เพราะเหตุใดผมถึง 'ศรัทธา' หลวงพ่อเกษม

ผมสงสัยตัวเองว่าทำไมผมถึง ศรัทธา ท่านทั้งๆที่ท่าน ท่าทางการวางตัว
ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร(ในบางครั้ง) พอผมคิดไปคิดมา ผมได้คำตอบคือ


ท่านตอบโจทร์ สิ่งที่พระควรเป็นได้หลายข้อครับ

เพราะท่านต่อต้านรับเงิน (ตัวนี้ตังหลักเลย ที่ทำให้ผม ศรัทธา)
ท่านต่อต้านการทำพระเครื่อง หรือ ปลักขิก หรือตระกรุด หรือวัตถุมงคล
ซึ้ง มันไม่ใช่กิจของสงฆ์เลย อันนี้ใครๆก็รู้(แต่ก็อย่าว่าแหละ ผมก็ยังพึ่งของพวกนี้)

และอีกมากมายที่บอกไม่ถูก เพราะ ผมได้ลองฟังเทศนา ของท่านในยูทูบี ผมก็ว่าดีนะ


แล้วพวกท่านละ ต่อต้าน ท่าน เพราะอะไรบ้าง

เท่าที่เดา หลักๆ คือ ท่านตบหน้าหรือเผา พระพุทธรูป ที่พวกท่านมองว่าเป็นตัวแทนพระพุทธองค์ แต่สำหรับหลวงพ่อท่าน มองว่าเป็นหินดินปูนทราย

พิมพ์มาชักจะเลอะเทอะละผม เอาเป็นว่าแค่นี้ก่อนละกัน ^ ^

 

การวินิจฉัยนี้ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใดหรือสำนักใดทั้งสิ้น ว่ากันไปตามหลักธรรม กฎหมาย จารีต ประเพณีที่มีอยู่
คุณคิดว่าพระพุทธรูปที่นำมาทำลายกันนี่เป็นของท่านหรือ อยู่ในบ้านของท่านก็ไม่ใช่ของท่าน แม้ในวัดใดๆก็ตามก็ไม่ใช่สมบัติของเจ้าอาวาสเลย ตามพระธรรมวินัยและกฎหมายบ้านเ้มือง เจ้าอาวาสไม่ใช่เจ้าของวัด เป็นแค่ผู้ดูแลเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำลายสิ่งใดๆได้โดยพลการ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างในวัดเป็นสมบัติของใคร ใครเป็นเจ้าของ ก็พระศาสนาเป็นเจ้าของ เขาจึงเรียกว่าศาสนสมบัติ การนำพระพุทธรูปมาทำลายเป็นการทำลายสมบัติพระศาสนามันผิดพระวินัย หลักธรรม จารีตประเพณี กฎหมายบ้านเมืองชัดเจนอยู่แล้ว
สำหรับฆราวาสการเอาพระพุทธรูปซึ่งเป็นสมบัติของคนอื่นที่ไม่ใช่ของตนมาทำลาย แม้จะอ้างว่าฉันซื้อมา เช่ามา ฉันไปเก็บมา ขอมา มีคนให้ พ่อแม่ฉันเก็บไว้ ก็ไม่อาจทำได้ สิ่งเหล่านั้นยังไม่ใช่ทรัพย์ของท่าน เพราะเงื่อนไขของผู้สร้างพระนั้นก็เพื่อให้ไปสักการะบูชาเท่านั้น ในการสร้างพระที่กระทำอย่างถูกต้อง ผู้สร้างจะถวายให้เป็นของพระพุทธเจ้าและสงฆ์ก่อนที่จะประดิษฐานหรือแจกจ่ายให้สาธุชนนำไปครอบครอง พระทุกๆองค์จึงเป็นทรัพย์ที่มีเงื่อนไข ไม่ใช่สมบัติเด็ดขาดของท่าน (ยกเว้นว่าท่านจะสร้างเิองหล่อเองปั้นเองคนเดียวโดยไม่มีใครเกี่ยวข้องด้วยเลย เช่นช่างทำพระ สร้างพระออกมาไม่ถูกใจก็ทำลายทิ้งแล้วหล่อใหม่ปั้นใหม่ อย่างนี้ไม่ผิดเพราะยังไม่ใช่สมบบัติอพระศาสนา แต่ถ้าถวายสงฆ์แล้ว ช่างปั้นพระหล่อพระจะไปทำลายพระพุทธรูปที่ตนสร้่างมิได้เลย)
ดังนั้นการนำพระพุทธรูปทีั่ี่ไม่ใช่สมบบัติส่วนตนมาทำลายก็ผิดในการทำให้สมบัติพระศาสนาเสียหาย เริ่มต้นก็ผิดที่ลักทรัพย์ก่อน ผิดศีลข้อ 2 เต็ม แล้วก็ตามมาด้วยความผิดอย่างอื่นอีกมากมาย ฆราวาสที่ทำก็ผิดศีล ส่วนพระก็ให้คณะสงฆ์วินิจฉัยจัดการกันเอง ไม่ใช่ฐานะที่ข้าพเจ้าจะวินิจฉัยได้
ก่อนจะเห็นตามใคร ก็ลองศึกษาพระธรรมวินัยให้ชัดเจนก่อน ไม่ใช่แค่ถูกใจ มันยังไม่พอ เพราะถ้าเผลอไปทำผิดใหญ่หลวงอย่างการทำลายพระพุทธรุ) จะมีอบายภูมิเป็นที่ไป มีแต่โทษหาคุณประโยชน์ใดๆมิได้เลย มีแต่ทุกข์ใหญ่รอในเบื้องหน้า

 

การต่อต้านท่านได้ ต้องพ้นบัญญัติครับ

ใครติดบัญญัติ สัญลักษณ์ อย่าไปเถียงกับท่านเลยครับ

ผมไม่ศรัทธาท่านครับ แต่ผมเข้าใจท่าน จึงไม่ต่อต้านท่าน

ธรรมใดๆในโลก ล้วนอนิจจัง ครับผม

 

อย่างนี้ พระสร้างเหรียญโดเรม่อนก็ทำลายไม่ได้หรือครับ:'(
**
เข้าใจหลวงพ่อนะ แต่บางอย่างก็รู้สึกแรงไป

 

ผมก็คลายๆ ท่านแหละครับ เข้าใจ ก่อนถึง ศรัทธา แต่ก็ไม่ได้เอาอย่างทุกอย่าง คือ เอาสิ่งที่ดีอะครับ

 

จริงครับผมก็รู้สึกว่าบางอย่างท่านก็แรงเกิน ^ ^ แต่ก็อยา่งว่าแหละนานาจิตตัง

 

เช่นคลิบนี้ เนื้อหาท่านดี แต่บางคำก็ไม่น่าพูด
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=acn6ciVlocI&feature=plcp]อวัยวะเพศพระอรหันต์ยังแข็งตัว - YouTube[/ame]

 

- ไม่แปลกหรอก ขนาดพระเจ้าอชาติศัตรูและพระสงฆ์ส่วนหนึ่งยังหลงเชื่อเทวทัตมากกว่าพระพุทธเจ้า เพราะเคร่งเรื่องกินเจ เคร่งเรื่องอยู่ป่า รวมถึงแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็น
- ท่านอวดอุตริบอกว่าตัวเองเป็นอรหันต์แค่นั้นก็ถึงขั้นปราชิกแล้ว การจะเคร่งวินัยอื่นก็ไม่ได้ช่วยให้พ้นผิดปราชิกไปได้
- ท่านตำหนิด่าว่า ต่อต้านหลวงตาบัวซึ่งเป็นพระอรหันต์
- แค่พฤติกรรมก้าวร้าวต่างๆนั่นก็น่าจะบอกได้อยู่แล้วว่าเหมาะสมหรือไม่ แม้ไม่เห็นด้วยก็ไม่จำเป็นต้องทำพฤติกรรมแบบนั้นหรอก
- ครูบาอาจารย์ที่เขาบรรลุธรรมต่างก็ให้ความเคารพพระพุทธรูป (แต่ก็ไม่มีใครเคารพปลัดขิกหรอกนะ) แล้วจะมาทำตัวอวดรู้กว่าครูบาอาจารย์ทำไม

ปล. ไม่ต้องห่วง บาปกรรมมีจริง ผลเป็นอย่างไรก็คงได้เห็นกันอยู่

 

อะไรๆในโลกมันก็มีสองด้านทั้งนั้นแหละ มีซ้ายก็ต้องมีขวามันถึงจะสมดุล ถ่วงดุลกัน
แต่ถ้าหาตรงกลางได้เลิศ

 

เท่าที่ผมฟังมาท่านยังไม่เคยว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ นะครับ

 

หัวใจปุถุชน ยากจะเข้าใจจิตใจของเหล่าอริยะ

 

เคยอ่านหนังสือที่ท่านเขียน เน้นให้อุทิศบุญกุศล ก็ดีนะ

 

ทางมาถูกทางแล้วครับ

ให้คนธรรมดาเลิก งมงาย ในวัตถุ

แล้วหันมา พึ่งปฎิบัติ ตามหลักธรรมคำสอนของ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดีกว่า

 

หักดิบไปนิดครับหลวงพ่อครับ

 

เจตนาที่ท่านคิด ที่ท่านทำ น่าจะสำคัญที่สุดนะครับ

 

ถ้าเรามองท่านเป็นธาตุดินน้ำลมไฟ แล้วทำอย่างที่ก้อนธาตุ4ทำกับพระพุทธรูปบ้างหล่ะ
คุณจะรู้สึกอย่างไร

 

ท่านต่อต้านการทำพระเครื่อง หรือ ปลักขิก หรือตระกรุด หรือวัตถุมงคล
ซึ้ง มันไม่ใช่กิจของสงฆ์เลย อันนี้ใครๆก็รู้(แต่ก็อย่าว่าแหละ ผมก็ยังพึ่งของพวกนี้)

แบบนี้แสดงว่ายังมีพวกพระเครื่อง เครื่องรางของขลังเก็บไว้ในห้องอยู่ใช่ปะครับ

 

ถ้าจะไม่กราบพระพุทธรูปเพียงเพราะเป็นหินปูน
ในสมัยพุทธกาลที่เขากราบพระพุทธเจ้าตอนที่ยังมีชีวิต เขาไม่ทราบเหรอว่านั่นก็เป็นแค่ธาตุ 4 เหมือนกับที่ท่านทั้งหลาย (กลุ่มนายเกษม) คิดว่าเป็นหินปูนนั่นล่ะ
สมัยพุทธกาลคนที่กราบล้วนมีแต่พระอรหันต์ทั้งนั้นจะว่าท่านไม่ทราบเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ว่าท่านไม่ได้คิดตื้น ๆ หรืออุตตริเหมือนยุคนี้น่ะสิ
วินัยและสิกขาบท คือพระบัญัติที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้และมีโทษเหนือตน ภิกษุที่ดีทุกรูปจนถึงพระอรหันต์ต้องเคารพทั้งสิ้น ไม่ไช่ว่าไม่ยึดติดแม้กระทั่งพระธรรมวินัย
คนกราบพระพุทธรูปเขารู้ทั้งนั้นล่ะว่าเป็นหินแต่ภายในเขาไม่ได้ติดอยู่ตื้น ๆ เท่านั้น เขาคิดต่อยอดไปหาพระพุทธเจ้าเป็นพุทธนุสสติ พระพุทธรูปก็เป็นสื่อตามสมมุติบัญญัติให้ได้ยึดเหนี่ยวเพื่อให้กระทำความดียิ่งขึ้นไปจนถึงภาวนาเพื่อวิมุติในที่สุด
การกราบพระมีความหมายต่อไปมากกว่านั้นมิได้อยุดคิดติดเพียงเท่านั้น แต่ถ้าคิดตื้น ๆ ก็เห็นแต่ปูนนั่นล่ะ

ถ้าคนเข้าถึงวิมุติได้เองทันทีพระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นทำไม
คนปกติทั่วไปที่ยังไม่เข้าถึงวิมุติ จำเป็นต้องใช้สื่อที่เป็นบัญญัติให้ศึกษาก่อนเพื่อเป็นบันไดสู่ความดียิ่งขึ้นไปจนกระทั่งพ้นจากสมมุติ แต่ถ้าจะรีบทิ้งสมมุติทั้งที่วิมุติก็ไม่รู้จัก ตัวยังไม่ถึง วิมุต แต่ สมมุติ ก็จะไม่เอาอยากจะทิ้งสมมุติอันนี้จะวิปลาสส่วนมาก ถ้างั้นไฟเขียวไฟแดงไม่ต้องจอด เสื้อผ้าไม่ต้องไส่ ซื้อของไม่ต้องจ่ายเงิน พ่อแม่ไม่ต้องใหว้ นายเกษมก็ไม่ต้องไปกราบ อย่างนี้จะถูกต้อง ลองดูนะไม่ยึดดี
(คนมีปัญญาเขาอยู่กับสมมุติอย่างมีปัญญา ไม่ไช่ปฏิเสธหรือรังเกียจสมมุติ)
ไม่ให้กราบพระพุทธเจ้าแต่ก็อยากให้เขากราบตัวเองอยู่นี่ไม่ยึดไช่ใหม จะดื้อดึงยึดติดวัดวาผ้าเหลืองอยู่ทำไมสึกไปตั้งลัทธิสิ คณะสงฆ์เขาวินิจฉัยไปแล้วท่านยังต้องการเถียงเอาชนะให้ได้แต่ก็บอกว่าไม่ยึดติด ถ้าหากไม่ไช่พระสงฆ์หากเป็นแค่นายเกษมคนเขาจะกราบอยู่ใหม

ตกลงฟังแล้วใครบ้างที่นายเกษมบอกว่าถูกต้อง ไม่มีเลยตกลงตัวเองดีคนเดียว
ไม่ต้องยกเรื่องสมมุติหรือวิมุติมากล่าวหรอก
แต่ให้พิจารณาดูเองว่านายคนนี้เป็นพระอรหันต์จริงหรือไม่ ในประวัติศาสตร์คนที่บอกไม่ให้คนกราบพระแล้วให้กราบตัวเองคือ พระเทวทัต สงฆ์ปาราชิกแบบเดียวกันนี่ล่ะ
สาธุ

 

""คุณถิ่นธรรม : การวินิจฉัยนี้ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใดหรือสำนักใดทั้งสิ้น ว่ากันไปตามหลักธรรม กฎหมาย จารีต ประเพณีที่มีอยู่
คุณคิดว่าพระพุทธรูปที่นำมาทำลายกันนี่เป็นของท่านหรือ อยู่ในบ้านของท่านก็ไม่ใช่ของท่าน แม้ในวัดใดๆก็ตามก็ไม่ใช่สมบัติของเจ้าอาวาสเลย ตามพระธรรมวินัยและกฎหมายบ้านเ้มือง เจ้าอาวาสไม่ใช่เจ้าของวัด เป็นแค่ผู้ดูแลเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำลายสิ่งใดๆได้โดยพลการ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างในวัดเป็นสมบัติของใคร ใครเป็นเจ้าของ ก็พระศาสนาเป็นเจ้าของ เขาจึงเรียกว่าศาสนสมบัติ การนำพระพุทธรูปมาทำลายเป็นการทำลายสมบัติพระศาสนามันผิดพระวินัย หลักธรรม จารีตประเพณี กฎหมายบ้านเมืองชัดเจนอยู่แล้ว""
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
อันนี้น่าคิด..แต่ไม่เคยคิดเหมือนกัน เมื่อก่อนอ่านหนังสือท่านสอนดีมีการอุทิศบุญตามแบบท่านคนอ่านเยอะพอมาทำลายพระนี่แหละเราไม่เอาด้วยแต่บางอย่างเราก้อเห็นด้วย
สรุปคือ : เราไม่ได้เห็นตามหลวงพ่อเกษมทั้งหมดแต่เราเห็นตามหลวงพ่อในสิ่งที่ไม่เกินพระพุทธเจ้า(คือเราไม่เคยได้รับรู้ว่าพระพุทธเจ้าท่านทำลายวัตถุใดๆที่ท่านไม่เคารพ..ท่านเพียงไม่ยึดแต่ท่านไม่แสดงการทำลาย..?)
และพระอรหันต์ที่ว่ากันว่าแปลกแตกต่างจากพระทั่วไปก้อมีแต่ท่านก้อไม่ทำลายพระพุทธรูปตรงข้ามท่านกลับไม่ยึดมั่นถือมั่นตัวตนของท่านเองด้วยซ้ำ ดูเอาสิตั้งหลายองค์แปลกแต่เย็นสงบ..น้อยแต่พอดี....อ้อ!นึกได้ละเคนเห็นคลิปท่านฯให้พระในวัดสวดไล่ผีด้วย มีเรียกยักษ์เรียกอสูรด้วยนะบรื้อrabbit_scary..เราพึ่งพระนะแล้วพระท่านพึ่งอาราย
แต่ยังไงเราก้อยังไหว้ท่านนะ ไหว้ขมาเจ้าค่ะท่านฯอโหสินะเจ้าคะ

 

เยอะเลยละครับ แต่พวกปลัคขิคเอาไปไว้ไต้ต้นไม้ครับ เพราะคิดว่ามันออกไปในแนวของตํ่า