กำแพงที่มองไม่เห้น

เกจิอาจารย์ หรือพระสงฆ์
ที่เคร่งในการปฏิบัติและทำสมาธิ
หรือบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้บวช
แต่ก็ปฏิบัติสมาธิด้วยดี
ที่เรียกว่า "บวชที่ใจ"..
และหลายคนก็จะพบว่า
ดีกว่า พระที่บวชเสียอีก

เมื่อ ทำสมาธิปฏิบัติธรรมได้ดี จน ถึง จุดๆๆหนึ่ง
ก็จะมีอภิญญา มีอำนาจจิตในการกำหนด
รูปแบบ ของพลังงานพิเศษออกมาได้

สามารถที่จะกำหนดให้พลัง อัดพลัง
ย้ายพลัง ..ลงในวัตถุต่างๆ ได้
โดยเฉพาะ พระเครื่อง
ที่ คนไทยมากมายเกือบ ร้อยละ 70 ใส่
หรือ ห้อยพระเครื่อง
เพื่อความปลอดภัยเฉพาะตัว

อำนาจของพลังที่ใส่หรืออัดลงไป
จะมีจริง แรงมาก หรือ น้อย
ขึ้นอยู่กับ อำนาจตะบะของผู้นั้น

ชนิดอำนาจอภิญญา ที่ให้คุณ
ไม่ว่า คงกระพัน พุทธบารมี
คล้วคลาด เมตตามหานิยม
ป้องกันคุณไสยกันผี หรือ โชคลาภ
ก็จะเกิด ตามความชำนาญที่ไม่เท่ากัน
ของ แต่ละอาจารย์

 

เกจิอาจารย์ หรือ หลวงพ่อ หลวงพี่ หลวงปู่ดัง
เมื่อ อัดพลังลงไปในวัตถุมงคล
ก็จะได้ อำนาจที่เป็นกลุ่มก้อน กลม
มีรัศมีกระจาย ออกมาครอบ ผู้สวมหรือ พระเครื่องนั้น
อำนาจจะครอบ คน ให้เหมือน ตัวคน เป็นไข่แดง
มีไข่ขาว และเปลือกไข่หุ้ม

เปลือกไข่ และไข่ขาว จะหนาหรือ บาง..
ขึ้นอยู่กับ อำนาจของตะบะผู้นั้น

เราจะเห็นว่า ในการเปิดร้าน หรือ เปิด กิจการใหม่
จะมีการนิมนต์พระสงฆ์ ที่เชื่อว่า มี อำนาจตะบะดี
มาทำการเจิมร้าน เพื่อ ความเป็นศิริมงคล

การเจิมนั้น..ก็คือ เอาพลัง ก้อนๆๆ
มาจุกที่ หน้าร้าน
ส่วนใหญ่จะเชิญ พระสงฆ์ ที่รู้กันว่า
มีตะบะ ทางเมตตามหานิยม และโชคลาภ
เพื่อ ให้พลังที่เป็นก้อนๆๆ นั้น
ดูด ลูกค้า เข้าร้าน

การนิมนต์ พระมาทำการเปิดร้าน ต้องระวัง
อย่านิมนต์ผิด นิมนต์
พระที่ดังทางด้าน แคล้วคลาด หรือ คงกระพันไป
พลังนั้น จะ ผลักดัน สิ่งที่ไม่ดี คนที่ไม่ดี
ไม่ให้เข้าร้าน

แล้วสมัยนี้ คนมี สตางค์ มากๆๆ
มักจะเป็น พวก ที่ รวยจากการทำมาหากิน
ที่ผิดกฏหมาย
เช่น ค้ายาเสพติด เจ้าของบ่อน ค้าหวย
ค้าของเถื่อน ฯลฯ

การค้า จึงไม่ต้องกรอง
หรือเลือก เอาแต่คนดี เข้าร้าน
ใครมีเงินก็เข้ามาได้..เงินก็จะไหลมาเทมา..
ไม่ว่า เงินดี หรือ เงิน สกปรก
หรือ ใครอยากจะกินอุดมคติ ว่า..
ไม่ขายให้แก่ คนชั่ว คนเลว..ก็เอา

เราจึงได้เห็นว่า ตามร้านทอง
ไม่ว่า ร้านดังแถวเยาวราช หรือ
ตามตลาดใหญ่ๆๆ มักจะอัญเชิญ
พระแม่กวนอิม มาติดตั้งในร้าน

เพราะ พระแม่กวนอิม
ท่านเมตตาต่อสัตว์โลก.
ต่อ คน.ไม่ว่า จะเป็นคนดี หรือ คนเลว

จะเห็นว่า ร้านค้า จะไม่อัญเชิญหรือ
ตั้งรูปบูชา ของ องค์พระศิวะและ
พระแม่อุมา โดยเฉพาะ ปาง เจ้าแม่กาลี
เข้ามาตั้งภายในบริเวณร้าน

เพราะ ทั้งคู่ เป็นผู้สร้าง และผู้ทำลาย
เป็นผู้สร้าง ก็คือสร้างขึ้นมา..ให้มีขึ้นมา

เป็นผู้ทำลาย..เมื่อพบว่า สิ่งนั้นเลว หรือ ชั่วช้า
หรือ อีกนัยหนึ่ง ทั้งคู่เป็น กทม บน สวรรค์
ที่ คอยกวาดมนุษย์เลวๆๆ..ทิ้งไป
ดังนั้น คนมีสตางค์ แต่เลว ชั่วช้า..
ท่านจึงไม่ให้เข้าร้าน

 

การอัดพลัง ลงไปในรูปแบบที่เป็นก้อน..
ทำง่าย เพราะ..เป็นไปตาม รูปแบบ
ของสิ่งที่จะใส่..และมักจะเป็น ชิ้นเล็กๆๆ
ที่เหมาะ กับการที่จะแขวน ..
จะห้อย..จะเหน็บ..จะพกพา

แต่ถ้าผู้มีอภิญญา หลวงปู่ หลวงพี่
ที่อัดพลังลงในวัตถุ ทำให้อภิญญา
ออกมาเป็นรูปกลม เหมือน ฟองไข่
เปลี่ยนเป็นพลัง มาเป็นเส้น ยาว
ยืดออกไป เหมือน กำแพงรั้ว

แล้วกำหนด ให้ เส้นพลังนั้น
ล้อมรอบ บ้าน..ร้านค้า..เคหสถาน
ปิดโดยรอบ..ปิดบนฟ้า..ปิดใต้ดิน..
ครบ 6 ทิศ จะดีกว่ามาก

แทนที่จะ เอาพลังมากระจุก อยู่แค่หน้า ร้าน
แต่ด้านข้าง ด้านบน ด้านหลังบ้าน..โหว่
แต่ก็จะมีปัญหา อื่นตามมาทันที

ต่อไป พระสงฆ์เกจิอาจารย์ เมื่อ เขานิมนต์ไป
แทนที่ จะอยู่เจิม แค่ป้ายหน้าร้าน
กลับจะต้อง เดินไป.. รอบ บ้าน ..รอบร้าน

เพื่อ เอาพลังมาปิด สี่ด้านกำแพง..ปิดที่พื้น
แล้วต้องขึ้นบรรได ไปยังชั้นสูงสุด เพื่อ ปิดฟ้า
ตึกสมัยใหม่ สูง เจ็ด แปดชั้น..ก็คงจะแย่

บรรดา หลวงพ่อ..หลวงปู่ ทั้งหลาย
กว่า จะปฏิบัติ จนได้ อภิญญา
ก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิต
ก็คงจะมีอายุ เกิน 70-80 ปี..
ปีนบันไดสูงๆๆ ขนาด 7-8 ชั้น
คงจะมรณะภาพเป็นแน่

แก้ด้วยวิธีเดียว คือ เจ้าของงาน
จะต้อง ทำ เสลี่ยง จ้างคนหามขึ้นไป
อย่างน้อยก็ต้อง 4 คนยก..เป็นอย่างน้อย

 

การสร้างกำแพงมนตรา ครอบคลุมพื้นที่
เป็นการแก้ฮวงจุ๊ยได้แบบหนึ่ง

หลักของฮวงจุ๊ย คือ เชื่อว่า
ในอากาศ มีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า "ปราณ"
"ปราณ" นี้เป็นของไหล เป็นของดี..มีอยู่ทั่วไป
ที่ใด ปราณ ไหลได้มาก ก็จะยิ่งดี

นักแก้ฮวงจุ๊ย จึงต้องยังสถานที่..
ล้วใช้พิจารณญาณ
ดูว่า ตรงจุดใหน..ลมไม่ผ่าน.
เมื่อ ลมไม่ผ่าน.
ก็จะเป็นจุด ตาย ของ พลัง ปราณ
ความสะบาย ..ความโชคดี จึงไม่มี

เขาก็จะให้แก้.โดยรื้อ ย้าย..ทุบ
ประตูหน้า ต่าง..ผนัง..เสียใหม่
ทำให้เสียเงิน ..เสียทอง..กันอย่างมากมาย

คนใหน..ที่ไม่ค่อยมีสะตางค์..
เองก็ได้..ง่ายๆๆ
เอาะธูปมากำใหญ่..จุดให้มีควันเยอะๆๆ
แล้วไปยืน ตรงหน้า ประตูเข้าบ้าน

แล้วดูว่า ควัน มันไหลเข้ามาในบ้าน เป็นเส้นแนว
ตามมุม.. ตามโค้ง..ตามหลบ..อย่างไร
จุดไหนที่ ควันไม่ผ่าน..แปลว่า เป็นจุดอับ..
ถือว่า ไม่ดี ตามตำรา ฮวงจุ๊ย

แล้วก็ไม่ต้อง มาทุบ รื้อ ย้าย หน้า ต่าง ผนัง.ประตู
เมื่อรู้ว่า ตรงไหน เป็นจุดบอด..จุดมืด..
ก็เอา ความสว่าง ใส่เข้าไป

อะไร..คือ ความสว่างที่ดี ที่สุด..
สว่าง ทั้ง สถานที่ และ จิตใจเรา

พระพุทธรูป ครับ
เอามาตั้งตรงจุดที่ อับมุมนั้น
ความสว่าง ด้วยอำนาจของพุทธบารมี
นั้น..ดีที่สุดในโลก

การแก้ฮวงจุ๊ย โดยพุทธบารมี
ดี ที่สุด สำหรับคนไทย ..เพราะ เราเป็นประเทศ
ที่มี พระพุทธศาสนา เป็นศาสนา ประจำชาติ
ทำไมเราจึงไม่ใช้ สิ่งที่ดี ที่สุดที่เรามี

 

การสร้างกำแพง มนตรา..
จะเป็นกำแพงที่มองไม่เห็น
เมื่อไม่เห็น..จึงมีคนส่วนใหญ่
ที่ มีแนวคิด หนักทางวิทยาศาสตร์
เมื่อ.ไม่เห็น..ก็จะไม่เชื่อ

แต่ยู่อย่างหนึ่ง..
คือ คนเรามีประสาททางการสัมผัส
ถ้าสัมผัสได้..ก็จะเชื่อ

ในงาน"มินิมหกรรมพลังจิต"
ที่จะมีการจัด ไปเรื่อยๆๆ
ในตอนท้ายของ การทำกิจกรรม..ก่อนปิดงาน
จะให้ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม ทั้งหมด..
ตั้งแถวเรียงเดี่ยว เป็นหน้า กระดาน..เป็นเส้นตรง

เริ่มให้ทุกคนลองเอามือ สัมผัสว่า..
ขณะนั้น..ยังไม่มีกำแพงที่มองไม่เห็น
จะรู้สึกได้..ว่า มีแต่ความว่างเปล่า

แล้วก็จะมี คุรุ ผู้มีตะบะ มาสร้างกำแพง
เมื่อสร้างเสร้จใช้เวลาไม่เกิน 1 นาที
แล้วจะให้ ทุกคนลอง สัมผัส..
กำแพงที่มองไม่เห็นนั้น

ลองให้เดินผ่านกำแพง..
ดูว่า..เหมือน เดินผ่านอะไร หนึบๆๆ
เหมือน ลุยน้ำ ที่สูงท่วมตัวใหม
ถูกรั้วตัว..อยู่ใหม

กำแพงที่มองไม่เห็นนี้..มีความประหลาดอยู่ในตัวเอง
ขึ้นอยู่กับความเร็ว..ของสิ่งที่ผ่าน

ถ้าเราเดินผ่านปกติ..
เราก็จะรู้สึก หน่วง เหมือนเดิน ลุยน้ำ
ถ้า วิ่งผ่าน..ก็จะเหมือน ชนกับกำแพง
ถ้า วิ่งเร็วมากๆๆ..ก็อาจจะกระเด้งกลับ..หงายท้อง

เราจะเปิดช่องให้คนที่อยากลอง..
ให้วิ่งดู ว่า จะชนกำแพงจริงหรือไม่

กระสุนปืน เร็ว กว่า ความเร็ว ของ คนที่ วิ่ง
ระมาณ 250 เท่า
ยิ่งเร็ว..กำแพงจะยิ่งหนาและแข็ง
กระสุนปืน... จะหยุด ผ่านไปไม่ได้

และจะเป็นคำตอบปัญหาที่ค้างคาใจผู้คนมานาน
ที่อยากรู้ว่า..อำนาจอภิญญา ประเภท คงกระพัน
หรือ แคล้วคลาด.นั้น ..
เป็นไปได้ อย่างไร...หยุดกระสุนปืนได้อย่างไร

ถ้าได้มาวิ่งผ่าน กำแพงที่มองไม่เห็น
ในงาน"มินิมหกรรมพลังจิต"
ที่บรรดาคุรุ ได้รวมตัวกันมา ร่วมกันสร้างสรรค์

เหมือน "เรายก โรงเรียน แฮรี่ป๊อตเตอร์" มาไว้ที่นี่

 

ขออนุญาตcopyครับ

 

พอดีเข้ามา กระผมเลยถือโอกาสนี้ขอกราบอาจารย์อาชวินครับ..

อาจารย์ตื่นเช้าทุกวันเลยนะครับ
ตัวกระผม เวลามาถึงที่ทำงานทีไรก็จะเข้ามาดูบอร์ดอาจาย์ทุกครั้ง
คอยติดตามข่าวสารจากอาจารย์ และความรู้ที่อาจารย์มอบให้ทุกวัน
สงสัยผมอยากไปงานมินิฯ วันที่ 9 นี้มาก
เมื่อคืนฝันว่าได้ไปวัดพลังกับอาจารย์ ดันพลังกันใหญ่
อีก 1 สัปดาห์แห่งการรอคอย...

ขอบพระคุณครับ...

 

สวัสดีครับ อ.อาชวิน
ตื่นเต้นจังเลยครับใกล้ถึงแล้วอยากให้ถึงเร็วๆจังเลย

 

ผมได้มีโอกาสทดลองสัมผัสกำแพงมนตรามาแล้วครับ...ที่บู๊ท052
วันนั้นอาจารย์ท่านสร้างให้ดูรอบบู๊ทเลย...อ.ท่านเก่งมากเลยสั่งวิ่งเข้าวิ่งออก
ลอยสูงขึ้น-ต่ำลงได้ด้วย...ผมเห็นเป็นกลุ่มพลังงานหนาๆ สัมผัสได้โดยตรงเลย...น่าสนใจมาก...แต่วันนั้นไม่ได้ลองวิ่งผ่านครับ ฮ่า ฮ่า ผมเองก็เคยลองสร้างไว้คลุมบ้านตัวเองเหมือนกันครับ...แต่ไม่มีโอกาสได้มาทดสอบ วันนั้นได้ความรู้จริงๆครับ..ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์มากเลยครับที่ให้คำแนะนำชี้แนะ

 

รู้สึกเหมือนคุณ fevernova ตื่นเต้นและอยากให้ถึงวันงานเร็วๆจัง ไม่รู้ว่าช่วงนี้เป็นโรคติดกระทู้ของอาจารย์ตาที่สามหรือเปล่า อยากเข้ามาเห็นกระทู้อาจารย์ทุกวันเลย

ขอขอบคุณอาจารย์ที่เข้ามาให้ความรู้กับพวกเราชาวพลังจิตนะคะ

 

ผมขอความรู้จากท่านอาจารย์เพิ่มเติมเล็กน้อยนะครับ....คือกำแพงนี้จะสร้างเป็นรูปอะไร-ขนาดเท่าไหร่ก็ได้ใช่ไหมครับ...ไม่จำเป็นต้องเป็นรูปแบบผนังสี่เหลี่ยมเสมอไป...เพราะที่บ้านผมสร้างไว้เป็นรูปโดมเลยแบบกะลาคว่ำ...ปรกติจะมีทรายเสกของหลวงพ่อฤาษีฯโดยไว้รอบบ้านอยู่แล้ว...ถ้าเพิ่มกำแพงแก้วเข้ามาอีกชั้นก็จะมั่นใจยิ่งขึ้น...และเราขอให้กันเฉพาะสิ่งไม่ดี ผีไม่ดี คนไม่ดีที่เป็นโทษกับคนในบ้านไม่ให้เข้ามา...ส่วนคนดี ผีที่มีพระคุณ(เจ้าที่)-มีดีช่วยปกปักรักษาขอให้เข้าออกได้ตามปรกติ..ผมอธิษฐานขอไว้แบบนี้ครับ

 

(i) (i) (i)
Number '3' is a charm.
Is it about time to name this institution officially?
Instead of repeatedly referring it to the Harry Potter School.

A name that would reflect its purposes, origin, objectives and 'Magic'.

 

เห็นด้วยกับคุณ XANADU เราควรมีนามของศูนย์ที่มีความหมายมีศักดิ์ของความเป็นตัวเรา "self entity"
ขออนุญาติเสนออาจารย์อาชวินเปิดกระทู้ให้สมาชิกและผู้สนใจในพลังแห่งจิตมนุษย์และอภิญญานี้ประกวดตั้งชื่อของศูนย์หรือสถาบันนี้

 

ตอบ Nirvana 008
เวลาสร้างกำแพงด้วยจิต และมนตรา
จะกำหนดกำแพงให้หนาเท่าใดก็ได้
สูง-ต่ำ อย่างใด..ก็ได้

ปกติ ในเมือง ห้องจะเป็น ล็อคๆๆ รูป เหลื่ยม
จิตจึงต้องสร้างกำแพงมนต์ รอบ ทั้งสี่ ด้าน
เป็นเหลี่ยม ตามแนว กำแพงรอบ

แต่ถ้าเป็น พื้นที่ กว้าง หลายไร่
และมี ตัวบ้านอยู่กลางพื้นที่
มีแนวกำแพง คดเคี้ยวตามรูปพื้นที่

เวลาสร้างกำแพง ก็ใช้สายตา
กวาด ตาม ขอบรั้ว หรือ เสมอ รั้ว
กำแพงมนตรา..ก็จะอยู่ติดกับรั้วนั้น..ตลอดไป

เมื่อปิด รอบ ด้านแล้ว ก็ ต้อง ปิด บนฟ้า..
และใต้พื้น ส่วนใหญ่จะปิด บน และล่าง
เหมือน ฝากล่อง

คือ อยู่ในมิติที่แบนราบ แบบพื้น บ้าน
และพื้นดาดฟ้า
จะให้สูงกว่า หลังคา ประมาณ 2.00 ม

ปิดแล้ว....ลมพัด ลมเพ..เข้าไม่ได้
ไม่ต้อง ไป สร้าง ต้นไม้ ขวาง.
.สร้างน้ำพุป้องกัน อย่างที่ทำกัน..
ราคาหลายล้าน

ใครที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านที่มีตราสัตว์
มีกำลัง เช่น ครุฑ เสือ จรเข้ ฯลฯ

แต่ก่อน แก้โดยเอากระจกมาตั้ง
สะท้อนกลับ ติด รูป กระจกหกด้าน ใยแมงมุม..
สือคาบดาบ ป้องกัน

มันอาจกันได้ เฉพาะ ที่ตรงๆๆตัวเสือ
รงกระจก ตรงใยแมงมุม เท่า นั้น
เอากำแพงมาปิด บ้าน โดยรอบเสียเลย..
ดีและง่ายกว่า แยะ

จ้าง หมอ ฮวงจุ๊ยมาแก้ ทั้ง รื้อ ทั้งทุบบ้าน..
เสียเงินเป็นแสน เป็น ล้าน

จ้างมาติดกำแพงมนตรา.ง่ายๆๆ
เสียค่า น้ำมันรถ..ค่าโอเลี้ยง..
ค่าเหนื่อยเสียเวลา
พันสองพันเท่านั้นเอง..ขึ้นอยู่ว่า ไกล หรือ ไกล้
และรับประกันด้วย..ว่า
ติดกำแพงแล้ว..ผี ไม่เข้าบ้าน

 

สุดยอดเลยครับ งานครั้งที่2นี้ไม่ธรรมดาแน่เลย อิอิ

 

การสร้างกำแพงมนตราที่มองไม่เห็น
มีหลักสำคัญ คือ.
.ต้องเจรจราอัญเชิญพระเกจิอาจารย์
ที่ดังในอดีต เกี่ยวกับพลัง
คุณไสย และคงกระพัน

ให้ท่านมา ณ จุดที่ต้องการ
แล้วขอให้ท่านสร้างให้...ท่านก็จะสร้างให้

ใหม่ๆๆ สร้างกำแพงเพียงชั้นเดียว
..ความแรงพอประมาณ

วันนี้ ลอง อัญเชิญ หลวงปู่ หลวงพ่อ
มา 6 องค์ ที่ดังๆๆ
ให้ท่าน สร้างกำแพง เป็นกำแพง หนา 6 ชั้น
เหมือน ขนมชั้นที่เรียงกันเป็น ชั้นๆๆ

แล้งลองสัมผัส วิ่งชนดู

แรงขึ้นกว่า เก่า หลายเท่า..
น่าจะสร้างให้คนที่สนใจวิ่งชนในงาน
"มหกรรมพลังจิต "ว่า จสะดุด หรือ เด้ง กลับหรือ ไม่

 

กราบสวัสดีครับอาจารย์อาชวิน ที่เคารพ...

........................................................................

พอดีพึ่งสวดมนต์เสร็จครับ ก็เลยเข้ามาดูบอร์ดอาจารย์
ว่าจะดูบอลตอน 3 ทุ่ม เสร็จแล้วก็จะนั่งสมาธิ
พอดีเห็นอาจารย์เข้ามาด้วย ก็เลยอยากเข้ามากราบและทักทายครับ
อยากไปงานวันที่ 9 นี้เร็วๆจังเลยครับ
อยากไปเจออาจารย์ และพี่ๆคุรุทุกท่าน
และอยากไปเป็นนักเรียนของอาจารย์ด้วยน่ะครับ (สถาบันพลังจิตฯ)
แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะมีคุณสมบัติพอหรือเปล่า
แต่ก็จะพยายามครับผม สู้โว้ย(ครับ)!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

........................................................................

ขอบพระคุณครับ...

 

จากการอัญเชิญ หลวงปู่ หลวงตาที่ดังในอดีต
ให้มาสร้างกำแพงที่มองไม่เห็น ..
ป้องกัน สิ่งชั่วร้าย เข้าบ้าน..เข้าตัว

ได้ลอง อัญเชิญ..มาทีละองค์
สร้างกำแพงทีละชั้น..เฉพาะองค์นั้น
ก็พบว่า..สามารถรู้ได้
ว่า หลวงปู่ องค์ใด มีพลังกฤติยา..เท่าใด
องค์ใด แรงกว่า องค์ใด

อย่าถาม มาว่า..องค์ใด แกร่งกว่า องค์ ใด
เห็นจะบอกไม่ได้
เพราะ แต่ละองค์..มีกองเชียร์ เยอะ..
จะไม่ยอมรับกันว่า องค์ที่ตัวเองชอบ..
แกร่งไม่เท่า

เหมือน พวก เชียร์ แมนยู ....เชียร์ อาเซนอล...
เชียร์ เชลซี และเชียร์ แมนซิตี้....ยอมกันที่ใหน???????

 

อาจารย์ค้า...

หลวงปู่แต่ละองค์ ท่านก็ถนัด วิชาแตกต่างกันไปตามบารมีนี่นา

มีท่านผู้หนึ่ง ท่านเคยถามชาว่า...
ระหว่างฤทธิ์แห่งพระโมคลานะ กับฤทธิ์ แห่งองค์มหาเทพท่านหนึ่ง (ผู้ที่ดูแลอณาจักร ปฏิปทาแห่งพุทธภูมิ)
ท่านใดมีฤทธิ์มากกว่ากัน...

ชาก็อึ้งๆ เพราะ เหนือสุดวิสัยที่มนุษย์อย่างชาจะไปตอบได้...

จึงพิจารณา ดูว่า...ฤทธิ์ แห่งพระโมคลานะ นั้นเป็น อรหันต์ฤทธิ์
บุญฤทธิ์ควรที่จะไม่มีสิ้นสุด ไร้ขอบเขต

แต่ฤทธิ์ขององค์มหาเทพ ซึ่งท่านเองก็บำเพ็ญบารมีพุทธภูมิ
เป็นบุญฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์ ที่สะสมกันมา
จนโลกถึงกาลแตกดับมาแล้วมากกว่า 4 หน

นี่เป็นแค่ภาพลางๆ จากการพิจารณา...
ยังจะหาคำตอบได้หรือ ???

 

ขอบคุณครับ