จิ. เจ. รุ. นิ.

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Samarnl, 31 สิงหาคม 2012.

  1. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    [​IMG]
     
  2. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ช่วงนี้ จะเอาดีทางสมาธิ อาจจะหายไปบ้าง
    ใครชอบอะไร ก็เอาตามนั้นเนอะ
     
  3. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    ข้อนี้ เห็นบ่อย ทั้งในฐานะผู้ให้ และฐานะผู้รับ ๑

    ทั้ง วิปัสสนา พิจารณาเหตุใกล้ พิจจารณาผลของเวทนาขณะนี้ ไม่นานก็จะรู้วิบากที่เกิดทางอายตนะ

    ไม่นานก็รู้ชาติของจิต
     
  4. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    จะบอกว่า ที่ไปทำให้จิตตั้งมั่นทั้งหลายนั้น

    ไม่นาน นิวรณ์เกิด แล้วสงบลงนั้น

    ก็อาการสงบ สุข เบา กายหาย อายตนะทั้ง๕ไม่ทำงานนั้น

    บางที อาจเป็นแค่มหากุศลจิตที่แสดงออกให้รู้อยู่ก็ได้
     
  5. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
  6. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ...................อะไรที่รู้ มหากุศลจิต หรือ อกุศลจิต...รู้ เพื่ออะไร ปัญญาหรือ? พี่หลวง:cool:
     
  7. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ไปอ่านตรงไหนละว่า หลับตาอย่างเดียว ผมว่านั่งหลับหูหลับตา
    จะออกมาคัดค้านอะไรก็ไปนั่งภาวนามาเสียก่อนเพื่อไปเอาปัญญามาพูดคุยกัน
    คนที่ภาวนาน่ะ เขานั่งภาวนากันที่หูกับที่ตากันหรือไง น่าสมเพชคนพูดมากกว่า
    ไหนรู้เรื่องภาวนาดี ตอบหน่อย ตัวภาวนาเขาใช้อะไรกัน
     
  8. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ถามผิดถามใหม่ได้...อย่า งง
     
  9. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    นักปฏิบัติเขาโดดข้ามได้ ไปทางลัดได้ ขำว่ะ
     
  10. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    จะไปทำสมาธิน่ะ เอาสติไปด้วยจะได้ไม่หลง
     
  11. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ก็ต้องกราบขออนุโมทนากับท่านด้วย ที่ไม่ยอมหยุดนิ่งเพื่อหาความรู้
    ความหยุดนิ่งนั้นไม่เป็นไปเพื่อความก้าวหน้า เป็นหนทางตัน

    สมาธิเป็นหนทางของการเจริญสมถะ
    สติเป็นหนทางของวิปัสสนา
    ใครชอบก็เอาตามนั้น
     
  12. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    จำพวกที่ 1 จิตบาป (อกุศลจิต) คำว่า บาป หรือ อกุศล คือ สภาพที่ไม่ดีไม่งาม เป็นสิ่งที่ชั่วหยาบต่ำทราม
    เพราะเป็นสิ่งที่มีโทษ ให้ผลเป็นทุกข์ ได้รับสิ่งที่ไม่น่าใคร่ ไม่น่าปรารถนา (อาทีนว) สรุปว่าจิตบาป หรือ อกุศลจิต คือ
    จิตที่มีโทษให้ผลเป็นทุกข์ ซึ่งแยกออกตามรากแก้วของจิตได้ 3 ประเภท คือ
    ประเภทที่ 1 จิตที่มีรากแห่งความยินดี ติดใจ (โลภมูลจิต)
    ประเภทที่ 2 จิตที่มีรากแห่งความประทุษร้าย (โทสมูลจิต)
    ประเภทที่ 3 จิตที่มีรากแห่งความมืดบอด (โมหมูลจิต)

    จำพวกที่ 2 จิตที่เป็นผลของบาป (อกุศลวิบากจิต) คำว่าอกุศลวิบาก คือผลของ บาป
    คำว่าผลของบาปมุ่งหมายถึงผลโดยตรงจากอกุศลจิต เหมือนกับเม็ดมะม่วง เมื่อ นำไปปลูก ย่อมเจริญเติบโต
    และออกผลซึ่งก็คือ ผลมะม่วง ผลมะม่วงเป็นผลโดยตรง จากการปลูกเม็ดมะม่วงข้อนี้ฉันใด
    จิตที่เป็นผลของบาปนี้เป็นผลโดยตงจากจิตบาป ก็ฉันนั้น
    ตัวอย่างจิตที่เห็นสิ่งไม่ดี (อกุศลวิบากจักขุวิญญาณ) เช่น ศพตายโหง มูลสุนัข จิตที่ได้ยินเสียงไม่ดี (อกุศลวิบากโสตวิญญาณ)
    เช่น เสียงด่า เสียงจากพวกปากหอย ปากปู จิตที่ได้กลิ่นไม่ดี (อกุศลวิบากฆานวิญญาณ) จิตที่ลิ้มรส ไม่ดี (อกุศลวิบากชิวหา -วิญญาณ)
    จิตที่ทำหน้าที่เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เปรต นรก อสรกาย

    จำพวกที่ 3 จิตบุญ (กุศลจิต) เป็นจิตที่ไม่มีโทษให้เป็นผลเป็นสุข ได้รับสิ่งที่น่าใคร่ น่าปรารถนา เช่น จิตที่มีการละเว้นจากมิจฉาชีพ
    จิตที่มีเจตนาเสียสละทรัพย์สินเพื่อช่วย คนจน จิตที่เมตตา จิตที่รักษาศีล จิตที่มีความซื่อสัตย์ต่อคนรัก
    จิตที่มีปัญญาในบาปบุญ คุณโทษ จิตที่มีสมาธิขั้นญาน จิตที่มีอริยมรรค 8 เพื่อทำลายกองทุกข์ทั้งปวง เป็นต้น

    จำพวกที่ 4 จิตที่เป็นผลของบุญ เป็นจิตที่เป็นผลโดยตรงของจิตบุญ ตัวอย่าง จิตที่เห็นดี ๆ เช่น ได้เห็นคู่รักของตน เห็นพระ
    จิตที่ได้ยินเสียงดี ๆ เช่น ได้ยอนเสียงการ บรรยายธรรมเป็นต้น จิตที่ได้กลิ่นหอม ๆ จิตที่ลิ้มรสอร่อย ๆ จิตที่รับสัมผัสดี ๆ
    จิตที่ทำ หน้าที่เกิดเป็นมนุษย์เป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม เป็นต้น

    จำพวกที่ 5 กิริยาจิต เป็นจิตที่ไม่เป็นบุญ และไม่เป็นบาป และไม่ใช่เป็นผลของ บุญ และไม่ใช่เป็นผลของบาป เนื่องจากเป็นจิตที่เกิดขึ้นแล้ว
    ไม่ทำให้เกิดจิตที่เป็นผล ของตน เป็นจิตที่สักแต่ว่ากระทำ จึงเรียกว่ากิริยาจิต ผิดกับจิตบุญหรือบาป ซึ่งสามารถ ทำให้เกิดจิตที่เป็นผลของตน
    คือ จิตผลบุญ หรือจิตผลบาป
     
  13. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ไม่น่าล่ะ ถึงได้บอกออกมาได้ว่า
    พระพุทธองค์ศึกษาปริยัติมา 4 อสงไขย แสนมหากัปป์

    กับแค่โพสต์สั้น ๆ ยังตีความไม่แตก
    แต่ดันจะไปเรียนตำราอภิธรรม
    แล้วมันจะรู้เรื่องเหรอ

    น่าขบขันดี

    ภาวนา ก็คือการอบรมใจให้เป็นไปตามแถวตามแนวแห่งธรรม
    ตามขั้นตามตอนจนกระทั่งวิมุตหลุดพ้นเป็นลำดับไป
    เอ้า จำเอานะ
     
  14. GoingMarry

    GoingMarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +124
    ลุงหมาน มโนธาตุกับมโนวิญญาณธาตุต่างกันยังไงอะครับ
     
  15. JitJailove

    JitJailove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +741
    ลุงหมาน ไม่อยู่
    ขอตอบไปก่อนนะคะ
    ไม่เข้าใจแล้ว ถามลุงหมาน ต่อได้ค่ะ
    อนุโมทนาด้วยค่ะที่ถาม

    มโนธาตุ คือ สัมปฏิจฉนจิต ที่เป็น กุศล อกุศล และปัญจทวาราวัชชนจิต
    เรียกว่า มโนธาตุ 3 เกิดทางปัญจทวารวิถี เป็นกามธรรม์
    ที่เป็นปัจจุบันปัญจารมณ์ ทางทวารทั้ง 5 คือ รูปารมณ์ถึงโผฏฐัพพารมณ์

    ส่วนมโนวิญญาณธาตุนั้น ก็คือ จิตที่เหลือ 76
    คือ มาจาก จิต 89 หักด้วย ทวิปัญจวิญญาณจิต10 รวมกับมโนธาตุ 3
    เป็นจิตที่เกิดทางมโนทวารวิถี 67 ดวง ไม่ใช่ 76 นั้น ส่วน
    ที่หายไป 9 คือ มหัคคตวิปาก9 เป็นภวังคจิต ภวังคจิตเป็นจิต
    จิตที่เกิดนอกทวารค่ะ ทำหน้าที่รักษาภพ และเป็นภวังค์หน้าภวังค์หลัง
    ในจิตแต่ละวิถีจิต
     
  16. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    มีความประมาทอีกอย่างครับ

    หากเปลี่ยนสถานะแล้ว ก็ต้องแจ้งทางเวปด้วยครับ

    _/|\_ อนุโมทนาสาธุ
     
  17. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ลุงหมานจ๋า
    ลุงหมานเห็นผู้หญิงคนหนึ่งใหม เขามีกล้องด้วยนะ แชะ แชะ แชะ
    รู้อดีตคนอื่น แล้ว มากระจายข่าว ให้เขาโด่งดังซะ ด้วยละ
    ฟ้องลุงหมานดีกว่า หนู จับได้แล้ว ฉองราย +..................
    ก็ดูอยู่ ว่า จะถือ กล้อง ตะลอนไปทั่ว และ สร้างเหตุไปได้ นานแค่ใหน ฮุๆๆ
    (ถ้าเขาไม่สร้างเหตุ ก็คงไม่มีผล)
    เดี๋ยวไป วิจัยก่อน ว่า
    คำว่า......เหมือน.......
    กับคำว่า......คือ.........
    มันต่างกันยังใง.......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2012
  18. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    อนุโมทนาสาธุจ้า...ชัดเจนครับ
    แต่ขอย้ำให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในส่วนที่ต่างกัน
    มโนธาตุ เป็นธาตุรู้ทางทวารทั้ง ๕ มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ที่เป็นปัจจุบันอย่างเดียว เป็นได้กาลเดียว
    มโนวิญญานธาตุ เป็นธาตุรู้ได้ทางทวารทั้ง ๖ มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทั้งเป็น อดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นได้ทั้ง ๓ กาล
     
  19. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    นั่นแหละไม่ศึกษาปริยัติให้ดี ย่อมมีความคิดที่คับแคบ
    นำมาซึ่งความเสียหายที่สุด คือ ทำความเห็นของตนให้เสียหายไม่ตรงกับความจริง(ทิฎฐุชุกรรม)
    พระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีมา ๔ อสงไขยแสนกัปป์ ได้พบพระพุทธเจ้าได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ รวมทั้งหมดถึง ๒๔ พระองค์

    ถามหน่อย ?การเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าของพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีนั้น
    มีไหมว่าที่จะไม่ฟังธรรม หรือไปเข้าเฝ้าเฉยๆ การฟังธรรมเป็นบารมีข้อหนึ่งคือปัญญาบารมี
    คิดให้เป็นหน่อยซิท่านผู้เจริญ
    ........
    ภาวนา ก็คือการอบรมใจให้เป็นไปตามแถวตามแนวแห่งธรรม
    ตามขั้นตามตอนจนกระทั่งวิมุตหลุดพ้นเป็นลำดับไป
    .......................................................................
    ภาวนาคือการอบรมใจ แล้วจะเอาอะไรล่ะที่ไปอบรมใจ ?
    ขั้นต้นคืออะไร ขั้นกลางคืออะไร ขั้นปลายคืออะไร จึงจะได้ชื่อว่าตามแนวแห่งธรรม
    การภาวนามีอะไรเป็นองค์แห่งการภาวนาจึงจะถึงวิมุตติ ตอบหน่อย?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กันยายน 2012
  20. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
     

แชร์หน้านี้

Loading...