หลวงปู่มหาอำพันกับหลวงพ่อ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 15 ตุลาคม 2012.

  1. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,809
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    หลวงปู่มหาอำพัน

    ท่านที่ไปปฏิบัติพระกรรมฐานที่บ้านสายลม สมัยเมื่อกว่า 20 ปี มาแล้ว จะเห็นว่าทุกครั้งพ่อ(หลวงพ่อฤาษีฯ) ไปสอนพระกรรมฐาน จะมีพระภิกขุอายุเกิน 70 ปี รูปร่างอ้วนขาว ผิวทั่วกายมีริ้วรอยด่างไปทั้งตัว นั่งพริ้มตาเปล่งรอยยิ้มอมสุขร่วมปฏิบัติอยู่ด้วยเสมอไปไม่เคยขาด ไม่เคยมาสาย พระคุณเจ้ารูปนั้นคือ หลวงปู่พระมหาอำพันแห่งวัดเทพศิรินทร์ อันเป็นวัดที่สถิตย์ของพระสุปฏิปันโนองค์สำคัญแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต ผู้ระบือนามความดี

    ท่านผู้อ่านเอย... เขียนถึงองค์นี้แล้วกลัวว่าภาษาไทยจะมีอักษรไม่พอเขียนบรรยายคุณชาติมารยาท พระของหลวงปู่พระมหาอำพัน เพราะดูไม่ออกว่าท่านจะมีความดีงามความเด่นเห็นชัดอะไรนักหนา แต่เมื่อมาดูมาหาความบกพร่องของท่านกลับหาเค้าหาร่องรอยความเลวไม่ได้

    นี่แหละ...เขียนยากตรงนี้แหละ

    หลวงปู่ท่านเป็นพระธรรมยุตินิกาย ที่น่าสนใจมากก็คือท่านเป็นทั้งสหายและศิษย์ในทางธรรมของท่านเจ้าคุณนรฯ คือ ท่านบวชก่อนท่านเจ้าคุณนรฯ 8 เดือน สนิทสนมชอบพอกันแบบพี่น้องในทางธรรม และเคารพยกย่องท่านเจ้าคุณนรฯ เป็นพระอาจารย์สอนพระกรรมฐาน อยู่ที่วัดเทพศิรินทร์ด้วยกัน จนท่านเจ้าคุณนรฯ ทิ้งสังขารละโลกอันวุ่นวาย เสวยสุข สงบไปแล้ว แต่หลวงปู่ยังตามไปไม่ได้ ยังคงสถิตย์อยู่วัดเทพศิรินทร์ และมาปฏิบัติธรรมถวายตัวเป็นศิษย์พ่อ (หลวงพ่อฤาษีฯ) ซึ่งเป็นพระมหานิกาย และมีอายุพรรษาอายุขันธ์ห้าอ่อนกว่าหลวงปู่มากมายหลายปี

    แต่ว่าท่านเอย..สิ่งอัศจรรย์อันงามตาสบายใจได้ตามหลวงปู่มาด้วย นั่นคือความเคารพนอบน้อมถ่อมตนช่างสูงช่างยิ่งใหญ่อะไรอย่างนั้น หลวงปู่พระมหาอำพันผู้สูงวัย ผู้สงบเยือกเย็น ก้มกราบกรานมือ นบหน้าแนบเท้าพ่อผู้อ่อนวัยอ่อนพรรษา ความเคารพนอบน้อมกับความเมตตาอาทรมาพบกันตรงนั้น..ที่บ้านซอยสายลม เมื่อปี 2518 ได้เกิดตำนานสังฆานุสสติขึ้นในจิตใจของท่านทั้งหลายในยุคนั้น ซึ่งมีผู้เขียนรวมอยู่ด้วยคนหนึ่งด้วย

    มีสิ่งหนึ่งซึ่งอยากจะเขียนเล่าให้ฟังจริงๆนั่นคือ..ปรกติแล้วเวลาพ่อให้ ไตรสรณาคมณ์ ทั้งพระและฆราวาสก็พนมมือว่าตามเวลาพ่อให้ศีลห้า ฆราวาสจะพนมมือน้อมใจว่าตามศีล แต่พระจะลดมือลงสำรวมจิตใช่ไหม ? แต่...ไม่ใช่ ! หลวงปู่พระมหาอำพันพนมมือว่ารับศีลห้าไปกับเขาด้วย และทำอย่างนี้ตลอดมาไม่เคยขาด ไม่เคยพลาดพลั้งเผลอ ประหนึ่งว่าทุกคำ ทุกกระแสความดี ที่พ่อให้ลูกๆนั้น หลวงปู่รับเอาไปประดุจทรัพย์ที่สูงค่ามหาศาล พ่อพูดถึงกริยาของหลวงปู่ทีทำอย่างนั้น ดังนี้..

    " คนที่ดีจริงจนไม่มีความเลวค้างใจ เขาทำกันอย่างนี้แหละ "

    นับแต่วันนั้นมา พระวัดท่าซุงก็พนมมือเวลาพ่อให้ศีลห้าด้วยความเต็มใจ นี่..เล่าให้ฟัง ! ไม่ได้เกณฑ์ว่าใครๆ จะต้องทำตามนี้เสมอไป

    ผู้เขียนได้เล่าให้ฟังตอน " หลวงปู่บุดดา " มาบ้างแล้วว่าหลวงปู่มหาอำพันเป็นนักบุญบำเพ็ญทานด้วยองค์หนึ่ง เห็นกันตั้งแต่สมัยปี 2518 ซึ่งเป็นปีแรกที่จัดงานประจำปีวัดท่าซุง ตลอด 3 วันงานนั้น หลวงปู่ก็นั่งเจริญศรัทธา ณ ที่เราจัดถวายให้พระสุปฏิปันโนนั่ง คือ ศาลายาวหน้ากุฏิทรงไทยหลังโบสถ์ ซึ่งดัดแปลงเป็นห้องพักฆราวาสชายผู้มาปฏิบัติธรรมในปัจจุบัน ตรงหน้าหลวงปู่จะมีบาตร 2 ใบ ใบที่เป็นเงินทำบุญก่อสร้างนั้นเราเก็บทุกวัน เป็นปรกติอยู่แล้ว แต่บาตรใบที่เขียนว่า " ถวายหลวงปู่ส่วนตัว " นั้น ไม่ว่าจะมีมากน้อยเพียงใดก็ตาม ท่านจะให้ผู้เขียน (ซึ่งทำหน้าที่หัวหน้าศิษย์รับใช้ปรนนิบัติพระสุปฏิปันโน) เก็บไว้ทั้งหมดเพื่อถวายมหาทานตอนกลางคืน

    ดังได้เล่ามาบ้างประปรายในเรื่องของพระสุปฏิปันโนองค์ที่ได้กล่างถึงผ่านมาแล้วว่า หลวงปู่ทุกองค์จะพักที่กุฏิทรงไทย 10 หลัง ด้านท้ายพระอุโบสถวัดท่าซุง ตลอดวันแต่ละท่านก็จะออกมานั่งเจริญศรัทธา เป็นเนื้อนาบุญอันไพบูลย์ให้ญาติโยมลูกหลานได้บำเพ็ญทาน สนทนาธรรม และทัศนาจริยามารยาทพระดีของพระพุทธศาสนากัน ตามเวลาที่แต่ละองค์จะเห็นสมควรตามความสะดวกของท่าน พอตอนเย็นก็พักกันหมด เพราะอายุร่างกายของท่านก็ชราอาพาธกันทั้งนั้น

    แต่ว่า..หลวงปู่พระมหาอำพันท่านไม่พัก ท่านจะออกมานั่งยิ้มแย้มแช่มหน้า ทักทายปราศรัยลูกหลานที่พากันไปหาเพื่อร่วมบำเพ็ญสังฆทานพิเศษที่ท่านทำ ประจำ ทุกค่ำคืนของงานประจำปี

    พอตกเย็นผู้เขียนก็จะออกเดินประกาศเชิญชวนให้ท่านที่ค้างคืนภายในวัด ออกมาร่วมบุญกันตามสะดวกใจไม่ได้รบกวนเคี่ยวเข็ญ ภาพสวยของคืนบุญภาพแรกก็คือ พระภิกษุชราอ้วนขาว ผิวด่างทั่วกาย มีรอยยิ้มเฉิดฉายเบิกบาน นั่งกลางวงล้อมของพุทธบริษัทผู้ไม่เคยอิ่มบุญกุศล

    ผู้เขียนพึ่งเข้าใจว่า เสน่ห์อันสง่างามบันเทิงใจก็เกิดขึ้นในร่างกายที่ขี้เหร่ ไม่สมสัดส่วนชวนนิยมได้เช่นเดียวกัน

    ภาพงามภาพที่สองของคืนนั้น งามเสียจนไม่อยากให้ภาพนั้นจางหายไปจากโลกมนุษย์ เมื่อหลวงปู่พระมหาอำพันนิมนต์หลวงปู่องค์อื่น คืนนั้นเป็นหลวงปู่บุดดา ถาวโรมานั่งเป็นนาบุญรับสังฆทานจากท่านและญาติโยม หลวงปู่บุดดานั่งบนตั่งรับแขกในที่สูงเรียบร้อยแล้ว แทนที่หลวงปู่มหาอำพันจะนั่งบนตั่งนอบน้อมพองามตามมารยาทสงฆ์ ท่านกลับทรุดกายลงพับเพียบกับพื้น นำพุทธบริษัทกราบหลวงปู่บุดดา

    ท่านผู้อ่านเอย..พระสงฆ์ชรานั่งหลับตาตั้งใจ
    ประนมมือตั้งนะโม กล่าวคำถวายสังฆทาน
    ทั้งกายกรรม วจีกรรมกล่าววาจา
    ท่านเปล่งออกมาจากใจเจตนานอบน้อมพระสงฆ์
    ท่านทำดุจเดียวกันกับฆราวาสผู้เลื่อมใสปลื้มใจในทานของตน

    เมื่อถวายสังฆทานแล้ว ท่านก็ยังนั่งกับพื้นหลับตาประนมมือน้อมรับพร ยะถา วาริวหา.. ท่านกราบอธิษฐาน ท่านลืมมองหลวงปู่บุดดา ผู้นั่งจ้องมองท่านลงมาจากตั่ง

    ตอนนี้น่ารักมาก !

    หลวงปู่พระมหาอำพันคลานเข้าไปกราบใกล้ๆ องค์หลวงปู่บุดดา พนมมือกล่าวขอพรว่า

    " ธรรมใดที่หลวงปู่เข้าถึงแล้ว ขอให้กระผม..(ท่านคงกล่าวให้จบว่า..ขอให้กระผมได้เข้าถึงธรรมนั้นด้วยเถิด..)

    แต่หลวงปู่พระมหาอำพันยังพูดไม่ทันจบ หลวงปู่บุดดาก็จี้นิ้ว จ้องตามาที่หลวงปู่พระมหาอำพัน จ้องตาแจ๋ว พูดเสียงชัดใสเชียวว่า

    " จะมาเอาอะไรกันอีก..ใจออกใสเป็นแก้วหมดแล้วนี่... จะมาหลอกกันเสีย เล้ยย... ."

    แล้วหลวงปู่บุดดาก็นั่งแหงนหน้าหลับตายิ้ม ไม่สนใจหลวงปู่มหาอำพันอีก หลวงปู่มหาอำพันก็ยิ้มเก้อๆ หัวเราะอายๆ พาลหลับตายิ้มอมสุข พรมกระแสใจอันเยือกเย็นให้ลูกหลานได้สัมผัสกันทั่วหน้า

    ท่านเอย..พระสงฆ์ของพระพุทธศาสนาสององค์ดุจพระจันทร์วันเพ็ญที่ลอยอยู่เหนือ น้ำสงบใส ไม่ว่าจะเป็นองค์ที่ลอยบนตั่งหรือองค์ที่นั่งดุจเงาในผืนน้ำ ต่างองค์ต่างงาม สงบเยือกเย็น..คล้ายคลึงกันเสียจริงหนอ ไม่มีอะไรจะต้องเปรียบเทียบแตกต่าง ไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะสร้างกระแสริษยามานะ ช่างเป็นบุญของผืนดิน ผืนน้ำ ของสรรพสัตว์ผู้มีจักษุ ผู้มีศรัทธาอย่างนี้เองหนอ..

    พระสงฆ์ในรุ่นราวคราวอายุใกล้เคียงกัน (เฉพาะที่ผู้เขียนได้สัมผัส).. หลวงปู่พระมหาอำพันน่าจะมีการศึกษาทางโลกดีมากๆ องค์หนึ่ง เคยได้ไปศึกษาในประเทศอังกฤษอยู่ระยะหนึ่ง ผู้เขียนเคยปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่อำพันหลายวาระ มีอยู่บ่อยๆที่ท่านคุยถึงความเป็นอยู่ของสังคมมนุษย์ ท่านพูดภาษาอังกฤษควบบางคำ ด้วยสำเนียงที่ไพเราะมากๆด้วยบุคคลิกภาพท่าทีดูดีมากๆ แต่เวลาที่เสียงของท่านนุ่มนวลเพราะพริ้งที่สุดกลับเป็นเวลาที่ท่านนั่ง พับเพียบ นอบน้อมตั้งนะโมรับสรณาคมณ์และรับศีลห้าจากพ่อ ดังได้เล่ามาแล้ว

    ชีวิตประจำวันของพระแบบหลวงปู่พระมหาอำพันน่าจะสงบสุข น้อยเรื่องน่าเลื่อมใสริษยา (เขียนไปเขียนมาสำนวนจะเหมือนหนังสือกำลังภายในเข้าไปทุกที) ผู้เขียนไม่เคยไปกราบพบท่านที่วัด จึงไม่ทราบถึงกิจวัตรของท่าน แต่ประจักษ์ใจไม่สงสัยว่า ท่านเป็นพระที่น้อยเรื่องที่สุด สังสรรค์สนทนาเท่าที่จำเป็นและถนอมเวลาที่จะอยู่กับตัวเองให้มากเท่าที่ ชีวิตพระในกรุงเทพฯ จะทำได้ ถ้าท่านผู้อ่านจะถามว่าพระอริยะในเมืองหลวงท่านทำตัววางใจอย่างไร ก็น่าจะเอาปฏิปทามารยาทของหลวงปู่พระมหาอำพันมาอธิบายแทนได้ เพราะหลวงปู่ไม่ใช่พระที่หลีกผู้คน หลับตาก้มหน้าตอบคำถาม แต่ท่านสามารถจะนั่งอยู่ในกลุ่มคนที่พูดจาปราศัยส่งเสียงรอบกาย ส่วนใจท่านหลีกเข้าสู่อารมณ์สงบได้เป็นปกติธรรมดา สังเกตุได้จากการสนทนากัน ถ้าต้องพูดอธิบาย หรือตอบคำ ก็ทำไปยิ้มไปไม่ติดขัด ถ้าไม่มีเรื่องพูดท่านก็ยิ้มพริ้มหน้าลืมตา หลับตาอยู่ในวงมนุษย์ผู้วุ่นวายในกระแสกุศล อกุศล ได้ไม่เดือดร้อนอะไร


    พูดถึงมนุษย์ฆราวาสผู้ยังวุ่นวาย ผู้เขียนก็เป็นผู้หนึ่งซึ่งขวนขวายหาบุญในวิธีของความอึกทึกอยู่บ่อยๆ แถมยังได้เคยทำกับหลวงปู่พระมหาอำพันเสียอีกด้วย


    คือหลวงปู่มหาอำพันท่านเป็นพระธรรมยุติที่เคร่งครัดแต่สบายตาสบายใจ เวลาท่านมาปฏิบัติธรรมที่ซอยสายลม ท่านก็ไม่ได้ใส่รองเท้า พอท่านเดินมาถึงชายคาบ้าน ก็จะมีพวกเรานี่แหละ เอาน้ำมาราดเท้าล้างเท้าเอาผ้าเช็ดซับน้ำให้แห้งสะอาด แล้วจึงจะนำนิมนต์ท่านไปนั่งอาสนะคอยพ่อ (หลวงพ่อฤาษี) ผู้จะลงจากห้องพักมาสอนสนทนาธรรม ผู้เขียนก็ขยับจะทำอะไรสักอย่างที่มันพิเศษ ที่มันจะได้บุญตุนไว้มากๆ แต่นึกไม่ออกว่าจะทำอะไรกับหลวงปู่ดี ขันน้ำล้างเท้าก็มีแม่อ๋อย เจ้าของบ้านจัดถวาย ผ้าขนหนูเช็ดเท้าก็มีพร้อมแล้วไปยุ่งไปเปลี่ยนไม่ได้ แล้วคนที่ (ฟุ้งซ่าน)ไม่ธรรมดาอย่างเรานี่ มันต้องทำอะไรด้วยอะไรที่มันพิเศษสมวาสนา มันต้องอย่างนั้น !

    แล้ววันหนึ่งก็สมปราถนา พอหลวงปู่ลงจากรถคุณม่ำ (คุณรัฐดา บุนนาค) นำประคองลงมา แต่เผอิญวันนั้นคนที่ทำหน้าที่ล้างเท้าไม่อยู่ตรงนั้น ผู้เขียนก็รีบเทน้ำราดเท้าท่าน ราดมากเสียให้สมบุญคนอย่างเรา เหลียวหาผ้าเช็ดเท้า ก็หาไม่พบจึงได้ถอดเสื้อแขนยาวที่สวมใส่ออกจากตัว แล้วปูให้หลวงปู่ก้าววางเท้าลงมา แล้วห่อเท้าเช็ดซับน้ำด้วยความอิ่มเอิบลุกลี้ลุกลนใจ น้ำก็เทเสียนองพื้นหมดขัน เสื้อก็เปียกแฉะเปื้อนฝุ่นโคลน ตกลงว่าวันนั้นไม่ได้ประคองหลวงปู่เข้าไปนั่งอาสนะ สมวาสนาน้ำหน้านักแสวงบุญแบบพิเศษ กรรมฐานก็ไม่ได้เข้าไปนั่ง เสื้อไม่มีใส่ จำไปจนตาย

    เอาละมาพูดถึงความดีของหลวงปู่มหาอำพันกันต่อไป แต่จะต่ออย่างไรก็คงพูดชัดเจนได้ในความนอบน้อมถ่อมตน ที่มีในดวงใจในมารยาทวาสนาของท่าน ความบริสุทธิ์พ้นวิเศษเป็นเรื่องในใจเป็นเรื่องปัจจัตตังเอามาพูดกันลำบาก แต่ก็สามารถรับรู้ได้จากกระแสความเย็นเป็นสุขที่ซ่านแผ่ออกมาจากท่าทางร่าง กายและวาจาที่ท่านพูด มันแตกต่างจากมนุษย์หัวดำ หรือมนุษย์ห่อเหลืองโกนศรีษะที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมเพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้น มันเย็นตาเย็นใจต่างกันจริงๆ ยิ่งเมื่อความบริสุทธิ์ดวงจิตหนึ่ง น้อมนอบหมอบราบคาบแก้วถวายความกตัญญูต่อดวงจิตที่บริสุทธิ์อีกดวงจิตหนึ่ง อันเป็นที่เคารพสักการะ ความเย็นเป็นสุขจนั้นจึงทรงอานุภาพมหาศาล สถิตย์ใจของผู้ร่วมเหตุการณ์มาจนทุกวันนี้

    วันนั้นเป็นวันทำบุญคล้ายวันเกิดของพ่อ (หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง) ลูกๆหลานๆ ศิษยานุศิษย์จะมาร่วมกันบำเพ็ญกุศลถวาย และขอพรให้พ่อทรงชีวิตอยู่กับพวกเราไปนานๆ ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะความกตัญญูรู้คุณท่าน หรือเพราะความเห็นแก่ตัวของพวกเราที่ยังเอาดีตามคำสอนของท่านไม่ได้ จึงอยากให้ท่านทรงชีวิตไว้สอนพวกเราต่อไป ทั้งๆที่รู้ความจริงกันดีว่าใจพ่อเป็นสุขพ้นทุกข์โทษใดๆแล้ว สิ่งใดๆที่จะพึงทำเพื่อตนเองและผู้อื่นท่านได้ทำเสร็จแล้ว ใจพ่อพ้นแล้ว แต่ร่างกายท่านป่วยอย่างหนักหนามาเป็นเวลายาวนาน ท่านน่าจะได้พักใจจบกิจกรรมที่ต้องทำด้วยกายแล้ว ลูกๆที่รักพ่อน่าจะจัดงานแสดงกตเวทีตอบแทนให้ท่านสบายใจและเบาใจด้วยการร่วม กันพูดว่า

    " ถ้าพ่อจะพักก็พักเถิด ลูกๆ จะทำกันต่อไปได้ จะไม่ให้งานของพ่อที่ฝากไว้และงานในใจของลูกเองบกพร่อง พ่อจะทิ้งร่างอันเป็นทุกข์ก็ทิ้งไปเถิด ใจพ่ออย่าทิ้งลูกก็พอแล้ว เป็นพระคุณยิ่งแล้ว "

    หลวงปู่พระมหาอำพันท่านคงต้องคิดได้และอยากจะพูดอย่างนั้น แต่การจัดงานวันเกิดพ่อ ที่ซอยสายลมทุกปีท่านจะพูดแทนกำลังใจของลูกหลานส่วนใหญ่ เพื่อให้ศรัทธาในใจลูกหลานเพิ่มพูนขึ้น ทุกวันทุกเวลาจนกลายเป็นความเพียรแรงกล้า กล้าช่วยตัวเองต่อไปได้

    ในวันงานพ่อที่ซอยสายลมปีนั้น หลวงปู่พระมหาอำพันพร้อมลูกหลานศิษยานุศิษย์ก็มานั่งกันเต็มบ้าน หลวงปู่ถือพานเทียนแพเครื่องบูชาครูบาอาจารย์นั่งนำหน้า คอยพ่อตรงตั่งเตียงที่ลูกๆจัดถวาย เมื่อพ่อลงนั่งตั่งทักทายลูกหลานพอสมควรแล้ว หลวงปู่พระมหาอำพันก็ทำตัวเป็นลูกคนโต เข้าไปตั้งนะโมถวายพานบูชาพระคุณ

    ........พระภิกษุสูงวัยเกิน 70 ปี นั่งประนมมือ....

    ........กล่าวคำจากใจว่ารู้ถึงพระคุณ..ท่านพูดไปเสียงเริ่มสั่นเครือด้วย ความปิติใจ รินน้ำกลีบกุหลาบปรุงหอมรดหลังเท้าพ่อเอามือลูบบนหลังเท้าพ่อ เอาน้ำที่สัมผัสฝ่าเท้าพ่อขึ้นมาเสยเศียรลูบกระหม่อมที่ขาวโพลนด้วยเส้นผม ชราภาพ น้ำจากจอกไหลราดเท้าพ่อครูบาอาจารย์ น้ำตาเอ่อไหลรินแก้มเหี่ยวย่นของท่านเอง รอยยิ้มรู้คุณฉายนุ่มน้อมถ่อมตน ฉายผ่านปากห้อยและแก้วตาที่เริ่มฝ้าฟาง

    ผู้คนที่กล่าวตามหลวงปู่นำประกาศ...ก็ทยอยเข้ามาสรงน้ำบูชาพระคุณ ผู้เขียนจำคำพูดหลวงปู่ไม่ได้ แต่ไม่เคยลืมน้ำเสียง สีหน้า และสายตาที่งดงามสิ้นเชื้อทิฏฐิมานะของหลวงปู่ และดวงหน้าที่สงบงามฉายแววเมตตาอาทรอันไม่มีประมาณของพ่อ จำรอยยิ้มอิ่มใจดุจจะบอกลูกๆว่า ถ้าลูกคิดได้ ทำได้ พูดได้เพียงเท่านี้.. พ่อก็พอใจแล้ว


    (จากหนังสือ " บนเส้นทางพระโยคาวจร " หน้า 152-162)



    [​IMG]


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2016
  2. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,809
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2016
  3. wainkam

    wainkam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    757
    ค่าพลัง:
    +881
    อนุโมทนาสาธุครับ
    ธรรมอันใดที่หลวงปู่ได้เข้าถึงแล้ว ขอให้กระผมได้เข้าถึงด้วยเถิด สาธุ //\\
     
  4. j-adirek

    j-adirek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +204
    อนุโมทนา สาธุครับ ธรรมใดที่หลวงปู่ได้เข้าถึงแล้วขอให้กระผมได้เข้าถึงธรรมนั้นด้วยเทอญ
     
  5. aroonoldman

    aroonoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +462
    จะอ่านกี่ครั้งก็ชื่นใจทุกครั้ง น้ำตาคลอเบ้าทุกครั้ง

    กราบหลวงปู่(หลวงน้า)มหาอำพันด้วยความเคารพ
     
  6. duangjaij

    duangjaij เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +322
    กราบนมัสการหลวงพ่อและหลวงปู่ นึกถึงใบหน้าของท่านแล้วมีความสุขเหมือนกลับไปอยู่ ณ เวลานั้น ธรรมใดที่หลวงพ่อและหลวงปู่ถึงแล้วขอให้ลูกได้ถึงธรรมนั้นด้วยเถิด
     
  7. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,809
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    งานพิธีวันเสาร์ห้าที่ 20 ตุลาคม 2555


    ......เนื่องในวันที่ 20 ตุลาคม 2555 ตรงกับวันเสาร์ 5 ซึ่งทางวัดท่าซุง โดยหลวงพ่อเจ้าคุณพระภาวนากิจวิมล (อนันต์ พทฺธญาโณ) และคณะสงฆ์วัดท่าซุง จะทำพิธีพุทธาภิเศกภายในพระอุโบสถ

    เวลาประมาณ 16.00 น. หลวงพ่อท่านเจ้าคุณภาวนาฯ ประธานในพิธีจุดธูปเทียนที่ด้านหน้าพระประธาน พระเถระรองลงมาจะจุดธูปเทียนที่บายศรี และจุดเทียนรอบวัตถุมงคล จากนั้นเริ่มทำพิธีบวงสรวงด้วยเครื่องบายศรีครบชุด ตามพิธีกรรมที่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ทำไว้สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากเปิดเทปหลวงพ่อบวงสรวงแล้ว พระสงฆ์สวดอิติปิโส 21 จบ นั่งสมาธิภาวนา "พุทโธ" ประมาณ 20 นาที

    ในขณะที่ทำพิธีอยู่ในโบสถ์ ญาติโยมที่อยู่ด้านนอกให้ภาวนา "พุทโธ" ไปด้วย กรณี ผู้ที่ไม่สามารถไปร่วมพิธีได้ ขอให้ทุกท่านอาบน้ำชำระกายให้เรียบร้อย จัดเตรียมเครื่องบูชาครูพร้อมแล้ว ให้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ตั้งใจสมาศีล 5 ที่หน้าองค์พระ แล้วน้อมกราบอาราธนาบารมีคุณพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ และครูบาอาจารย์ อันมี หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน เป็นที่สุด

    ขอได้โปรดแผ่พระบารมีครอบคลุมร่างกายของเรา ให้เป็นตาข่ายเหมือน "ยันต์เกราะเพชร" เพื่อเป็นสิริมงคลเหมือนกับที่ท่านเคยทำสมัยยังมีชีวิตอยู่


    ในขณะนั้นให้ตั้งเวลาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วภาวนาคำว่า "พุทโธ" ไว้ตลอดเวลาด้วย

    ข้อสังเกต : ถ้า ใครมีความอาการหนักที่ศีรษะนิดๆ หรือคันยิบๆ หรือสัมผัสว่ายันต์ได้ครอบคลุมแล้ว ลักษณะที่กล่าวเป็นตัวอย่างเช่นนี้ ให้มั่นใจว่าผู้นั้นได้รับ "ยันต์เกราะเพชร" แล้วแน่นอน (บางคนได้รับยันต์แล้ว แต่ก็ไม่เกิดอาการดังกล่าว หรืออาจจะเกิดแตกต่างกันไปบ้างก็ขอให้มั่นใจ) ส่วนสตรีที่มีครรภ์ โปรดเตรียมดอกไม้ธูปเทียนไว้สำหรับลูกในท้องอีกชุดหนึ่งด้วย


    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=1579


    วันนี้แล้วนะครับ ถ้าพี่ๆน้องท่านใดไม่ได้ไปร่วมงานเองที่วัด ก็สามารถอาราธนารับยันต์เกราะเพชรได้เองที่บ้าน หรือ ที่ทำงาน

    ถ้าไม่สะดวกจริงๆ ดอกไม้ธูปเทียนไม่ต้องก็ได้ครับ ขอแค่ตั้งใจอาราธนาขอรับยันต์เกราะเพชร ตามวิธีด้านบนที่ทางวัดท่าซุงแนะนำมาให้ครับ


    เริ่มพิธีบ่าย 4 โมงนะครับสำหรับงานคราวนี้ แล้วทำสมาธิภาวนา พุทโธ ไปราวๆ 30 นาที


    ได้ผลหรือมีอาการเป็นยังไงบ้าง ตอนนั่งรับยันต์ เล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ

















    http://palungjit.org/threads/นานาเรื่องราวต่อองค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน.310631/page-213#post6870608
     

แชร์หน้านี้

Loading...