จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เรื่องอายุขัยของคนเรา

    ๓๐๕) การต่ออายุก็ต้องทำให้มันถูก ถ้าทำไม่ถูกแล้วก็เสียเงินเปล่า ถ้าบังเอิญเป็น
    อายุขัยต่อเท่าไรไม่สำเร็จผล เพราะเชื้อไฟเดิมดับ หมดบุญบารมีที่ทำมา
    การหมดบุญบารมีนั้นแม้อายุขัยก็ไม่แน่ บางคนเป็นเด็กก็หมดอายุขัย บางคนก็เป็นหนุ่ม
    เป็นสาว บางคนวัยกลางคน บางคนก็ถึงวัยแก่ อายุขัยนี่ไม่แน่นอนนัก
    คำว่า อายุขัย นี่หมายความว่าก่อนที่จะเกิด กฎของกรรมดีหรือกรรมชั่วกำหนดชีวิตให้มา
    เท่าไร
    ถ้ากำหนดชีวิตมา ๒๐ ปี ก็ต้องแค่ ๒๐ ปี ๑๐ ปีก็ต้อง ๑๐ ปี ๓ วัน ก็ต้องแค่ ๓ วัน นี่เป็น
    อายุขัยต่อไม่ได้ ถ้าตายก่อนนั้นเขาเรียกว่า อุปฆาตกกรรม หรือว่า อกาลมรณะ อย่างนี้
    ต่อได้
    และถ้าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายจะต่ออายุแบบนี้ ก็ต่อเสียทุกวันก็หมดเรื่องกัน
    วิธีต่อทุกวันก็หมายความว่า ให้ทุกท่านมีความเคารพในพระรัตนตรัย คือพระพุทธเจ้า
    พระธรรมและพระอริยสงฆ์อย่างจริงจัง และก็ต้องเว้นจากกรรมที่ เป็น ปาณาติบาต
    และถ้ามีเวลาเดินผ่านไป มีใครเขาหาปลาหาเต่า ที่เขาจะฆ่ามันให้ตายก็ออกสตางค์ซื้อ
    พอกำลังที่เราจะซื้อได้ แล้วก็นำไปปล่อยในที่ปลอดภัย ไม่ใช่ปล่อยในหม้อข้าวหม้อแกงของ
    เรานะไปปล่อยในสถานที่ ๆ เธอจะมีความสุขในแม่น้ำก็ได้ หนอง คลอง บึงก็ได้ปล่อยให้
    เธอรอดชีวิต
    ๓๐๖) ตามวิธีโบราณาจารย์ท่านสอนไว้อย่างนี้นะว่า วิธีต่ออายุใหญ่ คือถึงปีหนึ่งถ้าเป็นวันเกิด
    หรือเป็นวันสำคัญของเรา วันไหนก็ได้ทำกับข้าว ทำอาหารพิเศษตามที่เราพอใจ เท่าที่ทุน
    จะพึงมี จัดการใส่บาตรแก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา แล้วก็ถ้าหากว่ามีสตางค์ก็สร้าง
    พระพุทธรูปสัก ๑ องค์
    พระพุทธรูปนี่จะเป็นพระดินเหนียวก็ได้ เป็นพระปูนซีเมนต์ก็ได้ เป็นปูนปลาสเตอร์ก็ได้
    หรือพระโลหะก็ได้ไม่จำกัด เพราะเป็นรูปพระแล้ว มีอานิสงส์เสมอกัน แต่ต้องมีหน้าตัก
    ไม่น้อยกว่า ๔ นิ้ว ถวายไว้เป็นสมบัติของสงฆ์
    หลังจากนั้นก็เอาสัตว์ที่จะพึงถูกฆ่าตาย อย่างที่เขานำเอามาขายเพื่อแกงหรือที่เขาทอดแห
    สุ่มปลาได้ ถ้ามีสตางค์ก็ไปซื้อเขาสักตัว ๒ ตัว ตามกำลัง แล้วปล่อยไป และก็อุทิศส่วนกุศลให้
    แก่เจ้ากรรมนายเวร และเทวดาผู้รักษาชีวิต
    ท่านบอกว่าถ้าทำอย่างนี้เป็นนิจ คำว่า อุปฆาตกกรรม คือกรรมที่เข้ามาริดรอนก่อนอายุขัย
    ก็ดี และ อกาลมรณะ การที่จะตายก่อนอายุขัยก็ดี จะไม่มีสำหรับผู้ที่ทำแบบนี้ แต่ทว่าถ้ากรรม
    อย่างนี้เข้ามาถึงแค่ป่วยไม่มากก็เป็นของธรรมดา
    ๓๐๗) เรื่องการต่ออายุนี่ มีในพระพุทธศาสนา แต่ว่าวิธีการต่ออายุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัม-
    พุทธเจ้า ถ้าเดี๋ยวนี้ที่ทำกันก็จ่ายหนักอยู่เหมือนกันนะ เอาพระไปสวดตั้ง ๗ วันนี่ เสียทั้งข้าว
    ทั้งน้ำนี่บางทีก็ต้องจ่ายสตางค์ด้วย แย่เหมือนกันนะพระเองก็จะทนไม่ไหว ก็เลยใช้สายสิญจน์
    ก็แล้วกัน แต่ว่าสายสิญจน์ที่ทำกันนั้น ก็อย่าลืมพระรัตนตรัย
    แต่ทางที่ดีญาติโยมพุทธบริษัทถ้าจะทำอย่างนั้นนะ ถ้าคนป่วยจริง ๆ อย่าปล่อยให้ไม่มี
    ความรู้สึกตอนที่สติยังอยู่ดี ๆ อยู่ ให้นิมนต์พระไปสวดสักครั้งหนึ่ง แต่ไม่ใช่สวด อภิธรรม
    หากเป็นสวด พระปริตร วงสายสิญจน์ล้อมรอบ ถ้าผู้ป่วยจะต้องตายเพราะสิ้นอายุขัยก็ต้อง
    ตายแน่ สายสิญจน์ป้องกันไม่ได้
    แต่ว่าถ้าท่านผู้นั้นจะตาย อย่าลืมว่าคนป่วยก็เหมือนกับคนที่ตกน้ำ ว่ายน้ำไม่เป็นเราส่ง
    อะไรให้เกาะเขาก็จะเกาะ ส่งไม้ให้เกาะเธอก็เกาะ ส่งสุนัขเน่าให้เกาะ เธอก็เกาะ เพราะ
    ต้องการทรงชีวิตอยู่
    ก็เช่นกันถ้าคนป่วย เห็นพระสวด พระปริตร จิตของคนป่วยในตอนนั้น ได้รับสมาทาน
    ศีลก่อน เวลานั้นก็จะรับการสมาทานศีลอยู่ด้วย สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ทำให้เป็นคนที่มีศีล
    เวลาที่มีการสวด พระปริตร จิตก็จะฟังพระสวดด้วยความเคารพ จิตจะยึดอยู่กับพระหลัง
    จากพระกลับแล้ว จิตจะจับอารมณ์นั้นตลอด เพราะในขณะป่วยไม่มีโอกาสทำลายศีลต่อไป
    อีกเพราะกำลังป่วยอยู่ก็ไม่สามารถที่จะไปฆ่าใครหรือลักขโมยใคร ถือว่าเป็นคนป่วยที่มีศีล
    บริสุทธิ์
    ถ้ามีการถวายทานด้วย ไม่ว่าทานนั้นจะเป็น ธูป เทียน ดอกไม้ หรือปัจจัยโภชนาหารก็
    ตามถือว่าเป็นการถวายทานแก่พระสงฆ์ กำลังของทานจะช่วยคนป่วยได้อีกแรงหนึ่ง
    อีกประการหนึ่ง ด้านอนุสสติ ถ้ามีพระพุทธรูปด้วย จิตของเธอจะจับพระพุทธรูปเป็น
    พุทธานุสสติ จำเสียงสวดเป็น ธัมมานุสสติ การนึกถึงพระสงฆ์ ไปสวดก็เป็น สังฆานุสสติ
    ถ้าเป็นอายุขัยที่จะพึงตายบาปกรรมใด ๆ ที่ทำมาแล้วในกาลก่อนจะไม่มีโอกาสให้ผล
    ในเวลานั้น เหลือแต่บุญอย่างเดียวที่จะประคับประคองคนนั้นไปสวรรค์ ไปพรหมโลกหรือไป
    นิพพาน

    ที่มา:โอวาทหลวงพ่อฯ เล่ม 2----> หน้า 34
    http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=388

    ปล.แต่สำหรับวิธีของพี่ภูบอกไปแล้ว แต่จะบอกเฉพาะจิตบุญ ไม่เกี่ยวกับใคร เดี๋ยวคนจะตีความไม่จบไม่สิ้น ผมจะบอกให้นะ ไม่มีใครหนีความตายไปได้หรอก เพราะฉะนั้นแล้ว จิตบุญที่ฝึกจิตมาดี เขาไม่กลัวตายกันแล้ว ผมยังไม่กลัวเลย แถมยกอายุขัยให้กับจิตบุญ แต่จะให้เฉพาะผู้ที่ได้ตั้งสัจจะกับท่านพ่อให้มาสอนยกระดับจิตเท่านั้น ไม่อยากดัง แต่ผมเอาจัง ใครกล้าขอผมก็กล้าให้ เพราะงานนี้ผมบอกไปแล้วว่าผมมอบกายถวายชีวิตเพื่องานยกระดับจิตกับท่านพ่อไปแล้วจบ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 ตุลาคม 2012
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอชี้แจง
    สำหรับเวอร์ชั่นต่างประเทศนั้น ขอให้รอไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมรอให้อะไรมันเข้ารูปเข้ารอยก่อนครับ ผมจะขยับก็ต่อเมื่อเป็นรูปธรรม เพราะนั่นจะมีอะไรเกิดขึ้นมาเยอะแยะ เช่น เวปไซท์(อาจจะต่อยอดออกไปอีกจากลูกหว้า) งานจัดพิมพ์หนังสือ สื่อต่างๆ(โทรทัศน์+วิทยุ+งานอีเวนท์(Jitkohpra Event)) ผมบอกไปแล้วนะว่าจิตเกาะพระนี้ จะเผยแพร่ในเชิงรุก(ผมมีไอเดียอยู่ก่อนแล้ว เดี๋ยวผมจะทำแข่งกับทางโลกนี่แหล่ะ ทางโลกเรียกกิเลสคนยังไง ผมก็เรียกคล้ายๆกัน นโยบายแบบประชานิยมยังใช้ได้ผลมาแล้ว เดี๋ยวมาดูแนวทางจิตเกาะพระกันบ้าง)

    แต่ตอนนี้ถ้าใครพร้อมรับทำหน้าที่ตรงนี้ไปชั่วคราวก็ยินดีครับ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะผมไม่แน่ใจว่าคนต่างชาตินี่เรื่องศีลเขาพร้อมไหม แต่ถ้าจิตพร้อมก็ไม่มีอะไรยาก และอีกอย่างหนึ่งก็คือ ต่างศาสนา ต่างเชื้อชาติ แต่อาจจะมีชาวญี่ปุ่นหรือบางประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว หรืออาจจะเป็นศาสนาพุทธอยู่แล้ว แต่อาจจะต่างนิกาย ต่างวัฒนธรรม ค่อยๆว่ากันไป เดี๋ยวพระจะจัดสรรให้กับพวกเขาเองไม่ต้องไปกังวล ตอนนี้เอาแค่คนไทยก่อนเถ๊อะ แค่นี้กระทู้แทบจะแตกแล้ว อีกหนึ่งเหตุผลก็คือ ดูการตอบรับของพุทธบริษัท หรือสังคมชาวพุทธก่อน แต่ถ้ามากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ผมเชื่อมั่นว่าผลของการปฎิบัติจิตเกาะพระนั้น ให้ผลจริง แต่สำหรับผมกับครูเพ็ญและครูท่านอื่นๆนั้น ตอบโจทย์ของตนเองได้ทั้งหมดแล้ว แต่จะดูหลายๆอย่างประกอบตามไปด้วย เพราะผมกับครูเพ็ญต่างก็แบ่งหน้าที่กันชัดเจนไปแล้ว ซึ่งครูเพ็ญทำหน้าที่การสอน(ทางโลกทิพย์)อยู่ทุกวันนี้ก็ดีมากอยู่แล้ว และไวมากด้วย(ขอชมเชย) แต่ผมซึ่งจะทำหน้าที่ทางโลก(ฝ่ายสถานที่ ฝ่ายแหล่งเงินทุน)อาจจะดูเชื่องช้าไป งานก็ไม่ได้ตามเป้า อนาคตไม่มีอะไรแน่นนอน ผมอาจจะทำตรงนี้ไม่ดีก็ได้ หรืออาจจะไปโผล่ที่คนอื่นก็เป็นได้ทั้งนั้น เพราะจิตเกาะพระมาจากนิมิต ส่วนสถานที่ก็มาจากนิมิตเช่นกัน แต่สำหรับผมนั้นนิมิตจะเป็นจริงหรือไม่ ผมก็ได้วางใจเป็นกลางมาโดยตลอดเวลา มิได้ตื่นเต้นแต่อย่างไร มีก็ทำไป ไม่มีก็ปล่อยไปตามยถากรรม ก็แล้วแต่พระจะจัดสรรให้ ตราบใดผมยังมีลมหายใจอยู่ ผมไม่หยุด ไม่ท้อแท้แน่นอน ผมจะทำเพื่อท่านพ่อ เพื่อพวกเราทุกคน...

    ขอให้โชคดีทุกๆท่านนะครับ...
     
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ธรรมชาติแห่งจิตของคนเรา

    จะต้องมีความลังเล ความสงสัย ความไม่รู้จริง ความโง่เขลาเบาปัญญา เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติกันอยู่ทุกคนอยู่แล้ว อย่าได้แปลกใจไปเลย เพราะทุกคนที่(หลง)เกิดมากันนี้ ธรรมชาติต่างก็ให้ขันธ์ ๕ (รูป๑ นาม๔) และมีเครื่องสื่อรับพร้อม ก็คืออายตนะทั้ง๖ ทั้งภายนอก ทั้งภายในครบหมดทุกอย่างเลย แถมกิเลสกองใหญ่ครบครัน เพราะถ้าเป็นจิตอรหันต์กันมาก่อน ก็จะไม่หลงมีกายหยาบกันหรอก เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีภูมิธรรม ภูมิปัญญาสูงกว่าคนอื่น หรือทั้งศีลทั้งธรรมสูงกว่าคนอื่น ก็อย่า(หลง)ไปตำหนิกัน แต่สมควรจะให้ความเมตตากับพวกเขาเหล่านั้นกันด้วยเถิด ก็เหมือนกันตัวเราเมื่อก่อน ที่ศีลก็ไม่ครบ ภาวนาก็ไม่ทำ โดยเฉพาะตัวผมเองนี่แหล่ะ ไม่ต้องไปดูใครเป็นตัวอย่าง มีดีอยู่อย่างเดียวก็คือ ภายใน มันขัดแย้งสังคมมาตั้งแต่เกิดแล้ว เช่น ไม่ชอบอยู่ในเมืองเพราะคนมาก(ชอบปลีกวิเวก) ไม่ชอบทานอะไรที่มาจากสัตว์(ไม่ชอบการเบียดเบียน) เพราะเวลากลืนไม่ลง ชอบทานจำพวกพืชมากกว่า เช่น น้ำพริก ไม่ชอบคนที่พูดมากโดยเฉพาะคำหยาบ คำเสียดสี คำเท็จ นินทา (สันโดษ รักสงบ) ตอนเด็กๆจะหนีทันทีถ้าเจอคนเหล่านี้ ไม่ชอบความเจริญ(ชอบอยู่ชานเมือง) ขอโทษทีไปมาเล่าเรื่องตนเองซะงั้น

    สรุปแล้ว ต่างคนก็ต่างจิตใจ กระทั่งแม้นเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมา มีพ่อเดียว แม่เดียวกัน นิสัยก็ไม่เหมือนกันเลย นับประสาอะไรกับคนอื่น เพราะคนเราเกิดมา สังคมส่วนใหญ่มันพาไปเสีย ได้แก่ แย่งกันทำมาหากิน โดยเฉพาะคนที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมก็ยิ่งแล้วใหญ่ มีการเบียดเบียนกันมาก กิเลสมาก(มีรัก มีโลภ มีโกรธ มีหลงกันมาก) ทุกวันนี้หาที่สงบๆยาก นอกจากภายในกายหรือภายในจิตตนเองเท่านั้น เพราะความสุข ความสงบจากภายนอกหรือที่อื่นหรือคนอื่นๆไม่มีอยู่จริง ตราบใดคนที่เกิดกันมานี้ ไม่พบพระพุทธศาสนา หรือพบแล้วแต่ไม่ไปศึกษาและปฎิบัติให้ถึงที่สุดแล้ว ไม่มีทางจะพบกับความสุข ความสงบที่แท้จริงกันได้แน่ๆ ใครที่เกิดมาเป็นชาวพุทธนี่ ก็นับว่าโชคดีมากๆแล้ว แต่ถ้าเป็นชาวพุทธที่ไม่พากันรักษาศีลและทำภาวนา โดยเฉพาะนำจิตเข้ามาเดินตามมรรคมีองค์๘ ก็นับว่าเป็นที่น่าเสียด้วยิ่งนัก เพราะท่านจะไม่มีโอกาสรู้ตนเองเลยว่า เกิดมาทำไม เกิดแล้วจะไปไหน อวิชชาตนเองก็ไม่รู้จัก หลงวนเวียนกับกองกิเลสหรือกองทุกข์นี้อยู่ทุกวี่ทุกวัน ตราบใดที่จิตคนเราไม่นิ่ง จิตก็ย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำเหมือนกระแสน้ำ แลดูเป็นผู้ที่น่าสงสารโดยแท้ ยังไม่รู้ว่าตนเองนั้นเต็มไปด้วยอวิชชา แม้นมีคนอื่นมาบอกก็มองไม่เห็น แถมจะโดนด่ากลับด้วยซ้ำไป วันๆหนึ่งมัว(หลง)วิ่งไปตามความต้องการ(กิเลส)ของตนเอง หรือไปตามกระแสโลก เช่น iphone ipad ipod ios6 icon ikea ihop IBM icare and I&U เป็นต้น หรือเรียกว่าหลงตนเอง หลงโลก หลงไปทั้งหมดทั้งสิ้น แล้วเมื่อไหร่ผู้คนเหล่านั้นจะมองเห็นแบบพระพุทธองค์กันบ้าง และผู้ปฎิบัติก็มีมากมายนัก แต่หาแก่นสารก็มีน้อยเต็มที แต่ก็ช่างเขา เอาตัวเราเองให้รอดก่อน เมื่อรอดแล้วจึงค่อยไปช่วยคนที่กำลังเดินหลงทางกันทีหลัง

    ที่กระทู้นี้ ขอเชิญนักภาวนาหรือผู้ปฎิบัติ ที่กำลังมองหาเพื่อความหลุดพ้น(จริงๆนะ) แต่ถ้าท่านปฎิบัติสายไหนมาหรือกรรมฐานกองไหนๆมาก็มากกันแล้ว แต่ผลการปฎิบัติไม่ก้าวหน้าสักที ก็ลองมาทำจิตเกาะพระที่นี่ดูกันบ้าง แต่จะต้องพกพาเอาความจริงใจ ตั้งใจกันมานะถึงจะได้ผล แต่ถ้ามาลองภูมิกันก็เชิญ ป้ายหน้า และศีลก็ต้องมากก่อนการปฎิบัติด้วยและศีลก็จะต้องปฎิบัติไปกว่าหมดลมหาย ถ้าอยากจะทำเพื่อความหลุดพ้น หรือมุ่งเพื่อพระนิพพานกันจริงๆ ที่นี่รับเฉพาะจิิตที่พร้อมมากจริงๆ แต่ถ้าผู้ปฎิบัติยังจะต้องการไปทางโลกอยู่ก็ขอป้ายหน้าเช่นกัน คนที่กำลังแนะนำคนอื่นๆมาทำตามตนเอง ก็ต้องใช้สติปัญญาของตนด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นจะพากันเหนื่อยเปล่า แถมเสียเวลาด้วย ที่นี่จะเน้นคุณภาพ ไม่เน้นปริมาณตามที่ครูเพ็ญกล่าวไปแล้วนั้น
     
  4. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    หา!!! ครูเพ็ญ ยังไม่นอนเหรอคะ อ่ะๆเห็นนะ

    ;aa27อ้าวน้องหว้าอีกคน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2012
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ระวังพวกจิตบุญที่ชอบเผลอสติจะทุกข์ไม่รู้ตัว
    หรือชอบทำจิตหลุด(จิตตกฌาน)

    เมื่อตะกี้นี้ พี่ภูแอบไปห้องจิตบุญ(facebook) มีอยู่ท่านนึงทำจิตหล่น(จิตตกฌาน) นอนไม่หลับเพราะเป็นทุกข์ พี่ภูจับได้คาหนังคาเขาว่า อ๋อ ท่านเผลอสตินี่เอง

    ระวังนะ จิตบุญที่ชอบทอดทิ้งสติกับจิตตนเอง เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน ขนาดพระอาชีพ เช่น พระอรหันต์ ท่านก็ยังต้องหมั่นเจริญสติทุกขณะจิตเลย ไม่ใช่เจริญสติกันแค่นาทีสองนาทีนะ พยายามหมั่นเจริญสติ(สร้างสติ) ให้ได้ทุกขณะจิต หรือทรงฌานทั้งวันทั้งคืนเหมือนตอนพวกเราทำจิตเกาะพระกันใหม่ ในขณะที่จิตจะทำวิปัสสนานั่นแหล่ะ เผลอสติไม่ได้ คนเรานี่
    พี่ภูเคยพูดให้ฟังไปแล้วทีนึงว่า จิตก็เหมือนสวิซท์ไฟฟ้า คือปิดและเปิด หมายถึง สติกับกิเลส(หรือสิ่งที่กำลังมากระทบจิตอยู่ทุกขณะจิตนั้น) เมื่อเจ้าของจิตหมั่นสร้างสติหรือทำสติให้เกิดบ่อยๆ กิเลสมันจะนอนหมอบชั่วคราว แต่กิเลสยังไม่ได้ตายหรือว่าหายไปที่ไหนนะ เพราะกิเลสมีขนาดหยาบ กลาง ละเอียดไปโน้น เพราะฉะนั้นกิเลสหยาบระงับด้วยสติ สมาธิหรือฌานระงับกิเลสหยาบและกลางเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่เมื่อฌานถอยหรือฌานเสื่อม หรือจิตออกจากฌานแล้ว กิเลสก็จะเข้ามาแทนที หรือจิตก็จะไปวิ่งตามกระแสโลกเหมือนเดิมได้ตามปกติ แต่ถ้าจิตได้ญาณหรือวิปัสสนาญาณหรือปัญญาญาณโน้นแหล่ะ กิเลสตั้งแต่หยาบ กลาง และละเอียด ถึงจะตายเรียบ ตามที่เราเข้าใจกันนะ แต่จริงๆแล้ว จะตายหายจากกันไปเลยก็ต่อเมื่อ ละขันธ์๕ ไปแล้ว จิตจึงจะเข้าวิมุตติสุข หรือนิพพานกันได้ แต่ต้องปฎิบัติละกิเลสทั้งปวงให้ได้เสียก่อนจะละขันธ์๕ กันนะ หรือให้ได้นิพพานบนดินกันก่อน

    *สรุปแล้วให้หมั่นดูจิต หมั่นเจริญสติภาวนา จนกว่าจะละขันธ์
    อย่าลืมนะ ตอนนี้จิตเรามิได้อยู่บนวิมาน ที่นี่คือโลก โลกมายา โลกิเลสล้วนๆอยู่รอบกาย รอบจิตของเราเลย อย่าเผลอสติก็แล้วกัน เผลอเมื่อไหร่ ก็เสร็จมัน(กิเลส)เท่านั้น เอิ๊กๆๆๆ

    **นี่แหล่ะแก่นธรรมะ ที่แท้จริงมันก็อยู่แค่เนี๊ย แค่สติกับจิตเท่านั้น นอกนั้นเปลือก
    ตราบใดที่ผู้ปฎิบัติมีสติไม่มากพอ ชาตินี้ก็ไม่พบเจอจิตเดิมแท้ของตนเอง งมโข่งกันต่อไปเห่
    ชาตินี้ก็ไม่หลุดพ้นจากกองทุกข์ของตนเองไปได้หรอก เพราะก่อนจะพบธรรมนั้น เราจะต้องพบดวงจิตของตนเองก่อน แต่ก่อนจะพบจิตตนเองได้ ผู้ปฎิบัติจะต้องหมั่นเจริญสติให้มากๆ จนกว่าจิตจะนิ่ง จิตเป็นสมาธิหรือจิตทรงฌานโน้นแหล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 ตุลาคม 2012
  6. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    ฝากเพลงกล่อมกระทู้ยามดึกค่ะ..sleeping_rb

     
  7. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    ขอcopyการบ้านของจิตบำเพ็ญท่านนึง(บางส่วน) มาให้อ่านกัน

    "วันนี้เกิดความรู้ขึ้นว่า การทำจิตเกาะพระ คือการทรงไว้ซึ่งศีล  สมาธิ และปัญญา   ขณะทำจิตเกาะพระ 3 สิ่งนี้มันอยู่ด้วยกันมันมาพร้อมกันแยกกันไม่ออก   เหมือนกันกับตอนที่เราซดน้ำต้มยำแซ่บๆง่ะค่ะ    ตอนปรุงก็รู้ว่านี่คือมะนาว  นี่น้ำตาล  นี่น้ำปลา  แต่พอปรุงเสร็จแล้วแยกไม่ออกกันล่ะมันผสมกันอยู่จะแยกยังงัยได้ล่ะที่นี้จริงมั้ยค่ะ  ก็รู้แต่ว่ามันกลมกล่อมม๊าก.... มันแซ่บอีหลี ^_^    ถ้าปฏิบัติจิตเกาะพระได้ธรรมะข้ออื่นๆตามมาหมดเป็นอัตโนมัติ   ถ้าคนบนโลกนี้มาปฏิบัติกันให้หมดโลกคงน่าอยู่กว่านี้นะค่ะ  (แถมได้เมาฟรี..อิอิ "เมาฌานนะ").."

    .
     
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=VSrAJsWvEIc]One of the best inspirational videos ever - Susan Boyle - Britains Got Talent 2009 - YouTube[/ame]​

    นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าเพิ่งไปคิดว่าคนอื่นเขาทำไม่ได้
    (ดูคน อย่าดูแค่เปลือก หรือภายนอก)

    จิตเกาะพระก็เหมือนกัน อย่าเพิ่งไปดูถูกตนเองหรือผู้อื่นเขาทำไม่ได้
    ครูเพ็ญ ท่านเคยสอนว่า อย่าเพิ่งปฎิเสธว่าตนเองทำำไม่ได้ แต่ขอให้ลองทำดูก่อน
    พี่ภูละจ๊ำจำ ครั้งแรกที่ท่านให้ผมกำหนดจิต(อาทิสมานกาย)ไปพบพระพุทธเจ้าข้างบนโน้นน่ะ(คิดเอาเองนะว่าที่ไหน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 ตุลาคม 2012
  9. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    555...ครูลูกพลังใครกันหรอ?แต่ถ้าจิตยกแล้วนี่ พี่ภูขอนะท่านนี้น่ะ พูดเข้าท่าดี พูดถูกใจพี่ภู
    คุณเกษคุณวัฒเธอมีคู่แข่งซะแร๊ววว พี่ภูจองล่วงหน้าแล้วนะ สายบุญใครวุ๊ยเนี๊ย!

    มันแซ่บอีหลี ^_^    ถ้าปฏิบัติจิตเกาะพระได้ธรรมะข้ออื่นๆตามมาหมดเป็นอัตโนมัติ   ถ้าคนบนโลกนี้มาปฏิบัติกันให้หมดโลกคงน่าอยู่กว่านี้นะค่ะ  (แถมได้เมาฟรี..อิอิ "เมาฌานนะ").."

    ฮ่าๆจิตเกาะพระ มันแซบอีหลี...แถมได้เมา(ฌาน) ฟรี เธอคิดได้ไงเนี๊ย เอิ๊กๆ
    ครูเพ็ญ ครูดรรช ตื่นรึยัง? มาช่วยพี่ภูหน่อย(ท้องแข็งหมดแล้ววว)
     
  10. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลูกพลัง
    ขอcopyการบ้านของจิตบำเพ็ญท่านนึง(บางส่วน) มาให้อ่านกัน

    "วันนี้เกิดความรู้ขึ้นว่า การทำจิตเกาะพระ คือการทรงไว้ซึ่งศีล สมาธิ และปัญญา ขณะทำจิตเกาะพระ 3 สิ่งนี้มันอยู่ด้วยกันมันมาพร้อมกันแยกกันไม่ออก เหมือนกันกับตอนที่เราซดน้ำต้มยำแซ่บๆง่ะค่ะ ตอนปรุงก็รู้ว่านี่คือมะนาว นี่น้ำตาล นี่น้ำปลา แต่พอปรุงเสร็จแล้วแยกไม่ออกกันล่ะมันผสมกันอยู่จะแยกยังงัยได้ล่ะที่นี้จริงมั้ยค่ะ ก็รู้แต่ว่ามันกลมกล่อมม๊าก.... มันแซ่บอีหลี ^_^ ถ้าปฏิบัติจิตเกาะพระได้ธรรมะข้ออื่นๆตามมาหมดเป็นอัตโนมัติ ถ้าคนบนโลกนี้มาปฏิบัติกันให้หมดโลกคงน่าอยู่กว่านี้นะค่ะ (แถมได้เมาฟรี..อิอิ "เมาฌานนะ").."
    555...ครูลูกพลังใครกันหรอ?แต่ถ้าจิตยกแล้วนี่ พี่ภูขอนะท่านนี้น่ะ พูดเข้าท่าดี พูดถูกใจพี่ภู
    คุณเกษคุณวัฒเธอมีคู่แข่งซะแร๊ววว พี่ภูจองล่วงหน้าแล้วนะ สายบุญใครวุ๊ยเนี๊ย!

    มันแซ่บอีหลี ^_^ ถ้าปฏิบัติจิตเกาะพระได้ธรรมะข้ออื่นๆตามมาหมดเป็นอัตโนมัติ ถ้าคนบนโลกนี้มาปฏิบัติกันให้หมดโลกคงน่าอยู่กว่านี้นะค่ะ (แถมได้เมาฟรี..อิอิ "เมาฌานนะ").."

    ฮ่าๆจิตเกาะพระ มันแซบอีหลี...แถมได้เมา(ฌาน) ฟรี เธอคิดได้ไงเนี๊ย เอิ๊กๆ
    ครูเพ็ญ ครูดรรช ตื่นรึยัง? มาช่วยพี่ภูหน่อย(ท้องแข็งหมดแล้ววว)
    __________________

    แหม๊..งานนี้หนูไม่ทันครูลูกพลังซะแหล่ะ 555
    พี่ภู๊..ก็จะสายบุญใครล่ะ ถามได๊ 5555 ไม่ได้โม้ ลูกศิลย์รุ่นหลานหนูเอ๊ง เธอคือ คุณดาว ลูกศิลย์ของพี่แนทจ๊ะ ขอบอกว่า ท่านนี้ก็เป็นอีกคนที่มาแรงแซงทางโค้งเชียวน่ะ อิๆๆ :cool::cool:
     
  11. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลูกพลัง
    ขอcopyการบ้านของจิตบำเพ็ญท่านนึง(บางส่วน) มาให้อ่านกัน

    "วันนี้เกิดความรู้ขึ้นว่า การทำจิตเกาะพระ คือการทรงไว้ซึ่งศีล สมาธิ และปัญญา ขณะทำจิตเกาะพระ 3 สิ่งนี้มันอยู่ด้วยกันมันมาพร้อมกันแยกกันไม่ออก เหมือนกันกับตอนที่เราซดน้ำต้มยำแซ่บๆง่ะค่ะ ตอนปรุงก็รู้ว่านี่คือมะนาว นี่น้ำตาล นี่น้ำปลา แต่พอปรุงเสร็จแล้วแยกไม่ออกกันล่ะมันผสมกันอยู่จะแยกยังงัยได้ล่ะที่นี้จริงมั้ยค่ะ ก็รู้แต่ว่ามันกลมกล่อมม๊าก.... มันแซ่บอีหลี ^_^ ถ้าปฏิบัติจิตเกาะพระได้ธรรมะข้ออื่นๆตามมาหมดเป็นอัตโนมัติ ถ้าคนบนโลกนี้มาปฏิบัติกันให้หมดโลกคงน่าอยู่กว่านี้นะค่ะ (แถมได้เมาฟรี..อิอิ "เมาฌานนะ").."
    555...ครูลูกพลังใครกันหรอ?แต่ถ้าจิตยกแล้วนี่ พี่ภูขอนะท่านนี้น่ะ พูดเข้าท่าดี พูดถูกใจพี่ภู
    คุณเกษคุณวัฒเธอมีคู่แข่งซะแร๊ววว พี่ภูจองล่วงหน้าแล้วนะ สายบุญใครวุ๊ยเนี๊ย!

    มันแซ่บอีหลี ^_^ ถ้าปฏิบัติจิตเกาะพระได้ธรรมะข้ออื่นๆตามมาหมดเป็นอัตโนมัติ ถ้าคนบนโลกนี้มาปฏิบัติกันให้หมดโลกคงน่าอยู่กว่านี้นะค่ะ (แถมได้เมาฟรี..อิอิ "เมาฌานนะ").."

    ฮ่าๆจิตเกาะพระ มันแซบอีหลี...แถมได้เมา(ฌาน) ฟรี เธอคิดได้ไงเนี๊ย เอิ๊กๆ
    ครูเพ็ญ ครูดรรช ตื่นรึยัง? มาช่วยพี่ภูหน่อย(ท้องแข็งหมดแล้ววว)
    __________________

    แหม๊..งานนี้หนูไม่ทันครูลูกพลังซะแหล่ะ 555
    พี่ภู๊..ก็จะสายบุญใครล่ะ ถามได๊ 5555 ไม่ได้โม้ ลูกศิลย์รุ่นหลานหนูเอ๊ง เธอคือ คุณดาว ลูกศิลย์ของพี่แนทจ๊ะ ขอบอกว่า ท่านนี้ก็เป็นอีกคนที่มาแรงแซงทางโค้งเชียวน่ะ อิๆๆ :cool::cool:


    อ้าวทำไมมันโหลดซ้ำล่ะเนี่ย พอจะลบทำไมมันไม่ออกอ่ะ งง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 ตุลาคม 2012
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=1NL80n8Flmw"]Lil'T Tanner Edwards, 6 ~ America's Got Talent 2011, Houston Auditions - YouTube[/ame]​
    ฮัลโหลวันหยุด! มาดูตัวแสบกัน
    เดี๋ยวหาว่ามีแต่ธรรมะ จิตเกาะพระต้องเจอธรรมชาติเยอะ มันถึงจะถึงใจธรรมะ
    จิตพี่ภู คอยจะนึกถึงคุณดาวๆๆๆ ที่แท้สายบุญคุณแนทเองหรอเนี๊ย
    พี่ภูขอบอกกันก่อนนะว่า จิตท่านไม่ธรรมดาเสียแล้ว
    ครูเพ็ญ...จิตท่านนี้ดูยิ่งใหญ่มาก มีความหมายกับพี่ภูจริงๆ เผลอๆจะมีความหมายในอนาคตทีเดียว
    อยากเห็นไวๆจัง!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 ตุลาคม 2012
  13. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ขอพรํ่าเล็กๆ

    เห็นด้วยค่ะ กลุ่มเป้าหมายหลักคือ กลุ่มที่กำลังใจเต็มหรือใกล้เต็ม แต่ยังขาดหรือยังไม่เจอผู้ชี้แนะ ที่สื่อสารแล้วฟังเข้าใจง่าย ว่าการยกระดับจิตสู่พระนิพพานไม่ใช่สิ่งที่ไกลเกินเอื้อม อีกทั้งวิธีก็ไม่ได้มีขั้นตอนลํ้าลึก สุดพรรณา หรือซับซ้อนซ่อนเงื่อนพาลให้หมดกำลังใจตั้งแต่แรก
    และหากสำเร็จในกลุ่มแรก กลุ่มนี้เองจะเป็นฐานขั้นที่สองในการกระจายข่าว
    ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ทอดทิ้งกลุ่มที่ใฝ่ดีที่กำลังใจยังไม่เต็ม เพราะเรื่องของจริตและกำลังใจเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
    เราก็เคยเป็นเช่นเขามาก่อน บางท่านเข้าใจไปว่าเมื่อจิตยกแล้ว ต้องปลีกิเวกไม่สุงสิงกับใคร ทิ้งสังคมทิ้งครอบครัว
    ทานอะไรก็ไม่อร่อย กำลังใจจึงไม่ถึงเพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องร้อยรัด ยากที่จะทำใจได้ในคนทั่วไป
    แต่หากเขาเข้าใจได้ตรงทางขึ้น กำลังใจเขาจะขึ้นเอง
    เราก็ต้องเมตตาเขา

     
  14. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    เห็นด้วยกับคุณลินดาครับ
    แค่ในกลุ่มแรกนั้นจะติดเรื่องไม่ยอมทิ้งของเก่า ซึ่งตรงนี้ถ้าเขาบอกเขาตรงๆ ผมเห็นบางคนเขาจะมองเป็นลัทธิอะไรไปซะเปล่าๆ ก่อนเข้าต้องมีกุศลบายนิดหน่อย (อันนี้ตามแต่ถนัดของแต่ละคน ของคุณเกษอาจจะแนวโหดหน่อย )
    ส่วนกลุ่มหลังเราก็ไม่ควรทิ้งเช่นกัน( ผมก็มาจากกลุ่มนี้ )อาจจะต้องมีการแบ่งกันยังไงนี่แหละครับ เห็นว่าอาจจะต้องมีการปรึกษากันว่าขั้นตอนหรือวิธิควรเป็นอย่างไรดีอีกครั้งครับ
     
  15. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    เรื่องนี้ละเอียดอ่อนขึ้นไปอีก ที่จริงครูสัมมาทิฐินั้น ครูก็ไม่ได้ให้ศิษย์มายึดมั่นถือมั่นในตัวครู แต่เป็นเรื่องของศิษย์เองที่จะต้องรู้ว่าจะปฏิบัติตอครูอย่างไร แต่ในทางปฏิบัตินั้น ส่วนมากที่เห็นเหมือนว่าพอได้ปลงตัวเป็นศิษย์แล้ว บางท่านไม่เปิดใจกับสิ่งอื่นสิ่งใหม่ อาจด้วยรู้สึกว่า....(ไว้ค่อยมาต่อพิมพืช้ามาก) บลาๆๆๆ
     
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ครูเพ็ญตื่นรึยัง? ครูเพ็ญมาไวๆ ช่วยผมหน่อย คุณลินดาเมา(ฌาน) ฮ่าๆ พี่ภูตามไม่ทันเขากำลังพูดถึงเรื่องไรหรอ นี่เธอพร่ำไม่ค่อยจะเล็กเลยเน๊อะ พี่ภูตกกะใจ เพราะไม่เคยเห็นคุณลินดาพิมพ์เกิน ๒ บรรทัดสักที ฮ่าๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 ตุลาคม 2012
  17. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    คุณภูนะ ถ้าลินดาพิมพ์เก่งๆ อาจออกทะเลหลุดจากจากน่านนําอ่าวไทย ไปนานแล้ว เหอๆ
     
  18. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ๑.อาจด้วยรูสึกว่าไม่ภักดีหรือให้เกียรติ ครูอาจารย์ ฯ๊็นี้เป็นส่วนหนึ่งของนิสัยคนไทย
    -๒.ด้วยความที่เป็นเหมือนของใหม่ ซึ่งที่จริงไม่ใหม่ แต่เป็นการค้นพบวิธีการใหม่โดยคุณภู เหมือนพัฒนาการเดินทางให้เร็วขึ้น ตามยุคตามสมัย ของบางอย่างใช้ดีในสมัยหนึ่ง แต่ไม่ทันเหตุการณืแล้วในสมัยต่อมา เมื่อโลกหมุนไป ใจคนก็หมุนเปลียน เมื่อโลกหมุนวน ใจคนก็หมุนเวียน(จนน่าปวดหัว)
    เราจะอธิบายอย่างไรให้เขาเข้าใจ อันนี้ลินดาว่าง่ายขึ้น ให้เขายอมรับ แล้วความหวาดระแวงว่าเป็นลัทธิใหม่ไม่น่ไว้ใจ น่าจะคลายไป ซึ่งทีจริงคุณภู และครูจิตบุญท่านอื่นก็ได้พูดไว้ แต่เป็นการสอดแทรกในข้อความอื่นๆที่เห็นไม่ชัดเจน

    ยังมีอีกมากมายค่ะ คุณภู ครูเพ็ญ ก็อาจคิดกลยุทธ(การตลาด)เหล่านี้ไว้บ้างแล้ว ลินดาก็แค่ลองคิดดูนิดๆหน่อยๆ
    เผื่อสะกดต่อมอะไรใครบ้าง
     
  19. เมธญา

    เมธญา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +1,584
    เมื่อกี้ออกไปทานส้มตำไก่ย่างมา รู้สึกรังเกียจตัวเองสุดๆ ส้มตำปูม้า ไก่ย่าง ปลาย่าง ต้มแซ่บหมู ทานๆ ไปทานไม่ลงเลย มันนึกถึงศีลที่เราบอกกับตัวเองว่าเราปฏิบัติศีลห้าอยู่นะ แต่จริงๆแล้วเราทำยังไม่ถึงแก่น มันหยาบ เราบอกเราไม่ฆ่าสัตว์แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ เรายังคงเบียดเบียน เราไม่ได้ทำด้วยตนเอง แต่เรากำลังสนับสนุนให้คนอื่นทำ ทำดีที่สุดตอนนี้ก็แค่แผ่เมตตาให้เขาเหล่านั้นอโหสิกรรมให้เท่านั้นเอง,,,ชออนุญาติเข้ามาบ่นบนกระทู้ หลังจากที่ไม่ได้ส่งการบ้าน 555

     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอขอบพระคุณ คุณลินดามากๆที่ท่านปรารถนาดีกับจิตเกาะพระ แต่ไม่เป็นไรนะครับ ขอให้เข้าใจจิตตนเองก็พอแล้ว จิตคนนี้มันนานาจิตตัง ก็แล้วแต่เขาจะคิดกันไป ผมมิได้ไปตำหนิพวกเขาหรอก ผมมิได้ไปบอกให้ใครจะต้องเชื่อ แต่อยากให้มาลองทำ เหมือนอาหารจะอร่อยหรือไม่ บอกไม่ได้ ต้องชิมเองน่ะ ผมมิต้องให้ใครมาต้องศรัทธาคนผู้สอน สำหรับคำเยินยอสำหรับผมก็หมดไปนานแล้วด้วย ที่มาทำตรงนี้ก็มีอยู่เจตนาเดียวเท่านั้นก็คือ ยกจิตผู้ที่สำควรเจ้าของจะมาให้ยกจิต แต่ถ้าเจ้าของไม่เชื่อ ไม่ศรัทธาก็ไม่ว่ากันเน๊อะ เพราะผม ครูเพ็ญ และครูท่านอื่นๆ ทุกท่านก็มิได้ไปหวังสิ่งใดต้องมาตอบแทน พวกเราก็แค่อยากให้ลองมาปฎิบัติ ให้ผู้ปฎิบัติเชื่อและศรัทธาในผลการปฎิบัติหรือปัญญาของตนเองเท่านั้น ส่วนผู้ปฎิบัติจะมาศรัทธาหรือไม่ศรัทธาก็ไม่เป็นไร และผลและปัญญาเท่านั้นจะเป็นผลที่พิสูจน์ของจิตเกาะพระเอง จะอยู่ได้นานหรือไม่นานก็อยู่ที่ตรงนี้ ในเมื่อผมรู้ ผมเห็นอะไรก็อยากให้คนอื่นรู้และก็เห็นบ้างเท่านั้น เมื่อทำแล้วไม่เป็นผล ไม่มีประโยชน์เดี๋ยวเขาก็เลิกไปเอง เหมือนกับศาสนาพุทธนั้น ไม่มีวันเสื่อม ที่เห็นเสื่อมกันนั้น ก็คือ จิตคนเรา โดยเฉพาะที่บอกตนเองและผู้อื่นว่าเป็นชาวพุทธๆนั้น แต่ศีลก็ยังไม่ให้ความคัญกันเลย อย่าเพิ่งไปพูดถึงการปฎิบัติธรรมกันเลย แต่ก็ไม่ได้ไปตำหนิพวกเขาเหล่านั้นหรอกนะ เพราะเมื่อก่อนผมก็เคยเป็นแบบเขามาก่อน จึงเข้าใจดี แต่อยู่ดีๆจะมีกำลังใจ(บุญหรือบารมี)มากพอที่จะำให้อยากมาปฎิบัติธรรมนั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะกำลังใจที่ว่านี้แต่ละบุคคลจะต้องสร้างขึ้นเอง ก็เหมือนสติของผู้ปฎิบัตินั่นแหล่ะ โดยการเริ่มต้นจากบุญเล็กๆน้อยก่อน เช่น การทำบุญทำทาน และค่อยๆเพิ่มขึ้นไปอีกก็คือ สวดมนต์ไหว้พระ ฟังเทศน์ ฟังธรรม แล้วเมื่อกำลังมากพอถึงจะอยากปฎิบัติธรรมกันได้ แต่พอปฎิบัติธรรมกันไปได้สักระยะก็จะมีสิ่งคอยมาทดสอบเป็นระยะๆอีก เพื่อผู้ปฎิบัติจะเดินทางสูงสุด หรือ พบพระธรรมนั้นกัน มันก็จริงตามที่คนส่วนใหญ่พูดกันว่า พระนิพพานมันไกลเกินเอื้อมจริงๆ แต่ถ้าคนเข้าใจเขากลับไม่พูดกันแบบนั้น มันก็น่าเห็นใจสำหรับผู้ที่ไปไม่ถึงการปฎิบัติ พอถึงปฎิบัติก็มิใช่เรื่องง่ายๆกันอีก ติดตั้งแต่ความไม่เข้าใจเรื่องการเจริญสติภาวนา ติดนิวรณ์ ติดปิติ ติดสุขจากฌาน ติดนิมิต ติดอภิญญาอย่าใดอย่างหนึ่ง เผื่อจะเดินตรงเข้ามรรคผลกันได้ บางคนพอมาถึงทางตรงกันแล้ว แต่ก็ยังไปหลงดูนั่นนี่(นิมิต)เพราะสติผู้ปฎิบัติมีไม่มากพอที่จะตามจิตทัน บอกกันไปแล้ว บางคนรู้ก็รู้นะว่าสติ(มีสติ-เผลอสติ) จิต(เกิด-ดับ) ฌาน(ทรงฌาน-ฌานเสื่อม) นิมิต(มีจริง-มีปลอม)ต่างก็หายไปทั้งนั้น นิมิตหายก็ต่อเมื่อสติตามไม่ทันจิต ฌานก็ถอยตามไปด้วย ถึงสติตามทันจิต ภาพนิมิตก็หายไปด้วยเพราะว่าจิตยกระดับสูงขึ้นไปเห็นสิ่งละเอียดไปเรื่อยๆ สรุปแล้วต่างก็ไม่มีอะไรเที่ยง แล้วผู้ปฎิบัติจะไปเอาอะไร เวลาก่อนมาปฎิบัติ ครูทุกท่านถามแล้วนะว่า เธอมาปฎิบัติเพื่อเอามรรคผลนิพาานกันใช่ไหม อยากพ้นทุกข์ใช่ไหม อยากไปนิพพานใช่ไหม แล้วทำไมพอปฎิบัติไปได้สักระยะนึงแล้ว หรือจิตเริ่มเข้าละเอียด(ฌาน) แต่ทำไม๊ดันไปหลงเอาฌาน เอานิมิต เอาอภิญญากันหล่ะ!นิพพานพวกเธอหายไปไหนกันหมด สติเธอไม่พอกันใช่ไหม (คุณดรรช คุณลินดาเตรียมไม้เรียวงามๆหน่อย) แต่ถ้าใครรู้ตัวก็นึกถึงพระใหม่เมื่อนึกแล้ว จิตละเอียดแล้ว ก็เดินให้ตรงทางกันนะ ห้ามเลี้ยว ห้ามแวะ ห้ามเด็ดดอกไม้ริมทางกันนะ ทำจิตยกไวๆ เพราะจะไม่ต้องเป็นตัวถ่วงกับท่านอื่น ครูเขาจะได้ไปสอนคนอื่นบ้าง จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลากับเธอมากนัก แต่ใช่ว่ายกไวจะดีเสมอไปนะ มีข้อเสียเหมือนกัน ที่เห็นบ่อยๆก็คือ อินทรีย์ยังไม่แก่กล้า ขอให้ฝึกสติกันต่อไป หรือพยายามทรงฌานต่ำเข้าไว้เพื่อความไม่ประมาท แค่นี้ก่อนจะยาวแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 ตุลาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...