จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,306
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    เวปติดๆหลุดๆอีกแล้ว กฎไตรลักษณ์ๆๆๆกระทู้นี้เข้ายากจริงๆกราบสวัสดีท่านอาจารย์ภูค่ะ
     
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=sibEEkSaN8Y]หยดน้ำบนใบบัว - จีวันBAND - YouTube[/ame]​
    อย่าเอาำจิตที่นิ่งดีอยู่แล้ว ไปตั้งอยู่เฉพาะความสงบเพียงอย่างเดียว
    นำจิตที่นิ่งมากไปอยู่กับทางโลกบ้าง เพราะจะได้มีตัวทดสอบหรือจะได้มีโอกาสทำแบบฝึกหัดกันบ่อยๆ
    นำจิตที่นิ่งไปพบเจอกับสิ่งที่มากระทบจิตจากข้างนอกบ้าง และดูสิว่ามันนิ่งจริงๆมั๊ย แต่ไม่ใช่ให้จิตไปวิ่งชนกิเลสของผู้อื่นๆเขานะ
    ดูจิตเราว่า จะสอบผ่านหรือไม่ผ่าน หรืออย่างไร จะได้แก้ไขกันต่อไป
    ซ้อมจิตให้ดี ซ้อมให้แม่น อย่าพลาดเหมือนคุณแนท โดนพลาดพิงตลอด เธอได้บุญ เพราะเป็นธรรมทาน นั่นไง๊หล่ะ

    แต่อย่าหลงไปดูสิ่งที่กระทบจิตนะ เดี๋ยวจะหลงทาง เดี๋ยวจะหลงไปโกรธ หรือไม่พอใจกับคนที่มาพูดกระทบใส่เรา แต่ให้หันมาดูจิตของตนเอง

    เพราะฉะนั้นอย่าเป็นเหมือนมีดคมในฝัก เพราะเมื่อถึงเวลาใช้ในคราวจำเป็น หรือในยามขับขัน มันจะชักไม่ออก เพราะมีดเป็นสนิม ฟันอะไรก็ไม่ได้ หรือยังไม่ทันใช้หรือยังไม่ทันจะได้ฟันเลย ก็ชักไม่ออกเสียแล้ว เพราะติดสนิม

    จิตคนเราก็เหมือนกัน ต้องฝึกฝนไปเรื่อยๆ ฝึกฝนสติ ฝึกฝนปัญญา แถมนึกถึงความตายของตนบ่อยๆกันด้วยนะ เพราะเมื่อความตายของเรามาถึงจริงๆ จิตจะได้ปล่อยวางจากร่างกันง่ายๆ

    อย่าอยู่แต่สงบๆเพียงอย่างเดียว เพราะความจริงเรามิได้อยู่เพียงลำพังคนเดียวในโลกนี้ ชิมิ๊ๆคุณวัฒโจโจ นำจิตโผล่ออกมาดูชาวโลกกิเลสบ้าง ตราบใดที่พวกเรายังมีขันธ์ ๕ เราก็หนีพวกนี้ไม่พ้น จิตที่ฝึกมาดีแล้วย่อมไม่หวั่นไหวกับสิ่งประการใดๆ อยู่ทางโลกก็ได้ หรืออยู่ทางธรรมก็ดี ทำตัวทำใจให้เหมือนกับน้ำที่กลิ้งอยู่บนใบบัว
    (นึกเพลงออกแร๊ะ วันนี้ว่าจะๆไม่จัดเพลงแล้วนะ จนได้ๆ จำได้ว่าเพลงนี้ ร.ต.อ.วิทย์จัดให้)
     
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สวัสดีครับคุณพี่สุภาทร
    ท่านพี่สบายดีนะครับ

    เพราะสรรพสิ่งทั้งปวงนั้น ไม่จีรัง ย่อมไม่เที่ยงแท้หน๋อ
    ในขณะที่เรากำลังคุยกันอยู่นี้ อีกไม่นาน(ไม่ถึงร้อยปี) พวกเราก็จากกันไปหมดแล้วหล่ะ คุณพี่

    ขอให้คุณพี่มีความสุขมากๆ ทั้งสุขกายและสบายใจมากๆนะครับ
    อย่าให้จิตของเราไปยึดกับสิ่งสมมุติใดๆอีกนะครับ เพราะมันจะทุกข์เอา ยิ้มๆ
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,306
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    =========================================
    อนุโมทนาสาธุค่ะกราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ catt1
    =============================

    น้องจุ๋มมาแล้วว "สุนทรภูเอ๊ยย สุนทรภู่":cool:
    =======================
    สบายดีทั้งกาย"ใจ"ค่ะ กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะcatt1 ยังรอการบ้านน้องเขาอยู่ สงสัยต้องส่ง ปู เหมือนน้องจุ๋ม
    =======================
    น้องสาวอีเมลมาเชื่อไหมคราวที่แล้วเขาดูพระแล้วเย็นตาดี แต่เขาเห็นแต่เลข69 สามคู่ เขาเลยไปเล่น369เขาบอกมาเมื่อวานเขาถูกรางวัล คราวนี้เขาจะจ้องพระให้เต็มที่เลย เฮ้อๆๆเหนื่อย:'(
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2012
  5. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ตอนเด็กๆเคยอ่านหนังสือ มีคำว่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว
    ผมก็ไม่เคยเชื่อว่าใครหว่ามันจะโง่จนไม่รู้ว่านี่คือดอกบัวหรือว่ากงจักร
    จนกระทั่งโตมาเรื่อยๆ ชีวิตเริ่มเข้าสู่วงจรแห่งกิเลส ตัณหา เริ่มแยกแยะไม่ถูก ไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
    ใช้ชีวิตอยู่กับแหล่งกิเลสมาตลอด จวบจนวันหนึ่งได้มีหนังสือเล่มหนึ่งได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิต(หนังสือหลวงพ่อปาน) เริ่มได้สติรับรู้ได้ว่านี่เราอยู่กับกงจักรทั้งนั้นเลยนี่หว่า มีแต่สิ่งเน่าเหม็นรอบตัวไปหมด
    ก็อยากจะขอเตือนท่านที่ยังคงเห็นสิ่งชั่วเป็นสิ่งดี กลับจิตตอนนี้ยังทัน รีบทำจิตเสียใหม่ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
    จนต้องตายเกิดอีกไม่รู้กี่ชาติ กว่าจะได้เกิดเป็นคน กว่าจะได้พบพระพุทธศาสนา วันนี้มีโอกาสดีแล้วก็อย่าทิ้งโอกาสนั้นไป
     
  6. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ตอนเช้าตื่นมาทำงานสิ่งแรกที่ทำคือเปิดคอมอ่านกระทู้ อ่านการบ้านศิษย์ รอธรรมมะดีๆจากคุณภู และท่านอื่นๆ อยู่ก็มีสิ่งมาสะกิดใจ นี่เรากำลังยึดติดอยู่หรือเปล่านี่ หากวันไหนไม่ได้อ่านเรากระวนกระวายไหมหนอ
    นั่งทำจิตนิ่งๆหาคำตอบ ก็ได้คำตอบกลับมาว่านี่มันเป็นเรื่องของขันธ์ความเคยชินนี่เอง ส่วนจิตเราสบายๆ ( ไม่รู้จะเขียนมาทำไม 555555555 )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2012
  7. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    ถ้าไม่ได้อ่านแล้วกระวนกระวาย แน่นอนที่สุดว่า"เรายึดติด" แล้วก็เป็นทุกข์!
    หากแต่ว่ามีสติระลึกรู้อยู่เสมอๆว่า"เราศึกษาธรรมะเพิ่มเติม มีให้ก็อ่าน ไม่มีให้ก็ไม่ได้อ่าน ได้แค่ไหนก็แค่นั้น แค่รู้-วางเท่านั้นพอ" อย่างนี้ไม่เรียกว่า"ยึดติด"

    โมทนาสาธุกับครูวัฒนา ที่ดำรงสติตั้งอยู่บนความไม่ประมาท..
    "สรรพสิ่งใดๆล้วนแต่เป็นอนัตตา มิควรค่าแก่การไปยึดมั่นถือมั่น"
     
  8. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    นิมิตจริง vs อุปาทานนิมิต

    เทสก์รังสีอนุสรณาลัย ; เรื่อง สิ้นโลก เหลือธรรม  โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี​

            "นิมิต เมื่ออธิบายมาถึง ฌาน สมาธิ ภวังค์ ดังนี้แล้ว จำเป็นจะลืมเสียไม่ได้ซึ่งรสชาติอันอร่อย คือ นิมิต  ซึ่งเกิดขึ้นในระยะของสิ่งเหล่านั้น  ผู้เจริญพระกรรมฐานย่อมปรารถนาเป็นอย่างยิ่งแทบทุกคนก็ว่าได้  ความจริงนิมิตมิใช่ของจริงทีเดียวทั้งหมด  นิมิตเป็นแต่นโยบาย(อุบายวิธี)ให้พิจารณาให้เห็นตามความเป็นจริงก็มี  ถ้าพิจารณานิมิตนั้นไม่ถูกก็เลยเขวไปก็มี  ถ้าพิจารณาถูกก็ดี มีปัญญาเกิดขึ้น   นิมิตที่เป็นของจริงคือนิมิตเป็นหมอดูไม่ต้องใช้วิพากษ์วิจารณ์อย่างนี้ก็มี  นิมิตนั้นเมื่อจะเกิดก็เกิดเอง เป็นของแต่งเอาไม่ได้ ...........ฯลฯ."   

            และดังที่หลวงปู่เทส เทสรังสี ได้กล่าวแสดงดังข้างต้น  "นิมิตนั้นเมื่อจะเกิดก็เกิดเอง เป็นของแต่งเอาไม่ได้"นั่นเอง ทั้งยังแล้วแต่วาสนาการสั่งสม  ดังนั้นเมื่อนักปฏิบัติอยากเห็นอยากรู้อยากได้คือตัณหา จึงพยายามน้อมนึกหรือบังคับให้เกิดนิมิต เพื่อให้เห็นโน่น เห็นนี่ เห็นอดีต เห็นอนาคต รู้นั่น รู้นี่ ฯ. เพื่อประโยชน์ไปในทางโลกๆหรือด้วยความเข้าใจผิด  จึงเป็นการตกลงสู่ความผิดพลาดทันที  เพราะย่อมมักแฝงไว้ด้วยสัญญา,ตัณหาต่างๆ ดังเช่น กิเลสตัณหาความอยากต่างๆนาๆที่นอนเนื่องอยู่ของผู้นั้นๆ  ดังนั้นนิมิตหรือภาพหรือความรู้ที่เกิดขึ้นจากการพยายามดังนี้ จึงมักไม่ถูกต้องเพราะไม่บริสุทธิ์ ถูกบังคับขึ้นคือแอบแฝงด้วยกำลังของกิเลสตัณหาอันแอบแฝงซ่อนเร้นอยู่นั่นเอง มักแฝงซ่อนเร้นด้วยความอยากให้เกิดขึ้นหรือเป็นไปตามปรารถนาของตนเอง แลแม้กระทั่งของบุคคลอื่นที่มาเกี่ยวข้องอีกด้วย  หรือกล่าวได้ว่านิมิตที่เกิดขึ้นมานั้น ตัวตนหรือตัวกูของกูเป็นผู้ที่เห็นเอง จึงน้อมเชื่อ,น้อมไปเข้าใจ อย่างรุนแรงด้วยยังประกอบด้วยอวิชชาอยู่   ดังนั้นนิมิตที่ยึดติด ยึดเพลิน ด้วยความตื่นตา เร้าใจ ที่อาจเคยเกิดในตอนแรกๆบ้างเป็นครั้งคราวโดยไม่รู้ตัว อันอาจเคยเห็นและเป็นไปอย่างถูกต้องเนื่องจากภาวะไร้นิวรณ์อันมีความบริสุทธิ์พอสมควร และไร้การแอบแฝงปรุงแต่งโดยเจตนาจึงมีความเป็นกลางพอสมควร  จึงเสื่อมหายไปในที่สุดเป็นธรรมดา
            นิมิต ในระยะแรกมักเกิดในขณะปฏิบัติพระกรรมฐาน หรือฌานสมาธิ  อันมักเกิดขึ้นในช่วงของภวังค์  จึงควรทำความรู้จักภวังค์หรือภวังคจิต ที่ทั้งสามารถสร้างความรู้สึกอันบรรเจิดเป็นสุขและเคลิบเคลิ้มให้แก่นักปฏิบัติ และทั้งยังก่อให้เกิดการฟุ้งซ่านปรุงแต่งไปต่างๆนาๆในผู้ที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ   จะได้ไม่พากันไปติดกับอยู่ในบ่วงมารของภวังค์และนิมิตอย่างอธิโมกข์ คือด้วยความงมงายขาดเหตุผลกัน


    จาก หลวงปู่ฝากไว้  โดยหลวงปู่ดูลย์ อตุโล
    เรื่อง จริง แต่ไม่จริง​

             ผู้ปฏิบัติกัมมัฏฐาน ทำสมาธิภาวนา เมื่อปรากฎผลออกมาในแบบต่างๆ ย่อมเกิดความสงสัยขึ้นเป็นธรรมดาเช่น เห็นนิมิตในรูปแบบที่ไม่ตรงกันบ้าง ปรากฎในอวัยวะของตนเองบ้าง ส่วนมากมากราบเรียนหลวงปู่เพื่อให้ช่วยแก้ไข หรือแนะอุบายปฏิบัติต่อไปอีก มีจำนวนมากที่ถามว่า ภาวนาแล้วก็เห็น นรก สรรรค์ วิมาน เทวดา หรือไม่ก็เป็นองค์พระพุทธรูปปรากฎอยู่ในตัวเรา สิ่งที่เห็นเหล่านี้เป็นจริงหรือ ฯ
             หลวงปู่บอกว่า
             "ที่เห็นนั้น เขาเห็นจริง  แต่สิ่งที่ถูกเห็น ไม่จริง"
    [หลวงปู่กล่าวดังนี้เพราะ ผู้ที่เห็นนั้น เขาก็เห็นจริงๆตามความรู้สึกนึกคิดหรือสังขารที่เกิดขึ้นจากส่วนหนึ่งของสัญญาเขา  เพียงแต่ว่าสิ่งที่เห็นนั้น ไม่ได้เป็นจริงตามนั้น]


    หากเมื่อสติ+จิตตั้งมั่นอยู่บนความสงบเป็นกลาง ไร้ซึ่งอุปาทานปรุงแต่งใดๆทั้งสิ้น..
    อันนิมิตที่ปรากฎ(ภาพนิมิต, เสียง/กลิ่นนิมิต, จิตรู้ผุดนิมิตรู้) จักเป็น"นิมิตจริง!"


    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุสวัสดี
     
  9. นิติทอง

    นิติทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +585

    ขอบพระคุณครับ กำลังหา อนุปุพพิกถา ฟังพอดี ได้ฟังตอนที่๑แล้ว ขอมารอโหลดตอนที่๔ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2012
  10. เมธญา

    เมธญา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +1,584
    ==========
    เขียนมาน่ะดีแล้วคุณวัฒน์ เพราะเป็นเหมือนกันเลย หล้งตื่นนอนต้องรีบป้อนอาหารให้จิต ทั้งจากตนเองและจากขอบกระทู้ อ่านทุกวัน ก็เห็นธรรมทุกว้น มีคนช่วยกระทุ้งให้มีสติทุกวัน ....
     
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    แต่ถ้าจะเปรียบจิตกับน้ำ..​

    เมื่อต้นน้ำใสดี ปลายน้ำก็ย่อมใสดีตลอดสาย
    จิตคนเราก็เหมือนกัน แต่ถ้าข้างในมันดี(จิต) ข้างนอกก็ย่อมดีตาม

    เราอย่าไปกรองน้ำที่ปลายสาย ให้กรองที่ต้นน้ำหรือแหล่งกำเนิดน้ำนั้น น้ำจึงจะใสตลอดสาย
    จิตของคนเราก็เหมือนกัน ต้องฝึกที่จิต แต่ถ้าฝึกจิตมาดีแล้ว การกระทำหรือคำพูดก็จะดีตาม

    เพราะฉะนั้น...
    ขอให้สำรวมที่จิต หรือรักษาศีลใจเพียงอย่างเดียว ทุกอย่างจะออกมาดีเอง

    ส่วนจิตที่เป็นสัมมาทิฎฐิ และจิตที่เป็นมิจฉาทิฎฐิ ย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเซิง
    เมื่อจิตผู้ใดเป็นสัมมาทิฎฐิ ผลลัพธ์ย่อมดีแน่ แต่ถ้าจิตผู้ใดเป็นมิจฉาทิฎฐิ ผลลัพธ์ย่อมไม่ดีแน่

    พวกเราลองนั่งหลับตาแล้วก็นึกกันดูสิว่า ในเมื่อจิตของคนเรามีความเห็นถูกกับมีความเห็นผิด
    มันจะนำพาไปได้ดีหรือไม่ได้ดี
    เพราะสุดท้ายแล้ว จิตจะอยู่หรือจิตจะไปจุติ ณ ที่แห่งใหม่ อาทิเช่น นรก สวรรค์ พรหม หรือนิพพาน
    ก็ขึ้นอยู่กับจิต นี่แหล่ะ!
     
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    กายหยาบ กับ กายละเอียด​

    เมื่อจิตผู้ใดละเอียดแล้ว ดีแล้ว ต้องใช้ความละเอียดให้ถูกและเป็นประโยชน์
    เช่น นำไปละกิเลสละเอียด อันได้แก่ สังโยชน์เบื้องสูง

    แต่ภัยพิบัติหรือภััยธรรมชาตินั้น อย่างมากมันก็ทำลายได้แค่ของหยาบด้วยกัน
    เพราะฉะนั้น หยาบกับหยาบ ที่จะต้องไปอยู่ด้วยกัน
    มิใช่จิตละเอียด แต่จะเป็นกายหยาบ เท่านั้น

    เพราะฉะนั้น ผู้ที่ฝึกจิตมาดีแล้ว ย่อมไม่เกรงกลัวต่อภัยพิบัติต่างๆ หรือความตายที่จะมาเยือน
    เพราะจิตเกาะพระนั้นได้สอนแยกกาย แยกจิต ให้อย่างชัดเจนไปแล้ว
    และจิตเท่านั้น จะเป็นผู้ทำหน้าที่ปล่อยวางกับสรรพสิ่งทั้งปวงได้ มิใช่ตัวเรา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 ตุลาคม 2012
  13. watta chan

    watta chan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +586
    ลองมาฟังหลวงพ่อฤาษีลิงดำสอนวิธีเกาะพระอย่างละเอียดมี 4 ตอน<!-- google_ad_section_end --> (ต่อ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    โอ้โห! ครูวัฒน์ จุ๋มก็เป็นเหมือนกันเลยค่ะ
    กราบอนุโมทนาค่ะ
     
  15. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    ธรรมะของหลวงพ่อชาชุดนี้ ถ้าใครฟังแล้วต้องกราบขออภัยด้วยนะคะ
    แต่จุ๋มชอบฟังบ่อยๆ เลยเอามาฝากค่ะ ฟังแล้วฟังอีก การพิจารนาธรรมก็
    ยิ่งละเอียดขึ้นนะคะ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=fbbDP65k7NA]ทำใจให้เป็นบุญและธรรมะธรรมชาติ - YouTube[/ame]
     
  16. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    แฮ่ วันนี้ขออภัยจิตบำเพ็ญและจิตเกาะพระทุกท่านค่ะ
    ขันธ์ห้าของพี่เพ็ญเหนื่อยไปหน่อยก็เลยตอบการบ้านได้น้อย

    อาการและอารมณ์ต่าง ๆ ในขันธ์ห้ามันก็มีอยู่เป็นธรรมดาของมันตามธรรมชาติค่่ะ
    ใครอย่ามาทุกข์กับขันธ์ของพี่เพ็ญนะคะ
    ให้พี่เพ็ญทุกข์กับมันคนเดียวก็พอแล้ว
    ให้มันทุกข์เสียให้เข็ดอยากเกิดมาดีนัก
    ชาติสุดท้ายแล้วใช้ให้มันพังไปเลย
    อย่าไปเสียดายขันธ์ห้ากันนะจิตบุญจ๋า

    แ่ต่ถ้ายังไม่ตายอย่าลืมเจริญอิทธิบาทสี่เป็นครูสอนธรรมะกันนะจ๊ะ
    การสร้างบุญบารมีด้วยการเป็นครูสอนธรรมะ
    เป็นการเจริญอิทธิบาทสี่ที่ง่ายที่สุดแล้วจ้ะ
    เพราะเรามีแต่ให้ไม่ได้เสียตังค์ ช่ายหม๊าย

    พี่เพ็ญขอแผ่เมตตาให้จิตบุญที่กำลังป่วยอยู่ทุกท่าน
    ขอให้ธาตุขันธ์ของท่านจงแข็งแรงขึ้นในบัดดล
    ขอให้จิตบุญทุกท่านจงมีกำลังใจที่จะช่วยกันเผยแผ่พระธรรมต่อไปให้ยืนยาวตราบนานเท่านานเทอญ

    พี่เพ็ญ จบ.3
     
  17. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    ขอฝากคำเตือนถึงจิตบำเพ็ญและจิตเกาะพระสักเล็กน้อย
    พวกท่านอย่าได้ชะล่าใจกันนักนะ
    โปรดอย่าคิดว่าเราจะมีครูสอนจิตเกาะพระทางเน็ตและโทรศัพท์อยู่อย่างนี้ตลอดไป
    อะไร ๆ ในโลกนี้มันก็ไม่เที่ยง มีแปรปรวน เกิดดับอยู่ตลอดเวลา
    เพราะธรรมชาติเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็จะเดินทางไปสู่ความว่างอยู่เสมอ(ดับ)
    ไม่มีใครห้ามธรรมชาติได้

    เพราะฉะนั้นโปรดอย่าชะล่าใจว่าวันนี้เรามีครูอยู่เป็นเพื่อน
    แ่ต่ขอให้นึกไว้เสมอว่าครูอาจจะตายวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็ไม่รู้
    ถ้าครูตายแล้วใครจะมาขยายธรรมะให้เรา
    ถึงตอนนั้นจิตเราจะเคว้งคว้างไหม
    วันนี้เรายังทำตัวตามสบายเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ
    จิตเกาะพระก็ติด ๆ หลุด ๆ เหมือนคนที่เสาอากาศชำรุด
    ถ้าวันหนึ่งไม่มีครูกลุ่มจิตบุญแล้ว
    เราจะเดินไปทางไหนต่อ
    หรือถ้าหากเราเกิดตายขึ้นมาวันนี้หรือพรุ่งนี้แล้วเราจะทันถึงฝั่งพระนิพพานไหม
    ถ้าจิตเรายังไม่ถึงฝั่งพระนิพพานแล้วจิตเราหลังความตายจะไปที่ไหน
    จิตเกาะพระก็ติด ๆ ดับ ๆ ถ้าจะตายขึ้นมาจริง ๆ เราจะนึกถึงพระทันไหม
    ขอให้จิตบำเพ็ญและจิตเกาะพระทุกท่านเพียรนึกถึงความตายไว้เสมอนะคะ

    ถ้าใครพอที่จะเร่งความเพียรได้ก็ขอให้เร่งนะ
    สตินะสติอย่างห่างจิต จิตอย่าห่างภาพพระ
    จิตเกาะพระให้ติด จิตเกาะพระให้แนบแน่น
    ถึงเวลาจะตายขึ้นมาจิตก็พร้อมแล้วที่จะตามพระไปสู่สุขคติ

    ที่ต้องมาเตือนกันในวันนี้เนื่องจากมีสัญญาณเตือนกระชั้นเข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว
    จิตบำเพ็ญและจิตเกาะพระอย่าชะล่าใจกันนะ
    เอาจิตยกขึ้นที่สูง เอาจิตให้รอดกันเดี๋ยวนี้
    ขอให้เร่งความเพียรนึกถึงพระให้ถี่ขึ้นอีกนะคะ
    ทำจิตเกาะพระให้ได้ต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืน
    ทำตามที่ครูแนะนำ เอาจิตให้รอดกันให้ได้นะ

    แ่ต่ไม่ต้องห่วงครูจิตบุญกันนะ เพราะจิตท่านรอดกันหมดแล้ว
    ถ้าถึงวันที่ติดต่อครูไม่ได้ เหล่าจิตบำเพ็ญและจิตเกาะพระจงตั้งสติให้มั่น
    ให้นึกถึงภาพพระให้มากกว่าคิดถึงครูนะ
    หากท่านทำจิตเกาะพระได้แนบแน่น
    เห็นพระอยู่ในจิตได้ตลอดเวลา
    ก็ขอให้สบายใจได้เลยว่าจิตท่านไปสบายแน่
    ท่านไม่ต้องมีครูสอนจิตเกาะพระจิตท่านก็มีที่พึ่งที่ดีที่สุดในโลกคือพระพุทธเจ้า

    ขอให้ทุกท่านจงมีศรัทธาในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์
    ขอให้ทุกท่านจงมีศรัทธาในพระนิพพาน
    ขอให้ทุกท่านจงมีศรัทธาในจิตศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง
    ทำจิตเกาะพระด้วยความศรัทธาอย่างยิ่งยวด
    แล้วความสุขจะอยู่กับจิตท่านตลอดไป

    ขอให้ทุกท่านจงสำเร็จมรรค ผล นิพพานโดยเร็วพลันในชาติปัจจุบันนี้เทอญ

    พี่เพ็ญ จบ.3
     
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอเตือนผู้ปฎิบัติที่เผลอสติ หรือตกฌาน​

    แต่ถ้าผู้ปฎิบัติท่านใดถ้าไม่แน่ใจว่าจิตยังทรงอารมณ์ฌานอยู่ไหม ขอให้ดูที่ลมหายใจนะง่ายที่สุด แตถ้าลมหายใจของเราแผ่วเบาสบายดี อันนี้ดีฌานต่ำ แต่ถ้าจะเป็นจำพวกฌานเริ่มสูงขึ้นก็ให้สังเกตที่หูจะดังวิ๊งๆ(อาการหูอื้อ)และการทำอะไรก็จะช้าลงไปเรื่อยๆเพราะประสาทเริ่มแยกกายหยาบกับกายละเอียด(จิต) แต่ไม่ต้องไปสนใจว่าในขณะนี้ทรงฌานที่เท่าไหร่ แต่ในเชิงปฎิบัติจะไม่เป็นไปตามหลักทฤษฎี หลักทฤษฎีก็หลักทฎษฎีไป พอเอาเข้าจริงๆแล้ว บางท่านอาจจะกระโดดเข้าไปฌานสูงเลย เช่น ฌาน๓-๔ เป็นต้น ก็ขึ้นอยู่ที่ภายใน(จิต)ของผู้ปฎิบัติเองว่า จะเข้าหรือออกฌานบ่อย แต่ถ้าผู้ใดสามารถทำให้เป็นวสี(คล่อง)ก็จะดีมาก เพราะเวลาเราเจอทุกข์ปั๊บ เราก็หนีเข้าฌานทันที เพราะปรกติอารมณ์ฌานนี้นอกจากจะช่วยลดความรู้สึกเวทนาและสัญญาได้ในชั่วคราว แต่ก็ยังช่วยระงับความทุกข์ที่จิตขยันไปรับเอาความทุกข์มาจากข้างนอก หรือสิ่งที่มากระทบจิต ในขณะที่จิตเผลอสติหรือตกฌานไปแล้ว อันนี้จะได้ผลดี หรือเมื่อพวกเรารู้สึกว่ากำลังจะเป็นทุกข์ ทำง่ายที่สุดก็ให้นึกถึงพระหรือนึกถึงลมหายใจ(สำหรับผู้ที่ถูกจริตกับอานาปาน)ของตนเอง ความทุกข์นั้นจะเบาบางลงไปทันที

    เคยบอกกล่าวกันไปหลายรอบแล้วว่า ผู้ปฎิบัติให้คอยหมั่นรักษาอารมณ์ฌานเป็นปกติเหมือนพระอรหันต์เข้าไว้ ขนาดพระอรหันต์ท่านก็ไม่ลืมเจริญสติ หรือปรกติไม่มีผู้ใดไปรบกวนท่าน ท่านก็จะหนีปลีกวิเวก โดยการเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธชั่วคราว แต่พระอรหันต์ท่านจะประคองหรือรักษาจิตได้ดีกว่าฆราวาส เพราะฆราวาสนั้นเป็นผู้ประมาทเกินไป และจะขอเตือนผู้เจริญที่ยังไม่หมดภาระหน้าที่กับทางโลกด้วยแล้ว จิตก็มีโอกาสพบเจอแต่สิ่งกระทบหรือมีสิ่งมาทดสอบเยอะมากมาย ผมเคยบอกกล่าวกันไปแล้วว่า ในขณะที่มีอะไรมากระทบนั้น ขอให้มีสติระลึกรู้ให้ทัน อย่าปล่อย อย่าเผลอ เผลอสติเมื่อไหร่ มันจะฉุดจิตตกต่ำทันที มีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือไม่น่าไว้วางใจหรือเริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมา พวกเราอย่าลืมพระหรืออย่าลืมลมหายใจ แต่ผู้ใดนึกถึงพระได้ก็จะดีมาก เพราะพระจะมีแรงดึงดูดให้จิตรวมไวกว่าอานาปาน แต่ไม่เสมอไปนะ อันนี้เฉพาะตนของผมเอง จริตใครจริตมัน จิตใครจิตมันดูแลกันเองนะ อย่าประมาทเพราะสิ่งที่มันมากระทบจิตคนเรานั้น มันจะเข้ามาตลอดเวลาเลย ขอให้พวกเราหมั่นเตรียมจิตของตนให้พร้อมเข้าไว้ อย่าเป็นพวกที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา บางคนหนักกว่านี้ หลั่งเลือดเลยหนักเข้าไปอีก พวกเราอย่าเป็นจำพวกแบบนั้นเลย พยายามทรงฌานให้ชินกันนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 ตุลาคม 2012
  19. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ ครูเพ็ญ
    ขอให้บุญรักษาครูจิตบุญทุกๆท่านค่ะ
     
  20. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    กราบขออาราธนาคุณพระรัตนตรัย ได้โปรดคุ้มครองให้ครูเพ็ญ และ ครูจิตบุญที่กำลังป่วยให้
    หายป่วยโดยเร็วไว นะคะ อยู่เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทร ของบ้านเรา ตลอดไปค่ะ..สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...