เรื่องน่าคิดและกรณีศึกษา วันสิ้นโลกของบราซิล

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Sestulee, 18 ตุลาคม 2012.

  1. Sestulee

    Sestulee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +2,386
    เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นและผ่านมาเร็วๆนี้เองครับ ลองอ่านดูและพิจารณาครับผมว่าน่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย ถือเป็นกรณีศึกษาได้เป็นอย่างดี


    จิตแพทย์เผย ฆ่าตัวตายหมู่จากความเชื่อวันสิ้นโลก เป็นความเชื่อของคนกลุ่มเล็กๆ ไม่กระทบต่อคนกลุ่มใหญ่ ส่วนในไทยไม่เคยเกิดเหตุสลด ยันไม่ใช่อาการป่วยจิตเวช แนะก่อนปักใจเชื่อเรื่องใดต้องคำนึงหลักเหตุผลก่อน สำหรับคนเชื่อคนง่ายควรมีเพื่อนคอยเตือน ย้ำคนละเคสกับอุปทานหมู่

    นพ.ทวี ตั้งเสรี รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว ถึงกรณีสมาชิกลัทธิวันสิ้นโลก ประเทศบราซิล สร้างแนวรั้วกั้นตนเองไว้ภายในบ้านหลังหนึ่งเพื่อรอจุดจบของโลกที่เชื่อว่า จะเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าจะฆ่าตัวตายหมู่ด้วยการดื่มน้ำซุปผสมยาพิษ ว่า การฆ่าตัวตายหมู่เกิดจากลัทธิความเชื่อ ซึ่งเป็นความเชื่อเฉพาะกลุ่ม หรือของคนกลุ่มหนึ่งๆ ที่เชื่ออย่างลึกซึ้งและฝังแน่น อาทิ ฆ่าตัวตายแล้วจะได้ไปเกิดในโลกที่ดีกว่า ได้ขึ้นสวรรค์ หรือได้เข้าเฝ้าพระเจ้า เป็นต้น กลุ่มคนดังกล่าวเมื่อประสงค์ความสุขตามความเชื่อก็จะมีการนัดกันเพื่อฆ่าตัว ตาย อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นจากอาการทางจิตเวช ไม่มีอาการซึมเศร้า แต่เกิดขึ้นจากความเชื่อล้วนๆ ซึ่งสามารถเหนี่ยวนำให้เกิดการฆ่าตัวตายได้ทั้งแบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม

    “การฆ่าตัวตายหมู่เป็นความเชื่อของ กลุ่มคนเล็กๆ ประชาชนส่วนใหญ่จะไม่เชื่อในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของประเทศ ส่วนในประเทศไทยแทบไม่เคยมีกรณีการฆ่าตัวตายหมู่เกิดขึ้นเลย เนื่องจากส่วนใหญ่คนไทยเป็นชาวพุทธ ซึ่งสอนในเรื่องของหลักเหตุผล จึงไม่เคยมีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น” รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว และว่า การจะเชื่อเรื่องใดก็ตามหรือหากถูกชักชวนให้มีความเชื่อต่อเรื่องใดเรื่อง หนึ่ง ควรคำนึงถึงหลักเหตุผลให้มาก ต้องฟังหูไว้หู มีความหนักแน่น ส่วนบุคคลใดที่เป็นคนเชื่อคนง่ายต้องมีเพื่อนช่วยดึงรั้งให้เหตุผล

    นพ.ทวี กล่าวด้วยว่า การฆ่าตัวตายหมู่เป็นคนละเรื่องกับการเกิดอุปาทานหมู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ที่สำคัญคนที่มีแนวโน้มป่วยเป็นจิตเวชมีโอกาสเกิดอาการอุปาทานหมู่ขึ้น ง่ายกว่า เนื่องจากจะเกิดความเชื่อและมีอาการทางร่างกาย ทำให้คนอื่นเกิดความกลัวตามและมีอาการตามๆ กันมา เช่น อาการผีเข้า

    ทั้งนี้ สำนักข่าวคลีฟแลนด์ ลีดเดอร์ ได้รายงานว่าการเตรียมฆ่าตัวตายหมู่ของลัทธิวันสิ้นโลก ประเทศบราซิล เกิดจากผู้ก่อตั้งกลุ่ม หลุยส์ เปไรรา ดอส ซานโตส วัย 43 ปีโน้มน้าวให้สาวกเชื่อว่าวันโลกาวินาศจะเกิดขึ้นในวันที่ 12 ต.ค.โดยอ้างว่า มีเทวดาองค์หนึ่งลงมาพบเขาเมื่อ 4 ปีก่อนและบอกวันเวลาอย่างชัดเจนถึงวินาทีที่โลกจะถึงกาลอวสาน เมื่อเดือนที่แล้ว ซานโตส โน้มน้าวสาวก 113 คนลาออกจากงาน ขายทรัพย์สมบัติและพาลูกหลานออกจากโรงเรียน และนับตั้งแต่นั้นทั้งหมดก็มาพักอาศัยอยู่รวมกันภายในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่รอบนอกเมืองเทเรซินา เมืองหลวงของรัฐปีเอาอี ทางตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล
     
  2. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    เรื่องทำนองนี้...มีในประวัติศาสตร์มาตลอด...ครับ (ทั้งมีวันสิ้นโลกเข้ามาเกี่ยวข้อง...และไม่มี)


    .

    Jonestown Massacre Documentary


    <iframe src="http://www.youtube.com/embed/jpWr45bKWpE?feature=player_detailpage" allowfullscreen="" frameborder="0" height="360" width="640"></iframe>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2012
  3. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    ที่มา... http://www.clipmass.com/story/3735


    ยู โทเปีย เป็นแนวคิดเชิงอุดมคติเกี่ยวกับโลกอันสมบูรณ์แบบตามทฤษฎีของเพลโตในสมัยกรี กโรมัน (347 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เซอร์โทมัสมอร์ (Sir Thomas More) นักปรัชญามนุษยนิยมชาวอังกฤษ ได้นิยามคำว่า "ยูโทเปีย" (Utopia) ในหนังสือที่เขาแต่ง ซึ่งกล่าวถึงเกาะแห่งหนึ่งที่มีผู้คนอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มีความสามัคคีกลมเกลียว ไม่มีความขัดแย้ง สงครามหรือการใช้ความรุนแรงเข้าหากัน

    แต่ในโลกแห่งความจริงแล้วไม่มีใครสามารถสร้าง "ยูโทเปีย" ได้หรอก ...แต่มีคนหนึ่งเขาเชื่อมากๆ ว่าเขาสามารถสร้าง "ยูโทเปีย" ได้

    เขาคือ "จิม โจนส์"

    จิม โจนส์ มีบุคลิกภาพเป็นนักต่อต้านสังคม จากเริ่มแรกทำอาชีพเป็นเซลล์แมน เมื่อเขาได้รู้เรื่อง "ยูโทเปีย" เขาไม่ยอมเชื่อว่าสถานทีแห่งนั้นไม่สามารถสร้างได้ในโลกใบนี้ ด้วยความคิดนี้เขาได้ชักชวนสาวกและผู้เสื่อมใสศรัทธาในตัวเขา จากนั้นก็ตั้งตนเป็นเจ้าลัทธิใหม่ ออกเดินทางไปตั้งอาณาจักรยูโทเปียที่กลางป่าลึก ในประเทศกีอาน่า ดินแดนอาณานิคมฝรั่งเศส ในทวีปแอฟริกา

    การสร้างสังคมอุดมสุขของ จิม โจนส์ ตอนแรกก็ดีอยู่หรอก แต่ไม่นานมันก็ยิ่งเหลวแหลก ในที่สุดสังคมในฝันของเขาก็เกิดอาการซ็อก ...วันที่ 18 พฤศจิกายน 1978 จิม โจนส์และสาวกร่วม 914 คน พากินยาพิษฆ่าตัวตาย ...และนี่คือเหตุการณ์ฆ่าตัวตายที่ได้รับการบันทึกประวัติศาสตร์ว่าเป็นการ ฆ่าตัวตายหมู่โดยเจตนามากที่สุดในโลก


    [​IMG]Jim Jones หรือ James Warren Jones (1931 - 1978)


    จิม โจนส์ เกิดเมื่อ 13 พฤษภาคม 1931 ในครอบครัวยากจนที่รัฐอินเดียน่า ประเทศอเมริกา เจมส์บิดาของเขาซึ่งเป็นสมาชิก KKK นั้นทิ้งครอบครัวไปตั้งแต่เขาอายุ 12 ปี ลีเน็ตต้าผู้เป็นแม่ซึ่งเลี้ยงเขามาลำพังคนเดียวนั้นรักลูกตัวเองมากและมัก จะบอกกับคนอื่นว่าลูกของเธอเป็นเหมือนนักบุญมาตั้งแต่เกิด ลีเน็ตต้าเข้าร่วมในโครงการอาสาสมัครของท้องถิ่นและให้ความช่วยเหลือผู้ด้อย โอกาสคนอื่นๆ ประกอบกับเขตที่จิมอาศัยอยู่นั้นเป็น Fundamentalism (กลุ่มผู้มีความเชื่อในไบเบิ้ลว่าทุกคำในไบเบิ้ลนั้นเป็นความจริง) เสียส่วนใหญ่ จิมจึง เติบโตขึ้นเป็นผู้ศรัทธาในศาสนาคริสต์อย่างแรงกล้า เขาเริ่มท่องจำไบเบิ้ลตั้งแต่อายุ 8 ปี และเมื่ออายุ 12 เขาก็สามารถเทศน์เด็กในละแวกบ้านราวกับเป็นนักบวชจริงๆ เมื่ออายุได้ 17 ปี จิมก็ไปเป็นนักเรียนฝึกหัดเพื่อจะเป็นบาทหลวงของเมโธดิสต์ พออายุ 21 ปี เขาก็ได้พบกับ มัลเซลีน บอลด์วินด์ ซึ่งเป็นนางพยาบาล (มีบางที่กล่าวว่าเธอเป็นลูกของนักเผยแพร่ศาสนาด้วย) และแต่งงานกัน พร้อมกันนั้นเอง จิมก็ถอนตัวออกจากเมโธดิสต์ออกมาเป็นนักเผยแพร่ศาสนา

    จิมเริ่มทำการเผยแพร่คำสอนโดยมีกลุ่ม เป้าหมายหลักเป็นคนผิวดำในเขตเกตโต้ (Ghetto) และตั้งโบสถ์มวลชน (Peoples Temple) ขึ้นมาในปี 1957 แน่นอนว่าเงินทุนย่อมมีน้อย เขาจึงเริ่มธุรกิจการเพาะพันธุ์ลิงมาขายเพื่อหาเงินมาช่วยเหลือคนผิวดำ คนที่มีทัศนคติแบ่งแยกสีผิวไม่พอใจในการกระทำของจิม เขาถูกด่าว่าอย่างไม่มีเหตุผล มีคนปาหินใส่บ้าน ซึ่งบางครั้งก็ยกระดับมาเป็นระเบิดขวด ถึงกระนั้นจิมก็ไม่ยอมแพ้และทำการเผยแพร่ศาสนาต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งในขณะนั้นพลเมืองผิวดำของอินเดียน่าโพลิสกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับอเมริกากำลังรณรงค์การมีส่วนร่วมในการปกครองของคนผิวดำและอาศัยว่า จิมมีพรสวรรค์ในการเทศน์ผู้ศรัทธาในตัวเขาจึงเพิ่มขึ้นและโบสถ์มวลชนก็ขยาย ตัวอย่างรวดเร็
    [​IMG] ปี 1959 จิมรับเด็กเชื้อสายนิโกรและเด็กเชื้อสายเกาหลีอย่างละคนมาเป็นบุตรบุญธรรม นอกเหนือไปจากลูก 2 คนของเขากับมัลเซลีนและเรียกครอบครัวของตัวเองว่า Rainbow Family ทั่วอินเดียน่าโพลิสเต็มไปด้วยโปสเตอร์ของจิม เขาให้ความช่วยเหลือแก่คนผิวดำในรูปของอาหารและที่หลับนอน ซึ่งรวมไปถึงการหางานให้ทำด้วย เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะได้เป็นนักศาสนาที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของโลก หากยุคสมัยก็ทำให้หนทางนั้นบิดเบือนไป

    อเมริกา ในยุคปี 60 นั้นเต็มไปด้วยความคิดเรื่องการต่อต้านสงครามและการรณรงค์สิทธิเสรีภาพ จิมได้รับอิทธิพลความคิดจากบาทหลวง คิง มัลคอม และแบล็คแพนเธอร์มาอย่างมาก

    เขา ตั้งอุดมคติเป็นสังคมแบบสังคมนิยม ซึ่งไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติและเริ่มทำการรณรงค์เพื่อต่อต้านการแบ่งแยกสี ผิวทั้งการออกเดินขบวนและออกรายการโทรทัศน์ และการที่ ทิมส์ สโตน (ทนายซึ่งเป็นฮิปปี้มาก่อน) เข้ามาเป็นที่ปรึกษาของเขาในช่วงนี้ก็ยิ่งทำให้จิมยึดมั่นในแนวคิดนั้นมาก ยิ่งขึ้น จากนั้น จิม โจนส์ ก็ตั้งสัทธิของตนเองขึ้นคือ "ลัทธิดินแดนสวรรค์"

    เมื่อ จิม โจนส์ ตั้งลัทธิตนเองได้ เขาประกาศว่า "ในลัทธิของพวกเราจะไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น ความรุนแรงจะต้องหมดไปจากโลก เหมือนสะเก็ดเนื้อหนังหลุดออกไปจากมือ จากเท้าคนป่วยขี้เรื้อนกุดถัง"

    โครงการ หนึ่งที่จิม โจนส์ สร้างศรัทธาต่อสาวก คือโครงการต่อต้านการฆ่าตัวตาย เมื่อปี 1977 จิม โจนส์ และสาวกผู้ติดตามกว่า 500 เดินทางไปสะพานโกลเดนเกท เพื่อต่อต้านการฆ่าตัวตาย ซึ่งสะพานแห่งนี้ชาวอเมริกันนิยมมาฆ่าตัวตายมากที่สุด และอีกครั้งงจิมและสาวกหนึ่งคันรถบัสเดินทางไปที่คุกแห่งหนึ่งเพื่อเยี่ยม นักข่าวคนหนึ่งที่ถูกศาลพิพากษาจำคุกในข้อหาที่ไม่ยอมเปิดเผย ซึ่งการกระทำของศาลถือว่าผิดต่อรัฐอย่างร้ายแรงมาก จิมตั้งเวทีปราศรัยหน้าคุก เขาเรียกร้องให้ชาวอเมริกันมีเสรีภาพต่อการพูด คิดและเขียน และยินดีเป็นโซ่กลางระหว่างอำนาจรัฐและวงการสื่อมวลชน

    นั่น เองที่ทำให้จิม โจนส์ ได้รับถ้วยรางวัลและเหรียญเชิดชูเกียรติต่อการทำงานรับใช้สังคมมากมาย ในจำนวนนั้นเขาได้รับเหรียญ "ลาเฮอราลด์" เป็นเหรียญสำหรับผู้ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน (เมื่อปี 1978)
    [​IMG]

    น่า เสียดายความจริงจิมน่าจะได้เป็นนัก ศาสนาที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของโลกก็ว่าได้ แต่แล้วจิมก็เปลี่ยนไปเป็นคนชั่วและคนดีในเวลาเดียวกัน ...

    แน่ นอนการกระทำของจินหลายคนไม่เห็น ด้วย โดยเฉพาะพวกเหยียดสีผิว ทำให้ผู้คนเริ่มจับตามองการเคลื่อนไหวของโบสถ์ ทำให้จิมรู้สึกอ่อนไหวต่อปัญหาซึ่งเพ่งเล็งมายังตัวเขา จิมเห็นรัฐบาลและผู้แยกตัวออกจากโบสถ์เป็นศัตรูและจัดให้มีองครักษ์อยู่ข้าง ตัวเขาเกือบตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งส่งคนไปคอยจับตาดูบ้านของผู้แยกตัวออกจากโบสถ์ด้วย

    หลัง จาก The Cuban Missile Crisis ในปี 1962 จิมแสดงท่าทีหวาดกลัวต่อปรมาณูเป็นอย่างมาก ในไม่ช้าเขาก็อ้างว่าได้รับบัญชาจากพระเจ้า "ในไม่ช้าโลกจะถูกปรมาณูฆ่าล้างผลาญ มีแต่ผู้อยู่ในเวโลโอริซอนเด้ในบราซิลและยูเกียในแคลิฟอร์เนียเท่านั้นที่จะ รอดชีวิต" เขาตัดสินใจย้ายโบสถ์ และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นที่จิมก้าวพลาดจากหนทางของคนปกติ

    ปี 1965 จิมย้ายโบสถ์ของเขามายังยูเกียในแคลิฟอร์เนียตามคำทำนายของตัวเอง เขาเทศน์เรื่องความเสมอภาคในเชื้อชาติ ให้ความช่วยเหลือผู้ไม่อาจปรับตัวเข้ากับสังคม คนตกงาน คนมีคดีติดตัว ผู้ติดยาเสพติด โบสถ์เติบโตอย่างรวดเร็ว หากในขณะเดียวกัน จิมก็เริ่มมีท่าทีรุนแรงขึ้น ระหว่างการเทศน์เรื่องไคน์และอาเบล จู่ๆ จิมก็ขว้างไบเบิ้ลทิ้ง "ผมไม่เชื่อในพระเจ้าที่ถูกสมมติขึ้นหรอก บนฟ้ามีสวรรค์อยู่ที่ไหน โลกที่เราอยู่นี่แหละคือนรกเพียงหนึ่งเดียว" เป็นการปฏิเสธในหลักคำสอนจนยากจะเชื่อได้ว่าเขาเป็นนักศาสนาจริง หากสำหรับผู้คนซึ่งใช้ชีวิตอยู่อย่างยากแค้น คำพูดเหล่านี้กินใจพวกเขาเป็นพิเศษ
    [​IMG]
    ปี 1967 จิมย้ายโบสถ์ไปยังซานฟรานซิสโก คนนับพันคนมาชุมนุมที่โบสถ์ทุกครั้งที่มีพิธีมิซา จิมให้ความช่วยเหลือผู้ยากจนและได้แรงงานเป็นสิ่งตอบแทนเช่นที่ผ่านมา แต่ถึงตรงนี้เขามีสาวกในมือมากราวกับเป็นกิจการขนาดใหญ่ เขาเข้าไปมีส่วนร่วมในการปกครองส่วนท้องถิ่น สร้างเส้นสายในหมู่นักการเมืองซึ่งทำให้โบสถ์มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ ในไม่ช้าเขาก็ได้รับเลือกให้เป็นผู้บริหารเมืองและมีฐานะถึงขนาดมีนักการ เมืองระดับประเทศมาหาถึงบ้าน ในตอนนี้จิมเป็นเหมือนกับวีรบุรุษของเหล่าสาวกทีเดียว หากในความเป็นจริงแล้ว สภาพจิตใจของจิมไม่ค่อยปกตินัก เขาอารมณ์รุนแรงและต้องพึ่งยาระงับประสาท บ่อยครั้งแนวคิดของจิมเอนเอียงไปยังระบอบสังคมนิยม แม้แต่ในพิธีมิซา เขาก็เริ่มเทศน์ "ในนามของระบบสังคมนิยมอันศักดิ์สิทธิ์" ซึ่งกล่าวว่ามีเพียงผู้ที่เชื่อใน Christian Communalism นี้เท่านั้นจึงจะเป็นผู้มีอิสระ และในขณะเดียวกันก็เริ่มการรักษาโรคด้วยปาฏิหารย์เช่นการรักษามะเร็งหรือ รักษาคนตาบอด

    จิ มชักชวนให้สาวกบริจาคสมบัติทั้งหมด แก่โบสถ์และมาใช้ชีวิตในโบสถ์ โดยบอกว่านี่เป็นการสร้างหนทางสู่สวรรค์ เมื่อมีคนแคลงใจก็กล่าวว่าเพราะคนผู้นั้นมีความศรัทธาไม่เพียงพอและบอกกับ สาวกของตัวเองว่าสังคมภายนอกเต็มไปด้วยความชั่วร้าย ไม่ควรจะเชื่อข้อมูลของคนนอกโบสถ์และในช่วงนี้เองที่เขาเริ่มมีความสัมพันธ์ ฉันท์ชู้สาวกับสาวก (ทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย) ทำให้ชีวิตแต่งงานของเขาและมัลเซลีนเริ่มระหองระแหง จิมสร้างฮาเร็มขึ้นในหมู่สาวก แต่กลับตั้งกฏให้งดเว้นการมีเซ็กซ์ระหว่างสามีภรรยาเพื่อให้ความสัมพันธ์ของ ครอบครัวอ่อนลง เด็กๆ ถูกแยกจากพ่อแม่ และการทำเช่นนี้เองทำให้ความสนใจทุกประการของสาวกมารวมกันยังโบสถ์และทำให้ พวกเขาปล่อยมือจากทรัพย์สมบัติไปอย่างง่ายดาย (แน่นอนว่าเข้ากระเป๋าโบสถ์แทน)

    จิ มถูกครอบงำด้วยความคิดว่าพวกเขาจะ ถูกข่มเหง เขาสั่งให้สาวกเรียกตัวเองว่า "บิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์" และเริ่มเทศน์เกี่ยวกับ Translation ซึ่งมีใจความว่า "ท้ายที่สุดนั้น สาวกทุกคนต้องฆ่าตัวตายพร้อมกัน เพื่อที่วิญญาณของทุกคนจะได้เป็นหนึ่งเดียวและได้รับความสุขอันเป็นนิรันดร์ ที่ดาวดวงอื่น" จิมยึดติดกับความคิดนี้จนถึงกับมีการทำรายชื่อของคนที่ไม่เห็นด้วยกับการฆ่า ตัวตายหมู่และกล่าวโจมตีคนเหล่านั้นต่อหน้าคนอื่น

    ปี 1973 ก่อนที่การต่อต้านโบสถ์มวลชนจะเป็นรูปร่างขึ้น จิมเริ่มวางแผนจะย้ายสาวกไปยังกูยาน่าในอเมริกาใต้และสร้าง "โจนส์ทาวน์" ขึ้นบนพื้นที่กว่า 300 เอเคอร์ กล่าวกันว่าเฉพาะค่าใช้จ่ายในการเตรียมการนี้กินเงินเป็นล้านดอลล่าร์ที เดียว จิมเรียกมันว่า "ยูโทเปีย" นี่คือยูโทเปียของจิม เขาจะใช้ที่แห่งนี้เผยแพร่ความคิดของเขาแก่สาวก ที่แห่งนี้ทุกคนจะอยู่อย่างเท่าเทียมและสงบสุข ...

    โจนส์ทาวน์ ถูกสร้างขึ้นโดยมีหนทางสื่อ สารกับโลกภายนอกเพียงไปรษณีย์และโทรศัพท์คลื่นสั้น ซึ่งการสื่อสารเหล่านี้ก็ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ที่นี่เป็นเหมือนเมืองในระบบเผด็จการของจิม สาวกชายหญิงถูกแยกออกไปอยู่คนละเขต เด็กถูกกันไปอยู่อีกที่หนึ่ง ในความเป็นจริงแล้วโจนส์ทาวน์ถูกดูแลด้วยกลุ่มคนผิวขาวหยิบมือเดียว คนผิวดำต้องทำงานใช้แรงงานตั้งแต่เช้าจรดเย็นก่อนจะถูกบังคับให้เข้าพิธีใน ตอนกลางคืน ซึ่งต่อเนื่องไปจนถึง ตี 2-ตี 3 ของอีกวัน

    หนำ ซ้ำระบบสาธารณูปโภคของที่นี่ก็ใช่ ว่าจะดีนัก ทุกคนต้องต่อสู้กับโรคเมืองร้อนและโรคระบาดต่างๆ กฏมากมายถูกกำหนดขึ้น คนที่จำไม่ได้ คนที่ไม่ปฏิบัติตามและคนที่ทำท่าจะหนีออกไปจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง ซึ่งการลงโทษได้ยกระดับขึ้นเรื่อยๆ จากการใช้กำลังเป็นการทรมานและจากการทรมานเป็นการใช้กำลังทางเพศ ว่ากันว่า ผู้ใดที่คิดหลบหนีจากยูโทเปียของจิม ไม่ว่าเด็ก ผู้หญิง ผู้ใหญ่ หากถูกจับได้จะถูกนำมาทิ้งที่บ่อลึก ซึ่งรู้จักในชื่อ "โพรงแห่งทุกข์ทรมาน" โดยจะโยนทิ้งในเวลาเที่ยงคืน จากนั้นก็ไม่มีใครได้พบเห็นหน้าผู้เคราะห์ร้ายนั้นอีกเลย และนานวันเข้าสาวกหลายรายในโจนส์ทาวน์เริ่มเบื่อหน่าย โดยเฉพาะการเผยแพร่ความเชื่อของจิมผ่านเครื่องกระจายเสียงติดตั้งลำโพงที่ หน้าวิหารเทวาลัยมันเริ่มหนวกหู เพราะต้องทนเสียงประกาศทั้งวันทั้งคืน จนหลายคนคิดว่านี้ไม่ใช่ดินแดนแห่งสรวงสวรรค์อย่างที่โฆษณาไว้ ในปีเดียวกันนี้เองจิมถูกจับในข้อหาทำอนาจารต่อผู้ชายที่มัคคาซ่าร์ปาร์ค (ที่ชุมนุมเกย์) เขายอมเซ็นในเอกสารยอมรับความผิดเพื่อที่จะได้ไม่ต้องขึ้นศาลเพื่อเป็นการ "เตรียมตัว" โบสถ์มวลชนมีการซ้อมพิธีฆ่าตัวตายหลายครั้งตั้งแต่ก่อนการย้ายไปกูยาน่า ครั้งแรกสุดนั้นถูกจัดขึ้นในเดือนมกราคม ปี 1976 จิมรวบรวมสาวก 30 คนมาโดยกล่าวว่าจะฉลองด้วยการดื่มไวน์ และเมื่อทุกคนดื่มแล้วก็บอกว่า "ไวน์นี้มีพิษ พวกเราคงจะตายในไม่ช้า" แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องโกหกและหลังจากนั้น จิมก็มีทำการ "ซ้อม" ทำนองนี้อีกหลายครั้ง (คราวนี้บอกล่วงหน้าว่ามียาพิษ) มีการตรวจว่าสาวกได้ดื่มไวน์ในแก้วไปจนหมดหรือไม่ เหมือนกับเป็นการวัดความจงรักภักดีอย่างหนึ่ง

    ปี 1977 โบสถ์มวลชนย้ายสาวกมากกว่าพันคนไปยังกูยาน่า การ "ซ้อม" ก็ถี่ขึ้นเรื่อยๆ กล่าวกันว่าในปีสุดท้ายนี้ มีการซ้อมฆ่าตัวตายถึง 43 ครั้งทีเดียว (วันไหนที่มีการซ้อม เวรทำอาหารจะถูกยกเลิกล่วงหน้า เมื่อซ้อมเสร็จจึงค่อยมาเตรียมอาหารกัน ดังนั้นพอไม่มีเวรทำอาหาร สาวกจึงรู้ว่าวันนี้จะมีการซ้อม)

    ใน ปีนี้ เกรซ สโตน ซึ่งเคยเป็นคนรักของจิม ออกมาแฉเบื้องหลังของโบสถ์ทำให้สื่อมวลชนเปิดศึกโจมตีโบสถ์มวลชน ส่งผลให้อดีตสาวกจำนวนมากออกมาฟ้องศาลและสาวกซึ่งหนีจากโจนส์ทาวน์ไปขอความ ช่วยเหลือจากสถานฑูตก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรื่องราวเหล่านี้ทำให้เกิดกลุ่มแอนตี้โจนส์ขึ้นมา แล้วรัฐบาลอเมริกาก็ไม่อาจอยู่เฉยได้ สส.ไรอัน จากรัฐแคลิฟอร์เนียยื่นจดหมายขอไปทำการตรวจโจนส์ทาวน์แก่จิม เนื่องจากได้รับคำร้องเรียนจากอดีตสาวกและครอบครัวของสาวกที่ยังอยู่ที่นั่น แล้วม่านสุดท้ายของโศกนาฏกรรมในโจนส์ทาวน์ก็ถูกยกขึ้น

    [​IMG]14 พฤศจิกายน 1978 ไรอันพร้อมกับนักข่าว อดีตสาวกและครอบครัวของสาวกจำนวน 19 คนได้ไปยังกูยาน่า หลังจากการเจรจาผ่านทนายเป็นเวลาหลายชั่วโมง โจนส์ทาวน์ก็ยอมเปิดประตูรับพวกเขาเข้าสู่ภายในในครั้งแรกนั้น การตรวจเป็นไปอย่างไม่มีปัญหา เด็กๆ เล่นอยู่ในสนามเด็กเล่นอย่างร่าเริง ผู้ใหญ่ทำงานในไร่อย่างอิสระไม่มีทีท่าว่าถูกบังคับ พอตกค่ำจิมก็จัดเลี้ยงพวกเขาและกล่าวอย่างภูมิใจว่าผักผลไม้และกาแฟเหล่านี้ ล้วนเก็บสดๆ มาจากไร่ของที่นี่เอง พวกไรอันเกือบจะเชื่อว่าข้อครหาต่อโจนส์ทาวน์เป็นเพียงข่าวลือ หากในวันที่ 4 ของการพักที่โจนส์ทาวน์นี้เอง นักข่าวคนหนึ่งก็พบกระท่อมที่ผิดปกติหลังหนึ่ง ในกระท่อมนั้นคนแก่และคนเจ็บถูกจับนอนเรียงกันบนเตียงเก่าๆ จนแน่นไปหมด ในห้องเต็มไปด้วยกลิ่มเหม็น แมลงวันบินให้ว่อน มีกระทั่งตัวหนอนคลานอยู่จนทั่ว เมื่อนักข่าวจะถ่ายรูปก็มียามมาห้ามไว้ และเมื่อพวกไรอันถามเรื่องนี้กับจิม เขาก็ร้องเอะอะโวยวายขึ้นมาทันที (จิมในตอนนั้นป่วยเป็นโรคเบาหวานและยาที่เขากินก็มีผลต่อสภาพจิตใจอย่างมาก ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ เดี๋ยวก็ร้องไห้ เดี๋ยวก็โกรธ)

    18 พฤศจิกายน ไรอันออกจากโจนส์ทาวน์ตามกำหนดการและพาสาวกจำนวน 16 คนซึ่งต้องการถอนตัวกลับไปด้วย แต่เมื่อทั้งหมดกำลังจะขึ้นเครื่องบิน ลารี่ เลย์ตัน หนึ่งในสาวกที่ถอนตัวมา ก็ชักปืนออกมายิงพวกไรอัน พร้อมกับที่กลุ่มคนติดอาวุธออกมาล้อมเครื่องบินไว้และเริ่มการยิง สส.ไรอันและผู้ติดตามรวม 5 คนเสียชีวิต หลังจากการโจมตีนี้ ในเวลา 5 โมงเย็นวันเดียวกัน เพียง 40 นาทีหลังการโจมตีสนามบิน จิมรวบรวมสาวกทั้งหมดมาร่วมในพิธีของ "ไวท์ไนท์"


    คืนสุดท้ายในโจนส์ทาวน์

    นาง พยาบาลนำถังใส่ไซนาไนด์ออกมา ซึ่งไซยาไนด์เหล่านี้ถูกผสมกลิ่มผลไม้ให้ดื่มง่าย พวกเขาฉีดไซยาไนด์ให้กับเด็กๆ ก่อน เพื่อที่เด็กๆ จะไม่ร้องโวยวายออกมาให้เสีย "พิธี" จากคำให้การของผู้รอดชีวิต ใช่ว่าสาวกทุกคนจะยินยอมพร้อมใจกับการฆ่าตัวตายนี้ มีทั้งผู้คัดค้านและผู้ที่พยายามจะหนี หากทั้งหมดก็ถูกสาวกคนอื่นจับไว้และกรอกไซยาไนด์ลงปากหรือถูกยิงอย่างไม่ ปราณี เด็กๆ พากันร้องไห้และพ่อแม่ก็เกิดอาการฮิสทีเรีย แต่โดยรวมๆ แล้วไม่มีการขัดขืนมากนัก โดยเฉพาะคนชราซึ่งเฝ้ารอคิวของตัวเองอย่างสงบ คนที่ถึงคิวกล่าวคำอำลากับคนรู้จักแล้วดื่มยา อีกประมาณ 5 นาที ก็จะเกิดอาการทรมานทุรนทุรายจนกระทั่งตายไป

    มี เพียงส่วนหนึ่งที่หนีรอดออกมาได้ จากสาวกกว่า 1100 คน มีเพียง 167 คนที่รอดมาได้และในจำนวน 900 กว่าคนที่เสียชีวิตนั้น คาดการณ์ว่ามีถึง 300 กว่าคนที่ถูกฆ่าโดยคนอื่น มีทั้งศพที่ถูกยิงจากข้างหลังและศพที่อยู่ห่างจากแก้วยาพิษจนไม่มีความเป็น ไปได้ที่เขาจะเอื้อมไปถึง เกือบ 300 ศพจากทั้งหมดเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ภายหลังมีการนำเทปซึ่งบันทึกคืนสุดท้ายของโบสถ์มวลชนมาออกอากาศ

    "การฆ่าตัวตายนี้ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ นี่คือการต่อต้านอำนาจรัฐ เป็นการฆ่าตัวตายเพื่อการปฏิวัติ"

    ศพของจิมถูกพบบนแท่นพิธี ที่ศีรษะด้านขวามีรอยกระสุน ไม่ทราบว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรมกันแน่ แต่ดูจากสถานการณ์โดยรวม คนส่วนใหญ่ต่างก็ลงความเห็นว่านี่น่าจะเป็นการฆ่าตัวตายมากกว่า





    [​IMG]


    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    Credit : ดัด แปลงจาก: Ohx3. http://ohx3.exteen.com/20061117/jim-jones แคมมี่ เด็กดีดอทคอม. http://writer.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=205702&chapter=228 Listverse. http://listverse.com/2007/07/15/top-10-incredibl


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2012
  4. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    ผวา"ลัทธิวันสิ้นโลก"ฆ่าตัวตายหมู่ บราซิลส่งกำลังตำรวจเข้าดูแล <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td height="40"> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">13 ตุลาคม 2555 02:49 น.</td> <td align="left" valign="middle">



    </td><td>
    </td></tr> </tbody></table> </td> </tr> <tr> <td>
    </td> </tr> </tbody></table><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="500"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">เจ้าหน้าที่บราซิลถูกส่งไปยังบ้านพักของเหล่าสาวกลัทธิวันสิ้นโลก ป้องกันเหตุฆ่าตัวตายหมู่</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> คลีฟแลนด์ ลีดเดอร์ - ตำรวจบราซิลเกรงว่าเหตุฆ่าตัวตายหมู่อาจเกิดขึ้นในช่วงเย็นวันศุกร์(12) หลังจากสมาชิกลัทธิวันสิ้นโลก สร้างแนวรั้วกั้นตนเองไว้ภายในบ้านหลังหนึ่ง "เพื่อรอจุดจบของโลก" ที่พวกเขาเชื่อว่าจะเกิดขึ้น ณ เวลา 16.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น(ตรงกับเมืองไทย 02.00น.)

    เจ้าหน้าที่เชื่อว่าสมาชิกกลุ่มนี้เตรียมการฆ่าตัวตายด้วยวิธีดื่ม น้ำซุปผสมยาพิษ หลังจากผู้ก่อตั้งกลุ่ม หลุยส์ เปไรรา ดอส ซานโตส วัย 43 ปีโน้มน้าวให้สาวกเชื่อว่าวันโลกาวินาศจะเกิดขึ้นในศุกร์(12) โดยอ้างว่ามีเทวดาองค์หนึ่งลงมาพบเขาเมื่อ 4 ปีก่อนและบอกวันเวลาอย่างชัดเจนถึงวินาทีที่โลกจะถึงกาลอวสาน

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="500"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> เมื่อเดือนที่แล้ว ซานโตส โน้มน้าวสาวก 113 คนลาออกจากงาน ขายทรัพย์สมบัติและพาลูกหลานออกจากโรงเรียน และนับตั้งแต่นั้นทั้งหมดก็มาพักอาศัยอยู่รวมกันภายในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่รอบนอกเมืองเทเรซินา เมืองหลวงของรัฐปีเอาอี ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ

    ในช่วงค่ำของวันพฤหัสบดี(11) ทางการตัดสินใจส่งสารวัตรทหาร 50 นายไปยังบ้านดังกล่าว พร้อมพาตัวทารกและเด็กจำนวน 19 คนออกมา หลังได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือว่าคนกลุ่มนี้วางแผนฆ่าตัวตายด้วยการดื่มยา พิษ ขณะที่เจ้าหน้าที่เผยว่าระหว่างปฏิบัติการช่วยเหลือ พวกเขาพบสารหนูปริมาณมากภายในบ้านหลังนี้ด้วย

    มาเรีย ลุยซา มูรา ผู้พิพากษาศาลเด็กเปิดเผยว่า "เราเชื่อว่าอาจเกิดเหตุฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรมหมู่ภายในสมาชิกของลัทธินี้ ด้วยการใส่ยาพิษในน้ำซุป เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน เราจึงต้องปล่อยให้พวกผู้ใหญ่ดำเนินกิจกรรมอย่างอิสระและตามเจตนาของพวกเขา แต่เราต้องการความเชื่อมั่นว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเด็กๆ"
    </td></tr></tbody></table>
     
  5. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    จากประสบการณ์ที่ผ่านมา...สมาชิกในเวบนี้...อยากมีชีวิตอยู่...มากกว่าอยากตาย...ในวันสิ้นโลก

    แต่หากมี...ลัทธิฆ่าตัวตาย...แอบแฝงอยู่ที่นี่

    ขอให้ท่านที่ทราบเบาะแส...แจ้งมายังผมหรือผู้ดูแลเวบด้วย...ครับ

    .
     
  6. deviltrek

    deviltrek Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +96
    ความเชื่อน่ากลัวจริงๆครับ ในกรณีของจิม โจนส์ เขาถึงได้บอกว่า การเมือง ศาสนา ความเชื่อ อย่าเอามาพูดกันในวงสนทนา^^
     
  7. pmntr

    pmntr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +2,244
    เห็นด้วยครับ ต้องกำจัดลัทธิปัญญาอ่อน ไร้สมองพวกนี้ไปให้หมด
    ถึงบางคนที่นี่จะกลัวภัยพิบัติ วันสิ้นโลก แต่ก็ยังไม่เห็นใครแสดงออกว่าจะตาย ๆ หรือฆ่าตัวตาย เพราะยังเห็นคุณค่าของการมีชีวิต การอยู่รอด แม้จะยากเย็นแสนเข็ญก็ตาม
    ถ้าผมเห็น ผมไม่เอาไว้แน่นอน ต้องกำจัดจุดอ่อนของเว็บไปให้หมด จะแจ้งให้ทราบแน่นอน ถึงท่านผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    คนประเภทนี้น่าอาย น่ารังเกียจ มีปมด้อย แล้วพยายามสร้างตัวเองให้แกร่งโดยเอาความเชื่อของตนไปสร้างให้คนอื่น แล้วพยายามยัดเยียดเมื่อสุดท้ายทำไม่ได้ ก็ฆ่าเพราะคิดว่าคือทางออกที่ดี และแสดงให้เห็นถึงอำนาจของตน คนมันบ้า

    จริง ๆ ถ้าได้อ่านเรื่องราวของคนประสาท จิม โจนส์ จะรู้ว่าสาวกไม่ได้เชื่อถือเขาทุกคน มีการบังคับขู่เข็ญ รวมถึงการล่วงละเมิดทางเพศด้วย ใช้ความรุนแรงอีกต่างหาก และเชื่อว่าไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายสีของรัฐแน่นอน

    ขอประนามไอ้โรคจิตครับ
     
  8. mzbot

    mzbot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2012
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +963
    หลายๆกระทู้ในเว็บบอร์ดนี้ ก็จะมาลักษณะคล้ายๆนี่นะครับ เห็นด้วย
     
  9. Thaiki

    Thaiki Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +55
    ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้มากเลยครับ
     
  10. vanvent

    vanvent สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +1
    เชื่ออะไรโดยไม่ไตร่ตรอง น่ากลัวจัง
     
  11. แสงสีขาว

    แสงสีขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2012
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +436
    มีกระทู้แบบนี้ดีค่ะ ให้ข้อมูลในอีกด้านหนึ่ง....จะได้ไม่งมงายเกินเหตุ..ต้องฟังความเห็นจากหลายๆ กลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเห็นขัดแย้งกัน...สิ่งที่แย้งกันจะขัดเกลาให้ข้อมูลชัดเจนขึ้น....ส่วนตัวเราก็เตรียมความพร้อมประมาณหนึ่งและยังใช้ชีวิตปรกติ โดยติดตามข่าวสารจากแหล่งที่เชื่อถือได้หลายแหล่ง....

    มีผู้ใหญ่คนหนึ่งเค้ามีเงินมากเพราะได้มาเพราะเล่ห์กลทางธุรกิจ(คือคนนี้รู้จักดีก็เลยรู้ไส้แต่คนอื่นมองว่าเค้าดีเพราะทรงดีและทำอะไรเนียน) และก็เตรียมการไว้เยอะมาก ทุกด้านเลย
    ถ้าเกิดภัยพิบัติจริงคิดว่าเค้าจะรอดไหม?

    ถ้าใช้หลักว่าคนดีรอด..คนนี้สมควรตายในกลุ่มแรก..จอมโจรในคราบนักบุญ

    ถ้าใช้หลักว่าเตรียมความพร้อมรอด..คนนี้ก็จะรอดเป็นกลุ่มแรกเพราะเตรียมไว้มาก..ถ้าใช้หลักนี้ก็จะมีคนยอมโกงเพื่อได้เงินมาเตรียมตัวให้ตัวเองรอดใช่ไหม

    ถ้าใช้หลักความน่าจะเป็น ก็เป็นการสุ่มตัวอย่าง คนไม่ถึงฆาตก็รอด มีคนดีชั่วปนกันไป ถูกไหม

    ความเห็นส่วนตัว ดังนั้นใช้ชีวิตเป็นปรกติให้มีความสุข ทำความดีในทุกโอกาส ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุ่มเสมอไป ทำตามความเหมาะสมกับฐานะ ความสามารถ เตรียมความพร้อมในระดับที่ตัวเองไม่เดือดร้อน หาข้อมูลต่างๆ เปิดใจฟังความจากหลายๆฝ่าย และเตรียมการ ..สุดท้ายจะรอดหรือไม่ ก็ไม่ต้องเสียใจใช้ชีวิตคุ้มค่าในการเกิดมาแล้ว
     
  12. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    ดีครับ ควรให้ข้อมูลด้านนี้ด้วย คนจะได้ระวังไม่หลงเชื่อจนเกินไป จริงๆ เรื่องภัยภิบัติที่หลายๆ ท่านออกมาไม่เห็นด้วย ออกมาเตือนสติ มันก็เป็นประโยชน์นะครับ ถ้าเชื่อเรื่องภัยพิบัติ วันสิ้นโลก จะไปทำอะไรโง่ๆ แบบนี้ หรือแบบอื่นๆ เช่น ขายบ้าน ขายช่อง ลาออก และอื่นๆ จะยุ่งไปกันใหญ่
     
  13. llilliilliiill

    llilliilliiill เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    589
    ค่าพลัง:
    +2,741
    น้อยครั้ง จะเห็นสมาชิกหญิงออกมาให้ความเห็นอย่างมีเหตุมีผลแบบนี้โดยไม่หลับหูหลับตาเชื่อแต่สิ่งงมงาย เป็น Rep.ที่ผมชอบมากๆครับ

    การรับฟังเหตุผลที่ขัดแย้งกับความคิดของตัวเองถือเป็นคนใช้สติได้ดีเยี่ยมครับ เพราะ เหรียญ.. มีสองด้าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2012
  14. แสงสีขาว

    แสงสีขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2012
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +436

    ขอบคุณค่ะ :z6 ก่อนที่จะ ฉลาด ก็ โง่ มาก่อน งอ งู มาก่อน ฉอ ฉิ่ง เนอะ (tm-love) มีเรื่องเล่าที่จะแบ่งปันค่ะ คือช่วงปี 1999 และ 2000 ก็มีการตื่นตระหนกเรื่องโลกแตกมาแล้ว ช่วงนั้นเราเรียนอยู่ มีเพื่อนคนหนึ่งเชื่อมากจนไม่มาเรียนหมกตัวที่บ้าน แต่เราขอยอมตายในฐานะนิสิตม.ชื่อดัง แล้วเป็นไงหล่ะ ตอนนี้ โลกก็อยู่ดีมีสุข เพื่อนคนนั้นก็เสียโอกาสของชีวิตไป

    และเพื่อนของน้าสาวคนหนึ่งเป็นคนดีเคร่งศาสนามาก ยุงมดยังไม่กล้าตีเลย ไปเข้าวัดหนึ่งศรัทธามาก จนขายที่ทางบริจาควัด หวังจะได้ใช้ชีวิตบั้นปลายในวัดเพื่อจะได้ปฎิบัติธรรม แต่พอให้เงินจนหมดและไม่มีให้แล้ว กลุ่มคนในนั้นก็ปฎิบัติกับน้าคนนั้นเปลี่ยนไป และน้าก็ไม่ได้ไปอยู่ที่วัดตามที่ตั้งใจไว้ ตอนนี้ก็เลิกศรัทธาแบบสุดตัวอีกแล้ว

    ส่วนตัวเราก็ไม่เชื่อว่าคนที่มารวมตัวฟังเรื่องภัยพิบัติจะเป็นคนดีทุกคน เรื่องง่ายๆ เราเคยไปฟังสัมมนาภัยพิบัติในที่แห่งหนึ่ง เค้ามีการแจกลูกแก้วให้กับทุกท่านที่ลงทะเบียน แต่พอไปถึงมีหลายท่านไม่ได้ เพราะคนที่มาก่อน(อาจรุ้จักกับคนลงทะเบียนมาก่อนมั้ง) ขอไปให้คนที่เค้ารุ้จักที่ไม่ได้มาร่วมสัมมนา...ทั้งๆ ที่ผุ้จัดสัมมนาก็แจ้งว่าของมีจำนวนจำกัดขอสงวนสิทธิให้กับคนที่ลำบากมา...เรื่องไม่ได้ลูกแก้วไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สิ่งที่แสดงให้เห็นคือ ความเห็นแก่ตัวและเห็นแก่พวกพ้องที่ปรากฎแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ..ดังนั้นท่านที่จะสละทรัพย์สุดตัวสุดใจเพื่อไปอยู่กับกลุ่มไหนคิดให้ดีๆ นะ ท่านควรวางอนาคตของท่านกับคนแปลกหน้าที่ท่านไม่รู้จักแต่ดูน่าเชื่อถือหรือไม่..ถ้าท่านไปอยู่ท่านไม่ใช่คนวงในแล้วท่านจะกลายเป็นพลเมืองชั้น 2 ของกลุ่มหรือไม่..ค่อยๆ คิดดู....และก็ลองสังเกตุนะบางกลุ่มใช้หลักการตลาดสร้างความหวาดกลัวให้เกิดแก่ผู้ฟัง...แล้วขายของ..ขายบริการ..........บางกลุ่มตอบคำถามของท่านไม่ได้ก็ว่าท่านเป็นคนบาป..ปรามาสผู้มีธรรม..

    ลองนำเรื่องราวนี้ไปพิจารณาอย่างมีสติ...หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อท่านไม่มากก็น้อยนะคะ(f)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2012
  15. PATEE_P

    PATEE_P Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +56
    ชีวิตเป็นสิ่งล้ำค่าที่ธรรมชาติมอบให้ มนุษย์พึงใช้สัญชาติญาณในการดำรงชีวิตอย่างผู้เจริญและมีคุณธรรมให้ได้นานที่สุดไม่ท้อทอย นั่นคือมนุษย์โดยแท้
     
  16. garabuning

    garabuning สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +1
    กลายเป็นฆาตกรรมหมู่มากกว่าฆ่าตัวตายหมู่ค่ะ เศร้า
     
  17. llilliilliiill

    llilliilliiill เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    589
    ค่าพลัง:
    +2,741

    คนกลุ่มนี้บางทีก็มักบอกคนอื่นเสมอว่า "คัดเฉพาะคนดี มีบุญ จึงจะสามารถอยู่รอดจากภัยพิบัติได้"
    แค่ความเห็นแก่ตัวแบบที่เล่ามา ไร้คุณธรรมและสำนึก คนจำพวกนี้ควรถูกเลือกให้ตายมากกว่าอยู่นะครับ เพราะยังยึดติดและปล่อยวางไม่ได้
     
  18. ObaFemI

    ObaFemI สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +10
    แล้วข่าวได้บอกไหมครับว่าหลังจากวันที่12เจ้าลัทธิแก้ตัวว่าอย่างไร .....คำแก้ตัวจะคล้ายกันทั่วโลกหรือเปล่านะ.....?????
     
  19. Sestulee

    Sestulee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +2,386
    ข่าวไม่ได้บอกครับ แต่ถ้าให้เดาเอาก็คงประมาณว่าเลื่อนไปก่อนครับ เหมือนๆกับที่เคยเกิดขึ้นกับหลายๆครั้ง หลายๆคราว และหลายๆสถานที่
     
  20. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    วัดไหนเนี่ย คุ้นๆจัง :cool:
    ถ้าวิเคราะห์เรื่องในบราซิล ให้ดีจะพบว่า เจ้าลัทธิจะตายอยู่รอมร่อแล้ว แล้วก็เลยชวนคนอื่นตายด้วย อีแบบนี้ โรคจิต แล้ว เด็กก็ไม่เว้น แย่
     

แชร์หน้านี้

Loading...