เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

รบกวนให้อาจารย์มาช่วยแนะนำวิธีพิชิตรักษาโรคภัยไข้เจ็บก็ดีนะครับ
เราสามารถใส่รหัสป้อนข้อมูลใหม่กับเซลล์ร่างกายได้ด้วย ที่เคยอ่านเจอในหนังสือครับ
มีวิธีสั่งจิตควบคุม น่าจะเป็นประโยชน์มาก_รบกวนอาจารย์อีกแล้วครับ

บางท่านกล่าวว่าโรคบางโรค เช่นโรคมะเร็ง นี่มักเกิดจากแผลเก่าในอดีตชาติอาจเคยถูกทำร้ายเช่น โดนของมีคม โดนกระสุนปึน อะไรพวกนี้มาก่อน เซลล์ร่างกายได้ทำการบันทึกไว้ในโครโมโซม พอจิตออกจากร่างก็เก็บเอารหัสเหล่านั้นไปด้วย และสามารถกลับมาแสดงผลที่บันทึกไว้นั้นได้อีกในภพชาติถัดมาเพื่อย้ำเตือนเหตุนั้นๆ ส่วนโรคอื่นๆคงมีที่มาคล้ายๆแบบนี้เหมือนกัน..มีการบันทึกไว้ในรหัสกรรม เป็นแผล มีตำหนิ มีปานด้วย แม้แต่ลายมือก็เป็นรหัสเฉพาะ ถือกรรม (กำมือ) มาแต่เกิด เรื่องเหล่านี้น่าสนใจครับมีทั้งเรื่องกรรมเก่าและกรรมใหม่เป็นเหตุทั้งนั้น

 

ขอคำแนะนำจากพี่นักเขียน

-เราทุกคนคือจิตวิญญาณ ที่มาหาประสบการณ์ในมิติมนุษย์ ดังนั้ เราทุกคนจึงสามารถติดต่อเชื่อมโยงกับจักรวาล ที่เป็นแหล่งรวมทุกๆอย่างอยู่ในนั้น และนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับการที่อยู่ในมิติมนุษย์ พอจะแนะนำช่องทางได้หรือไม่ครับ

-อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของเราทุกคน ย่อมดำเนินการแต่ละอย่างอยู่ในช่วงนั้นๆ การแก้ไข อดีต และอนาคต ต้องแก้ไขในปัจจุบัน มีวิธีการอย่างไรครับ

-พลังงานของ สิ่งที่เรียกว่า วัตถุมงคล ,เครื่องรางของขลัง มีผลส่งเสริมต่อจิตวิญญาณของเราอย่างไร นำมาใช้ กับไม่นำมาใช้ ต่างกันอย่างไร

-วัตถุประจุพลังงาน ที่เป็นรูปทรง สตาร์เดวิด , รูปทรงดาวห้าแฉก ,เทพีไอซีส
ปิรามิด และที่รูปทรงดวงตาแห่งราห์ มีรูปแบบพลังงานที่น่าสนใจอย่างไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้างครับ

และเราจะสร้างพลังหรือเพิ่มพลัง เพื่อให้เรามีความสมบูรณ์ในด้านต่างๆ ในมิติมนุษย์ และในมิติอื่นๆ ได้อย่างไร

-จิตของเรา กับสิ่งที่เรียกว่า เทวดา พรหม เทพ ต่างกันอย่างไร

รบกวนคุณพี่นักเขียน ช่วยแบ่งปันความรู้มาแนะนำด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ผุดขึ้นมาในสมาธิ พี่นักเขียนไม่ทราบหรอกว่าเป็นสัญญลักษณ์ของใคร แต่รู้ว่า ไม่ใช่วันเกิดของใคร แต่ตรงกันข้าม มันเกี่ยวกับความตาย แต่ก็แปลกที่รู้สึกว่าไม่ใช่ความตายของคนหนึ่งคน และก็ไม่ใช่การตายหมู่ในโศกนาฏกรรม แต่ว่าเศร้าๆบอกไม่ถูก

เมื่อพบพวกเราที่นี่ เหมือนได้พบหน้ากันจริงๆ หลายๆคนเหมือนคนที่เราได้เคยพบคน เคยรูัจักกันมานานแสนนาน

รู้ได้จากประสบการณ์ว่าความรู้สึกนึ้บ่งบอกให้รู้ว่าได้พบกับ "จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์" (อีก)คนหนึ่งแล้ว ซึ่งไม่ได้พบได้ง่ายๆ แต่เมื่อพบแล้ว จะทำให้การเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติความเป็นจริงของจิตวิญญาณขยายตัว เรียนได้เร็ว และได้มาก และพิสูจน์ได้ร่วมกัน

จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ จะเป็นบุคคลที่มักช่วยเราถอดรหัส บางอย่างก็ไม่ได้บอกเราตรงๆ แต่ชี้แนะ หรือกล่าวถึงบางสิ่งบางอย่างที่สะดุดใจเราอย่างลุ่มลึก เรามักจะฝันถึงเขา เขาก็ฝันถึงเรา เรามองผ่านดวงตาของเขา-มองผ่านมุมมอง-อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเขาในความฝัน และบ่อยครั้งเขาก็มองผ่านดวงตาของเรา-ในความฝันของเขาเช่นกัน

เรียกได้ว่า เขาเป็นเรา เราเป็นเขา จะเรียกว่าเอาใจเขามาใส่ใจเราก็ยังน้อยไป เพราะมันเป็นการ "ร่วมรู้สึก" ที่ลุ่มลึกกว่านั้นมาก และการร่วมรู้สึกดังกล่าวนี้ เป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสภายใน หรือประสาทสัมผัสที่หก

ความฝันของพี่นักเขียน กับประสบการณ์ของ คุณ Mead ที่ซ้อนกันคือเกี่ยวกับแมว สุนัข และการคลอดลูกของสัตว์เลี้ยง ตัวเลขที่สำคัญจริงๆคือ เลข 2 เพราะพี่นับลูกแมวได้ 7 คุณ Mead บอกว่า 9 และในความเป็นจริง ลูกหมาตายไป 2 ตัว

เหล่านี้แม้สาระจะไม่ได้ตรงกันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ความสำคัญของสาระอยู่ที่"การร่วมรู้สึก" การเรียนรู้ถึงอารมณ์ผ่านประสบการณ์ในความฝันจากบุคคลต่างร่าง แม้พี่นักเขียนจะไม่ได้เลี้ยงสุนัขอยู่ตอนนี้ แต่ก็เป็นคนรักหมาที่สุด-อยู่เมืองไทย ตั้งแต่เกิดมาจนแต่งงาน-มีครอบครัว ไม่เคยมีช่วงใดในชีวิตที่ไม่มีหมา ที่ไม่เลี้ยงตอนมาอยู่อเมริกานี้ก็เพราะเดินทางบ่อย และทนการพลัดพรากจากหมาสุดรักไม่ค่อยได้ (ฝันถึงหมาทุกตัวที่ตายไป)

ก็ต้องขอร่วมมีความรู้สึกไปกับคุณ Mountain ด้วยอีกครั้งเมื่อได้รับทราบว่า 9 ตุลา หมายถึงอะไร และขอบคุณที่มาช่วยเปิดเผยให้เรียนรู้ว่า พี่นักเขียนรู้เห็นอะไรในระบบเครือข่ายของจิตวิิญญาณ

จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ เมื่อได้มาพบกัน จะสามารถตรวจสอบประสบการณ์ผ่านกันได้เสมอๆ ต่อไปเมือเรารู้จักสัมพันธภาพดังกล่าวนี้ได้ดีขึ้น แม้ประสบการณ์ในชีวิตประจำวันก็ตรวจสอบกันได้ เช่น หากใครอีกคนหนึ่งกำลังทำอะไรอยู่ ได้กลิ่น หรือลิ้มรสอะไร ที่ไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมของอีกคนหนึ่ง แต่อีกคนก็จะพลอยได้กลินหรือลิ้มรสไปด้วย โดยเป้นภาวะที่ผุดขึ้นมาคมชัด ได้ไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมของเรา

เดี๋ยวจะตัดบทไปตอบต่อที่คุณ Mead และคุณ Fidgi ค่ะ ยังมีอีกยาว...

 

ตอนนี้พอจะเริ่มจับเงื่อนงำและสัญญลักษณ์บางอย่างได้แล้วครับ..จับเอาแต่"สาระ"ที่พี่นักเขียนบอกไว้..แปลกดีที่สามารถมีประสบการณ์ทางจิตร่วมกันได้จริงๆ..ทึ่งครับทึ่ง สักพักเดิ๋ยวต้องไปแล้วครับ พรุ่งนี้มาอ่านต่อครับ เผื่อจะฝันอะไรอีกคืนนี้ ขอบคุณครับ


(bb-flower

พี่นักเขียนมีอะไรเกี่ยวกับเลข 95 รึเปล่าครับ?

 

จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์

ฝันถึงคุณ Mead ก็ทำให้หวลคิดถึงหมาทุกตัวที่เคยรักเคยอยู่กับเขามาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าทุกวันนี้ไม่มีหมาอยู่ใกล้ตัว ก็คงได้อาศัยสัมผัสผ่านจิตวิญญาณต่างร่างนี่แหละ ให้ได้รักได้สัมผัสต่อ

จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ ไม่ใช่ว่า "หายาก" เพราะ "มีน้อย" แต่แท้จริงแล้วมีอยู่รอบตัวเรามากมายนับไม่ถ้วน แต่หายากเพราะหากันไม่พบ พบก็ไม่รู้ รู้ก็ยังไม่ยอมรับ เมื่อพบแล้วบ่อยๆ พี่นักเขียนจะบอกกับเขาตรงๆไม่ได้ เพราะเชื่อว่าการรู้แต่ฝ่ายเดียวเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจะยุติธรรมเท่าไรนัก หากไปบอกกับเขาตรงๆ ก็เหมือนกับการทึกทัก และทำให้เกิดวิตกวิจารณ์ที่เกิดประโยชน์อะไร แต่ถ้าหากเราเหมือนไปรู้เขา แล้วเขาก็รู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์ที่มีอยู่ การรู้เห็นสองทางเช่นในกรณ๊ของ คุณ Mountain และ คุณ Mead ก็เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

เมื่ออาทิตย์ก่อนที่คุณ Mead ฝันว่าไปเดินอยู่ริมทะเล และพบกล่องสีขาว ได้ยินเสียงเพลง แล้วเห็นคนตัวเล็กๆพูด

พี่นักเขียนแอบอมยิ้ม เพราะในโลกยามตื่น พี่นักเขียนกำลังจะไป Cancun, Mexico จะเอา iPod (สีขาว) ที่อัด Audio Books ไว้ไปฝังริมทะเล เพื่อเอาไปตรวจทาน และจะพาเพื่อนๆไปนั่งสมาธิกันริมหาด และไปรับพลังที่ Chetchen Itza ซึ่งเป็นปิรามิดเก่าแก่สมัย Mayan

คุณ Mead ล่วงหน้าไปเที่ยว Cancun ก่อนพี่นักเขียนเสียอีก ประสบการณ์ของคุณ Mead ก็เรียกได้ว่า เป็นประสบการณ์ผ่านดวงตา หรือผ่านจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ และเป็นการมองเห็นประสบการณ์ในอนาคต ส่วนประสบการณ์ของพี่นักเขียนกับคุณ Mountain เป็นไปในอดีต และประสบการณ์เกี่ยวกับแมวและคุณ Mead เป็นประสบการณ์ในปัจจุบัน

สัมผัสเหล่านี้อาจดูเสมือนเป็นเรื่องไร้สาระ สำหรับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่มีการร่วมรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือเหตุผลทางกายภาพ แต่ในภาวะจิตแล้ว มันเป็นสิ่งที่ลุ่มลึก

คุณ Mountain มีอารมณ์ที่สัมผัสได้อย่างเป็นธรรมชาติ ก็ต้องยอมรับว่าทำให้ร้องไห้ บางคนเก็บความรู้สึกที่ผุดขึ้นมา แล้วสลัดมันทิ้งไป ทำให้เราไม่สามารถเข้าถึงสาระเหล่านี้ได้ ส่วนคุณ Mead ก็จำความฝันได้ แม้จะบอกกับพี่นักเขียนว่า ความฝันเป็นสาระที่คุณๆผู้หญิงสนใจมากกว่าคุณๆผู้ชาย

เมื่อคืนพี่นักเขียนได้ยินท่านอาจารย์อนาลัยบอกว่า พวกเรากำลังฝึกใช้ประสาทสัมผัสภายในกันอย่างเป็นธรรมชาติ หน้าที่ของพี่นักเขียน ไม่ใช่ครูบาอาจารย์ที่จะมาสอนทุกคนเรื่องนี้ เพราะเราทุกคนมีความสามารถตามธรรมชาติอยู่แล้ว พี่นักเขียนมาทำหน้าที่แนะนำให้พวกเราเอาความสามารถของเราออกมาใช้ พวกเราต้องขยันทำการบ้านด้วยการศึกษาสาระจากหนังสือก่อน แล้วลองฝึกฝน ปฏิบัติด้วยตนเอง พิสูจน์ความเป็นจริงด้วยตนเองก่อน แลัวมาถ่ายทอดแลกเปลี่ยน หรือตรวจสอบกันและกัน

อ้าว ขอตัดไปต่อ ที่คุณ Fidgi อีก take หนึ่งค่ะ

 

​

​

Cancun (เหมือนในฝันมาก มีต้นมะพร้าวเอียงๆด้วย)​

​

iPod (สีขาว) ที่อัด Audio Books​

ทะเลนี้อยู่ประเทศไหนล่ะครับ โชคดีจริงๆที่ผมได้ไปเที่ยวล่วงหน้าด้วย
สามารถเห็นภาพอนาคตของพี่นักเขียนผ่านความฝันได้อีก
แสดงว่าภาพทะเลอยู่ในห้วงความคิดพี่นักเขียนพอดี
แล้วถ้าเกิดพี่ติดธุระไม่ได้ไปในอนาคตล่ะครับ?
แสดงว่าทุกอย่างก็เปลื่ยนแปลงได้ ในปัจจุบันนี่เอง
อนาคตก็คือสิ่งที่ยังมาไม่ถึงในมิติเวลาทางโลก..แต่ก็เป็นไปได้ ถูกมั๊ยครับ!
แต่ในมิติทางจิตวิญญาณ สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นไปแล้ว...​

"อดีต ปัจจุบัน อนาคต เกิดขึ้นพร้อมกันหมด" Get เลยครับ​

 

เป็นแบบฝึกหัดให้เราได้สัมผัสกันแบบจริงจัง
จนแทบไม่น่าเชื่อนะครับ

 

I've read your book (of Nova Analai) and read your idea.
I think it's not the same na. Your don't understand all
of P. Nova Aanalai have told you. So, You try to tell us
that you're student like us.

As your tell us that P. Nova Analai let you to drive us
to practice, you're not a teacher. I think so too.



And I think that there're some reasons that bring
you to do this job.


Maybe it's very near to use mind power!
(Sorry I can't type in Thai, and some incorrect gramma)


Thank...

 

ความงมงาย กับ ความจริงที่พิสูจน์ได้

ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า ข้อมูลความรู้ที่ท่านให้ไม่ใช่ทฤษฎี เพราะทฤษฎีไม่ใช่ความเป็นจริงแต่เป็นเพียงสมมุติฐาน แต่ท่านก็บอกว่า ท่านไม่ได้ขอให้เราเชื่อในสิ่งที่ท่านสอน แต่ขอให้เราทดลอง ฝึกฝน และพิสูจน์ด้วยตนเองก่อนแล้วจึงเชื่อ จากนั้นก็ให้ศรัทธา และท่านก็กล่าวย้ำว่า ที่ให้ศรัทธานั้นคือ ให้ศรัทธาในจิตวิญญาณของตนเอง

ท่านกล่าวไว้ว่า อุปสรรคในการเรียนรู้คือ ความเชื่อในทางที่ผิด ความลังเลสงสัยและไม่แน่ใจ

ความศรัทธาจะเกิดขึ้นก่อนการพิสูจน์ไม่ได้ หากเราศรัทธาในสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ จะเรียกว่าความศรัทธาไม่ได้ หากแต่เป็นความงมงาย

เราลังเลสงสัยก็เพราะเรายังไม่ได้พิสูจน์ การพิสูจน์ที่เป็นวิทยาศาสตร์เป็นการกระทำ 4 ทางคือ:
1. มีผู้กระทำแล้ว และเราไปรู้เห็นหรือสนใจในการกระทำของเขา
2. การสังเกตการกระทำของผู้ที่ทำได้-ปฏิบัติได้ (ต้องรู้จักแยกแยะว่าพบของจริงหรือเพียงแต่ได้ยินเขาสักแต่พูด หรือฟังคนพูดสนับสนุนหลายต่อ แต่ก็เป็นเพียงคำพูดที่"เขาว่า"อยู่ดี ไม่เห็นของจริงสักที)
3. การปฏิบัติ คือนำพฤติกรรมที่ได้สังเกตเห็นนั้นๆมาทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง ซีึ่งจะทำให้เกิดเป็นความคิดขึ้นก่อนในชั้นแรก และอาจจะยังทำไม่ได้อย่างที่เราเห็นมาจากผู้อื่น ข้อนี้ต้องใช้การฝึกฝน และต้องเริ่มต้นด้วยการมีความเชื่อในความสามารถของจิตวิญญาณของตนเอง
4. ทำได้ด้วยตนเอง

เมื่อท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวถึงความเชื่อ และ ศรัทธา บางคนอาจจับประเด็นผิดไปว่า ท่านบอกให้เราเชื่อก่อน ศรัทธาก่อน แต่แท้จริงแล้ว-สิ่งเดียวที่ท่านสอนให้เราเชื่อและศรัทธา คือเชื่อถือและศรัทธาในความสามารถของจิตวิญญาณอันเป็นธรรมชาติของเรา แต่ถึงกระนั้น ท่านก็ไม่ได้บอกให้เราเชื่อและศรัทธาอย่างงมงาย คือเชื่อ+ศรัทธาแล้วก็จบอยู่เพียงแค่เป็นความคิดเท่านั้น

หากแต่ว่าท่านได้ให้บทฝึกฝนมากมายในหนังสือ 10 เล่ม และอื่นๆที่พี่นักเขียนกำลังพยายามรวบรวมออกมากให้พวกเราได้นำมาใช้กัน ท่านให้เราฝึกฝนเพื่อให้เราทำได้จริง แล้วจึงค่อยเชื่อและศรัทธาในคำสอนของท่าน


จุดอ่อนของคนจำนวนมากคือ มักจะชอบตามไปดูผู้ที่ทำได้ แล้วก็พอใจอยู่่เพียงแค่การได้เป็นผู้ตาม และมันก็มักจะเป้นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน เพราะจิตวิญญาณของเราต้องการมากแก่เพียงแค่การเป็นพยานความสามารถของผู้อื่น จิตวิญญาณมาถือกำเนิดเพื่อเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิต ดังนัั้นความสำเร็จที่แท้จริงของจิตวิญญาณและตัวตนทางกายภาพคือ การทำให้สำเร็จได้ด้วยตนเอง

พี่นักเขียนชอบใจที่คุณ Mead เรียกจุดนัดพบของพวกเรา ณ ที่นี้ว่า ห้องวิทย์
เพราะฟังดูเหมือน Lab วิทยาศาสตร์ในโรงเรียนสมัยเด็กๆ ซึ่งพี่นักเขียนคิดว่า พวกเราก็กำลังอยู่ในฐานะนักเรียนที่กำลังเรียนรู้และมาช่วยกันฝึกฝน เพื่อพิสูจน์ความเป็นจริงร่วมกัน ตรวจสอบร่วมกัน

หน้าที่ของพี่นักเขียนก็คงเป็น Lab assistant ที่คอยดูว่าไม่มีใครเอาน้ำเทใส่กรด ให้ระเบิดตูมตามกระมัง แต่หากการทดลองในห้องวิทย์ของพวกเราเกิดได้ Gas ที่เป็นคุณ Mead มนุษย์ต่างดาวขึ้นมา ก็อาจจะได้ปรากฏการณ์แปลกๆให้พวกเราได้ชมกันเป็นขวัญตา

 

การแก้ไขอดีตหรืออนาคต จากปัจจุบัน ทำได้อย่างไร

พี่นักเขียนขอไล่ทีละเรื่องนะคะ น้องคนนี้ช่างซักน่ารัก น่าได้ A+
เรื่องแรกคือ การแก้ไขอดีตหรืออนาคต จากปัจจุบัน ทำได้อย่างไร

เมื่อพูดถึงอดีตกับอนาคต เรามักรู้สึกว่า อดีตผ่านพ้นไปแล้ว และอนาคตเป็นสิ่งที่ไกลเกินเอื้อม เราจึงเชื่อว่า เราทำอะไรกับอดึตและอนาคตไม่ได้ แต่เมื่อเราเผชิญกับโลกแห่งความฝัน ซึ่งจิตวิญญาณอยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา เราพบเห็นและพิสูจน์ได้ไม่มากก็น้อยว่า ความฝันของเรามีทั้งประสบการณ์ในอดีต ที่กลับมาให้เรารู้เห็นในแง่มุมที่แตกต่างไปก็มี และเผชิญกับเหตุการณ์ที่กลายเป็นจริงในอนาคตก็มี

โลกแห่งความฝันจึงเป็นโลกที่ทำให้เราสามารถแก้ไขอดีตหรืออนาคตได้จากปัจจุบัน

แต่การกระทำใดๆในความฝัน ก็ไม่ต่างอะไรกับยามตื่น คือจะเป็นไปได้สมปรารถนาก็ต่อเมื่อเรามีสติสัมปชัญญะที่คมชัด รู้เห็นว่าเราทำอะไร และควบคุมให้เป็นไปได้ตามต้องการ

ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะฝึกฝนให้สติสัมปชัญญะของเราคมชัดทั้งยามตื่น ยามฝัน
อยากเปลี่ยนแปลงอดีต แก้ไขอดีต หรือเปลี่ยนแปลงอนาคต แก้ไขอนาคต ทำได้ในความฝัน ด้วยการตั้งจิตขอเผชิญกับประสบการณ์ที่ต้องการแก้ไข เช่น ต้องการคืนดีกับพี่หรือน้องที่ผิดใจกับมาหลายปี แต่ยามตื่นมองหน้ากันก็ไม่ได้แล้ว เมื่่อมีเจตนาอย่างมุ่งมั่น และมีสติควบคุม เราจะพบว่า จิตวิญญาณจะเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไปสู่สถานการณ์นั้นๆได้จริง และเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้จริง

อย่าท้อหากตั้งจิตแล้วไม่ฝันในคืนนั้นๆทันที อย่าลืมว่าจิตวิญญาณอยู่เหนือกฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา จิตวิญญาณจึงทำงานโดยไม่สนใจกับเวลา อาจเร็วหรือช้าและไม่เป็นลำดับเหมือนสิ่งต่างๆที่ปรากฏในโลกทางกายภาพ คือ การกระทำของจิตวิญญาณอาจเสร็จเรียบร้อยไปแล้วก่อนหน้าที่เราจะคิดว่าต้องการจะทำด้วยซ้ำไป หากจิตเจตนามุ่งมั่น และจดจ่อกับความปรารถนาที่จะแก้ไขอดีตหรืออนาคตจากปัจจุบัน การแก้ไขนั้นๆจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต หรือเกิดไปแล้วในอดีต และเมื่อเรารู้ถึงภาวะอันอยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ของจิตวิญญาณ เราจะตระหนักได้ว่า เราเคยฝัน และแก้ไขอดีตหรือเปลี่ยนแปลงอนาคตเสร็จไปแล้วก่อนหน้าที่จะมาเรียนรู้ยามตืนด้วยซ้ำไป แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นๆไม่ปรากฏในโลกยามตื่นก็เพียงเพราะว่า สติสัมปชัญญะในโลกยามตืนยังไม่รับรู้ถึงการแก้ไขที่ได้กระทำไปแล้วในความฝัน

ต่อเมื่อสติสัมชปัญญะในยามตื่นของตัวตนภายนอก ยอมรับ และเรียนรู้ย้อนหลัง ผลของการแก้อดีตหรืออนาคตจึงจะปรากฏให้เห็นในโลกยามตื่น เพราะเวลาเป็นเครื่องพรางที่ทำให้มันเกิดเป็นลำดับเช่นนั้นให้เราเห็น

สิ่งที่เราต้องการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้เร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับเจตนามุ่งมั่นและการจดจ่อ หากเราตั้งเจตนาแล้วก็เปลี่ยนใจ ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า ความคิดที่ก่อให้เกิดประสบการณ์ทางกายภาพเปรียบเสมือนการแกว่งของลูกตุ้ม การเปลี่ยนความคิดก็เหมือนการไปเปลี่ยนทิศการแกว่งของลูกตุ้ม ซึ่งเมื่อทิศทางการแกว่งถูกเปลี่่ยน มันต้องใช้เวลามากขึ้นที่จะแกว่งในทิศทางใหม่ หากจดจ่อบางอย่างแล้วเปลี่ยนใจอยู่เรื่อย ลูกตุ้มก็แกว่งวนไปมา ไม่ได้ทิศเสียที ทำให้สิ่งที่จะเกิด เกิดล่าช้า แต่เราก็สามารถเปลี่ยนทิศการแกว่งของลูกตุ้มได้เสมอ

ติดตามคำตอบอื่นๆต่อนะคะ พี่นักเขียนจะพยายามช่วยหาคำตอบให้

 

ข้อมูลความรู้ของท่านอาจารย์ กับ ความคิดส่วนบุคคล

คุณน้องพูดถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะที่ว่า "I've read your book (of Nova Analai) and read your idea.I think it's not the same na. Your don't understand all
of P. Nova Aanalai have told you." หรือแปลเป็นไทยว่า "ได้อ่านหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยแล้ว และได้อ่านความคิดเห็นของนักเขียนแล้ว และคิดว่ามันไม่เหมือนกัน นักเขียนไม่ได้้เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านอาจารย์อนาลัยท่านสอน"

คุณน้องพูดถูกแต่จะเพี้ยนก็ตรงตัว P. เพราะไม่รู้ว่าเรียกพี่หรือเรียกท่านอาจารย์กันแน่

พี่นักเขียนมีร่างกายเนื้อหนังอยู่ จะเป็นอะไรได้มากไปกว่านักเรียนละเจ้าคะ เช่นเดียวกับจิตวิญญาณทั้งหลายที่มาถือกำเนิดในโลกมนุษย์ ?

หากคุณน้องได้อ่านหนังสือ หรือ บทความทุกแห่งหนที่พี่เขียนไว้ ก็จะทราบว่า พี่นักเขียนเรียกตัวเองว่า ผู้ทำหน้าที่ล่ามและเลขา ซึ่งตำแหน่งหนัาที่ก็บอกอยู่แล้ว ว่าถ่ายทอดสิ่งที่จดบันทึกมา จากข้อมูลความรู้ที่ไม่ใช่ของตนเอง

จิตวิญญาณในร่างมนุษย์ทุกร่างคือ "ผู้ที่กำลังเรียนรู้"

การตั้งตนเป็นผู้รู้ ผู้ตอบคำถาม จำกัดการพัฒนาของจิตวิญญาณ
(จากหนังสือ โนวา อนาลัย ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ หน้า 12, 13)

แม้ในขณะนี้ พี่นักเขียนก็ยังคงทำหน้าที่เดิมอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง และคิดว่าเป็นบุญที่ได้มาเรียนรู้พร้อมๆกันกับทุกคน เมือคุณ Mead คุณ Mountain หรือ คุณ Stefa Quote ท่านอาจารย์อนาลัย พี่ก็ได้เรียนรู้ไปด้วยเช่นกัน และเมื่อท่านอื่นๆถามคำถาม และท่านอาจารย์ตอบผ่านนักเขียน พี่ก็ได้เรียนรู้เพิ่ม แม้แต่เวลาที่พี่นักเขียนพยายามแนะนำทุกท่าน พี่นักเขียนก็เรียนรู้ไปด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนี้เป็นเหตุให้พี่นักเขียนขอให้ช่วยกันจัดจะรบบ Quote เป็นสีจำเพาะคือสีน้ำตาลกับสีึแดง เพื่อแยกให้ชัดเจนว่า อะไรคือ Quote และอะไรคือความคิดเห็นส่วนบุคคลของพี่นักเขียน หากคุณน้องจะเห็นว่าความคิดเห็นของพี่นักเขียนผิดเพี้ยนไปจากขัอมูลความรู้ที่ืท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ในหนังสือ ก็เป็นไปได้ 2 เหตุคือ :
1. ความเชื่อของพี่นักเขียน ทำให้พี่ตีความหมายบางอย่างจากมุมมองของตนเองซึ่งยังไม่ใช่ความเป็นจริงหรือความรู้ที่แท้จริง ซึ่งทำให้พี่นักเขียนยังต้องเรียนรู้เพิื่อเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ต่อไป
2. ความเชื่อของคุณน้อง ทำให้คุณน้องตีความหมายบางอย่างจากมุมมองของตนเองซึ่งไม่ใช่ความเป็นจริงหรือความรู้ที่แท้จริง ซึ่งทำให้คุณน้องยังต้องเรียนรู้เพิื่อเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ต่อไป

คุณน้องพูดอีกก็ถูกอีกว่า "And I think that there're some reasons that bring
you to do this job."
-มีเหตุผลบางอย่างที่ให้พี่นักเขียนได้มาทำหน้าที่นี้ Duhh!

คุณน้องพูดอีกก็ถูกอีกว่า As your tell us that P. Nova Analai let you to drive us
to practice, you're not a teacher. I think so too.
- ท่านอาจารย์อนาลัย ปรารถนาให้พี่นักเขียนมาแนะนำมากกว่านะคะไม่ใช่คำว่า drive ซึ่งแปลว่า -ผลักดัน ให้ทุกท่านฝึกปฏิบัติ และพี่นักเขียนก็ไม่ใช่ครู ไม่มีใครผลักดันใครได้ เพราะทุกคนมีอำนาจที่จะเลือกทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตนเอง

เรา Quote กัน และแยกสีเพื่อให้รู้ว่าอะไรคือคำกล่าวของครูบาอาจารย์ และอะไรคือความเห็นส่วนบุคคล หรือความคิดเห็นส่วนตัวของพี่่นักเขียน

Maybe it's very near to use mind power!
เข้าใจว่าคุณน้องหมายความว่า ใกล้จะถึงเวลาแล้วที่ควรจะใช้พลังจิต

พี่นักเขียนคิดว่า เราได้ใช้พลังจิตกันมาชั่วกัปชั่วกัลป์แล้ว แต่เราใช้โดยไม่รู้ตัวว่ามี และใช้โดยไม่รู้ว่าใช้-อย่างไร มาถึงจุดนี้ที่ท่านอาจารย์อนาลัยได้ให้ข้อมูลความรู้แก่เรา เราควรจะตระหนักว่า เรามีพลังจิตหรือพลังอำนาจตามธรรมชาติของจิตวิญญาณอยู่ในร่างกายเนื้อหนังของเราอย่างเป็นธรรมชาติ

ห้องวิทย์ฯ แห่งนี้จึงเป็นจุดนัดพบที่เราจะมาศึกษาและฝึกปฏิบัติร่วมกัน เพื่อที่จะได้มีโอกาสพิสูจน์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์กันต่อไป

 

เลขที่ 95 คือบ้านเลขที่ที่เมืองไทยของพี่นักเขียนเองค่ะ
วิ๊งๆ สุดยอดของก๊าซไวไฟ

 

Cancun ฟ้าใส ทะเลสวย

ทะเลที่่ว่าอยู่ที่ Cancun ประเทศ Mexico ค่ะ พี่ยังไม่เคยไปที่จุดนี้ ยังไม่เปลี่ยนใจค่ะ จะไปให้ได้ จะไปถ่ายรูปมาฝากว่าใกล้เคียงกับที่คุณ Mead ไปเห็นมาหรือไม่ จะได้ตรวจสอบกัน

iPod อันนี้ใหญ่กว่า iPod Nano ของพี่ ยืมหน่อยนะ ถ้่าจะจุดี มี charger กับ Batt สำรองให้อีกด้วยแน่ะ รอบคอบดีจัง

คุณ Mead พูดถึงอีกนั่นแหละว่าอนาคตเปลี่ยนแปลงได้เสมอ

ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ ณ จุดผกผันแห่งความคิด

 

Nowaday, many people think that it's very hard to do
a mind meditation. As so long I try to do as Professor
Nova Analai introduce, I found that it's very easy!


Now I feel like to dream everyday.
It's help me relax all my mind inbalance.
I feel like I found an easy happyness with no need to pay!



So, as the way to dream as you introduce,
it's a fantastic happiness and natural relaxation!

 

Enjoy your dreams and meditation, handsome.
ฝันให้สนุก ทำสมาธิให้สำราญนะคะคุณน้องรูปหล่อ

 

ขอคำแนะนำจากพี่นักเขียนครับ

-เราคือจิตวิญญาณ ที่มาเรียนรู้ในมิติมนุษย์ จิตวิญญาณแต่ละคน ย่อมต้องมีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปในรูปแบบต่างๆ มากมายมหาศาล
และในแต่ละรูปแบบ ก็ต้องมีการกระทำ ที่เรียกว่า บุญ และบาป และไม่เป็นบุญและไม่เป็นบาป

อยากถามเฉพาะ ในส่วนที่เรียกว่า บุญ ที่แต่ละจิตวิญญาณได้ทำมานั้น
มีวิธีใดที่จะรวบรวม บุญ ทั้งหลาย ทั้งหมด ทั้งมวล ที่ได้เคยทำมาให้มารวมกัน เป็นแหล่งพลังงาน ของตนเองในขณะนี้ เพื่อนำพลังงานบุญนี้ มาใช้ประโยชน์ในมิติมนุษย์ ของจิตวิญญาณแต่ละคน เพื่อให้เกิดความสมปรารถนาในความต้องการ

รบกวนช่วยชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

ท่านๆทั้งหลายที่ฝันเห็นพี่นักเขียน บอกเล่ากันหน่อยสิครับว่าพี่เขามีรูปพรรณสมมุติเป็นอย่างไรบ้าง ผมนึกไม่ออก ......ได้แต่นึกถึงรูปสาวหน้าปกเล่ม "ธรรมชาติของชาติภพ" ไปพลางๆ ^__^

 

เอ่อ ผมลองอ่านหนังสือเล่ม "ชีวิตนอกเหนือชาติภพ" ได้สิบสองบทพบว่า มีการพิมพ์ตกหล่น(ตัวสระ)หรือพิมพ์เกิน(เช่นตัว ก.) ประมาณ 3 จุด ครับ ถ้าจะพิมพ์ในครั้งที่สอง ผมว่าควรจะแก้ไขก่อนนะครับ เพื่อให้หนังสือสมบรูณ์โดยไม่มีที่ติยิ่งขึ้น

 

วันนี้ได้ซื้อหนังสือ "โนวา อนาลัย ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ" ไม่ทราบว่าเนื้อหาจะเหมือนกับหนังสือเล่มเล็กๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า

แล้วขอถามอย่างนึงนะครับ การฝันไปยังอดีตเพื่อแก้ไขอดีต จะเหมือนหรือคล้ายกับ การสะกดจิตย้อนอดีตไปยังช่วงที่เป็นสาเหตุเพื่อแก้ไขอาการทางจิตหรือเปล่า เช่น แก้อาการกลัวโดยการสะกดจิตย้อนไปยังช่วงที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการกลัวเพื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง หรือเปล่า?