กระทู้ที่ 3 มีใครทำให้ผมเชื่อ นรก สวรรค์มีจริงๆ 100 % ได้บ้างครับ

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย surer, 4 ตุลาคม 2012.

  1. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    ตั้งมา 2 กระทู้ หายไปดื้อๆ ไม่รู้เป็นไร ถ้าแบนก็ไม่มีการบอกไรเลย และคิดว่าไม่น่าผิดหมวด
    เพราะห้องนี้ส่วนใหญ่ จะเป็นสาระ ถ้าไปตั้งห้องวิทย์ คงไม่ได้อะไรแน่



    ผมเริ่มมีความสงสัยเรื่อง นรก สวรรค์ อะครับ แบบว่าเชื่อ แต่ตอนนี้ ไม่เชื่อ 100 %
    คิดว่า เป็นสิ่งที่ คนรุ่นก่อน สร้างมันขึ้นมาเพื่อให้คึนรุ่นหลังกลัวการทำไม่ดี
    เลยอยากถามว่า ในนี้มีใครพอจะทำให้ผมเชื่อได้ 100 % ป่าว แบบไม่มีข้อสงสัย


    วิธีไหนก็ได้
     
  2. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    อยากได้แบบ นรกบนดิน หรือนรกแบบตายแล้วไปพบละครับ
     
  3. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ในขณะที่ผมนอนอยู่ริมถนน ผมเห็นคนเดินไปมาตามล่าหาฝันหาของตนเอง บางคนยังไม่รู้เลยว่าฝันของตัวเองคืออะไร บ้างก็แกร่งแย่งชิงดีกัน เพื่อจะแรกเอามาซึ่งความสมปรารถนา บ้างก็โทษกันและกันว่าเป็นต้นเหตุ ฉันทุกข์เพราะเธอเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เออ!มันก็แปลกดี ไอ้สะเดาออกมารสขมปี๋ ส่วนอ้อยก็หวานดี สะเดาจะโทษใครกันนี่ หรือโทษคนปลูกมันไม่ดี ที่ทำให้ฉันซวยอย่างนี้ ธรรมชาติช่างลำเอียงจริงได้ให้เมล็ดพันธุ์แก่สะเดา ช่างเมตตาต่ออ้อยเสียจริง ดูเหมือยจะเป็นอย่างนั้น ที่จริงแล้วธรรมชาติไม่เคยลำเอียงแก่สัตว์โลกเลย เราเองต่างหากได้สร้างเมล็ดพันธ์ของเราเองขึ้นมานับชาติไม่ถ้วน สวรรค์หรือนรกเราเป็นผู้สร้างมันขึ้นมา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    นรกที่เรียกว่านรกนั้นแหละครับ ความหมายมันตรงตัวนิ จะตีความหมายให้ยากทำไม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2012
  5. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ครั้งหนึ่งมีคนกลุ่มหนึ่งมาถามปัญหาหลวงพ่อชา
    วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี เรื่องชาติหน้าภพหน้า
    เขาสงสัยว่า คนตายแล้วเกิดหรือไม่?

    ผู้ถาม: หลวงพ่อครับ ชาติหน้ามีจริงไหม?
    หลวงพ่อชา: ถ้าบอกจะเชื่อไหมล่ะ?
    ผู้ถาม: เชื่อ
    หลวงพ่อชา: ถ้าเชื่อ…คุณก็โง่
    ผู้ถาม: คนตายแล้วเกิดไหม?
    หลวงพ่อชา: จะเชื่อไหมล่ะ? ถ้าเชื่อ…คุณโง่หรือฉลาด?

    แล้วท่านจึงสอนต่อไปว่า
    " หลายคนมาถามอาตมาเรื่องนี้
    อาตมาก็ถามเขาอย่างนี้เหมือนกันว่า
    ถ้าบอกแล้วคุณจะเชื่อไหม?
    ถ้าเชื่อคุณก็โง่ เพราะอะไร?
    ก็เพราะมันไม่มีหลักฐาน-พยานอะไรที่จะหยิบมาให้ดูได้
    ที่คุณเชื่อเพราะคุณเชื่อตามเขา
    คนเขาว่าอย่างไร คุณก็เชื่ออย่างนั้น
    คุณไม่รู้ชัดด้วยปัญญาของคุณเอง คุณก็โง่อยู่ร่ำไป

    ที่นี้ถ้าอาตมาตอบว่า คนตายแล้วเกิดหรือว่าชาติหน้ามี
    อันนี้คุณต้องถามต่อไปอีกว่า ถ้ามี พาผมไปดูหน่อยได้ไหม?
    เรื่องมันเป็นอย่างนี้ มันหาที่จบลงไม่ได้
    เป็นเหตุให้ทะเลาะทุ่มเถียงกันไปไม่มีที่สิ้นสุด

    ที่นี้ ถ้าคุณถามว่าชาติหน้ามีไหม?
    อาตมาก็ถามว่า พรุ่งนี้มีไหม? ถ้ามีพาไปดูได้ไหม?
    อย่างนี้คุณก็พาไปดูไม่ได้ ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้จะมีอยู่
    แต่ก็พาไปดูไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น ถ้าวันนี้มี พรุ่งนี้ก็ต้องมี
    แต่สิ่งนี้เป็นของที่จะหยิบยกเอามาเป็นวัตถุตัวตนให้เห็นไม่ได้ "
     
  6. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ"ภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฎฐิเป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลายเรากล่าวว่า แม้สัมมาทิฎฐิว่ามีอยู่โดยส่วนสอง คือ สัมมาทิฎฐิ ที่ยังเป็นไปกับด้วยอาสวะ(สาสว)เป้นส่วนแห่งบุญ(ปุญญภาคิย)มีอุปธิเป็นวิบาก(อุปธิเวปกก)ก็มีอยู่ สัมมาทิฎฐิอันเป็นอริยะ(อริย)ไม่มีอาสวะ(อนาสวะ)เป็นโลกุตร(โลกุตร)เป็นองค์แห่งมรรค(มคคงค)ก็มีอยู่........ภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฎฐิ ที่ยังเป็นไปกับด้วยอาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ มีอุปธิเป็นวิบาก นั้นเป็นอย่างไรเล่า คือสัมมาทิฎฐิที่ว่า ทานให้แล้วมี(ผล)ยัญที่บูชาแล้วมี(ผล) การบูชาที่บูชาแล้วมี(ผล)ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่วมี โลกนี้มี โลกอื่นมี มารดามี บิดามี โอปาติกะสัตว์มี สมณพราห์มที่ไปแล้วปฎิบัติแล้วดดยชอบ ถึงกับกระทำให้แจ้งโลกนี้และโลกอื่น ด้วยปัญญาโดยชอบเอง และประกาศให้ผู้อื่นรู้ ก็มีอยู่ ดังนี้ ภิกษุทั้งหลายนี้คือ สัมมาทิฎฐิ ที่ยังเป็นไปกับด้วยอาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ มีอุปธิเป็นวิบาก..............ภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฎฐิ อันเป็นอริยะ ไม่มีอาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์แห่งมรรค นั้นเป็นอย่างไรเล่า คือ สัมมาทิฎฐิที่ได้แก่ ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ธัมวิจัยสัมโพชฌงค์ และสัมมาทิฎฐิที่เป็นองค์แห่งมรรค ของผู้มีอริยจิต ของผู้มีอนาสวจิต ของผู้เป็นอริยมรรคสมังคี ผู้เจริญอยู่ซึ่งอริยะมรรค ภิกษุทั้งหลาย นี้คือ สัมมาทิฎฐิ อันเป็นอริยะ ไม่มีอาสวะ เป็นโลกุตร เป็นองค์แห่งมรรค-----(อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส):cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2012
  7. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เมื่อมีผู้ถามถึง การตาย การเกิดใหม่
    หรือถามถึงชาติหน้า ชาติหลัง นรก สวรรค์
    หลวงปู่ไม่เคยสนใจที่จะตอบ
    ไม่เคยคว้าหาเหตุผลเพื่อจะเอาค้านใคร
    หรือไม่เคยหาหลักฐาน เพื่อยืนยันให้ใครยอมจำนนแต่ประการใด

    ท่านกลับแนะว่า
    "ผู้ปฏิบัติที่แท้จริงนั้น ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงชาติหน้า
    ชาติหลัง หรือนรกสวรรค์อะไรก็ได้
    ให้ตั้งใจปฏิบัติให้ตรง ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างแน่วแน่ก็พอ
    ถ้าสวรรค์มีจริงถึง 16 ชั้นตามตำรา
    ผู้ปฏิบัติดีแล้ว ก็ย่อมได้เลื่อนฐานะของตนโดยลำดับ
    หรือถ้าสวรรค์ นิพพานไม่มีเลย
    ผู้ปฏิบัติดีแล้วในขณะนี้ก็ย่อมไม่ไร้ประโยชน์
    ย่อมอยู่เป็นสุขเป็นมนุษย์ชั้นเลิศ
    การฟังจากคนอื่น การค้นคว้าจากตำรานั้น ไม่อาจแก้ข้อสงสัยได้
    ต้องเพียรปฏิบัติ ทำวิปัสสนาญาณให้แจ้ง
    ความสงสัยก็หมดไปเองโดยสิ้นเชิง"

    เขาต้องการอย่างนั้นเอง
    .......................
    แม้จะมีคนเป็นกลุ่ม อยากฟังความคิดเห็นของหลวงปู่เรื่องเวียนว่ายตายเกิด ยกบุคคลมาอ้างว่า ท่านผู้นั้นผู้นี้สามารถระลึกชาติย้อนหลังได้หลายชาติว่า ตนเคยเกิดเป็นอะไรบ้าง และใครเคยเป็นแม่ เป็นญาติกันบ้าง ฯ
    หลวงปู่ว่า
    "เราไม่เคยสนใจเรื่องอย่างนี้ แค่อุปจารสมาธิก็เป็นได้แล้ว ทุกอย่างมันออกไปจากจิตทั้งหมด อยากรู้อยากเห็นอะไร จิตมันบันดาลให้รู้ให้เห็นได้ทั้งนั้น และรู้ได้เร็วเสียด้วย หากพอใจเพียงแค่นี้ ผลดีที่ได้ก็คือ ทำให้กลัวการเวียนว่ายตายเกิดในภพที่ตกต่ำ แล้วตั้งใจทำดี บริจาคทาน รักษาศีล แล้วก็ไม่เบียดเบียนกัน พากันกระหยิ่มยิ้มย่องในผลบุญของตน ' ส่วนการที่จะขจัดกิเลสเพื่อทำลาย อวิชชา ตัณหา อุปาทาน เข้าถึงความพ้นทุกข์อย่างสิ้นเชิงนั้น อีกอย่างหนึ่งต่างหาก' "


    พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
     
  8. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    คุณไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรนี่ครับ

    เขาไม่เชื่อกันเยอะแยะ
    จะไปอยากเชื่อทำไมละครับ
    คุณเห็นประโยชน์อะไรจากการเชื่อนี้หรือครับ
     
  9. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,632
    ไม่ทราบว่าเคยได้อ่านประสบการณ์เรื่อง ตายแล้วฟื้น ของพันเอกเสนาะ จินตรัตน์ บ้างหรือเปล่า
    ถ้ายังไม่เคยก็ไปลองหาอ่านดูนะครับ เพราะเรื่องของท่านที่ประสบมาเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องของ
    นรก - สวรรค์ มีพยานบุคคลด้วย

    แต่ถ้าอ่านแล้วหากยังไม่เชื่อก็คงต้องลงมือปฏิบัติเอง ทำสมาธิให้ได้ ฌานสี่
    ฝึกวิชชาสาม หรือวิชชาแปด ถ้าได้แล้วคงหายสงสัยเอง ถ้าไม่ได้ก็คงสงสัยต่อไป

    หากจะแนะนำให้ไปฝึกมโนมยิทธิตามแบบฉบับของวัดท่าซุง ก็คงจะมีคำกังขาอีกว่า
    ที่รู้ ที่เห็น(ด้วยจิต)นั้นเป็นการสะกดจิตหรือเปล่า

    สำหรับผมคิดเอาง่าย ๆ ว่า เมื่อวานนี้มี วันก่อนนั้นมี สัปดาห์ก่อนนั้นมี เดือนก่อนนั้นมี ปีก่อน ๆ นั้นมี
    พรุ่งนี้มี วันมะรืนมี สัปดาห์หน้ามี เดือนหน้ามี ปีหน้ามี ปีหน้า ๆ ๆ มี แต่ในแต่ละวันที่มีล่วงหน้านั้น
    เราไม่สามารถจะกำหนดรู้เหตุการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดี หรือ ร้าย อื่น ๆ อีกมากมาย
    เพราะฉะนั้น ถ้าเมื่อวันวานมี วันพรุ่งนี้และวันหน้า ๆ มี ก็ย่อมมี นรก และ สวรรค์ เช่นกัน
    การนอนหลับก็คือแบบจำลองของการ ตายแล้วเกิดนั่นเอง
     
  10. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ในเมื่อบอกเอาไว้ว่า วิธีไหนก็ได้ มันก็เลยมีวิธีง่ายๆแต่รู้ได้100%อยู่

    ว่าแต่จะกล้าหรือเปล่าละครับ
     
  11. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    1.ถือศิล 8 ทำบุญสร้างกุศลเป็นประจำ
    2.ฝึกสมาธิอย่างเคร่งครัดทุกวัน ติดต่อกันประมาณ 6 เดือน(อาจจะน้อยกว่านี้ถ้าเจอครูอาจารย์ ที่ท่านเชี่ยวชาญ หรือมีบุญบารมีของเก่าที่สะสมไว้มาก)
    3.อยู่ในที่สงบห่างไกลจากครอบครัวและภารกิจประจำ
    ผมไม่ถึงกับไปท่องเที่ยว แต่ตอนนั่งสมาธิที่วัดอัมพวัน จ.สิงห๋บุรี ได้เห็นในสมาธิว่ามี คนแต่งกายคล้ายชาวบ้านสมัยก่อน ผู้ชายสวมกางเกงกุยเฮง ผู้หญิงสวมเสื้อแขนกระบอก นุ่งผ้าถุงแบบชาวนาสมัยก่อน จำนวนมากนับร้อยคน มายืนหน้าประตูวัดตอนวันพระ มีคนนุ่งผ้ายักรั้งสีแดง ถือหอกยืนควบคุมและยืนหน้าประตูวัด
     
  12. Moderator2

    Moderator2 <font color="#008000"><b>ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด</b></ ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2012
    โพสต์:
    373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +531
    เมื่อวานระบบรวนไปอ่านด้วยครับ

    ขออภัยสมาชิกเรื่องปัญหาระบบเว็บบอร์ด


    กฏ กติกา มารยาท แนวทางหมวดพระพุทธศาสนา และขอแนะนำห้องต่าง ๆ หมวดอื่นคร่าว ๆ


    ห้องอภิญญา - สมาธิ



    ห้องพุทธศาสนา-ธรรมะ


    ห้องพุทธศานา สำหรับผู้เริ่มต้น



    หมวดพลังจิต ห้องใหญ่ หรือห้องวิทย์

    ฉะนั้นความเห็นที่เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ไม่ได้มีการรับรอง ไม่มั่นใจว่าผิดหรือถูก ให้ตั้งที่ห้องวิทย์ไว้ก่อน


    ส่วนคำสอนประเภทสุดโต่ง เทศน์อาจารย์ที่มีปัญหากับคณะสงฆ์ คำสอนที่ก่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่คณะ คำสอนประเภทล้างคำครูบาอาจารย์ คำสอนที่ก่อให้เิกิดความเข้าใจผิด คำสอนที่บิดเบือน ก่อให้เกิดการปรามาสพระรัตนไตย คำสอนที่บิดเบือน กระทู้หรือโพสที่รบกวนความสงบของห้อง กระทู้หรือโพสที่มิจฉาทิฐิอย่างรุนแรง เพื่อบรรยากาศที่เหมาะสมแก่การศึกษา


    ทีมงานผู้ดูแล palungjit.org ขอสงวนสิทธิ์ ที่จะ ลบ แก้ไข เคลื่อนย้าย หรือปิดกระทู้ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม โดยเหตุผลใดๆก็ตาม โดยมิต้องบอกกล่าวแก่สมาชิกก่อน


    หมวดพระไตรปิฏก
    ทางเว็บได้แยกไว้อีกหมวดหนึ่งเลย อาทิ





    หากต้องการคุยกันเล่น ๆ แนะนำหมวดทั่วไป


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2012
  13. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ก่อนอื่น ขออนุญาติ บอก เจ้าของกระทู้ก่อนว่า

    กระทู้ แรกเลย ที่ จขกท มาโพส มันหายไปไหน !?

    ก็จะบอกว่า

    มันหายไป เพราะ ผมนี่แหละ เพราะ เมื่อวาน ผมโพสตอบแล้ว คำตอบแรก
    ซึ่งเป็นการ เทสระบบว่ามันปรกติหรือยัง โพสของผมกลับไปเกิดเป็น กระทู้
    เบอร์แรกเลย

    ทีนี้ ตอนบ่ายๆ เย็น เดินเล่นตามคันนาได้ ผมก็มาโพสอีก มันก็กลายเป็น
    คำตอบที่สอง ก็เลย งง

    เห็นว่า มันมี ขยะอยู่แล้ว ในโพสแรก ผมก็เลย กดลบ

    เท่านั้นแหละ เว้ยเห้ย กระทู้ของคุณ หายไปจากระบบเลย พอกดจาก
    history เพื่อดูว่า มันไปไหล ( ปรกติ จะตกไป กระทู้เดือน 9 ) แต่
    ก็ปรากฏว่า ระบบบอกว่า งานนี้ต้องถาม แอดมิน

    ก็เลย เอ้า กลายเป็นว่า ผมลบโพสของตัวเองในเบอร์หนึ่ง ระบบ
    ดันมองเป็น ผมเป็นเจ้าของกระทู้ แล้ว ลบกระทู้ไปจากระบบ


    ***********************

    ก็ขออภัย ณ ตรงนี้ด้วย อันนี้ ไม่ได้ตั้งใจ

    ยังไง ก็อย่าไป สงสัย โมโดเรเตอร์ ทู๊๊๊๊ !!! ก็แล้วกัน

    ผมต่างหาก จิ๊กกี้ จิ๊กกี้ จิ๊กกี้ เอง ( ถ้าเคยดูไอ้มดแดง งานนี้จะไม่งง )
     
  14. ekkapon.ch

    ekkapon.ch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +257
    การเชื่อว่านรกสวรรค์จะมีจริงหรือไม่มีมันเป็นคติของแต่ละบุคคล ที่เรียกว่าความคิดที่เห็นตรงกับพระพุทธเจ้า ถ้าคุณไม่เชื่อว่านรกสวรรค์มีจริงแล้วทำไมจึงมีในคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็เพราะว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าสั่งสอนไว้มันคาดคะเนไม่ได้ มันคาดเดาเอาไม่ได้ แม้แต่การบอกต่อหรือว่าฟังต่อๆกันมาโดยไม่มีหลักฐาน มันก็ไม่สามารถพิสูจน์ว่านรกสวรรค์มีจริง แต่ในคำสอนของพระพุทธเจ้าท่านทรงแนะนำว่า ต้องมาปฏิบัติให้รู้เองเห็นเอง ถึงจะมีคนพูดสักร้อยคนพันคนว่ามีจริงแต่ถ้าคุณไม่เชื่อมันก็ไร้ประโยชน์ ถ้าคุณไม่ปฏิบัติธรรมแล้วอยากเห็นนรกสวรรค์มันคงเป็นไปได้ยาก คนที่เขามาปฏิบัติธรรมบางคนเขาไม่ก็ไม่เชื่อว่ามันมีจริง แต่เขาก็กล้าที่จะพิสูจน์ด้วยดัวเขาเอง เพราะความไม่เชื่อนี่แหละ บางคนก็เชื่อด้วยว่าฟังๆกันมาแต่ก็ไม่เคยเห็นก็มี ถ้าคุณอยากรู้คุณก็พิสูจน์เอา ไม่มีใครจะมาจูงแขนเราไปดูนรกสวรรค์ตัวเป็นแล้วบอกว่านี่สวรรค์นี่นรคได้หรอก แต่มีวิธีที่ง่ายและเห็นเร็วที่สุดก็เห็นจะมีวิธีเดียวครับ อันนี้มีกันทุกคนครับ ไม่พูดก็น่าจะรู้...ขอให้สมปรารถนาครับ
     
  15. overmage

    overmage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2011
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +128
    เอ่อ ขออภัยนะครับ คือ ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรนี่ครับ

    แค่คุณไม่เบียดเบียน ตัวคุณเอง และ บุคคลอื่นก็คงพอ คือไม่ผิดจากความปกติ (ศีล)

    เรื่องภพภูมิ สำหรับผมคิดว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะ รู้เฉพาะคน การที่จะให้เชื่อ 100 เปอเซ็น

    คงยาก ขนาดในเว็บแห่งนี้ คนที่บอกเชื่อ นรก สวรรค์มีจริง แต่ยังผิดศีล มีเยอะแยะ

    ยกตัวอย่าง ผมคนนึงละ >< ว่าแต่ คุณอยากให้คนทำให้เชื่อ เพื่ออะไรครับ?

    เพื่อให้ตัวเองจะได้ไม่ตกนรก ?
    เพื่อให้คนเข้ามาตอบกระทู้เยอะๆ ดูว่าตนเองตั้งกระทู้ได้น่าสนใจ?
    เพื่อทดสอบ ว่า คนที่ตอบ จะตอบได้ตรงใจเราไหม?
    ไอ้ที่แย่ที่สุดคือ เพื่อลองภูมิปัญญา ว่า เราสูงกว่า (ฉลาดกว่า) คนอื่นๆ

    สำหรับผม คงไม่มีคำตอบที่สวยหรูให้ มีเพียงความคิดเห็นที่จะแสดงแลกเปลี่ยนเท่านั้น

    เอาเวลาไปคิดพิสูจน์ด้วยวิธีที่พระพุทธเจ้าสอน ดีกว่าครับ มัวแต่ฟังคนอื่นอย่างเดียวคงไม่ไหว

    มันช้า ดีไม่ดี บ้าฤทธิ์ (ถึงจะทำได้หรือไม่ได้ก็เถอะ) ทดลองทำตามนะครับ พระดีๆที่ท่านเมตาสอนไว้ก็เยอะ

    ค่อยๆหา คิดเอาไว้ว่า อย่างมากถ้าหาไม่เจอ แค่ตายก่อน ^^

    อ้อ... ลืมบอกไปอย่างนึง ผมเชื่อนรกสวรรค์ ไม่ใช่เพราะเห็น แต่เพราะ ปฏิบัติตามพระรูปหนึ่ง

    ที่ท่านเมตตา สอนไว้ให้ แล้วปฏิบัติตามมันเป็นอย่างนั้นๆ จริงๆ แม้ว่าจะแค่ช่วงสั้นๆ ก็เห็นผลจริง

    ลองดูนะครับ จขกท. ในโลกนี้ไม่มีใครฉลาดกว่า องค์พระพุทธเจ้าอีกแล้ว ลองพิสูจน์ดู

    อยู่กับลม แต่ไม่รู้ลม คือคนที่ตายจากความดี
     
  16. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    อย่างไรจึงเรียกได้ว่า สัมมาทิฐิ มิจฉาทิฐิ ?

    http://palungjit.org/threads/อย่างไรจึงเรียกได้ว่า-สัมมาทิฐิ-มิจฉาทิฐิ.256425/


    สัมมาทิฐิ

    http://palungjit.org/threads/สัมมาทิฏฐิ.190259/


    สัมมาทิฐิคืออะไร

    http://palungjit.org/threads/สัมมาทิฐิคืออะไร.146593/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2012
  17. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    :cool::cool:
    ชอบๆ
    อืม...เอาไงดี เอางี้ล่ะกัน เวลาคุณจะไปต่างประเทศ คุณต้องไปทำ Visa ก่อน แลกเงินสกุลที่เขาใช้กันในประเทศนั้นไป ไม่งั้นเขาก็ไม่ให้คุณเข้าประเทศเขา ถึงเข้าไปได้มี Visa ก็อยู่ไม่ได้ ต้องรีบเผ่นกลับ เห็นแค่แว๊บๆ เพราะไม่มีเงิน ที่เขาใช้กัน อยู่ บ่ ได้ ไม่มีที่นอน ที่กิน
    อีทีนี้ คนอยากจะไปเห็นนรก สวรรค์กันได้ต้องมี สมาธิ ที่ดี ซึ่งจะมีได้ก็เหมือนต้องมีเงิน พอจะเห็นได้ ไปดูได้นิดๆ หน่อยๆ แต่ถ้าไม่มี Visa คือ ศีลที่เป็นฐานของสมาธิ ทำให้สมาธินิ่งพอจะไปรู้ไปเห็นได้ ก็เสร็จอีก ดังนั้น ถ้าอยากจะไปประเทศ (นรก) นี้ ก็ต้องมี Visa คือศีลบริสุทธิ์ เสียก่อน ไม่ต้องมาก เอาสักวันละสามชั่วโมงทำได้ไหม แล้วช่วงก่อนนอนพยายามทำสมาธิ เอาง่ายๆ ก็ พุทโธ แล้วกัน ให้ได้สักสิบห้านาที ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น ถ้าทำ Visa กับแลกเงินได้แบบนี้ที่ว่านี้แล้ว ค่อยมาคุยกันอีกทีนะจ๊ะ
     
  18. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    เอ่อแหนะ เอ่อแหนะ ท่านเจ้าของกระทู้

    เรื่อง นรก สวรรคิ์ นิพพาน ว่าใครจะทำให้ คุณเชื่อได้ไหม หรือ จะเอา ศรัทธานำไปก่อน
    ก็ว่ากันไป มันก็ไม่ต่างกับ คุณไปเช่า เครื่องบูชา สังเวย มาวางไวที่หัวนอนหรอก

    มันต้องเอา ศรัทธานำไว้ก่อน เพราะ บางอย่าง มันพ้นสายตาเรา เนาะ

    แต่...........................................

    เชื่อไหม ตอนที่คุณกล่าวว่า แม่คุณไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ ( ข้อความใน
    กระทู้ก่อนหน้า ที่คุณเคยลงเอาไว้ )

    หากเป็น คนที่สนใจเรื่อง ความกตัญญู ตอบแทนคุณ

    หากคุณ เป็นคนรักแม่ กตัญญูต่อแม่ อยากตอบแทนบุญคุณแม่ หาก
    คุณไม่ได้ สดับธรรมะ ก็จะไม่ทราบ วิธีการที่ตอบแทนคุณได้หมดจด

    ลูก สามารถตอบแทนคุณพ่อแม่ ได้หมดจด ใน ศาสนาพุทธมี ระบุอยู่

    ก็แค่ ทำให้ท่าน เชื่อบ้างนิดๆหน่อยๆ ในเรื่อง ตายแล้วไม่สูญ แล้ว
    ท่านลงมือปฏิบัติอะไรสักอย่าง ประกอบหลักฐานความเชื่อนั้น

    เนี่ยะ ในทางพุทธศาสนา ท่านจะถือว่า ลูกคนนั้นตอบแทนคุณพ่อแม่
    หมด ไม่ชื่อว่าเป็น หนี้อีก

    เนี่ยะ สนใจ ทำให้ท่านมีศรัทธา หรือเปล่า

    แต่ลำบากหน่อยนะ เพราะ มันต้องเริ่ม ที่ตัวคุณก่อน แล้วอาศัย ความประพฤติ
    ที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ในสายตาพ่อแม่( ไม่ง่ายนะคร้าบ ) ท่านก็อาจจะ
    สนใจว่า เราไปทำอะไรมา เรามีหลักความเชื่ออะไรหรือ ถึงได้ ทำตัวน่ารัก
    กว่าลูกคนเดิม

    เอาหละซี่ งานเข้า

    เริ่มอย่างไรดี

    จะรอวัน รอฟ้า รอฝน รอให้คนอื่นมา ชักจูงเราเหมือนเขาเอาไปเข้าโรงเชือด
    จนเต็มโต๊ะหมู่บูชาเหรอ

    หรือว่า จะใช้ตัวเอง เพียวๆ แล่นไปด้วย "ศรัทธา สหรคตด้วย วิริยะ"

    ************

    ปล.

    "ศรัทธา สหรคตด้วย วิริยะ" วิธีนี้ อรหันต์ได้เหมือนกันนะ
     
  19. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    นึกถึง เรื่อง พระมหาชนก เลยนะนี่

    พระมหาชนก ก็มี แม่ นี่แหละ เป็นประเด็นของเรื่องราว เข้าสู่การค้นหา พิสูจน์ธรรมด้วยตัวเอง

    พระมหาชนก รักแม่ คุยกับแม่ ลูกจะออกเรือไปทำการค้า แม่ก็คิดว่า ลูกจะไปแล้วสูญ

    ก็เกิดเป็นประเด็น พิสูจน์ว่า "แม่จ๋า หนูไปแล้วไม่สูญ นะ "

    เท่านั้นแหละ

    งานเข้า พายุพัดเรือล่ม ไอ้ความที่ ต้องการ พิสูจน์ให้แม่ทราบว่า ไปแล้วไม่สูญ นะ

    ก็เลย เป็นจุดเริ่มต้นของการ ไม่เป็นหนี้ใคร ไม่ชือว่าเป็นหนี้ใคร

    "ศรัทธา สหรคต ด้วย วิริยะ" กระโดดน้ำตูม แล้วว่ายน้ำ 7วัน 7คืน ไม่ยอมสูญสิ้น
    เด็ดขาด

    เพื่อ จะเอา หลักฐาน พยานไปฝากแม่

    "แม่จ๋า นี่ไง เห็นไหม ลูก มาแล้ว ไปแล้ว ไม่สูญ"
     
  20. 789654561

    789654561 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +333
    ช่างเธอสิ เชื่อไม่เชื่อตายไปก็รู้เอง ไม่ต้องโพทนาหรอก
    คนบนโลกมี 7 พันล้าน มีพุทธไม่ถึง 500 ล้านคน
    คนพุทธก็ใช่ว่าจะสนใจคำสอนพระศาสดาทุกคน
    สนใจแล้วทำตามยิ่งน้อย
    สนใจทำตามเจอครูอาจารย์สอนผิดตั้งเยอะแยะ
    สนใจทำตามเจอครูอาจารย์ดี ทำไม่ได้ก็เยอะ
    เธอเป็นพวกไหนคิดดูเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...