ของถามเรื่องนึงครับสงสัยมานาน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย dearhong, 21 กันยายน 2012.

  1. dearhong

    dearhong Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +34
    พระพุทธเจ้าท่านบอกไม่ให้สร้างรูปเหมือนของท่าน แล้วที่เรามากราบไหว้พระพุทธรูปกันเท่ากับผิดเจตนาของท่านไหมครับ แล้วยังบอกไม่ให้เชื่อเรื่องเทพ เทวดาให้ยึดพระธรรมคําสอนของท่านเป็นที่ตั้งในการดําเนินชีวิต งั้นสิ่งที่ผมเห็นในเว็บนี้มันเป็นบิดเบือนคําสอนของท่านหรือไม่ครับ ช่วยตอบด้วยนะครับ ขออีกเรื่องครับ อิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์ มันเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่เห็นด้วยไม่ใช่หรอครับ ทําไมทุกคนทําเหมือนเป็นสิ่งที่ควรเคารพบูชากันครับ

    ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะครับแค่อยากจะรู้คําตอบที่ดีๆหรือมุมมองแนวคิดของทุกคนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2012
  2. tukkuru

    tukkuru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +213
    เท่าที่ทราบนะครับ พระพุทธองค์มิได้ทรงปฎิเสธเรื่องเทพเทวดา เพียงแต่ท่านกล่าวว่าไม่ควรนำเหล่าเทพเทวดามาเป็นสรณะ กล่าวคือมิใช่ที่พึ่งแห่งความหลุดพ้นจริง เพราะเทพเทวดาเองก็ยังวนเวียนอยู่ในวัฎฎะ และ อยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์เช่นกัน ( มีเกิด มีอยู่ และ มีดับ )
     
  3. porntips

    porntips เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +2,410
    ใช่ครับ เทพเทวดา ครุท ยักษ์ มีจริง ยังมาฟังธรรมแต่ไม่ให้ยึดเป็นสรณะหมายถึงที่พึ่ง ที่่ยึดเหนี่ยว พระธรรมคำสั่งสอนเท่านั้นที่พระพุทธองค์ให้ยึดเป็นที่พึ่ง รูปเคารพของพระพุทธเจ้าเราเอาไว้เป็นที่ระลึก ไว้กราบไหว้เช่นกัน แต่ไม่ใช่ยึดติดกับราคา หรือสร้างเพื่อเป็นพุทธพาณืชย์ อิทธิฤทธิ์ทั้งหลายที่เรานับถือ เนื่องจากถือว่าจะมีต้องปฏิบัติดีด้วย ทาน ศีล ภาวนา ที่บริสุทธิ จึงจะมีได้ แม้นแต่เทพ เทวดายังนับถือกราบไหว้
     
  4. tukkuru

    tukkuru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +213
    ส่วนเรื่องรูปเหมือนหรือรูปเคารพ(พระพุทธรูป)ของพระพุทธองค์ ช่างฝีมือคนแรกเป็นชาวกรีกครับ ผมคิดว่าในสมัยโน้นนน ผู้คนอาลัยอาวรณ์พระพุทธองค์เป็นอย่างมากมาย จึงต้องสร้างองค์จำลองขึ้นมาให้ชนรุ่นหลังได้เคารพ และ รำลึกถึง เพราะลำพังเพียงการถ่ายทอดพระไตรปิฎกอันลึกซึ้งยังยากเลย จึ่งควรมีพระพุทธรูปด้วย คาดว่าเพื่อป้องกันการสิ้นสูญพระพุทธศาสนา เพราะเหล่ามนุษย์นี้ชอบยึดมั่นถือมั่นกันอยู่แล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีสิ่งที่ดีดีไว้ยึดมั่น
     
  5. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    มันเป็นไปตามกาลเวลา และยุคสมัยครับ ทุกวันนี้คนต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวโดยผู้คนส่วนมากยังไม่เข้าใจ หรือ รู้ในธรรมอย่างลึกซึ้งโดยแท้จริง ผู้คนจึงหาสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ถ้าเราทุกคนไม่คิดมากหรือรู้ ทำตามดั่งที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้อย่างเคร่งครัดแล้ว ไห้มองเป็นกลางๆในส่วนของการกระทำ ตามความศรัทธาของคนเรา เป็นดั่งพุทธองค์ทรงตรัสไว้เปรียบเหมือนบัวสี่เหล่า มันไม่ผิดที่บัวที่อยู่ในโคลนตม หรือพ้นตมมาแล้ว แต่ยังไม่พ้นน้ำ ที่จะกระทำอันที่ จิตหรือ สภาวะตามกำลังความเชื่อความศรัทธาที่ตนเองมีอยู่ เปรียบเสมือนว่าตัวเองกำลังจะพ้นโคลนตม ก็กระทำในสิ่งที่ตนเองมีความเป็นอยู่ที่จะเรียนรู้ตามสภาวะของตน หรือกำลังของตน มันเป็นการยึดเหนี่ยว หรือเริ่มต้นในการที่จะเรียนรู้ เพื่อไปสู่การเรียนและได้อยู่ในขั้นที่สูงต่อไป ต้องถามตัวเองดูก่อนครับว่า เราจะเลือกสอนคนประเภทไหน เราจะสอนคนที่ยังไม่พ้นตม หรือ พ้นมาแล้ว แต่ยังไม่พ้นน้ำ สอนคนแบบนี้ได้ชื่อว่าเป็นการสร้างบารมีในแบบขององค์พระโพธิสัตว ฉนั้นเราจะสอนไห้เขากราบไว้ครูบาอาจารย์หรือสิ่งที่เคารพ ที่เป็นรูป เหรียญ หรือ องค์ ก็ไม่ผิด เพราะเป็นการเพาะบ่ม อบรมจิต เป็นการเรียนรู้เริ่มต้นของ ความเชื่อ ความศรัทธา เพื่อพัฒนา จิตตนเองไห้เจริญสูงยิ่งขึ้นไป
    แต่เมื่อใดที่ผู้นั้นมีความเจริญของจิตที่สูงแล้ว เหมือนดั่ง บัวปริ่มน้ำ หรือพ้นน้ำกำลังจะบาน จะสอนไม่ไห้เคารพรูป องค์ หรือไม่ไห้เชื่องมงายแบบที่ผิด เขาก็จะมีกำลัง และปัญญาที่จะรู้เองได้ว่า กระทำสิ่งไหน มันใช่หรือไม่ใช่ เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงได้ตรัสและเปรียบไว้แล้วดั่งบัวสี่เหล่าท่านก็เลยเลือกสอนได้ว่าจะสอนบัวเหล่าใด เมื่อท่านสอนแล้วบัวเหล่านั้นก็จะเห็นสภาวะตามความเป็นจริงโดยอาศัยปัญญา หรือกำลังตน ที่ได้สะสมบุญบารมีมาแล้วในชาติก่อนๆ และได้สำเร็จเป็นพระอริยบุคคล อรหัตผล และท่านเหล่านั้นก็จะเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่คำสั่งสอนต่อไป ส่วนมากท่านจึงเลือกที่จะสอนบัวปริ่มน้ำ หรือ ที่พ้นน้ำกำลังจะบานเสียส่วนมาก ฉนั้นที่ท่านสอนว่าไม่ไห้เคารพรูป หรือเชื่อในสิ่งที่ท่านสอนมาเลยไห้ตรึกตรองหรือไตร่ตรองดูก่อน คนที่จะเข้าถึงคำสอนแบบนี้ก็จะเป็นผู้ที่มีบุญบารมีที่ได้สะสมมาแล้วแต่ชาติอดีต จึงได้รู้หรือมองว่ามันก็เป็นเช่นนั้น มันไม่สำคัญเลย เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดมีความหมายเดียว คือ นิพพาน แต่จะไห้ผู้ที่เป็นดั่งบัวที่อยู่ในโคลนตม หรือผู้ที่กำลังศึกษาเรียนรู้ เริ่มต้น ที่จะพัฒนา อบรมจิต ของตนเองจะสอนไห้เห็นสภาวะแบบนี้ คงเป็นไปไม่ได้ จะไปบอกเขาว่าไม่ไห้เคารพรูปเหมือน หรือรูปภาพที่เป็นตัวแทนนี้เขาจะไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร เพราะเขาไม่มีปัญญา หรือความรู้มากพอที่จะเข้าไปดูหรือมองเห็นสภาวะตามความเป็นจริง ดั่งที่พระพุทธองค์สอน อยู่ที่เราจะสอนเริ่มต้นปัญญาของเขาแแบบใด จะสอนผู้เป็นบัวอยู่ในโคลนตม ท่านคิดว่าจะสอนอริยสัตจ์ หรือ มรรค ก่อนดี ที่เขาจะเรียนรู้โดยอย่างลึกซึ้ง เป็นลำดับขั้น พระพุทธองค์คงไม่ห้ามเสียทีเดียวครับ ท่านสอนหรือกล่าวไว้สำหรับผู้ที่เห็น หรือมีปัญญา สภาวะตามความเป็นจริงตามท่านเท่านั้น เพราะสิ่งนี้มันเป็นการเริ่มต้นของผู้ที่จะมีปัญญารู้แจ้งในอนาคตกาล ครับ อยู่ที่ท่านเลือกจะสอนไห้คนที่อยู่ในโคลนตม หรืออยู่ในน้ำ แต่ยังไม่พ้นน้ำ เป็นไปซึ่ง พระโพธิสัตว หรือ อรหัตผล อันไหนง่ายกว่ากัน ส่วนที่อยู่ปริ่มน้ำกำลังจะพ้นน้ำ หรือพ้นน้ำมาแล้วกำลังจะเบ่งบาน ไม่ต้องพูดถึง ท่านเหล่านั้นได้อบรม หรือ สั่งสม บารมีมาแล้วในอดีต ท่านเหล่านั้นมีปัญญาที่จะรู้แจ้งตามความเป็นจริงได้แล้ว สมัยก่อนเมื่อผมยังเด็กหรือวัยรุ่นผมมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาโดยอาศัยเรื่อง อิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์ มาก่อน แต่เดี๋ยวนี้ มันก็เห็นเป็นเรื่องธรรมดา มันก็แค่นั้นแหละครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2012
  6. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    เท่าที่ผมเข้าใจเอาเองนะครับ พระพุทธองค์ไม่เคยห้ามในการสร้างนะครับ เพราะขนาดพระอัครสาวก ดับขันธ์แล้ว พระพุทธองค์ยังให้สร้างเจดีย์เพื่อบรรจุสรีระธาตุ ของอัครสาวกเลย ส่วนที่คนเค้าสร้างพระพุทธรูปขึ้นมานั้น ก็สร้างขึ้นมาด้วยความศัทธา ตรงไหนที่บิดเบือนคำสอน สิ่งที่ไม่ดีก็คือไม่ดี คุณอย่าไปคิดในแง่อื่น อย่าเอามาปนกัน เขาสร้างเพื่อจะได้ระลึกพระพุทธเจ้า จะได้มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจไว้ พุทธานุสติไงครับ รู้จักป่าวครับ ส่วนเรื่องอิทธิฤทธิ์ต่างๆนั้น เป็นผลพลอยได้ของการทำสมาธิครับ ไม่ใช่ห้ามไม่ให้มี มีได้แต่อย่าไปยึดติด เพราะไม่ใช่กิจอันสูงสุดที่พระพุทธศาสนาต้องการ และ อีกอย่างพระพุทธองค์ได้ตรัสว่า เรื่องฤทธิ์นั้น แม้แต่นักมายากลก็ทำได้ คนเรานั้นเข้าใจผิดกันไป คิดกันไปเอง ว่าเป็นสิ่งวิเศษ เลยนับถือกัน จนลืมคิดไปว่า คุณธรรมประจำใจของแต่ละบุคคลนั้นต่างหาก เป็นสิ่งที่วิเศษกว่า ที่น่านับถือกว่า เลยทำให้เกจิอาจารย์ในปัจจุบันต้องเอาวิชามาอวด อันนี้ก็ไม่รู้ว่าเข้าข่าย อวดอุตตริหรือเปล่าคิดเอาเองนะ สวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2012
  7. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    สมัยพระพุทธองค์ ไม่จำเป็นต้องมีรูปปั่น รูปเหมือนให้เป็นตัวแทน เพราะต่อให้ช่างปั่นที่เก่ง

    ที่สุด ก็ไม่สามารถ ปั่นรูปพระพุทธเจ้าได้เนื่องจาก พอเทียบเคียงองค์จริง

    มันจะผิดไปจากเดิม คือ พระองค์ทรงงดงามมากตามแบบแห่ง พุทธะ ทรงเปล่งพระวรกาย

    งดงามเกินกว่า ปูนปั่น ทองปั่นจะเทียบเคียงได้

    ส่วนเรื่องการ สร้างพระพุทธรูปนั้นให้ไแหาอ่านเรื่อง มิลินทรปัญหา

    พระนาคเสน ทรงแก้โจทย์ ของ พระเจ้ามิลินทร ให้สัทธาเรื่องนี้ได้อย่างไร

    สุดท้ายพระเจ้ามิลินทร จึงทรงสร้าง พระพุทธรูป องค์แรกของพระพุทธศาสนา

    ส่วนเรื่อง ผีสาง เทวดา อินทร พรหม นั้นมีอยู่จริง แต่การยึดมั่นถือมั่น เอามาเป็นสรณะ

    ไม่ได้ช่วยให้ พ้นทุกข์ พระองค์จึงทรงไม่ สรรเสริฐให้ เอามาเป็น สรณะ

    มีเพียง พระธรรม คำสอน ที่เอามาเป็น สรณะ ให้ ปฏิบัตืตาม เพื่อความ หลุดพ้น

    แต่สิ่งที่พระองค์สอนนั้น คือ โลกกุตระธรรม นั้นคือที่สุดแห่งการดับทุกข์

    แต่เราคือ ปุถุชน มนุษย์ ขี้เหม็น คนหนึ่่ง การปฏิบัติ ยังไม่ได้เข้าใกล้ โลกกุตระ

    จึงอาจมีการ แวะพัก ที่ภูมิธรรมของแต่ละคนจะยึดเหนี่ยว

    เหมือนกับว่า เราเกิด อุบัติเหตุ เหยียบตะปูตัวใหญ่เลือดไหลเต็มไปหมด

    ท่านสามารถทำการ ละที่สุดของทุกข์ที่เกิดได้ โดยการเข้านิโรษสมบัติได้ไหม

    ท่านสามารถ รวมจิตเป็น กรรมฐานกำหนด อาการเจ็บปวดให้หายไปได้ไหม

    ถ้าท่านทำได้ นั้นแหละ คือ โลกกุตระ คือ สิ่งที่ พระองค์บอกว่า การกระทำที่สุดแห่งทุกข์

    ด้วย สมถะกรรมฐาน และ วิปัสณากรรมฐาน

    สังเกตุดูว่า หลวงปู่ หลวงตา ที่ท่านสำเร็จ มักจะไม่ไปโรงพยาบาล ที่ไปก็ลูกศิกษ์

    ต้องกราบ นิมนต์ ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าท่านถึงยอมไป ที่ยอมไปเพื่อบุญกุศล ของลูกศิกษ์เอง

    ไม่ได้เพื่อตัวท่าน เพราะท่าน รู้วิธีหายจากโรคภัยอยู่แล้ว

    ย้อนกลับมาตรงที่ทำไม คนยังนับถือ ผีสาง เทวดา อินทร์ พรหม แทนที่จะยึดมั่นในพระ

    ธรรมเพียงอย่างเดียว นั้นก็เพราะเรา ยังดีได้ไม่จริง นั้นแหละ

    ระหว่างทาง กำลังเราไม่ถึง ก็อาจจะยึดมั่นในสิ่งที่ใกล้ตัว เกาะเกี่ยวสิ่งที่่ไขว่คว้าได้

    เพื่อการ ละทุกข์ ชั่วคราว ไม่ให้เจ็บป่วย ไม่ให้ท้อแท้ สร้างกำลังใจ ในช่วงเวลาหนึ่ง

    ให้เข็มแข็งแล้ว ก็ศึกษา ธรรมะ ต่อไป

    แต่ถ้าใครสำเร็จแล้ว ช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว ดัง พระอรหันต์ ก็ไม่จำเป็นต้องหาที่

    พึ่งชั่วคราว เพราะท่านเองคือ ที่พึ่งถาวร ให้กับคนอื่นได้แล้ว

    เหมือนเราบอกว่า จะไปดวงจันทร์ ต้องขึ้นยาน อวกาศ

    แต่ด้วยปัญญาแล้ว สามารถเราขณะนั้น ขึ้นเครื่องบินได้ก็ หรูแล้ว จะมีปัญญาขึ้นยานไหมละ

    ถ้ายังไม่มีปัญญาพอขึ้นยาน ก็ พยายามหาปัญญา หาเงิน เพื่อจะขึ้น ยานในอนาคต

    ตอนนี้ก็.....นั้งเครื่องบินไปก่อนนะ อิอิ
     
  8. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    :cool:

    :cool:({)ดีครับที่คุณถามรู้สึกคุณจะมีทิฏฐิ พอสมควร จึงถามเช่นนี้ แต่ใช่ว่าจะผิดแต่มันก็มีประโยชน์สำหรับคนที่ไม่รู้ คนที่รู้แล้วจะได้รู้ยิ่งๆขึ้นไปครับ:cool:

    นั่นมันเป็นความเห็นของคุณ ว่าพระพุทธเจ้าไม่ให้สร้างรูปท่าน ก็ท่านยังมีชีวิตอยู่ จะสร้างไปทำไมล่ะ แต่เมื่อท่านไปโปรด พยานาค ฤาษีชีไพร เหลามหาชน ตัวอย่างมากมาย ท่านเหล่านั้น จะให้ประทับรอย พระพุทะบาท ไว้กราบไหว้บูชา ตัวอย่าง พระพุทธบาทสระบุรี ไปค้นเอาเอง ผมไม่จำเป็นต้องบอกละเอียด พระพุทธบาท มีมากมายในโลกมนุษย์นี้ และพระพุทธเจ้าสั่งให้สร้างเจดีย์ บรรจุพระธาตุ พระอังคารธาตุ ของพระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้ว ออกมากมาย ไว้ให้สาธุชนทั้งหลาย ได้กราบไหว้ระลึกถึงอยู่เสมอ:cool:

    แค่นี้แหละไม่จำเป็นต้องอธิบายมากกว่านี้อีกแล้ว ทุกคนมีปัญญา จะเอามันออกมาใช้หรือเปล่าต่างหาก ที่คุณว่า พระพุทธองค์ไม่ให้แสดงฤทธิ์ ก็เพราะ คนมันไปติดในฤทธิ์ มันไม่ทำความดี เสียเวลาเปล่าไม่เกิดประโยชน์มีแต่โทษ มันไม่ใช่หนทางพ้นทุกข์ พระพุทธองค์ทรงห้าม แต่เพื่อการปฏิบัติ ของคนบางคนหรือหลายคน แสดงให้เห็น ได้ เฉพราะพวกเดียวกัน แม้แต่พระอรหันต์พระองค์ยังห้ามแสดงเลย แต่มันไม่มีโทษเลยสำหรับพระอรหันต์ แต่ท่านก็เคารพ จำเป็นจริงๆถึงใช้ อธิบายไปวันก็ไม่จบ แค่นี้คงเข้าใจนะ เมื่อพระพุทธองค์ ห้ามสาวก แต่ไม่ได้บอกห้ามท่านแสดง เหาะไปสวรรค์ชั้นดาวดึง โปรดพุทธมารดา ไปหาอ่านให้หายสงสัยนะ อ่านมานิดเดียวไปตีความเอง

    แหมไอ้คุณนี่ มั่นใจตัวเองมากเลยนะ ไปกว่าวหาพระพุทธเจ้าห้ามไหว้เทวดา ไปดูให้ดีๆ มันอยู่ในนวโกวาท ต้นๆเลยนะ อยู่ใน หมวดอนุสติ ๑๐ ข้อ เทวตานุสติกรรมฐาน ให้นึกถึงความดีของเทวดา แหมคนที่จะเป็นเป็นเทวดาได้ ต้องมีความละอายต่อความชั่ว ทั้งปวงถึงไปเป็นเทวดาได้ นี่เห็นไหม แล้วคุณอย่าลืมนะ ตั้งแต่ พระภูมิเจ้าที่ สวรรค์ชั้นต้น มหาราชิกา ภูมิมา มีพระอริยะเจ้า ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปถึง พระอนาคามี บอกเลยนะ ทำไม พระพระอริยมาอยู่ ชั้นต่ำ ท่านจะอยู่ชั้นไหนก็ได้เลือกได้ ยิ่งพระอนาคามีด้วยแล้ว เพราะว่า นิสัยเดิม ที่มีพวกพ้องของท่านอยู่ มีทุกชั้นแหละ

    ถ้ามีเวลาอาจจะเข้ามาอีก ไปก่อนนะ เปรียบเหมือนคุณยังอยู่ชั้นเตรียม เลยเหมาเอาว่าทุกคนต้องไม่รู้เหมือนคุณ คุณเอากับอีกด้านหนึ่งขององค์สมเด็จมาอ้างอิงหมด แต่มันผิดมากกว่าถูก มันก็มีถูก แต่มันเป็นมิฏฉาทิฏฐิ คุณมองข้างเดียครับ:cool:
     
  9. ศักยิ์กมล

    ศักยิ์กมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +1,316
    ทุกวัดในพระพุทธศาสนา ล้วนมีพระพุทธรูปทั้งสิ้น มาตั้งแต่โบร่ำโบราณ ผมว่าพระองค์คงไม่ได้ห้ามแต่มีบางท่านตีความหมายผิดหรือเปล่าครับ
     
  10. Anti-God

    Anti-God เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +377
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านทรงปรินิพานไปกว่า2500ปีแล้ว
    ท่านอาจจะเคยบอกกล่าวแก่พระสาวกว่าหากท่านมิอยู่แล้ว ก็หาใช่ว่าหลักธรรมคำสอนจะสูญสิ้น หากแต่ให้ยึดหลักธรรมคำสอนและการปฏิบัติเป็นที่ตั้งหาใช่รูปเคารพหรือศาสนสถาน ท่านทรงแนะเป็นแนวทางไม่ใช่คำสั่งห้ามอะไรใดๆ

    ''ว่าแต่ตัวคุณเองเถอะ ตั้งคำถามที่คุณไม่มีทางเข้าใจในคำตอบนั้น ไปทำไม''
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กันยายน 2012
  11. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสไว้ว่าไม่ให้สร้างพระพุทธรูป มันเป็นเรื่องโกหกที่มีการตัดต่อพุทธพจน์ขึ้นมาใหม่โดยกลุ่มคนที่ปราศจากความละอายในบาปต้องการทำลายพระพุทธรูป ซึ่งมีกระทู้ที่อ้างพุทธพจน์ปลอมซึ่งผมเปิดโปงเรื่องนี้ไปแ้ล้วจนต้องปิดกระทู้หนีไป

    ท่านเจ้าของกระทู้อย่าได้กล่าวตู่พระพุทธเจ้าแบบนี้เลย ท่านคงไปได้ยินได้ฟังพุทธพจน์ปลอมของใครบางคนมาแล้วแน่ๆ แม้เข้าใจผิดแต่มันก็เป็นบาปติดตัวไป ซึ่งขณะนี้ท่านก็มีเชื้อมิจฉาทิษฐิติดตัวอยู่ ถ้าไม่ขจัดทิ้งมันก็จะงอกงามไปเรื่อยๆ จนไปก่อกรรมหนักแน่ๆ

    ส่วนเรื่องของปาฎิหาริย์นั้น ให้ไปอ่านเกวัฎฎสูตร ซึ่งได้อธิบายเหตุผลว่าปาฎิหาริย์แต่ละอย่างมีคุณและโทษอย่างไร คือต้องเข้า้ใจเหตุผลที่พระพุทธเจ้าทรงให้ไว้ก่อน ซึ่งเหตุผลที่ทรงรังเกียจอิทธิปาฎิหาริย์และอาเทสนาปาฎิหารยิ์มีอยู่ข้อเดียวคือจะมีคนไม่เชื่อในปาฎิหาริย์เหล่านั้นเพราะว่ามีวิชาที่สามารถทำเทียมเลียนแบบได้ หรือสรุปง่ายๆว่าก็เพราะมีคนพาลอยู่ในโลก ไม่ใช่ว่าปาฎิหาริย์เหล่านั้นมีโทษโดยตรง มิเช่นนั้นพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์คงไม่แสดงฤทธิ์ใดๆเลย แต่ก็ไม่แสดงพร่ำเพรื่อแต่เลือกแสดงในจังหวะที่เหมาะสม ดังนั้นต้องเข้าใจในเหตุผลและบริบทเบื้องหลังก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2012
  12. mikycar offroad

    mikycar offroad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +255
    เซ็ง.....เป็ด+ไก่
    ไอ้พวกแบกตู้ซ่อนเสี้ยน แจกใบปลิวคำสอนที่ก๊อปปี้จนเพี้ยน เที่ยวอวดนิพานไปทั่วตัวเองยังติดคอมพิวเตอร์งอมแงม ตะลอนเวป โชว์ธรรมขั้นเทพ แล้วส่งคนเข้านิพาน...ธรรมขั้นสูงจากเซียน เสี่ยน เสี้ยน
     
  13. toseal

    toseal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +618
    เท่าที่ผมลองๆไปอ่านในเวปดู พระพุทธรูปส้รางหลังจากพระพุทธเจ้าดับขันธ์ปรินิพพานไปหลายร้อยปี เหตุผลคือ เวลาไปเผยแผ่ศาสนาจำเป็นต้องมีรูปหรือตัวเทนองค์ศาสดาเพื่อเป็นที่มันใจ เพราะศาสนาทุกศาสนามีรูปหรือเครื่องหมายแทนองค์ศาสดาครับ ผิดถูกโปรดอภัยข้าน้อยด้วยครับ
     
  14. dearhong

    dearhong Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +34


    ก็เพราะไม่รู้ถึงต้องถามไงครับเพราะผมคิดว่าคนในเว็บนี้น่าจะรู้ดีกว่าผม แล้วที่ว่าเทวดาที่ต้องไหว้คือใครหรอครับที่ต้องไหว้นอกจาก พ่อกับแม่ ที่เป็นเทวดา ศาสนาพุทธคือ อเทวนิยม ไม่ใช่หรอครับส่วนที่นับถือเทพเทวดามันของพราหม์นิครับ
    อย่าโกรธผมเลยนะครับเพราะศาสนาพุทธเป็นศาสนาวิทยาศาสตร์ ทุกอย่างต้องมีเหตุและผลสามารถพิสูจน์ได้ครับ ผมว่าถ้าเรายังยึดติดกับอิทธิฤทธิ์ที่หรือสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้สุดท้าย เช่น ไหว้พระขอหวย หรือพระเกจิปลุกเสกของขลัง สักยันต์ เราจะลืมแก่นแท้ของพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าทรงตั้งใจสอนให้เรานะครับ แต่ผมต้องขอบคุณมากนะครับที่ท่านตอบผมจะได้ไปศึกษาเพิ่มเติม ผมเป็นคนรุ่นใหม่ซึ่งอยากรู้ซึ่งแก่นแท้จริงๆของศานาพุทธครับ


    ถ้ามีวาจาใดกล่าวล่วงเกินท่านต้องขออภัยต้องขอภัยด้วยนะครับ
     
  15. dearhong

    dearhong Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +34

    ที่ท่านทรงแนะนําคือท่านไม่อยากให้ทําจะดีกว่าหรือเปล่าครับ เหมือนพ่อแม่แนะนําลูก ครูอาจารย์แนะนําศิษย์ ส่วนจะทําตามหรือไม่ก็แล้วแต่ เพราะผมไ่ม่เข้าใจจึงต้องตั้งคําถาม พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ใช้สติพิจารณาก่อนที่จะเชื่ออะไรขอท่านเข้าใจด้วยครับ
     
  16. dearhong

    dearhong Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +34


    ขอบคุณมากครับท่านแม้ผมจะยังไม่เข้าใจทั้งหมดแต่ก็ทําให้ให้เห็นอีกมุมมองนึงเลยครับ ส่วนตัวผมขอยึดพระธรรมคําสอนขอพุทธองค์เป็นแนวทางการดําเนินชีวิตก็พอครับ ผมเชื่อว่าความดีนั้นศักดิ์สิทธิ์กว่าพรของเทพเทวดาองค์ใดๆ ครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ
     
  17. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    พี่เข้าใจแล้วว่าน้องไม่รู้จริงๆ เหมือนอ่านหนังสือเด็ก ม.ต้นมาก็เลย งง กับ

    นิยาม คำว่า อเทวนิยม และ เทวนิยม

    คำว่า อเทวนิยม แปลตรงตัวว่า ไม่นิยมในเทวดา แต่ไม่ได้ ปฏิเสษการมีของเทวดา ดังในพระไตรปิฏกที่กล่าวไว้มากมายเกี่ยวกับ เปรต และ เทวดา
    การกำหนด ชั้นของสัตว์นรก และ ภพภูมิของสวรรค์ พระโมคคลานะ และ พระสารีบุตร สนทนา กับ เทวดามากมาย ก็มีกล่าวในพระไตรปิฏก

    แต่หลักใจความให้เห็นกันชัดๆว่า

    เทวดา อินทร์ พรหม ไม่ได้เป็นหลักชัยสูงสุดของพระพุทธศาสนา

    แต่ไม่ได้ปฏิเสศการมีอยู่จริง คำว่า เทวนิยม คือ การยึด เทวดาเป็นที่พึ่งสูงสุด

    เป็นที่ระลึกสูงสุด ชีวิตเราถูกกำหนดด้วย เทวดา พระเจ้า นี้แหละที่เรียกว่า

    เทวนิยม

    ส่วนอเทวนิยม ใน พระพุทธศาสนา แม้นไม่ได้ปฏิเสษการมีของเทวดา

    แต่ก็ไม่ได้บอกให้ถือเป็นที่พึ่งอันสูงสุด แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสษการ พึ่งพาเทวดา

    การพึ่งพาเทวดา ของ พระพุทธศาสนา เหมือนกับ เราเคารพ ผู้ใหญ่ กราบไหว้

    ญาติผู้ใหญ่ เหมือนเรามี ลุง มีป้า ที่มี บารมีมาก เราอาจจะหวังพึ่งพา ชั่วคราว

    ยามที่เราขัดสน แต่ ไม่ได้เป็นที่สุดแห่งการพึ่งพา เพราะการไปต่อแห่งนิพาน

    มันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆเหมือนอ่านหนังสือจบ ก็บอกสำเร็จ นิพพาน เข้าใจ มรรค8

    อ่าน มหาสติปัฏฐาน 4 จะบอกว่า ตนเองสำเร็จแล้วมันก็ไม่ใช้

    ฉนั้น ระหว่างที่เรากำลัง ปฏิบัติธรรม บารมียังน้อยอยู่ การพึ่งพาผู้ใหญ่ก็ไม่ได้

    เป็นสิ่งที่น่ารังเกรียจแต่อย่างไร การพึ่งพา พระเครื่อง ที่หลวงปู่ ปลูกเสก ก็ไม่ใช้

    เรื่องแปลกอะไร ก็เพราะเราสำเร็จ อรหันต์ ไม่ได้ฉับพลัน ระหว่างที่ยังเวียนวาย

    ตายเกิด เราจะปฏิบัติตามแบบเทวดา ไปเกิดในภูมิที่ดี เราจะพึ่งพาผู้หลักผู้ใหญ่

    ก็ไม่ได้แปลว่า เราจะยึดตรงนั้นเป็นที่สุดแห่งการปฏิบัติ ระหว่างที่เราเอง บารมี

    ธรรมยังน้อยอยู่นั้น พึ่งพาผู้ใหญ่ หรือ เทวดา ที่ดีๆ และ รีบสะสมบารมี พบพระ

    ศรีอารย์ แล้วสำเร็จ อรหันต์ จะดีกว่าไหม

    ผมจะขอตอบเพียงเท่านี้ ถ้าไม่เข้าใจอีก ผมก็จนปัญญา
     
  18. dearhong

    dearhong Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +34


    ผมเข้าใจครับว่าท่านจะบอกอะไร แต่การที่เราจะปฎิบัติธรรมหรือมีดวงตาเห็นธรรมมันเกี่ยวกับ พระเครื่อง เทพเทวดา ตรงไหนหรอครับ คือไม่เคยได้ยินเลยครับว่าพระเครื่องช่วยให้สําเร็จได้ หรือ ถ้าบูชาเทพเทวดาจะช่วยให้สําเร็จ สุดท้ายมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความตั้งใจที่จะปฏิบัติจนสําเร็จหรอกหรอครับ

    ศาสนาพุทธเป็นศาสนาอเทวนิยม และเชื่อในศักยภาพของมนุษย์ว่าทุกคนสามารถพัฒนาจิตใจไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่ สมบูรณ์ได้ด้วยความเพียรของตน กล่าวคือ ศาสนาพุทธสอนให้มนุษย์บันดาลชีวิตของตนเองด้วยผลแห่งการกระทำของตน มิได้มาจากการอ้อนวอนขอจากพระเป็นเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์นอกกาย คือ ให้พึ่งตนเอง เพื่อพาตัวเองออกจากกองทุกข์ มีจุดมุ่งหมายคือการสอนให้มนุษย์หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงในโลกด้วยวิธีการสร้าง "ปัญญา" ในการอยู่กับความทุกข์อย่างรู้เท่าทันตามความเป็นจริง วัตถุประสงค์สูงสุดของศาสนา คือ การหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง เช่นเดียวกับที่พระศาสดาทรงหลุดพ้นได้ด้วยกำลังสติปัญญาและความเพียรของพระองค์เอง ในฐานะที่พระองค์ก็ทรงเป็นมนุษย์ มิใช่เทพเจ้าหรือทูตของพระเจ้าองค์ใด


    ผมมันโง่เขลาจริงๆละครับ ถึงได้ขอความรู้จากท่านผู้รู้ทั้งหลายครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2012
  19. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    เรื่องเทพเทวดาในคำสอนของพระพุทธเจ้าก็มีกล่าวไว้อยู่เยอะครับ
    แต่ก็คงไม่ใช่สาระหลักที่จะกราบไหว้ ที่จะยึดถือเป็นที่พึ่งสูงสุด เพราะเทวดาเมื่อหมดบุญแล้วก็คงต้องเสวยผลกรรมอื่นๆต่อไปอีก วนเวียนอยู่ในสังสารวัฏต่อไปไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ อย่างน้อยท่าจะยีดถือเทวดา ก็ควรที่จะระลึกในคุณธรรม ในความดีที่ทำให้บุคคลนั้นได้เป็นเทวดา เป็นเบื้องต้นครับ และก็ยังมีคำสอนในเรื่อง เทวตาพลี ก็คืออุทิศบุญให้กับเทวดา

     
  20. dearhong

    dearhong Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +34


    ขอบคุณมากครับท่าน คือรู้ว่ามีแต่ไม่ต้องให้ความสําคัญ
     

แชร์หน้านี้

Loading...