+ ล้างพิษตับ +

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย พนมกุเลน, 4 สิงหาคม 2012.

  1. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ล้างพิษตับ” หลักสูตรสำหรับคนหมดกรรม จากสันติอโศก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left></TD><TD class=date vAlign=middle align=left></TD><TD vAlign=middle align=left>



    http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000095477
    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD>

    [​IMG]<?xml:namespace prefix = fb ns = "http://ogp.me/ns/fb#" /><fb:like class=" fb_edge_widget_with_comment fb_iframe_widget" href="=http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrshort.aspx?NewsID=9550000095477" send="true" width="450" show_faces="false"></fb:like>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>
    โดย : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    ชุมชนอโศกนอกจากจะเป็นชุมชนที่ถือศีลและปฏิบัติธรรมแล้ว ยังเสียสละช่วยเหลือไม่เพียงประเทศชาติอีกด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นที่พึ่งพาของชุมชนใกล้เคียงในทุกพื้นที่ซึ่งชาวสันติอโศกไปอาศัยอยู่ โดยเฉพาะการรักษาพยาบาลผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยได้ด้วย

    ชาวสันติอโศกทานอาหารมังสวิรัติ ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่คิดค้นเอง ปลูกพืชผักไร้สารพิษด้วยตนเอง อีกทั้ง ยังมีบุคลากรที่มีการศึกษาทางด้านแพทย์ทางเลือกหลายสาขา ที่เน้นการพึ่งพาตนเองไม่ยอมตกเป็นทาสเคมีของทุนยาข้ามชาติ

    และชาวสันติอโศกยังมี “ตลาดปัญญา”ที่จะเป็นเวทีเปิดกว้างให้นักธรรมชาติบำบัด ได้มีแลกเปลี่ยนข้อมูลเพิ่มพูนปัญญาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ชาวสันติอโศก เป็นชุมชนอีกแห่งหนึ่ง ที่กลายเป็นศูนย์กลางความก้าวหน้าในด้านแพทย์ทางเลือก มากที่สุดของประเทศไทยและของโลกไปแล้ว

    ผมเป็นคนหนึ่งที่พึ่งพายาเคมีมาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะโรคหวัด โรคภูมิแพ้ ที่มักจะต้องทานยาแก้ไข ยาลดน้ำมูก ยากแก้อักเสบเจ็บคอ ยาแก้แพ้ ยาแก้หอบหืด ฯลฯ พออายุมากขึ้นก็จะมีโรคปวดหัวไมเกรน พอเวลาผ่านไปหลายปีสุขภาพก็จะเริ่มมีปัญหาทั้งน้ำตาลในเลือดสูง คลอเรสเตอรอลสูง ไตรกลีเซอไรด์สูง ฯ

    การได้รู้จักชาวสันติอโศก ทำให้ผมได้ความรู้ใหม่ว่าเราอาจเดินผิดทางในแนวทางการักษาโรคมาตั้งแต่เด็ก เพราะยาเคมีตัวหนึ่งจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงเป็นโรคใหม่ทำให้เราต้องกินยาอีกตัวหนึ่งไปเรื่อยๆจนยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งกินยาเคมีมากขึ้นจนเต็มกำมือที่ผมเรียกขนานนามว่าเป็นกลุ่ม “ยาลูกโซ่”ที่สร้างความร่ำรวยให้กับบริษัทยาข้ามชาติอย่างมหาศาล

    ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันผมเริ่มเข้าสู่แนวทางธรรมชาติบำบัดและค้นพบว่า โรคหวัดและยาแก้แพ้ที่เคยต้องกินยาในกลุ่มยาแก้หวัดยาแก้อักเสบเป็นอาทิตย์ก็สามารถทำให้หายได้ภายใน 1 วันครึ่งทุกครั้งหลังใช้แนวทางธรรมชาติบำบัดโดยไม่ต้องใช้ยาเคมีเลย

    อีกทั้ง ยังส่งผลทำให้โรคหอบหืดหายไปด้วย และเมื่อลดยาเคมีลงและควบคุมอาหารใหม่จึงทำให้โรคไมเกรนหายไป และเมื่อถึงขั้นไม่ต้องใช้ยาเคมีหรือยาสมุนไพรเลย จึงส่งผลทำให้ผลเลือดเปลี่ยนใหม่กลับมาเป็นปกติทั้งหมด ทำให้ผมได้คิดว่าคนทั้งโลกอาจถูกหลอกให้กลายเป็นทาสทุนบรรษัทยาจำนวนมากเพราะ“ความไม่รู้”

    [​IMG]


    นอกจาก “หมอเขียว” หรือ นายใจเพชร กล้าจน ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันพอสมควรในการใช้ธรรมชาติบำบัดตามแพทย์วิถีพุทธแล้ว ยังมีครูภูมิปัญญาไทยที่เก่งระดับปรมาจารย์อีกหลายคนในสันติอโศก เช่น นายแก่นฟ้า แสนเมือง, นางขวัญดิน สิงห์คำ, หมอปาน, หมอณา ฯ

    แต่ชั่วโมงนี้ “หลักสูตร ล้างพิษตับ” กำลังเป็นภารกิจอันหนักอึ้งของชาวสันติอโศก ที่ในทุกๆเดือนจะมีคนเข้ามาล้างพิษตับเป็นจำนวนมาก ทั้งในโรงเรียนผู้นำและสถานปฏิบัติธรรมของชาวสันติอโศก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

    แต่ในช่วงหลังๆ หลักสูตรนี้ได้ขยายไปไกลมากขึ้นจนประชาชนทั่วไป โรงพยาบาลบางแห่ง และรวมถึงชาวต่างชาติที่ต่างเข้ามาล้างพิษตับจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ได้รู้ว่า “หลักสูตร ล้างพิษตับ”ของชาวสันติอโศกกำลังสร้างชื่อให้กับประเทศไทยไปในระดับโลกแล้ว

    หลักสูตรนี้เกิดขึ้นมาจาก นายแก่นฟ้า แสนเมือง ชาวสันติอโศกที่เป็นโรคไวรัสตับบี ซึ่งแพทย์แผนปัจจุบันบอกนายแก่นฟ้าว่าไม่สามารถจะรักษาหายได้ตลอดชีวิต และคาดว่าจะทรุดตัวลงและเสียชีวิตในที่สุด เพื่อให้ตัวเองสามารถเอาชีวิตรอดได้ นายแก่นฟ้า

    จึงได้ค้นคว้าและใช้ตัวเองทดลองหลายอย่าง จนในที่สุดก็ได้คิดค้นสูตรการล้างพิษลำไส้ได้ก่อน แล้วจึงนำมาสู่การล้างพิษออกมาจากตับ ผลปรากฏว่านายแก่นฟ้าสามารถหายป่วยจากโรคไวรัสตับบีได้ และยังได้ปรับหลักสูตรกับครูภูมิปัญญาไทยอีกหลายคน จนกระทั่ง กลายเป็นหลักสูตรที่มีประสิทธิภาพสูงจนถึงทุกวันนี้

    การที่ตับฟื้นตัวนี้เอง ทำให้นายแก่นฟ้า แสนเมือง นอกจากจะหลายจากโรคไวรัสตับบีแล้ว ยังทำให้นายแก่นฟ้าดูหนุ่มขึ้นไปจากช่วงเวลาที่ป่วยอย่างมาก

    ตับ ตั้งอยู่ช่องท้องใต้ชายโครงขวา หนัก 1.3-3 กิโลกรัม ทำหน้าที่ในร่างกาย 40 อย่าง และมีหน้าที่ย่อย 500 อย่าง และแน่นอนว่าสารพิษ อาหารที่เป็นพิษ ไขมัน ก็สะสมอยู่ในตับจำนวนมาก ดังนั้นหากสามารถล้างพิษออกมาจากตับได้ ตับก็จะมีหน้าที่ในการดูแลหรือสะสมพิษที่ยังคงค้างในร่างกายส่วนอื่นๆของเราได้มากขึ้นอีก

    ด้วยเหตุผลนี้ “คุณกอบ” ประชาชนคนหนึ่ง ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จึงเดิมป่วยจากโรคที่ทุกข์ทรมานมาหลายปี เดิมมีซีดในมดลูกหลายจุด, มีก้อนเนื้องอกขนาด 5 เซนติเมตรในมดลูก ก้อนเนื้อเหล่านี้ได้หายไปด้วยวิธีการล้างพิษตับของชาวสันติอโศกสักระยะหนึ่ง จนเกิดศรัทธาทำให้คุณกอบไปสร้างเป็นศูนย์ล้างพิษตับอยู่ที่เกาะสมุยช่วยเหลือคนอื่นต่อๆไปได้อีกในวันนี้

    บางคนมีกำหนดการที่ต้องไปผ่าตัดกับแพทย์แผนปัจจุบันเพื่อเอานิ่วออกจากถุงน้ำดี แต่เมื่อเข้าหลักสูตรล้างพิษตับที่เกาะสมุยแล้ว นิ่วก็ออกมาระหว่างการล้างพิษตับได้ และเมื่อกลับไปตรวจกับแพทย์แผนปัจจุบันก็พบว่าไม่พบนิ่วในถุงน้ำดีเหล่านั้นอีก

    อันที่จริงการล้างพิษตับสามารถทำเองที่บ้านได้ แต่ก็ไม่แนะนำสำหรับคนที่ไม่เคยเข้าหลักสูตรมาก่อน เพราะบางคนที่มีอาการป่วยอยู่แล้วอาจจะต้องการคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ เพราะอาจมีอาการข้างเคียงที่ต้องการการช่วยเหลือในระหว่างการล้างพิษตับ เช่นการกดจุดคลายเส้นในระหว่างการล้างพิษตับ

    [​IMG]

    หลักคิดของการล้างพิษตับคือ

    1.หยุดการย่อยอาหารเพื่อให้กลไกในร่างกายพักจากการใช้พลังงานเพื่อการย่อยเพื่อใช้พลังงานมาขับพิษออกจากร่างกายอย่างเดียว

    2.ล้างพิษดีท็อกซ์ออกจากลำไส้ให้สะอาดก่อน จนไม่มีอะไรออกมาแล้ว

    3.หลังจากนั้นดื่มน้ำมะกอกและน้ำมะนาวคืนสุดท้ายแล้วดึงพิษในตับและถุงน้ำดีออกผ่านการดีท็อกซ์เช่นกัน

    สำหรับคนที่สนใจว่าล้างพิษตับเขาทำกันอย่างไร จึงขอเผยแพร่หลักสูตรการล้างพิษตับ สูตรสั้น ของ อ.ขวัญดิน สิงห์คำ ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่บุกเบิกหลักสูตรนี้มาคู่กับ นายแก่นฟ้า แสนเมือง ดังนี้

    การเตรียมตัว ก่อนล้างพิษตับต้องทำร่างกายให้แข็งแรง จิตใจต้องพร้อมเต็มที่

    วันที่ 1
    15.00 น. งดอาหารทุกชนิด

    20.00 น. ทานยาถ่าย หรือน้ำมะขาม

    วันที่ 2
    05.00 น. ตื่นนอน ทำธุระส่วนตัว และทำดีท็อกซ์

    05.30 น. ออกกำลังกายตามที่ชอบหรือถนัด

    06.00 น. ดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำสมุนไพร

    07.00 น. เวลาหิวให้ดื่มน้ำต่อไปนี้(เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งหมดก็ได้)

    1. น้ำแอปเปิ้ล 100% หรือน้ำปั่นแยกน้ำกาก หรือ

    2. น้ำสัปประรด ปั่นน้ำแยกกาก หรือ

    3. น้ำมะละกอดิบ+ห่าม หรือปั่นแยกน้ำแยกกากหรือ

    4. น้ำมะขาม+ น้ำผึ้ง+น้ำหมักผลไม้ หรือ

    5. น้ำอ้อยสด + มะนาว

    15.00 น. หยุดน้ำผลไม้ทุกชนิด ยกเว้นน้ำเปล่า

    17.00 น. ดีท็อกซ์

    18.00 น. ดื่มดีเกลือ 1 ช้อนชา ต่อน้ำ ครึ่งแก้ว

    20.00 น. ดื่มดีเกลือ 1 ช้อนชา ต่อน้ำ ครึ่งแก้ว

    22.00 น. ดื่มน้ำมะนาวและน้ำมันมะกอกบีบเย็น (Extra Virgin) ในอัตราส่วนดังนี้

    1. น้ำมะนาว 150 ซีซี

    2. น้ำมันมะกอก 150 ซีซี

    บรรจุข้อ 1+2 ในขวดแก้ว เขย่าให้เข้ากัน ดื่มทันที ไม่ให้เกิดเวลา 22.15 น.

    หลังดื่มน้ำมันมะกอกและน้ำมะนาว ให้ปฏิบัติดังนี้

    1. นอนตะแคงขวา หรือนอนหงาย
    2. ถ้ากลัวอาเจียนให้ประคับประคองให้ผ่านเลย 02.00 น. หรืออาจใช้ถุงน้ำร้อนประคบที่ท้องช่วย (เพราะถ้าผ่านไปแล้วน้ำมันมะกอกและน้ำมะนาวจะลงถึงตับแล้วแต่ถ้าอาเจียนก่อนอาจต้องเริ่มต้นใหม่หมด)

    วันที่ 3
    06.00 น. ตื่นนอนและทำธุระส่วนตัว

    07.00 น. ทำงานปกติ

    10.30 น. ทำดีท็อกซ์ เก็บพิษทั้งหมดไว้ ตั้งแต่ 02.00 น.หรือถ่ายเองและรวมกับดีท็อกซ์

    [​IMG]

    พิษที่ออกจากตับ ตับอ่อน และถุงน้ำดีมีลักษณะดังนี้

    1. สิ่งที่ลอยอยู่ข้างบนคือ ไขมันจากตับและนิ่วจากถุงน้ำดี ไขมันจากตับจะมีสีเหลือง สีเขียว สีดำ ก้อนขุรขระ หรือเป็นน้ำสีดำ สีเหลือง สีเทา มันติดมือล้างไม่ออก ต้องใช้น้ำยาล้างจาน หรือสบู่หลายครั้ง โดยลักษณะนิ่วจากถุงน้ำดีจะมีสีเขียว เหลือง ดำ ก้อนค่อนข้างกลม

    2. ลอยอยู่ตรงกลาง จะเป็นเซลล์มะเร็งมีลักษณะเหมือนเห็ดหูหนูขาว

    3. อยู่ล่างสุดคือเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ

    อาการหลังล้างพิษ จะรู้สึกอ่อนเพลีย อย่าตกใจเป็นอาการปกติ ให้รับประทานอาหารอ่อนๆ 3 วัน หลังจากนั้นค่อยรับประทานอาหารตามปกติ และทำดีท็อกซ์ เช้า-เย็น อีก 7 วัน ต่อเนื่อง

    โดยสูตรนั้นนี้สามารถทำได้ 1 ครั้งต่อ 2 สัปดาห์ ไม่ควรเกินนี้ และควรเลือกทำการอดล้างพิษใน 2 ช่วง คือ วันที่มีข้างขึ้น 11-15 ค่ำ วันที่มีข้างแรม 11-15 ค่ำ

    หากท่านใดเห็นว่าหลักสูตรนี้เป็นประโยชน์ก็ช่วยกันเผยแพร่ต่อๆไปให้กว้างขวางมากขึ้น ถึงเป็นการทำบุญช่วยรักษาชีวิตและสุขภาพของคนไทย ให้รอดพ้นจากความจน 2 ประการคือ “จนเงิน” เพราะหมดเงินหมดตัวกับค่ารักษาพยาบาล หรือ “จนมุม”เพราะไม่รู้ว่าจะรักษาอย่างไรให้หายจากความเจ็บป่วยนั้นได้แล้ว

    “อโรคยา ปรมาลาภา” ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ

    [​IMG]



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. ปู นครนายก

    ปู นครนายก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2007
    โพสต์:
    357
    ค่าพลัง:
    +530
    ขอบคุณครับ
     
  3. baimaingam

    baimaingam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    634
    ค่าพลัง:
    +880
    ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ
    ...หันหลังคืนฝั่ง พ้นจากทะเลทุกข์...
     
  4. poring

    poring สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +23
    อ่านดูละคงทรมานน่าดู
     
  5. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,030
    กราบโมทนา สาธุ ท่านผู้มีใจบุญใจกุศล เสียสละเวลาหาบทความ นำบทความที่ดี มีประโยชน์ ให้ผู้อ่านได้ศึกษา อันก่อให้เกิดปัญญาในการพิจารณา เมื่อปัญญาพิจารณาแล้ว จิตจะเป็นผู้กำหนด เป็นผู้เลือกความถูกต้อง ถือว่าเป็น จาคะ คือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน อีกทั้ง ถือว่าการให้นั้น เป็นธรรมทาน เป็นบุญใหญ่ สมดั่งพระธรรมคำสั่งสอนของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตอบปัญหาท้าวสักกะผู้เป็นจอมเทพยดา ปรากฏใน ตัณหาวรรค ธรรมบท ว่า “การให้ธรรมทาน ชนะการให้ทั้งปวง ผู้ใดให้ธรรมเป็นทาน ผู้นั้นชื่อว่าให้พระนิพพานแก่คนทั้งหลาย“ ขอโมทนาสาธุ
     
  6. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ทั้งหมดทั้งมวล ก็เพราะรู้อะไรที่เป็นประโยชน์แล้ว ไม่อยากเก็บไว้คนเดียว อยากให้คนอื่นๆ เขาได้รู้ด้วย อย่างน้อย เขาจะได้เอาไปช่วยเหลือตัวเอง รึเอาไปขยายต่อ นั่นจะยิ่งดี

    เดี๋ยวจะพิมพ์เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับสุขภาพอีกเรื่อง เอามาจากหนังสือ หน้าตาบ่งบอกชีวี ที่สำนักพิมพ์ฟ้าอภัยของชาวอโศก เขาจัดทำกันขึ้น
     
  7. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    "ชีวีเสื่อม"

    เหตุปัจจัยแห่งความเสื่อมของชีวิตคนเราในปัจจุบัน คือ

    1.ความเร่งรีบ
    2.อาหารปนเปื้อนสารเคมี
    3.การพักผ่อนไม่เป็นไปตามความต้องการของธรรมชาติ

    [​IMG]

    เหตุปัจจัยที่เป็นอยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    1.ที่ตั้งของประเทศไทย เป็นบริเวณลุ่มน้ำปากอ่าว จะเห็นได้ว่า คนไทยมีความอ่อนแอเกี่ยวกับโรคตับ ทางเดินอาหาร เนื่องมาจากบริเวณลุ่มน้ำที่มีความชื้นสูง เป็นสถานที่มีเชื้อราและแบคทีเรียเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

    นอกจากนี้ เชื้อโรคกลุ่มต่างๆ ที่ไหลมารวมกัน และอีกหลายปัจจัย ที่ทำให้เราต้องเผชิญหน้ากับเชื้อโรคต่างๆ เหล่านั้น เพราะในอดีต พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าสีเขียว จึงปรับความรุนแรงของเชื้อโรคได้ระดับหนึ่ง

    ในขณะเดียวกัน ร่างกายของคนเราได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ ปอดจะสะอาด ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าปัจจุบัน ยกเว้นการระบาดของเชื้อโรคบางชนิด เช่น อหิวาต์ ในสมัยโบราณจะรุนแรงมาก เพราะเราอยู่แถบลุ่มน้ำ จากความอ่อนแอดังกล่าว จึงทำให้คนไทยส่วนใหญ่ ตับอ่อนแอ
     
  8. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    2.ผลต่อเนื่อง สังคมมีการพัฒนา เพื่อให้ได้เปรียบทางการค้า และมาตรฐานความเป็นอยู่ ซึ่งเรายึดหลักที่จะต้องมีทรัพย์สินเพิ่ม มีเงินออมมาก ต้องกินเนื้อสัตว์มากกว่าพืชผักผลไม้ ดังเช่นสมัยก่อน อาหารของคนไทยส่วนใหญ่ จะเป็นข้าว น้ำพริก ผักจิ้ม

    [​IMG]

    เมื่อวิวัฒนาการ การยกระดับฐานะเปลี่ยนไป อาหารกลายไปเป็นเนื้อสัตว์ เช่น หมู วัว เป็ด ไก่ ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ยารักษาสัตว์ ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต เพื่อให้ต้นทุนการผลิตถูกที่สุด

    เนื่องจากการเลี้ยงสัตว์ ในขบวนการทางอุตสาหกรรม ต้องได้จำนวนมากในพื้นที่จำกัด ทำให้อารมณ์ของสัตว์รุนแรง หลั่งฮออร์โมนมากกว่าปกติ ในทำนองเดียวกัน การผลิตพืชผักผลไม้ในปัจจุบัน ก็ต้องเร่งดอกผล และรากที่ไม่ได้เกิดจากสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ

    ฉะนั้น รสชาติของพืชผักผลไม้ จึงเปลี่ยนไปจากธรรมชาติดั้งเดิม เมื่อคนกินอาหารเหล่านี้เข้าไป จึงกลายเป็นมนุษย์ที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรง จะเห็นได้ชัด ในเด็กเล็กในยุคปัจจุบัน กิจกรรมของชีวิต ต้องโลดโผนรุนแรง การทำให้คนสุภาพอ่อนโยน กลับถือว่าเป็นเรื่องเชย

    แต่หารู้ไม่ว่า วิวัฒนาการในการพึ่งพายานพาหนะตลอดเวลา ทำให้คนขาดการออกกำลังกาย ขาดออกซิเจนขณะที่อยู่ภายในรถ เลือดหมุนเวียนช้าลง ทำให้ร่างกายมีปริมาณของเสียตกค้างอยู่มาก และไหลเวียนกลับไป ทำให้อวัยวะต่างๆ เสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว

    อาการที่เห็นได้ชัดคือ ร่างกายอ่อนเพลีย ตาลาย เบื่ออาหาร ชอบอาหารที่มีสารกระตุ้น เช่น คาเฟอีน และอื่นๆ

    [​IMG]
     
  9. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    [​IMG]

    มนุษย์ทุกวันนี้ ต้องผจญอยู่กับคลื่นในบรรยากาศมากมาย คลื่นต่างๆ ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารนี้ เป็นสาเหตุให้ร่างกายเราอ่อนแอ

    เคยเฉลียวใจหรือไม่ เวลาพูดโทรศัพท์นานๆ มือชา ใช้คอมพิวเตอร์นานๆ จะวิงเวียนศีรษะ เบื่ออาหาร ตาลาย ขึ้นเครื่องบิน เดินทางด้วยรถยนต์จะอ่อนเพลีย ดุโทรทัศน์นานๆ จะรู้สึกหิว ง่วงนอน ปวดกระบอกตา

    ทั้งหมดนี้ มีผลทำให้โลหิตหมุนเวียนช้าลง ร่างกายตกอยู่ภายใต้ภาวะของการสูญเสียเม็ดเลือด และเมื่อร่างกาย อยู่ในสภาวะดังกล่าวเป็นเวลานานๆ บ่อยๆ ก็จะเกิดตะกอนของเซลที่ตายแล้ว ตกค้างอยู่ในร่างกาย และพัฒนาเป็นเซลมะเร็งในที่สุด

    บางคนชีวิตความเป็นอยู่ ค่อนข้างจะไม่มีระบบที่ถูกต้อง ก่อนที่ร่างกายจะแสดงอาการของมะเร็ง เขาจะอ่อนเพลียง่าย ผิวพรรณคล้ำหรือหยาบกร้าน มีรอยเหี่ยวย่นเกินอายุจริง ท้องอืดบ่อย วิงเวียนศีรษะ เป็นลมง่าย เพราะปริมาณของเม็ดเลือดน้อย

    เมื่อตรวจสุขภาพในระยะนั้น จะไม่พบอาการบกพร่องใดๆ เลย แต่หากยังไม่ใส่ใจ เรื่องที่ต้องระวัง และอาจเกิดได้ตลอดเวลา คือ หลอดเลือดหัวใจตีบ หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน มีอาการเจ็บเสียดแน่นหน้าอก วิงเวียนหน้ามืด จนถึงขั้นช็อค และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
     
  10. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ร่างกายมนุาย์ มีกลไกฟื้นฟู และบำบัดตัวเองได้อย่างวิเศษสุด เพียงแต่เจ้าของร่างกาย ควรจะสนับสนุนกลไกการบำบัด ด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่

    [​IMG]

    1.ควบคุมอาหาร
    2.อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี
    3.ควบคุมอารมณ์ให้ได้ รวมถึง ควรนอนไม่เกิน 3 ทุ่ม และถ่ายให้ได้ทุกวันก่อน 7 โมงเช้า

    ประสิทธิภาพจึงขึ้นอยู่กับตัวเองว่า จะสามารถรักษากายและจิตได้แค่ไหน เพราะขณะที่รู้สึกเครียด โกรธ โมโห หงุดหงิด เร่งรีบ กลัว หลง โลภฯ สิ่งที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย คือ

    ฮอร์โมน อดรีนาลีนจะหลั่งมาก จะเกิดภาวะความเป็นกรดสูงในกระแสเลือด เลือดจะข้นขึ้น ความดันเลือดสูง กระบวนการเผาผลาญในร่างกายจะเกิดมากขึ้น กระบวนการทางเคมีเกิดขึ้นมากมายแต่ไม่สมดุล เกิดเซลตายเป็นจำนวนมาก

    ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการ และโรคต่างๆ เช่น สารพัดปวด เนื้องอก มะเร็ง ภูมิแพ้ ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องผูก หอบหืด ดรคกระเพาะ โรคลำไส้ โรคไต ผมหงอกก่อนวัย กระดูกผุ ปวดประจำเดือน ความดันโลหิตสูง อัมพฤกษ์ อัมพาต ต้อ ท่อน้ำตาตีบ ตาพร่าฯ
     
  11. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ตอนต่อไป "โรงงานวิเศษ" โปรดรอหน่อย

    [​IMG]
     
  12. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    "โรงงานวิเศษ"

    ขอเชิญท่านไปดูโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งทันสมัยที่สุดในโลก มีพื้นที่ 125 ไร่ ติดตั้งเครื่องปฏิกรพลังงาน และแยกจำแนกประเภทอาหาร สารพิาและมลภาวะต่างๆ ปฏิกรผลิตสารอาหาร ผลิตเคมี เอนไซม์สารละลายไขมัน สารละลายพิษ ฟอกชำระพิษ ฟอกชำระกรดและด่าง ให้แปรสภาพมีฤทธิ์เป็นกลาง

    มีสมรรถนะเกี่ยวกับกระบวนการคำสั่ง ได้ 4,000 ล้านปรัศนีต่อ 1 วินาที และใช้พนักงานควบคุมการปฏิบัติการเพียงคนเดียว ทำงานโดยอัตโนมัติตลอดเวลา ไม่มีหยุดพักซ่อมบำรุงเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ และไม่ต้องอาศัยไฟฟ้าหรือพลังงานใดๆ ภายนอก

    โรงงานดังกล่าว ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับ การปฏิสนธิของเซลปฐมสมภพหน่วยแรกของเรา ตั้งอยู่ในตับของเรานั่นเอง และเราเป็นพนักงานควบคุมโรงงานนี้โดยเอกเทศ เป็นโรงงานซึ่งทำงานต่อเนื่อง ไม่หยุดยั้งตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวันตลอดสัปดาห์ ตลอดเดือน ตลอดปี ตลอดชาติ โดยไม่หยุดแม้แต่วินาทีเดียว

    เมื่อใดที่เรากินอาหารลงสู่กระเพาะ ยีนซึ่งควบคุมกองบัญชาการอยู่ในเซลของเราทุกหน่วย จะทำหน้าที่ตรวจสอบบงการ ออกคำสั่งให้ตับดำเนินการผลิตกรดเกลือ จ่ายไปหลั่งในกระเพาะอาหาร เป็นน้ำย่อยอาหารควบกันไป

    ตับต้องผลิตน้ำดี จ่ายไปหล่อลื่นเป็นเมือกในลำไส้เล็ก เพื่อให้อาหารที่ย่อยแล้ว เคลื่อนไปในระบบดูดซับสารอาหาร เพื่อจ่ายเข้าในวงจรกระแสโลหิต เมื่ออาหารในกระเพาะย่อยเสร็จแล้ว ยีนก็สั่งให้ลำเลียงอาหารดิบ ที่ย่อยแล้วนั้นมายังตับ ซึ่งเป็นคลังใหญ่เก็บรักษาสารอาหารไว้ทั้งหมด โดยจำแนกไว้เป็นหมวดหมู่ตามกลุ่ม และแยกสารพิษมลภาวะเป็นประเภทอิสระ คือ

    1. กลุ่มคาร์โบไฮเดรต
    2. กลุ่มโปรตีน
    3. กลุ่มไขมัน
    4. กลุ่มแร่ธาตุ
    5. กลุ่มสารพิษ สำหรับกลุ่มนี้ จะแยกไว้ฟอกชำระปรับสภาพ ให้หมดภาวะพิษ ก่อนลำเลียงเข้าสู่ระบบดูดซึมอาหาร หากตับไม่สามารถชำระพิษต่างๆ ให้หมดจดได้ สารพิษเหล่านั้น ก็จะเคลื่อนสู่ระบบดูดซับสารอาหาร ซึ่งตับจะจ่ายสารฟอกพิษ ไปให้ลำไส้เล็กหลั่งออกมาชำระพิษ

    เพื่อไม่ให้พิษร้ายเหล่านั้น ถูกดูดซึมจ่ายเข้าไปในกระแสโลหิต หรือให้เหลือน้อยลง ในส่วนของพิษที่หลงเหลืออยู่ จะถูกส่งต่อไปชำระในไต และตกค้างสะสมอยุ่ในไต โดยค่อยๆ ทวีปริมาณขึ้น จนถึงระดับไตวาย

    เซลตับ เป็นเซลที่ละเอียดอ่อน และต้องทำงานหนักยิ่งกว่าเซลอื่นใดทั้งหมด อีกทั้งต้องคลุกเคล้ากับสารพิษตลอดเวลา เราจึงควรผ่อนบรรเทาภาระให้แก่ตับของเราบ้าง

    [​IMG]
     
  13. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    สิ่งที่คุณเอามาให้อ่านนั้นก็เป็นการดีนะครับ ผมอ่านจนจบหมดนะ เลยเกิดความกลัวเลย แต่พอดีนึกขึ้นมาได้ว่า เคยถามเภสัชกรที่เป็นเพื่อนกับแฟนของผม เรื่องการกินยาแล้วมีผลกับตับหรือไต เค้าบอกว่า ถ้าไม่กินเยอะมาก กินต่อเนื่องเป็น 10 ปี ก็ไม่ค่อยมีผลหรอก ผงชูรสนั้น น่ากลัวกว่าเยอะ ที่ผมได้ถามเพราะช่วงนั้นกินยาวันละ 5-6เม็ดต่อวัีนกินเกือบเดือน เลยนึกกลัว เค้ายังบอกว่าถ้ากินแค่นั้นไม่เป็นไรหรอก
    ที่พูดมานี่ไม่ได้มีเจตนาอะไรมาก แต่ที่ได้พูดได้พิมพ์เพราะตัวเองอ่านแล้วรู้สึกกลัวเกินความเป็นจริงไปซักหน่อย กลัวผู้อ่านคนอื่นจะเป็นอย่างตัวเองบ้าง
    เจริญในธรรมกันนะครับ
     
  14. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    เว็บสุขภาพ,ดูแลสุขภาพ-รวมข้อมูลสมุนไพรรักษาโรค,อาการโรคภัย,โรคเบาหวาน,ความดันโลหิตสูง,ยาแก้อักเสบ,การใช้ยารักษาโรคต่างๆ - ตับวายเฉียบพลันจากยาพาราเซตามอล

    [​IMG]

    ตับวายเฉียบพลันจากยาพาราเซตามอล

    เมื่อเร็วๆ นี้ BBC News รายงานว่า มีชาวอังกฤษเสียชีวิตด้วยโรคตับวาย เนื่องจากรับประทานยาพาราเซตามอลเกินขนาดประมาณ 200 คนต่อปี และในช่วง 20 ปีที่ผ่านมานี้ ผู้ป่วยที่มีประวัติว่า รับประทานยาพาราเซตามอลเกินขนาดนั้น ต้องได้รับการเปลี่ยนถ่ายตับ

    นักวิทยาศาสตร์พบว่า ผู้ป่วยที่รับประทานยาพาราเซตามอลเกินขนาด จะทำให้ตับได้รับความเสียหาย โดยดูจากระดับของโปรตีนที่ชื่อว่า Cyclophilin A จะมีปริมาณสูงมากขึ้นในปัสสาวะของผู้ป่วย ซึ่งการวัดระดับของโปรตีนนี้ จะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้เร็วขึ้นว่า ผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการเกิดตับวายมากน้อยเพียงใด

    และยังทำให้มีเวลาสำหรับจัดหาตับจากผู้บริจาคที่เหมาะสม มาเตรียมไว้เพื่อทำการเปลี่ยนถ่ายตับอีกด้วย เพราะเวลาเพียงวันหรือสองวัน ก็มีค่ากับผู้ป่วยโรคตับวายเป็นอย่างมาก
    ผู้ป่วยตับวายเฉียบพลัน ที่มีสาเหตุจากการรับประทานยาพาราเซตามอลเกินขนาดนั้น มักจะเสียชีวิต เนื่องจากมาโรงพยาบาลเมื่ออยู่ในภาวะวิกฤตแล้ว

    นักวิทยาศาสตร์หวังว่า การค้นพบครั้งนี้ จะช่วยลดปัญหาเรื่องตับวาย และช่วยป้องกันการเสียชีวิตจากตับวาย ซึ่งมีสาเหตุมาจากการรับประทานยาพาราเซตามอลเกินขนาดด้วย
     
  15. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
  16. หนีนรก

    หนีนรก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +666
    ขอบคุณค่ะ จะหาโอกาสลองทำดู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 สิงหาคม 2012
  17. MarkZilla

    MarkZilla เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +191
    ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ผมเคยทำการล้างพิษจากตับและถุงน้ำดีกับ หมอณา ซึ่งเข้าใจว่าสูตรใกล้เคียงกัน หลังจากทำเสร็จครบตามที่กำหนด ชีวิตที่เคยเจ็บป่วยจากอาการข้างเคียงจากโรคประจำตัว (เบาหวาน)เช่น ปวดหัวตัวร้อน เป็นไข้แบบเป็นๆหายๆ ตอนนี้เหมือนหน้ามือเป็นหลังมือ น้ำหนักลดจาก 82 kg เหลือ 74 kg น้ำตาลในเลือดซึ่งไม่เคยต่ำกว่า 200-300 หรือมากกว่า ทุกวันนี้กลายเป็นว่า ระดับน้ำตาลลดลงอยู่ในสภาวะควบคุมได้ (ประมาณ 110-150) สุขภาพโดยองก์รวม ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ที่หนักใจคือเสื้อผ้าโดยเฉพาะกางเกงน่าจะต้องเปลี่ยนใหม่ครับ เอวหายไป ตั้ง 3 นิ้วแล้วผมจะไปแจ้งความที่ไหน ใครช่วยบอกผมทีครับ
     
  18. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    เป็นคนโชคดี ที่ไหวตัวทัน เลยได้สุขภาพดีกลับมา หลังรีบูทเครื่องใหม่
     
  19. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เตือนวัยรุ่น กิน “อาหารเสริม” เสี่ยงไอคิวต่ำ ตับไตพัง</TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>7 สิงหาคม 2555 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    [​IMG]

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9550000096707http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9550000096707


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ห่วง วัยรุ่นกลัวไม่ผอม ไม่สวย หันมากินอาหารเสริมแทนข้าว

    ชี้ เสี่ยงเป็นโรคขาดสารอาหาร และได้รับสารเคมีเกิน ทำตับไตพัง ไอคิวต่ำลง สมองไม่แล่น ป่วยง่าย

    ย้ำ ไม่มีอาหารเสริมชนิดใด ที่กินแล้วร่างกายจะได้รับสารอาหารครบถ้วนทั้ง 5หมู่

    แนะ ออกกำลังกาย กินผักและผลไม้

    นายสง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและที่ปรึกษาสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้กระแสของวัยรุ่นทั้งชายและหญิงในปัจจุบัน ใช้ชีวิตอย่างน่าเป็นห่วง

    โดยเฉพาะวัยรุ่นที่อยากมีรูปร่างผอมเพรียวเหมือนนางแบบตามกระแสแฟชั่น หรืออยากมีผิวขาวสวย ตาหวาน มักจะนิยมกินอาหารเสริมต่างๆ ทั้งชนิดเม็ด แคปซูล หรือชงดื่ม

    เช่น ผงบุก วิตามินต่างๆ ซึ่งมีราคาถูก หาซื้อได้ง่ายทางอินเทอร์เน็ต และตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ส่วนใหญ่นิยมกินแทนกินอาหารหลัก

    เพราะอาหารประเภทนี้ กินแล้วจะทำให้อิ่ม ไม่หิวง่าย ทำให้น้ำหนักลด บางรายการอาจมีการโฆษณาเสริมวิตามินหรือสารอาหารอื่นๆ เข้าไปด้วย

    ทำให้เข้าใจ หลงเชื่อว่ามีสารอาหารครบถ้วน และยังมีสรรพคุณป้องกันโรคมะเร็ง หรือสร้างภูมิต้านทานโรคด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจเกิดอันตรายต่อร่างกายได้

    นายสง่า กล่าวว่า วัยรุ่น วัยเรียนเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต จำเป็นต้องได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนและเพียงพอ การหันไปกินอาหารเสริมต่างๆ เพื่อให้อิ่มจะได้ไม่ต้องกินอาหารหลัก หวังลดน้ำหนัก ให้รูปร่างผอมเพรียวนั้น เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารบางตัว ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน

    มีโอกาสที่จะเป็นโรคขาดสารอาหาร ซึ่งโรคนี้เคยเป็นปัญหาในกลุ่มเด็กเล็กในอดีต และพบได้น้อยลงแล้วในปัจจุบัน โรคอาจหวนกลับมาเป็นปัญหาใหม่ของกลุ่มวัยรุ่นไทยก็ได้ จากการกินอาหารเสริมแทนอาหารมื้อหลัก ซึ่งจะส่งผลให้มีร่างกายอ่อนแอ ป่วยง่าย เพราะมีภูมิต้านทานโรคต่ำ

    มีอาการเซื่องซึม ไม่กระตือรือร้น เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง เพราะการกินอาหารเสริมนั้น ไม่สามารถไปทดแทนอาหารหลัก เช่น ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว ได้
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    “วัยเรียน เป็นวัยที่จำเป็นต้องได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ หากกินแต่อาหารเสริมแทนอาหารหลัก จะมีผลต่อเซลล์สมอง จะได้รับสารอาหารไม่เต็มที่ การเจริญเติบโตของเซลล์สมองไม่เป็นไปตามปกติ

    ส่งผลให้การเรียนรู้และสติปัญญาด้อยกว่าที่ควรจะเป็น ไอคิวต่ำลง มีผลต่อการเรียนหนังสือและความจำด้วย


    เพราะฉะนั้น การกินอาหารเสริมไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ไม่สามารถช่วยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีอาหารเสริมเม็ดใด ขวดใด แคปซูลใด ที่กินแล้วร่างกายจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนทั้ง 5หมู่ คือมี โปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต อย่างครบถ้วน” ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ล่าว

    นายสง่า กล่าวอีกว่า สำหรับอาหารเสริมประเภทที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ผงบุก วิตามินสารสกัดจากตะบองเพชร ที่มีการโฆษณาว่าไม่เป็นอันตรายนั้น ในแง่ของโภชนาการ ก็ไม่สามารถทดแทนอาหารหลักได้เช่นกัน

    และหากเป็นอาหารเสริมที่ทำมาจากสารเคมี หรือสังเคราะห์จากสารเคมียิ่งมีอันตราย เพราะหากกินเป็นจำนวนมาก กินติดต่อกันเป็นเวลานาน จะมีโอกาสเสี่ยงที่ร่างกายจะได้รับสารเคมีเกิน จะทำให้ตับและไตทำงานหนัก อาจทำให้เกิดตับวายและไตวายได้ในที่สุด

    เช่น สารแอลคาร์นิทีน (L-carnitine) ที่อยู่ในอาหารเสริมลดน้ำหนัก หากกินมากๆ อาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ ซึ่งข้อเท็จจริงสารอาหารชนิดนี้ มีอยู่ในอาหารตามธรรมชาติ เช่น สัตว์เนื้อแดงชนิดต่างๆ ปลา หรือผัก ผลไม้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งจากอาหารเสริมซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ มีราคาแพงและเปล่าประโยชน์

    "จึงขอฝากเตือนวัยรุ่น ที่นิยมกินอาหารเสริม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม หากกินไปแล้วเพราะความหลงเชื่อโฆษณา ก็ควรลด และควรเลิกกินอย่างเด็ดขาด ขอให้หันมากินอาหารหลักให้ครบทั้ง 5หมู่

    และเพิ่มการออกกำลังกาย กินผักผลไม้สดให้ได้วันละครึ่งกิโลกรัม นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

    เพียงเท่านี้ ความต้องการที่จะมีหุ่นสวย ตาใส ร่างกายแข็งแรง สมส่วน มีสมองที่ปราดเปรียว พร้อมในการเรียนหนังสือ จะมีตามที่ต้องการ และยังไม่เสี่ยงเป็นโรคขาดสารอาหารอีกด้วย" ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ กล่าว


    [​IMG]
     
  20. MonkeyAstro

    MonkeyAstro เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +202
    จะลองเอาไปทำดูครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...