ความลับเรื่องมวลสารสร้างจตุคามของยามเฝ้าแผ่นดิน (อ่านแล้วห้ามอ้วก)

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย จอมใจ, 13 กันยายน 2007.

  1. จอมใจ

    จอมใจ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2007
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +10
    ถอดเทป : สโรชาเปิดใจ POSITIONING - ชีวิตในวัยเด็กเป็นอย่างไร สโรชา - เกิดเมืองไทย และย้ายไปอยู่อเมริกาตอน 2 ขวบ คุณพ่อ คุณแม่ไปทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องเย็น ใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา 10 กว่าปี กลับมาเมืองไทย ตอนอายุ 12 ปี ตอนกลับมาตอนแรกก็พูดภาษาไทยไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ พอดีมีลูกพี่ลูกน้องรุ่นเดียวกันเยอะ คุณแม่ก็จ้างครูพิเศษมาสอนให้ที่บ้านประมาณ 6 เดือน โดยสอนทั้งการอ่าน และการเขียน POSITIONING - ต้องปรับตัวเยอะ สโรชา - ปรับตัวเยอะมาก ถือเป็นจุดเปลี่ยน เพราะรู้สึกว่าแอ้มเป็นฝรั่งเลยล่ะ แต่พอกลับไปอเมริกาอีกครั้งเรา เปลี่ยนไปเยอะเลยกลายเป็นคนละคน เราไม่ใช่เด็กอเมริกันอีกต่อไป แต่เราเป็นเด็กไทยคนหนึ่งที่ไปเรียนที่โน่น POSITIONING - เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์หรือเปล่า สโรชา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2007
  2. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130

    อะไรหละ มวลสารพิเศษ หน้าท้องตัวเอง รูสะดือ มันก็คือ ..... โห่ทำไปได้ ดีนะไม่ล้วงก้น
     
  3. putipongb

    putipongb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,843
    ไม่อ้วก แต่แขวนไม่ลง แหะๆ
     
  4. ว.อริยะ

    ว.อริยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +346
    อิอิ

    (smile) ล้อเล่งหน่า
     
  5. ZyTon

    ZyTon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +377
    หลักฐาน ข้อมูลไม่ชัดเจน จะเขียนยังไงก็เขียนได้ ภาษานักหนังสือพิมพ์เขาเรียก "นั่งเทียนเขียน" เขียนยังไงก็เขียนได้ครับ

    ใครหูเบาก็เชื่อเข้าไป Linkที่ให้มาก็ไปดูต้นฉบับไม่ได้

    ทำอะไรให้เนียนๆหน่อยครับ หลอกคนอื่นได้หลอกผมไม่ได้หรอก ผมนักข่าวรู้ดี ว่าคุณกำลังทำอะไร

    กลยุทธ์ "สาดโคลน ,Discredit " เห็นมาเยอะแล้ว สุดท้ายค้นข้อมูลจริงๆ คนกล่าวหาต้องโดนดีไป เหมือน"คดียุบพรรค"

    เขาเรียกว่า "ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว"

    (smile) (smile) (smile)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2007
  6. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    งั้นก็แล้วไป

    เชื่อคนง่าย ๆๆ อยู่ ใครจะอุตริทำอย่างนั้น

    (ถ้าเป็น พระพุทธจี้กง นะ เชื่อแน่ ๆ เพราะทุกอย่างในตัวท่านวิเศษ ถ้าให้ใคร)
     
  7. ZyTon

    ZyTon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +377
    <TABLE width=450 border=0><TBODY><TR><TD class=detail>เบื้องหลังมวลสารสร้างจตุคามของสนธิลิ้ม</TD></TR><TR><TD class=detail bgColor=#242424>
    ถอดเทป : สโรชาเปิดใจ





    POSITIONING - ชีวิตในวัยเด็กเป็นอย่างไร

    สโรชา - เกิดเมืองไทย และย้ายไปอยู่อเมริกาตอน 2 ขวบ คุณพ่อ คุณแม่ไปทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องเย็น ใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา 10 กว่าปี กลับมาเมืองไทย ตอนอายุ 12 ปี ตอนกลับมาตอนแรกก็พูดภาษาไทยไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ พอดีมีลูกพี่ลูกน้องรุ่นเดียวกันเยอะ คุณแม่ก็จ้างครูพิเศษมาสอนให้ที่บ้านประมาณ 6 เดือน โดยสอนทั้งการอ่าน และการเขียน

    POSITIONING - ต้องปรับตัวเยอะ

    สโรชา - ปรับตัวเยอะมาก ถือเป็นจุดเปลี่ยน เพราะรู้สึกว่าแอ้มเป็นฝรั่งเลยล่ะ แต่พอกลับไปอเมริกาอีกครั้งเรา เปลี่ยนไปเยอะเลยกลายเป็นคนละคน เราไม่ใช่เด็กอเมริกันอีกต่อไป แต่เราเป็นเด็กไทยคนหนึ่งที่ไปเรียนที่โน่น

    POSITIONING - เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์หรือเปล่า

    สโรชา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2007
  8. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    พุทธบริษัท ที่ดีทั้งหลาย
    ต้องใส่ใจใน ศีล และ ธรรม
    หลักง่ายๆ ใช้หลัก "กาลามสูตร"

    หลักง่ายๆสุดๆ "ศีล สมาธิ ปัญญา"
    อย่าอ้างว่า นั่งภาวนา แล้วว่าตนดี
    แต่การกระทำและคำพูด ตรงข้าม

    จึงมักอ้างว่า เป็นพุทธบริษัท แต่ในนาม
    โจทก์ง่ายๆ พระพุทธองค์ ทรงกล่าวไว้
    "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต"
    (smile) (smile) (smile) (ping-love (ping-love (ping-love (evil2)
    สูงสุดยอด คืนสู่สามัญ หันมาใส่ใจ ในหลักธรรม พื้นฐาน ให้ถ่องแท้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2007
  9. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ม่ายจริง ม้าาง
     
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,692
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** พาคนไทยหลงทาง ****


    ความเชื่อ
    วัตถุ
    พิธีกรรม

    พาให้หลงทาง ถอยหลัง...ออกนอกคำสอนพระพุทธเจ้า
    ไม่ช่วยขจัดกิเลสนิสัย ให้หมดไปได้
    ไม่ช่วยให้หลุดพ้นจากความทุกข์
    ไม่รอดพ้นกรรม

    สอนให้พึ่งสิ่งอื่น
    ออกนอกคำสอน... "หลักตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
    พาให้คนไทย...ออกห่างพระธรรม
    บาปกรรม ....ติดตัวไปตลอดกาล

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  11. ไอ่คำ

    ไอ่คำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +165
    สรุปเรื่องมันเป็นไงล่ะนี่ งงจริง ๆ อ่ะ ... เดี๋ยวจะไปถามคุณสนธิดูนะ เอาขี้สะดือมาทำรึเปล่านี่ หรือพวกเข้ามาไซโคกัน กลังรุ่นยามฯฮิตเกินหน้าตู...เฮ้อ..เซ็งอ่ะ
     
  12. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    รุ่นยามเผาแผ่นดิน มวลสารคือขี้สะดือแป๊ะลิ้ม ใครแขวนคงจะเป็นมงคล

    น่าดูน๊ะ อิอิ ....แต่คงเหมาะกับสาวกแป๊ะลิ้ม เพราะเค้าพูดอะไรก็เชื่อไปโม๊ด
     
  13. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,780
    ค่าพลัง:
    +7,482
    ความจริงก็ไม่ค่อยชอบเจ้าหัวเกาลัดนี้เท่าไหร่หรอก แต่ก็โอเคที่ได้แสดงให้รู้ในอีกหลายๆ มุม ... ว่าแต่ว่าที่พูดมานี่มันเรื่องจริงหรือว่าล้อเล่นกันหล่ะเนี่ย ชักจะงงเล็กน้อย

    หรือว่าแกจะเล่นมายากล ดึงเหล็กไหลออกมาจากพุง ... เป็นไปได้ เป็นไปได้
     
  14. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    เรื่องไม่จริงครับ ทางนิตยสารออกมาชี้แจงแล้ว
     
  15. โบ๊ต

    โบ๊ต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    387
    ค่าพลัง:
    +847
    สงสัยถ้าทักษิญทำจตุคามจากขี้สะดือตัวเองพวกลิ่วล้อ คงเอามาอมเล่นเลยมั้ง
    รักนักหนา
     
  16. psitcdgs

    psitcdgs Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +59
    มีใครบางคนคิดชั่ว แก้เปลี่ยนข้อความที่เขาตีพิมพ์ ผิดเพี้ยนไปจากข้อความเดิม คงไม่ได้ประสงค์ในทางที่ดีนัก เราคนอ่าน อ่านแล้วคงต้องใช้วิจารณญาณกันบ้างนะ ไม่ใช่อ่านปุ๊บสรุปว่าเชื่อปั๊บ
    ต้นฉบับบจริงก็คงหาได้ไม่ยากหรอก คงต้องไปหาอ่านกันจริง ๆ ก่อน ส่วนใครที่ดัดแปลงเพื่อให้ร้ายผู้อื่น นั้น คงไม่ต้องพูดถึงจิตใจที่ชั่วร้ายของเขานะ ในเว็ปนี้ ล้วนแต่ผู้มรธรรมกันเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว อย่าได้หลงเป็นเครื่องมือของใครเลย มีธรรมมาก ๆ เข้าไว้ หนักแน่นเข้าไว้ จะได้ไม่ต้องนึกเสียใจภายหลัง

    [b-hi]
     
  17. psitcdgs

    psitcdgs Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +59
    ไปหามาให้อ่านครับ
    เป็นของปี 2548 ตอนนั้นน่าจะยังไม่มีความคิดจะทำจตุคามนะ


    เปิดอกกับสถานการณ์คับใจ สโรชา พรอุดมศักดิ์ พิธีกรคู่ในเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร <HR class=b>เพลินพิศ ศรีบุรินทร์
    Positioning Magazine ธันวาคม 2548

    คำกล่าวที่ว่า “สถานการณ์สร้างคน” น่าจะอธิบายเส้นทางชีวิตผู้ประกาศข่าวสาว สโรชา พรอุดมศักดิ์

    ซึ่งเริ่มต้นอ่านข่าวภาคภาษาอังกฤษที่ News Line ช่อง 11 ก่อนจะย้ายไปฝึกฝนกระบวนการทำข่าว และผู้ประกาศข่าวมืออาชีพกับ สิทธิชัย หยุ่น สถานีข่าว Nation Channel หรือ UBC 8 ของค่ายเนชั่น ต่อมาเธอก้าวเข้าทำงานใน Channel News Asia ประเทศสิงคโปร์ในตำแหน่ง ผู้ประกาศข่าวภาคภาษาอังกฤษที่สำนักงานประเทศสิงโปร์

    แม้ว่าการเข้าทำงานในสังกัด Media Corp News จะทำให้เธอมีโอกาสก้าวไปเป็น ผู้ประกาศข่าวระดับโลกในเวที CNN ซึ่งเป็นเส้นทางที่ ผู้สื่อข่าวใฝ่ฝัน หากแต่เธอกลับเลือก ความสุขในใช้ชีวิตกับครอบครัวในไทย หลังจากเคยใช้ชีวิตร่วมกันตลอดมากกว่า 20 ปีที่ใช้ชีวิตและศึกษาอยู่ในสหรัฐอเมริกา

    จุดเปลี่ยนของเธอเริ่มขึ้นอีกครั้ง เมื่อเธอได้รับทาบทามจาก สนธิ ลิ้มทองกุล ให้เข้านั่งเป็นพิธีกรร่วมในการจัดรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์” ที่ช่อง 9 อสมท.โดยออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 1 กรกฎาคม 2546 เป็นต้นมา

    2 ปีที่เธอ ทำหน้าที่ พิธีกรคู่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” เพื่อช่วยทำให้รายการข่าว News talk ซึ่งอัดแน่นไปด้วยเนื้อหา ผ่อนคลายลง ด้วยบุคลิกของการเป็นคู่สนทนาที่ดีที่ถามทุกคำถาม ด้วยความอยากรู้เสมือนหนึ่งเป็นผู้ชมรายการคนหนึ่ง เธอจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ที่อยู่คู่รายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์”

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปรากฏการณ์ของรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร” หลังจากถูกถอดออกจากผังรายการของช่อง 9 อสมท. จนมียอดผู้เข้าชมรายการสด ณ สวนลุมเมื่อวันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมากว่า 1 แสนคน

    สโรชา พรอุดมศักดิ์ หรือ แอ้ม ในฐานะพิธีกรหญิงหนึ่งเดียว ที่เคียงคู่เป็นดอกไม้สร้างสีสันให้รายการ ขณะเดียวกันเธอยังมีหนามแหลมคม และไหวพริบในการประคับประคองรายการให้ผ่านพ้นมา ด้วยการเบรกบรรยากาศในรายการให้ไม่ตรึงเครียดกว่าที่ควรจะเป็น จนในวันนี้เธอกลายเป็นพิธีกรข่าวมืออาชีพที่ก้าวไปไกลกว่าผู้ประกาศข่าวธรรมดาๆ

    POSITIONING - ทุกครั้งที่ขึ้นจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ มีการเตรียมตัวหาข้อมูลก่อนจัดรายการอย่างไร

    สโรชา - ไม่ทราบเลยว่าจะคุณสนธิจะพูดเรื่องอะไร รู้แต่หัวข้อคร่าวๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเจนารมณ์ของคุณสนธิที่จะไม่ให้รู้หรือเปล่า เพราะหลายๆ ครั้งที่ขึ้นศาล แล้วมีข้อกล่าวหาจากฝ่ายโจทย์ว่าแอ้มสมรู้ร่วมคิด หรือรู้ข้อมูลล่วงหน้าอยู่แล้วว่าคุณสนธิพูดว่าอะไร ซึ่งก็เรียนให้ศาลท่านทราบอย่างตรงไปตรงมาว่า ไม่ทราบจริงๆ

    เคยมีกระซิบถามคุณสนธิเหมือนกันว่า จะให้พูดอะไร คุณสนธิ ก็บอกว่าไม่เป็นไร พูดมาแล้วเดี๋ยวผมรับลูกเอง คือทำนองว่าอย่ารับรู้ดีกว่าไหม...ก็เลยว่ากันสดๆ บนเวที ก็เลยเป็นความเคยชินนะคะ ส่วนตัวเองก็ก็อ่านทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นในรอบสัปดาห์ แต่บางเรื่องที่คุณสนธิหยิบมาพูดก็ไม่เคยเป็นข่าวมาก่อน ข้อมูลที่คุณสนธินำมาพูด เราก็รู้สึก อึ้งพอๆ กับคนดูว่า...มีแบบนี้ด้วยหรือ นอกเหนือจากการเป็นพิธีกรคู่ด้วย แล้วก็พักหลังๆ เราก็ถือว่าเป็นผู้ฟังคนหนึ่งเหมือนกัน

    นี่ก็อาจจะเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของรายการที่มันสดจริงๆ (เน้นเสียงหนัก) ไม่มีการบอกว่า เราจะแตะต้องเรื่องนั้น เรื่องนี้...ไม่มีเลย ทุกสิ่งทุกอย่างโอเพ่นหมด อยากถามอะไรถาม อยากพูดอะไรพูด หรือว่าตัวคุณสนธิเอง ท่านบางครั้งท่านก็มีอารมณ์ไปกับเรื่องราวที่พูด

    POSITIONING - ถ้าเทียบระหว่างการเป็นพิธีกรในสมัยที่ทำอยู่ช่อง 11 เนชั่น กับการเป็นพิธีการในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์

    สโรชา - โอ้!ยาก คนละเรื่องเลยค่ะ พิธีกรสมัยก่อนจะเป็น 2 คนมานั่งคุยกัน โดยโปรดิวเซอร์จะกำหนดหัวเรื่องให้ จากนั้นพิธีกร 2 คน ซึ่งได้ข้อมูลเหมือนกัน เท่ากัน แล้วก็ต่างคนต่างทำการบ้านของตัวเอง แล้วก็มานั่งพูดกันในรายการ

    แต่ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เราเดาไม่ได้เลย คือ ไปว่ากันแบบสดๆ ... มีคนก็จะวิพากษ์วิจารณ์เหมือนกันว่า ทำไมไม่พูดเลย หรือไม่ก็ตอบแค่... ค่ะ...อย่างเดียว เพราะหลายๆ ครั้งเป็นประเด็นที่มีความ sensitive (อ่อนไหว) มาก ตัวคุณสนธิประสบการณ์เยอะมาก ทำข่าวมา 30 ปี เห็นอะไรมาเยอะมาก ก็สามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์มาวิพากษ์วิจารณ์ได้

    สำหรับตัวแอ้ม แม้จะมีความคิดเห็นของตัวเอง แต่ตัวเองเด็กเกินไปที่จะวิพากษ์วิจารณ์...แอ้มอยู่ในฐานะ ผู้ฟัง ผู้ถาม แต่ไม่อยู่ในฐานะผู้แสดงความคิดเห็นนะคะ บทบาทค่อนข้างชัดเจนว่า...แอ้มพยายามจะถามบ้างไม่ถามบ้าง... เราก็ปล่อยให้คุณสนธิได้ถ่ายทอดให้กับผู้ชมอย่างตรงไปตรงมา

    เวลานี้ยอมรับว่าค่อนข้างระวัง เพราะมันมีคดีความอยู่ เพราะฉะนั้นก็ยอมรับว่าระวังเป็นพิเศษ แอ้มก็ไม่อยากถามอะไรไปแล้วก็ทำให้คุณสนธิ ตกที่นั่งลำบาก คือบางครั้งมีคำสั่งศาลอยู่เราก็ต้องระวัง ก็รู้สึกเกร็งพอสมควร

    POSITIONING - สัญจรครั้งไหนที่รู้สึกวิตกที่สุด

    สโรชา - ครั้งที่ 9 ค่ะ เนื่องจากสถานการณ์มันเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ โดยปกติเราจะอยู่ในสตูดิโอกัน มีช่างภาพ และก็มีโปรดิวเซอร์ มันก็ค่อนข้างมิดชิด พอไปมาในบรรยากาศการสัญจร ตอนแรกๆ เราก็เริ่มตื่นคนดู พอเริ่มชินคนดูก็มาตื่นสถานการณ์ ก็เป็นการก่อกวนในแง่ของ emotional (ความรู้สึก) ก็คงเป็นเรื่องไฟนี่แหละค่ะ พอไฟวูบๆ เราก็ห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลึกๆ เราก็เป็นห่วงคุณแม่ ซึ่งสุขภาพไม่ดี เราก็มีกันอยู่ 3 คนพ่อ แม่ ก่อนขึ้นเวทีนี้ทุกคนที่บ้านจะนั่งสวดมนต์ภาวนาว่าให้มันผ่านพ้นไปโดยที่ไม่มีเหตุการณ์อะไร

    POSITIONING - ต้องควบคุมเวลา และคุมสถานการณ์

    สโรชา - มีเหตุการณ์ไฟดับ ถ้าสังเกตจะเห็นหน้าสโรชาซีดลงเรื่อยๆ สมาธิไม่ได้อยู่กับตัวล่ะ เพราะตอนนั้นเราคิดว่า ถ้าไฟดับจริงๆ จะเกิดอะไรขึ้น มีเรื่องความปลอดภัยก็เป็นห่วงผู้ชม สมาธิก็เลยแตกไปนิดหนึ่ง คุณสนธิ เลยดุกลางรายการ (หัวเราะ) ว่าให้นิ่งหน่อยๆ อย่าไปสนใจอะไรกับไฟ (หัวเราะ) ไม่เคยมีการเตรี๊ยมกันเลย

    POSITIONING - รู้สึกอย่างไร เมื่อมีหนังสือพิมพ์ให้สมญานามว่า “ดอกไม้บานในม็อบ”

    สโรชา - ภูมิใจ และรู้สึกเป็นเกียรติที่พี่ๆ ให้ความสำคัญให้เราถึงขั้นขึ้นปก เนื่องจากแอ้มทำงานตรงนี้มาไม่นานนัก เท่ากับว่าเขาก็ยอมรับแอ้มไปอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว ในอีกแง่หนึ่ง เป็นการสะท้อนว่า ประชาชนก็ให้ความสนใจในตัวรายการ (เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร) ด้วย ทุกวันนี้ก็มีดอกไม้ มีขนม มีอัลบั้มรูป

    POSITIONING - ช่วงนี้ต้องระวังตัวไหมคะ

    สโรชา - ก็ไม่ค่อยไปไหนคนเดียว ช่วงนี้ก็ต้องมีเพื่อนๆ รอบๆ ตัวอยู่พอสมควร

    POSITIONING - ถึงขั้นต้องมีบอดี้การ์ดไหมคะ

    สโรชา - คงยังไม่ถึงขนาดนั้น (หัวเราะ) สังเกตสภาวะรอบข้างของตัวเองมากกว่าปกติ ว่ามีรถจอดในซอยไหม หรือมีอะไรผิดสังเกตเวลาขับรถกลับบ้านก็มีใครตามหรือเปล่า คุณสนธิก็ได้ให้ความสบายใจคุณพ่อ คุณแม่แล้วก็มีคนดูแล ก็ได้ความสบายใจขึ้น

    POSITIONING - เคยถึงขั้นที่ทำให้คิดเลิกจัดรายการมั้ย

    สโรชา - ยอมรับว่ามีช่วงหนึ่ง เกิดคำถามจากครอบครัวเหมือนกันว่าจะทำอย่างไงต่อดี ซึ่งคุณพ่อ คุณแม่ และตัวแอ้มเอง ก็ยืนยันว่าอยากทำต่อ เพียงแต่ต้องถามใจตัวเองจริงๆ ว่า จะรับแรงกดดันได้ไหวหรือเปล่า คุณสนธิก็ถามตรงๆ ว่าแอ้มไหวไหม ถ้าไม่ไหวก็บอก เราก็มานั่งคุยกันว่าจะมีทางออกอะไรบ้าง ซึ่งก็ได้คุยกันเยอะเหมือนกัน ได้ข้อสรุปว่า เราเชื่อในสิ่งที่เราทำ และเรารักในอาชีพนี้ ก็มันก็เป็นคำตอบในตัวเองอยู่แล้วว่าเราจะทำอย่างไรต่อไป

    POSITIONING - อะไรคือสิ่งที่คิดมากที่สุดในเวลานี้

    สโรชา - ไม่เคยนึกว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปเร็วขนาดนี้ เราได้กลับมานั่งทบทวนอุดมการณ์ของตัวเอง และศึกษาแนวทางการทำงานของคุณสนธิ ซึ่งทำให้เราชัดเจนยิ่งขึ้นว่าสิ่งที่เราต่อสู้เพื่อสิทธิของผู้บริโภคสื่อ น่าจะปล่อยให้ผู้บริโภคเป็นผู้เลือกว่าจะเสพอะไร และมีวิจารณญาณคิดเองได้ว่าสิ่งที่ คุณสนธิพูดเป็นจริงหรือไม่จริง เชื่อหรือไม่เชื่อ ก็อยู่ที่การตัดสินใจของคนคนนั้น อยู่ที่การศึกษา แนวคิด และประสบการณ์ชีวิตเขาว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง ดังนั้นควรจะทิ้งให้เป็นการตัดสินใจของเขาเองว่า ควรจะดูหรือไม่ดูดีกว่าสื่อ คือสินค้าตัวหนึ่ง ขึ้นอยู่ว่าประชาชนจะซื้อหรือไม่ เราไปบังคับเขาไม่ได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับคุณภาพ ความแม่นยำ ความน่าเชื่อถือ และละความเป็นกลางหรือไม่เป็นกลางของสื่อนั้นๆ ที่จะเป็นตัวขาย ปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของผู้บริโภคดีกว่า

    POSITIONING - ทำไมตัดสินใจมาทำงานกับคุณสนธิ

    สโรชา - พอดีพี่เขามาชวน บอกว่า ไทยเดย์จะทำรายการในช่อง 9 คุณสนธิ เจ้าของรายการอยากเจอ ตอนแรกยังไม่เคยรู้จักคุณสนธิเลยว่าเป็นใคร มาเจอก็เจอครั้งแรกก็ยอมรับว่าแปลกไปจากนายคนอื่นๆ ที่เคย ตอนนั้นก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมมาเลือกแอ้ม เพราะประสบการณ์การทำรายการข่าวภาษาไทยนะคะน้อยมาก (ลากเสียง)

    POSITIONING - ถามคุณสนธิหรือเปล่าว่าเลือกคุณแอ้มมาทำรายการเพราะอะไร

    สโรชา - คุณสนธิเคยบอกตอนหลังว่า แอ้มมีอะไรบางอย่างที่เป็นมิตรกับคนดู และอาจจะมีความน่ารักอยู่ ผสมกับ ความดุ ความเครียดที่หลายๆ คนเห็นแอ้มเวลาออกหน้าจอ ก็จะมีบางวาระที่เป็น แอ้ม ไม่ได้เป็นสโรชา

    POSITIONING - ต่างกันอย่างไร

    สโรชา - สโรชา จะเครียดกว่า (หัวเราะ) จะเป็นคนทำงาน ค่อนข้างจะซีเรียส เนื่องจากแอ้มโตมาจากสายข่าว ก่อนที่จะมาเป็นผู้ดำเนินรายการ เคยเป็นนักข่าว เคยเป็น บก. ทำงานจนครบวงจร จึงเป็นการหล่อหลอมให้มาเป็นตรงนี้ และเป็นรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ด้วย เมื่อรายการสาระ และเวลาพูดสาระ แล้วมาทำเป็นโนะเน๊ะก็คงไม่เหมาะ

    แต่ถ้าเป็นตัวแอ้ม...เป็นคนที่ชอบเฮฮากับเพื่อน เป็นคนที่ขี้อ้อน เป็นที่ขี้น้อยใจ คือบุคลิกของ 2 คนนี้ค่อนข้างจะห่างกันพอสมควร หลายๆ คนก็บอกว่าอายุ 30 กว่าแง่ๆ มีบางคนถามว่ามีครอบครัว มีลูกกี่คนแล้ว (หัวเราะ)

    POSITIONING - ปีนี้อายุเท่าไหร่

    สโรชา - ครบ 29 ปี คุณแม่ก็อ่านหนังสือพิมพ์บอกว่ามีนักโหรศาสตร์ท่านหนึ่งบอกว่า คุณสนธิปลายปีจะหมดเคราะห์ สโรชาปลายปีจะเคราะห์มากขึ้น โอ๊ะ! ตายล่ะคุณแม่กับแอ้มก็มานั่งกลุ้มใจ ต้องไปหาที่สะเดาะเคราะห์ช่วงนี้ก็พยายามทำบุญมากขึ้น

    POSITIONING - ชีวิตในวัยเด็กเป็นอย่างไร

    สโรชา - เกิดเมืองไทย และย้ายไปอยู่อเมริกาตอน 2 ขวบ คุณพ่อ คุณแม่ไปทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องเย็น ใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา 10 กว่าปี กลับมาเมืองไทย ตอนอายุ 12 ปี ตอนกลับมาตอนแรกก็พูดภาษาไทยไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ พอดีมีลูกพี่ลูกน้องรุ่นเดียวกันเยอะ คุณแม่ก็จ้างครูพิเศษมาสอนให้ที่บ้านประมาณ 6 เดือน โดยสอนทั้งการอ่าน และการเขียน

    POSITIONING - ต้องปรับตัวเยอะ

    สโรชา - ปรับตัวเยอะมาก ถือเป็นจุดเปลี่ยน เพราะรู้สึกว่าแอ้มเป็นฝรั่งเลยล่ะ แต่พอกลับไปอเมริกาอีกครั้งเรา เปลี่ยนไปเยอะเลยกลายเป็นคนละคน เราไม่ใช่เด็กอเมริกันอีกต่อไป แต่เราเป็นเด็กไทยคนหนึ่งที่ไปเรียนที่โน่น

    POSITIONING - ทำไมเลือกเรียนด้านบรอดคาสติ้ง

    สโรชา - เราจะอ่อนเลขมาก และชอบสาขาวิทยุโทรทัศน์ตั้งแต่เล็กแล้ว พอไปเรียนแล้วถูกใจ ต้องแบกกล้อง ทั้งตัดต่อเอง ถ่ายเอง เขียนเอง ลงเสียงเอง พอดีว่า เรียนจบกลับมาพอดีกับวิกฤตเศรษฐกิจ พ่อก็เลยตัดสินใจยุติธุรกิจที่ทำมา ตรงนี้ก็เป็นอีกช่วงชีวิตหนึ่งที่ทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ต้องรับรู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตครอบครัว และสอนให้เรารู้ว่าชีวิตไม่ได้ราบเรียบเสมอไป พอผ่านวิกฤตตัวนั้นมาก็มาเจอวิกฤตตรงนี้ที่กำลังเป็นกระแสอยู่

    POSITIONING - มาสู่อาชีพผู้ประกาศข่าวได้อย่างไร

    สโรชา - ทำงานธุรกิจส่งออกของคุณลุงอยู่ประมาณ 1 ปีครึ่ง จนวันหนึ่งได้รับการติดต่อจาก News Line ให้ไปอ่านข่าวภาคภาษาอังกฤษ ทำอยู่ได้ประมาณ 4 เดือน ก็ Nation Channel เปิดตัว ที่ยูบีซี 8 ทำอยู่ประมาณ 3 ปี สิงคโปร์ก็ติดต่อมา ก็ต้องไปฝึกอบรม 6 เดือน...ร้องไห้ทุกวัน แต่งานไปได้ดีมาก คนดูแฮปปี้ เขียนเข้ามาชมว่าอ่านดีมาก ผู้อำนวยการช่องก็เรียกเข้าไปถามว่า อยู่ถาวรไหม เพราะอยู่ที่นี้คุณจะมีโอกาสมากที่จะก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับแถวหน้า และอาจจะก้าวไปสู่การเป็นผู้ประกาศข่าวของ CNN แต่เราก็ขอกลับไปทำงานที่บ้าน คิดถึงบ้าน เพราะที่บ้านจะอยู่ด้วยกันตลอด ไม่เคยอยู่คนเดียว

    POSITIONING - ประสบการณ์แต่ละช่วงตั้งแต่ทำมาให้แง่คิด และประสบการณ์ที่ต่างกันอย่างไร

    สโรชา - ได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมที่ต่างกัน ซึ่งมีรูปแบบการทำงานที่แตกต่างกัน เช่นในสิงคโปร์จะเข้มงวดมาก ถ้ามีอะไรผิดพลาด ต้องมีคนรับผิดชอบ เพื่อไม่ให้ผิดพลาดขึ้นอีก แต่ถ้าเป็นคนไทย จะอะลุ่มอล่วยกัน

    POSITIONING - ประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานที่เนชั่นเป็นอย่างไร

    สโรชา - มาอยู่เนชั่น ต้องถูกเทรนจากคุณสุทธิชัย หยุ่น เป็นเวลา 3 เดือน ให้หัดอ่านขาวภาษาไทยก่อน ตอนแรกก็ทำไม่ได้ เพราะไม่มั่นใจ ภาษาไทยเราไม่แตก ถนัดแต่ภาษาอังกฤษ เวลานั้นก็คิดว่าถ้ามาบังคับเรามากๆ เราจะลาออก ซึ่งเพราะตอนนั้นเรายังเด็กด้วย อายุประมาณ 22 ปีมั้ง ก็สอนกัน ฝึกกันไป จนในที่สุดเราก็นั่งแล้วก็ทำรายการภาษาไทยกับเขา ถ้าไม่ลดทิฐิความบ้าระห่ำของตัวเองลง แอ้มก็คงไม่มีโอกาสมานั่งในรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์”

    POSITIONING - ประสบการณ์ที่ได้จาก เมืองไทยรายสัปดาห์

    สโรชา - รูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไปสู่การทำข่าวอย่างแท้จริง จากเดิมที่เราถูกสอนมาว่า มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่ที่นี่สอนให้วิเคราะห์ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างนั้น มันมีเหตุปัจจัยที่มีมาก่อนหน้านี้ ดังนั้นถ้าคิดอะไร อย่าคิดแค่ด้านเดียว ต้องดูให้รอบด้าน ดูสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต เคยเกิดขึ้นแบบนี้แล้วนี่ แล้วมันมีทิศทางยังไง จบลงแบบไหน มีทั้งเบื้องลึก เบื้องข้าง หรือที่มาที่ไป คือมันมีอีกหลายมิติที่เราไม่เคยคิดมาก่อน แล้วไม่เคยมีใครกระตุ้นให้เราคิด ถือว่าเป็นพื้นฐานอีกระดับหนึ่งที่เรากำลังสร้างอยู่

    POSITIONING - ตอนนี้ถือว่าเป็นช่วงเติมเต็มในการทำงานมากที่สุดระหว่างการเป็นพิธีกร นักข่าว หรือเป็นผู้บริหาร

    สโรชา - งานพิธีกรมีเสน่ห์อยู่อย่างหนึ่งที่ว่า มันไม่จำเจ ถึงแม้ว่าเราจะดำเนินรายการเดินกับพิธีกรคู่ หรือคู่สนทนาคนเดิมหัวข้ออาจจคล้ายๆ เดิม แต่สถานการณ์เปลี่ยนไป เวลาเปลี่ยนไป ผู้คนที่ฟังเปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละอาทิตย์หรือในแต่ละครั้งที่เราดำเนินรายการมันย่อมไม่เหมือนกัน มันคาดเดาไม่ได้ และเร้าใจได้ทุกครั้ง เพราะฉะนั้นตรงความเร้าใจตรงนี้ล่ะค่ะเป็นยาเสพติดอย่างหนึ่ง ที่พอเราขึ้นเวทีแล้วเรามีอะดรีนาลีน... สูบฉีดอยู่ในร่างกาย เหมือนกับยาเสพติดที่คนเขาไปออกกำลังกายกันทุกวัน เพราะฉะนั้นมันต้องโฟกัส และสมาธิต้องอยู่กับงานตลอดเวลา

    POSITIONING - มองไว้ไหมว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไปสิ้นสุดอะไร ยังไง

    สโรชา - ไม่มองค่ะ (หัวเราะ) เพราะถ้ามองแล้วน่ากลัว ตอนแรกคิดว่าคงจะมีการจัดสัญจรประมาณ 2-3 ครั้งมั้ง! แต่พอเพิ่มครั้งที่ 4 ก็สงสัยว่ายังไง ถามคุณสนธิ แล้วก็ได้คำตอบว่าเราก็จัดไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังมีคนฟังอยู่เราก็ทำ ตอนนี้ก็เลยไม่ถามต่อว่าจะจบยังไง จบในลักษณะไหน หรืออะไรอย่างไง เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดการณ์ได้

    POSITIONING - วางเป้าหมายชีวิตการทำงานข้างหน้าไว้อย่างไร

    สโรชา - อยากทำรายการของตัวเอง ครีเอตด้วยตัวของเราเอง อยากจะอยู่เบื้องหลัง และเราอยากจะดูอยู่ว่านี่คือผลงานของเรา แล้วก็อยากจะลองในแง่ของการขายด้วย อยากจะดูเหมือนกันว่า ถ้าสโรชาไปยืนขายแล้ว จะขายได้ไหม เพราะนอกจากเราจะเป็นผู้ผลิตเองแล้ว มันจะ make money หรือเปล่า มันก็เป็นสิ่งท้าทาย กับการที่รายการ ให้คนดูยอมรับ ไม่ใช่ เออๆ คะๆ ไปวันๆ เพราะตอนนี้ก็เป็นข่าวหน้าหูเหลือเกินว่า สโรชา เป็นอนุคุณสนธิหรือเปล่า

    POSITIONING - ตอบเขาไปอย่างไร

    สโรชา - ตอบไปว่า คือไม่มีแม้กระทั่งมูล แอ้มก็ตอบด้วยความแฟร์จริงๆ ว่าคุณสนธิ ไม่เคยแม้กระทั่งทำตาเช้าชู้ใส่แอ้ม ไม่เคยมีจริงๆ อยู่บนเวที จะมีการแซวกันหรืออะไรก็ตาม นอกเวทีก็มีความเป็นนายเป็นลูกน้องอยู่เยอะมาก และก็สงสารคุณพ่อคุณแม่เหมือนกันที่ตอนแรกมีข่าวแบบนี้

    POSITIONING - ตอนนี้คิดว่า positioning ของตัวเองอยู่ตรงไหน

    สโรชา - อยู่ในงานมั้งค่ะ (หัวเราะ) จากเดิมที่เราวาง positioning ของรายการเมืองไทยรายสัปดาห์อยู่ในกลุ่มผู้ที่มีการศึกษา ปริญญาตรีขึ้นไป อายุ 35 ปี หรือ 40 up แต่กลุ่มคนดูกว้างมากขึ้นหลายเท่าตัว ทั้งเด็กนักเรียน เด็กนักศึกษา ระดับมัธยมต้นมานั่งดูรายการอยู่ทุกสัปดาห์ ซึ่งก็มีคุณยาย คุณป้า คุณลุง คุณอาที่หอบลูกหอบหลานมาก็มี คือเป็นอะไรที่เรากลับไปถึงจุดที่เราแมสจริงๆ

    POSITIONING - วิธีการพูดต้องเปลี่ยนไหมคะ ถ้ากระแสนิยมรายการเราเปลี่ยนไปถึงกลุ่มใหม่ๆ มากขึ้น

    สโรชา - กลับมาสู่ความเป็นสาระของรายการ เป็นมุมมองของคุณสนธิ ที่คนให้ความสนใจแล้วก็มีจุดยืนที่ชัดเจน ส่วนตัวแอ้มเองก็คงต้องปรับในแง่ของชีวิตส่วนตัวก็คงต้องลดลงไปบ้าง ดูแลเนื้อตัวตัวเองมากขึ้น

    หลายๆ ครั้งสถานการณ์เปลี่ยน คนมาดู เพราะอยากฟังคุณสนธิ เป็นหลัก และหากจะซักถามก็ถามเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

    แต่โดยหลักแล้ว ก็มีอยูที่หนึ่งที่ คุณสนธิ เคยดุในรายการว่า เมื่อไหร่คุณจะ “เก็ต” สักทีว่ามันไม่มีหรอกมุมกลับนะ หรือ เอ้! คุณเข้าข้างใครกันแน่ ก็ทำให้แอ้มฝ่อไประดับหนึ่งเหมือนกัน (หัวเราะ) แต่โดยภาพแล้วก็ยังคงเป็นเหมือนนะคะ แต่ในแง่ของการค้านจะน้อยลง

    เพราะฉะนั้นตอนนี้ปล่อยให้เป็นช่วงที่ คุณสนธิ ได้สื่อสารกับท่านผู้ชมได้อย่างเต็มที่
     
  18. ไอ่คำ

    ไอ่คำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +165
    ตกลงเรื่องจริงคืออะไรล่ะ ที่นี้ เฮ้อ คนเรานี่น๊า....
     

แชร์หน้านี้

Loading...