฤติกรรมของผู้หญิงไม่ให้เป็นใหญ่เกินผู้ชาย เป็นที่น่าแปลกว่าจำนวนสตรีโดนกล่าวหาว่าเป็นแม่มดนั้นมีมากกว่าบุรุษหลายเท่า


    [​IMG]



    อิโซเบลว์ ดาวดี้ มีชีวิตอยู่ในราวสมัย คศ 1662 เธอเป็น คนที่แปลกกว่าบรรดาผู้ต้องสงสัยข้อหาแม่มดคนอื่นๆที่โดนบังคับด้วยการทรมานให้สารภาพ แต่อิโซเบลว์กลับเล่าทุกอย่างราวกับว่าเธอเป็นแม่มดจริงๆ หลายคนเชื่่อว่า อิโซเบลว์เป็นแม่มดจริงๆและสามารถหลบหนีการจับคุมได้ หลังการสอบสวนคดีแม่มด อิโซเบลว์หายสาบสูญไปเฉยๆ และไม่มีใครสามารถหานางเจอ
    ก่อนการหายตัวไป เธอมักจะเล่าให้ใครต่อใครฟังอย่างไม่กลัวเกรงอายาว่า เธอทำสัญญากับซาตานอย่างไร

    และใช้นิ้วของมันจิ่มไปที่หัวไหล่อันบอบบางของเธอทีหนึ่ง ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ หากแต่มีรอยแผลเป็นเกิดขึ้นแทนสัญญาลักษณ์ เข้าร่วมลัทธิ หลังจากนั้นก็ดูดเลือดบางส่วนของเธอ ที่แผลที่หัวไหล่เล็กน้อย หลังจากนั้นมันก็กล่าวกับเธอว่า ต่อไปนี้ข้าจะตั้งชื่อเจ้าใหม่ว่า จาเน็ต สาวน้อยตกลงยอมรับศาสนาใหม่ โดยการบางมือข้างหนึ่งไว้บนหัวและอีกข้าแตะที่ใต้ฝ่าเท้าข้างหนึ่ง


    [​IMG]


    [​IMG]


    การปฏิญาณตนเป็นแม่มดใช้เวลา สัปดาห์ เธอกล่าวว่าเธอสามารถบินได้ และไปงานรวมกลุ่มของพวกแม่มดที่กลางป่า แต่ละกลุ่มจะมีด้วยกันทั้งหมด คนซึ่งงานเลี้ยงดังกล่าวจะเรียกว่า ซัพบาธ ซาตานจะลงโทษคนไหนที่ออกนอกลู่นอกทางด้วยการโบย แต่คนที่ทำตัวดีจะได้รับรางวัลตอบแทน เช่น ฌาณวิเศษ ความสามารถในการมองเห็นโลกของ นางไม้แฟรี่ในป่า อิโซเบลว์ กล่าวว่าเธอสามารถมองเห็นพวกแฟรี่ และพวกเอล์ฟ ในป่า ที่มีปีก และพวกนั้นก็ดีกับเธอด้วย พวกเขาอาศัยอยู่ใต้หุบเขาซึ่งคนธรรมดาจะมองไม่เห็น เป็นเรื่องน่าแปลกอิโซเบลว์ เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถหลบนี้คดี แม่มดได้ และไม่มีการบันทึกว่าเธอโดนลงโทษ เพราะเธอเป็นคนโปรดของ ซาตาน กระแสเรื่องราวของเธอ สร้างความหวาดกลัวให้มีมากขึ้นในสก็อตแลนด์ ทุกคนเชื่อว่าถ้าอิโซเบลว์ไม่ได้เป็นโรคประสาท เห็นโลกของแม่มดและแฟรี่จริงเช่นนั้น นางคงต้องเป็นแม่มดตัวจริงเป็นแน่ ข่าวเรื่องราวความกลัวอิโซเบลว์ แพร่สะพัดไปทั่วสกอตแลนด์ จนกวีหลายคนแต่งเรื่องของเธอ และเขียนเพลงเกี่ยวกับเธอ จนทุกวันนี้


    [​IMG]


    :boo::boo:


    อาเจย์ เดอ ลา บาทเธ่ แม่มดคนแรกของยุโรปยุคกลาง


    [​IMG]


    อาเจย์ เดอ ลา บาทเธ่ เป็นลููกสาวของขุนนางชางฝรั่งเศส ผู้เกิดในราว คศ 1230 คือเกือบๆ 800 ปี ทีแล้ว ซึ่งในสมัยนั้นข้อหาแม่มดยังเป็นอะไรที่ใหม่มาก และไม่มีคดีแบบนี้เลย ในยุโรปยุคกลางง เพราะศาสนาคริตส์เพิ่งจะแพร่เข้าไปในยุโรปไม่นาน คนท้องถิ่นเดิมจึงไม่ได้เคร่งครัดในศาสนานัก เพราะยังอยู่ระหว่างปรับตัวเข้ากับศาสนาเดิมที่นับถือภูติผีเทวดา ตามป่าเขา และแม่น้ำ ดังนั้นคดีแม่มดของ นางจึงจัดว่าเป็นคดีแรกที่เกิดขึ้นมา


    [​IMG]


    อาเจย์ โดนข้อหา เสพสมกับ ปีศาจ จนให้กำเนิดลูกที่ออกมามีหัวเป็นหมาป่าและมีหางดุจสัตว์เลื้อนคลานที่กินทารกและเด็กเล็กๆเป็นอาหาร นอกจากนี้นางยังโดนข้อหา ลักพาตัว และฆ่าพวกเด็กๆหรือขุดศพเด็กขึ้นมาทำพิธีบูชายัญ เพราะในเวลานั้นมีจำนวนเด็กและทารกหายตัวไปมากมายซึ่งคาดว่ามาจากฝีมือของมนุษย์หมาป่า นั้นเอง อาเจย์ โดนจับไปทรมานจนนางต้องยอมรับทุกข้อกล่าวหาก่อนจะจบชีวิตด้วยการโดนเผาไฟ


    :boo::boo:


    เพโทรเนลล่า เดอ มีท แม่มดสาวผู้น่าสงสารที่สุดในยุคกลาง


    [​IMG]

    เรายังคงอยู่ที่เรื่องแม่มด ที่ราวๆปลายยุคกลาง เพโทรเนลล่า เป็นสาวชาวไอริช ที่ทำงานเป็นเด็กรับใช้ที่บ้านของเศรษฐีนีหญิงชาว แองโกล- นอร์มัน นางหนึ่งใน เมือง คิลเคนนี่ คุณนายของนาง มีนามว่า อลิซ คิลเทอเร่อ
    นางเป็นสาวใหญ่หน้าตาสวยผู้แต่งงานมาแล้วหลายครั้ง จนเรื่องชื่อเรื่องกามารมย์ สามีของนางได้แก่ วิลเลี่ยม เอ้าลอวเวอร์,
    อดัม อิ บลุนท์, ริชาร์ด เดอ วาลว์, คนมาหยุดอยู่ที่คนสุดท้าย เซอร์ จอห์น อิ ปัวร์


    [​IMG]


    ซึ่งอยู่ๆหลังจากแต่งงานกับแม่ม้ายเนื้อหอมไม่นานก็เริ่มป่วยและเสียชีวิต บรรดาลูกๆติดเมียเก่าของเซอร์จอห์น คิดว่า
    คุณนายอลิซแม่เลี้ยงของตนคงวางยาพ่อของพวกเขาด้วยสูตรยาแม่มด เพราะที่บ้านของนางเต็มไปด้วย ส่วนประสมยาเสเน่ห์
    พวกลูกเลี้ยงได้นำความฟ้องแก่ ท่านบิชอป แห่ง ออสซอรี่ ให้ไตร่สวนคดีความของนาง หลังจากนั้นคุณนายอลิซ ก็ โดนข้อหาแม่มดต่างๆมากมาย ตลอดจนการใช้ส่วนผสมต้องห้ามในการทำคุณไส เช่น กาวจากหัวกะโหลกมนุษย์ และน้ำมันพลายที่ทำจาก หนอน เส้นผมคน เสื้อผ้าเด็กอ่อนที่ไม่ได้เข้าพิธีรับศิล ตลอดจน แก้มก้นของ ศพ รวมกันทำน้ำมันพลาย แต่คุณนายอลิซนั้นเป็นผู้ทรงอิทธิพลของย้านนั้น


    [​IMG]


    นางมีพรรคพวกเยอะ จึงใช้อำนาจจับคุมท่านบิชอพ เข้าคุกแทน จนเป็นเหตุให้ผู้ตรวจราชการใหญ่จากในเมืองต้องเดินทางมาสอบเรื่องนี้ เพรโทรเลล่า สาวใช้ ของ อลิซดูจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย แต่ผลปรากฏว่าจากการสอบสวนไปมา คุณนาย อลิซ
    คีทเทอเร่อเข้าข่ายผิดจริง ว่าใช้ยาจากเวทย์มนตร์สังหารสามี และต้องโทษให้เผาไฟ

    แต่คุณนายนั้นเป็นผู้ทรงอิทธิพล นางและลูกชายกับ พรรคพวกคนมีเงิน ที่สนิทสนม ช่วยกัน เส้น เพื่อ ต่อเรือ หนีไปเกาะอังกฤษได้ ทัน ทิ้งไว้แต่พวกคนรับใช้ชั้นล่างๆ รวมถึงเพรโทรเนลล่า ด้วย เพโทรเนลล่าจึงโดนจับมาลงฑัณฑ์ แทนพวกของคุณนายที่หนีไป ทั้งที่นางไม่ได้มีความผิดใดๆ

    ลูกชาย ของคุณนายต่อลอง ท่านบิชอพ ด้วยการเสนอเงื้อนไข จะจ่ายเงินช่วย เหลือ คนจนและโบสถ์ 3 วัน ในทุกๆหนึ่งปี ในขณะที่
    เพโทรเลล่าไม่มีอะไรจะแลก เธอ โดนจับมาทรมาณด้วยกายโบย และถูกเผาไฟ ในวันที่ 3 พฤศจิกา กล่าวกันว่าวิญญาณที่ไม่ได้รับความยุติธรรมของนางนั้นยังคงสถิตอยู่ในคิลเคนนี่ให้คนมากมายได้เห็น


    :boo::boo:


    คดีแม่มดที่น่าขยะขะแหยงที่สุดในประวัติศาสตร์




    [​IMG]


    ในบรรดาคดีแม่มดทั้งหมด แน่นอนละว่า เต็มไปด้วยเรื่องราวความเจ็บปวด ทรมานจิตใจอย่างแสนสาหัส แต่ก็ยังไม่มีเรื่องไหนที่มีปมน่ารังเกียจขะยะขะแหยงได้เท่าเรื่องคดีของ เอลลิน อิ ฮอวส์นอส


    เพราะมีเรื่องเพศเข้ามาเป็นปมในการบังคับผู้หญิงให้ตกอยู่ในข้อหอคดีแม่มด
    เอลลินนั้นเป็นหญิงม่ายวัยสาวที่อาศัยอยู่ใน สมอร์ลานประเทศสวีเดน ในราวปี คศ 15

    เหตุเกิดขึ้นในตลาดของวันหนึ่ง มาแรตต้า ลาริสซ่า สามีที่หย่าไปของเธอเกิดมีปากเสียงกับเอลลินขึ้นกลางตลาด ครั้นเมื่อไม่สามารหาเหตุผลใดมาว่าร้าย
    เอลลินได้ มาเรตต้าก็ด่าเอลลินด้วยถ้อยคำต้องห้ามในสมัยนั้น ซึ่งน่ากลัว และเสี่ยงต่อการติดคุกมากคือคำว่า "แม่มด" เอลลินรับไม่ได้จึงตบหน้าของมาเร็ตต้าคืนไปหนึ่งที ท้ามกลาง ประจักษ์ พยานผู้เห็นมากมายในตลาด

    [​IMG]

    หลังจากนั้นไม่นานก็มีเหตุบังเอิญเกิดขึ้นทำให้ มาเรตต้าเสียชีวิต เอลลินจึงติดร่างแหสู่คดีแม่มดไปโดยปริยาย ที่สวีเดนจะมีการทดสอบว่าเป็นแม่มดจริงหรือไม่ด้วยการถ่วงน้ำ ถ้าจมก็แสดงว่าไม่ใช่แม่มดอแต่ถ้าตะเกียกตะกายให้ลอยขึ้นมาได้ก็แสดงว่าเป็นแม่มด
    เอลลินจึงต้องผ่านการทดสอบนั้นเช่นคนอื่นๆที่ต้องข้อหา

    ก่อนการลงฑัณฑ์หนึ่งวัน เธอโดนจับขังคุก และที่นั้นเองที่เธอได้พบกับ ฮาเกิ่น ผู้ทรมานแม่มด ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องลือว่าเขาทำงานดีมาก และเคยผ่านคดีพิสูจน์ และทรมานแม่มดมานักต่อนัก



    ฮาเกิ่น ผู้ทรมานแม่มด พบว่าเอลลิน นั้นยังสาวอยู่มากและก็หน้าตาดีอีกด้วย เขาจึงยื้นข้อเสนอว่าหากเธอไม่อยากโดนถ่วงน้ำพรุ่งนี้ เธอจะต้องยอมมีเพศสัมพันธ์กับเขา ซึ่งแน่นอนละว่ามันทำให้เอลลินขมขืนเป็นอย่างยิ่ง แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่น เพราะทุกคนล้วนกลัวตาย เธอจึงยอมจำใจเป้นเมียของนักล่าแม่มดหนึ่งคืน และก็ได้รับการปล่อยตัวออกมา ว่าเธอผ่านการทดสอบว่าไม่ได้เป็นแม่มด


    เป็นเวลา ให้หลัง 10ปี เอลลินได้แต่งงานกับโอลูฟ และมีลูกชายหนึ่งคนอายุราว8 ขวบ เป็นอีกครั้งที่เธอโดนข้อกล่าวหาแม่มดรอบที่สอง อาทิ เช่น ทำให้สามีคนแรกเสียชีวิต ทำสเน่ห์ใส่คู่หมั้นของน้องสาว เพราะอยู่ๆเขาขอถอนหมั้นนาง กับอีกหลายคดีเช่น ทะเลาะกับพ่อสามีเก่า เป็นเหตุให้สัตว์เลี้ยง และพืชผลเสียหายด้วยอำนาจแม่มด อีกครั้งที่ นักล่าแม่มด ฮาเกิ่นถูกเชิญตัวเข้ามาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเอลลิน


    [​IMG]


    ผู้พิพากษาศาลได้เรียกฮาเกิ่นมาพูดเป็นการส่วนตัวว่า หากเขาพบว่าเอลลินไม่มีความผิด เขาก็ควรจะปล่อยให้เธอผิดเพราะไม่มีะโยชน์ใดจะช่วยเธอ เพราะเขาก็ได้เงินค่าตอบแทนอยู่แล้ว ด้วยเอลลินในวัยนี้ไม่ได้สาวสวยเหมือนแต่ก่อน ฮาเกิ่นไม่ได้ปรากฏตัวให้เธอรู้ว่าเขาถูกส่งมาทดสอบเธอ แต่เขาสามารถบอกลายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับร่างกายในร่มผ้าของเธอได้ ว่ามีแผลเป็นตรงไหนบ้าง และใช้ข้อนี้อ้างในการบอกว่าเธอมีตำหนิสัญลักษณ์ของแม่มด

    ผู้ตรวจแม่มดซึ่งเป็นหญิงมาตรวจร่างกายของเอลลิน ก็พบ สัญลักษณ์ ที่คาดว่าเป็นตำหนิ แม่มดดังที่ฮาเกิ่นกล่าวไว้ โดยที่ไม่นึกเอ่ใจว่า
    ฮาเกิ่นรู้ได้อย่างไร นอกเสียจากว่าเขาเคยเห็นเอลลินในยามเปรื้องผ้ามาก่อน ในคราวนี้โชคร้ายจึงเป็นของเอลลิน



    [​IMG]


    ศาลตัดสินว่าเธอเป็นแม่มดจริงและ ถูกสั่งให้โกนหัว ตามแบบฉบับนักโทษคดีศาสนาของเยอรมัน ก่อนจะโดนประหารด้วยการตัดคอช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้านักที่ผู้ชายสาระเลวคนนึงกลับทำเรื่อต่ำช้าได้ลงคอ โดยไม่รู้สึกสำนึกในบุญคุณที่นางเคยเป็นเมียเขา แต่กลับเอาโอกาสที่เคยเห็นไฝในที่ลับมาเปิดเผยหาว่าเป็น ตำหนิ แม่มด

    thx1




    :boo::boo:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2013
  18. lakeislove

    lakeislove สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +2
    ขอบคุณมากครับ น่าติดตามดี :cool:
     
  19. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301

    ตำนานวิวาทระหว่างสองตระกูลแม่มดแห่งแพนเดล



    [​IMG]



    ณ ประเทศอังกฤษในปี 1609 นี้เอง ในหุบเขาแห่งเมืองแพนเดล ใกล้ๆกับโบสถ์ นิวเชิร์ช มีสอง ครอบครัวขอทานที่เป็นศัตรูกันมาแต่ไหนแต่ไร คอบครัวนึง มีนามสกุลว่า ดิไวซ์ อาศัยอยู่ในซากหอคอยโบราณ ที่มีชื่อว่า เมลว์คิ้น ทาวเวอร์ ประกอบด้วยสมาชิค ครอบครัวที่มีพฤติกรรมประหลาดๆอันได้แก่ แม่เฒ่า เดมไดค์ หรือ อลิซาเบธ เซ้าเทิร์น นางอายุราว 80 ปี เป็นยายแก่ ท่าทางน่ากลัวเหมือนแม่มด แถมยังมีนัยตาฟ่าฟาง มองไม่ค่อยเห็น แต่ประกอบอาชีพ เป็นแม่มด รักษาโรค หรือ สาปแช่งด้วยมนตร์วิเศษ

    ยายแก่มีลูกสาวแม่ม้ายหน้าตาขี้เล่ ท่าทางหยาบคาย แถมยังตาเข๊ ชื่อ นาง อลิซาเบธ ดีไวซ์ หรือ "ลิซซี่ ตาเข๊" นางมีลูกสามคน คนโตเป็นเด็กวัยรุ่นคือ แอลิซอน ดิไวซ์ นิสัยขี้โมโห และจ้าวอารมย์ และเซนซิทีฟ, น้องชายคนรองชื่อ เจมส์ นั้นขี้ขโมย และ ตะหลบตะแลง ส่วนคนเล็กชื่อ เจนเน็ต นั้นแก่แดด และชอบยุ่งเรื่องผู้ใหญ่ ทั้งหมดหาเลี้ยงชีพโดยการ ขอทาน แลกกับคำอวยพรบ้าง สาปแช่งบ้าง ไม่ไกลกันกับหอคอยร้างที่พวกเขาอาศัยอยู่ มี ครอบครัวขอทานอีกกลุ่ม อาศัยอยู่ในกะต็อบเก่าๆ มีหัวหน้าครอบครัววัย 80 เช่นแม่เฒ่า เดมไดค์ และ ตาฝ้าฟาง นาง มีนามว่า แม่เฒ่า แช็ตท็อค หรือ แอนน์ วิทเทิลว์ นางมีลูกสาวสองคนคือ เบซซี่ วิทเทิลว์ กับ แอนน์ เรดเฟิร์น ซึ่งแต่งงานและมีสามียาจกคือ โธมัส เรดเฟิร์น มาอยู่ด้วยกัน




    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]



    ทั้งสองครอบครัวต่างไม่ถูกกันมาแต่ไหนแต่ไร เพราะเวลาไม่มีจะกินก็จะโดดเข้าขโมยของในบ้านฝ่ายตรงข้าม เพื่อเอาไปขายบ้าง หรือกินบ้าง จนมีอยู่มาวันหนึ่งปมแห่งคดีแม่มดอย่างหนักก็เริ่มขึ้นตรงจุดนี้เมื่อ แอริซอน สาวน้อยวัย 14 ปี ลูกสาวคนโตของบ้านดีไวซ์ ผู้มีนิสัยขี้โมโห เดินไปขอทาน ที่ชายป่า เธอพบพ่อค้าขายของหาบเร่คนหนึ่ง เธอจึงขอเหรียญเงินจากเขา 1 พิ้นท์ ซึ่ง เหรียญเงินแบบนี้ปกติจะราคาแพง และมีความเชื่อว่าเอาไปใช้ทำไสยศาสตร์ได้ ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะ จอห์น ลอว์ พ่อค้าขายของหาบเร่ ไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร.... เลยไม่ให้เงินเธอ.... หรือจะเพราะกลัวเธอเอาไปทำคุณไสย์ เขาปฏิเศทและ
    ดุแอริซอนว่า เธอควรจะไปเล่นที่อื่น และเลิกวุ่นวายกับเขาเสีย



    [​IMG]

    แอริซอนผู้ไม่ค่อยมีมารยาท และเก็บอารมย์ อยู่แล้วจึงโกรธมาก เธอจึงด่าตะหวาด สาปแช่งเขา พ่อค้าได้ยินดังนั้นก็ตกใจเขาแบกของหนักอยู่ ประกอบกับเป็นคนรูปร่างอ้วนใหญ่เขาจึงหกล้มขาแพลง พวกชาวบ้านจึงวิ่งเข้ามาดู แอริซอนรู้สึกผิดเธอไม่ได้ตั้งใจ จึงวิ่งหนีกลับบ้านไป.....ในภายหลัง ลูกชายของ พ่อค้าได้มาฉุดแขนตามแอริซอนถึงที่บ้าน ให้เธอไปขอโทษ พ่อของเขา
    แอริซอนทำตาม และพ่อค้าก็ไม่ได้ถือโกรธหล่อน




    [​IMG]


    แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือ เรื่องนี้กลายไปเป็นคดีใหญ่เพราะมีคนเห็นเยอะในวันที่พ่อค้าล้มตอนที่โดน แอริซอน ด่าว่า "แลมป์" เธอโดนจับไปไต่สวนโดย โรเจอร์ โนเวลว์ ซึ่งได้รับหน้าที่นี้ใหมาสอบแอริซอน แต่แน่นอนใครจะกล้าประหารชีวิตเด็กผู้หญิงตัวเล็กอายุเพียง 14 แม้ว่าพฤติกรรมของหล่อนจะส่อแววแม่มดก็ตาม ดังนั้นแน่นอนว่าถ้าเด็กทำผิด ก็ต้องโทษ ผู้ใหญ่ว่าเป็นผู้ แนะนำซาตานมาสู่เด็ก แอริซอนไม่อยากป้ายความผิดไปให้ ยาย และแม่ของเธอ แม้จะรู้ว่ายายของเธอนั้นเป็นแม่มดจริงๆก็ตาม เธอจึงนึกได้ถึงครอบครัวตะกูล ของ แม่เฒ่า แช็ตท็อค แม่มดฝ่ายขาวที่ไม่ถูกกับบ้านของเธอ มาตั้งแต่สมัยที่พ่อของแอริซอนยังไมตาย เมื่อนั้นเองที่ พวกแช็ตท็อค ตกเป็นผู้ต้องหาคดีแม่มดและโดนมาสอบปากคำ ซึ่งพวกเขาก็ได้ให้การ ใส่ร้าย ยาย และแม่ของแอลิซอนคืน และนั้นก็เป็นจุดเริ่มของการดึงคนอีกมากมายในย้านนั้นเข้ามาพัวพัน ต้องสงสัยกันไปหมด


    [​IMG]


    แม้กระทั้ง หนูน้อย เจนเน็ต น้องคนเล็กวัยไม่กี่ ขวบของ แอริซอน ก็ โดนดึงเข้ามาสอบถามด้วย เด็กหญิงได้ให้การอย่างไร้เดียงสา ว่าคุณยายของเธอเป็นแม่มด และเธอเคยเห็นยายขี่่ไม้กวาดเหาะไปบนท้องฟ้า และหลังจากการให้การด่ากันไปกันมาระหว่างทั้งสองตระกูล ทุกคนยกเว้นหนูเจเน็ต โดนจับเข้าคุกมืด และแขวนคอที่ แลงคาเซิล กาว แต่ทั้ง แม่เฒ่าเดมไดค์ และ แม่เฒ่าแช็ตท็อคต่างเสียชีวิตไปซะก่อน ระหว่างรอลงทัณฑ์ ในคุก ปัจจุบัน เรื่อง แพนเดลนี้สร้างความกลัวให้เด็กอังกฤษมากมาย หน่ำซ้ำ วิญญาณของผู้ต้องหาที่โดนแขวนคอ ทุกคนยังเฮี้ยนมากอีกด้วย



    catt18
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  20. pigies

    pigies Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +44
    ชอบมากเลยค่ะมีอีกมั้ยคะสนุกมากค่าา:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...