คิดยังไง

คิดยังไงกับคำพูดที่ว่า
แค่ปรารถนาเป็นพุทธเจ้า ก็ขึ้นชื่อเป็นพระโพธิสัตว์แล้ว

 

มีผู้หญิงพูดว่า

อิอิ
ระดับบารมี น่ะ ไม่ได้ดูที่เพศหรอกนะเจ้าค่ะ
เพราะพ้นจากสภาวะเพศ
ไม่สร้างครอบครัว เพราะเรื่องเพศเป็นเหตุ
นี่ เป็นเพศพรหมาจรรย์ ของพระโพธิสัตว์ ของแท้

บารมีที่สามารถ กำหนดเพศเองได้ ว่าเพศไหนที่เหมาะสม ในการทำภาระกิจ
นี้ เป็นพระโพธิสัตว์ของแท้

บารมี ที่ สละชีวิต ยอมตาย ทุกบารมี ทั้งสิบ บารมี จึงเป็นปรมัตถ์บารมี ของแท้
เป็นปรมัตถ์บารมี ของพระโพธิสัตว์

โยคี ฤาษี ผู้ปฎิบัติทั่วไป ใครๆ ก็ทำบารมี ได้ สะสมบารมีได้
แต่ เรื่องการสละชีวิต ตายจริงๆ ( ตายจริงๆ) และก็เน้น ว่า ตายจริงๆๆ
จึงเรียกว่า พระโพธิสัตว์ ของแท้เจ้าค่ะ
จะตรวจสอบ ปรมัตถ์ บารมี ตายจริงๆๆ ได้ ตามเวปทั่วไปเจ้าค่ะ

และอย่างหนู ก็ไม่มีใครมารับขี้นไปหรอกเจ้าค่ะ
เหล่าเทพบุตร ทำได้อย่างมาก คือ มากราบขอให้แสดงธรรม เท่านั้น
อิอิ
และใครว่าหนูไส่ผ้าขาวเสื้อขาว
ที่ห่อหุ้มขาวๆๆ นั่นมันเรียกว่ากรรมขาว ไม่ไช่อาภรณ์หรอกนะเจ้าค่ะ

 

เขาบอกว่าเหล่าเทพบุตรต้องมากราบไหว้เขาซึ่งเป็นสตรี ...- -"

 

อิอิ
พระโพธิสัตว์แท้
ไม่ต้องอาศัยนางแก้วมาช่วยทำบารมีหรอกเจ้าค่ะ
ไม่ต้องใช้นางแก้ว บำเรอหรอกเจ้าค่ะ
เพราะสรรพสัตว์ทั้งปวง เป็นบารมีแห่งพระโพธิสัตว์ได้
มีเป็น อนันต์ มากกว่า เจ้าค่า

 

อิอิ
ผิวสีน้ำนม เกิดจากกรรมขาว ส่งผลขาว ไม่ต้องไปฉีดหรอกเจ้าค่ะ
แสงออร่า หลากสี ที่เกิด ไม่ใช่ เพราะเครื่องสำองค์ แต่เป็นแสงธรรม เจ้าค่ะ
กลื่นจักแร้กลิ่นกาย ก็หอมกว่าบรรดาเถรี โดยไม่ต้องใช้ ดีโอ
เพราะ หอมด้วยกลิ่นศีล
คุณพี่อยากดม ใช่มั๊ยล่ะเจ้าค่ะ

"ที่บอกว่าแค่ปรารถนาก็เป็นแล้วอย่างมาพูดดีกว่า แสดงให้เห็นแล้วว่าเธอปัญญามีน้อย
ผมไม่อยากพูดมากนะ ไม่อยากแฉความลับใคร"

อิอิ
ใครพูดเหรอ ว่าแค่ปราถนาพุทธภูมิ แล้วจะได้เป็นพุทธภูมิ เป็นพระโพธิสัตว์
อิอิ
หนูพูดว่าแบบนั้น คิดเอง เออเอง เจ้าค่า
อิอิ

 

เขาบอกว่าแม้แต่กลินจักแร้ของเขาก็ยังหอม ท้าให้ไปดม
แล้วเขาก็เรียก ท่าน ปา เดน โดร เจน ว่า ป๋าเดน

- -"

 

ปล่อยเขาไป กรรมของเขา
ทุกคนที่ตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า แล้วเริ่มสะสมบารมีแล้ว ก็เรียกว่าเป็นพระโพธิสัตว์กันแล้วทั้งนั้น ก็เริ่มตั้งแต่พระโพธิสัตว์บารมีอ่อน ซึ่งก็ไม่ได้ต่างจากคนธรรมดา แค่มีความตั้งใจช่วยผู้อื่นเท่านั้นเอง

และในระหว่างทาง ก็ลาพุทธภูมิไปเพียบ และด้วยความที่บารมียังอ่อน ก็ลงอบายไปเพียบเหมือนกัน

ดังนั้น ใครจะเป็นอะไร ก็ช่างเขาเถอะ เรื่องของเขา เรื่องของสมมติ ชื่อเรียกทั้งนั้น กายสังขารที่มันเป็นธาตุ เป็นปฏิกูลทั้งนั้น รักษาใจของเราอย่างเดียวพอแล้ว

 

อิอิ อนุโมทนานะครับ แต่ผมกดไม่เห็นด้วยเพราะอยากรู้ว่าคุณจะโมโหหรือเปล่า อิอิ
ขอบคุณมากนะครับ

 

อิิอิ........ บอกได้ 4 คำ อะ นะ
.........ตัว ใคร ตัว มัน........... คร๊าบกระผมdencee

 

แล้วถ้ามีคนปราถนาจะเป็นคนรวยแล้ว เขาจะเรียกท่านเศรษฐี หรือเปล่าละครับ ในเมื่อเป็นยาจกอยู่ ไปบอกใครๆว่าสักวันฉันจะรวย แต่ไม่ทำนั่งพูดอย่างเดียว ถ้าไม่ทำใครๆก็ปราถนาได้ สำคัญปราถนาแล้วต้องทำ ไม่ใช่แค่พูด.. ยังมีอีกเยอะครับ ไม่ใช่เอามาบอกกันเล่นๆครับ

 

พระโพธิสัตว์ คือ โปรดสัตว์โลกที่ยังอยู่ในกิเลสจะมากน้อยก็อยู่ที่มนุษย์ตนนั้น โปรดสัตว์เดรัจฉาน

พระพุทธเจ้า คือ ผู้เป็นศาสดาเอกของโลก สั่งสอนแนะนำให้ปฏิบัติพ้นกิเลสเข้าสู่นิพพาน พ้นจากการตกนรก

ต่างกันคือ โพธิสัตว์ ฝ่ายมหายาน พระพุทธเจ้า ฝ่ายเถรวาท

 

หลังๆ ผมไม่ค่อยโมโหใครแล้วครับ ยังมีเชื้ออยู่นะ แต่ปะทุไม่แรง
แล้วอีกอย่างนึง ถ้าจะลองใจคนอื่น ก็อย่าเฉลยสิครับ เฉลยแล้วเขาก็ไม่โมโหหรอก

 

อย่างนี้นะครับ

ทางมหายาน คือ ศาสนาพุทธในจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฯลฯ
จะคิดอย่างนี้ คือ ใครปรารถนา ก็ได้ขื่อพระโพธิสัตว์
มหายาน หมายถึง นาวาลำใหญ่ เพื่อรื้อถอนสัตว์โลก

ทางหีนยาน หรือเถรวาท ของเรา ศาสนาพุทธในประเทศไทย
จะสอนเพื่อความเป็นไป เพื่อให้พ้นทุกข์ เป็นพระอรหันต์

หีนะ แปลว่า แคบ
หีนยาน แปลว่า นาวาเพื่อให้พ้นทุกข์สำหรับแต่ละบุคคล

ตามพระไตรปิฎก จะนับพระโพธิสัตว์ที่ได้พุทธพยากรณ์แล้ว


ก็ไม่มีถูกผิดหรอก
เป็นนักเรียน เรียนเพื่ออะไร
เรียนจบเป็นครู เพื่ออะไร

ความดี ความบริสุทธิ์ จะพูดเอง เออเองก็ไม่ได้

 

พุทธภูมิต้องเรียนรู้ทั้งหมด ตราบใดที่นรกทุกขุมไม่เคยลงไปเรียนรู้ เพื่อจะมาสั่งสอน เหล่าสาวก ยากที่จะเป็นได้ อย่าคิดว่าเป็นง่ายง่าย ต้องผ่านด่านทดสอบอีกเยอะ สาธุ...............

 

ตัวเองดีแค่ใหนกันนะเล่นดูถูกหมดทุกคน
ดูถูกเทพบุตร
ดูถูกท่านปาเดนโดรเจน
ดูถูกพระโพธิสัตว์
ดูถูกคนในเว็ป
ดูถูกพระอินทร์
ดูถูกนางแก้ว
ดูถูกริว
ดุถูกนางฟ้า
เล่นอวตารมาสรรเสริญตัวเอง
นี้เล่นดูถูกหมดทุกชั้นฟ้าเลย

รับไม่ได้คือ ดูถูกท่านปาเจนโดรเจน ว่าปัญญาอ่อน - -"
เขาบอกว่าเขาสามารถแปล่งรัศมีเป็นสีอะไรก็ได้ แล้วก็ถ่ายรูปล่องแคมเขาให้ผมดูด้วยอ่ะ
ทั้งๆที่ผมไมได้ขอ

 

=====
ถ้าหากแค่คิดแต่ยังไม่ได้ลงมือทำ คือยังไม่ถึงพร้อมด้วย กาย วาจา ใจ แล้ว
ก็ยังไม่ได้ขึ้นชื่อว่าพระโพธิสัตว์ แค่คิดหรือเรียกว่าแค่จะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ครับ
ดังนั้น ความเป็นพระโพธิสัตว์ จึงขึ้นอยู่กับการปฏิบัติ ทั้งทางกายก็ดี วาจาก็ดี ใจก็ดี ให้ถึงพร้อมและมุ่งหน้าตรงไปอย่างไม่ย้อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ย่อมถึงยังที่หมายจุดหมายครับ การสั่งสมหากมีกำลังมากน้อยก็ขึ้นกับการสร้างบารมี สั่งสมไว้มากน้อยไม่เท่ากันครับ และก็ไม่แปลกที่พระโพธิสัตว์ บ้างก็ขึ้นสวรรค์ บ้างก็อยู่ในนรกก็มี ก็ให้ใช้ปัญญาพิจารณาด้วยเหตุผลก็จะพบคำตอบที่น่าพึงพอใจครับ ว่าเราควรเลือกทางเดินอย่างไรครับ สาธุ

 

ผมมีความเห็นว่า
ใครจะว่า อย่างไร ก็ชั่งเขา ใครจะคิด จะพูด จะทำอะไร ก็ชั่งเขา ดีกว่าครับ
เราควร พิจารณา ตัวเองดีกว่า ควรหมั่น ตรวจสอบ การกระทำของตนเอง ให้ดี
เพื่อการไม่พลาด ผิด ไป ด้วยกาย วาจา และใจ จะดีกว่าครับ เราหมั่น พิจารณา
ระวัง เหตุ แห่ง กาย วาจา และใจ เพื่อพึง สำรวม ไม่ให้ ผิดจาก ความเป็นดี ที่กระทำ
ดีกว่าครับ ใครจะทำอะไร คิดอะไรก็ชั่งเขาดีกว่า พีงระวัง สำรวม แต่เราเองดีกว่านะครับ
การ ส่งใจ ออกไป คิดโน่น คิดนี่ คนนั้น ทำอย่างนั้น คนนี้ทำอย่างนี้ ผมว่ามันไม่มีประโยชน์
ใครจะดี จะเลว ก็เรื่อง ของเขา ขอเพียง ระวังตัวเองเท่านั้น ก็พอ ครับ อันนี้ความเห็นผมนะ
ใครจะ ว่าอย่างไร ก็เชิญเลยครับ