มหากุศลครั้งใหญ่ ขอเชิญร่วมสร้างพระธาตุ พระ 5 พระองค์ วิหาร ฐานพระอุปคุต ในบุญเดียว

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย ผู้เลื่อมใสศรัทธา, 18 ธันวาคม 2011.

  1. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    เมื่อวานพอใส่ยอดเงินล่าสุดของคุณ ล่องลอย (จากเว็ฐญาณทิพย์)ได้จำนวนเงินทำบุญ 11111 บาทพอดีครับ(เท่าที่แจ้งนะครับ ไม่ได้นับเศษสตางค์) บังอิญมากครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  2. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    คุณ gram11 ร่วมบุญด้วย 200 บาทครับ (จากเว็บญาณทิพย์)

    ก็ขอร่วมอนุโมนาบุญด้วยนะครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  3. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
  4. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    วันที่ 22/08/55 ได้ร่วมทำบุญ ร่วมเป็นเจ้าภาพกองกฐินสามัคคี ณ สุสานทุ่งมน จ.สุรินทร์ ได้ร่วมทำบุญ 250 บาทครับ

    อีกทั้งได้ร่วมทำบุญ ร่วมสร้างดรงพยาบาลลพำพูน สาขาตำบลเวียงยอง โดยผ่านทางคณะของพี่ชัยเดช(จากเว็บญาณทิพย์)ครับ ได้ร่วมบุญ 250 บาทครับ

    ก็ขอให้ท่านทั้งหลาย ทุกๆท่าน ทุกๆผู้ ทุกๆนาม ได้มาร่วมอนุดมทนาบุญกันนะครับ

    ก้ขอน้อมอาราะนาอำนาจบารมีองค์พ่อพญายมราช องคืพระแม่ธรณี องคืพระแม่คงคา องค์ครูบาอาจารย์ตลอดถึงองค์เทพเทวดา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ได้มาร่วมอนุโมทนาบุญนี้ แล้วได้โปรดร่วมเป็นพยานบุญใน ณ ที่นี้ด้วยเทอญ
     
  5. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
    (พระราชสังวรญาณ)
    วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา


    [​IMG]

    "ใครจะบริกรรมภาวนากรรมฐานบทไหนอย่างไร
    เมื่อสภาวะจิตสงบสู่ความเป็นสมาธิ ย่อมมีลักษณะเดียวกันหมด
    เพราะฉะนั้น เราอย่าเอาตำรามาค้านกัน
    ให้เอาสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติมาเปรียบเทียบกัน
    จึงจะลงเอยกันได้"

    "การปฏิบัติสำคัญที่การรวมจิตเป็นใหญ่
    เพราะพื้นฐานแห่งความดีความชั่ว ย่อมเกิดที่จิต
    ถ้าจิตตัวนี้ปราศจากสติเป็นเครื่องคุ้มครอง หรือประคับประคองเมื่อใด
    เมื่อนั้น จิตดวงนี้ก็ต้องมีความเผลอ ไปนึกสร้างบาปกรรมใส่ตัว
    เพราะฉะนั้น การอบรมจิตให้มีสติจึงเป็นสิ่งจำเป็น
    ความทุกข์ทั้งหลายเกิดจากกิเลส โลภะ ราคะบ้าง โมหะบ้าง
    ถ้าต้องการมีความสุข ต้องกำจัดกิเลสของตน
    กิเลสในใจตน ไม่ใช่ไปตั้งหน้ากำจัดกิเลสคนอื่น"

    ที่มา : โอวาทพระอริยสงฆ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2012
  6. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
    วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร


    [​IMG]

    "ไม่มีตัวตน สัตว์ บุคคล เรา เขา อะไรสักอย่าง
    เพ่งดูสิ มันไม่เป็นแก่นสารอะไรเลย
    ถ้าเป็นแก่นสาร ทำไมคนเราต้องล้มหายตายจาก
    ถ้าเป็นแก่นสาร ตัวเราทำไมต้องเป็นหวัด เป็นไอ เป็นไข้
    ทำไมต้องหนาวร้อน เพราะเหตุนี้ จึงเห็นได้ว่า ไม่ใช่ตัวตน"

    "ตา สำหรับเห็น รูป-ใจ เป็นผู้รู้ว่า รูปดี รูปชั่ว รูปไม่ดี รูปไม่ชั่ว
    แท้ที่จริง รูปทั้งหลายเขาไม่ได้ว่ารูปเขาดี
    เขาไม่ได้ว่าเขาชั่ว เราเป็นผู้ว่าเอาสมสุติเอา

    - พระสติ หมายถึง ลมเข้า
    - พระวินัย หมายถึง ลมออก
    - พระปรมัตถ์ หมายถึง ผู้รู้ลมเข้าลมออก

    เป็นอันจบพระไตรปิฎก นอกนั้นเป็นสิ่งกิ่งก้านสาขาเท่านั้น"

    ที่มา : โอวาทพระอริยสงฆ์
     
  7. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
  8. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
  9. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    วันนี้ วันที่ 31 สิงหาคม 2555 เป็นวันสารทจีนครับ เป็นวันที่ชาวจีนเชื่อว่า ทางนรกจะปลดปล่อยดวงวิญญาณออกมารับส่วนบุญ ทางญาติจึงได้จัดเตรียมของเอาไหว้ครับ ก็ขอเอา สาระจากเว็บกระปุก มาลงนะครับ

    [​IMG]

    วันสารทจีน

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก irrigation.rid.go.th


    สารทจีน หรือ วันสารทจีน ปี พ.ศ.2555 นี้ ตรงกับวันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม 2555 ตามปฏิทินจีนโบราณ เดือน 7 ถือเป็นเดือนสำคัญที่ลูกหลานจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ และยังเป็นเวลาที่ประตูนรกเปิดให้บรรดาภูตผีออกเร่ร่อนตามสถานที่ต่างๆ ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้อาถรรพ์ ชาวจีนจึงมีการเซ่นไหว้ด้วยของไหว้ สารทจีน หลากความหมาย ที่ปฏิบัติสืบกันมาเนิ่นนานใน..เทศกาลวันสารท!!

    ทั้งนี้ ในรอบหนึ่งปี คนจีนจะมีไหว้เจ้าใหญ่ 8 ครั้ง เรียกว่าไหว้ 8 เทศกาลโป๊ะโจ่ย การไหว้เจ้า สารทจีน หรือ วันสารทจีน ถือเป็นการไหว้ครั้งที่ 5 ตรงกับวันที่ 15 เดือน 7 ซึ่งถือกันว่าเป็นเดือนผี เป็นเดือนที่ประตูนรกปิดเปิดให้ผีทั้งหลายมารับกุศลผลบุญได้

    ตำราจีนหนึ่งกล่าวไว้ว่า วันที่ 15 เดือน 7 เป็นวันที่เช็งฮีไต๋ตี๋จะตรวจดูบัญชีวิญญาณคนตาย ส่งวิญญาณดีขึ้นสวรรค์ และส่งวิญญาณร้ายลงนรก ชาวจีนทั้งหลายรู้สึกสงสารวิญญาณร้าย จึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ นรก!!..จึงเปิดประตู เพื่อให้วิญญาณร้ายออกมารับกุศลผลบุญได้ ในวัน สารทจีน นั่นเอง

    การไหว้ในเทศกาล สารทจีน ต่างจากการไหว้ในเทศกาลอื่นๆ ตรงที่แบ่งการไหว้ สารทจีน ออกเป็น 3 ชุด ดังนี้

    [​IMG]


    สารทจีน ของไหว้ สารทจีน

    ของไหว้ สารทจีน ชุดแรก สำหรับไหว้เจ้าที่ จะไหว้ในตอนเช้า มีอาหารคาวหวาน ขนมไหว้ สารทจีน ก็ใช้ ถ้วยฟู กุ้ยไช่ ซึ่งต้องมีสีแดงแต้มเป็นจุดเอาไว้ ส่วนขนมไหว้พิเศษที่ต้องมีซึ่งเป็นประเพณีของ สารทจีน คือ ขนมเข่ง ขนมเทียน นอกจากนั้นก็มีผลไม้ น้ำชา หรือเหล้าจีน และกระดาษเงิน กระดาษทอง

    ของไหว้ สารทจีน ชุดที่สอง สำหรับไหว้บรรพบุรุษ คล้ายของไหว้เจ้าที่ พร้อมด้วยกับข้าวที่บรรพบุรุษชอบ ตามธรรมเนียม สารทจีน ต้องมีน้ำแกง หรือขนมน้ำใสๆ วางข้างชามข้าวสวย และน้ำชา จัดชุดตามจำนวนของบรรพบุรุษ และที่ขาดไม่ได้ในเทศกาล สารทจีน ก็คือ ขนมเข่ง ขนมเทียน ผลไม้ และกระดาษเงินกระดาษทอง

    ของไหว้ สารทจีน ชุดที่สาม สำหรับไหว้วิญญาณพเนจร ซึ่งไม่มีลูกหลานกราบไหว้ เรียกว่า ไป๊ฮ๊อเฮียตี๋ จะต้องไหว้นอกบ้าน ของไหว้ สารทจีน มีทั้งของคาวหวานกับผลไม้ตามต้องการ และที่พิเศษคือ มีข้าวหอมแบบจีนโบราณ คอปึ่ง เผือกนึ่งผ่าซีกเป็นเสี้ยวใส่ถาด เส้นหมี่ห่อใหญ่ เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทองจัดทุกอย่างวางอยู่ด้วยกันสำหรับเซ่นไหว้ ในวัน สารทจีน

    เทพแห่งโชคลาภ ไหว้เจ้าวัน สารทจีน

    [​IMG] [​IMG]

    เทพเจ้าโชคลาภ ในวัน สารทจีน

    ในช่วงหลายสิบปี เทพแห่งโชคลาภที่บันทึกไว้ในระบบความจำของตี๋หมวยใหญ่น้อยทั้งหลายคือ "ฮก-ลก-ซิ่ว" เทพยอดนิยมอมตะนิรันดร์กาล ที่ไม่ว่าจะเป็นจีนเชื้อสายใด เป็นคนรุ่นไหน ฮก-ลก-ซิ่ว คือเทพที่อยู่ในความศรัทธามายาวนาน ที่สามารถเข้าได้กับทุกงานมงคล ตั้งแต่งานขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน เปิดสำนักงาน วันเกิด ฯลฯ

    หรือหากเป็นเมื่อประมาณ 5-6 ปีผ่านมา "ไฉ่ สิ่ง เอี๊ย" หรือเทพแห่งทรัพย์ เริ่มยึดครองพื้นที่ศรัทธาในใจผู้คนมากขึ้น เพราะไม่ว่าคนรวยคนจนไหว้พระไหว้เจ้าก็ไม่พ้นเรื่องของเงินทอง

    ส่วนเทพแห่งโชคลาภของจีนมี 7 องค์ด้วยกัน คือ พระยูไล พระโพธิสัตว์กวนอิม พระสังกัจจายน์ พระจี้กง เทพแห่งเงินตราทั้ง 4 ในศาสนาพุทธ เซียนคู่ และเทพฮก

    หลายองค์ที่กล่าวถึงนั้นเป็นเทพที่คุ้นเคยใกล้ชิดไม่เฉพาะแต่คนจีน หากรวมถึงคนไทยจำนวนไม่น้อยทีเดียว เช่น พระโพธิสัตว์กวนอิม ที่เรามักเรียกกันว่าเจ้าแม่กวนอิม พระสังกัจจายน์ ที่นั่งยิ้มแฉ่งรับญาติโยม

    พระโพธิสัตว์กวนอิม ว่ากันว่าถูกสร้างขึ้นมา หาได้มีตัวตนจริงไม่ แต่เมื่อสร้างแล้วมีผู้กราบไหว้บูชามากมาย จึงพยายามผูกเป็นเรื่องให้เข้ากับประวัติศาสตร์จีน โดยจัดเรื่องให้พระโพธิสัตว์เป็นพระราชธิดาของพระราชาองค์หนึ่ง…กล่าวไว้ว่าพระนางนั้นเดิมเป็นพระธิดาของ พระเจ้าเมี่ยว จวง หวาง ทรงพระนามว่า เมี่ยวซ่าน ทรงฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ไม่ยอมเข้าสู่พิธีอภิเษกสมรสตามพระประสงค์ของพระบิดา

    ต่อมาได้เทพทางศาสนาเต๋า คือเทพไท้ไป๋ ซิง จวิน ชี้แนะ จึงได้บำเพ็ญบารมีจนตรัสรู้เป็นพระโพธิสัตว์…ด้วยศาสนาพุทธและศาสนาเต๋าล้วนเข้าไปสู่วิถีชีวิตของชาวจีนอย่างแยกกันไม่ออก พระโพธิสัตว์กวนอิมของศาสนาพุทธจึงกลายเป็นเทพของศาสนาเต๋าไปด้วย ไม่ว่าใครจะเป็นพุทธศาสนิกชนก็ได้ เป็นผู้ที่นับถือศาสนาเต๋าก็ดี ล้วนกราบไหว้พระโพธิสัตว์องค์นี้กันทั้งนั้น…

    พระสังกัจจายน์ หรือพระยิ้ม หรือเรียกกันทั่วไปว่าพระถุงย่าม…ที่รู้จักกันของชาวจีนว่าคือ พระหมี เล่อ โฝว นั้นเป็นนามเรียกขานเดียวกับพระศรีอริยเมตไตรย แต่แท้จริงแล้วพระยิ้มอาจไม่ใช่พระศรีอริยเมตไตรยก็ได้ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระประหลาด…ที่มีรูปร่างอ้วนเตี้ย พุงยุ้ย มักใช้ไม้เท้าที่ทำจากไม้ไผ่เกี่ยวถุงผ้าแล้วแบกไว้บนบ่า มักปรากฏกายไปบิณฑบาตในตลาดที่มีผู้คนพลุกพล่านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา พูดจาผิดจากคนทั่วไป ค่ำที่ไหนนอนที่นั่น ที่ไหนๆ ก็นอนได้หมด มักจะบอกเล่าและทำนายเรื่องในอนาคตที่จะเป็นอันตรายต่อผู้คน ราวกับเป็นผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน

    ความจริงแล้วสิ่งที่ติดตัวของท่านก็มีเพียงถุงย่ามใบเดียว ท่านมักจะนำของบิณฑบาตมาได้เทรวมลงไปในถุงย่าม ผู้คนเข้ามามุงดู ท่านจะพูดกับคนเหล่านั้นด้วยคำพูดที่เปรียบเทียบให้คนรู้เห็นธรรมอันแท้จริง บางคนบอกว่าท่านเป็นเทพเจ้า บางคนก็ว่าท่านเป็นบ้า…

    พระหมีเล่อ หรือพระศรีอริยเมตไตรย เป็นเสียงเรียกขานตามภาษาสันสกฤต Maitreya ความหมายก็คือผู้มีความเมตตา เป็นนามของพระโพธิสัตว์หมีเล่อของศาสนาพุทธมหายาน กล่าวกันว่าท่านเป็นบุตรตระกูลพราหมณ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งหมู่บ้านเจี่ยพอหลีชุน แห่งหนานเทียนจู๋ ของอินเดียโบราณ

    พระศรีอริยเมตไตรยได้ตรัสรู้ก่อนพระศรีศากยมุนี จากนั้นก็ประทับอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต ในแดนสุขาวดีพุทธเกษตรทางทิศตะวันตก…พระองค์ทรงดูแลความสุขของมวลมนุษยชาติสืบต่อจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กล่าวกันว่าในยุคของพระองค์จะมีแต่สิ่งดีๆ ความสวยงาม และความสุข…

    พระจี้กง หลายท่านรับรู้เรื่องราวของท่านในฐานะ "พระคนยาก" เพราะภาพลักษณ์ของพระที่แต่งตัวปอนๆ ด้วยจีวรเก่าซอมซ่อ และมีขวดน้ำเต้าบรรจุเหล้าติดตัวอยู่เสมอ หากเบื้องลึกของพระจี้กงที่ได้กล่าวไว้คือ พระจี้กงเป็นชาวไถโจว ปัจจุบันคืออำเภอหลินไห่ ของมณฑลเจ้อเจียง นามเดิมของท่านคือหลี่ ซิน หย่วน ท่านออกบวชที่วัดหลิงอวิ่นซื่อ ที่เมืองหังโจว มณฑลเจ้อเจียง…เนื่องจากพระจี้กงไม่นิยมปฏิบัติตามกฎของสงฆ์ ชอบกินเนื้อสัตว์และดื่มเหล้า อีกทั้งมีท่าทางเหมือนคนบ้า ผู้คนจึงเรียกท่านว่าพระบ้า

    พระจี้กงมีจิตใจเมตตา ชอบช่วยเหลือคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรม อีกทั้งดูถูกพวกข้าราชการที่ชอบกินสินบนและกดขี่ข่มเหงประชาชน การปฏิบัติตัวของพระจี้กงเป็นที่นิยมนับถือของประชาชนทั้งหลาย จนเรียกกันว่า ท่านคือพระโพธิสัตว์หรือพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิดในยุคปัจจุบัน…"

    ข้อความข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพระเจ้าใกล้ตัว ที่หลายท่านคุ้นเพราะเคยได้ยิน ได้ฟังเรื่องราวจากผู้เฒ่าผู้แก่มาตั้งแต่เด็ก ในเชิงของตำนานพื้นบ้านที่มีอภินิหารผสมอยู่ด้วย เล่าสู่กันฟังเพื่อความสนุก จึงอยากเชิญให้ท่านลองทำความรู้จักกับพระเจ้าองค์เดิมที่นับถือมานาน รวมถึงพระเจ้าองค์อื่นๆ ที่เหลือในแง่มุมที่มีหลักฐานอ้างอิงได้ ตลอดจนสถานะของเทพแห่งโชคลาภ เผื่อการไหว้พระไหว้เจ้าใน สารทจีน จะมีคุณค่า และความหมายยิ่งขึ้น

    ที่สำคัญ สารทจีน สะท้อนให้คนเราเห็นว่า เมื่อมีชีวิตอยู่ควรกระทำตัวให้เป็นบรรพบุรุษที่ดี ให้ลูกหลานเคารพ และกราบไหว้บูชาแม้ยามจากไป ยังดีกว่าจะรอให้คนทั่วไปมาเซ่นไหว้ไหว้ตามข้างทาง ขึ้นอยู่ที่ว่า..คุณ!!จะเลือกเป็นบรรพบุรุษแบบไหน

    และในปีนี้ขอให้คนจีนไหว้เจ้า สารทจีน ทุกคน ช่วยกันรณรงค์ไหว้เป็นผลไม้ไทย และซื้อสินค้าไทยไหว้เจ้ากัน

    ที่มา http://hilight.kapook.com/view/14824
     
  10. iamsj

    iamsj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2011
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +315
    ร่วมโอนเงินทำบุญไป 20 บาท อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะคะ

    ธนาคารจะดำเนินการตามคำสั่งโอนเงินของท่านในวันที่ 03 ก.ย. 2555
    และนำเงินเข้าบัญชีผู้รับโอนในวันที่ 04 ก.ย. 2555
    บริการโอนเงิน [​IMG]
    หมายเลขอ้างอิงรายการ 1442408
    โอนเงินจาก:
    บัญชีผู้โอน BBL ..............
    ชื่อบัญชี รุ่งรัศมี จันทร์สร้อย
    วันที่หักบัญชี 03 ก.ย. 2555
    โอนเงินไป:
    บัญชีผู้รับโอน KBANK 3172506371
    วันที่เงินเข้าบัญชี 04 ก.ย. 2555
    จำนวนเงิน 20.00
    ค่าธรรมเนียม 12.00
     
  11. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    อนุโมทนา สาธุครับ สาธุ สาธุ สาธู
     
  12. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
    วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา


    [​IMG]

    “ขึ้นชื่อว่าความชั่วแล้ว ไม่ทำเสียเลยดีกว่า"

    ".....เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว ให้รีบพากันปฏิบัติ"

    "สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็คือ กรรม"

    "คนดีน่ะ เขาไม่ตีใคร"

    "ของดีอยู่ที่ตัวเราหมั่นทำ(ปฏิบัติ)เข้าไว้"

    "ให้หมั่นดูจิต รักษาจิต"

    "อย่าลืมตัวตาย"

    "ให้หมั่นพิจารณา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"

    "ที่แกปฏิบัติอยู่ให้รู้ไว้ว่าไม่ใช่เพื่อข้า แต่เพื่อตัวแกเอง"

    "ตราบใดก็ตามที่แกยังไม่เห็นความดีในตัว ก็ไม่นับว่าแกรู้จักข้า
    แต่ถ้าเมื่อใดที่เริ่มเห็นความดีในตัวเองแล้ว
    เมื่อนั้น ข้าว่าแกรู้จักข้าดีขึ้นแล้ว"

    "บุญนั้นหมั่นทำไว้ปฏิบัติไว้ คนไหนที่เขาว่าทำได้ดีได้เห็นอะไรก็ตาม
    โมทนาไปเลยไม่มีเสียมีแต่ได้ อย่าไปขัดเขา"

    "หมั่นทำเข้าไว้...ให้หมั่นดูจิต รักษาจิต
    ...ของดีอยู่ที่ตัวเรา ของไม่ดีก็อยู่ที่ตัวเรา"

    "ปฏิบัติแล้ว โลภ โกรธ หลง แกลดน้อยลงหรือเปล่าล่ะ ถ้าลดลงข้าว่าแกใช้ได้"

    "นั่งไปเถอะ สว่างก็ได้บุญ มืดก็ได้บุญ"

    "โลกเท่าแผ่นดิน ธรรมเท่าปลายเข็ม"

    "ธรรมนั้น อยู่ฟากตาย"

    "ผู้ปฏิบัติต้องหมั่นตามดูจิต รักษาจิต"

    "ตัวตายน่ะ ตัวสำเร็จ"

    "นิพพาน อยู่ฟากตาย"

    "ถ้าไม่เอา(ปฏิบัติ) เป็นเถ้าเสียดีกว่า"

    "เรื่องของคนอื่น เราไปแก้เขาไม่ได้ ที่แก้ได้คือตัวเรา แก้ข้างนอกเป็นเรื่องโลก แต่แก้ที่ตัวเรานี่เป็นเรื่องธรรม"

    "เชื่อไหมหละ ถ้าเราเชื่อจริง ทำจริง มันก็เป็นของจริง ของจริงมีอยู่ แต่เรามันไม่เชื่อจริง จึงไม่เห็นของจริง"

    "ติดวัตถุมงคล ยังดีกว่าที่จะให้ไปติดวัตถุอัปมงคล"

    "เอาของจริงดีกว่า พุทธังฯ ธัมมังฯ สังฆังฯ สรณัง คัจฉามิ นี่แหละของแท้"

    "ของจริง ต้องหมั่นทำ"

    "ถ้าแกเกลียดกิเลสเหมือนหมาเน่า หรือของบูดเน่าก็ดี ให้เกลียดให้ได้อย่างนั้น"

    "ข้าไม่มีอะไรให้แก
    (ธรรม)ที่สอนไปนั้นแหละ ให้รักษาเท่าชีวิต"

    "แกคิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก
    แกไม่คิดถึงข้า ข้าก็ยังคิดถึงแก"

    "หมั่นทำเข้าไว้ พระท่านคอยจะช่วยเราอยู่แล้ว แล้วเราได้ช่วยเหลือตัวเองก่อนหรือยัง"

    "ปฏิบัติธรรมตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เป็นหนุ่ม เป็นสาวนี่แหละดี เพราะเมื่อแก่เฒ่าไปแล้ว จะนั่งก็โอย จะลุกก็โอย หากจะรอไว้ให้แก่เสียก่อน แล้วจึงค่อยปฏิบัติ ก็เหมือนคนที่คิดจะหัดว่ายน้ำเอาตอนที่แพใกล้จะแตก มันจะไม่ทันการณ์"

    "ถ้ามันไม่ดีหรือไม่ได้พบความจริงก็ให้มันตาย ถ้ามันไม่ตายก็ให้มันดี หรือได้พบกับความจริง"

    "แกจะรู้เหรอว่า แกจะตายเมื่อไหร่ ไม่แน่ว่าแกเดินออกไปจากกุฏิข้าแล้ว อาจถูกงูกัดตายเสียกลางทางก่อนไปจับปลา จับกุ้ง ก็ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อตอนนี้แกยังไม่ได้ทำบาปกรรมอะไร ยังไง ๆ ก็ให้มีศีลไว้ก่อน ถึงจะมีศีลขาดก็ยังดีกว่าไม่มีศีล"

    "ครูอาจารย์ดี ๆ แม้จะมีอยู่มาก แต่สำคัญที่ตัวแกต้องปฏิบัติให้จริง สอนตัวเองให้มากนั่นแหละจึงจะดี"

    "คนเราทุกวันนี้ โลกเท่าแผ่นดิน ธรรมเท่าปลายเข็ม เรามัวพากันยุ่งอยู่กับโลกจนเหมือนลิงติดตัง เรื่องของโลก เรื่องเละ ๆ เรื่องไม่มีที่สิ้นสุด เราไปแก้ไขเขาไม่ได้จะต้องแก้ไขที่ตัวเราเอง ตนของตนเตือนด้วยตนเอง"

    "ขยันก็ให้ทำ ขี้เกียจก็ให้ทำ ถ้าวันไหนยังกินข้าวอยู่ก็ต้องทำ วันไหนเลิกกินข้าวแล้ว นั่นแหละ จึงค่อยเลิกทำ"

    "ภาวนาได้เห็นแสงสว่างเท่าปลายหัวไม้ขีด ชั่วประเดี๋ยวเดียว เท่าช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น ยังมีอานิสงส์มากกว่าตัดบาตรจนขันลงหินทะลุ"

    "หมั่นทำเข้าไว้ หมั่นทำเข้าไว้ ต่อไปจะได้เป็นที่พึ่งภายหน้า"

    นะโมโพธิสัตโต พรหมปัญโญ
    นะโมโพธิสัตโต พรหมปัญโญ
    นะโมโพธิสัตโต พรหมปัญโญ

    ที่มา : วัดถ้ำเมืองนะ (วัดพุทธพรหมปัญโญ) บารมี หลวงปู่ทวด, หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ, หลวงตาม้า, พระผง บทสวด จักรพรรดิ
     
  13. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    หลวงพ่อพัฒน์ นารโท
    วัดใหม่(วัดพัฒนาราม) จ.สุราษฏร์ธานี


    [​IMG]

    ดีอยู่ที่ละ พระอยู่ที่จริง นิพพานอยู่ที่ความสงบ

    ที่มา จากหนังสือประวัติหลวงพ่อ ที่วัดทำแจกครับ
     
  14. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
  15. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    หลวงปู่ปาน โสนันโท
    วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา


    [​IMG]

    ร่างกายของคนและสัตว์มันเป็นอนิจจัง มีสภาพไม่เที่ยง เวลาอยู่ก็เป็นทุกข์ แต่ในที่สุดก็เป็นอนัตตาคือตาย ใครบังคับบัญชาไม่ได้ เวลาเผาศพอย่าตั้งหน้าตั้งตาเผาเขา เวลาเราไปเผาศพก็เผากิเลสในใจของเราเสียด้วย กิเลสส่วนใดที่มันสิงอยู่ที่เรา คิดว่าเราจะไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตายน่ะ เผามันเสียให้หมดไป เราคิดว่าวันนี้เราเผาเขาไม่ช้าเขาก็เผาเรา คนเกิดมาแล้วตายอย่างนี้เราจะเกิดมันทำไม ต่อไปข้างหน้าเราไม่เกิดดีกว่า เราไปพระนิพพานนั่นละดีที่สุด เรื่องอัตภาพร่างกายสิ่งที่มีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ไม่มีอะไรเป็นความหมาย ไม่มีอะไรเป็นที่พึ่ง ตายแล้วหาสาระหาแก่นสารไม่ได้ หาประโยชน์ไม่ได้ ให้ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะตายได้ ให้ขยันหมั่นเพียร ชำระจิตใจให้สะอาด มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ จงวางภาระว่า เราของเรา เสียให้สิ้นด้วยไม่มีอะไรเลยเป็นของเรา แม้แต่ร่างกายก็มีเจ้าของคือ มรณภัยมันมาทวงคืน ให้คิดว่าเราไม่มีอะไรเป็นของเรา เราไม่ต้องการมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก เรามีนิพพานเป็นที่ไป

    "พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสไว้ว่า สัตว์ก็ดี คนก็ดี หรือสิ่งที่ไม่มีชีวิตก็ดี มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น แล้วมีความเปลี่ยนแปลงไปในระหว่างกลาง ที่สุดมันก็แตกทำลายหมด ถ้าเป็นสัตว์เป็นบุคคลก็ตายในที่สุด ถ้าเป็นของวัตถุธาตุ ก็แตกทำลายในที่สุด ไอ้บ้านเรือนโรงภูเขา ลำเนาป่า อะไรมันก็เหมือนกัน ภูเขามันเป็นหินแข็งแต่ว่านานๆ เข้าก็เป็นหินผุกลายเป็นดินไป ที่นี้ไอ้คนหรือสัตว์ก็เหมือนกัน มันเกิดขึ้นมาในตอนต้น มันตัวเล็กๆ แล้วมันก็เปลี่ยนแปลง มันเปลี่ยนสภาพเข้ามาทุกทีๆ ถึงความเป็นคน เป็นบุคคลใหญ่ เป็นหนุ่ม เป็นสาว แล้วก็แก่ ในระหว่างนั้นสภาพของร่างกายก็ไม่ปกติ โรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน นี่เป็ฯอาการเปลี่ยนแปลง จัดเป็นอนิจจัง ทีนี้ตัวอนิจจังไม่เที่ยง มีความทุกข์ก็บังเกิดขึ้น ไอ้ความทุกข์มันเกิดขึ้นก็เพราะตัวอนิจจังนี่แหละ ไม่มีใครต้องการให้มันเป็น "นิจจัง" คือมันเที่ยงแน่นอน มีสภาพปกติ แต่อนิจจังมันขับรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้เคลื่อนไปจากความปกติ ให้มีความเปลี่ยนแปลง แปรสภาพเสื่อมโทรมลงไปเป็นธรรมดา แล้วในเมื่อความเสื่อมโทรมมันปรากฏ ความทุกข์ใจของเจ้าของร่างกายก็ปรากฏ คือโรคภัยไข้เจ็บมันก็เกิดขึ้น ความทุกข์ใจของเจ้าของร่างกายก็ปรากฏ นี่มันเป็นตัวทุกข์ อนิจจังมันทำให้ทุกข์ ไม่มีใครจะห้ามความตาย ไม่มีใครจะห้ามความเสื่อมความสูญ ความสลายตัวได้ คนทุกคนเกิดมาแล้วเป็นอย่างนั้น สัตว์ทุกตัวเกิดมาแล้วเป็นอย่างนั้น สภาพของวัตถุต่างๆ เป็นอย่างนั้น ตรงตามความเป็นจริงทุกอย่าง ซึ่งมนุษย์ทุกคนที่เกิดมาในโลกยากนักที่จะคิดอย่างนี้ที่จะเห็นตามความเป็นจริงอย่าง
    นี้

    นี่พระพุทธเจ้าทรงสอนกฏของธรรมดา ซึ่งคนทั้งหลายที่เกิดมาแล้วด้วยอำนาจของกิเลสแลตัณหาเข้าไปปิดบังใจไม่ยอมรับนับถือ
    กฏธรรมดา เช่น กระดูกนี่เป็นของปฏิกูลน่าเกลียด ร่างกายเราเมื่อสภาพการหมดไปแล้ว ก็คงมีโครงกระดูกนี่เป็นเรือนร่าง เป็นแก่นของร่างกาย คนและสัตว์ที่เกิดมาแล้ว ไม่มีสภาพจะคงที่ได้ ถ้ามีร่างกายบริบูรณ์สมบูรณ์ เมื่อสิ้นลมปราณแล้ว ร่างกายก็จะผุพังน้ำเหลืองจะไหล ธาตุดินไปส่วนหนึ่ง ธาตุน้ำไปส่วนหนึ่ง ธาตุไฟไปส่วนหนึ่ง ธาตุลมไปส่วนหนึ่ง ผลที่สุดเนื้อหนังก็จะละลายไป เหลือแต่ธาตุกระดูก กระดูกก็จะเป็นโครงอย่างนี้ หาความสวยไม่ได้หาความงามไม่ได้ อัตตภาพร่างกายอย่างนี้ มันเกิดขึ้นในเบื้องต้น มันเป็นอนิจจังคือ เปลี่ยนแปลงมาในระหว่างกลางแล้วต่อไปก็ผุพังทำลายไปในที่สุด เป็นอนัตตาอย่างนี้ ไม่มี อิจจัง สุขขัง อัตตา หมายความว่า นิจจังมีสภาพคงที่ สุขขังไม่มีทุกข์ อัตตามีสภาพ เป็นตัวตน ยืนตลอดกาลตลอดสมัย ไม่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างนั้นไม่มี

    สำหรับอัตตภาพที่มีขันธ์ 5 มันต้องเป้นอนิจจัง คือเปลี่ยนแปลงไม่เที่ยงอยู่เรื่อยไป เพราะความไม่เที่ยงมันจึงเป็นทุกข์ เพราะเป็นทุกข์นี่แหละสภาวะอนัตตาจึงปรากฏคือ ความไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน มันพัง มันทำลาย นี่่ร่าง กระดูกที่เราเห็นนี่ เมื่อก่อนก็มีเรือนร่างครบถ้วนบริบูรณ์อย่างเรา มีลมปราณเหมือนกัน มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน แต่ว่านี่เนื้อหนังมังสารมันหมดไปแล้วเหลือแต่กระดูก อันเป็นส่วนแก่นแท้ภาพในร่างกาย เมื่อพิจารณาไปส่วนไหนมันก็ไม่น่ารัก ไม่น่าดู ไม่น่าชม มันน่าเกลียด

    จึงกล่าวได้ว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง การเกิดเป็นมนุษย์มันเต็มไปด้วยความทุกข์ หาความสุขไม่ได้ จงอย่าอาลัยในชีวิต มันจะตายเมื่อไหร่ก็ไดช่างมัน เอาดีเข้าไว้ ดีนั่นคือธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ให้คิดว่าร่างกายมันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ร่างกายเป็นเพียง ธาตุ 4 เข้ามาประชุมกัน มีธาตุน้ำ ธาตุดิน ธาาตุลม ธาตุไฟ มันก็ปั้นเป็นก้อนขึ้นมา เขาแยกเป็นอาการ 32 ในไม่ช้าก็ตาย อย่าลืมความตายเป็นสำคัญ

    "ถึงแม้เราจะมีคาถาอาคมของดีอะไรก็ตามเราก็ต้องตาย ก่อนตายควรเลือกทางเดินเอาอย่างน้อยที่สุด เราควรไปสวรรค์ชั้นกามาวจรให้ได้ ขอให้ทุกคนนะ เวลาก่อนจะหลับ ให้นึกถึงความดีที่ตอนเคยทำ ทรัพย์สินที่สละเป็นวิหารทาน ธรรมทาน สังฆทาน เลี้ยงพระ นึกถึงศีลที่ตอนเคยรับมา เทศน์ที่ตนเคยฟัง แล้วหมั่นภาวนาถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พระพุทโธ ธัมโม สังโฆ เมื่อจะเจริญกรรมฐาน ให้ตั้งอยู่ในพรหมวิหาร 4 ให้เป็นฌาณสมาธิแน่วแน่ ให้แผ่เมตตาไปทั่วจักรวาล แล้วจึงพิจารณาตามอารมณ์วิปัสสนาหรือภาวนาตามแบบสมถะ ทุกคนตายแล้วจงไปสวรรค์ จงไปพรหมโลก จงไปนิพพาน"


    ที่มา Pranippan Board ->
    (พิมพ์มาจากหนังสือ รวมคำสอนพระสุปฏิปันโนเล่ม 5 (เล่มพิเศษ)
     
  16. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดํา)
    วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี

    [​IMG]


    " จงเห็นว่าไม่มีอะไรเหลือเลยในโลกนี้ เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสมมุตคิทั้งสิ้น แปรปรวน เสื่อมไป สลายไป ทุกอย่างไม่มีอะไรควรยึดถือทั้งสิ้น...... "

    การที่จะหนีอบายภูมิทั้ง ๔ คือการไม่เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัชฉาน ต่อไปนั้น ต้องกำจัดสังโยชน์ คือ อารมณ์ชั่ว ๓ ประการ ให้พ้นจากใจ อารมณ์ชั่วทั้ง ๓ ประการ คือ

    ๑. ที่มีความรู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่ตายตัดทิ้งไป ให้มีความรู้สึกว่ามันจะต้องตายแน่และไม่ประมาทในชีวิต คิดทำความดีต่อไป
    ๒. วิจิกิจฉา ความสงสัยในความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ตอนนี้ตัดทิ้งไป ยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์
    ๓. สีลัพพตปรามาส มีการปฏิบัติในศีลไม่แน่นอน ไม่จริงจัง อันนี้ต้องทิ้งไปหันมากลับมาปฎิบัติในศีลให้แน่นอนและจริงจัง ฆราวาสเพียงแค่ศีลห้า หรือว่ากรรมบถ ๑๐ ใช้ได้แล้ว สำหรับภิกษุสามเณรก็มีศีลของท่าน

    เราก็ต้องรู้ด้วยว่าร่างกาย ความจริงมันไม่ใช่เรา มันไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา เรา คือจิตที่เรียกว่า อทิสมานกาย ที่เข้ามาอาศัยร่างกายเป็นเรือนร่างที่อาศัยอันนี้ ร่างกายมันไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา แล้วมันก็ไม่อยู่ในอำนาจของเรา เราจะปรนเปรอบังคับบัญชามันอย่างไรก็ตาม มันจะไม่ยอมปฏิบัติตามด้วยประการ

    ลูกรักทั้งหลาย ธรรมส่วนใดที่องค์สมเด็จพระประทีปแก้วสอน ที่พ่อจะปกปิดไว้ไม่มี พ่อสอนหมดทุกอย่าง เมื่อพ่อตายแล้ว ขอลูกแก้วของพ่อ จงประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยส่วนนี้ทั้งหมด ในเมื่อขันธ์ 5 มันทรงไม่ไหว พ่อก็อยู่ไม่ได้ พ่อสอนลูกอยู่เสมอว่า ขันธ์5เป็นของธรรมดา มัน เกิด แก่ เจ็บ และตายเหมือนกันหมด ลูกจะเกาะขันธ์ 5 ของพ่ออยู่อย่างนี้ตลอดกาลตลอดสมัยไม่ได้ ความดีที่จะเกิดมีขึ้นนั้นไซร้คือการปฏิบัติตนเอง ฟังแล้วก็จำ จำแล้วก็คิด คิดแล้วก็ปฏิบัติตาม ถ้าสามารถทำได้ ในที่สุดในไม่ช้าก็จะบรรลุมรรคผลเป็นพระอริยบุคคล

    การถือตัวถือตนว่า เราเสมอเขาก็ดี เราดีกว่าเขาก็ดี เราเลวกว่าเขาก็ดี เป็นปัจจัยของความทุกข์


    อย่ามองคน ด้วยฐานะ อย่ามองคน ด้วยศักดิ์ศรี อย่ามองคน ด้วยความรู้ความสามารถ มองคนแต่เพียงว่าสภาพของเขา เป็นวัตถุเหมือนสภาพของเรา จิตใจของเราพร้อมในการเมตตาปรานีไม่ถือตน เขาจะมาในฐานะเช่นใดก็ช่าง ถือว่าเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกันหมด การกำหนดอารมณ์ อย่างนี้ เราก็สามารถจะกำจัดตัวมานะ การถือตัวถือตนเสียได้ อย่างนี้เรียกว่า อรหัตมรรค

    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    ปลงให้เห็นว่า อนิจจัง นี่มันเป็นของไม่เที่ยงจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นอะไรทั้งหมดในโลกนี้

    ถ้าไม่เที่ยงเราไปยึดมันเข้าแล้วมันเป็นทุกข์ ต้องปล่อยตามมันๆ จะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน

    แล้วในที่สุดมันก็เป็นอนัตตา พังสลายตัวหมด อย่าไปยึดไปถือมัน อย่าไปยึดว่าจะมีอะไรเป็นเราเป็นของเราต่อไป แม้แต่ร่างกายเรายังพัง ในเมื่อร่างกายเรายังพังแล้วจะมีอะไรทรงอยู่ อะไรมันทรงอยู่แล้วก็ตาม ถ้าหากว่าร่างกายเราพังแล้ว เราก็ไม่มีสิทธิ์จะมายึดว่ามันเป็นเราเป็นของเรา

    ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ระมัดระวังเรื่องจิตใจให้มาก ที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนให้ใช้อนุสสติ คือ ตามนึกถึงความดี คือนึกยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า ๑ ยอมรับนับถือพระธรรม ๑ ยอมรับนับถือพระอริยสงฆ์ ๑ นี่เรียกว่า เป็นพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ พยามยามนึกถึง ความดีของเทวดา นึกถึงความตายที่จะเข้ามาถึง นึกถึงอารมณ์ของพระนิพพาน อย่างนี้เป็นต้น อย่างใดอย่างหนึ่ง บรรดาท่านพุทธบริษัท ไม่ต้องครบทั้งหมด

    องค์สมเด็จพระบรมสุคตทรงสอนว่า ขึ้นชื่อว่าความชั่วที่ทำมาแล้วในกาลก่อน จงอย่าตามนึกถึงมัน นึกถึงความดีที่ทำไว้แล้วเท่านั้น ผลของความดีจะส่งผลให้เป็นสุข คือไปเกิดบนสวรรค์ได้


    ที่มา : รวมคำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เนื่องในวัน คล้ายวันเกิดหลวงพ่อวันที่ ๕ ต.ค. YimWhan Free Webboard
     
  17. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
    วัดดอยแม่ปั๋ง ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

    [​IMG]

    ไม่ต้องไปรู้ที่อื่น มันอยู่ในกายนี้ กายนี้แหละมันเป็นทุกข์ คนที่ปฏิบัติหาทางออกจากกองทุกข์นั้นมันหายากแล้ว ให้ลูกหลานจำให้ดี ให้มีสติ มีอารมณ์อยู่กับพุทโธ พุทโธ เอาให้ได้

    ความดีนั้นเราต้องทำอยู่เสมอ ให้เป็นที่อยู่ของจิต เป็นอารมณ์ของจิต ให้เป็นมรรค คือทางดำเนินไปของ จิต มันจึงจะเห็นผลของความดี ไม่ใช่เวลาใกล้จะตาย จึงนิมนต์พระไปให้ศีล ให้ไปบอก พุทโธ หรือ ตายไปแล้ว ให้ไปรับศีล เช่นนี้เป็นการกระทำที่ ผิดทั้งหมด


    ใจเป็นผู้รู้ ผู้ละ ผู้ถอน ผู้วาง รับเอาทุกเรื่องก็ไม่ไหว มันเป็นธรรมเมาทั้งนั้นแหละ

    จะขึ้นรถหรือขึ้นเรือบิน ขึ้นคอปเตอร์หรือรถเรือทุกชนิด ก็ให้นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ทุกครั้ง นั่งไปเรื่อย ๆ ไม่ได้นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หากไปฝ่าอันตรายเข้าก็ใจหายและกลัวอันตราย ให้นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ ขออานุภาพปกเกล้าปกกระหม่อม ให้ปราศจากภัยอันตรายทั้งหลาย ให้ไปเป็นสุข ถึงรถจะไปคว่ำลงหรือชนกันก็บ่เป็นหยังดอก​


    ที่มา : เฟซบุ๊ค ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ
    https://www.facebook.com/profile.php?id=100001663212270
     
  18. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
    วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี


    [​IMG]

    "ถ้าไม่แก้ที่นิสัยของตัวเอง แล้วจะให้แก้อะไร"

    "...เวลามีชีวิตอยู่นี้ เราจะทำความดีให้โลกทั้งหลายได้เป็นคติตัวอย่างอันดีงาม และทำด้วยความเมตตาสงสารต่อโลก เพราะหลังจากนี้แล้ว คือว่าเราตายแล้ว เราจะไม่กลับมาเกิดในโลกนี้อีกต่อไปเป็นตลอดอนันตกาล...”

    ถ้าต้องการให้เด็กดี ผู้ใหญ่ก็ลองทำดีให้เด็กดูเสียบ้าง เด็กๆ อาจมีหนทางพอจะเดินตามหลังพวกเราซึ่งพาทำดีได้บ้าง

    "อย่าไปว่าคนอื่นเขา ตัวเรานั้นดีแล้วหรือ"

    สิ่งที่ให้ร้ายได้ที่สุดก็คือคำพูด ให้ดีที่สุดก็คือคำพูดต้องได้ระมัดระวังกันอย่างมาก เป็นสิ่งที่ให้โทษให้คุณมากที่สุดก็คือคำพูด ท่านจึงว่า ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ทั้งนี้ก็เพราะปากเป็นหนึ่งในการแสดงออกแก่ผู้อื่นและสังคมนั่นเอง

    การแก้นั้นแก้ใครก็สู้แก้ตนเองไม่ได้ ใครสุขใครทุกข์ก็สู้ตัวเองสุขตัวเองทุกข์ไม่ได้ จึงควรแก้ตัวเองก่อนแก้ผู้อื่น

    ที่มา : เฟซบุ๊ค ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ
    https://www.facebook.com/profile.php?id=100001663212270
     
  19. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    คุณ Nhong ได้ร่วมทำบุญด้วย 200 บาทครับ (จากเว็บญาณทิพย์)

    ก็ขอร่วมอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  20. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    วันคเนศจตุรถี (วันคล้ายวันประสูติองค์พระพิฆเนศ)
    วันที่ 19 กันยายน 2555 (ขึ้น 4 ค่ำเดือน 10 )


    [​IMG]

    [​IMG]

    วันสำคัญในการบูชาพระศรีคเนศ ที่ยึดถือกันมาช้านานคือ แรม 4 ค่ำเดือน 9 และแรม 4 ค่ำเดือน 10 (ประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน) ปีนี้ 2555 ตรงกับวันพุธที่ 19 กันยายน ซึ่งถือเป็นวันกำเนิดพระองค์ท่าน หรือเรียกว่า พิธีจตุรถี อมาวาสี สำหรับการบูชาโดยทั่วไปนั้นบางคนจะบูชาเฉพาะวันอังคาร ตามความเชื่อที่ว่า ท่านเป็นเทพประจำวันอังคาร บางท่านเห็นว่าท่านเป็นบรมครู จึงบูชาซึ่งเป็นวันพฤหัสบดีซึ่งเป็นวันครู ก็ไม่ผิดแต่อย่างใด ไม่ว่าจะวันที่ 19 ที่กำลังจะมาถึงนี้ วันอังคาร หรือวันพฤหัสบดี หากเป็นไปได้เราควรจะเคารพบูชาท่านทุกวันจะเป็นศิริมงคลอย่างยิ่ง

    ให้นำองค์รูปปั้นพระศรีคเนศจำลองที่ทำจากแป้งหรือดิน หากสามารถปั้นเองได้จะดีมาก แต่ส่วนใหญ่หาซื้อได้โดยทั่วไปซึ่งจะสะดวกกว่า นำท่านมาบูชาตลอด 21 วันก่อนวันจตุรถี ตลอด 21 วันให้จัดถวาย ขนมโมทกะหรือขนมรันดู อ้อย กล้วย หญ้าแพรก นมสด ดอกไม้ที่มีสีแดงสด หากเป็นดอกชบาแดงจะดีมาก พร้อมสรรเสริญพระนามท่านทั้ง 108 พระนาม ทั้งนี้ทั้งนั้นการจัดเครื่องสักการะ ต้องตามแต่ฐานะ บางท่านอาจจะทำในวันที่ 19 กันยายนเลยก็ได้ โดยมีวิธีการบูชาดังนี้

    1. จุดเทียนไข หรือตะเกียงน้ำมัน ธูปส่วนใหญ่ใช้ 8 ดอก และกำยาน
    2. กล่าวคำบูชา สวดสรรเสริญพระนามทั้ง 108 หรือหากจะสวดสั้นๆที่นิยมกันดังนั้ได้ "โอม ศรีคเนศา ยะนะมะฮา"
    3. ถวายเครื่องสักการะ กล่าวคำถวาย และอัญเชิญท่านมารับเครื่องสักการะ ท่านสามารถกล่าวบทถวายเครื่องสักการะดังนี้ โอม นาตะวิฑะ มัณฑะ บุชะปาณิ สมัตตะยุติรามิ จากนั้นกล่าวเป็นภาษาไทยว่า ข้าพเจ้า.......ขออัญเชิญ....(ชื่อองค์เทพ).....มารับเครื่องสังเวย ซึ่งข้าพเจ้าเป็นผู้จัดหามาถวาย ณ สถานที่บูชาแห่งนี้ เพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ข้าพเจ้า
    4. สวดมนต์ภาวนา ทำสมาธิ
    5. ถวายไฟ วนตามเข็มนาฬิกา 3 รอบ แล้วใช้ฝ่ามืออังไฟที่วนนั้นมาแตะที่หน้าผากเพื่อให้เกิดความเป็นศิริมงคล เกิดความสว่างเกิดปัญญาและชีวิต เป็นอัญเสร็จพิธี
    6. นำรูปปั้นจำลองไปลอยในแม่น้ำหรือทะเล โดยทำเป็นกระทงใส่เงินทองและดอกไม้ ดอกไม้ที่ท่านทรงโปรดคือ ดอกชบาสีแดง ดาวเรือง กุหลาบ หรือดอกบัว หมายถึงการส่งพระองค์ท่านกลับสู่สวรรค์และทิ้งทรัพย์สมบัติแก่ผู้บูชาตลอดทั้งปี


    ที่มา : ห้อง อ.มิกครับ
    พิธีจตุรถึ อมาวาสี - ห้อง อ.มิก ติวเตอร์ญาณทิพย์ - หน้าแรก ญาณทิพย์ - Powered by Discuz!
     

แชร์หน้านี้

Loading...