ยิ่งปฏิบัติธรรมยิ่งยวด ยิ่งมาก ยิ่งห่างไกลธรรมมาก สมาธิอะไรก็ไม่ต้องไปทำ ไร้สาระ!

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย อู่หยาจื่อ, 8 ตุลาคม 2012.

  1. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    อ้าว เคยพูดเรื่องนี้บ่อยๆ แล้ว
    แต่เห็นยังมีท่านที่หลงการทำ
    อะไรเยอะๆ มากๆ ยุ่งๆ แยะๆ
    แล้วคิดว่านั่นคือการปฏิบัติยิ่ง
    ยวด แล้วเป็นของดี เห็นใครที่
    ทำอะไรเยอะๆ นั่งสมาธิ, เผา
    ตัวเอง, ทรมานตัวเองได้ ก็ยิ่ง
    ชอบ เอาละ สรุปเลยละกัน ไม่
    ต้องไปทำอะไร ให้มันได้ธรรม
    ทั้งนั้น มันไม่ใช่เรื่องทำแล้วได้
    นะครับ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง...
     
  2. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    โกหกนั้นตายตกนรก
     
  3. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    ความหลงไปปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ย่างตัวแบบโยคี อะไรนั่นล้วนไร้สาระ


    อ้าว ก่อนที่จะเตลิดเปิดเปิงไปหลงโยคีที่ย่างตัว ทำสมาธิ เผาไฟอะไรกัน
    บอกก่อนเลยครับว่าไม่ใช่กรรมของเรา เราไปทำ ก็เท่ากับเราทำกรรมต่อ
    ตัวเราเอง คือ เอาตัวเราเองไปทรมานทรกรรม ไร้สาระ เราเกิดมาก็มีกรรม
    กันอยู่แล้ว ไม่ต้องไปทำกรรมซ้ำเติมตัวเองให้โง่เง่าอะไรอีก ส่วนคนที่เขา
    ทำนั้น เพราะเขามีกรรม เลยทำอย่างนั้น หมดกรรมเมื่อไร ก็รู้เองว่าโง่เสีย
    จริงที่ไปทำกรรมต่อตัวเองเช่นนั้น ไม่ต้องไปคิดปรุงแต่ง ทำกรรมอะไรต่อ
    ตัวเองเลย เรามีกรรมมากพออยู่แล้ว รับไป เสวยไปให้หมด หมดแล้วมันก็
    "ปิ๊งได้" ถ้าเราพร้อมนะครับ ทีนี้ ที่ผมว่าไม่ต้องไปปฏิบัติธรรมอะไรนี่? ไม่
    ใช่ว่าไปสุดโต่ง ไม่ทำอะไรเลยนะครับ ทำได้ครับ เหมือนคนปกติ ทำไปไม่
    ได้กำหนดว่าต้องทำอย่างนั้นเพื่อให้ได้ธรรมอย่างนี้อะไรเลย ทำตัวตามที่
    เราเป็น ธรรมชาติตามปกตินี่ละไม่ต้องไปทำกรรมลากตัวเองให้ไปทรมาน
    เพิ่มอะไร แล้วก็ไม่ต้องไปหลงโยคีที่เขาทรมานตัวเอง ทำสมาธิมากหรือมี
    การย่างตัวในกองไฟโชว์อะไรนั่นด้วย ไร้สาระครับ นี่ผมก็ไม่ได้รู้เองหรอก
    ในเมื่อพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้แล้ว เราก็อาศัยบารมีท่านมาโปรด พอแล้ว ไม่
    ต้องไปทำตัวเป็นท่านแทนที่ท่านอีกแล้ว ไม่มีองค์ที่สองแล้วครับ ท่านตรัส
    ไว้ตั้งแต่แรกเกิด ท่านก็ชี้นิ้วขึ้นหนึ่งนิ้ว หมายถึง พระพุทธเจ้ามีหนึ่งเดียว
     
  4. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    เมื่อโลกวิกฤติ คนขาดที่พึ่งทางใจ ซาตานก็ปั้นพระพุทธเจ้าองค์ที่สอง


    ต่อไป เป็นเรื่องของการปั้นพระพุทธเจ้าองค์ที่สอง ซึ่งไม่ใช่ของจริงนะ

    ครับ เป็นของปั้นแต่ง ทำโดยภาคมืดครับ เพื่อให้มีพระพุทธเจ้าของเขา
    เองที่ไม่ใช่พระพุทธเจ้าองค์จริง พระพุทธเจ้าองค์ที่สองนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก
    ครับ หลายครั้งแล้ว ที่ภาคมืดปั้นมาให้คนประเทศต่างๆ เช่น ในประเทศ
    ธิเบตก็มี, เนปาล ก็มี ฯลฯ มันก็คือการปั้นแต่งที่ได้ผลในกลุ่มคนที่ยังล้า
    หลังครับ เพราะมันจะกลายเป็นที่พึ่งทางใจของคนในยุคนั้นๆ ได้ เพราะ
    คนทั้งหลายยังล้าหลัง และต้องการที่ยึดเหนี่ยวทางใจ ในช่วงที่โลกได้
    เข้าสู่วิกฤติ ก็เท่านั้นเอง สิ่งเหล่านี้ก็เกิดตามกันมาครับ ทว่า แท้แล้วยุค
    แต่ละยุคมีพระพุทธเจ้าได้ ๑ องค์เท่านั้น (ถ้าอยู่ในยุคที่มีพระพุทธเจ้า)
    ไม่มีการเกิดขึ้นซ้อนกันของพระพุทธเจ้าองค์ที่สองนะครับ แต่พุทธะนั้น
    มีได้มากครับ เรียกว่า "หมื่นพุทธะ" มีได้อนันต์ เป็นจิตเดิมแท้ต้นทางที่
    กำเนิดของจิตทั้งปวงมาจากพุทธะก็เท่านั้นแต่ "พุทธะ" กับ "พระพุทธ
    เจ้า" ต่างกันเล็กน้อยนะครับ ผมจึงขอเรียกพุทธะอื่นๆ ที่เกิดมาหลังพระ
    พุทธเจ้าตรัสรู้ และโปรดแล้วว่า "พุทธสาวก" ครับ เพราะชัดเจนดีที่สุด
     
  5. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    การทำงานปกติ ก็พัฒนาพละห้าอยู่แล้ว แต่ยังไม่ใช่ทาง "สัมมา" เท่านั้น


    ต่อไป คำว่าไม่ต้องไปฝึกสมาธิ เพราะมันเกิดได้เองอยู่แล้วขณะทำงานได้

    ครับ เรียกว่า พละทั้งห้านั้นก็มาจากการทำงาน, ใช้ชีวิตตามปกตินั่นแหละ
    แต่มันยังไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า "สัมมา" ครับ เพราะยังไม่เป็นกลาง ยังเอนไป
    เพื่อสนองประโยชน์ทางโลกอยู่ครับ อย่างคนที่ไปฝึกสติ, สมาธิ ฯลฯ อะไร
    ก็เช่นกัน ยังไม่ใช่สัมมาสติ, สัมมาสมาธิ อะไรหรอก มรรคมีองค์แปด จะมี
    ได้ เกิดได้ ไม่ใช่มาจากเราอุปทานไปเอง คิดเอาเอง ว่าปฏิบัติแบบนั้นแบบ
    นี้ แล้วมันจะมีได้ เกิดได้หรอกนะครับ แต่มันจะมาเมื่อได้รับการโปรดจนถึง
    ธรรมจริงๆ ครับ การเข้าถึงธรรมในระดับต่างกัน ทำให้ได้มรรคไม่เท่ากันก็
    เริ่มจากบรรลุโสดาบัน จะได้มรรค ๕ ตัวแรก (ถึงสัมมาอาชีวะ) ที่เหลืออีก
    สามตัว ก็ได้ทีละตัวตามระดับการบรรลุธรรม ก็เท่านั้นเองครับ มันกลางมา
    ก่อนบรรลุธรรมไม่ได้หรอก ก่อนบรรลุธรรม มันไม่มีใครกลาง (สัมมา) ทั้ง
    นั้น พอบรรลุธรรมแล้วถึง "กลางได้จริง" การไปปฏิบัติ มันก็ไม่ใช่ปฏิบัติที่
    เป็นกลางหรอกครับ ไม่ได้ต่างจากคนไม่ปฏิบัติ เพราะการทำงาน ก็คือการ
    ปฏิบัติธรรมเหมือนกัน ยิ่งปฏิบัติในสำนักนั้น, สำนักนี้มาก ยิ่งเอนเอียงครับ
     
  6. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    การไปปฏิบัติธรรมในสำนักทั้งหลาย ไปได้ เอาแต่พอดี ก็พอ ไม่ต้องมาก


    ต่อไป ผมไม่ได้ขวางการสร้างบารมี หรือการปฏิบัติอะไรของท่านนะครับ
    แนะนำเพียงเรื่อง "ความพอดี" คือไม่ต้องไปจมปลักปฏิบัติแล้วปฏิบัติอีก
    จนไม่รู้ว่าจะจบตรงไหน อย่างไร? เอาแต่พอดี คือ ไปเพื่อให้เกิดปัญญามี
    ปัญญาแล้ว ก็เรียกว่า "พอดี" บางคนช้า, บางคนเร็ว ไม่ต้องถึงขั้นบรรลุ
    ธรรมในพระพุทธศาสนา ก็ได้ เอาแค่มีปัญญาเข้าใจในการปฏิบัติของใน
    สำนักนั้นๆ ก็พอ ไม่ต้องไปเก่งอะไรมาก ไม่ต้องไปแข่งเอาเหนือใครในนั้น
    พอเข้าใจ พอมีปัญญา ก็พอแล้ว นี่แหละ ที่เรียกว่า "พอดี" คือ ไม่หลงไป
    จมปลักอยู่ หลงวนอยู่กับการปฏิบัติที่ไม่ก่อให้เกิดปัญญา โง่แล้วโง่อีกอยู่
    นั่น ไม่เกิดปัญญาเสียที ไม่รู้จะปฏิบัติอะไรไปให้มันนักหนา นี่เรียกว่าขาด
    สติ เพราะสติไม่ทำงาน มันจึงหลงไปเรื่อยๆ หยุดไม่ทัน สติไม่ทันบอกว่านี่
    เจ้าหลงไป หาทางจบไม่ลง หยุดไม่ได้แล้ว ก็เลยปฏิบัติจมปลัก อยู่นั่นเอง
    ส่วนคนที่ "สติทำงาน" สติก็จะบอกว่า "เอาละ พอดีแล้ว พอได้ จบได้" นี่
    สติมันทำงาน มันบอกเราอย่างนี้ ถ้ามันไม่ทำงาน มันหลับอยู่ มันไม่ตื่นเสีย
    ที มันก็จะไม่บอกเราๆ ก็จะหลงปฏิบัติไปเรื่อยๆ จนหาที่จบ หาที่หยุดไม่ได้
     
  7. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    พระพุทธเจ้าจอมปลอม กลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง การท่องเที่ยวได้


    ต่อไป ภาคมืดจะปั้นให้มีพระพุทธเจ้าจอมปลอมขึ้นมา ประเทศใดที่ทำได้ก็

    จะอ้างได้ว่า ฉันมีพระพุทธเจ้า มาดูสิ มาเที่ยวสิ ฉันเป็นศูนย์กลางของพระ
    พุทธศาสนานะ เธอจะต้องมาขึ้นกับฉัน แทนที่จะบอกว่าอะไรเป็นอะไร? ไม่
    ละ ตั้งคำถามไปว่า "เธอลองไปดูสิ ว่าโยคีคนนั้นเขาทำได้ยังไง" คือ แขก
    เขาหลอกให้เราไปดู ให้เราไปหลง ให้เราไปเยี่ยมชม แบบเนียนๆ ก็เท่านั้น
    (คนไทยโบราณถึงว่า เจองูกะแขกให้ตีแขกก่อน แหม มันหลอกเก่งจริงๆ)
    เอาละ อย่างไรเสียก็กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองซึ่งขยายผลไประดับ
    โลกได้ เหมือนประเทศในกลุ่มมุสลิมไง ทีนี้ ประเทศเขาก็เอาบ้าง ไหนๆ ก็
    มีประเทศมากมายที่นิยมพุทธ ก็เอาเลย ตั้งตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางเลยปั้น
    พระพุทธเจ้าองค์ที่สอง (จอมปลอม) ขึ้นมา ถ่ายทำให้เห็นการทำสมาธิ?
    อะไรต่อมิอะไร ไร้สาระ หวังสร้างกระแส คนที่ทำจริง ตัวจริง ก็อย่างหนึ่งก็
    ต้องแยกแยะให้ออกนะ คนละอย่างกัน ส่วนคนที่ไปปั้นให้เขาเป็น ให้คนที่
    ปฏิบัติโยคี ทำสมาธิเป็นพระพุทธเจ้าอะไรนั่น ก็อีกส่วนหนึ่ง คนละส่วนกัน
    ต้องแยกแยะให้ดีละ เอาละ อย่าไปหลงกับการปฏิบัติมาก โยคี เขาก็ชอบ
    โชว์ ชอบอวด อวดโชว์ฤทธิ์โชว์เดช ในสมัยพุทธกาลมีมากมาย พระพุทธ
    เจ้าท่านไม่นิยม เพราะไม่ช่วยให้เกิดปัญญาอะไร ยิ่งทำให้คนหลงไปใหญ่
     
  8. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    "ตัวตนที่เหลืออยู่ของพระพุทธเจ้าสมณโคดม" นั้น ก็อาจมีได้ เป็นไปได้


    ต่อไป บนโลกนี้อาจมีคนที่เกิดมาแล้วทำตัวเหมือนพระพุทธเจ้าสมณโคดม

    ก็มีได้ เพราะอะไร? เพราะในอดีตชาติมาในครั้งที่ท่านยังทรงเป็นพระโพธิ
    สัตว์ นามว่า "พระมหาโพธิสัตว์อาภา" อยู่นั้น ท่านแบ่งภาคมากมาย ทว่า
    บางภาคแบ่ง บางตัวตน ไม่ได้มาทำหน้าที่ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อไม่ได้
    ทำหน้าที่นั้น ได้ทำหน้าที่อื่นแล้ว ยังไม่เข้านิพพาน ก็มาเกิดอีกได้ และจะมี
    ลักษณะหรือพฤติกรรมคล้ายพระพุทธเจ้าสมณโคดมได้ ทว่า เขาไม่ได้มา
    ทำหน้าที่เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่สอง "เป็นพระพุทธเจ้าซ้อนกัน" นั้นไม่ได้
    เขามาทำหน้าที่อื่นของเขา ก็ว่ากันไป เท่านั้นเอง ที่สามารถจะเป็นไปได้ที่
    สุด ทีนี้ ถ้าพระพุทธเจ้าสมณโคดม จะทรงมาโปรดตัวตนที่เหลืออยู่ ซึ่งยัง
    ไม่ได้นิพพานของท่านแต่ก่อน ทั้งหลาย ก็สามารถทำได้ หากท่านจะทรง
    โปรด ทรงกระทำ อันนี้ ไม่ใช่วิสัยของเราจะไปตัดสินว่าท่านทำจริงหรือไม่
    แต่อย่างไรเสีย ในยุคพุทธกาลหนึ่งยุค จะไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดซ้อนกันถึง
    สององค์ หรือมีเกินกว่า ๑ องค์นั้น เป็นไปไม่ได้ มีได้ก็แต่ "พุทธะ" เท่านั้น
    ไม่ก็ตัวตนของ "พระมหาโพธิสัตว์อาภา" ที่ยังไม่เข้านิพพาน ก็เท่านั้นเอง
     
  9. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    อย่ามัวหลงพระอาภาโพธิสัตว์ จนหลงลืมพระพุทธเจ้าสมณโคดมละ?


    สุดท้าย พระมหาโพธิสัตว์อาภา ในอดีตได้แบ่งภาคมากมาย บางภาค
    แบ่งไม่ได้มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าสมณโคดม ดังนั้น อาจมาเกิดได้ ก็
    จะมีลักษณะคล้ายพระพุทธเจ้าสมณโคดมได้ ทว่า ไม่ใช่ว่าท่านจะมา
    เกิดเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่สอง เราก็ไม่ควรไปหลง หรือเข้าใจผิด
    เวลาเห็นใครปฏิบัติมากๆ นั่งสมาธิมากๆ ย่างตัวกับไฟแบบโยคี นี่เราก็
    ไม่ต้องไปหลง ในเมื่อพระพุทธเจ้าสมณโคดม ก็เกิดแล้ว ตรัสรู้แล้วใน
    โลกนี้ เราก็ตรงไปสู่ท่านเลยไม่ต้องวนกลับไปหาพระโพธิสัตว์อาภาอีก
    ส่วนคนที่มีกรรม มีบุญเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์อาภานั้น เขาก็ต้องมีเรื่องมี
    ราวทำร่วมกันไป ก็แล้วแต่เขา เรารู้ไว้ว่าไม่ใช่กิจของการมาตรัสรู้อีกที
    ก็แล้วกัน แต่เขาอาจทำหน้าที่เป็น "ร่างเชื่อมโยงกับพระพุทธเจ้าสมณ
    โคดม" ได้ เพราะพระพุทธเจ้าสมณโคดม มีวิบากกรรมตัดรอน ทำให้มี
    สังขารใช้ได้เพียง ๘๐ ปี ทว่า ท่านยังดำรงอยู่ในอีกธรรมชาติหนึ่ง ในที่
    ต่างไปจากเราจะคิดได้ เหนือสังขารแล้ว ท่านสามารถประสานเชื่อมโยง
    มายัง "สังขารอื่นๆ" เพื่อโปรดสัตว์ ก็ได้ ธรรมของท่าน เชื่อมโยงผ่านที่
    ร่างของคนที่ยังมีสังขารอยู่ก็ได้ อันนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาเกิดเป็นพระพุทธ
    เจ้า แต่เป็นเรื่องของการทำกิจโพธิสัตว์ ที่ใช้ร่างเชื่อมโยงกับท่าน ก็เท่า
    นั้นเอง เอาละ ในระหว่างใครบางคน กำลังเดินตามรอยกรรมเก่าของเขา
    อยู่ เราก็อย่าเพิ่งไปยุ่งจะดีกว่า รอให้เขาได้บารมีเต็มแล้ว ก็ค่อยมาว่ากัน


    จบ ...
     
  10. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    8 ต.ค. 2555


    "เสียงจากนิรนาม"
    รับสื่อสารโดย


    瑠璃王
     
  11. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    แผนการของพระอาภาโพธิสัตว์ที่วางไว้ก็คือ


    ตัวตนหนึ่งจะไปตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าสมณโคดม
    และมีกรรม มีสังขารใช้ได้เพียง ๘๐ ปี ดังนั้น ท่าน
    ก็แบ่งเอาตัวตนที่สองออกมา ในกึ่งกลางพุทธกาล
    เพื่อสานต่อศาสนาของท่านเอง โดยการประสาน
    พลังธรรมของ "มโนธาตุ" ที่เหลืออยู่ของพระพุทธ
    เจ้าสมณโคดม กับ "ร่างสังขารตัวตนที่สอง" ของ
    พระอาภาโพธิสัตว์ เพื่อเชื่อมโยงกันโปรดสัตว์จน
    ครบ อายุพุทธกาล ๕,๐๐๐ ปี อันนี้ พอเป็นไปได้


    ส่วนเรื่องการปั้นแต่งให้เป็นพระพุทธเจ้า ก็จะช่วย
    กลายเป็นกุศโลบาย ให้คนที่นับถือพุทธศาสนาไป
    ถึงร่างสังขารที่เชื่อมโยงพลังธรรมของพระพุทธเจ้า
    ได้ เท่านั้นเอง ซึ่งก็ใช้ได้เหมือนกัน (ถ้าไม่หลงนะ)
     
  12. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    รู้ใครรู้มัน ทางใคร ทางมันจร๊าา..พี่ภาษาจีน..(โมทนานะจ๊ะ)
     
  13. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    การบำเพ็ญบารมีตัวตนที่สองของพระพุทธเจ้า


    ตัวตนที่สองที่แบ่งภาคจาก "ตัวตนในมิติที่สูงขึ้น"
    (ตัวตนในมิติที่สูงขึ้น จะเป็นอำมตะอยู่ข้างบนและ
    ทำหน้าที่เหมือนผู้กำกับ ตัวตนอื่นๆ ที่ลงมาเกิดใน
    โลก ตัวตนที่ลงมาเกิดจึงเหมือนตัวละครในโลกนี้)
    แล้วมาเกิดเพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้า ทว่า เขา
    จะบำเพ็ญจน "มโนธาตุนิพพาน" ทำให้สังขารนั้น
    ไม่มีจิต เมื่อไม่มีจิต ก็เหมือนคนไร้ชีวิตจิตใจ และ
    ไม่เป็นธรรมชาติ ไร้อารมณ์ความรู้สึก ไม่เข้าใจคน
    ที่มีจิตได้ เขาจะต้องเชื่อมโยงกับ "หัวใจ" หรือคือ
    "มโนธาตุของพระพุทธเจ้า" ที่ยังไม่นิพพานไปนั้น
    ประสานกัน ทำกิจโปรดสัตว์ จนครบห้าพันปีต่อไป
    โดยจะมี "พระศรีอาร์" มาช่วยในกระบวนการนี้ครับ


    เรียกว่า "พระพุทธเจ้ามีได้ ๑ เดียว" แต่ตัวตนที่รอง
    รับพลังธรรมของท่าน มีได้มากมาย มากกว่า ๑ ครับ
     
  14. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=-zPi6fXRvb0&feature=relmfu"]เซียนกระบี่พิชิตมาร ภาค3 ตอน26-2(Vdo2yoU) - YouTube[/ame]


    คนที่จะช่วยประสาน "หัวใจ" ให้
    พระอาภาโพธิสัตว์ ก็คือ "จิ่งเทียน"
    นั่นเอง เพราะอดีตชาติมีบารมีเก่า
    ช่วยประสานหัวใจให้คนที่ไม่มีหัวใจ
    (พระอาภาฯ แบ่งภาคมาเป็นเซียว
    เหยา บำเพ็ญบารมีร่วมกัน จนสิ้น
    หัวใจแล้วต้องหาหัวใจใหม่มาแทน)


    แบบในหนังนั้นเลย (โคตรโม้เลย)
    แต่เรื่องนี้พึ่งเทียนตี้ ไม่ได้ ต้องขอ
    "พระบิดาจักรวาล" ช่วยเหลือครับ
    ดังนั้น พระพุทธเจ้าก็ต้องนำพาให้
    ตัวตนที่ยังมีสังขารของท่าน ไปให้
    ทั่วจักรวาลจนพบพระบิดาจักรวาล
     
  15. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    โลกมนุษย์ตอนนี้ กลายเป็น Virtual world
    ไปแล้ว ในหนังก็เหมือนเรื่องจริง เรื่องจริง ก็
    มาเป็นหนัง มันเหมือน แต่มันไม่ใช่อันเดียว
    กันนะครับ ดังนั้น ดูหนังหรืออะไร ก็เหมือนว่า
    ดูโลกจริงๆ ได้ครับ ถ้าเข้าใจคำว่าเสมือนจริง


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 ตุลาคม 2012
  16. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    ทรงบำเพ็ญทุกกรกิริยา ปัญจวัคคีย์เฝ้าปฏิบัติ พระอินทร์ดีดพิณถวายข้ออุปมา


    </HEADER><!-- .entry-header -->
    ตอนนี้เป็นตอนที่พระมหาบุรุษบำเพ็ญทุกกรกิริยา กลุ่มคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์นั้นคือ คณะปัญจวัคคีย์ มี ๕ คนด้วยกัน คือ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ ทั้งหมดตามเสด็จพระมหาบุรุษออกมาเพื่อเฝ้าอุปัฏฐาก ส่วนผู้ที่ถือพิณอยู่บนอากาศนั้นคือ พระอินทร์
    คนหัวหน้า คือ โกณฑัญญะ เป็นคนหนึ่งในจำนวนพราหมณ์ ๘ คน ที่เคยทำนายพระลักษณะของเจ้าชายสิทธัตถะ ตอนนั้นยังหนุ่ม แต่ตอนนี้แก่มากแล้ว อีก ๔ คน เป็นลูกของพราหมณ์ที่เหลือ คือในจำนวนพราหมณ์ ๗ คนนั้น
    ทุกกรกิริยา เป็นพรตอย่างหนึ่ง ซึ่งนักบวชสมัยนั้นนิยมทำกัน มีตั้งแต่อย่างต่ำธรรมดา จนถึงขั้นอาการปางตาย ที่เกินวิสัยสามัญมนุษย์จะทำได้อย่างยิ่งยวด ปางตาย คือ กัดฟัน กลั้นลมหายใจเข้าออก และ อดอาหาร
    พระมหาบุรุษทรงทดลองดูทุกอย่าง จนบางครั้ง เช่น คราวลดเสวยอาหารน้อยลง ๆ จนถึงอดเสวยเลย แทบสิ้นพระชนม์ พระกายซูบผอม พระโลมา (ขน) รากเน่าหลุดออกมา เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เวลาเสด็จดำเนิน ถึงกับซวนเซล้มลง
    ทรงทดลองดูแล้วก็ทรงประจักษ์ความจริง ความจริงที่ว่านี้ กวีท่านแต่งเป็นปุคลาธิษฐาน คือ พระอินทร์ ถือพิณสามสายมาทรงดีดให้ฟัง สายพิณที่หนึ่ง ลวดขึงตึงเกินไปเลยขาด สายที่สอง หย่อนเกินไป ดีดไม่ดัง สายที่สาม ไม่หย่อนไม่ตึงนัก ดีดดัง เพราะ พระอินทร์ ดีดพิณสายที่สาม (มัชฌิมาปฏิปทา) ดังออกมาเป็นความว่า ไม้สดแช่อยู่ในน้ำ ทำอย่างไรก็สีให้เกิดเป็นไฟไม่ได้ ถึงอยู่บนบก แต่ยังสด ก็สีให้เกิดไฟไม่ได้ ส่วนไม้แห้งและอยู่บนบก จึงสีให้เกิดไฟได้ อย่างแรกเหมือนคนยังมีกิเลส และอยู่ครองเรือน อย่างที่สองเหมือนคนออกบวชแล้ว แต่ใจยังสดด้วยกิเลส อย่างที่สามเหมือนคนออกบวชแล้วใจเหี่ยวแห้งจากกิเลส
    พอทรงเห็นหรือได้ยินเช่นนั้น พระมหาบุรุษจึงทรงเลิกบำเพ็ญทุกกรกิริยา ซึ่งเป็นความเพียรทางกาย แล้วเริ่มกลับเสวยอาหารเพื่อบำเพ็ญเพียรทางใจ พวกปัญจวัคคีย์ทราบเข้า ก็เกิดเสื่อมศรัทธา หาว่าพระมหาบุรุษคลายความเพียร เวียนมาเพื่อกลับเป็นผู้มักมากเสียแล้ว เลยพากันละทิ้งหน้าที่อุปัฏฐากหนีไปอยู่ที่อื่น
    [​IMG]
    *********************************************



    เทวดาที่ดีดพิณนั้นได้มาเกิดเป็น อาจารย์แดง กีต้าร์ นั่นเอง
     
  17. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    อ.แดง กีต้าร์อย่า!...ปฏิเสธพระเครื่องถ้าไม่ถึงพระธรรม

    “อ.แดง กีต้าร์” หรือ “นายมนัส พันธุวงค์ราช” ทั้งฉายาและชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันดีในวงการดนตรี โดยเฉพาะในวงการกีตาร์ ด้วยเหตุที่ว่า อ.แดง กีตาร์ เป็นอาจารย์สอนกีต้าร์ในระดับต้นๆ ของเมืองไทย ที่มีรูปแบบการสอนแบบถึงลูกถึงคนเข้าใจง่าย


    ไม่น่าเบื่อ ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งอง อ.แดง กีตาร์ นั้น ท่านสนใจปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่อายุประมาณ ๓๐ ปี จนถึงปัจจุบัน รวมแล้วสนใจฝึกปฏิบัติธรรมและเผยแผ่ธรรมมาแล้วเกือบ ๓๐ จนกระทั่งทุกวันนี้อาจจะพูดได้ว่า "อ.แดง กีต้าร์หมดสงสัยในธรรมะ และจบกิจในการปฏิบัติมาเกือบ ๑๐ ปี แล้ว"
    <!-- inside news --><SCRIPT type=text/javascript src="http://partner.googleadservices.com/gampad/google_service.js"> </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> GS_googleAddAdSenseService("ca-pub-1114872005097511"); GS_googleEnableAllServices(); </SCRIPT><SCRIPT src="http://partner.googleadservices.com/gampad/google_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> GA_googleAddSlot("ca-pub-1114872005097511", "Insidenews"); </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> GA_googleFetchAds(); </SCRIPT><!-- Insidenews --><SCRIPT type=text/javascript> GA_googleFillSlot("Insidenews"); </SCRIPT><SCRIPT src="http://pubads.g.doubleclick.net/gampad/ads?correlator=1304192281623391&output=json_html&callback=GA_googleSetAdContentsBySlotForSync&impl=s&client=ca-pub-1114872005097511&slotname=Insidenews&page_slots=Insidenews&cookie_enabled=1&url=http%3A%2F%2Fwww.komchadluek.net%2Fdetail%2F20100108%2F44010%2F44010.html&ref=http%3A%2F%2Fwww.google.co.th%2Furl%3Fsa%3Dt%26rct%3Dj%26q%3D%26source%3Dweb%26cd%3D15%26ved%3D0CDoQFjAEOAo%26url%3Dhttp%253A%252F%252Fwww.komchadluek.net%252Fdetail%252F20100108%252F44010%252F44010.html%26ei%3DAFJyUOzlDYWErQfb5oGIBw%26usg%3DAFQjCNG1QEsxYGlgea5Hj6GVTHMY-KE4uQ&lmt=1349665999&dt=1349665999593&cc=100&oe=windows-874&biw=1259&bih=599&adk=4030606619&adx=142&ady=893&ifi=1&oid=3&u_tz=480&u_his=3&u_java=true&u_h=800&u_w=1280&u_ah=770&u_aw=1280&u_cd=32&flash=11.4.402.265&gads=v2&ga_vid=1110391778.1349666000&ga_sid=1349666000&ga_hid=1780320405"></SCRIPT>

    "ผมไม่มีเรื่องอะไร หรืออุบายอะไรมาสอนให้ท่านลงมือปฏิบัติหรอกครับ (จริงอยู่ดังที่ผมเล่าให้ฟังผ่านมาแล้ว) ผมตอนสมัยเริ่มแรกๆ ผมก็ไม่เคยมีข้อมูลธรรมะอะไรๆ มาก่อน ท่านสอนให้ทำอะไร ผมก็ทำแบบเด็กที่ว่านอนสอนง่าย คือจะไม่ลังเลสงสัย ไม่ชอบสอดรู้ สอดเห็น ไม่ชอบถามปัญหาธรรมะ คือไม่รู้จะถามอะไร แต่ก็เห็นคนส่วนมากเขาชอบถามกัน ผมได้ยินได้ฟัง ก็ฟังๆ ไปอย่างนั้นเอง ไม่เคยคิดเอาคำถาม คำตอบ ที่เขาถามกันมาเทียบเคียงกับตัวเอง คือไม่รู้จะเทียบอะไร เพราะเราก็ไม่รู้เรื่องปฏิบัติธรรม สมัยนั้นผมไม่ได้สนใจคำว่าปฏิบัติธรรม ผมคิดแต่เพียงว่า ทำอย่างไรก็ได้ให้ผมหายกลัวผี หรือถ้าเจอผีหลอก ขอให้มีของดีเอาไว้กันผี ก็พอแล้ว โดยได้คำว่า พุท - โธ เอาไว้กันผีในตอนแรก และผมก็รู้ได้แค่นี้แหละว่า คำว่า พุท-โธ กันผีได้ คือให้รู้คำว่าพุท-โธไปพร้อมๆ กับลมหายใจ" นี่คือจุดเริ่มต้นการปฏิบัติธรรมของ อ.แดง กีตาร์
    ทั้งนี้ อ.แดง กีตาร์ ยอมรับว่า ก่อนที่จะเดินสูสายทางธรรมชีวิตเวียนวนอยู่ในหนทางอบายมุข กินเหล้า สูบบุหรี่ เที่ยวกลางคืน ถือว่าเป็นธรรมมาชีวิตของนักดนตรี หรืออาจจะเรียกได้ว่า ชีวิตหันหลังให้วัด ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าได้ยินเพลงครั้งเดียวสามารถเล่นกีตาร์ได้ทุกตัวโน้ตทั้งเพลงโดยไม่ผิดเพี้ยน แต่เรื่องสวดมนต์ไม่ได้เลยสักบทแม้ว่าจะผ่านหูมาหลายครั้ง ไม่รู้เลยว่าการปฏิบัติธรรมคืออะไร ก็ทำตามแบบโง่ๆ ง่ายๆ ไปเรื่อยๆ สบายๆ มิได้หวังบรรลุอะไรๆ ไม่ต้องการรู้ธรรมะอะไรๆ เลย และก็ไม่เคยคิดจะรู้อะไรๆ ให้มันก้าวหน้าต่อไปด้วย คือพอใจอยู่กับคำภาวนาว่า พุท - โธ ที่แย่ยิ่งกว่า คือ อ่านหนังสือธรรมะพร้อมๆ กับนั่งกินเหล้า แต่สุดท้ายก็หันหลังให้กับทางอบายมุขมุ่งเข้าหาทางธรรมมาเป็นเวลา ๓๐ ปีแล้ว
    อย่างไรก็ตามด้วยเหตุที่เป็นนักปฏิบัติธรรมและนักเผยแผ่ธรรมที่มีลูกศิษย์มากท่านหนึ่ง อ.แดง กีตาร์ มักจะถูกลูกศิษย์ร้องขอให้สร้างวัตถุมงคลเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนียวและนึกถึงคำสอนของ อ.แดง กีตาร์หลายรุ่น ทั้งตะกรุ เครื่องรางประเภทหิน พระเครื่อง รวมทั้งผ้ายันต์ลายเท้าตัวเอง แจกจ่ายเป็นที่ระลึกให้กับลูกศิษย์นับจำนวนไม่ถ้วน
    ทั้งนี้ อ.แดง กีตาร์ ได้พูดถึงธรรมะและวัตถุมงคลไว้อย่างน่าคิดว่า “ผมสอนคนมา ๕๒ จังหวัด ผมอยากให้คนเข้าถึงธรรมะด้วยปัญญา ไม่อยากให้คนเข้าหาธรรมะด้วยความมุ่งหวังอยากได้ให้สมอยาก ซึ่งเป็นการสอนและเผยแผ่ธรรมที่ไม่ถูกต้อง เช่น ปฏิบัติธรรมเพื่อพ่อแม่ให้หายป่วย ปฏิบัติธรรมเพื่อความร่ำรวย เป็นต้น ขณะเดียวกันอย่าปฏิเสธพระเครื่องถ้าไม่เข้าถึงพระธรรม เพราะคนจำนวนไม่น้อยยังขาดปัญญา หากใช้ศรัทธานำและใช้เป็นเครื่องล่ออย่างน้อยก็ทำให้คนเข้าหาธรรมในที่สุดปัญญาย่อมเกิดขึ้นได้ หรือ ที่เรียกว่าศรัทธาด้วยปัญญามิใช่ศรัทธาด้วยความงมงายผมไม่ได้ปฏิเสธเรื่องวัตถุมงคล ไม่ปฏิเสธเรื่องการไหว้พระขอพรสิงศักดิ์สิทธิ รวมทั้งทำบุญในรูปแบบใดๆ ก็ตาม แต่ถ้าจะให้ดีต้องมีปัญยาเป็นตัวประกอบด้วยถึงจะเรียกว่าดีที่สุด ก่อนหน้านี้ผมแขวนพระเครื่องนับสิบองค์ ใครให้พระอะไรก็นิมนต์ขึ้นคอหมด แต่เมื่อได้มาศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรมแล้ว จึงเข้าใจว่าแท้ที่จริงแล้วเมื่อมีปัญญาก็จะคุ้มครองผู้นั้นๆ ทุกด้าน"
    พร้อมกันนี้ อ.แดงกีตาร์ ได้พูดในฐานะที่จบกิจในการปฏิบัติธรรมว่า ทุกวันนี้เรากำลังเข้าใจผิดอย่างมาก เกี่ยวกับเรื่องการเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เพราะไม่รู้ทั้งอาจารย์ และลูกศิษย์ คือนักธรรมะที่อ้างว่ามีปัญญา หรือนักธรรมะทั่วๆ ไป หรือคนปกติทั่วๆ ไป ก็จะห่วง และเป็นกังวลกับเรื่อง ชีวิตหลังความตาย คือเคยไปฟังๆ อะไรๆ มา ก็เชื่อๆ กันไปแบบ ลมๆ แล้ง ว่าตรงนี้เป็นโลกมนุษย์ ใต้ดินมีเมืองนรก บนฟ้ามีเมืองสวรรค์ มีเทวดา มีนางฟ้า หากเมืองสวรรค์มีจริง เมืองพรหมมีจริง เมืองนิพพานมีจริง การท่องเที่ยวในวัฏฏะสงสารมีจริง หรือการกลับชาติมาเกิดใหม่มีจริง สิ่งที่จะเป็นเสบียงไว้เลี้ยงตัวของจริงก็คือตัวปัญญา นะครับ ไม่ใช่เรื่องการเสียเงิน เสียทองไปทุ่มเททำบุญ ทำทานด้วยความเชื่อ ว่าจะได้อะไรๆ สมอยาก คือ ได้ผลตอบแทน จากการเสียเงินทำบุญ ทำทาน) นี่ถือว่าคิดผิด หากทำเหตุถูกต้อง แล้วทุกอย่างจะไหลไปเอง เราไม่มีหน้าที่ไปกำหนด ว่าเราต้องการไปเกิดในที่นั้น ที่นี้ หรือจะกลับมาเกิดใหม่ แล้วมีเงินมากๆ รวยเป็นมหาเศรษฐี มีอำนาจมาก มีบริวารมาก นี่มันเรื่องสอนใหเพ้อเจ้อ หาความจริง หาความมั่นใจมิได้
    แจกฟรี!...ธรรมกระชากใจ
    "พระพุทธเจ้าสอนเรื่องรู้สึกตัว ปฏิบัติรรมแล้วมิได้อะไร ธรรมะของจริงเกิดขึ้นในปัจจุบัน ธรรมะที่เป็นากล คือ ชีวิตที่นิ่งเงียบ และ ปฏิบัติรรมของจริงเกิดในปัจจุบัน" นี้คือเนื้อหาบางส่วนของหนังสือ "ธรรมกระชากใจ" ที่นายชวิน ยงยุทธ รวบรวมและเรียบเรียงธรรมะของ อ.แดง กีตาร์ และจัดพิมพ์จำนวน ๑๐,๐๐๐ เล่ม แจกฟรีสำหรับผู้สนใจ รวมทั้งเพื่อหารายได้จัดตั้งกองทุนนำไปใช้พิมพ์หนังสือธรรมะในคร้งต่อๆ ไป อย่างต่อเนื่อง
    นายชวิน บอกว่า หนังสือธรรมะเล่มนี้ไม่ได้สอนอะไร เพียงบอกให้ฟังๆ อย่างเดียว หรือน้อนำทำให้เข้าใจอย่างแยบคายสุดๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับหนังสือธรรมตามท้องตลาดทั่วๆ ไป ยิ่งในยุคโลกาภิวฒน์ที่เฟื้องฟู ผู้ที่มีปัญญานั้นเริ่มหายากเข้าทุกที เพราะถูกบดบความคิดจนเกือบมองไม่เห็นถึงตามแตกต่างของความจริงกับความเชื่อนั้นต่างกันอย่างไร หากเราเป็นชาวพุทธแบบสากลก็รเปิดใจให้กว้าง ลองเปิดใจอ่านหนังสือะรรมะแนวใใหม่แบบพิสูจน์ดวยตากันจริงๆ และรับสัมผัส้วยใจตนเองดู แล้วจะถึงสัจจะธรรมที่ว่า สุขอื่นยิ่งนั้นไม่มีเท่าสุขที่ได้รู้เฉาะตน โลกนี้จึงมีอะไรที่ท้าทาย รอให้เราพสูจน์อีกมาก หากโลกยังหมุนอยู่ชีวิตแห่งการเดินทางก็ไม่สิ้นสุด
    ผู้อ่านท่านใดสนใจหนังสือ "ธรรมะกระชากใจ" ขอรับได้ฟรีที่ ก้อนเมฆแอนด์กนกรุ๊ป ๓๕/๑๕๑ ม.๑ ต.บางศรีเมือง อ.เมือง จ.นนทบุรี หรือ ที่นายชวิน ยงยุทธ โทร.๐๘๙-๗๘๕-๓๖๐๕ Email:chawin009@hotmail.com
     
  18. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=ilqJWGj0Mi4&feature=relmfu]ธรรมะจิตประภัสสร 1/2 - YouTube[/ame]


    ท่านสอน ปฏิบัติแบบไม่ปฏิบัติ
     
  19. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=NqFZxNQSUqg&feature=relmfu]ห้ามฝึกจิตหยุดแสวงหาพบนิพพาน - YouTube[/ame]
     
  20. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=mnQy4rB1T2E]โชคดีใช้กิเลสเป็นจึงดับทุกข์ได้ - YouTube[/ame]
     

แชร์หน้านี้

Loading...