พระสงฆ์พม่าเดินขบวนต่อต้านชาวโรฮิงญา

พระสงฆ์พม่าเดินขบวนต่อต้านชาวโรฮิงญา

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน 2555 เวลา 09:04 น.

<!-- /.images-list-items -->
<!-- /.images-list-container -->
<!-- /.images-list-wrapper -->

<!-- /.featured-img -->พระพม่านับพันรูปเดินประท้วงกลางเมืองมัณฑะเลย์ ให้รัฐขับไล่ชาวโรฮิงญาออกนอกประเทศ นับเป็นการเดินขบวนของพระสงฆ์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 5 ปี
<!-- /.content -->
<!-- /#featured-caption -->วันนี้ ( 3 ก.ย. ) สนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่าว่า พระสงฆ์พม่าหลายพันรูป ออกมาเดินขบวนประท้วงในเมืองมัณฑะเลย์ เมื่อวันอาทิตย์ เพื่อแสดงความสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการเนรเทศชาวมุสลิมโรฮิงญาออกนอกประเทศ หรือให้ไปอยู่ในค่ายผู้อพยพ นับเป็นการเดินขบวนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 5 ปี ภายหลังสิ้นสุดการปกครองของรัฐบาลทหาร ทั้งนี้กลุ่มพระสงฆ์ชูแผ่นป้ายสนับสนุนประธานาธิบดีเต็ง เส่ง และวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนายโทมัส โอเจีย ควินตานา ทูตพิเศษของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งประชาชาติ ( เอชอาร์ซี ) ที่แสดงถึงความไม่เป็นกลาง จนกลายเป็นชนวนให้เกิดเหตุรุนแรงในรัฐยะไข่เมื่อเดือน มิ.ย.

รายงานฉบับล่าสุดของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ระบุว่า ปัจจุบัน มีชาวโรฮิงญาราว 800,000 คน อาศัยอยู่ในพม่า ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นรัฐพรมแดนติดกับบังกลาเทศ มีภาษาเป็นของตนเอง แต่คล้ายกับภาษาบังกลาเทศ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพม่ากลับมองชาวโรฮิงญาเป็นชาวต่างชาติ เช่นเดียวกับชาวพม่าจำนวนมากที่มองว่า ชาวโรฮิงญาเป็นศัตรู และเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศอย่างผิดกฎหมาย


พระสงฆ์พม่าเดินขบวนต่อต้านชาวโรฮิงญา | เดลินิวส์

 

ก็ขอร้องประเทศไทย จงอย่าได้รับ อสรพิษร้าย โรฮิงญา มาเลี้ยงดู เป็นอันขาด ได้พวกนี้ อยู่ที่ไหน ก็เนรคุณที่นั่้นพระสงฆ์พม่า ทำถูกต้องแล้วบังคลาเทศ มันมาจากไหน ก็มาจากการเนรคุณอินเดีย แบ่งแยกดินแดนออกมาเป็นประเทศ หากยังอยู่ในพม่าต่อไป อีกไม่นานก็ขอแบ่งแยกดินแดนพม่าอีก มาอยู่ในประเทศไทย ก็ขอแบ่งแยกดินแดนประเทศไทยอีก

 

อนิจจา เป็นไปทั่ว

เมื่อบ้านเมืองไม่สงบย่อมเบียดเบียนพระศาสนา

 

ชาวโรฮิงญา เขาคือผู้สืบทอดวัฒนธรรมโรตีรถเข็น





แต่คนทำในรูปนี่ คงจะไม่ใช่ชาวโรฮิงญาหรอก

โรตีแผ่นใหญ่ๆ ใส่ทั้งไข่ ใส่ทั้งนม โรตีแผ่นกลมๆใส่ทั้งนม ใส่ทั้งไข่ -0- | Yenta4 Webboard

 

ในไทยโรฮิงญาเข้ามาทำการค้านานมาแล้ว ขายโรตี ขายถั่ว ปล่อยเงินกู้ ฯลฯ
มีมาเฟียคุม

 

สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม

 

ไม่ถูกตรงที่เป็นพระทำ พระไม่ควรจะมาเรียกร้องอะไรแบบนี้ ส่วนตัวผมแล้วอยากให้เห็นแก่ความเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่คำว่าศาสนานานวันจะทำให้คนแตกคอด้วยความเห็นของความเป็นมนุษย์ต่างศาสนาย่อมเห็นไม่ตรงกัน บ้านเราก็มีตัวอย่างให้เห็นในสามชายแดน บรรพบุรุษเค้าอยู่มากันได้ไม่มีอะไรกลมเกลียวกัน พอมารุ่นลูกหลานทั้งเราและเค้าต่างไม่ยึดคำสอนกัน แต่ไปยกเอาตรงศาสนาใครว่าศาสนาผม ผมไม่ยอม แต่คำสอนกลับไม่ใส่ใจ เมื่อกาลนั้นมาถึง ย่อมเป็นดังสามชายแดนบ้านเรา

 

Charles

ผมอยากให้มีเมตตา และกรุณา อย่าใช้ความรุนแรงแบบที่ยะไข่ ปัญหาสำคัญของผู้อพยพต่อไปคือ อาชญากรซึ่งเราไม่มีข้อมูลของพวกเขา และปัญหาพวกลูกหลานรุ่นต่อไปที่ไม่มีสัญชาติ พร้อมที่จะขยายตัวไปทั่ว ขอให้ช่วยกันคิดด้วยเพราะต่อไปเราจะเปิดเสรีอาเชี่ยนแล้ว

 

ความจริงเรื่องนี้มันมีวิธีแก้ไขได้ง่ายๆเลยนะ แบบเส้นผมบังภูเขา แบบผงเข้าตา

ก้อในเมื่อมุสลิมทั้งโลกเป็นพี่น้องกันหมด รักกันมาก เห็นชอบพูดอยู่ประจำ

รักกันนัก ทำไมไม่แบ่งๆรับพี่น้องโรฮิงญาไปอยู่ประเทศตัวเองคนละแสนสองแสน

ไปอยู่กับพวกชาติอิสลามทั้งหลายที่ร่ำรวยจากน้ำมันแทบไม่ต้องทำงาน

อย่ามาปล่อยให้พี่น้องที่แสนรักที่ศาสนาเดียวกัน มาตกระกำลำบากในต่างถิ่นต่างแดนเลย

รับไปเลยถ้ารักกันจริง ปะเด๋วก็หมดเอง แค่800,000 คนเอง มันจิ๊บๆนะ จริงมั้ย?

แฮปปี้เอ็นดิ้งกันทุกฝ่าย ชาบูๆๆ

 

พระช่วยปกป้องพระพุทธศาสนาทางหนึ่งก็ย่อมถูกต้องแล้ว จะให้อ่อนแอแบบประเทศสารขัณฑ์เขาคงไม่เอา ดูอย่างข้างโน่นยังมีองค์กรเข้ามาแทรกแซงตรวจสอบรัฐบาลประเทศสารขัณฑ์เลย
ส่วนเรื่องชายแดนสารขัณฑ์นั่น สมัยก่อนบรรพบุรุษอยู่กันมาเป็นพี่เป็นน้องกันความเชื่อเดียวกัน วันดีคืนดีลูกหลานบางส่วนมาเปลี่ยนความเชื่อ แล้วทำตัวมีปัญหาต่างหาก

 

สงสารชาวโรฮิงญา เขาก็มีหัวใจ เขาสมควรได้รับการปฏิบัติเยี่ยงมนุษยชนทั่วไป พระพม่าไม่ควรแสดงความอเมตตาอย่างนั้น พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้คนแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม แทนที่พวกคุณรีข้างบนจะเห็นใจ เมตตาเขา กลับสนับสนุนการกระทำเช่นนั้น พวกคุณไม่มีมนุษยธรรมเอาซะเลย

 

โรฮิงญา...มิใช่มนุษย์อย่างเราๆท่านๆหรือ

ขับไล่ไสส่งให้ไปลอยคอกันกลางทะเลน่ะหรือ
หรือจะส่งไปกักขังในคอกใช้ชีวิตเยี่ยงฝูงสัตว์น่ะหรือ
ทุกวันนี้ผืนแผ่นดินโลกมันคับแคบไม่มีที่เพียงพอจะรองรับมนุษย์แล้วหรือ
การที่เด็กสักคนเกิดมาอย่างแร้นแค้น ตัวดำ สิ้นไร้ไม้ตอกถูกหมิ่นเชื้อชาติศาสนา นั้นต้องถือเป็นวิบากกรรมที่สมควรจะถูกชดใช้อย่างสาสมแล้วหรือ พวกเขาไม่มีสิทธิ์ในความเป็นมนุษย์ กิน อยู่ หลับ นอน หิวกระหาย เกรงกลัวเหมือนพวกเรางั้นหรือ
เราในฐานะมนุษย์ที่เกิดมามีโอกาสดีกว่า มีสิทธ์ที่จะพิพากษา เหยียบย่ำซ้ำเติมยังไงก็ได้น่ะหรือ
ไม่คิดหรือว่ามีโอกาสดีกว่าแล้ว ยิ่งสมควรต้องช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส
อย่างน้อยๆโลกทุกวันนี้จะได้น่าอยู่ขึ้นอีกนิด
ศาสนาต่างๆในโลกมีไว้เพื่อการแบ่งแยกและสร้างปัญหาหรือแก้ปัญหาในโลกกันแน่
ขอเชิญผู้ัท่านมีปัญญาโปรดพิจารณา

 

ให้พระเลือกตั้งด้วยเลยมั้ยครับ คำสอนคืออะไรครับที่พระพุทธเจ้าท่านให้มา บุคคลที่จะเป็นพระคือบุคคลที่พร้อมจะสอนคน ให้วิถีการดำเนินชีวิตแก่คน เรื่องความเมตตาต่อสัตว์โลกมาเป็นหลัก แล้วนี่มาเดินประท้วงขับไล่เพื่อนมนุษย์มันตรงกับวิถีความเป็นพระไหม มีจิตใจทางด้านเมตตาเหลืออยู่รึเปล่า สึกก่อนแล้วค่อยมาประท้วงดีไหม แล้วพุทธศาสนิกชนละครับ ไม่เดินเอง ทำไมต้องให้พระเดิน เป็นแบบนี้จะเอาธรรมทางด้านความเมตตาที่ไหนสอนคน ทางด้านความเมตตาจะสอนเค้ายังไง ในเมื่อตนเดินประท้วงขับไล่คนอื่นอยู่ มันควรเป็นหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนสิครับไม่ใช่พระ จะให้ท่านมาเดินแบบนี้ทำไม งี้คนอื่นชาวโลกต่างชาติ ต่างศาสนามองกลับมาว่าพระก็ไม่ต่างอะไรจากปุถุชนเลย ลองคิดย้อนกลับมาสิครับ ว่าคนนอกจะมองย้อนกลับมาเป็นแบบไหนมองพระเป็นแบบไหน เป็นพระสงฆ์ควรเป็นบุคคลให้คนนับถือด้วยธรรม เป็นแบบนี้แล้วจะเอาธรรมะข้อไหนมาสอนต่างชาติเขา หากเขาอยากรู้ว่าแก่นแท้ของธรรมคืออะไร ความเมตตาคืออะไร คิดอะไรคิดให้กว้างครับอย่ามองแค่มุมของเรา มองในมุมที่คนอื่นชาติอื่นมองด้วย ปกป้องใครก็อยากปกป้องครับพระพุทธศาสนาอ่ะครับ คนที่อนุรักษ์ศาสนาพุทธได้ก็ไม่ใช่ใครหรอกครับ ก็พุทธศาสนิกชนเรานี่แหละ หากพุทธศาสนิกชนเองยังไม่รู้ธรรมแก่นแท้ของศาสนาตัวเอง แล้วจะเอาอะไรมาปกป้องธรรมครับ จะมีแต่ยกว่าศาสนากูใครห้ามแตะ แต่ธรรมะตนเองยังไม่รู้แล้วจะเอาอะไรมาปกป้องธรรม เอาความเกี้ยวกราดเหรอครับ หากเรามีธรรมะ เราก็ย่อมเอ่ธรรมนั้นสอนลูกหลานช่วยพระพุทธศาสนา หากสังคมเป็นเช่นนั้นก็ไม่ต้องกลัวธรรมะหายไปไหน เพราะธรรมปกป้องได้ด้วยธรรม ไม่จำเป็นต้องประท้วงเกรี้ยวกราดให้ใครเห็น แบบไหนล่ะครับที่มันดูแล้วน่ายกย่องกว่า ต่างชาติหรือต่างศาสนาเห็นแล้วเค้าจะชื่นชมแบบไหนมากกว่ากัน คนเราอ่ะแบกแต่หีบสมบัติที่พระพุทธเจ้าท่านให้ไว้เหนือหัว แต่ไม่เคยเปิดหีบเอาของดีข้างในมาใช้ ได้แต่แบกหีบไว้เช่นนั้น ก็เหมือนกับเรายกคำว่าศาสนาไว้บนหัวยกธรรมไว้บนหัวใครแตะไม่ได้เป็นโกรธ แต่ไม่เคยศึกษาธรรมนั้นเลยไม่เคยนำมาเข้าใจมาใช้อย่างถ่องแท้ แล้วเราจะไปเข้าใจจุดมุ่งหมายของพระพุทธองค์ท่านได้ยังไง ส่วนที่คฺุณบอกว่าบรรพบุรุษอยู่กันได้ แล้วลูกหลานมาเปลี่ยนความคิด ผมก็หมายความเช่นเดียวกับคุณแล้วผมผิดตรงไหน ผมก็บอกว่าลูกหลานไม่ยึดคำสอนของศาสดา แต่มายึดตรงคำว่าศาสนา ใครแตะศาสนาเราไม่ได้ ก็เลยมีปัญหา ก็เพราะเป็นเช่นนี้เลยมีปัญหา ไม่มีศาสดาคนใดอยากให้ลูกตัวเองฆ่าคนเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ

 

ผมรู้สึกดีใจกับแนวคิดของแต่ละท่านจริงๆ มันถูกต้องแล้วครับที่เราต้องยึดหลักเมตตาธรรมเอาไว้ ถึงแม้ชาวโรฮิงญาและมุสลิมทั่วโลกมองเราเหมือนมารนอกศาสนา ถ้าฆ่าได้ก้อฆ่าไปเลยก้อจริง แต่เราผู้นับถือพระพุทธศาสนาต้องยึดหลักปณิธาณเมตตาธรรมค้ำจุนโลกไว้ อดทนหน่อยครับ อีกไม่นาน พวกเขาจะรู้ความจริงเอง ถึงแม้นอีกไม่นานพวกเขาจะทำให้พุทธศาสนิกชนเหลือเพียงแค่หยิบมือเมื่อเทียบกับคนทั้งโลก แต่มั่นใจว่าพวกเราจะไม่หายสาบสูญไปจากโลก เหลือแค่ 10 คนที่มีคุณค่าในชีวิตก้อพอ

 

จริงๆแล้วไม่ใช่กิจของสงฆ์นะครับ ผืนแผ่นดินบนโลกนี้ก็ไม่ได้เป็นของใคร ไม่ได้แบ่งเป็นประเทศ แต่มนุษย์เป็นผู้แบ่งแยกและสมมุติว่าเป็นประเทศนั้นประเทศนี้ และก็เบียดเบียนคนที่คิดว่าไม่ใช่พวกของตน

ศาสนาอิสลาม และศาสนาซิกข์ เกิดจากการที่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งถูกเบียดเบียน จึงได้รวมตัวกันเพื่อปกป้องตนเอง นับร้อยปีก็ยังมีการเบียดเบียนเช่นนี้อยู่

ส่วนใครว่าศาสนาอิสลามไม่ดี ทำให้เกิดสงคราม แต่ผมไม่ได้คิดเช่นนั้น ผมคิดว่า เกิดจากผู้นำการปกครองนั้นขาดธรรมและนำศาสนาเป็นครื่องมือไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องมากกว่า ถ้าศึกษากันให้ดีๆ ในศาสนาอื่นๆก็มี เช่น ศาสนาคริสต์ ฮินดู แม้กระทั่งพุทธเอง

 

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก ......

 

ผมคิดว่าการอพยพไปสู่ประเทศที่ดีกว่าเป็นเรื่องปกติ สมัยปู่&ย่าผมมาจากเมืองจีนก็โดนแกล้งตลอด แต่ก็สู้จนลูกหลานเหลนทำประโยชน์ต่อประเทศและพระพุทธศาสนา เรื่องที่ควรจะคิดเป็นบทเรียนจากข่าวนี้ผมว่าไม่ใช่เรื่องพระประท้วง แต่เป็นเรื่องแรงงานต่างชาติและพวกอาชญากรข้ามชาติที่ต่อไปจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เราไม่มีประวัติของคนต่างชาติทั้งหมด ลูกหลานที่เกิดขึ้นมาเป็นgenerationต่อไป คล้ายๆกับพวกmexicanหรือพวกsouth americaที่ไปทำงานขุดทองในอเมริกา แต่รุ่นลูกไม่สามารถเข้าเรียนได้ กลายเป็นปัญหาคล้ายไทย พวกนี้บางคนโตมาจะต่อต้านสังคม ก่ออาชญากรรมซึ่งผมว่าปัญหานี้น่าช่วยกันคิด เหมือนเด็กพม่าคนหนึ่งที่เคยเป็นตัวแทนคนไทยเรื่องพับเครื่องบินแต่ไม่สามารถออกนอกประเทศได้. ช่วยช่วยกันคิดครับ ขอบคุณ

 

ภิกษุหมกดาบในจีวร

ภิกษุทั้งหลาย! มหาชนเขารู้จักเธอทั้งหลายว่าเป็นสมณะ ถึงเธอทั้งหลายเล่า เมื่อถูกเขาถามว่าเธอทั้งหลายเป็นอะไร? พวกเธอทั้งหลายก็อ้างตัวเองว่า “เราเป็นสมณะ” ดังนี้


ภิกษุทั้งหลาย! เมื่อเธอทั้งหลายมีชื่อว่าสมณะ และอ้างตัวเองว่าเป็นสมณะอยู่อย่างนี้แล้วพวกเธอทั้งหลายจะสำนึกว่า “ข้อปฏิบัติอันใดเป็นข้อปฏิบัติสมควรแก่สมณะ เราจักปฏิบัติข้อปฏิบัติอันนั้น ด้วยอาการปฏิบัติของอย่างนี้ สมญาว่าสมณะของเราก็จักเป็นจริง อนึ่งเล่า เราบริโภคใช้สอยปัจจัยบริขาร คือ บาตร จีวร อาหารบิณฑบาต ที่อยู่ และยารักษาโรคของทายกเหล่าใด การบำเพ็ญทานของทายกเหล่านั้นก็จักมีผลมาก มีอานิสงส์มาก และการบรรพชาของเราเองก็จักไม่เป็นหมันเสียเปล่า แต่จักมีผลกำไรแก่เรา” ภิกษุทั้งหลาย! พวกเธอทั้งหลายพึงสำนึกไว้อย่างนี้เถิด

ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อภิกษุทั้งหลาย! เมื่อภิกษุรูปใดรูปหนึ่งมีโลภมาก ยังละโลภไม่ได้ มีจิตพยาบาท ยังละพยาบาทไม่ได้ เป็นผู้มักโกรธ ยังละความมักโกรธไม่ได้ เป็นผู้มักถือความโกรธ ยังละความถือโกรธไม่ได้ เป็นผู้ลบหลู่คุณท่าน ยังละความลบหลู่คุณท่านไม่ได้ เป็นผู้แข่งดี ยังละความแข่งดีไม่ได้ เป็นคนตระหนี่ ยังละความตระหนี่ไม่ได้ เป็นคนโอ้อวด ยังละความโอ้อวดไม่ได้ เป็นคนมีมายา ยังละมายาไม่ได้ เป็นคนมีความปรารถนาลามก ยังละความปรารถนาลามกไม่ได้ เป็นคนมีความเห็นผิด ยังละความเห็นผิดไม่ได้

ภิกษุทั้งหลาย! เพราะละกิเลสเหล่านี้ยังไม่ได้ ก็เป็นเครื่องมัวหมองของสมณะ เป็นโทษของสมณะ เป็นน้ำฝาดของสมณะ เป็นเหตุให้สัตว์เกิดในอบาย และมีผลอันสัตว์ทั้งหลายจะต้องไปเกิดในภูมิชั่วเหล่านี้ เราก็ไม่เรียกภิกษุนั้นว่า “เป็นผู้ปฏิบัติในข้อปฏิบัติอันสมควรแก่สมณะ” ดังนี้


ภิกษุทั้งหลาย! เปรียบเหมือนอาวุธอันคมกล้า มีคมสองข้างที่เขาลับไว้อย่างดีแล้ว หุ้มห่อไว้ด้วยผ้าสังฆาฏิของภิกษุนั้นเอง ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย! เราเรียกการบรรพชาของภิกษุนี้ว่าเปรียบกันได้กับอาวุธมีคมสองข้างฉันนั้น เราไม่ถือว่าเป็นสมณะ เพราะเหตุสักว่าครองจีวร ฯลฯ เป็นต้น


(คัดจากบาลีพระพุทธภาษิต จูฬอัสสปุรสูตร มู.ม. ๑๒/๕๑๒/๔๗๙.๔๘๐ ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายที่อัสสปุรนิคมของชาวอังคะ เวลานี้คนส่วนมากวัดความเป็นภิกษุด้วยไตรจีวร แม้พระพุทธเจ้าเองท่านก็เตือนคนอยู่เสมอว่า อย่าได้เชื่อเช่นนั้น ยิ่งสมัยนี้ด้วยแล้ว คำเตือนของท่านย่อมจะต้องรำลึกถึงอยู่เสมอๆ เพราะผู้ครองไตรจีวรถูกทางราชการสึก ส่งตัวเข้าคุกด้วยเหตุนานาประการ เหมือนชาวบ้านเราดีๆนี้เอง และร้ายยิ่งกว่าชาวบ้านเพราะเอาดาบหมกไวในจีวร อาศัยผ้าเหลืองเป็นเครื่องบังหน้าทำการทุจริตประกอบมิจฉาชีพ

คำว่า “พระ” ในทางพุทธศาสนานั้นหมายถึง “อริยบุคคล” ผู้ละสังโยชน์อย่างน้อยได้ ๓ประการ จึงถือว่าเป็น “พระ” จะครองไตรจีวรหรือไม่ก็ไม่สำคัญ แม้ฆราวาสที่ละสังโยชน์ได้ ๓อย่างแล้ว ผู้นั้นก็เป็น “พระ” และเป็น “พระ” จริงๆ ภิกษุส่วนมากในสมัยนี้เห็นเป็นกันแต่เพียง “สมมุติสงฆ์” เท่านั้น การที่สอนให้เชื่อมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็หมายถึง “อริยสงฆ์” คืออริยบุคคล ตั้งแต่พระโสดาบันเป็นต้นไป ไม่หมายถึง “สมมุติสงฆ์” อย่างที่เข้าใจอยู่ทั่วไป เพราะสมมุติสงฆ์เอาเป็นสรณะที่พึ่งยังไม่ได้ และท่านก็ไม่พยายามปฏิบัติธรรมให้บรรลุมรรคผลนิพพาน แม้มรรคผลง่ายๆ เช่น โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล แต่ท่านก็ไม่กล้าสึกออกมาประกอบอาชีพอย่างฆราวาส ทนอยู่ในสมณเพศ ซึ่งเปรียบเอาดาบหมกอยู่ในจีวรของตนเองเป็นอันตรายแก่สังคมอย่างมาก)

จากหนังสือ ตำราดูพระ พระพุทธทำนายเกี่ยวกับอนาคตภัยของพระพุทธศาสนา โดยท่านพุทธทาสภิกขุ

 

พวกคุณไม่มีเมตตาธรรม ใจแคบ ยึดติดเกินไป เขาก็คน เราก็คน สงสารชาวโรฮิงญานะครับ

 

ข้อคิด
1.ทำไมบังคลาเทศ ไม่รับเอาโรฮิงยาไป ทั้งๆที่เชื้อสาย ภาษา มาจากรากเดียวกัน ศาสนาเดียวกัน
2.ประเทศมุสลิมร่ำรวยอย่างซาอุฯ หรือเพื่อนบ้านเรา อย่าง มาเลย์ อินโด เคยรับไปแต่ตอนนี้ไม่เอาแล้ว ทั้งๆที่เป็นพี่น้องมุสลิมของเขา
อย่าเอะอะก็เมตตา ถามพวกเมตตาสูงทั้งหลายหน่อย ว่ามีคนพาล ประวัติไม่ดี มาขออาศัยอยู่บ้านคุณ คุณจะยอมเหรอ