นักวิเคราะห์เผยกรุงเทพฯ ติดอันดับ เสี่ยงพายุเช่นเดียวกับสหรัฐฯ

นักวิเคราะห์เผยกรุงเทพฯ ติดอันดับ เสี่ยงพายุเช่นเดียวกับสหรัฐฯ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก foto76 / Shutterstock.com

ในช่วง 2-3 ปีมานี้ สถิติการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติทั่วโลกได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าใจหาย และแต่ละครั้งก็นำมาซึ่งความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนนับหมื่นนับแสน เช่นล่าสุด พายุเฮอริเคนแซนดี้ก็ได้พัดถล่มหลายประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ที่ทำให้บ้านเรือนประชาชนเสียหายหนัก เมืองทั้งเมืองในหลายรัฐต้องเป็นอัมพาต เพราะน้ำท่วม ถนนหลายสายถูกตัดขาด ซึ่งแม้ว่าประชาชนชาวอเมริกันจะเตรียมรับมือกันเป็นอย่างดี แต่ภัยธรรมชาติไม่เคยปรานีใคร ต่อให้พวกเขาเตรียมรับมือเท่าไร ก็ไม่อาจรับมือได้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากเฮอริเคนครั้งนี้เป็นจำนวนไม่น้อย

สำหรับประเทศไทยนั้น แม้จะโชคดีที่ไม่เคยได้เจอกับพายุ หรือภัยพิบัติที่ร้ายแรงเช่นนั้นได้บ่อย ๆ แต่อย่าชะล่าใจไปเชียว เพราะล่าสุด นักวิเคราะห์ได้ออกมาเตือนว่า เมืองใหญ่ ๆ อย่างกรุงเทพมหานครก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญกับภัยพิบัติเช่นนี้เหมือนกัน แถมยังติดท็อปเท็นเมืองที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดในโลก ที่อาจเสียหายหนักจากเหตุการณ์น้ำท่วมและพายุไซโคลนภายใน 50 ปีข้างหน้านี้

สำนักวิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมแกรนแฮม ในลอนดอน เปิดเผย 20 อันดับ เมืองใหญ่ที่เสี่ยงเสียหายหนักจากเหตุการณ์น้ำท่วมและภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นภายในปี 2070 และปรากฏว่า กรุงเทพมหานครติดโผอันดับที่ 7 ขณะที่เมืองในเอเชียติดอันดับถึง 15 เมืองด้วย โดยทั้ง 20 อันดับ ได้แก่เมืองดังต่อไปนี้

1. โกลกาตา ประเทศอินเดีย
2. มุมไบ ประเทศอินเดีย
3. ธากา ประเทศอินเดีย
4. กวางโจว ประเทศจีน
5. โฮจิมินห์ ซิตี้ ประเทศเวียดนาม
6. เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
7. กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
8. ย่างกุ้ง ประเทศพม่า
9. ไมอามี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา
10. ไฮฟอง ประเทศเวียดนาม
11. อะเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์
12. เทียนจิน ประเทศจีน
13. กุลนา ประเทศบังคลาเทศ
14. หนิงป๋อ ประเทศจีน
15. ลากอส ประเทศไนจีเรีย
16. อาบีจาน ประเทศไอเวอรีโคสต์
17. นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
18. จิตตะกอง ประเทศบังคลาเทศ
19. โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
20. จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เปิดเผยว่า เมืองใหญ่ ๆ ในเอเชียที่ติดอันดับนั้น ไม่เพียงแต่จะเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมจากภาวะโลกร้อนที่ทำให้ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเสี่ยงต่อการถูกพายุไซโคลนถล่ม ซึ่งอาจสร้างความเสียหายหนักมาก ด้วยปัจจัยที่ว่า ยังมีประชาชนที่อาศัยอยู่ในบ้านเรือนที่มีความแข็งแรงน้อย คุณภาพต่ำ ซึ่งเปราะบางต่อภัยธรรมชาติมาก ดังนั้น หากรัฐบาลในเมืองเหล่านี้ยังไม่มีการรับมืออย่างจริงจัง อาจนำมาซึ่งความเสียหายมหาศาลได้ในอนาคต

ที่มา พายุเฮอริเคนแซนดี้ นักวิเคราะห์เผยกรุงเทพฯ ติดอันดับ เสี่ยงพายุเช่นเดียวกับสหรัฐฯ

 

สังเกตุดูภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลก

ประเทศหลักๆที่โดนประจำ โดนหนักๆนี่

ไม่พ้นประเทศที่ชอบสร้างความเดือดร้อนให้ชาวโลกเป็นหลัก

ประเทศทีมีความเจริญแต่วัตถุ แต่จิตใจต่ำทราม

แต่ประเทศที่อยู่อย่างธรรมชาติ มีความเจริญด้านจิตใจสูงกว่าวัตถุ

จะไม่ค่อยเจอภัยธรรมชาติเท่ารัย ผมว่านะ

 

ใช่ครับแล้วอีกอย่างผมสังเกตุหลังๆประเทศที่โดนธรรมชาติจัดหนัก ก็ส่วนใหญ่จะมีพลังงานนิวเคลียร์ในครอบครองทั้งนั้นเลยครับ ธรรมชาติก็เลยตัดตอนซ่ะก่อน แต่อย่างว่าประเทศมหาอำนาจทั้งหลายไม่เชื่อในกฎแห่งกรรม เคยได้ยินไหม ชาติใดรุกรานชาติอื่น ชาตินั้นจะยากนาน

 

อยู่กรุงเทพฯไม่ได้ เพราะ กลายเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย?
แต่... ขึ้นเหนือ อีสาน ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย เพราะมีทั้ง รอยเลื่อน และ แผ่นดินไหว
ลงใต้ไป ไม่ต้องพูดถึง เพราะ ทะเลทั้งสองฝั่ง จำต้องเจอทั้ง มหาพายุ และ คลื่นยักษ์
จะหลบพักที่ ตะวันตก ก็เกรงว่า รอยเลื่อน จะนำพาให้เขื่อน (แตกอีก)
หรือ จะหลบพักที่ตะวันออก ก็ใช่ว่ารอดต่อ คลื่นยักษ์ ที่ไล่ขึ้นมาจากใต้
นานาจิตตัง... หากตระหนักมากเกินเหตุ ผลคือจิตจะ วิตก เศร้าหมอง
แต่ทว่า... หากไม่เชื่อ เอาแต่ปิดหู ปิดตา ไม่รับรู้ ไม่เตรียมพร้อมอะไรเลย
ความประมาทก็ย่อมที่จะเกิดขึ้นแก่ตนเองได้เช่นกัน

ศีล สมาธิ ปัญญา ขอให้ท่านเพียร เจริญให้มากยิ่ง
มีสติ ระลึกรู้ถึงความประมาทใด ๆ ไว้ทุกขณะจิต
หมั่นสร้างบุญ กุศล เพื่อเป็นเสบียงที่จะนำตน เลื่อนไปสู่ภพภูมิที่สูง และ ดีกว่า
เมื่อท่านมี ธรรม อันเป็นที่พึ่งแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ๆ ก็อยู่ได้ทั้งนั้น
และ เมื่อท่านเข้าใจในสัจธรรมแล้ว ท่านก็จะเห็นว่าสิ่งทั้งหลาย มันเป็นอยู่เช่นนั้นเอง
ขอธรรมรักษาคุ้มครอง...

 

ถ้าไม่ได้มีพฤติกรรมตามล่า ตามสังหารหรือเด็ดหัวปรปักษ์ ด้วยหน่วยรบพิเศษ ถล่มด้วยจรวดจากเครื่องบินรบความเร็วเหนือเสียง จรวดนำวิถี หรือใช้หน่วยข่าวกรองล้วงความลับประเทศเป้าหมาย
เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการรุกรานครอบงำ ทำลายล้างกับประเทศที่มีศักยภาพด้อยกว่า
ก็ไม่น่าใช้คำว่า"ต่ำทราม" เเต่ในความเป็นจริง มันมีจัดหนักกับเหยื่อมากกว่านี้ เพื่อแย่งชิงเอาทรัพยากรไปแบ่งกันกินกันใช้อย่างหรูหราฟุ่มเฟือย แต่เป็นเรื่องเกินกว่าสติปัญญาของคนในประเทศด้อยพัฒนาจะไปล่วงรู้

 

เห็นด้วย เพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตภายใต้ธรรมชาติทั้งมวลบนโลกนี้ เมื่อมีสิ่งใดทำผิดไปจากธรรมชาติมาก ๆ (เน้นวัตถุนิยมสูงสุดโต่ง) ย่อมรับได้ผลจากธรรมชาติกระทำมากเท่าทวี เพราะการรบกวนธรรมชาติ (ซึ่งเขาก็มีชีวิตจริงๆ) เขาก็รู้ว่า โรคร้าย(การทำลายธรรมชาติมากๆ) กำลังคุมคามระบบอยู่ (หมายถึงประเทศที่ว่า) เขาก็รักษาตัวเอง ซึ่งการรักษาก็คืออย่างที่เรา ๆ เห็นนี่แหละ ดังนั้น การเลือกหรือถูกเลือกกระทบนั้น บางทีมนุษย์ต้องกลับมาคิดใหม่า ประเทศเราทำลายระบบธรรมชาติมากแค่ไหน เขากำลังรักษาดัวยยาแรงเท่านั้น ดูบ้านเราสิ โค่นไม้เพื่อปลูกต้นยาง พอน้ำป่ามาคร่าชีวิต ต้องโทษใครดี อะไรเป็นเหตุถึงเกิดผลเช่นนี้ คิดอย่างเป็นธรรมนะ " ธรรมะ รักษาผู้ประพฤติธรรม " จริงแท้แน่นอน เราควรกลับมาใคร่ครวญว่าประเทศเราเลยจุดทำลายธรรมชาติเท่าไหร่ ยังทันที่ต้องหันมาร่วมมือ ลบระบบคิด "ที่ทำลายนิเวศน์" ควรเป็นวาระแห่งชาติสำคัญสุด เพราะมันคือการเชื้อเชิญหายนะเข้าประเทศอย่างคาดไม่ถึง (ไม่ใช่เข็มขัดสั้น)({)

 

มิติที่เราเห็นได้ ประเทศที่พบเจอภัยธรรมชาติบ่อยๆ ก็เพราะภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในเขตที่จะพบเจอภัยเช่นนั้น เช่น อยู่ในเขตวงแหวนแห่งไฟ อยู่ระท่ามกลางมหาสมุทร อยู่ใกล้รอยเลื่อนเปลือกโลก เป็นต้น อันนี้อธิบายได้ด้วยเหตุผลเชิงประจักษ์ ไม่เกี่ยวกับความเจริญทางจิตใจ หรือวัตถุ

ส่วนมิติลี้ลับ ที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติ ก็ยากจะสรุปให้มันชัดเจน มันนอกเหนือมิติที่เราสัมผัสได้ อย่าลืมว่า คนดี คนไม่ดี มีในทุกสังคม ไม่ว่าสังคมนั้นจะด้อยพัฒนา(วัตถุ) หรือเจริญด้วยวัตถุ อันว่าความเจริญทางจิตใจ ยากจะสรุปกันได้ง่ายๆ

 

ค่านิยมคนตะวันออกมองเรื่องชีวิตเชิงจิตวิญาณ บาปบุญ เวรกรรมเชื่อว่าเวรกรรมมีจริงและให้ผลดีกับคนทำดี ให้ผลร้ายกับคนทำชั่วบาปอกุศล
แตกต่างจากคนตะวันตกที่มองชีวิตแบบต้องมีเหตุผลเชิงวัตถุ จึงเชื่อว่าจะทำอะไรซักอย่างที่ หวังผลประโยชน์หากมีหลักฐานเป็นวัตถุเพื่อสนับสนุนความชอบธรรมเพียงพอแม้จะละเมิดผู้อื่นก็จะลงมือทำโดยไม่รู้สึกผิด เพราะพยานวัตถุที่มีอยู่พร้อมนำมาลบล้างความผิดและเอาชนะจนเป็นฝ่ายถูกได้

ทำให้คนบนโลกต้องใช้ชีวิตอยู่กันแบบขี้ปนเยี่ยวไปเรื่อยๆ(เป็นธรรมะด้านมืด)

 

ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎธรรมชาติ ครับผม

 

กรุงเทพฯ ตั้งอยู่แนวยุทธศาสตร์ ด้านขวาล้อมรอบด้วย แนวเขาจากภาคตะวันออก ด้านซ้ายจากแนวเขาภาคตะวันตก พิสูจน์จากพายุลูกล่าสุด"แกมี"ที่เพิ่งผ่านไป อันนั้นใกล้เคียงสุด เพราะผ่านมาจากกัมพูชา กว่าจะถึง กทม. ก็จะอ่อนแรงเป็นดีเปรสชั่นถ้าตั้งต้นเป็นโคตรไต้ฝุ่นสุดแรง ถึงกทม. ยังแค่โซนร้อนปลายๆจะตกลงเป็นดีเปรสชั่น โอกาสมีน้อยมากที่จะเลาะชายฝั่งอ้อมแหลมงอบแล้วเลี้ยวขึ้นตามทิศลมเหนือ เข้า กทม. หรือเข้า ตัวก. อ่าวไทย ที่จะทำให้เกิดสตอร์มเซิร์จสูง ห้าเมตรหรือกว่า เข้าถล่ม ดังนั้นพี่น้องที่กลัว ก็ศึกษาแนวพายุไว้ ติดตามข่าวอย่างต่อเนื่อง ถ้าเป็นแบบนี้ ยังมีเวลาอพยพอีก สองวันครับ กว่าจะถึง กทม. โอกาสมีถึงแม้จะน้อย แต่ด้วยชัยภูมิที่บรรพบุรษเราสร้างไว้ให้ เรายังมีเวลาครับ ไม่ประมาท แต่ก็ไม่ละเลย ดีสุด

 

ถูกต้องครับ เหตุการณ์ธรรมชาติ ทั้งหลายมีสาเหตุ ที่มาที่ไป ชัดเจน เช่น แผ่นดินไหวจะเกิดบริเวณไหนบ้าง ยิ่งไหวใหญ่จริงๆ แทบจะระบุขอบเขตบริเวณได้เลย ส่วนพายุ มีโซนการเกิดที่แน่นอน เพียงว่าเส้นทางจะเป็นยังไง ก็ขึ้นกับ อุณหภูมิน้ำทะเลมหาสมุทรและความกดอากาศเป็นตัวแปรอีกที

.

 

จะสรุปให้พอสังเขป ทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุปัจจัยให้เกิดขึ้น เช่น พายุจะเกิดขึ้นได้ ตามปกติพายุจะเกิดขึ้นเป็นฤดูกาลตามปกติ แต่เมื่อมนุษย์ก่อเหตุให้เกิดความปั่นป่วนหรือจะเพราะตัวธรรมชาติเองก็ตาม มันก็คือ "กรรม" ทั้งสิ้น อย่างลืม "กรรม" หมายถึง "การกระทำ" และกรรมก็เป็นหนึ่งในนิยาม 5 ที่ว่าด้วยเหตุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ที่เรียกว่า "กรรมนิยาม" ครับ

 

นอกจากนี้ เหตุการณ์ตามธรรมชาติทุกอย่างในจักรวาล ก็อยู่ในนิยาม 5 ที่เรียกว่า "อุตุนิยาม" อีกด้วย มิติต่าง ๆ เช่น มิติเวลา ก็เป็นธรรมชาติ ด้วยเช่นกัน ครับ

นิยาม 5 ธรรมะในพระพุทธศาสนา

 

สรรพสิ่งไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน

ทำใจยอมรับ ที่จะอยู่กับความเปลี่ยนแปลงของโลกให้ได้ จะได้ไม่ทุกข์ ถึงทุกข์บ้าง ก็ไม่มาก

 

http://pttinternet.pttplc.com/greenglobe/2551/writing-02.html

โลกร้อนสุดขั้ว วิกฤติอนาคตประเทศไทย
โดย รศ.ดร. ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล

โลกร้อนสุดขั้ว วิกฤติอนาคตประเทศไทย เป็นหนังสือที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลที่ผู้เขียนทำวิจัยในช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ในปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่า สภาพธรรมชาติโดยเฉพาะสภาพภูมิอากาศมีความแปรปรวนไป มากกว่าที่เคยเป็นในอดีตหลายเท่าตัว ความรุนแรงของพิบัติภัยที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง มีความรุนแรงมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา

ดังนั้น เรามักจะได้รับฟังคำเล่าลือต่างๆ นานา นำไปสู่ความวิตกกังวลของผู้คนมากมาย เช่น เมื่อครั้งดวงดาว 5 ดวงมาเรียงตัวกันเป็นเส้นตรงอย่างวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2543 ทำให้ผู้คนเกิดความกลัวว่าจะมีวิกฤติการณ์ต่างๆ และพิบัติภัยเกิดขึ้นมากมายเกินกว่าที่เป็นไปตามธรรมชาติ

และยิ่งมีนักพยากรณ์ออกมาทำนายว่าจะมีน้ำท่วมโลก จนทำให้เกิดเป็นแผนที่โลกใหม่ ประกอบกับมีข่าวใหญ่ทั้งทางหนังสือพิมพ์และมีการเผยแพร่คำทำนายต่างๆ ตามสื่ออินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะประเทศไทย มีข่าวลือคำทำนายมหันตภัยน้ำท่วมและแผ่นดินไหว ที่จะเกิดกับประเทศไทยออกมาเผยแพร่เป็นระยะ

หนังสือเล่มนี้ จึงได้อธิบายความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์น้ำท่วมโลก และปรากฏการณ์แกนโลกแกว่ง ให้ประชาชนคนไทยได้รับรู้ความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ และผลกระทบที่เกิดขึ้น

หนังสือเล่มนี้ ยังได้อธิบายปรากฏการณ์โลกร้อนสุดขั้ว ที่กำลังเกิดในยุคปัจจุบัน ซึ่งได้ส่งผลกระทบในด้านต่างๆ เช่น สภาพภูมิอากาศแปรปรวน น้ำแข็งทั่วโลกกำลังละลาย ปะการังฟอกขาว พื้นที่ชายฝั่งถูกกัดเซาะ พิบัติภัยที่มีมากขึ้นทั่วทุกมุมโลก

และได้ให้รายละเอียดปรากฏการณ์สุดขั้วของประเทศไทยในด้านต่างๆ อาทิ การแปรปรวนของภูมิอากาศของประเทศไทย ระดับความเสี่ยงภัยต่อผลกระทบโลกร้อนในด้านต่างๆ

อีกทั้ง ได้ให้รายละเอียดผลกระทบโลกร้อนของประเทศไทยในด้านต่างๆ เช่น กรณีปัญหาน้ำท่วม กรณีความรุนแรงของพายุไต้ฝุ่น และท้ายที่สุดได้อธิบายกรณีศึกษาผลกระทบโลกร้อน ต่อการผลิตข้าวของประเทศไทย

ผู้เขียนหวังว่า หนังสือเล่มนี้จะมีประโยชน์ต่อนักวิชาการไทยและประชาชนทั่วไป ได้เข้าใจถึงสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต รวมถึง ผลกระทบของสภาวะโลกร้อนต่อหายนะด้านต่างๆ ทั้งจากพิบัติภัยธรรมชาติและปรากฏการณ์สุดขั้วที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้น

ข้อเสนอแนะในการจัดเตรียมความพร้อมต่อการปรับตัวของคนไทยในอนาคตที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ คงจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ไม่เพียงแต่เฉพาะกลุ่มนักวิชาการที่ศึกษาเกี่ยวกับสภาวะโลกร้อนเท่านั้น แต่น่าจะมีประโยชน์ต่อหน่วยงานในภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนโดยทั่วไป เพื่อสร้างความตระหนัก ความรู้และความเข้าใจต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในวงกว้าง อันเนื่องมาจากสภาวะโลกร้อน และแนวทางที่เหมาะสมในการรับมือและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

 

คำว่า ร้อนสุดขั้ว นี้ เห็นภาพมากเลยคะ เพราะ ทุกวันนี้ เดินผ่านแดด ไม่ถึงนาที รู้สึกแสบที่ผิวหนัง หรือ เวลาจอดรถตากแดด ไม่นานเท่าไร รถเหมือนเตาอบดีๆนี่เอง...นี่เราคาดการณ์ล่วงหน้าถึงโรคสุดฮิตในอนาคตได้เลยว่าคือโรคอะไร จริงมั้ยคะ..

 

ครับ

 

ผู้ที่ตั้งอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีธรรมและประพฤติธรรม ผู้มีธรรมและประพฤติธรรมย่อมมีชีวิตอยู่อย่างถูกต้อง รู้จักสิ่งแวดล้อมชีวิต และใช้มันอย่างถูกต้อง ดังนั้นธรรมชาติจะไม่ถูกทำลาย ปัจจุบันเราอาจจะขาดผู้คนเหล่านั้น ธรรมชาติจึงถุกทำลาย

 

อืม มันมาเร็วกว่าที่คาดไว้แฮะ

 

คงต้องติดตามอย่างไกล้ชิด อย่าประมาทกันครับ ถ้าหนีไม่ทันเตรียมเสบียงติดบ้านไว้อย่าได้ขาด